ความคิดเห็นที่ 1 ^ ^ thank you for sharing krub ^^ จากคุณ : Coconut Dance : เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 12:04:55

ความคิดเห็นที่ 2   ช่วยเล่ารายละเอียดด้วยค่ะ การเตรียมตัว สถานภาพ ทำงาน/เรียน เพื่อเป็นประโยชน์ค่ะ เพราะกำลังเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ วันที่ 5 ก.ย. นี่ค่ะ ขอบคุณอีกครั้ง จากคุณ : aonnyjang เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 14:44:44

ความคิดเห็นที่ 3 ไปสัมภาษณ์ เมื่อเช้าเหมือนกันครับ แต่ไม่ได้วีซ่า ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ก็ทำแบบ คุณ Susies ทุกอย่าง ใบรับรองเงินเดือนวันลาก็มีไป อายุงาน12ปี เงินเก็บ7หลัก และก็เคยไปเที่ยว ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ จีน มาเลเซีย   ประเทศละ2ครั้ง ไม่เห็นท่านกงสุลจะถามอะไรมาก คำถามก็ธรรมดาๆ ก็ตอบได้ตามปกติ   ถามเสร็จท่านก็ดูใน156 แล้วเค้าก็พิมพ์อะไร และก็ดูในคอมก็ไม่รู้ ท่านกงสุล ใช้เวลาอ่านตั้งเกือบๆ5นาที  ทำหน้าเครียดๆด้วย แล้วก็บอกเสียใจด้วย ออกวีซ่าให้ไม่ได้ ....คุณไม่มีคุณสมบัติ...... (นึกแล้วเชียว) ก็ต้องยอมรับคำตัดสินท่านแหละนะ ป.ล. อ่อ ตอน7โมงเช้า เดินต้อยๆตามน้องคนนึงน่ารักๆจากbtsเพลินจิต น้องเค้าได้คิว 911ซะด้วย  น้องเค้าน่าจะได้้วีซ่าไปนะเห็นยิ้มๆ แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 52 19:19:22 แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 52 16:23:46 จากคุณ : dear_v2009 (dear_v2009) เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 16:07:20

ความคิดเห็นที่ 4 ดีใจกับเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ แปลกใจจัง ทำไมคุณคห.3 (dear_v2009) ถึงไม่ได้วีซ่า มีญาติโดดวีซ่าอยู่ที่นั่นหรือเปล่าคะ จากคุณ : Suweeraya เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 17:44:08

ความคิดเห็นที่ 5 ญาติผมเท่าที่ผมทราบ  ที่ผมรู้จักมาทั้งหมด  ก็ไม่มีใครโดดวีซ่าสักคนนะครับ 1. ปู่ ก็จบแพทย์ป.เอกจาก JohnHopkins ก็กลับมา 2. ลุง+ป้า ก็จบแพทย์จากอเมริกา  ก็กลับมา 3. อาคนที่แรก ก็จบโท จาก อเมริกา   ก็กลับมา 4. อาคนที่สอง  ก็จบโท จาก อเมริกา   ก็กลับมา 5. คุณพ่อของผม  วิศวะ จากอเมริกา ก็กลับมา 6. ลูกพี่ลูกน้องมีทั้งหมดแค่สามคน ก็เห็นไปจบ.เอกที่ฮาวายอยู่คนนึง ก็กลับมา       นอกนั้นอีกสองคนก็จบแพทย์ที่ไทยก็เป็นอาจารย์แพทย์อยู่เมืองไทยอยู่เลย 6. พี่ผม   ก็จบโท จาก อเมริกา   ก็กลับมา 7. น้องผม  ไปเรียนที่ฝรั่งเศสและไต้หวัน    ก็กลับมาประเทศไทย ***(เฮ้อ นับญาติมาหมดทั้งตระกูลแล้วนะเนี่ย) 8. ส่วนผมเรียนไม่เอาไหน เรียนที่ไทยอยู่คนเดียวทำงานงกๆเก็บตังค์มาตั้งนาน แต่ฝันจะไปบอลโลก เอ๊ย แต่อยากจะไปกะเค้าบ้าง  ท่านกงสุลเค้าดันไม่ให้ไปแฮะ  เง้อ  คงต้องทำใจ คราวนี้เลยตอกย้ำความเป็นแกะดำชัดเลย จริงๆผมเตรียมใจไว้แล้วด้วยว่า เพราะสังหรณ์ไว้แล้วเชียวว่าผมมีสิทธิไม่ได้วีซ่า  (คือไอ่เรื่องคนเรามันจะซวย เจอบ่อยจริงๆ ชีวิตนี้จะได้อะไรดีๆกับเค้า คงไม่ง่าย) จะว่าผมติดคดีร้ายแรงก็ไม่มีนะ ไม่เคยไปศาลหรือไปหาตำรวจเลยชีวิตนี้ ชีวิตก็เรียบๆง่ายๆ  ข้อมูลก็ให้ท่านกงสุลไปตามความจริง ไม่ปิดบังอะไรเลย ก็ไม่เห็นมีประเด็นอะไรที่ท่านติดใจหรือถามเป็นพิเศษอะนะ  แค่่ท่านดูคอมนานไปหน่อย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเจอข้อมูลอะไรเข้าไป สรุปแล้ว งบเที่ยวปีนี้ก็เลยตกไปเป็นของจีนและฮ่องกงอีกครั้ง (แต่งบยังเหลืออีกบานเลยนะนั่น) จากคุณ : dear_v2009 เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 52 19:26:56

ความคิดเห็นที่ 6   แปลกใจมาก กับคุณ Dear อายุงานก็ดี เงินก็มี อายุก็คงจะ 33-35 ไม่น่าจะมีอะไรเป็นอุปสรรค เพีอนผมแย่มากๆไม่มีอะไรเป็นเรื่องเป็นราว ยังได้มา 10 ปี ลองคิดดูดีๆครับ มันต้องมีอะไร สักอย่างน่า ที่คุณอาจนึกไม่ถึง จากคุณ : Digitalist เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 00:03:29

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาแปลกใจกับกรณีคุณ Dear  อีกคนที่ว่าทำไมไม่ได้   เพราะดูข้อมูลแล้วน่าจะผ่านมากๆ จากคุณ : very_berry เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 11:36:17

ความคิดเห็นที่ 8 ไปมาเมื่อวาน ไม่ผ่านเหมือนกัน แต่ของเราทำใจไว้อยู่แล้วว่าโอกาสได้น้อย เพราะปัจจุบันยังไม่ได้ทำงาน เนื่องจากเลี้ยงเจ้าตัวเล็กอยู่ แต่ตัวเราไปเรียนที่อเมริกามาแล้วปีหนึ่งกลับมามีน้องที่นี่ได้เกือบปีแล้ว (ไป-กลับมา 2 รอบแล้ว) สามีกับลูกคนโตได้วีซ่าท่องเที่ยวตั้งแต่ตอนที่เราไปเรียนปีก่อนแล้ว เราก็เลยไปขอให้ตัวเองกับลูกคนเล็ก (ตอนนี้ 7 เดือน) เราไม่ได้เอา statement ของตัวเอง เพราะบัญชีของเราไม่มีเงินมากมายอะไร แค่หลักหมื่น แต่เราเอาของคุณพ่อเป็นสปอนเซอร์ซึ่งเป็นเลข 7 หลัก และคุณพ่อทำธุรกิจเป็นเจ้าของกิจการ ตอนครั้งแรกที่เคยขอวีซ่านักเรียนของตัวเอง (ณ ตอนนั้นทำงานที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง) เราก็เดินทางไปเรียนอยู่ประมาณ 8 เดือนก็กลับมาช่วงเบรก และทำเรื่องขอครั้งที่สองให้คุณลูกคนโต และคุณสามี เป็นวีซ่าท่องเที่ยว/เยี่ยมเยียนก็ใช้หนังสือรับรองทางการเงินของคุณพ่อเป็นสปอนเซอร์ให้ตลอด ก็ได้มาไม่มีปัญหา แต่หนนี้พอจะขอของตัวเองเป็นท่องเที่ยวกับลูกคนเล็กบ้างกลับแห้วซะงั้น ความฝันของคุณลูกคนโตที่อยากไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ตอนปิดเทอมเลยเป็นอันพับเก็บไปก่อน (ดีนะที่เรายังไม่ไปจ่ายเงินจองทัวร์ ไม่งั้นโดนยึดมัดจำฟรี เสียดายเงินแย่) ตอนสัมภาษณ์คุณแหม่มช่อง 10 ก็อัธยาศัยดีถามนู่นนี่เยอะแยะ แถมเล่นกับลูกเราด้วย เธอต้องการให้เราโชว์statement ที่เป็นชื่อตัวเองหรือของสามี แต่เราไม่ได้เตรียมไปด้วย (เพราะมันไม่มีเงินอ่ะ ที่สำคัญคิดว่าที่ผ่านมายังใช้ของคุณพ่อได้ จึงไม่เคยคิดจะยื่นของตัวเองเลยอยู่แล้ว) ตอนนี้ยังมานั่งทบทวนอยู่ว่าถ้าเรายื่นไปจะทำให้มีแนวโน้มว่าจะได้รึเปล่าน้อ แต่ก็นะ ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว ได้แต่ งงๆ แต่ตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าอนาคตคงต้องเริ่มตกแต่งบัญชีตัวเองให้ดูดีซะหน่อยบ้างแล้ว เสียดายจังที่อยู่ดีๆ ก็เสียประวัติไปซะแล้ว เฮ้อ! ยินดีกับคนที่ผ่านด้วยนะคะ และก็เสียใจกับเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกัน แต่ของคุณ Dear นี่แปลกจังเนอะทำไมถึงไม่ได้ แต่ยังไงก็มีเงินอยู่แล้วไปเที่ยวที่อื่นก็ได้เนอะ ไม่ลองไปอังกฤษล่ะคะ น่าเที่ยวเหมือนกันน้าาาา จากคุณ : Pla_GuTT เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 20:58:54

ความคิดเห็นที่ 9   ขอโทษด้วยนะคะ ที่เพิ่งเข้ามาแชร์รายละเอียดประสบการณ์เพิ่มเติมในการขอวีซ่า อ่านของคุณ Dear แล้ว แปลกใจเหมือนกันค่ะ ว่าทำไมไม่ผ่าน ทั้งๆ ที่ทุกอย่างพร้อมหมด ไม่ทราบว่าวันนั้นคุณเดียร์ได้เบอร์อะไรค่ะ BB ได้เบอร์ 911 ค่ะ ยังไงเป็นกำลังใจให้คุณ Dear ขอวีซ่าให้ผ่านอีกครั้งนะคะ :) BB ขอวีซ่าท่องเที่ยวค่ะ ไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ช่วงปลายปี ขอไป NY 6 วัน ทำงานมาแล้ว 3 ปี เงินใน Statement มีประมาณแสนห้า เคยไปเมกาครั้งนึงค่ะ อยู่เมกา 2 เดือน และก็เคยไปเที่ยวฮ่องกง พอขอไปเมกาครั้งที่ 2 ไม่ผ่านค่ะ (ขอครั้งนี้ก็หวั่นใจอยู่ กลัวไม่ผ่าน เพราะโดนปฏิเสธวีซ่ามาแล้วครั้งนึง) เอกสารที่เตรียมก็ทั่วไปค่ะ แต่ที่เพิ่มขึ้นมาก็เอกสารรับรองสินเชื่อที่กู้มาจากธนาคารเพื่อสร้างบ้านค่ะ เพื่อจะได้รับรองว่าเรากลับมาเมืองไทยแน่นอน เพราะเรามีภาระหนี้สินและบ้านอยู่ที่นี่ค่ะ (ได้คำแนะนำมาจากเวปคุณซูซี่) คำถามที่ท่านกงสุลถามมานะคะ: ทำงานอะไร/เงินเดือนเท่าไหร่/ไปทำอะไรที่เมกาครั้งก่อน/เคยไปแล้วทำไมอยากไปอีก/ค่าทัวร์เท่าไหร่/ใครเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่าย/จะไปนานเท่าไหร่/ทำไมถึงกู้เงินสร้างบ้าน *เค้าถามไม่กี่คำถามค่ะ แต่เค้าใช้เวลานานมากในการตรวจเอกสาร และดูคอมค่ะ ตอนแรกนึกว่าจะไม่ได้แล้ว เพราะตอบคำถามสุดท้ายไม่ค่อยเคลียร์ค่ะ แล้วเค้าก็เงียบไปนานมาก แล้วก็ดูเอกสารอีกรอบ โดยเฉพาะ Statement จากนั้นก็คืนเอกสารให้ทั้งหมดค่ะ และก็บอกว่าจะส่ง Passport คืนให้อีก 2-3 วัน ตอนนั้นยังงงๆ ว่าตกลงเราได้หรือเปล่า แต่พอรวบรวมสมาธิอีกครั้งไม่เห็น Passport อีกเล่มถึงรู้ว่าผ่านค่ะ* หวังว่าประสบการณ์ที่นำมาแชร์คงจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังจะไปขอวีซ่า ไม่มากก็น้อยนะคะ ที่สำคัญเตรียมเอกสารและเตรียมตัวให้พร้อมค่ะ ถ้าสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษก็ให้ซ้อมสัมภาษณ์ไว้ก่อน พยายามทำใจให้สบาย (ทำได้ยากนิดนึงค่ะ ตัวเองยังทำไม่ได้เลย) ยิ้มแย้มกับท่านกงสุลให้มาก มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ไปมาลาไหว้ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราขอวีซ่าผ่านก็ได้นะคะ อย่าได้มองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี้ไปนะคะ ขอให้โชคดีทุกคนค่ะ :) จากคุณ : BB เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 17:01:36 A:124.120.191.106 X: TicketID:220942

ความคิดเห็นที่ 10   ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยคนค่ะ ได้วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปี แต่ว่าตอนไปสัมภาษณ์มีเงินในบ/ช แค่ 30,000 กว่าบาทเอง แล้วหนังสือรับรองเงินเดือนก็เงินเดือนแค่ 16,000 เค้าถามคำถามอยู่ 3-4 คำถาม ทำงานอะไร / ทำมานานเท่าไหร่ / ไปเมืองไหน แล้วเค้าก็มองที่หน้าคอมประมาณ 2-3 นาที แล้วก็บอกว่าเที่ยวให้สนุก ก็งงๆ ว่าทำไมได้เหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะว่าบนไว้หลายที่รึป่าวค่ะ จากคุณ : หญิง เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 20:25:58 A:124.122.100.151 X: TicketID:230558

ความคิดเห็นที่ 11 1. นั่นซิ ผมชักสงสัยแล้วว่า บนจอคอมมันมีอะไร เพราะเห็นหลายๆคนบอกเหมือนกันว่า พอสัมภาษณ์เราเสร็จ ท่านกงสุลจะดูคอมนานถึงนานมาก (่น่าจะ 2-5 นาที และแต่การอ่านไวช้าหรือข้อมูลมากน้อยก็ำไม่รู้แฮะ) 2. อืม น้อง BB คือคนน่ารักๆนั่นเอง พี่ก็เดินช้าๆถ่วงเวลาแถวๆถนนวิทยุเหมือนกันแหละ  ยินดีด้วยนะครับที่ได้วีซ่า ไม่นึกเลยว่าน้องเคยถูกปฎิเสธวีซ่ามาแล้ว  และก็ครั้งนี้  น้องมีหลักฐานที่แน่นหนาขึ้นนั่นเอง ไว้คราวหลังพี่จะหามาบ้าง(รอไปก่อนนะ US อาจจะอีก4-5ปีโน่น) 3.  คุณ Pla_GuTT  ผมว่าบางกรณีี ท่านกงสุลก็ระแวงเกินเหตุไปเอง คนมันจะโดดอย่างไรมันก็โดด คนมันจะไปเที่ยวยังไงก็ไปเที่ยว เง้ิิอ  แล้วคิดเหมือนกันเลย สัปดาห์หน้านี้ ผมก็กำลังจะไปลองขอ UK อยู่พอดีเลย ว่าจะใช้หนังสือรับรองตัวเดิมนี่แหละ เพราะถ้าขอใหม่ฝ่ายบุคคลไม่รู้จะบ่นอะไรอีกไหม 4.  กรณีผม นึกขึ้นได้ว่า ผมมาดู Bookbank ที่ยื่นไป แต่ท่านเค้าเลือกดูเล่มออมทรัพย์ที่มีเงินเดือนเข้าหมุนเวียน (แต่ฝากประจำที่มีเป็นล้าน ท่านดันไม่ดู) ซึ่งจะมีเงินแค่แสนปลายๆ  ดูแล้วน่าจะเป็นว่า มันดูบังเอิญว่า บัญชีุที่เข้าเงินเดือนของผมดูเหมือนถูกตกแต่งบัญชีมั้งครับ เพราะมีแต่ยอดฝาก ไม่มียอดถอนสักเท่าไหร่  ปีนึงก็จะถอนออกย้ายมาเก็บที่ฝากประจำปีละสามสี่หนเท่านั้น และ  ยอดฝากก็จะมาจากเงินเดือน และก็เพื่อนๆที่มันชอบมาขอยืมเงินดันชอบเอามาคืนผ่านบัญชีนี้ซะด้วย  เพราะเพื่อนบอกว่ามันสะดวกมันที่ใช้ธนาคารนี้  และบัญชีที่เข้าเงินเดือนของผมไม่ได้ผูกกับ ATMด้วย ก็เลยไม่มีการถอนเล็กๆน้อยๆเลย มีแต่ฝากลูกเดียวและไอ่เพื่อนดันมาคืนเงินตอนเดือนใกล้ๆเราขอวีซ่าซะงั้น เหอะๆ   มันเลยดูแปลกๆว่าผมไม่ใช้เงินเลยรึไง แต่ท่านกงสุลก็ไม่เห็นจะถามเรื่องบัญชีหรือเงินเดือนเลยแม้แต่น้อยแฮะ เช่นว่า  คุณเอาเงินที่ไหนใช้จ่ายกินอยู่  แสดงว่า่ท่านไม่ติดใจอะไร หรือไม่ ท่านมั่นใจมากตีความว่า ไอ่หมอนี่แต่งบัญชีชัวร์ไม่ต้องถามแล้ว  ในความจริงก็คือว่า ผมมีอีกบัญชีนึงแต่ คนละยี่ห้อธนาคารที่มี ATM ซึ่งเอาไว้ใช้จ่ายโดยเฉพาะ  ก็ตอนถอนมาฝากประจำผมก็แบ่งมาที่บัญชีนี้ให้พอใช้จ่ายในช่วง3-4เดือนไงครับ  สรุปสั้นๆคือ ผมดันไปแยกประเภทบัญชี เป็นบัญชีเข้าเงินเดือนเข้าเงินเดือนอย่างเดียว  บัญชีรายจ่ายอย่างเดียว บัญชีเก็บฝากประจำอย่างเดียว  แล้วที่นี้ท่านกงสุลก็เลือกดูเพียง1เล่มที่บังเอิญซวย ผมคิดว่ามันเป็นอย่างงี้นะ  นอกนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วแหละ นึกไม่ออกจริงๆ 5. กรณี คุณหญิง บัญชีและอะไรๆคงสมเหตุสมผลไม่เข้าข่ายจะโดดวีซ่าแหละครับ ยินดีและขอบคุณทุกๆท่านที่ร่วมแชร์ประสบการณ์ครับ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 52 13:53:21 จากคุณ : dear_v2009 (dear_v2009) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 13:49:13