ความคิดเห็นที่ 1 ลองเอางานเขียนมาดูสักย่อหน้าสิครับ จากคุณ : beebuzz เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 07:10:23

ความคิดเห็นที่ 2 จะเขียนให้ได้ดีต้องอ่านมากๆคะ   เอาใจช่วยคะ จากคุณ : Charlie^^ เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 08:15:21

ความคิดเห็นที่ 3   Does your university have English writing lab/tutor? Usually, they are willing to help student improve their essay or paper writng skill for free. จากคุณ : SFbay เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 08:28:00 A:75.6.253.96 X: TicketID:000136

ความคิดเห็นที่ 4 Topic : Bangkok's Air Pollution Cam Be Solved. Bangkok is the capital city of Thailand with a large population of approximately 9 million people.  Each year the number of vehicles used increases. Since 1990, the number of vehicle registration has increased on average by 341,275 vehicles per year. The problem is people have an increased capacity for purchasing vehicles. However, Thailand’s Transport Portal reported that the increase of cars has resulted in a serious increase in air pollution, especially in the more heavily populated district areas.  I agree that this problem is serious, but there are solutions.  In this essay, I will illustrate the main causes of the problem: an increase of vehicle demand due to an increase of population, lack of bio-fuel usage, and the irresponsible management of factories. In order to decrease air pollution problem, solutions already used in other countries can be utilized and these will be highlighted in the solution provided. Any comments are welcome  ^-^ ^-^ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 08:42:42

ความคิดเห็นที่ 5   อืมม อ่านแล้วเห็น ด้วย กับ อาจารย์ poor language จริงด้วย จากคุณ : C. เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 08:49:35 A:198.199.136.148 X: TicketID:210296

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ ขนาดนั้นเชียวหรอคะ รบกวนขอคำแนะนำด้วยค่ะ คุณ C. อยากให้ให้ข้อแนะนำ ไม่ใช่ว่า มา จิก แล้วก็จากไป มันยังไงก็ไม่ทราบนะคะ ขออภัยหากพูดแรงไป แต่ว่าก็น่าจะเข้าใจหัวอกกันบ้างนะคะ ถ้าได้ IELTS 9 ป่านนี้คงนั่งบนสวรรค์ไปแล้วล่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 52 09:06:23 จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 08:55:34

ความคิดเห็นที่ 7   ดู ๆ มันก็ผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไ่ม่น่าจะมีอะไรซีเรียสมากมายนินา แค่รอบคอบกว่านี้หน่อยนะกัฟ ส่วนคุณ C ครับ ผิดตรงไหน ชี้ชัดมาจะได้ประโยชน์กว่าครับ จากคุณ : The Queenslander เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 09:29:21

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ c ตอบแบบนี้ภาษาชาวบ้านเรียกว่า "เกรียน" ครับ ถ้าจะตำหนิเค้า คุณควรระบุด้วยว่าผิดอะไร ที่ผมอ่านของ จขกท ไม่รู้นะ แต่ความรู้สึกผมก็ว่าเขียนดีแล้วนะ อ่านแล้วแสดงถึงคนมีความรู้ การใช้ tense, adv ก็โอเคดี อาจมีสะกดผิดบ้างเช่น can เป็น cam ก็แค่ระวังหน่อย ที่จะผิดส่วนใหญ่ก็พวก article กับ preposition แต่เท่าที่อ่านก็โอเคนะ สมัยผมเรียนผมก็เขียนอย่าง จขกท นี่แหละ ศํพท์ก็ไม่ได้ห้าวิวิศมาหราอะไร เอาธรรมดาเข้าใจง่าย เรียงประโยคให้ถูก ผมยังจบโทมาได้ 2 ใบที่อเมริกาเลย แม้ว่าจะมีคะแนน 10 เปอร์เซ็นต์หักพวก grammar, verbal error ผมก็โดนหักอย่างมากก็ 5 หละ แต่นานๆเจอที ส่วนใหญ่ก็ 1-2 เอง จากคุณ : โอFV เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 09:57:46

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเคยส่ง paper ไปทีนึง ได้คอมเม้นกลับมาว่า   Extremely pool language ......  ยิ่งกว่าเจ้าของกระทู้อีก 5555555555 จากคุณ : BaTTBUBEE เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 10:19:23

ความคิดเห็นที่ 10 ลองช่วยดูแล้วกันนะคะ ส่วนตัวเองก็ไม่ใช่จะเขียนดีเลิศอะไร ตอนสอบเคยได้ Awkward sentences มาสองทีค่ะ อ่านแล้วก็ขำตัวเอง ก็ตอนสอบสติก็ไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ใคร ๆ ก็เป็นค่ะ เรื่อง article & preposition นี่ก็ผิดประจำ แก้ไม่หาย รายงานล่าสุดสิบสองหน้า ตัด "the" ทิ้งไปเยอะมาก อายตัวเองเหมือนกันค่ะ เท่าที่อ่านดูก็เข้าใจได้ คิดว่าที่อาจารย์บอกน่าจะเกี่ยวกับความต่อเนื่องของเนื้อหามากกว่าหรือเปล่าคะ ส่วนใหญ่ ประโยคแรกจะเป็น Topic sentence บอกคร่าว ๆ ว่าเรากำลังจะเขียนถึงเรื่องอะไร หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ขยายความมาเรื่อย ๆ ว่าปัญหามีเพราะสาเหตุ หนึ่ง สอง สาม แล้วก็มาพูดถึงวิธีแก้ปัญหา อย่างไรก็ว่าไป แล้วสุดท้ายก็สรุปทั้งหมดที่เขียนมาอีกที พร้อมส่งท้ายไปให้ข้อความต่อไป ความต่อเนื่องของเนื้อหา รวมทั้งการใช้ตัวเชื่อม คำสรรพนาม ก็จะช่วยได้เยอะค่ะ ก็อาจจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 52 10:29:24 จากคุณ : ใคร ๆ ก็ผิดกันได้ (อวบสวย) เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 10:25:54

ความคิดเห็นที่ 11   ผมแนะนำให้เข้าคลาส writing ครับ มันช่วยได้เยอะจริงๆ จากคุณ : โอ เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 10:33:41 A:182.182.4.134 X:58.137.48.88 TicketID:228614

ความคิดเห็นที่ 12 ของผมสิ ส่งงานไป อาจารย์ไม่ได้ติเรื่องภาษาแต่ส่งกลับมาว่า Topic is not suitable for the puspose of the course outline. Change to a new one. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ต้องทำใหม่ทั้งเปเปอร์ตั้งแต่ต้นเลย เลวร้ายกว่า Poor language อีก จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 11:06:31

ความคิดเห็นที่ 13 ขออนุญาตให้ความคิดเห็นนะครับ เท่าที่อ่านแล้วจุดที่น่าจะโดนหนัก ๆ น่าจะเป็นการที่ประโยคความไม่ต่อเนื่องตะกุกตะกัก ทำให้เนื้อความสะดุดครับ การใช้คำค่อนข้างจำกัดทำให้มีคำซ้ำ ๆ มากเกินไป มีผิดบ้างทั้งไวยกรณ์ และ การสะกด ส่วนเรื่องเนื้อความเนื่องจากที่ลงไว้น่าจะเป็นส่วน introduction ก็คงจะบอกได้ลำบาก ผมว่าส่วนที่ลำบากและอาจารย์น่าจะเน้นมากที่สุดน่าจะเป็นการทำให้เนื้อหาเป็นเหตุเป็นผลและชัดเจนมากกว่า ส่วนหนึ่งที่ผมสังเกตุเห็นก็คือ คุณใส่ความคิดลงไปตั้งแต่ intro ซึ่งปกติเรามักจะเห็นส่วนนี้ในส่วนสรุปมากกว่าครับ อีกเรื่องหนึ่งก็คือ คุณใส่เนื้อความส่วนที่น่าจะอยู่ในส่วน body ลงไปตั้งแต่ต้นครับ น่าจะรออีกหน่อย ส่วนเรื่องไวยกรณ์หรือภาษาที่ใช้ คงต้องอาศัย editor ช่วยดูให้ครับ เพราะจะให้มันสวยงามจริง ๆ คงลำบาก เพราะขนาดฝรั่งเขียนเองยังโดนว่าใช้ภาษาไม่เป็นวิชาการเลยครับ อย่าคิดมากครับ ผมก็โดนบ่อย อาจารย์ไล่ไปลงคอร์สการเขียนสองรอบ ตอนนี้ยังไม่ดีขึ้นเท่าไรเลย จากคุณ : baezae (baezae) เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 11:26:37

ความคิดเห็นที่ 14   แกรมม่ามีผิดไปเป็นหย่อมๆ ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันดีว่าภาษาไทยและอื่นๆ ไม่มีเทนซ์เหมือนภาษาอังกฤษ ตกหล่นไปบ้าง เป๋ไปหน่อยนึง แต่ก็ยังพอเข้าใจได้ก็ดีแล้ว ดีกว่าแปลมาตรงตัวเป๊ะๆ เปิดดิกกันแบบ เรียงคำต่ิิือคำ มางี้มันก็น่าติอยู่หรอก แต่ก็ุถือว่าพยายามดีแล้วนะคะ เพราะมีเห็นแบบเห่ยก่านี้เยอะรุย ฮุฮุ เช่้น ตัวเราเอง สมัยก่อน กร๊ากส์ๆๆๆ โดนจิกโดนข่วนโดนงับไปหลายรอบอยู่เหมือนกานนนน สู้ๆนะจ๊ะน้องแคท จุ๊ฟๆ อย่าจิตตกไปเยย สงสัยอาจารย์แกไม่ได้ทำการบ้านเมื่อคืน เลยวีนใส่นร. ซึ่งมักเกิดขึ้นได้กับทุกคน เอิ๊กๆๆๆ ปล. แนะให้ลงคอร์สการเขียนเช่นกันค่ะ ช่วยได้เยอะนะจ๊ะหนู จากคุณ : Kryta (kryta) เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 11:32:22

ความคิดเห็นที่ 15 โหย มันก็ไมไ่ด้ poor อะไรมากมาย เห็นคน poor กว่านี้เยอะแยะ (ในนี้แหละ) แต่ใช้คำซ้ำกันบ่อยอาจทำให้คนอ่านรู้สึกว่ามันซ้ำซาก เช่นคำว่า increase เนี่ย แค่ paragraph เดียว ปาเข้าไป 7 นะคะ ลองใช้ thesaurus หา synonym ของคำว่า increase แล้วเลือกคำที่เหมาะสมมาใช้แทนกันค่ะ http://thesaurus.reference.com/browse/increase จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 11:46:52

ความคิดเห็นที่ 16   ใบ้ให้ว่าการเขียนใช้คำเปลืองเกินไปครับ เช่นประโยคแรกๆเลย Each year the number of vehicles used increases. Since 1990, the number of vehicle registration has increased on average by 341,275 vehicles per year. จริงๆประโยคแรกไม่ต้องมีก็ได้ เหลือแค่ประโยคหลัง ...has increased by 341,275 on the average every year. แนะนำว่าเวลาเขียนอะไรออกมา พยายามคิดเป็นภาษาอังกฤษไปเลยแล้วค่อยเกลารูปประโยคครับ อย่าคิดเป็นภาษาไทยก่อนไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นว่าแปลภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษคำต่อคำอย่างที่เป็นอยู่ พยายามเข้านะครับ จากคุณ : VeryBadman...Begins (คามิยามะมาเยือน!!!) เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 12:18:46

ความคิดเห็นที่ 17   ภาษาอังกฤษคุณ จขกท ไม่แย่หรอกค่ะแต่ว่าสิ่งที่คุณเขียนต้องมีแหล่งที่มาอ้างอิงด้วยด้วยค่ะ เพราะถ้ากล่าวลอยๆมันไม่มีความหนักแน่นในเนื้อหา กรณีของคุณเรื่องปัญหาอากาศเป็นพิษ คุณต้องอ้างแหล่งข้อมูลที่ชัดเจนโดยเฉพาะปีที่รายงานหรือเผยแพร่ และก่อนที่คุณจะบอกว่ามันมีทางแก้ไขคุณก็ต้องอ้างข้อมูลด้วยว่ามีที่ไหนหรือใครเคยออกความคิดหรือเคยแก้ไขปัญหานี้มาบ้าง แนวทางไหนที่เขาใช้ และของคุณที่จะทำจะเป็นแนวทางไหนที่โดดเด่นหรือแตกต่างหรือมีแนวโน้มสูงที่จะทำได้ น่าจะพอเป็นแนวทางได้บ้างนะคะ สู้ๆค่ะ จากคุณ : มาเลเซ๊ย เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 12:25:17 A:118.101.0.220 X: TicketID:227805

ความคิดเห็นที่ 18   แนะนำเพิ่มเติมอีกนิด ลองอ่านpaperในสายของคุณค่ะว่าแนวการเขียนเป็นอย่างไรแล้วคุณจะเรียนรู้และค้นพบแนวการเขียนของคุณเองค่ะ จากคุณ : มาเลเซ๊ย เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 12:33:25 A:118.101.0.220 X: TicketID:227805

ความคิดเห็นที่ 19   คุณจขกทครับ ภาษาคุณไม่แย่อะไรหรอกครับ การมี typo error หรือ ผิด articles ไม่ใช่เรื่องใหญ๋ที่อจ.คุณตำหนิหรอก แต่ผมอ่าน Introduction Part ที่ยกมาพอเห็นว่าแนวทางการเขียนของคุณขาด Main Theme ของ Essay ครับซึ่งเป็นสิ่งสำคัญทำให้เจ้าของภาษาอ่านไม่รู้ว่าคนเขียนจะเขียนเรื่องอะไร (พออ่านไม่รู้เรื่องอารมณ์เลยเสีย) ยกตัวอย่างเช่น Essay ของคุณตั้งใจจะเขียนอะไรเป็นหลักเช่นเรื่อง มลพิษในกรุงเทพ(ซึ่งกว้างมาก) หรือ มลพิษจากรถยนต์ หรือการแก้ไขมลพิษจากรถยนต์ เป็นต้น ปัญหาการเขียนที่ขาด Main Themeมักเกิดกับคนที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาเพราะเวลาเขียนจะนึกไปเรื่อยๆ นึกอะไรออกก็เขียน หรือเขียนตอนที่ใกล้จะส่งงาน วิธีแก้อาจทำได้โดยเขียนโครงสร้างทั้งหมดของ Essay เป็น Bullet Points เช่น สมมุต Essay คุณทั้งหมด 5 Para 1 Introduction _Pollution in Bangkok caused by vehicles(หัวข้อจะเหมาะสมหรือไม่ต้องดูว่ากำลังเรียนอะไรเหมือนคุณจขคห 12) 2. First cause 3. Second cause 4. Third cause 5. Conclusion ไม่ต้องบอกวิธีแก้ปัญญาเช่นในประโยคสุดท้ายของคุณเพราะไม่ใช่ Theme ของ Essay อ้อ เขียน Essay เป็นคนละเรื่องกับเขียน Thesis นะครับ จากคุณ : ลุง เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 13:31:44 A:124.180.249.235 X: TicketID:200151

ความคิดเห็นที่ 20 ภาษาไม่ได้แย่อะไร แต่ น้องยังไม่เข้าใจคำว่า academic ต่างหากล่ะครับ academic คือการเขียนให้เป็นเหต และผล นับ 1-2-3-4 ตามลำดับ ต้องการจะสื่ออะไรให้ท่องไว้ what do we have; what does it mean; why does it happen. และปิดท้ายด้วยการสรุป ------------------- เขียนเรียงแบบนี้ bangkok ---> เมืองหลวงประเทศไทย เป็นอย่างไร ---> คนเยอะ ผังเมืองแย่ รถเมล์น้อย กระจุกตัว ส่งผลให้ ---> รถติด ผลต่อเนื่อง ---> สูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ สุขภาพจิตเสีย เสียเวลาได้ใช่เหต ทำไมต้องแก้ปัญหานี้ ---> เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า ทางเลือกในการแก้ปัญหา ---> ไอเดียของคุณ ผลที่คิดว่าจะได้ ---> สิ่งที่คาดหวังไว้ สรุป ที่เขียนมาทั้งหมด -------------- ้ไวยกรณ์ไม่ใช่เรื่องที่น่าตำหนิอะไร และอีกอย่าง อย่างที่คุณ bad man บอกไว้ เวลาเขียนงานเป็นภาษาอังกฤษ ให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษเลย อย่างที่น้องเอาตัวอย่างมาลง ให้คนไทยอ่าน คนไทยเข้าใจแหละครับ เพราะเขียนถอดมาจากภาษาไทย แต่บางประโยคเจ้าของภาษาอ่าน จะงง เล็กน้อย แบบทำไมมันเยิ่นเย้อ จากคุณ : kanoomtan เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 15:16:12

ความคิดเห็นที่ 21 หนูขา ถ้าเขียน รายงาน Academic สิ่งที่ต้องละเว้นที่สุดก็คือ การใช้ I, you นี่ละครับ เพราะว่า เรากำลังเขียนรายงานวิชาการ ให้ใช้ประธานอื่นๆไป มีการใช้คำซ้ำอย่าง average: per year ให้เลือกเอา ให้ระบุแหล่งที่มาชัดเจนครับเช่น Transportation Portal (2009) เช่นนี้เป็นต้น in the more heavily density อันนี้เป็นภาษาพูดเกินไปครับ ควรเป็น in the higher density ตัวอย่างนะค่ะ In this essay, I will illustrate the main causes of the problem: an increase of vehicle demand due to an increase of population, lack of bio-fuel usage, and the irresponsible management of factories. ถ้าเป็นเชิงวิชาการจะเป็นดังนี้ The causes of problems will be indicated and identified in this essay, for example; an increment of vehicle demand as the population increase, lack of alternative fuel using including the negligence of industrial factories. จากคุณ : พัฒน์ เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 15:49:06

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ คุณ น้า พัฒน์ แบบพระอินทร์ มากเลย นานไหมคะกว่าหนูจะทำได้อย่างคุณน้า ___'' จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 16:58:10

ความคิดเห็นที่ 23   I didn't ไม่ใช่ว่า มา จิก แล้วก็จากไป but I have a job / meeting and stuff to do. I have a life so that i wont be able to just sit and type all day. I think what you wrote is poor because many reasons, both content and grammar. 1. In Academic writing, you are not allowed to use "I", instead use "the author" or something else. 2. You didn’t identify your point. You said.. “I agree that this problem is serious” YEAH serious and so what? Explain why you think what is so serious about. 3. The way you arrange your sentences are strange. It’s not proper English (Wrong tenses and wrong orders). For example, “Each year the number of vehicles used increases” I would rather say “The number of vehicles has been increasing considerably over the past ten years (or everyday). I actually found many mistakes in this paragraph. Since it is your problem, I suggest you to visit a tutoring center or tutoring service at your school. And you will see all the problems in details. 4. Another example, the word “illustrate” is wrong in this case. You may use “identify”, “examine”, or “investigate” (either is proper). Form my personal perspective, commonly, “illustrate” refers to an explanation of something… more like a picture or table. 5. An many more........... จากคุณ : C. เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 52 22:40:04 A:66.91.85.245 X: TicketID:210296

ความคิดเห็นที่ 24 Each year the number of vehicles used increases. ประโยคนี้อ่านแล้วงงเลย??  ตัวไหนเป็นกริยาจริง  เพราะมีกริยาสองตัว   ถ้า used เป็นกริยาจริง  แล้ว increases ทำหน้าที่อะไร....หรือถ้า increasesเป็นกริยาจริง  แล้วused ทำหน้าที่อะไร?   แล้วสรุปว่าประโยคนี้เป็น tense ไหน  ผมเชื่อว่าประโยคนี้แหละทำให้อาจารย์งง ในจำนวนแปดบรรทัดที่น้องเขียนมา    มีคำว่า increaseอยู่เจ็ดคำ    อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเกลื่อนไปหน่อยนะครับ  ลองสรรหาคำอื่นๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงมาทดแทนดูบ้างนะครับ  เช่น rise, go up, climb, get higher,grow  ฯลฯ 1.The problem is people have an increased capacity for purchasing vehicles  ประโยคนี้ไม่ต้องใช้ increased ก็ไม่มีปัญหา  ความหมายไม่น่าจะหนีไปไหน 2.Thailand’s Transport Portal reported that the increase of cars has resulted in a serious increase in air pollution  ประโยคนี้ประโยคเดียวใช้คำว่า increase ฟุ่มเฟือยไปหน่อย  ทั้งๆ ที่พึ่งถูกใช้ประโยคก่อนหน้านี้ ขอโทษนะอาจจะสะเทือนใจน้องหนูนิดหนึ่ง   อยากจะติเพื่อก่อว่าคุณซี เธอพูดมีส่วนถูกอยู่มากโขครับ   เนื้อหา  ประเด็น  การสัมพันธ์ความหมายของประโยคต่อประโยคยังไม่กลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันเท่าไหร่  ปัญหาหลักๆ น่าจะอยู่ที่การใช้ภาษาและไวยากรณ์ครับ   เขียนยังไงจะเป็นแบบ  academic???  คุณถามมา....ก็ขอตอบตามที่เห็นคือเขียนแบบไม่ต้องอ้างถึงตัวผู้เขียน  เช่น ประโยคนี้>>>In this essay, I will illustrate the main causes of the problem:  ตัดคำว่าไอ(คือตัวฉัน)ออกไปเป็น เช่น  The objective of this essay is to illustrate the causes of........หรือจะเอาง่ายๆ สั้นๆ ตามประโยคเดิมของคุณก็ได้เพียงแต่ตัดไอออกไปก็จะเป็น  This essay will illustrate the main causes of..... อีกประโยคหนึ่ง  >>>The problem is people have an increased capacity for purchasing vehicles.   (อีกนั่นแหละ!!  ประโยคนี้ไม่ต้องมีคำว่า increased มาห้อยโตงเตงให้ดูฟุ่มเฟือยก็ได้)  ประโยคนี้เป็นประโยคที่ใช้ในการพูด(ไม่ใช่กฏเกณฑ์)   คือมีการเกริ่นขึ้นต้นว่า  The problem is....bla bla bla.   "ฟัง"แล้วรู้สึกคุ้นหู(เพราะมันเป็นประโยคที่ใช้ในการพูดมากกว่าการเขียนนั่นเอง)   แต่เมื่อ"อ่าน"แล้วไม่ได้ให้อรรถรสอันหนักหน่วงในเชิง academic น่าจะเปลี่ยนเสียใหม่...คือตัดคำวลีที่ว่า The problem is, ออกไปเป็น  The problem is based on.... หรือ The problem is derived from......ฟังแล้วมันน่าจะ academic กว่า The problem is....เป็นไหนๆ    จริงม่ะ??   แหะ แหะ แหะ   ผมแซมเปิ้ลๆ ให้ดูเท่านั้นน่ะครับ  อย่าถือสา จากคุณ : ใ (วัชรานนท์) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 05:25:49

ความคิดเห็นที่ 25 I agree with K.kanoomtan kha. Your grammar is not bad, but academic writing purposes the ideas and arguments kha. There are some points in addition to previous comments kha. 1. No offense, I feel like you did copy-paste the introduction (or bad rephrasing??). 2. Redundancy and wordiness should also be avoid, for example,  - Bangkok is the capital city of Thailand with a large population of approximately 9 million people.  - Bangkok is a capital of Thailand with approximately 9 million people. Good sentence does not have to be long kha. You should be more concise. 3. Try not to think in Thai kha. I know it is not easy, but writing diary in English can help. An example is  -  I agree that this problem is serious, but there are solutions. This is 'Thai' sentencing kha. As Khun C mentioned, they are not proper English. (I would cut it out kha because it is, anyway, unnecessary here.) -- Do not be discouraged na kha. Your essay is not so bad, and this problem happened to most Thai students at the beginning kha. I have been writing academically for couple years already, but it is never be perfect kha. แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 52 05:42:06 จากคุณ : lazymetal เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 05:40:17

ความคิดเห็นที่ 26 I totally agree with Khun C. จากคุณ : thaispicy เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 06:57:12

ความคิดเห็นที่ 27 #23 ก็แนะนำเขาก็ได้นี่ครับ วิธีที่คุณใช้มันเหมือนกับจะดูถูกคนที่เขาอ่อนนี่นา ผมเข้าใจนะเพื่อนเก่ง ๆ นิสัยแบบนี้ก็มีเยอะ...คิดว่าคนในเนตหน้าจะเป้นเพื่อนมากกว่ามาให้จิกให้กัดกันนะ จากคุณ : ohh_no เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 15:04:20

ความคิดเห็นที่ 28   To ความคิดเห็นที่ 27, Are you blind? Cant you see that i did explain the reasons why i think her essay was poor written? I actually did.. and i didn't จิก or กัด. I see your point K. ความคิดเห็นที่ 27. I will try to improve my communication skill here on the forum so that people won't be offend with language anymore. Writing is a practical skill. The only one way to improve this is to keep writing. Thank you K. วัชรานนท์ for your explanation. It's crystal clear to me. Personally, i really like it. จากคุณ : C. เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 16:04:54 A:66.91.85.245 X: TicketID:210296

ความคิดเห็นที่ 29 เข้ามาอ่านและยายามทำความเข้าใจตามค่ะ คุณ จขกท ใจเย็นเถอะค่ะ เรามาขอความรู้เค้า ก็น่าจะอ่อนๆ ลงหน่อย ส่วนคนที่เป็นตัวกวน ก็น่าจะเบาๆ ลงบ้าง ผู้รู้ผู้เก่งหลายท่านเค้าจะไม่กล้ามาคอมเมนท์ต่อไปอีก ถ้าโดนจิก โดนกัด ต่อว่ากันขนาดนั้น K. วัชรานนท์ ตอบได้เคลียร์มาก ส่วน K. C แอดวานซ์เชียวค่ะ ขอบคุณอีกครั้งคะ จากคุณ : ms.fun เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 17:09:34

ความคิดเห็นที่ 30 ว่าจะไม่ลงมาร่วมกระทู้นี้แล้วนะ แต่อ่านแล้วอดไม่ได้จริงๆขอนิดหนึ่งนะครับ ก่อนอื่นเจ้าของกระทู้ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยนะครับ สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องยอมรับและพยายามต่อไปครับ ไม่ขอวิจารณ์ในเรื่องเทคนิคนะครับ แต่มีเรื่องอะไรจะเล่าให้ฟังนะครับ ผมเป็นคนไทยที่มาโอกาสเค้าไปมีส่วนในการเขียนproposal เพื่อขอทุนวิจัยในประเทศออสเตรเลียนะครับ เค้าเรียกว่า เป็นทุน ARC (Australian Research Council) ซึ่งเป็นทุนวิจัยที่ใหญ่มากในประเทศออสเตรเลีย จริงๆแล้วผมทำเองหมดล่ะครับ โดยทีมีประสบการณ์ในการเรียนต่างประเทศ สาม สี่ปีเอง(เพราะจบโทที่เมืองไทยครับ)  จินตนาการเอาเองก็แล้วกันครับว่า ภาษาจะต้อง Academic ขนาดไหน จริงๆ แล้วคิดเอาเองนะครับ ว่าภาษาตัวเองไม่ดีหรอก ทำยังไงก็ไม่ดีเท่าเจ้าของภาษา ก่อนส่ง Prof. ก็จะให้ professional editor มาช่วยปรับปรุงในเรื่องของภาษาก่อนส่ง ก็มีแก้นะครับ ส่วนใหญ่เป็นส่วนที่คนไทยที่มาเรียน ตปท.ตอนโตๆ แล้วจะเข้าไม่ถึงน่ะครับ อย่างเรื่อง tone และ preposition อะไรทำนองเนี้ย (เห็นมั๊ยครับ ว่าการเขียนภาษาอังกฤษ ท้ายสุดก็ต้องถูกแก้ยังไงก็โดน.........เป็นเรื่องปกติครับ เราจะคาดว่าไม่ให้มันไม่ถูกแก้เลยเป็นไปไม่ได้ครับ ) ตอนนี้ได้ assessment มาแล้วไม่โดนติเรื่องภาษาเลย รอดไป แต่โดนนิดๆหน่อยๆเรื่องเทคนิคของงานที่ทำ ครานี้ต้องมีการ โต้แย้งกลับ ซึ่งขั้นตอนนี้ก็ยากอีก ทำไปแล้ว ต้องส่งให้หลายคนตรวจ (ทุกคนเป็น Prof. ฝรั่งผมแดงๆ ทั้งนั้นนะครับ พอผ่านคนที่หนึ่งแก้ ผ่านคนที่สอง คนที่สองก็แก้อีก นิดๆหน่อยๆ บางทีก็แก้จุดที่คนก่อนหน้านั้นแก้มา.......... สรุปนะครับ การเขียนภาษาอังกฤษแบบ academic นั้นต้องใช้ภาษาง่ายๆ ให้เข้าใจง่ายๆ แต่สิ่งที่อยากจะให้เข้าใจไว้ก็คือ............ต้องอดทนครับ อดทนต่อคำวิจารณ์ทุกอย่าง แล้วจะดีขึ้นครับ และการแก้ไขเป็นปกติของการเขียนภาษาอังกฤษครับ โชคดีครับ จากคุณ : Dr.Geotech-A เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 21:35:46

ความคิดเห็นที่ 31 ไวยกรณ์ผิดเป็นหย่อมๆไม่ได้รุนแรงมาก แต่อ่านแล้วเหมือนแปลไทยเป็นอังกฤษค่ะ จากคุณ : meddy เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 09:07:45

ความคิดเห็นที่ 32 ผมจะไม่มาตอบหรือแสดงความเห็นก็คงแปลก เพราะเป็นคนบอกให้เอางานมาลงสักเล็กน้อย จริงๆแล้วผมว่าที่บอกว่า poor language อาจจะไม่ได้มาจากย่อหน้านี้ก็ได้นะครับ อาจจะมาจากส่วนรวมของงานเขียนทั้งหมด ผมขอแนะนำให้ไปหาอาจารย์แล้วถามเลยว่า ทำไมถึงให้คอมเม้นท์ว่า poor language เพื่อจะเอามาพัฒนาในงานเขียนต่อๆไป เท่าที่ผมอ่านคร่าวๆนะครับ รูปประโยคก็ไม่ซับซ้อน ภาษาก็ไม่ได้แย่นักนะครับ แต่ว่า แบบนี้ยังไม่ใช่การเขียน academic ครับ เพราะอ่านแล้วไม่ลื่นไหล และถ้าสังเกตดีๆ ลองนับสิครับว่าใช้คำว่า increase กี่ครั้งในย่อหน้านี้ ควรจะใช้คำให้หลากหลายมากกว่านี้นะครับ อีกอย่าง การเขียนในปัจจุบัน ในสาขาที่ผมเรียน การใช้ I  ในงานเขียนถือว่าเป็นเรื่องปรกติครับ ก็เลยไม่มีปัญหากับงานนี้ครับ จากคุณ : beebuzz เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 52 10:34:09

ความคิดเห็นที่ 33 เอาน่ะ น้องแคทพี่ๆหลายๆท่านตอบไปแล้ว น้องก็พิจารณาดู แหมเพิ่งมาเนาะ แถมไม่สบายอีก แค่นี้ก็โอแล้ว เห็นไม๊คนอื่นโดน กว่านี้อีก บางคนรับไม่ได้เลิกเรียนไปก็มีไม่น้อย  พี่ว่าน้องทำได้อยู่แล้ว เพราะน้องตั้งใจมาเรียนนี่นาใช่ไม๊คะเป็นกำลังใจ ไม่ล้มจะรู้หรือว่าเจ็บลุกขึ้นแล้วเดินเชิดหน้าต่อไปค่ะ สู้ๆๆ จากคุณ : เปรมสินี เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 14:20:37

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ จขกท คะ หลักการเขียน ไม่ว่าภาษาไหนในโลกนี้ มันคล้ายๆกันแหละค่ะ ถ้าคุณจะเขียนภาษาอังกฤษได้ดี ต้องเขียนภาษาไทยได้ดีด้วยนะคะ โครงสร้าง essay ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ มันเหมือนกันเลยค่ะ ที่มาที่ไป จากเหตุ ไปสู่ผล การแตกประเด็น การยกตัวอย่าง แล้วนำไปสู้ข้อสรุป แนะนำให้อ่านหนังสือเยอะๆค่ะ ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ช่วยได้ค่ะ สู้ๆนะคะ จากคุณ : letsgokrabi เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 52 12:25:47

ความคิดเห็นที่ 35 พยายามอีกนิดครับ หลายท่านแนะนำได้ตรงเป้าหมายแล้ว อ่านมากๆแล้วจะเขียนคล่องขึ้นโดยไม่รู้ตัว ที่สำคัญต้องยึดหลักที่ถูกต้อง อย่าโกรธที่ใครมาติเลยนะครับ ยิ้ม แล้วสู้ต่อไปครับ... จากคุณ : Uncle Tee เขียนเมื่อ : 19 ส.ค. 52 15:58:43