ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณค่ะ สำหรับข้อมูลที่เอามาแบ่งปัน ของตัวเองเคยอุดฟันกับหมอฟัน ก็ทำไปหลาย option โดยที่หมอคิดว่าประกันคงจ่ายให้หมด แต่กลายเป็นว่าบางอันมันไม่จ่ายเพราะกำหนดอายุ ตรงนี้หมอก็ไม่รู้ เราก็ต้องจ่ายเอง ซึ่งจริงๆถ้ารู้ก่อนว่าประกันไม่จ่ายไม่ทำก็ได้ เช่นเดียวกับการตัดแว่น พวก option เสริม ไม่รู้ว่าอะไรครอบคลุมไม่ครอบคลุมคงต้องไปอ่านให้ดีก่อน บางอย่างไม่จำเป็นไม่มีก็ได้ แต่ถ้าประกันจ่ายก็อยากเอา   แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 52 04:43:45 จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 04:38:58

ความคิดเห็นที่ 2 ห้องฉุกเฉินไว้ฉะเพาะฉุกเฉินอันตรายเท่านั้น จากคุณ : joeห้องฉุกเฉินไว้ฉะเพาะฉุกเฉิน (aircraftdesigner) เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 05:21:12

ความคิดเห็นที่ 3 อืม ปกติถ้าไป Emergency นี่ ก็จ่ายแค่ co-pay นิคะ หมออะไรมันไม่เกี่ยวนิ อย่างตอนนั้นเราปวดท้องด้านซ้ายหรือขวา จำไม่ได้แล้วตอนแรกนึกว่าจะเป็น ไส้ติ่ง ก็เลยไปห้องฉุกเฉิน ปรา่กฎว่าคุณหมอก็ จับทำ CAT Scan ฉีดยาแก้ปวด ให้ เราจ่ายแค่ co-pay $50 เหรียญแค่นั้น แล้วตอนหลังประกันส่งจดหมาย มาถามว่าเรามีประกันกับที่ไหนอีกไหม เพราะบิลทั้งหมดที่ทาง รพ เรียกเก็บ มัน 8000 กว่าเหรียญ อ่านไม่ผิด แปดพัน เราก็บอกว่า ไม่มีหรอก มีประกัน กับบริษัทยูบริษัทเดียว เราก็จ่ายแค่ 50 นะคะ ส่วนหมอฟันเนี่ย ก่อนจะทำอะไร ส่วนใหญ่หมอฟันที่เราไปหา เค้าจะขอเช็ค กับทางบริษัทประกันก่อนว่า ครอบคลุมอะไรบ้าง แล้วคนไข้ต้องจ่ายกี่ % แล้วจะทำอะไรบ้าง เค้าก็จะคิดออกมา แจกแจงให้เราดูก่อนว่า เท่านี้ๆๆ นะ จะทำหรือเปล่า ถ้าตกลงก็ทำ ถ้าไม่ตกลงก็ไม่ทำ ก็ไม่เป็นไร บางทีเค้ายัง ไม่ทราบราคาแต่ estimate ค่าใช้จ่ายได้ ก็จ่ายเกินไปนิดหน่อยก่อน แล้ว ก็ได้เป็นเครดิตกลับมาตอนหลัง จากคุณ : Scooterella เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 05:37:40

ความคิดเห็นที่ 4   แล้วแต่แบบของประกันด้วย จะบอกให้ว่า health care ของประเทศนี้ ราคาคุย ซะมากกว่า ถ้าดูข่าวที่โอบาม่ามาจัดระเบียบ health care แล้วเนี่ย ดูแล้วคิดตามไป ส่ายหน้าไป ไม่น่าเชื่อ บางทีไม่มีประกันเลยเหมือนจะดีกว่าซะอีก จากคุณ : C. เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 05:41:50 A:198.199.136.148 X: TicketID:210296

ความคิดเห็นที่ 5 เข้าใจความรู้สึกคะ หวังว่าคงหายแล้วนะคะ ไม่เคยมีประสบการณ์ต่อรองกับรพ.  แต่เห็นที่แต่ละ รพ. มี social worker ไว้ให้ปรึกษาเรื่องค่าใช้จ่ายนะคะ ก่อนไปหาหมอที่นี่ต้องศึกษาให้ดีก่อน แต่บางครั้งฉุกเฉินแล้วเราไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อนก็ต้องจ่ายไป และที่นี่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลแพงมากๆ คงเป็นเพราะมีการฟ้องร้องสูง ตอนนี้กำลังมีประสบการณ์ตรงกับพ่อของสามี รู้ซึ้งดีมากเมื่อเห็นใบเสร็จที่ต้องจ่ายประมาณ สามหมื่นกว่าเหรียญ แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 52 05:50:58 จากคุณ : Charlie^^ เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 05:47:27

ความคิดเห็นที่ 6   ค่่าทำฟันแถวบ้านหนู ราคาแพงว่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ เมกา-ไทยแลนด์ + ค่าหมอฟันไทย อีกค่ะ ฮือๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : Kryta (kryta) เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 05:56:24

ความคิดเห็นที่ 7 สามีเข้าฉุกเฉิน แล้วก็ต้องอยู่โรงพยาบาลอีก 5 วัน จ่ายแค่ 10 เหรียญเองค่ะ อ้อ มีค่ายาอีก 5 เหรียญ ส่วนหมอฟัน ตอนนี้เราจ่ายแค่ 10 % สำหรับอุดฟัน ขูดหินปูน จากคุณ : BLACK BERRIES เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 07:29:41

ความคิดเห็นที่ 8 จ่ายหมอฟัน 10% เหมือนกัน แต่ว่าที่มันไม่ครอบคลุมต้องโทษหมอใช่ไหมเนี่ยที่ไม่ยอมเช็คก่อน ฮือๆๆๆ จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 07:49:41

ความคิดเห็นที่ 9 การต่อรองทำได้ ถ้ามีรายได้น้อยจริง หรือ ไม่ก็ขอผ่อนส่งทีละน้อย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ประกันอะไรไว้ ต้องรุ้ถึงกรมธรรม์ของตนเอง ดังนั้น จขกท จะไปโทษใครเขาไม่ได้หรอก นอกจากโทษตัวเอง การจะอ้างว่า <แต่ใครจะไปรู้ล่ะครับว่า หมอที่อยู่ในส่วน emergency จะไม่ได้อยู่ในระบบไปด้วย > นั้น ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะ จขกท ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว ที่ไปตัดไหม ที่ห้องห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล แล้วจะไปคิดว่า จะให้บริษัทประกัน เขาจ่ายค่าหมอ เท่ากับหมอที่อยู่ในระบบ ในระบบได้อย่างไร และ การจะเอาเรื่องไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับหมอเข้ามาอีก ก็คนละเรื่อง แถมไปว่าหมอเขา ได้เงินเต็ม ทั้งๆที่คนเย็บเป็นนักเรียนแพทย์ ก็ยิ่งคนละเรื่องกันนะ   เรื่องแบบนี้คุณอาจจะว่าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลได้ ก็เพียงไม่อธิบายให้คุณฟัง ทำให้คุณต้องเสียเงินมาก    ถึงอย่างไรก็ขอชมคุณ ที่เอาความผิดพลาด มาเป็นบทเรียนให้คนอื่น และถ้าจะให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ช่วยบอกหน่อยไดไหมว่า บริษัทประกันชื่ออะไร กรมธรรม์ แบบไหน ซื้อจากไทย หรือ ในเมกานะ จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 07:52:41

ความคิดเห็นที่ 10 คุณธนิตาครับ เรื่องของผมแยกเป็นสองกรณีนะครับ ผมยอมรับเรื่องตัดไหมว่าเป็นความผิดของผมเองครับที่ไม่ศึกษาให้ดีก่อน ส่วนเรื่องค่าตอบแทนหมอนั้น ผมแค่บ่นเฉยๆ เองครับว่าเราอุตส่าห์ไปหารพ. ที่อยู่ในระบบแล้วเชียว ยังจะซวยซ้ำซวยซ้อนเจอหมอไม่อยู่ในระบบซะอีก และในกรณีนี้ผมก็ไม่ได้มีโอกาสมาเลือกหมอด้วย แล้วหมอยังคิดเงินแพงอีก ค่าตอบแทนหมอเป็นเงินทั้งหมด $ 858 บริษัทประกันยังบอกเลยครับว่ามัน exceed usual and customary cost แล้วหมอก็ไม่ได้ลงมือจริงๆ แถมยังไม่ได้ยืนดูตลอดเวลาที่นักเรียนแพทย์ทำการเย็บอีก  (ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นไม่มีคนไข้คนอื่นอยู่ในห้องฉุกเฉินเลย) แล้วนักเรียนแพทย์ก็เย็บไม่ดี ทำให้ตัดไหมได้ลำบากในภายหลังด้วย อย่างนี้แล้วมันน่าเจ็บใจไหมละครับ ประกันของผมเป็นของ United Healthcare Stdudent Resources กรมธรรม์เป็นแบบ student health plan มังครับ ผมเป็นนักเรียนทุน และสถานทูตเป็นคนจัดการทำให้ จากคุณ : luckywinth เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 09:19:18

ความคิดเห็นที่ 11 นี่แหละเราถึงคิดว่าอยู่ไทยเราดีกว่าเป็นไหนๆ คิดถึงบ้านค่ะ จากคุณ : Cutie_May เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 09:43:40

ความคิดเห็นที่ 12 The clinic that I visit this week put the sign that states that they are dropping United Healthcare.  It is one of the worst insurance company that put the profit ahead of patient's health. แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 52 23:16:50 จากคุณ : Kdorn75 เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 10:14:59

ความคิดเห็นที่ 13 ความคิดเห็นที่ 10 จขกท ก็บอกว่า แยกเป็นสองกรณี ยอมรับเรื่องตัดไหม กับเรื่องค่าตอบแทนหมอ ก็บ่นเฉยๆ ก็ในเมื่อคุณใช้คำว่า  "ตัวหมอแค่เดินแวบไป แวบมา เท่านั้น แต่เค้ากลับได้รับเงินเต็มๆ " แบบนี้ จะมาว่า บ่นเฉยๆ ได้อย่างไรนะ มิหนำซ้ำ ตอนนี้คุณไปว่า ตอนไปเย็บแผล เพิ่มเข้ามาอีก ว่า "แถมยังไม่ได้ยืนดูตลอดเวลาที่นักเรียนแพทย์ทำการเย็บ" "แล้วนักเรียนแพทย์ก็เย็บไม่ดี ทำให้ตัดไหมได้ลำบากในภายหลังด้วย อย่างนี้แล้วมันน่าเจ็บใจ" ก็ยิ่งแสดงเพิ่มว่า การบ่น ไม่ใช่ บ่นเฉยๆ นะ แล้วอันที่จริง เรื่องนี้น่าจะมากกว่า ๒ กรณีคือ ๑ ข้อตกลง ระหว่างบริษัทประกันกับโรงพยาบาลที่คุณไปใช้ห้องฉุกเฉิน ว่า คนที่ทำงานที่ห้องฉุกเฉินนั้น ถือว่าเป็น in-network ในทุกกรณีหรือเปล่า ๒ เรื่องที่เกิด เมื่อตอนไปเย็บ ต้องให้หมอจริงๆเป็นคนเย็บหรือไม่ ๓ เรื่องค่าตอบแทนหมอ ที่exceed usual and customary cost กรณีของคุณ ตอนA ที่ไปเย็บ เพื่อประโยชน์คนอ่านช่วยสะแกน หรือ ลองแยกแยะว่า หมอและ ห้องฉุกเฉิน เคล็มไปเท่าไร โดยแยกแยะและบอกด้วยว่า รายการไหนที่ exceed usual and customary cost แล้วประกันจ่ายไปเท่าไร ตกลงไปเย็บตรงไหน กี่เข็ม B ตอนไปเย็บ ก็ทำแบบ A ด้วยนะ เราถามคนที่เขาพอรู้เรื่องนี้ เขาบอกว่า บริษัทประกัน มักชอบอ้างexceed usual and customary cost  หรือไม่ก็ not necessary เพื่อไม่จ่ายเหมือนกัน  ส่วนบริษัท United Healthcare ก็คงจะแย่จริง ตามความคิดเห็นที่ 12ที่คุณ Kdorn75 บอก เพราะเมื่อ ๒ ปีที่แล้ว agreeing to pay $12 million in fines to 36 states http://minnesota.publicradio.org/display/web/2007/09/06/unitedhealth/ แล้วถ้ายังแย่ แบบที่ จขกท บ่นมา ก็จะได้เอาไปเป็นหลักฐาน ให้ทางการ ใช้ของบริษัอื่นกับนักเรียนทุนไทยนะ จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 16:03:35

ความคิดเห็นที่ 14   เคยไปอัลตร้าซาวน์แถวคอ แค่ไปอัลตร้าซาวน์เฉยๆเลย ไม่ได้เจอหมอด้วย เจ้าหน้าที่ ก็กดๆเซฟรูปไป น่าจะสักสิบนาที ก็เรียบร้อย แล้วพอบิลมา จะเป็นลมค่ะ $500ค่ะ ประกันไม่ออกเลย ต้องจ่ายเต็ม เราต้องอีกครั้ง เพื่อพบหมอ หมอบอกว่า ต้องอัลตร้าซาวน์อีกรอบ สามีเราเลยบ่นกับหมอค่ะ ว่าคราวที่แล้ว เราจ่ายไปห้าร้อย แพงมาก ถ้าต้องมาหาหมอทุกครั้ง แล้วซาวด์ทุกครั้ง ครั้งละห้าร้อย เราจ่ายไม่ไหว แล้วไม่รู้ยังไงนะคะ วันนั้น เราก็ไม่เสียค่าซาวด์ แล้วจากนั้น เราไปหาหมออีกรอบ ก็ไม่เสียค่าซาวด์ค่ะ บิลมาแต่ค่าหมอ ซึ่งหักประกันแล้ว เราต้องจ่ายเพิ่ม $30 เราเลยไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าเค้าคิดค่าใช้จ่ายยังไงค่ะ จากคุณ : Chococat เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 16:09:15 A:203.156.31.49 X: TicketID:188927

ความคิดเห็นที่ 15 Khun ธนิตา, I am just wondering if what I said in this thread was not just a regular complaint, what should it be called? I didnt include every single detail at first because that was not actually my main purpose of posting my story. I just wanted people to be more careful with their insurance policies, so that they wont have to pay for unnecessary things like I did for the stitch removal. For your questions: 1. I just have learned from this incident that doctors working in the emergency department of an in-network hosplitals are not necessarily in-network as well. 2. I dont mind that medical students gave me the stitch and dont think the doctor has to be the one doing a small job like giving one stitch. However, given the situation I was in (no other patients present in the ER), the doctor should at least have been observing throughout the operation. Nevertheless, the doctor is getting the full payment. This is like I am paying a full-time payment for a part-time worker. Dont you think? 3. The $858 is totally going to the doctor. The medical expenses for the ER is another $400 something which was covered 100% by the insurance. Dont you think this $858 is somewhat outrageaously high comparing to a bus driver that has to be responsible for passengers' lives and get only $15.50/hour (San Diego bus driver)? Finally, the embassy is already switching to another company Aetna. จากคุณ : luckywinth เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 21:51:53

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาศึกษา จ่ายเงินทุกเดือนไม่เคยป่วยซักที แล้วไปหาหมอเพื่อจะซื้อยาคุมกำเนิด ต้องเสียเงินแค่ไหนคะ ขอถามผู้รู้ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ไปอยู่ไหนมา เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 22:11:28

ความคิดเห็นที่ 17 ปล ประกัน Aetna ค่ะ จากคุณ : ไปอยู่ไหนมา เขียนเมื่อ : วันแม่แห่งชาติ 22:12:00

ความคิดเห็นที่ 18 ตอบคุณไปอยู่ไหนมานะคะ ปกติเนี่ย ถ้าใช้ประกัน เวลาไปหาหมอสูติ คุณจ่ายแค่ Co-pay คือ $10 หรือ $20 แล้วต้องดูว่า ประกันเนี่ยครอบคลุม ค่ายากี่เปอร์เซ็นต์ นะคะ ทาง Pharmacy จะสามารถบอกได้ ต้องดูว่าคุณใช้แบบ HMO หรือ PPO ด้วยคะ ** ส่วนใหญ่ HMO จะจ่าย Co-pay 10-15 เหรียญ ส่วน PPO จ่าย 20 เหรียญ จากคุณ : Scooterella เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 00:20:31

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วไปหาหมอเพื่อจะซื้อยาคุมกำเนิด ต้องเสียเงินแค่ไหนคะ ขอถามผู้รู้ ขอบคุณค่ะ For my plan (Anthem HMO) Doctor's Visit $30 copay Generic Birth Control Pills $5 at Target (with insurance card) จากคุณ : Kdorn75 เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 00:39:10

ความคิดเห็นที่ 20 co-pay คุณ Kdorn75 แพงมากเลยคะ เราใช้ PPO จ่ายแค่ 20 เอง จากคุณ : Scooterella เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 01:29:20

ความคิดเห็นที่ 21 เอาบัตรประกันขึ้นมาดู มันเขียนว่าเป็นแบบ POS ลองเสิชดูในกูก มันบอกว่า A Point of Service (POS) plan is a type of managed healthcare system that combines characteristics of the HMO and the PPO. Like an HMO, you pay no deductible and usually only a minimal co-payment when you use a healthcare provider within your network. You also must choose a primary care physician who is responsible for all referrals within the POS network. ได้เวลาไปหาหมอ ขอบคุณเพื่อนทั้งสองมากค่ะ จากคุณ : ไปอยู่ไหนมา เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 01:38:50

ความคิดเห็นที่ 22 คุณ จขกท ความคิดเห็นที่ 15 ก็ขอตอบเป็นภาษาไทย จะได้เข้าใจกันง่ายๆนะ คุณน่าจะใช้คำว่า เล่าให้ฟัง เพราะ บ่น เป็นคำที่แสดงออกในทางลบ แล้วคุณก็พูดเรื่องลบๆ มากด้วย จึงถามมา จะได้พิจารณากันได้ ตอนนี้ ที่คุณตอบมา ก็ยังไม่แจ้งชัด ดังนี้ 1 ที่คุณบอกเกียวกับ in-network โดยมีคำว่า this incident นั้น หมายถึงตอนไปเย็บ หรือ ตอนไปตัดไหม 2. เรือง นักเรียนแพทย์หรือเรื่องหมอ ตอนที่เย็บคุณ เราไม่คิดอย่างคุณ ในเมื่อคุณไม่พอใจคุณ ก็ร้องเรียนไปได้ 3 เราไม่คิดอย่างคุณ เพราะเราไม่มีขัอมูล เนื่องจากคุณยังไม่ได้บอกรายละเอียดว่า เย็บตรงไหนกี่เข็ม เพื่อที่เราจะได้ไปถามคนที่เขารู้เรื่องได้ ส่วนการที่คุณเอาเรื่องที่ว่าหมอคิดแพงไปเปรียบเทียบกับคนขับรถเมล์นั้น เราว่าคุณคิดผิดเอามากๆ  ขอแนะว่า คุณควรจะติดต่อไปที่สำนักงานผู้ดูแล ให้มีการแนะนำเรื่องการใช้ประกันสุขภาพกัน จะได้ไม่ต้องเสียเงินมากโดยใช่เหตุ จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 02:50:14

ความคิดเห็นที่ 23 POS mean you have a choice to pick either in-network or out-of-network dr If you want the cheaper cost, go for in-network doctor. POS is different from HMO on they give you more option to see a doctor of your choice (but it mean out-of-pocket expense). จากคุณ : Kdorn75 เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 05:59:56

ความคิดเห็นที่ 24 คุณธนิตา 1. ลองกลับไปอ่านดีๆ นะครับว่าผมหมายถึงตอนไหน แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 52 09:42:41 แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 52 09:40:53 จากคุณ : luckywinth เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 09:37:32

ความคิดเห็นที่ 25 คุณธนิตา 2. คำตอบเหมือนกับที่ตอบคำถามข้อที่ 1 ของคุณครับ อ่านดูละเอียดๆ นะครับ แล้วจะเจอคำตอบ ผมไม่ได้บอกนะครับว่าผมไม่พอใจที่นักเรียนแพทย์มาเย็บ 3. เป็นตรงข้อมือด้านหลังมือครับ ส่วนจำนวนเข็มก็ต้องรบกวนให้กลับไปอ่านอีกรอบเช่นกันครับ ส่วนเรื่องการเปรียบเทียบค่าแรงระหว่างหมอกับคนขับรถเมล์ ผมก็ต้องขออนุญาตแนะนำให้คุณธนิตาลองไปหาคนรู้จักที่ทำอาชีพขับรถเมล์ดูนะครับว่าทำอาชีพนี้สบายหรือลำบากประการใด ค่าแรงที่ได้ ผลประโยชน์ที่ได้รับ ความรับผิดชอบที่มีเป็นอย่างไร จากนั้นคุณคิดเห็นประการใดก็สุดแท้แต่ละครับ ผมไม่คิดว่าผมคิดผิด และผมก็คงไม่ไปหาอะไรมาแย้งคุณอีก ส่วนเรื่องบ่นนี่ผมก็ไม่รู้จะว่ายังไงดีครับ คุณก็พูดเองว่า "บ่น เป็นคำที่แสดงออกในทางลบ แล้วคุณก็พูดเรื่องลบๆ มากด้วย" บังเอิญเรื่องที่ผมเอามา"บ่น"นี่ก็มีแต่เรื่องลบๆ ซะด้วยสิครับ ถ้าผมใช้คำว่า"เล่าให้ฟัง"  คุณธนิตาจะมาถามผมอีกไหมครับว่าทำไมไม่ใช้คำว่า "บ่น" อย่างไรก็ตาม อย่างที่ผมกล่าวข้างต้นในความคิดเห็นที่ 15นะครับว่า จุดประสงค์ของการลงเรื่องราวของผมนี้เพื่อต้องการให้คนอื่นๆ เพิ่มความระมัดระวังกันมากขึ้นกับรายละเอียดของประกันสุขภาพที่แต่ละคนมีอยู่ เรื่องลบๆ ที่ใส่ไป ถ้าคุณจะช่วยมองข้ามไปได้ ก็ช่วยมองข้ามไปแล้วกันนะครับ สุดท้ายผมก็ขออนุญาตแนะนำคุณธนิตาอีกนิดนึงนะครับว่า ก่อนที่จะถามอะไรผมกลับ ลองพยายามอ่านสิ่งที่ผมพูดไปก่อนหน้าให้ละเอียดๆ นะครับ เพื่อที่คุณธนิตาจะได้ไม่ต้องเสียเวลานั่งพิมพ์คำถาม แล้วก็ต้องนั่งรอผมมาตอบคุณอีก ปล. ผมใช้ภาษาอังกฤษในความคิดเห็นที่ 15 เพราะว่าคอมที่ใช้ตอบไม่มี font ภาษาไทยครับ จากคุณ : luckywinth เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 10:07:38

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่จำเป็นที่จะ จขกท จะต้องออกตัวเรื่องไม่มีฟอนท์ไทย เพราะไม่เห็นมีใครสงสัย ถามเข้ามา ที่เราถามเข้ามาก็ก่อนที่จะใช้ภาษาอังกฤษ ในเมือถามเข้ามาตรงๆว่าเกิดตอนเย็บหรือตอนตัดไหม แต่คุณไม่บอก เราก็ไม่อยากเสียเวลาที่จะให้คำแนะนำคุณได้ เพราะเหตุการณ์มี ๒ เหตุการณ์ ไม่ใช่ว่ามีปัญหาเรื่องเงินตอนไปตัดไหม ก็จะให้รู้แต่เฉพาะแต่ตอนตัดไหม แค่นั้นนะ จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 14:22:03

ความคิดเห็นที่ 27 ... แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 52 23:26:11 จากคุณ : luckywinth เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 22:26:19