ความคิดเห็นที่ 1 ช่วงทีพระท่านฉันเสร็จ มีคนมาจากไหนไม่รู้เยอะมาก บ้างมาถึงก็ตรงไปที่อาหารที่เรายกออกมาไว้โต๊ะข้างนอก หยิบจานมาตักอาหาร บ้างก็เอาของมาวางขาย แต่ทุกคนดูรู้จักกันหมด แสดงว่ามันเป็นเรื่องปกติสินะ มากินข้าวฟรีด้วย แล้วได้ขายของด้วย ดิฉันก็อุดหนุนขนมไทยมา 1 กล่อง เค็มมากกกก ดิฉันอยู่ช่วยเก็บข้าวของเล็กน้อย เพราะเราไม่รู้ว่าต้องทำอะไรแค่ไหน แต่ดูท่าทางคนอื่นแล้ว ไม่เห็นมีใครจะมาเก็บ กินแล้วก็นั่งคุยกัน แล้วก็ไป ระหว่างทางกลับบ้าน สามีก็เล่าให้ฟังว่า ไปคุยกับสามีของพี่คนไทยอีกคน เขาเล่าเรื่องวัดนี้ให้ฟัง พระที่บวชอยูนี้ก็เป็นคนไทยที่นี่ มาบวชแค่สามเดือน ส่วนอีกรูปก็จะสึกอีกเดือนข้างหน้า สรุปมีพระประจำวัดคือเจ้าอาวาสอยู่รูปเดียว ส่วนเจ้าอาวาสก็เป็นคนไทยที่เติบโตที่ประเทศนี้ จึงทำให้ดิฉันสงสัยว่า แล้วท่านรู้จักพิธีกรรมต่างๆได้อย่างไร เพราะท่านมาอยู่ที่นี่แต่เด็ก ดิฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ดูจากพิธีกรรมที่ผ่านมา มันไม่ใช่ และไม่ถูกต้อง หรือเรายึดติดมากไป มันอาจจะถูกปรับเปลี่ยน ให้เข้ากับสังคมที่นี่ก็ได้ จากคุณ : ZOMG เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 19:40:26

ความคิดเห็นที่ 2 ทุกวันนี้ ดิฉันยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่ เพราะเป็นคนชอบไปวัด ไปสวดมนต์ เพียงแค่เห็นองค์พระประธานก็อิ่มใจ หรือเราจะไปวัดไทย เพียงแค่เอาดอกไม้ธูปเทียนไปถวาย แต่ดิฉันอยู่ไกลวัดมาก ขับรถร้อยกว่ากิโล มีลูกเล็กงอแง จะไปทีก็ลำบาก ถามพี่คนไทยที่สนิทกัน พี่ๆเขาก็ว่า อย่าคิดมาก ถือว่าเราได้ไป และได้ทำ แต่ดิฉันว่า ถ้าไปแล้ว ความรู้สึกมันไม่ต่างอะไรกับการนำอาหารไปให้คนอื่นทาน แล้วจะไปทำไม พระท่านฉันเสร็จก็เดินกลับเข้าตึกไป ไม่มีการเทศน์ การสอนธรรมะ แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเผยแผ่ศาสนาได้อย่างไร ซ้ำร้าย ไม่กี่วันหลังจากนั้น น้าคนไทยที่รู้จัก นั่งเครื่องบินมาลงที่ Dussendorf เจอพระไทยสาม สี่รูป บนเครื่องบินลำเดียวกัน สั่งไวน์มาดื่ม และฉันมื้อดึก หนำซ้ำยังพกข้าวเหนียว เนื้อแดดเดียวมาฉันกันบนเครื่องอีกด้วย ดิฉันก็ไม่ทราบว่า พระเหล่านั้น อยู่วัดไหน แต่ฟังดูแล้วเหนื่อยใจ นึกถึงคำที่ว่าสังคมเสื่อม พวกคุณคิดว่าอย่างไรกันบ้างคะ ดิฉันคงไม่ไปอีกแล้ว รอไปเมืองไทย ไปทำบุญที่เมืองไทย กับวัดที่เรามั่นใจว่าเคร่ง หรือไปทำบุญกับเด็กกำพร้า เด็กพิการ ดิฉันว่าคงดีกว่า จากคุณ : ZOMG เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 19:50:17

ความคิดเห็นที่ 3 เคยไปวัดในเมืองที่อยู่สองครั้ง ไปครั้งแรก สีกานุ่งสั้น สายเดี่ยว ก้มๆเงยๆ หน้าพระ (คงเห็นถึงสะดือเลย) พระคุยเล่นด้วยมากมายเกินเหตุ เหมือนพระจะมาพักร้อน คิดว่าคงเป็นเฉพาะพี่คนนี้ คงไม่มีอะไรมั้ง เลยไปอีกรอบ เหมือนเดิมเลยค่ะ ตั้งแต่นั้นเลยสวดมนต์อยู่กับบ้าน   คิดว่าคงไม่ไปอีกแล้วเหมือนกัน อยากให้ศาสนาพุทธเจริญ งอกงามในทุกที่ แต่ไปเจอแบบนี้ก็ไม่ไหวค่ะ จากคุณ : แสนสบาย เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:09:19

ความคิดเห็นที่ 4 วัดไทยในต่างประเทศ มักจะเป็นแบบนี้ค่ะ สีกาที่ไปวัดก็ไม่สำรวมเหมือนสีกาในประเทศไทย (ตามต่างจังหวัด) เห็นแล้วก็กลุ้ม แต่พูดไม่ได้ จากคุณ : Montebello เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:49:03

ความคิดเห็นที่ 5 แนะให้ตั้งถามที่ห้องศาสนาด้วย น่าจะดีค่ะ เท่าที่ทราบ ถ้าทางสายวัดป่า พิธีกรรมการสวดอะไรก็แทบจะไม่มี คือตั้งจิตถวายแล้วก็คือเสร็จ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่ทราบเรื่องวัดที่คุณ จขกท ไปนั้นใช่ทางสายวัดป่าหรือเปล่า พระที่ปฏิบัติไม่งามวัดที่ไม่ดีก็มีจริงแต่อย่าเพิ่งแน่ใจเดี๋ยวจะบาปเอา เพราะงั้นเพื่อไม่ให้เกิดการปรามาสขึ้นให้บาปกันเปล่าๆ ลองไปถามผู้รู้จริงในห้องนั้นน่าจะดีค่ะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 20:58:28

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าไปทำแล้วไม่สบายใจ อย่าไปเลยดีกว่าค่ะ อยู่บ้านสวดมนต์แบบคุณแสนสบายดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็แบบที่คุณว่าทำบุญกับเด็กกำพร้า คนพิการ หรือสัตว์ที่โดนทิ้ง น่าจะสบายใจกว่าค่ะ แล้วเวลากลับเมืองไทยก็ค่อยไปวัด ทำบุญบำรุงพระศาสนาค่ะ จากคุณ : Can't forget you เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:02:48

ความคิดเห็นที่ 7   ดิฉันเคยไปมาสองวัดที่นี้ วัดแรกใหญ่โต แต่ไปทำบุญแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเนื่องจากพระไม่สำรวม แต่พิธีกรรมก็ครบค่ะ แต่วัดที่สองที่ไป ความรู้สึกเหมือนบ้านมากกว่าไม่ใช่วัด แต่พระสำรวมมากกว่า พิธีกรรมก็ครบอยู่เหมือนกัน แต่ดิฉันก็ไม่ค่อยได้ไป เพื่อนไปบ่อย จนสนิทกับพระ จนพระท่านมีบ่นอยากฉันของบ้าง แต่เราก็คิดว่ามันก็ไม่ดีที่พระบอกว่าอยากฉันนั้นฉันนี้ ถ้าเจ้าของกระทู้ไม่สบายใจในการทำบุญที่นี้ก็ไม่ต้องไปวัดค่ะ สวดมนต์ไหว้พระอยู่ที่บ้าน หรือบริจาคให้การกุศล ที่นี้ไม่มีกรมการศาสนาเหมือนเมืองไทย ยากที่จะควบคุมได้ จากคุณ : ToonyBerri เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:13:09

ความคิดเห็นที่ 8 ขอตอบเรื่องของชีพราหมณ์นะค่ะ เท่าที่เคยถือศีลแปดมา วัดที่เคยไปปฏิบัติ เราจะถวายภัตตหารก่อน  เสร็จเรียบร้อยจึงแยกเข้าห้องรับประทานอาหาร ในทางปฏิบัติของศาสนาพุทธเราจะเคารพคนที่ถือศีลมากกว่า เพราะฉะนั้นการไหว้ชีพราหมณ์จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะท่านเหล่านั้นถือศีลแปด ซึ่งคนปกติทั่วไปถือแค่ศิลห้าหรือไม่ถือศีลเลย เช่นเดียวกันถ้าลูกชายบวชเป็นพระ คนที่เป็นพ่อแม่ ก็ต้องไหว้ จากคุณ : น้องธรรมคุณ1 เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 21:46:26

ความคิดเห็นที่ 9   พระพุทธรูปหนึ่ง"องค์" พระ(ที่เป็นคน)หนึ่ง"รูป" นอกจากพระที่มีสมศักดิ์สูงเรียงเป็นองค์ จากคุณ : ตาน เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 22:04:01 A:94.225.25.10 X: TicketID:019698

ความคิดเห็นที่ 10 หลวงพ่อฤาษีสอนว่าการทำบุญทุกอย่างอยู่ที่ใจ พิธีการไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่คนทำ คนรับ และของที่ทำ อีกทั้งเวลาทำจิตเป็นอย่างไร  ท่านมักจะสอนว่าให้กล่าวคำอธิษฐานหรือถวายต่อพระพุทธเจ้าโดยตรง คนรับจะเป็นพระแท้หรือพระเทียมเราก็ได้บุญเท่าเดิม และไม่ทำให้มีนิวรณ์คือความลังเลสงสังและจิตเศร้าหมองตอนทำบุญด้วย พิธีการทำได้ก็ให้ทำให้ถูกต้อง แต่ถ้าทำไม่ได้แล้วเราก็จัดการที่ใจเรา การทำบุญมีหลายอย่าง หลักๆมีทาน ศีล ภาวนา ทานเป็นบุญขั้นต้น   ปกติดิฉันปฏิบัติธรรมตามแนวทางหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ท่านให้ปฏิบัติที่ใจ ปกติที่ไทยจะทำสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทานและชำระหนี้สงฆ์ทุกเดือน โดยมีมากทำมาก มีน้อยทำน้อย ตามกำลังใจ และไม่เบียดเบียนตนเอง  หลังจาเรียนจบกลับโคราชเลยอยู่ไกลจากวัดและจากที่ๆ พระท่านไปรับสังฆทาน ดิฉันก็จะโอนเงินให้เพื่อนที่กรุงเทพทำให้ ตอนนี้อยู่เมกาก็ให้เพื่อนที่ปฏิบัติแนวเดียวกันทำให้  นอกจากนี้แล้ววัดท่าซุงยังมีให้ทำบุญออนไลน์ได้ โอนเข้าบัญชีวัดและมีใบโมทนาบุญให้  ทำให้การทำบุญที่นี้ไม่มีปัญหา เพียงแต่ว่าไมได้ไปวัดเท่านั้น ดิฉันจะพยายามรักษาศีลห้าและกรรมบท10 อย่างเคร่งคัด แต่ไม่ได้แปลกแยกจากโลก นอกกจากนั้นก็ทำกรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่งใน กรรมฐาน 40 แล้วแต่อารมณ์จะสบายกับอะไร และฟังเทศน์ อ่านหนังสือธรรมะ ไหว้พระที่บ้าน ถวายน้ำหรืออาหารกับพระพุทธรูปตามเท่าทีทำได้ วัดแต่ละที่จะมีแนวทางการทำต่างกันแล้วแต่ว่าพระบางองค์ที่จำพรรษานั้นเป็นเป็นพระดีหรือพระลูกชาวบ้านเฉยๆ   ขอโมทนาบุญด้วยนะค่ะ ถ้าสนใจการปฏิบัติธรรมตามแนวหลวงพ่อฤาษีก็หลังไมค์มานะค่ะ เผื่อเราเคยเป็นญาติธรรมทำบุญร่วมกันแต่ปางก่อน จากคุณ : Cutie_May เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 22:05:39

ความคิดเห็นที่ 11   รายได้ของวัดอยู่ที่เงินทำบุญ คนเข้าวัดส่วนใหญ่เป็นหญิง เพราะหญิงมีเรื่องทุกข์ร้อน มีความกังวล แต่มีทางออกน้อยกว่าชาย หญิงจึงเข้าวัดมากกว่า ถ้าหลวงพี่ไม่ friendly กับสีกา สีกาก็ไม่มาวัดสิ แล้วหลวงพี่จะได้เงินทำบุญจากใคร เพราะวัดมีค่าใช้จ่าย ค่าเช่า ค่าน้ำ ไฟ ที่เหลือก็เป็นเรื่องส่วนตัวของหลวงพี่ ถามหน่อยมีวัดไทยที่ ตปท วัดไหน ที่มีการเคร่งครัด ตามหลักพุทธจริงๆบ้าง จากคุณ : ตาน เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 22:09:48 A:94.225.25.10 X: TicketID:019698

ความคิดเห็นที่ 12 ในเมืองไทยก็ไม่น้อยหน้าค่ะ เมื่อต้นปีไปเที่ยวบ้าน เห็นข่าวในทีวี / หนังสือพิมพ์ เรื่องมัวหมองศาสนาเเทบจะรายวัน พระปลอมเป็นฆารวาส ฆารวาสปลอมเป็นพระ พระปลอมบิณฑบาตบางรายมีลูกศิษย์วัด(ปลอม)เเท็กทีมเสียด้วย เอาเข้าไป ก็คงได้เเต่ทำใจ (เเละตามจับสึก) กันไป... จากคุณ : Jennifer Lowclass เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 22:48:58

ความคิดเห็นที่ 13 เราเคยไปวัดไทย แล้วเจอเรื่องทำให้ไม่สบายใจ เราก็เลยเลิกไปค่ะ เราถือศีลแปด พอหลังเที่ยงก็งดอาหารทุกชนิดแล้ว แต่พระที่วัดยังดื่มนมเย็น (นมที่เป็นสีชมพูใส่ในน้ำแข็ง) ทุกหัวค่ำเลย ทั้งๆ ที่ท่านไม่ได้อาพาธ คิดแล้วก็ได้แต่ปลง ศึกษาทำ ถือศีลอยู่บ้านดีกว่าเยอะ จากคุณ : ปัญหาร้อยแปด (Living Extreme) เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 22:49:45

ความคิดเห็นที่ 14 ...สักพักก็มีพระองค์หนึ่งเดินมาในครัว... ขอแก้ไข จากคำว่า "องค์" เป็นคำว่า "รูป" ค่ะ :) --------------------------------------------------- คิดเหมือนกันกับ จขกท. เลยค่ะ เห็นด้วยค่ะ ว่าถ้าไปแล้วไม่สบายใจก็ ไม่ควรไปดีกว่าค่ะ เราเข้าวัดไม่ได้ เพราะกลับมาแล้วจิตไม่สงบ เกรงว่าจะบาปกว่าเดิม^^' ทุกวันนี้เลยทำบุญด้วยการถือศีล5 และบริจาคสิ่งของ ให้ผู้ที่ต้องการดีกว่า การทำบุญมีหลายแบบ ลองดูว่าแบบไหนที่ทำแล้วสบายใจ ดีกว่าค่ะ :) จากคุณ : วฬายุ เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 23:01:26

ความคิดเห็นที่ 15 วัดไทยที่เราเคยไปนะคะ เหมือนกับเป็นเอเย่นจัดการเรื่องกรีนการ์ดให้ชายไทยเลยค่ะ ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะว่าเห็นสึกเกือบทุกรายหลังจากที่ได้กรีนการ์ด ทางวัดก็นำพระสงฆ์รูปใหม่ๆจากเมืองไทยมาแทนที่ พระรุ่นใหม่มาก็เจริญรอยตามเช่นเดียวกัน ไม่ได้ไปวัดซักปีหรือสองปี กลับไปอีกทีมีแต่พระหน้าใหม่ๆทั้งนั้น เราสนิทกับพี่ทิดคนนึง เลยได้รับรู้อะไรที่มันเป็นวงในโดยเฉพาะเรื่องพระกับสีกานี่ละ ฟังแล้วเอ๋อไปเลย เลิกไปวัดไทยนานแล้วค่ะ ศรัทธาที่เคยมีมันถดถอย คิดว่าศีลอยู่ที่ใจใช่ไปวัด จากคุณ : ตะเกงจี เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 23:25:38

ความคิดเห็นที่ 16 พึ่งเกิดกับตัวและครอบครัวเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา พากันไปวัดไทยชื่อดังแถววิมเบิลดั้นตั้งใจมากว่าจะไปถวายสังฆทานกัน 4 คนพ่อแม่ลูก ตั้งใจเลือกของที่จะถวายพระอย่างดีทุกชิ้น ทั้งของใช้ของฉันสำหรับพระ แม้บ้านเราจะอยู่ในลอนดอนแต่การเดินทางไปวัดบางครั้งก็ใช้เวลากว่า 2 ชม.เหมือนกัน และที่สำคัญดิฉันไปรถไฟต่อรถเมล์ ไม่ได้ไปรถส่วนตัว ของก็เยอะหลายอย่าง 4 คน4ถุง ไปถึุงวัดก็พบว่าเขากำลังมีงานเลี้ยงกัน ตั้งเต๊นท์ใหญ่โตด้านนอก มีทั้งคนไทย-ฝรั่ง คาดว่าคงมาทำบุญเหมือนกันและพระท่านคงฉันเพลไปแล้ว เพราะเราไปถึงช้าเกือบจะเที่ยง คนก็เยอะแยะมากมาย ทำให้ครอบครัวเราถึงกับเหวอไปเลย เดินเข้ากุฏิไปเจอพระรูปหนึ่งเดินถือถาดสวนออกมา กำลังจะอ้าปากนิมนต์ท่าน ท่านก็ตะโกนบอกคนที่มาเข้าคิวรอห้องน้ำด้านใน ให้ออกไปใช้ห้องน้ำข้างนอกกันบ้าง มายืนออขวางทางประตูกันทำไม มึนค่ะ ... ดิฉันเลยเดินเข้าไปด้านใน ชักลังเลล่ะ เพราะดูผู้คนวุ่นวายเหลือเกินไม่มีใครหยุดให้ถามอะไรได้เลย ต่างคนต่างเดินกันขวักไขว่ พอถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเขาก็ชี้ให้ไปรอทางโน๊น ... พอเจออีกคนก็บอกให้ไปทางนี้ ผลสุดท้ายเลยตัดสินใจเดินออกมาจากกุฏิ และท้ายที่สุดก็ต้องหอบของกลับบ้านมา้ด้วยทั้งหมด ด้วยความงง ตอนหลังมานึกเสียใจว่าน่าจะวางถุงของที่ตั้งใจเอาไปทำสังฆทานไว้ในกุฏิซะก็คงจะดี แม้ไม่มีพระมารับสังฆทาน ก็ถือว่าทำทานไปก็ยังได้ ไม่น่าถือกลับมาด้วยอีกเลย นั่งรถไฟกลับบ้านกันทุกคนก็เงียบกันหมดทั้งสามีและลูก ... รู้ว่าทุกคนผิดหวัง ตัวเองก็ผิดหวังเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร ... ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตกับครั้งหนึ่งกับวัดไทยในต่างแดน จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 23:48:58

ความคิดเห็นที่ 17 ตั้งแต่มาอยู่ต่างประเทศ ไปวัดไทยแค่ 2 หน ในปีแรกค่ะ รอบแรกไปดูเพราะอยากเห็น รอบที่สองไปเพราะปู่เสีย เลยไปทำบุญกรวดน้ำให้ ... ไม่ได้คลุกคลีกับวัดที่นี่มากเลยไม่รู้ สมัยก่อนบ้านอยู่ใกล้วัด โรงเรียนที่เรียนก็โรงเรียนวัด จึงเห็นอะไรต่อมิอะไรที่ไม่สำรวมเยอะ เคยเห็นสามเณรใส่ชุดธรรมดาใส่หมวก cap ไปดูหนังกับสีกาช่วง weekend เห็นมานั่งจีบสาวตอนเย็นๆในวัด แค่นี้ก็งงจะตายแล้วค่ะ เดี๋ยวนี้ไม่เข้าวัดแล้วค่ะ อยากทำบุญ (จริงๆแล้วไม่ชอบคิดว่าทำบุญ เพราะไม่หวังบุญ แต่อยากช่วยผู้อื่น)  ก็ไปทำให้กับผู้ที่ลำบากจริงๆ หรือน้องหมาน้องแมวที่กำลังต้องการความช่วยเหลือจะสบายใจกว่า... หากไปทำกับวัดแล้วไม่สบายใจอย่างนี้จะไปให้เมื่อยตุ้มทำไมล่ะคะ ... ขอโทษทีที่พูดตรงๆ แต่มีคนทำบุญกับวัดเยอะแล้ว เราขอเป็นคนหนึ่งที่ไม่ทำกับวัดแต่เอากำลังตรงนี้ไปให้ที่อื่นค่ะ กระจายๆไปบ้าง จากคุณ : หญิงป้า เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 23:49:18

ความคิดเห็นที่ 18 แย่จังนะคะ กำลังอยากให้ที่นี่มีวัดเหมือนกัน เพราะคิดว่าอย่างน้อย คนไทยที่กระจัดกระจายกันก็จะได้มีที่พี่งทางใจกันบ้าง แต่ถ้ามีแล้วปฏิบัติแบบนี้ ก็คงเสื่อมศรัทธา ... ปกติอยู่ไทยก็ไม่ค่อยเข้าวัดอยู่แล้วค่ะ เคยไปทำสังฆทาน เลือกวัดที่ว่ากันดารที่สุดละ แต่ดูเหมือนพระท่านจะหวังเงินใส่ซองมากกว่า สังฆทานอีกค่ะ เลยไม่ค่อยอยากไป .... พระกินอิ่มนอนหลับ มีเงินเก็บ ช่วยคนยากคนจน หรือคนไข้อนาถาตามโรงพยาบาลดีกว่า จากคุณ : ANGEL IN THE BLUE เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 52 23:52:02

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้ารู้สึกไม่สบายใจ   ก็อย่าพึ่งเข้าวัดเลยครับจะพาลให้เสียศรัทธาหรือบาปกรรมเข้าตัวเองเปล่าๆ เรื่องที่เจ้าของกระทู้เล่ามานี้   บอกตรงๆ มันไม่ใช่เรื่องสาหัสสากรรอะไร   อยู่ที่ใจคุณเสียมากกว่าที่ตั้งความใจเอาไว้สูง เช่น  >>>>สักพักก็มีพระองค์หนึ่งเดินมาในครัว มาคุยเล่นคุยหัวกับสีกาทั้งหลาย ถ้าไม่คิดอะไร ก็ดูเป็นว่าหลวงพี่อัธยาศรัยดี แต่คิดอีกที ดูไม่สำรวม แถมเดินเข้ามาตรวจดูอาหารว่า มีอะไรบ้าง ครัวก็ไม่ได้ใหญ่ อีกคืบเดียวก็จะเบียดสีกาแล้ว ไม่รู้จะเข้ามาดูกับข้าวทำไม   คุณอนาทรร้อนใจแทนพระไปเองหรือเปล่า?     พฤติกรรมที่คุณเห็นตรงนั้นท่านไม่ได้ก้าวล่วงพระวินัยบัญญัติอะไรเลย   คุณเก็บมาคิดเล็กคิดน้อยตรงนี้จะบาปกรรมเปล่าๆ ครับ       ลักษณะการคุยกับสีกาตามพระวินัยบัญญัตินั้นท่านห้ามไม่ให้พูดในที่ลับหู(คือเห็นแต่ไม่ได้ยินว่ากำลังพูดอะไรกัน)และที่ลับตา(ได้ยินว่าพูดอะไรกันแต่ไม่เห็น)   หากพระล่วงวินัยตรงนี้ก็ปรับอาบัติที่เรียกว่าทุกกฏเป็นอาบัติที่เบาที่สุดและปลงอาบัติกับพระภิกษุรูปอื่นได้   แต่พฤติกรรมของพระรูปนั้นที่คุณเล่ามา   ท่านไม่ได้ล่วงพระวินัยอะไรเลยครับ    อย่าไปเคืองท่าน ส่วนเรื่องที่ไม่ได้กล่าวถวายภัตตาหารนั้น   อันนี้มันขึ้นอยู่ที่ประเพณีที่ยึดถือของแต่ละวัดล่ะครับ     ท่าทางเหมือนว่าคุณจะมาจากอุดรธานีหรือไม่ก็อุบลราชธานี   ประเพณีทางอีสานเขาจะกล่าวถวายภัตตาหารเฉพาะช่วงวันพระ(กล่าวในทำนองว่า  อิมานิ  มะยังภันเต  ภัตตานิ...)  และเวลาปรกติคือถวายอาหารเช้าหรือเพลของคนอีสาน   ญาติโยมก็จะจัดสำรับข้าวแล้วยกประเคนถวายพระธรรมดาอย่างที่คุณเห็นในวัดต่างแดนนั่นแหละ  อย่าขุ่นใจมากครับ  จะบาปกรรมเปล่าๆ >>>>ดิฉันก็รอให้พระท่านสวด กรวดน้ำให้ แต่จนพวกเราทานข้าวกันเสร็จ ก็ไม่เห็นทำอะไร ผมรู้สึกว่าเจ้าของกระทู้มีอุปทานคิดมากไปหน่อยนะครับ   คุณบอกท่านฉันเสร็จแล้วท่านก็ให้พร   คุณน่าจะกรวดน้ำตอนให้พรนั่นแหละครับ  ไม่ต้องมารอให้พระท่านสวดกรวดน้ำให้ก็ได้   หรือหากนึกจะกรวดน้ำตอนไหนก็กรวดได้เลยครับ   ไม่ต้องมีพิธีรีตองให้พระท่านสวด จากคุณ : วัชรานนท์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 00:07:41

ความคิดเห็นที่ 20   เจอเคสเด็ดๆ ที่วัดในเมืองไทยเลยเลิกเข้าเหมือนกัน พระหว่านล้อมให้ผูกดวง เช่าบูชาวัตถุมงคล พยายามซักถามเรื่องส่วนตัวเหมือนอยากรู้ว่ามีฐานะระดับไหน พูดจาโอ้อวดใหญ่อวดโต ไม่ค่อยสำรวม อย่าให้บอกเลยว่าวัดอะไร จากคุณ : เสื่อมศรัทธา เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 00:14:52 A:210.86.216.43 X: TicketID:159141

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยค่ะ ถ้าไปแล้วไม่สบายใจกอย่าไปอีกเลยค่ะ ป้าก็ไม่ได้ไปวัดเป็นประจำ   ถือศีลปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดเวลา และทำบุญบริจาคให้ ร.ร.ลูก และ ส่งเสริมการศึกษาอื่นๆ ก็คิดว่าพอแล้ว   ที่เมืองที่ป้าอยู่มีวัดไทย 4 วัดค่ะ วัดใหญ่ที่สุดนั้น เขาเป็นศูนย์วัฒนธรรมไทยด้วย   มีงานแบบที่เมืองไทยเลย เย้วๆดี อีกวัดใกล้ๆนั้นเป็นวัดป่าค่ะ พระธรรมยุตินิกาย (ใช่ไหมคะ ป้าจำศัพท์ไม่ได้แล้ว) ท่านเคร่งมาก   บิณฑบาตยังไงก็ฉันท์ยังงั้น  คืออาหารรวม๐อยู่ในบาตทั้งหมดค่ะ เสียดาย อยู่ไกลบ้านป้ามาก วัดที่ 4 คือวัดธรรมโกยค่ะ   อยู่ใกล้บ้านมาก   เดินก็ถึง เขามาขอให้ป้าไปช่วยทำสวนให้เขาค่ะ ที่บ้านหมดที่ปลูกแล้วด้วย อยากรู้ด้วยแหละว่า อะไรกันนักหนา 7 ปีแล้วค่ะ   เห็นเต็มตา     เลยถือว่าไปขอที่สำปะทานทำสวน    ขอข้าวกินบ้าง   เป็นการแลกเปลี่ยนแรงงานค่ะ   เพราะปกติค่าจ้างคนมาทำสวนที่นี่แพงมากๆ นะคะ ก็เขาทำธุรกิจจับจองสวรรค์นี่   ป้าก็เลยถือเรื่องทำสวนเป็นธุรกิจไปเสีย  จบเรื่อง จากคุณ : ป้านี่เอง (ป้านี่เอง) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 00:23:13

ความคิดเห็นที่ 22 พระท่านก็คือชาวบ้านอย่างเราๆ ท่านๆ ทุกคน   ที่บวชเข้ามาเพื่ออบรมบ่มนิสัยถือศีล 227  และถือวัตรของสมณะอีกมากมาย   บางครั้งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ญาติโยมไม่พอใจแต่ท่านไม่ต้องอาบัติอะไร(เรียกว่า "โลกะวัชชะ")ก็รู้สึกสงสารท่านนะ   สงสารคนที่ตำหนิท่านด้วยแหละ ผมเข้าใจดีว่าหลายๆ ท่านอาจจะรู้สึกเคือง ขุ่นใจ  ขัดใจบ้างโดยเฉพาะวัดไทยในต่างแดน    แต่ก็ควรที่จะคิดทบทวนให้หลายชั้นว่ามันสมเหตุสมผลไหมที่จะเคืองท่านหรือเคืองสงฆ์ทั้งคณะด้วยเรื่องที่เล็กๆ น้อยๆ คุณเจ้าของกระทู้จะรอไปทำบุญที่วัดเมืองไทย..???    แล้วจะกลับเมืองไทยตอนไหนล่ะครับ?   ต้องเข้าใจว่าการทำบุญนั้น   หากจะทำจริงๆ ไม่ต้องรอกลับก็ได้หรอกครับ   การทำบุญไม่ได้อยู่ที่การไปวัดเพียงอย่างเดียว  ลองพิมพ์เข้าเข้าใน Google ด้วยคำว่า "บุญกิริยาวัตถุ10" ดู ปัญหาจริงๆ น่าจะอยู่ที่การเข้าใจและเรียนรู้พระพุทธศาสนาน่ะครับ    ผมไม่ได้กำลังประเมินหลายๆ ท่านในทีนี้ในทิศทางลบนะครับ   เพียงแต่อยากจะบอกว่า   หากไม่มีเวลาที่จะศึกษาพุทธศาสนาจริงๆ จังๆ    ก็ให้มองที่แก่นของพุทธศานาคือเรื่องของจิตใจ      หากรู้สึกเบิกบานในการกระทำใด  การคิด  และการพูดใดๆ แล้ว   นั่นแหละคือตัวบุญ    แต่หากยังรู้สึกขุ่นใจ  ขัดใจ  เคืองใจในการกระทำ  คิด และพูดแล้ว   ควรที่จะย้อนกลับมาถามตัวเองและสาวหาเหตุผลว่าทำไม?? ส่วนเรื่องการสึกขาลาเพศของพระที่มาเป็นพระธรรมทูตในต่างแดนหลังจากได้กรีนการ์ดแล้วนั้น     ลองมองในแง่ดีก็จะเห็นข้อดีมากมาย   ท่านสึกออกมาแล้ว   ท่านน่าจะเป็นคนดีในสังคมได้โดยไม่เคอะเขิน   อย่างน้อยๆ พระที่จะมาเป็นพระธรรมทูตนั้นท่านต้องบวชอย่างต่ำห้าพรรษาขึ้นไป   จบพุทธศาสนบัณฑิต    ผมเชื่อว่าท่านคงไม่เป็นคนที่เลวร้ายในสังคมเลย   ดีเสียอีกเราจะได้มีเพื่อนที่ผ่านการบวชเรียนเขียนอ่านมา     ท่านรู้ตัวท่านดีว่าท่านครองจีวรต่อไปไม่ได้   ท่านสึกออกมาก็ยังเป็นคนดีในสังคม    ขืนท่านบวชต่อไปขณะที่ใจมุ่งแต่ทางโลก  ทั้งเราทั้งท่านและทั้งสังคมด้วยจะสูญเสีย อยากพูด  อะไรอีกมากมายแต่คิดว่าคงยาว    เอาสั้นๆ ก่อนไปว่า   ถ้าไม่สบายใจก็อย่าไปวัดเลยครับ   อยู่บ้านเฉยๆ อาจจะได้บุญกว่าไปวัด   เพราะถ้าไปวัดมาแล้วขุ่นเคืองใจเช่นนี้ก็บาปกรรมเปล่าๆ จากคุณ : วัชรานนท์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 00:31:18

ความคิดเห็นที่ 23 กร๊ากกกกกกกกกก ไม่นึกว่าจะมีคนมาถามคำถามนี้ เดี๋ยวนี้ไปวัดไทยคือไปกินข้าวคะ ไม่ได้ไหว้หรอกพระสงฆ์องค์เจ้าอะไรเนี่ย แต่ไหว้พระพุืทธนะ มีนับรูปได้ที่น่านับถือ ดิฉันอยู่เบย์แอเรีย มีหลักๆ อยู่ 3 วัดแถวนี้ โดยเฉพาะวัดแถว berkeley  ขอเรียกว่า คนใส่ผ้าเหลืองพอ อย่าเรียกว่าพระเลย ปากจัดยังกับอะไรดี มีแซวสาวๆ ด้วย แล้วเวลาเห็นเด็กสาวๆ มาเรียนรำไทย นี่ตาลุกวาวสุดฤทธิ์ มองซะจนน่าเกลียด เท่านั้นไม่พอ ทุกๆปีจะมีครูมาประจำสอนพวกรำไทย ดนตรีไทยที่วัด บางปีก็ครูผู้หญิง บางปีก็ครูผู้ชาย แล้วก็จะมีครู Summer คือมาเป็นกลุ่ม ก็ปนกันชายหญิง ประทานโทษเถอะคะ พระนี่เล่นกับสีกา ยังกะแฟนฉันงั้นแหละ มีเล่นดึงสายประคตด้วยนะ สะกดไม่เป็น แล้วปกติแล้วเนี่ย พระที่ได้มาจำวัดอยู่ต่างประเทศจะได้ กรีนการ์ดเลย มาได้ไม่เท่าไหร่ ก็ได้เมียแล้วก็สึก ออกไปเปิดร้านวิดิโิอ กันให้ครึก หลายรูปมากๆ เหมือนคุณตะเกงจีว่านั่นแหละ คล้ายๆ เอเจ้นขอกรีนการ์ด เพราะมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ พระบางคน เจอนั่งกินไอศครีมด้วยตอนกลางวัน เราก็เอ๊ะ กินได้เหรอเนี่ย แต่ว่าพระดีๆใช่ว่าจะไม่มีนะคะ จะบอกว่า ทั้งเบย์นี่ก็นับถืออยู่รูปเดียว ท่านเจ้าอาวาสวัดพุทธานุสรณ์ จากคุณ : Scooterella เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 00:31:43

ความคิดเห็นที่ 24 โดยนิสัยส่วนตัวแล้ว ดิฉันเป็นคนไม่ชอบทำบุญที่วัดอยู่แล้ว  ยิ่งมาอยู่เมืองนอก ลืมไปได้เลยค่ะ ที่จะเห็นดิฉันในวัด (เข้าไปแล้วมันร้อนค่ะ อิอิ) เมืองที่ดิฉันอยู่ไม่ไกลจาก Amsterdam นัก  มีรุ่นพี่จะเอาราชรถมาเสย เอ๊ยมาเกยให้ไป ยังปฏิเสธเลย (ท่าจะบาปหนาหรือเปล่าเนี่ย ) วันหนึ่งได้มีโอกาสไปร่วมงาน ทำบุญประจำปีของร้านอาหารหนึ่งในเมืองที่ตัวเองอยู่ หลวงพี่จากวัดดังกล่าวก็มาเทศ ให้ศีลให้พรตามเรื่อง ท่านก็ทักว่า มีหน้าใหม่หลายคนนะเนี่ยที่อาตมาไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยไปที่วัดเลยใช่ไม๊เนี่ย  ดิฉันตอบว่า หนูก็ไม่เคยเห็นหลวงพี่มาก่อนเหมือนกันค่ะ (ก็ไม่เคยไปวัดจะเห็นได้ไงเนอะ งานบุญแบบนี้มีที่ไหน ก็เลี่ยงอ่ะ ยิ่งบอกมีของดีมาแจกนี่ยิ่งจะเลี่ยงใหญ่เลยนะ) เล่านอกเรื่องไป....เข้าเรื่องกับที่จขกท. กล่าวมา  ถ้าเป็นดิฉันเจอแบบนั้น ก็คงจะรู้สึกว่าไม่สำรวมเหมือนกัน แล้วถ้ารู้สึกไม่ดี จะหาวิธีทำบุญแบบอื่นค่ะ  เพราะโดยการทำบุญแล้ว ถ้าเราทำแล้วไม่สบายใจเราก็ไม่ได้บุญนะคะ  นั่งวิปัสสนา นั่งสมาธิ ก็เป็นวิธีทำบุญอย่างหนึ่งนะคะ เคยฟังพี่ที่เคยบวชชีพราหมณ์วัดทางตอนใต้ เล่าให้ฟังถึงพฤติกรรมบางคนที่ไปบวชชีพราหมณ์ ไปคุยกัน ไปนั่งนินทาคนนั้นคนนี้ อย่างนี้ไม่รู้การบวชชีครั้งนั้นจะได้บุญหรือเปล่า  ก็คงอยู่ที่ตัวผู้ปฏิบัติว่าเขาตั้งใจไปทำอะไร จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 00:33:01

ความคิดเห็นที่ 25 เข้ามาอ่านแล้ว  โดยเฉพาะความเห็นของคุณกุศโลบายฯ  ดิฉันอึ้งไปเล็กน้อยค่ะ นี่กำลังคิดว่าจะทำอาหารและไปถวายสังฆทานเดือนหน้า เพราะเป็นวันครบรอบวันตายของแม่  ก็คงจะไปวัดเดียวกับที่คุณกุศโลบายฯ ไปล่ะค่ะ อย่างนี้สงสัยต้องโทร.ไปถามพระท่านเสียก่อนแล้วว่า  จะไปทำสังฆทานต้องโทร.นัดวันกันล่วงหน้าหรือเปล่า  เสียเที่ยว เสียเวลาไม่เท่าไหร่  แต่เสียความตั้งใจที่จะทำบุญให้แม่นี่คงเสียใจมาก ส่วนเรื่องที่คุณจขกท. เล่าให้ฟ้งนั้น  ดิฉันออกความเห็นไม่ได้  เพราะไม่มีความรู้ทางศาสนาพุทธลึกซึ้งมากนัก จากคุณ : Amber n the Gang เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 00:55:54

ความคิดเห็นที่ 26 เปลี่ยนจากทำบุญเป็นทำทานดีไหมคะ  ให้พวกคนด้อยโอกาสทั้งหลาย  แบบนั้นน่าจะสบายใจกว่า จากคุณ : offita เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 01:49:57

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นด้วยกับคุณ Amber n the Gang ค่ะว่าถ้าจะไปวัดนนี้ควรจะโทรฯไปสอบถามก่อนเดินทางไป เนื่องด้วยวัดเป็นวัดใหญ่ ที่เป็นเสมือนศูนย์รวมของคนไทยส่วนมากในลอนดอน อาจจะมีงานบุญชนกันได้บางครั้ง  ดิฉันไปทำบุญที่วัดนี้ปีละครั้ง ไม่เคยโทรถาม ไม่เคยพลาด ได้ทำบุญดั่งใจ แต่ปีนี้อาจจะไม่ใช่โชคดีของเรา เอาไว้ไปใหม่คราวหน้าถ้ามีโอกาสค่ะ คุณ ZOMG คะ อย่ารอเลยค่ะเรื่องทำบุญ ทำที่ไหนก็เหมือนกัน เอาไว้ใจร่มๆแล้วค่อยคิดทำบุญกับพระสงฆ์ทางอื่น อาจจะส่งเงินไปทำบุญกับโรงพยาบาลสงฆ์ก็ได้นะคะ ไม่ต้องรอไปทำที่วัดกับพระโดยตรงก็ได้ค่ะ จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:03:43

ความคิดเห็นที่ 28 เคยไปวัดที่นี่มาหลายครั้ง ไปตั้งแต่สมัยยังไม่เปลี่ยนศาสนา มาครั้งแรกรู้สึกแปลกๆ เพราะวัดที่ไปก็คือบ้านนี่เอง เพียงแต่มีพระประธาน ดิฉันเป็นคนไม่ถือในเรื่องของพิธีกรรมอยู่แล้ว กลับรู้สึกชอบใจเสียอีกเพราะว่าที่วัดสงบ ร่มรื่น พระก็อัธยาศรัยดี มองๆไปมีฝรั่งมาเยอะเหมือนกัน คงตามภรรยาชาวไทยมา ดิฉันเห็นด้วยกับที่คุณวัชรานนท์เขียนนะคะ ถ้าไม่สบายใจก็อย่าไปวัดเลย บุญไม่จำเป็นต้องรอทำที่วัด ทำที่ไหนเมื่อไหร่เมื่อเราพร้อม สบายใจก็เมื่อนั้นค่ะ จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:29:44

ความคิดเห็นที่ 29 ไปทำกับข้าว ล้างจาน ดูดฝุ่น ล้างห้องน้ำมาไม่กี่ชั่วโมง มีคนมาตอบเยอะแยะเลย ประหลาดใจและดีใจจังค่ะ ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้าให้ความคิดเห็น เสนอความคิด และแก้ไขคำผิดด้วยนะคะ คุณแสนสบายคะ วันนั้นที่ดิฉันไป ทุกคนนุ่งขาวห่มขาวหมดเลย มีดิฉันเปลือกมังคุดไปซ้า เด่นซะไม่มี แต่งานวันสงกรานต์นี่ มีทุกแบบ แถมตังวงดื่มเหล้ากันอีกต่างหาก ในวัดนั่นล่ะค่ะ และก็เป็นผู้หญิงไทยล้วนๆ คุณMontebello เห็นแล้วถ้าบอก เรานี่ล่ะจะโดนด่าค่ะ คุณยุ้ยหัดเขียน คะ คิดเหมือนกันว่าจะไปตั้งห้องศาสนา แต่พอดีอยากรู้ถึงความคิดของคนที่อยุ่ต่างแดนน่ะค่ะ เพราะคงต้องเห็นและเจออะไรๆคล้ายๆกันบ้าง คุณCan't forget you คงไม่ไปแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้ามีคนชวนไป อาจจะไป อย่างน้อยก็ได้ไปไหว้พระประธาน จุดธูปสวดมนต์ สบายใจดีค่ะ คุณToonyBerri  พี่ที่รู้จักคนหนึ่งก็เล่าให้ฟังเหมือนกันค่ะ มีรีเควสอาหารด้วย อยากฉันนั่น ฉันนี่ พอบอกว่าทำไม่เป็น ก็บอกว่าปรุงอย่างไร แล้วให้ทำให้ฉันค่ะ คุณน้องธรรมคุณ1คะ พอดีชีพราหมณ์แถวบ้าน ทานอาหารก็พร้อมอุบาสก อุบาสิกานี่ล่ะค่ะ ก็เลยไม่ทราบว่าที่อื่นต่างกัน คุณตาน และคุณ วฬายุ ขอบคุณที่แก้คำผิดให้ค่ะ เขียนลักษณะนามว่า รูป มาตลอด เผลอนิดเดียว จำสับสนอีกแล้ว ดิฉันก็อยากทราบเหมือนกันล่ะค่ะ ว่ามีวัดไทยที่ไหนบ้างคะ ที่เคร่ง เพราะที่รู้จักก็มีอยู่แค่สองวัดนี้ นึกว่าจะมีวัดอื่น ที่พระสงฆ์ที่อุปสมบทในไทย แล้วกรมการศาสนา หรือใครนิมนต์มาให้อยู่ที่ ตปท. ถ้าเป็นอย่างนั้น อาจจะเคร่งกว่านี้ คุณตะเกงจี  ดิฉันไปวัดคราวนั้น กะว่าจะรับศีลห้า แต่ก็ไม่มีพิธีตรงนี้ ก็คิดเอาเหมือนกันค่ะ ว่าช่างเหอะ ปกติเราก็ถือศีลอยู่แล้ว ถึงมันจะขาดๆไปบ้างบางวัน ยิ่งมีลูกยิ่งขาดบ่อย เพราะโกหก แหะๆๆ โกหกลูกว่า ครูโทรมาบอกว่าให้กินข้าวเยอะๆ อะไรอย่างเงี้ยค่ะ ไม่ได้โกหกอะไรที่แย่ๆหรอกค่ะ จากคุณ : ZOMG เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:42:30

ความคิดเห็นที่ 30 คุณกุศโลบายจากความจริง คะ คือทำบุญเล็กๆน้อยๆ ดิฉันทำประจำค่ะ เพราะเกือบทุกวันจะมีคนเอาบุญมาให้ถึงหน้าบ้าน กดกริ่งตอนจะทานข้าวทุกที เปิดประตูมาก็เขย่ากระปุก บอกว่ามาจากมูลนิธินั้น นี้ ก็หยอดไปทุกครั้ง แต่ทำบุญที่ดิฉันจะรอคือทำบุญให้บรรพบุรุษ ทำบุญใหญ่ อะไรทำนองนี้น่ะค่ะ อยากนั่งฟังเทศน์ด้วยค่ะ คุณหญิงป้าคะ (เรียกแล้วเหมือนตัวเองเป็นหม่อมเลย) ช่วงนี้ก็ถ้ามีใครจะไปทำบุญเลี้ยงคนชรา เลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า ก็จะโอนเงินให้ค่ะ คุณANGEL IN THE BLUE คะ เพื่อนดิฉันอยุ่อีกประเทศ ไปวัดไทยมา แล้วหลวงพ่อแจกซองให้ บอกว่าญาติจะมาเที่ยว ตปท ต้องการปัจจัยเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อนอึ้งเลยค่ะ คุณวัชรานนท์  ถูกต้องทุกข้อค่ะ ดิฉันหวังสูงอย่างว่า และก็เป็นคนอุดรค่ะ แหะๆๆ วันนั้นที่กลับก็พยายามจะไม่ขุ่นใจค่ะ นึกเสมอว่า มาทำบุญนะ มาทำบุญ คุณScooterella เรื่องไปทานข้าวที่วัด ดิฉันคิดว่าคงไม่แปลก เพราะที่เมืองไทยก็มีคนที่บ้านอยู่ใกล้ๆวัด ทำแบบนี้เหมือนกัน กับข้าวมากมาย ไม่มีใครกินคงเหลือทิ้ง น่าเสียดายค่ะ คุณก๋าสะลองเงิน ตอนที่ดิฉันบอกเพื่อนว่าจะไปวัด มันหัวเราะกันใหญ่ ดิฉันห่างวัดไปนานมากกก แต่ถ้ากลับเมืองไทย จะตื่นใส่บาตรหน้าบ้านเสมอ ทันบ้างไม่ทันบ้าง แต่ไม่เคยบอกเพื่อน อาจเป็นเพราะดิฉันไม่ชอบอ่านหนังสือธรรมะ เวลาเพื่อนส่งมาให้ ก็จะบอกว่า อย่าส่งมาเลย ฉันจับก็รู้สึกร้อนแล้ว เพราะอ่านไป ก็ปฏิบัติไม่ได้ ที่บ้านแม่ มีหนังสือธรรมะตู้ใหญ่ทั้งตู้ ก็ไม่เคยคิดจะหยิบมาอ่านเลยค่ะ คุณเสื่อมศรัทธา มาทำให้อยากรู้ซะนี่ จากคุณ : ZOMG เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 02:59:30

ความคิดเห็นที่ 31 คุณป้านี่เอง  ดิฉันเคยอยู่ชมรมพุทธฯ ที่มหาวิทยาลัยค่ะ และจะพากันไปนั่งสมาธิที่วัดธรรมโกยทุกอาทิตย์ อยู่ได้เทอมเดียว เกรดตกค่ะ เพราะวันๆก็ต้องไปนั่งสมาธิที่ชมรม เสร็จแล้วก็ต้องเก็บกวาด เตรียมของขายใส่บาตรตอนเช้า เย็นก่อนวันใส่บาตรก็ต้องออกประกาศให้คนมาตักบาตรกันเยอะๆ กิจกรรมเยอะมากกก ดิฉันอยู่ไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าศรัทธา พี่ๆที่ชมรมก็เริ่มไม่ค่อยชอบขี้หน้า หลังนั่งสมาธิเสร็จ เหน็บเสวย ดิฉันเลยชวนเพื่อนออกไปเต้นแร็บแบบ พี่เจ เจตริน ที่หลังตึกชมรม โดนมองซะตาเขียว ไปประกาศให้คนใส่บาตร พี่ชมรมก็มีกลอนเพราะๆมาให้ประกาศ ดิฉันก็ร้องเป็นแร้บซะนี่ ก็แค่อยากจะเปลี่ยนภาพ ว่าเด็กชมรมพุทธ ทำไมต้องมีแต่ อาตี๋ อาหมวย แว่นตาหนาเตอะ พูดเบาๆ ช้าๆ  ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยได้ครองไมโครโฟนอีกเลย คุณวัชรานนท์ คะ กลับปีหน้าค่ะ แหะๆๆๆ ก็อย่างว่าล่ะค่ะ ตอนนี้ใครจะทำบุญอะไร ดิฉันก็ทำได้แต่โอนเงินไปร่วมทำบุญเอาค่ะ คุณAmber n the Gang  ไม่เป็นไร แค่อยากทราบว่า ถ้าเป็นคุณ คุณจะคิดอย่างไร คงจะอย่างที่คุณ วัชรานนท์ว่าล่ะค่ะ อย่าไปคิดมาก ดิฉันหวังมากไป คุณCutie_May ขอบคุณที่บอกนะคะ สบายใจขึ้นเลยค่ะ จากคุณ : ZOMG เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 03:12:14

ความคิดเห็นที่ 32 เราเป็นหนึ่งที่ได้บวชชีพราหมณ์อยู่ต่างแดน รอบนี้เป็นรอบที่สองแล้ว ในความรู้สึกที่เราได้ปฏิบัติธรรม รวมทั้งการนำอาหารไปเพล สิ่งที่เราเห็น ไม่เป็นเหมือน เจ้าขอกระทู้ พูดคุยแต่อย่าง ใด ในส่วนของพราหมณ์ ถือศีล แปด ค่ะ จึงไม่ผิดที่ จะมีการไหว้ ชีค่ะ เราไม่เคยรู้มาก่อน เราเป็นคนหนึ่งที่ ไหว้ป้าๆทักทาย ในชุดขาว แต่ว่าโดนแม่ชีอาวุโส ตักเตือนเรื่องนี้มาค่ะ ว่ารับไหว้ไม่ได้ เราถือศีล 8 ซึ่ง ความคิดเห็นเราเหมือน กระทู้ที่ 8 ค่ะ ในส่วนของ หลวง พี่ หรือ หลวงพ่อ เรายังไม่เคยเห็น ท่านเข้ามาวุ่นวาย หรือดูอาหาร ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น เราก็คงจะคิดเหมือนกัน นะ เนื่องจากว่า อาหารแต่ละมือ ก็แล้วแต่พวกเขาจะทำไปถวาย วัดที่นี่ มีพระ อยู่แค่ สามรูป ซึ่ง พระทั้ง สามรูป สำรวม มาก จน ครั้งแรก เราคิดว่า พระหยิ่ง  ยิ่งหลวงพี่ ที่อายุยังไม่แก่ เวลาที่คุย แทบไม่สบสายตา จะไม่ค่อยคุยกับคนรุ่นเดียวกัน เท่าไหร่ นอกจากพวกป้าๆ ที่วัดไม่มีรถค่ะ จึ่งต้องโทรหา ใครที่ว่างๆ ช่วยขับรถ ให้เวลาท่านๆติดธุระทางสงฆ์ แม้พวกป้า จะว่าง พระท่านก็ยังไม่ว่ายวาน นอกจากผู้ชาย เรารู้สึกว่า ท่าน ที่นี่ค่อนข้างเคร่ง และก็เราได้คำสอน จาก หลวงพ่อ หรือหลวงพี่ ที่ให้คำปรึกษา ที่ดี เราคิดว่าเราประทับใจวัด ที่นี่ค่ะ แม้ว่าจะเป็นวัดเล็กๆๆ ที่มีแค่หลังเดียว และก็สถานที่สำหรับจัดงาน  และเราคิดว่า เราจะทำบุญที่นี่ตลอดไปตราบที่เรายังอยุ่ ไม่ไกลจากวัดมาก จากคุณ : Hawaii_Havaii เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 03:12:48

ความคิดเห็นที่ 33 จขกท บอกว่า <ดิฉันจึงรู้พิธีกรรมเป็นอย่างดี> แต่คงลืมไปว่า พุทธศาสนาสอนให้เราปฎิบัติ ดีกว่าทำพิธี แล้วตามหลักของศาสนาพุทธ ทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์ ไม่เที่ยงแท้แน่นอน ย่อมมีการเ้ปลี่ยแปลง ถ้าเราไปยึดติด ก็จะมีทุกข์ ดังนั้น เขาจะมีพิธีการอย่างไร คนอื่นเขาจะทำอย่างไร ที่แตกต่างกันไป ก็เป็นของธรรมดา ถ้าเราไปยึดติด ก็ก่อให้เกิดความทุกข์อย่างน้อยคือความไม่พอใจ จขกท ไปทำบุญโดยการเอาอาหารไปถวายพระ ก็ได้ถวายได้บุญ แถมมีคนอื่นทานต่ออีกด้วย ก็คิดว่าเป็นการให้ทาน เรียกว่า ได้ทั้งบุญและทาน ก็่น่าจะดี พระบางรูปทำต้วไม่สำรวม ในเมืองไทยก็มีเหมือนกันนะ จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 03:44:54

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ ZOMG คะ กินข้าวที่วัดนี่ คือต้องเสียเงินคะ คือมีพวก ป้าๆ น้าๆ ทั้งหลายทำอาหารมาขายที่วัด ไม่ได้ทานข้าวก้นบาตร คะ จากคุณ : Scooterella เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 04:20:10

ความคิดเห็นที่ 35   อย่างไรก็ขออย่าให้เหมารวมวัดเลยครับ ไม่ว่าที่เมืองไทยหรือเมืองไหน ไม่ชอบพฤติกรรมก็ไม่ต้องไป พอไปได้ก็ไป ไม่สบายตาสบายใจก็ไม่ต้องเจอกันอีกเลย พระที่มาก็ไม่ใช่มากันง่ายๆท่านต้องมีเส้นมีสายเหมือนกัน พระดีๆวัดดีๆก็มี ไม่ใช่เห็นพระแล้วจะคิดติดลบไปหมด และทางกลับกัน จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 04:20:37 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114

ความคิดเห็นที่ 36 วัดไทยที่เราไปทำบุญที่นี่  พระท่านสำรวมดีนะ เราว่าถ้าไม่สบายใจก็อย่าไปมันจะทำให้ใจเราขุ่นมัว   เวลาเราไปวัดจะหงุดหงิดคนมาทำบุญมากกว่า ตอนช่วยวัดล้างจาน   แล้วคุณๆ ทั้งหลายชอบมาหย่อนให้เราล้างให้  และทำเป็นพูด "ได้บุญดีนะ  ล้างจานให้วัด"  จ้าาาา...ได้บุญตอนล้างของวัด ได้บาปก็ตอนเห็นจานคุณนี่แหละ แบบว่าถ้าจานใคร ปิ่นโตใครก็น่าจะทำกันเองเจ้าค่ะ  มาฝากล้างกันจัง จากคุณ : ตกตะกอน เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 04:56:58

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ชอบใจ ก็ไม่ไปต้่องไปทำบุญที่วัด แค่นั้นเอง ยังมีผู้มีจิตศรัธา ที่เขามีความสุขได้ไปวัด(ต่างแดน) ถึงได้มีคนไปที่วัดเยอะไงคะ นั่นคือ "ความสุข" ของเขา วัดต่างแดนเปรียบเสมือนสังคมไทย ลาว ที่คนไทยส่วนหนึ่ง (ส่วนมาก) เลือกไปวัด ไปทำบุญ ไปงานบุญ .. ไปสังคม... ไปคุยกับพระ... ไปสังสรรค์ จับกลุ่มนินทากัน.... ไปเืพื่อโชว์ตัว อวดสามี อวดลูกครึ่ง.. ไปเพระาเหงา เบื่อการจับเจ่าอยู่แต่ในบ้านกัน... และ ฯลฯ ..... วัดจึงเป็นศูนย์รวมของคนไทยส่วนมากส่วนหนึ่ง... มันก็ดี สำหรับคนส่วนมาก ที่เขาไม่มีอะไรทำวันๆอยู่แต่บ้าน โดยเฉาพประเทศที่สังคมนอกบ้านปิด... ไม่ได้เจอคนไทยหัวดำเลย... มันช่วยให้คนไทยส่วนหนึ่งรู้สึกดีกัชีวิตที่เป็นอยู่ขึ้นมาบ้าง.... แล้วแต่ว่าเขามีจุดประสงค์จะไปทำอะไรกันที่วัด ดิฉันเคยไปทำบุญ ที่วัีดต่างแดนไม่กี่ครั้ง... ถึงแม้ว่าเห็นอะไรที่ไม่ถูกตา... แต่ดิฉันจะทิ้งความรู้สึกนั้นไว้ที่วัด... ยังผู้มี "จิตศรัทธา" อีกมากมาย ที่เขาเลือกไปวัดด้วยความเต็มใจ ...ชนิดไปกันจนประจำ จนรู้จักกันดี... นั่นคือ "ความรู้สึกอบอุ่น" ในหมู่ผองเพื่อนที่คุ้นเคยกันดีแล้ว.... ไม่แปลกอะไร จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 05:54:48

ความคิดเห็นที่ 38 ทุกครั้งไปทำบุญที่วัด.... นำอาหารไปให้พระฉันท์เพล และ เมื่ออาหารที่เหลือจากพระ..... คนทำบุญกินกันหบังจากนั้น... และมีคนอื่นๆที่ไปวัดเพื่อกินอาหารอย่างเดียวก็มี... ก็เขาอยากกินอาหารไทย และเขาคงทำอาหารไทยไม่เป็น จึงต้องไปวัดเพื่ออาศัยกินอาหารของคนอื่น...... ก็ไม่เป็นไรนะ... อาหารมีแค่ไหน ก็แบ่งกันกิน จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 06:24:22

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเองจะไปเรียนต่อต่างประเทศอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว และตั้งใจไว้ว่าสิ่งแรกที่จะทำเมื่อไปถึงที่นั่นคือไปวัดไทยและทำบุญ แต่พอมาอ่านเจอกระทู้นี้เข้าชักลังเล ผมคิดว่าจะสวดมนต์ไหว้พระและทำบุญโดยการบริจาคปัจจัยต่างๆให้กับตู้รับแทนดีกว่า แต่ก็อย่างว่าแหละครับ บางทีเราก็เลือกพระที่จะทำบุญด้วยไม่ได้ บางรูปภายนอกอาจจะสำรวมแต่พอเข้ากุฏิไปแล้วอาจกลายเป็นอีกอย่างเลยก็ได้  โดยส่วนตัวผมว่าการทำบุญถ้าเรามีจิตใจที่ผ่องใสและเต็มใจทำทั้งตอน ก่อนทำ ขณะที่ทำ และภายหลังการทำ แค่นี้ก็ครบองค์ประกอบของการให้ทานที่เป็นกุศลอันยิ่งใหญ่แล้วล่ะครับ จากคุณ : Shoe_Shine เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 06:49:38

ความคิดเห็นที่ 40 ถ้าไปวัดแล้วไม่สบายใจ ก็สวดมนตร์ ถือศีล กินเจ อยู่ที่กับบ้านดีกว่าค่ะ ตอนสมัย chat ที่ yahoo ห้องคนไทย ดิฉันและเพื่อน ๆ ยังเคย chat กับหลวงพี่เลยค่ะ ตอนแรกพวกเราไม่ทราบว่าเป็นพระ พอท่านเปิด webcam ให้ดู ถึงกะอึ้งไปตาม ๆ กัน แถมยังเคยเจอะ พระ ด่า online กันใน yahoo อีกต่างหาก เฮ่อ..ไ้ด้แต่ปลงอนิจจัง จากคุณ : sa_bkk เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 08:26:29

ความคิดเห็นที่ 41   เราอยู่ออสฯ ไปทำบุญที่วัดป่าโพธิวัน เจ้าอาวาสเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง เป็นฝรั่ง พูดไทยชัดแจ๋วเลย ท่านสำรวมและเคร่งมาก ออร่าเปล่งประกาย ดูแล้วน่าเลื่อมใสศรัทธามาก หลังฉันเสร็จ แล้วพวกญาติโยมทานอาหารเสร็จแล้ว ท่านก็จะให้พร แล้วญาติโยมกรวดน้ำกัน หลังจากนั้นท่านจะเทศน์เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพราะมีฝรั่งและพวกศรีลังกาไป แจกซีดีธรรมะหลวงพ่อชา ไปทำบุญแล้วอิ่มเอิบใจดีมาก เสียแต่วัดอยู่ไกลมาก เราไปวันธรรมดานะ เพราะเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดราชการนี่คนเพียบจนไม่มีที่จอดรถ แฟนเราชอบมาก ยังชวนไปอีก เราว่าเราโชคดีนะ จากคุณ : ข้าวปั้น เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:25:50 A:139.168.35.147 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่ชอบไปวัดไทยต่างแดนค่ะ (อยู่ไทยก็ไม่ได้บ่อย แต่บ่อยกว่าอยู่อเมริกา) ไม่ได้สุงสิงกับคนหรือพระที่วัด จนได้เห็นพฤติกรรมเหมือนที่ท่านอื่นเล่าๆ มา บางเรื่องชวนขนหัวลุกดี แต่ที่แน่ๆ ที่ไม่ชอบเลยคือ ฆราวาสบางท่านชอบทำตัวเป็นสายสืบ ถามโน่นถามนี่ มายังไง เจอแฟนที่ไหนเหรอ คบกันกี่ปีแล้ว แต่งงานกี่ปีแล้ว มีลูกหรือยัง ทำไมยังไม่มีลูก สารพัดคำถาม ไม่มีสาระเอาซะเลย คือไปแล้วไม่มีความสุข ก็ไม่ไปมันซะเลย นอกจากมีงานวัด ก็ไปร่วมทำบุญบ้าง โดยเฉพาะไปซื้อของกิน หุหุ ทำบุญกับพ่อกับแม่ล่ะค่ะตอนนี้ ไม่ไปวัดก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีธรรมมะในจิตใจนี่นา จากคุณ : thaispicy เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:38:17

ความคิดเห็นที่ 43 ขำคุณ Thaispicy เห็นด้วยว่าไปวัดแล้วเหมือนโดน INS สอบสวน ฮี่ๆๆ จากคุณ : Scooterella เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 12:20:48

ความคิดเห็นที่ 44 ดิฉันไปวัดในเมืองไทยแล้วมันไม่ค่อยศรัทธาก็ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ ตั้งแต่กลับมาเยี่ยมบ้านไปวัดไทยแค่ครั้งเดียวเองค่ะไปฝากตัวเป็นศิษย์หลวงตาท่านหนึ่งในวัดทางเหนือ ท่านเป็นพระที่ดิฉันนับถือและศรัทธาที่สุดค่ะ พอกลับมากรุงเทพก็ไม่ได้เข้าวัดไหนเพราะเมื่อจิตไม่ศรัทธาก็กลัวจะได้บาปเสียมากกว่าบุญ อยู่บ้านดิฉันก็สวดมนต์ภาวนาเอาและทำบุญอย่างอื่นแทนการไปทำบุญที่วัด ถ้าเป็นวัดไทยละก็ วัดแถวบ้านดิฉันในอังกฤษพระท่านเคร่งมากๆเป็นวัดสายหลวงพ่อชา เป็นพระฝรั่งเสียทั้งหมดนานๆจะมีพระไทยมาสักรูป ไปทำบุญแล้วสบายใจดี พระที่นั่นสำรวมน่านับถือ ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเห็นไปยุ่งเกี่ยวเล่นหัวกับสีกาค่ะ   คุณ กุศโลบายจากความจริง  ถ้าจะไปวัดไทยที่นั่นหลีกเลี่ยงวันอาทิตย์จะดีที่สุด ดิฉันเคยไปบ่อยมากสมัยอยู่ในลอนดอนถ้าวันอาทิตย์คนจะเยอะมากๆค่ะ ดิฉันไม่เคยไปมาเป็นสิบปีแล้วค่ะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 12:31:15

ความคิดเห็นที่ 45 วันนั้นไม่ใช่วันอาทิตย์หรอกค่ะคุณ Rinta วันจันทร์ด้วยซ้ำไป เพราะสามีได้หยุดงานก็เลยพากันไป แต่คงมีคนไทยตั้งใจไปทำบุญใหญ่เลยทำให้คนเยอะมากกว่าปกติ เมื่อคืนนี้เข้ามาอ่านความเห็นคุณวัชรานนท์ ก็ต้องให้มาคิดทบทวนดู ก็รู้สึกเห็นใจจริงๆกับพระบางรูปที่ตั้งใจจะบวชเพื่อช่วยทำนุบำรุงศาสนาให้คงอยู่ต่อไป (รวมทั้งพระไทยในต่างประเทศด้วย) ซึ่งหากคนไทยบางกลุ่มคิดอคติกับพระ (ไม่ว่าพระในประเทศไทยหรือพระไทยในต่างประเทศ) ด้วยเรื่องทางโลกไปเสียทุกเรื่อง และหวังว่าพระจะต้องเป็นบุคคลที่ดีที่สุด ทำอะไรด่างพร้อยไม่ได้ สักวันหนึ่งพระไทยและวัดไทยอาจจะต้องปิดตัวแบบโบถส์หลายๆโบถส์ในอังกฤษก็เป็นได้  เห็นข่าวแล้วก็เศร้าใจแทน ซึ่งการช่วยทำนุบำรุงศาสนาให้คงอยู่ (เช่นทำบุญกับพระสงฆ์ เป็นต้น) ควรจะไม่มีข้อแม้ เพราะคนเราใครทำดีก็ได้ดีกับตัวเอง หากพระบางรูปไม่สำรวมท่านก็ย่อมอาบัติด้วยตัวเองเช่นกัน ดิฉันเองบางครั้งก็ยังมีบ้างที่อคติเล็กๆน้อยๆกับพระบางรูปที่ไม่สำรวมกายวาจาใจ ... แต่พอมานึกๆให้ลึกๆลงไปแล้ว พระท่านก็มนุษย์ธรรมดาๆเหมือนเรา แต่ถือศีลข้อห้ามมากกว่าเรา แค่ 200 กว่าข้อเท่านั้นเอง .. จริงอย่างที่คุณวัชรานนท์ว่าไว้ทุกประการ บางทีการปิดหูปิดตาและปิดปากในเรื่องที่ไม่ควรรู้ควรเห็น ก็อาจจะทำให้ชีวิตในแต่ละวันของผู้คนมีความสุขขึ้นมากไม่บ้างก็น้อยนะคะ ดิฉันคิดว่าคุณ จขกท คงจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เดี๋ยวแป๊ปๆก็ผ่านเดือนปีไปแล้วค่ะ ความคิดคนเราเปลี่ยนได้ จากไม่ชอบก็อาจจะกลายเป็นเข้าใจและเห็นใจ จนท้ายที่สุดก็สบายใจไปเอง เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 13:36:46

ความคิดเห็นที่ 46   ได้มีโอกาสไปวัดไทยโดยการอาศัยพี่ที่รู้จักพาไป เพราะตัวเองยังขับรถไม่เป็น แถมยังมีเจ้าตัวน้อยติดสอยห้อยตามไปด้วยอีกคน และจากบ้านพี่คนนี้ก็อยู่ไกลจากบ้านเรา ประมาณ1 ชม. ขากลับจากทำบุญก็ต้องมาส่งเรากับลูก รู้สึกเกรงใจพี่เค้าอย่างมาก คิดเอาเองว่านี่เราไปทำบุญหรือยิ่งสร้างบาป ทำให้พี่เค้าต้องลำบาก ไปรับไปส่ง ขอนอกเรื่องนะคะ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วัดไทยค่ะ ครั้งล่าสุดที่ไปมา เจอคนถามเรื่องกระเป๋าแบรนด์เนม ที่เราหิ้วไป ว่า เมดอิน ไชน่า หรือคะ (ทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้มาก่อน) เราตอบไปว่า ซื้อที่นี่ค่ะ แล้วมีผู้หญิงที่ร่วมวงรับประทานอาหารอยู่ด้วย ก็พูดเสริมว่า เท่าไหร่ (ขอดูอีกตะหาก) เป็นเค้าๆจะซื้อใหญ่กว่า นี้ บลาๆๆ แล้วตลอดเวลาที่นั่งทานอาหารกันอยู่นั้น เราสังเกตุว่าผู้หญิงคนแรก มองนาฬิกาที่เราใส่ตลอดเวลา แล้วถามเราอีกคำถามนึงที่ทำเอาอิึ้งไปเลยว่า "สามีเราทำงานอะไร" ป.ล. อย่าคิดว่าใส่ของไปอวดใครเลยนะคะ คือไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้นค่ะ จากคุณ : คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 14:31:27 A:76.31.97.238 X: TicketID:221991

ความคิดเห็นที่ 47 งั้นวัดที่นิวซีแลนด์คงต่างกันมาก  เพราะพระท่านเคร่งพอสมควร  ถ้าสา็ยวัดป่าก็เคร่งมาก  สายธรรมยุต(สะกดถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้)เคร่งแบบพอสมควร  พระท่านก็สำรวมมาก ตอนไปออสเตรเลีย  พระที่โน่นก็สำรวมนะคะ  ไม่ยักกะเจออย่างที่คุณเจ้าของกระทู้ว่าเลย  วัดที่เมืองไทยเสียอีกที่ทำให้ดิฉันเสื่อมศรัทธา อยู่เมืองไทยไม่ค่อยได้เข้าวัด  มาศรัทธาเอาตอนมาเมืองนอก  นี่หล่ะ จากคุณ : timtam_yummy เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 07:56:19

ความคิดเห็นที่ 48 เคยเจอคล้ายๆ พระที่อเมริการูปหนึ่ง เคยสอนเรื่องการทำอาหารมาถวายไว้ แต่เท่าที่จำความได้  พระท่านสอนว่ามันเป็นประเพณีโบราณแบบหนึ่ง มีการแลกอาหารให้คนอื่นชิม  นั่งกินข้าวด้วยกัน ทำให้เราได้รู้สารทุกข์ สุกดิบ ของคนในชุมชนว่าตอนนี้ใครเป็นอะไรอย่างไรบ้าง  จะได้คอยช่วยเหลือพึ่งพากันไป ตามหลักแล้ว พระไม่ควรยุ่งกับเรื่องอาหารมาก แต่บางครั้งเห็นพระต่างแดนทำอาหารเองก็มี เพราะไม่มีคนตักบาตร ถ้าเป็นผมเจอพระไม่สำรวมก็คงเซ็ง แต่ศาสนาพุทธสอนให้เราดูตัวเองก่อนดูคนอื่น เรื่องที่พระจะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ดี ไม่ดี บางทีเป็นเรื่องที่ยิ่งคิดยิ่งงง มีหลวงพี่รูปหนึ่งที่ผมเคยถามเรื่อง พระไม่สำรวม  เพราะเห็นแล้วสับสน ท่านบอกว่า ถ้าเห็นเขาแล้วย้อนเห็นตัวเอง พิจารณาว่าสิ่งนี้เราสมควรเลียนแบบหรือไม่ อย่างนี้จะดีกว่าครับ บางทีท่านทำแล้วเหมาะ แต่เราทำแล้วไม่เหมาะก็ได้ครับ จากคุณ : คนบ่น เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 10:19:04