ความคิดเห็นที่ 1   ความประสงค์ของเด็ก ป 1 ไม่ได้อยู่บนพื่นฐานของเหตุผล ผู้มีวัยวุฒิที่พร้อมควรเป็นผู้ตัดสินใจ คุณอายุ 55 แล้ว ไม่อยากให้ลูกอยู่ใกล้ๆหรือค่ะ เด็กมีความเป็นเด็กอยู่ไม่กี่ปีหรอกค่ะ และเขาต้องการพ่อแม่เป็นที่สุด การคุณได้มีโอกาสอยู่เมืองนอกนานๆ คุณจะรู้ว่าโรงเรียนเมืองไทยที่ดีๆ ดีกว่ารร.ที่เมืองนอกเยอะ ส่วนรร.ดีๆที่เมืองนอก ขอบอกว่าแพงมหาศาล เรียกว่าต้องขายบ้านขายช่องส่งกันเรียนทีเดียว จากคุณ : ตาน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 01:47:28 A:78.20.211.169 X: TicketID:019698

ความคิดเห็นที่ 2   เด็กเพิ่งอยู่ปอหนึ่ง จะส่งไปเมืองนอก ไม่คิดถึงลูกหรือคะ? ถึงให้เด็กไปอยู่กับคนรู้จัก แต่เขาจะดูแลลูกคุณได้ดีเท่ากับคุณหรือ? อีกอย่าง ถ้าส่งไปเข้าเอกชน ค่าเล่าเรียนแพงมากๆๆ ไม่ทราบว่าที่เมกา เด็กต่างชาติมีสิทธิ์เข้าโรงเรียนของรัฐหรือเปล่า? เราอยู่ออสฯ ระบบโรงเรียนที่นี่ โรงเรียนที่ดีๆ ส่วนใหญ่จะเป็นของเอกชน มีญาติเคยสนใจจะส่งลูกมา แต่พอบอกไปว่าค่าเล่าเรียนปีละล้าน กับค่าอยู่ประจำอีกล้าน ต้องมีเงินส่งมากกว่าปีละสองล้าน เขาก็เงียบๆ ไป ไม่พูดถึงอีก ถึงจะเข้าของรัฐบาล (บางแห่งรับนักเรียนต่างชาติ) แต่เขาชาร์จแพงกว่ามาก ปีละประมาณสี่แสนบาทได้ ขณะที่เด็กในประเทศเรียนฟรี เสียค่าอุดหนุนโรงเรียนปีนึงสามสี่พันบาท (แล้วแต่โรงเรียน) เดี๋ยวนี้โรงเรียนในประเทศไทยที่ดีๆ ก็มีหลายแห่งนะคะ ถ้าอยากให้ลูกได้ภาษา ก็ส่งเข้านานาชาติ หรือไม่ก็โรงเรียนสองภาษา คุณกับลูกก็ไม่ต้องแยกจากกันด้วย เด็กได้รับความอบอุ่น แล้วภาษาไทยเขาก็ไม่ลืม เราเห็นเด็กไทยหลายๆ คนที่มาเรียน ยิ่งมาตั้งแต่เล็กๆ ภาษาไทยก็พูดไม่ได้แล้ว กลายเป็นเด็กฝรั่งเต็มตัวไปเลย เราว่าเมกา เอาไว้ไปเที่ยวเป็นครั้งเป็นคราวดีกว่านะ ถ้าจะส่งไปจริงๆ ส่งตอนเข้ามหาลัยก็ได้ ดูแลตัวเองได้แล้ว และที่สำคัญยังมีความผูกพันกับคุณพ่อคุณแม่อยู่ จากคุณ : ข้าวปั้น เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 07:26:49 A:121.214.45.52 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 5 เด็ก ป. หนึ่ง เองจ้ะ คุณพ่อ ยังด้อยวุฒิภาวะมาก ๆ เลย ที่น้องเขาพูด ก็อาจจะเหมือนรบเร้าอยากได้ของเล่น อารมณ์ทำนองนี้หรือเปล่าเอ่ย  หนูในฐานะที่เพิ่งผ่ายวัยเด็กมา (อิอิ) ขอบังอาจเสนอความคิดว่า อยากให้ลูกบังเกิดเกล้าของคุณพ่อ เรียนที่ไทยนี่แหล่ะจ้ะ ให้เขาได้ซึมซับความเป็นไทย ไออุ่นครอบครัว คุณพ่อก็อายุมากแล้ว จะได้มีเขาไว้เป็นกำลังใจนาน ๆ ถ้าความคิดคุณน้องยังไม่เปลี่ยน ส่งไปเรียนระดับอุดมศึกษาก็ยังไม่สายจ้ะ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 07:59:04

ความคิดเห็นที่ 6   ไม่กล้าให้ความเห็น จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 08:09:02 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114

ความคิดเห็นที่ 7 อย่าเลยค่ะ  เอาไว้ใกล้ๆตัวดีกว่า ลูกยังเล็กมากนะคะ  ชี้แจงเหตุผลง่ายๆ ว่าอยากไปอยู่ห่างไกลพ่อแม่หรือ พ่อแม่อายุมากแล้วนะ อยากเฝ้าดูลูกเติบโตใกล้ตัว ให้ผู้อื่นเลี้ยงเมืองนอก ไม่ใช่ของง่าย นะคะ เป็นภาระรับผิดชอบมาก ใครจะเลี้ยงลูกได้ดีอย่างพ่อแม่เองคะ เรื่องค่าใช้จ่ายก็มีคนบอกข้างบน ร.ร. รัััฐตามเมืองใหญ่น่ะมีปัญหาทั้งอาชญากรรม และครูไม่มีประสิทธิภาพนะคะ ตามความเห็นส่วนตัวของป้านะ การศึกษาชั้นประถมและมัธยม โดยทั่วไปในอเมริกาตกต่ำมาตั้ง 40-50 ปีมาแล้ว เพราะเขา dumb down การศึกษาของชาติค่ะ เดี๋ียวนี้ขนาด average น่ะแก้ปัญหา สู้กว่าเด็กชั้นเดียวกันในต่างประเทศตั้งเยอะนะคะ ร.ร. ในอเมริกาไม่ได้ดีเหมือนกันหมดเสมอไป  เพราะไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกัน จุดมุ่งหมายแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่มุ่งจะให้สอบ Standardized tests ให้ได้คะแนนดี ไม่คำนึงว่าเด็กจะเรียนรู้จริงแท้แค่ไหน test scores ไม่ใช่การวัดความรู้สักหน่อย ที่จบๆมาอ่านไม่ออก เขียนไม่รู้เรื่อง เรียนไม่ทันเพื่อนในมหาวิทยาลัยก็มีเยอะค่ะ จากคุณ : ป้านี่เอง (ป้านี่เอง) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 08:28:13

ความคิดเห็นที่ 8   เคยเห็นลูกเพื่อนที่เขารวย ๆ เขาจะส่งไปเรียนประมาณ คนเล็ก ต่ำกว่า ป 6. คนโต จบ ป 6 มีธุรกิจเจ้าของโรงแรม ส่งไปเรียนประจำ เพื่อนอีกคนส่งไปตอนมัธยมปลายที่เมกา พอดีได้เงินก้อนจากการขายที่ได้มา 30 กว่าล้าน เขาบอกว่าปีละล้านกว่าบาท เงินทีขายทีดินได้ก็เก็บไว้ให้ลูกเรียน สองตายายหากินกันไปเดือนต่อเดือน แสนกว่าบาท โดยทีไม่แตะเงินกองทุนนั้น เพื่อเลี้ยงลูกอีกสองคนเรียนที่กรุงเทพ เขาบอกว่าพอไหว จากคุณ : สม เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 08:31:49 A:112.142.52.101 X: TicketID:140397

ความคิดเห็นที่ 9   ขออนุญาตตอบตามความรู้ที่มีแบบงูๆ ปลาๆ คงต้องเข้าโรงเรียนประถมเอกชนที่รับนักเรียนต่างชาติ สามารถออกเอกสาร I 20 ให้ลูกได้ ค่าเรียนก็จะแพง พ่อแม่ก็เป็นผู้ติดตามลูกไป แต่จะเป็นในฐานะไหน ไม่ทราบรายละเอียด ถ้าตามนี้ก็รอตอนพ่อ แม่เกษียณก็จะดี ลูกไปเข้าเกรดสี่หรือห้าก็ไม่มีปัญหาเพราะเด็กเรียนเร็ว วีซ่าของผู้ลงทุนประมาณ $100,000 ก็ขนภรรยาและลูกไปอยู่และเข้าเรียนได้ตามระยะเวลาที่ดำเนินกิจการอยู่ วีซ่านี้คือ E2 ก็ต้องใช้เวลาดำเนินการเหมือนกัน แต่ถ้าเริ่มดำเนินการตอนนี้ น่าจะเรียบร้อยก่อนเกษียณ ไม่สนับสนุนเรื่องการฝากลูกกับคนรู้จัก ส่วนจะไปอยู่รัฐไหน ไม่มีความเห็น เราไม่ชอบหนาวเหมือนกัน เลยไปอยู่ทางใต้ ขอให้สมปรารถนา จากคุณ : StandStone เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 08:33:41

ความคิดเห็นที่ 10   ขอโทษค่ะที่ส่งข้อความมาซ้ำ ลบไม่เป้นน่ะค่ะ พอดีคอมพ์ที่บ้านทันสมัยมาก กดทีนึง แล้วสามารถออกไปตากผ้าได้หนึ่งกาละมัง บางทีกลับมายังโหลดอยู่ อิฉันเลยนึกว่ายังไม่ได้กดส่งข้อความซ้ำ ขออภัยอีกครั้งค่ะ ถ้าใครลบเป็น รบกวนช่วยลบด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ข้าวปั้น เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 08:37:17 A:121.214.45.52 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 11 ลูกไปเรียน แล้วพ่อแม่จะขอวีซ่าติดตามไปอยู่ เมกาเขาก็ไม่ให้ มีเงิน $100,000 จะขอวีซ่าเมกา แบบลงทุน ก็ไม่มีสิทธิขอ ทางที่ดี เก็บเงินไว้ให้ลูกเรียนเมืองไทย แล้วไปเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งคราวดีกว่า จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 09:02:03

ความคิดเห็นที่ 12 เคยอ่านเจอวีซ่าลงทุนต้อง $1,000,000 ค่ะ   แม่เคยคิดจะให้หลานอายุ 8 ขวบมาอยู่กับเราเพื่อเรียนที่นี่    เราบอกแม่เลยว่าไม่เอา มันเหนื่อยนะเลี้ยงเด็กคนนึงเนี่ย  ไปไหนก็ลำบากคนช่วยดูแลก็ไม่มี  ไม่ก็ต้องจ่ายค่าจ้างแพงๆ จากข้อ "๖.ถ้ามีคนรู้จักจะฝากดูแลลูกเราได้ใหม ฝากอย่างไร"  คิดดีๆ นะคะเด็กยังเล็กต้องการพ่อแม่ และคนรู้จักเขาพร้อมที่จะรับฝากมั้ย   ถ้าฝากกับมืออาชีพค่าจ้างอย่างต่ำสุดๆ ก็ $10/ชม.ค่ะ จากคุณ : ตกตะกอน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 09:31:56

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่าอายุเขายังน้อยเกินไปที่จะถูกส่งไปเรียนต่างประเทศคนเดียว การที่พ่อแม่จะตามไปนั้นก็ลำบาก เด็กคงเห็นแค่สิ่งสวยงามความสนุกสนานจากการไปเที่ยว คุณควรจะบอกให้ลูกเข้าใจว่า การไปอยู่อาศัยนั้นต่างจากไปท่องเที่ยวอย่างมาก การใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนไม่ใช้เรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน ความปลอดภัย ที่อยู่อาศัย การรักษาดูแลเวลาเจ็บป่วย ทุกอย่างคือสิ่งที่ต้องคิดต้องวางแผนจัดการ เรื่องนี้ควรต้องคิดให้รอบคอบ จากคุณ : Rennis เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 10:15:09

ความคิดเห็นที่ 14 ลูกคุณตอนมาเที่ยวเขาได้อยู่ใกล้คุณด้วย เขาก็สนุกสนานมีความสุข ถ้าลองให้ไปเรียนไกลๆกันขี้คร้านจะร้องไห้คิดถึงกัน ลองให้ลูกเข้าเรียนที่ รร อินเตอร์แบบกินนอนที่เมืองไทยดูก่อนสิคะ ว่าเขาจะชอบหรือเปล่า รร ประถม มัธยม( public Sch)ที่เมกาเขาไม่ออก I-20 ให้หรอกนะคะ คุณคงต้องไป Private ซื่งค่าเรียนจะแพงมาก   คุณหาทางมาอยู่เมกาแล้วเอาลูกเข้าเรียนที่นี่เลยจะเวิร์คกว่า จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 13:30:51

ความคิดเห็นที่ 15 d จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 15:34:02

ความคิดเห็นที่ 16   ไม่ขอออกความเห็นเรื่องควรไหมควรเรื่องเด็กยังเล็ก เด็กต่างชาติเข้ารรรัฐไม่ได้ ต้องเข้ารรเอกชนเท่านั้น กฎหมายแก้ราวปี1998 คห 9 ถูกต้องครับแสดงว่าไม่ใช่งูๆปลาๆ คนไม่รู้มักคิดว่าต้องมีเงินมากๆเป็นล้านเหรียญ ความจริงวีซ่าE2 เป็นทางหนึ่งที่คนไทยใช้ในการไปลงทุนเมกาได้ และไม่ใช่คนประเทศใดก็ได้นะครับที่จะขอวีซ่านี้ได้ คนไทยเป็นชาติหนึ่งในราวยี่สิบประเทศทั่วโลกที่เมกาขอวีซ่าE2นั้ได้ แต่E2จะไม่ได้กรีนการ์ด แต่สามารถอยู่เมกาได้ทั้งครอบครัวจบลูกอายุ21 ตราบใดที่ยังรักษาการลงทุนไว้เช่นหากลงทุน$100,000 ทำร้านอาหารไทยไปสิบปีหรือยี่สิบปีก็อยู่ได้นานเท่านั้น หากขายร้านแต่ไปลงทุนอีกก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่ได้วีซ่าE2แล้วขายร้านหรือกิจการทันที ยังนี้ไม่ได้ หากพ่อได้วีซ่าE2ลุกเรียนรรรัฐบาลที่เมกาได้ วีซ่าE2 นี้ขอที่สถายทูตเมกาในไทยครับ ใช้เวลาประมาณหกเดือนถ้าเอกสารครบ หากต่องการรู้เพิ่มเรื่องวีซ่าE2 เข้ากูเกิล จากคุณ : ลุงเหมือนกัน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 16:49:23 A:121.220.92.35 X: TicketID:200151

ความคิดเห็นที่ 17 กดลบให้แล้วนะคะคุณข้าวปั้น จากคุณ : pha-sea-pha เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 17:13:04

ความคิดเห็นที่ 18 นั่นนะซิค่ะ ลูกยังเล็กมากๆ เลย แล้วการไปเที่ยวกับการไปใช้ชีวิตอยู่จริงๆ ก็แตกต่างกัน ขนาดคนที่ไปเมืองนอกโตๆ กันแล้ว รับผิดชอบตัวเองได้ ยังต้องดิ้นรน ลำบากลำบนเลยค่ะ ไว้รอให้เค้าโตกว่านี้จะส่งไปเรียนก็ไม่สายค่ะ จากคุณ : Can't forget you เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 17:34:50

ความคิดเห็นที่ 19 อายุน้องยังน้อยมากไปค่ะ..วุฒิภาวะยังน้อยค่ะ เอาไว้สัก15-16ปีก่อนแล้วค่อยมาเรียนม.ปลาย(ประจำ)ที่นี่ก็ยังไม่สายนะคะ.. จะเอามาฝากกับเพื่อนหรือญาติก็คงจะยากมากค่ะ..เพระาว่า เลี้ยงเด็ก6ขวบ1คน..ภาระมากมาย.. ทำอาหารให้ทาน,ดูแลยามเจ็บป่วย,ไปรับ-ไปส่ง, ให้อยู่บ้านคนเดียวยามที่เราไม่อยู่ก็ไม่ได้เพราะมีกม.บังคับเอาไว้ ,มีกิจกรรมหลังเลิกเรียน,ไปวันเกิดเพื่อนฯลฯ แล้วที่สำคัญเพระาต้องรับผิดชอบชีวิตน้องเค้าด้วย..ถ้าเกิดอะไรเกิดขึ้น..คนที่รับฝากเอาไว้(เพื่อน)..ได้ย้ายจากบ้านไปอยู่คุกแน่ๆๆค่ะ.. ลองตัดสินใจดดูใหม่นะคะ..ด้วยความเคารพค่ะ.. จากคุณ : Happyjune เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 20:12:45

ความคิดเห็นที่ 20 รอตอนมัธยม ลองให้เขาไปแลกเปลี่ยนดูก่อน เพราะเขาไจะได้ไปเรียน high school แล้วดูว่าเขาชอบมั้ยก่อน ดีกว่ามั้ยคับ ถ้าเขาชอบ แล้วสนับสนุนต่อ ตอนเรียนตรี หรือโทก็ได้ เผลอๆ Host family อาจจะรับเลี้ยงต่ออีกก็ได้ ไม่ต้องเสียค่าที่อยุ่เลย เสียค่าเรียนอย่างเดียวคับ เด็ก ป.1 ยังเล็กอยู่เลย ถ้าอยากให้ได้ภาษา เรียนโรงเรียน inter ก่อนมั้ยคับ ขอให้คิดดีๆ ก่อนนะคับ จากคุณ : pittboy2603 เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 22:42:42

ความคิดเห็นที่ 21 เรียนโรงเรียนอินเตอร์ในไทยก่อนก็ได้มั้งคะ จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 23:26:36

ความคิดเห็นที่ 22 คุณพ่อลองให้คุณลูกดูแลตัวเองก่อนดีป่าวคะ แบบว่าต้องตื่นหกโมงเช้า มากินข้าว อาบน้ำ แต่งตัว จัดของไปโรงเรียนเอง โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องช่วย กลับจากบ้านก็ต้องจัดของให้เรียบร้อย ดูแลเสื้อผ้า อาหาร ถึงเวลาเข้านอนให้นอนเอง ลองบอกให้คุณลูกใช้ชีวิตแบบเด็กประถมเมกันดูซักเดือน ถ้าเค้าทำได้โดยไม่บ่น ค่อยมาหาโรงเรียนกัน การขี่ม้าชมเมือง กับ การมาอยู่จริงมันต่างกันเยอะนะคะ จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 00:06:17

ความคิดเห็นที่ 23   ขอบคุณทุกความเห็นครับ มีประโยชน์มาก ที่ให้ไปเรียนตอนเด็ก(กะไปเข้าป.๔หรือป.๕)พ่อเกษียณพอดีและพรรคพวกชวนไปลงทุน ก็สอดคล้องกับความเห็นของคุณStandStoneและอีกหลายๆท่านมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเพราะทุกท่านมีความเป็นห่วงเด็ก ลุงจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ เพื่อเขาเราทำได้(อยากให้ลูกมาอ่านจัง) และจะมาแวะเยี่ยมอีกครับโดยเฉพาะเกี่ยวกับE2 ลุงยังไม่มีความรู้เรื่องนี้ ขอขอบคุณทุกท่านครับ จากคุณ : jaewbong2009 (jaewbong2009) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 00:47:03

ความคิดเห็นที่ 24   ขอบคุณ คุณ pha-sea-pha ที่ช่วยลบข้อความซ้ำให้ค่ะ จากคุณ : ข้าวปั้น เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 08:33:41 A:58.165.30.52 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยกับเพื่อนๆพี่ๆข้างบนอีกหนึ่งเสียง คุณพ่อรอให้ลูกขึ้นมัธยมก่อนดีไหมคะ? จากคุณ : Jennifer Lowclass เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 09:17:23

ความคิดเห็นที่ 26 ขอตอบแบบอ้างอิงตัวเองนะคะ (จะมีคนอ่านมั๊ยเนี่ยเรื่องชีวิตเรา..แตกกระทู้เลยดีมั๊ยเนี่ย...เอิ๊กกก) ตอนเราอายุสิบสอง พ่อแม่พามาเที่ยวอเมริกา เราชอบมาก..ทุกอย่างมันถูกใจใช่เลย ก็เลยขอพ่อบอกว่า ขอมาเรียนที่นี่ละกัน เราสนิทกับพ่อมาก ถือว่าเป็นลูกรักของพ่อเลย อยากได้อะไรได้ตลอด เมื่อมาถึงเรื่องการมาเรียนที่อเมริกา พ่อก็ถามซ้ำๆ ย้ำไปๆมาๆว่าอยากไปอยู่อเมริกาจริงๆเหรอ แน่ใจนะว่าอยากไป ตอนที่มาอเมริกานั่นเดือนมีนาได้ (ปิดเทอมเมืองไทย) พอดีโรงเรียนที่นี่เปิดกันยา เลยมีเวลาทำเรื่องนานหน่อย รวบรัดตัดความ..เดือนกันยาเราก็ได้มาเรียนที่อเมริกาสมใจค่ะ แต่พอมาอยู่ได้เดือนกว่าๆ ความเห่อมันก็หายไป reality sets in เราเกิดอาการโฮมซิค โทรหาพ่อบอก "ปะป๊า หนูไม่อยากอยู่แล้วค่ะ อยากกลับเมืองไทย ขอกลับนะคะ" พ่อตอบว่า "ป๊าถามหนูหลายหนมากนะ ก่อนจะทำเรื่องว่าแน่ใจใช่มั้ยว่าอยากจะไป ถ้าหนูโตพอที่จะตัดสินใจได้เอง หนูก็โตพอที่จะยอมรับผลลัพธ์ของมันด้วย" พ่อพูดจบ...สายก็ตัด..คลิ๊ก... เราน้ำตาแตก....โทรหาพ่อสายตรงพ่อไม่ยอมรับ โทรหาเลขาพ่อ พี่เค้าก็ตอบว่า "คุณพ่อหนูสั่งไว้ค่ะว่าถ้าหนูโทรมาห้ามโอนสายให้ท่าน"   คุณจขกทรู้มั้ยคะว่าความรู้สึกเด็กอายุสิบสองเจออย่างนั้นมันแย่ขนาดไหน? พ่อไม่รับโทรศัพท์เราเป็นเดือน เราก็ค่อยๆปรับตัวจนไม่ได้ร้องขออยากจะกลับบ้านอีก จนโรงเรียนปิดเทอมซัมเมอร์เดือนมิถุนา เราก็ได้กลับเมืองไทย เรานั่งคุยกับพ่อตอนกลับไป พ่อบอกเราว่า "รู้มั้ยทำไมวันนั้นป๊าไม่รับโทรศัพท์ลูก...เพราะถ้าป๊ารับแล้วหนูร้องไห้มาตามสาย ป๊าจะต้องใจอ่อนต้องให้หนูกลับมาแน่ๆ ป๊าเลยต้องฝืนไม่รับ เพื่อให้หนูได้เข้าใจว่าคนเราเมื่อตัดสินใจจะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบ และเมื่อเกิดปัญหา เราก็ต้องฝ่ามันไปด้วยตนเองนะลูกนะ" เราเขียนเรื่องจากชีวิตเราให้คุณลุงจขกทอ่านเพราะอยากให้ลุงมองดูนะคะ จากมุมมองของลูกอายุสิบเอ็ดสิบสอง และจากมุมมองของพ่อ ถ้าคุณสนิทกับลูกอย่างที่พ่อสนิทกับเรา...มันยากมากๆค่ะ เรื่องเงินมันไม่สำคัญเท่าเรื่องของอารมณ์และความรู้สึกค่ะ มานั่งคิดดู นี่ 15ปีแล้วนะที่ไม่มีพ่อแม่อยู่ใกล้ๆในวันเกิด...อาจจะได้ยินเสียงทางโทรศัพท์ แต่ไม่มีคนแย่งทานเค้ก ไม่มีอ้อมกอดอุ่นๆ ไม่โดนหอมแก้มฟอดใหญ่ๆในวันเกิดจากผู้ให้กำเนิดในวันเกิดตั้งแต่อายุสิบสองมาแล้ว ขอสรุปง่ายๆ 1. ถ้าจะให้ลูกมาเรียน พ่อแม่ควรจะดูแลเอง ไม่ควรให้ไปอยู่กับคนอื่นค่ะ 2. เข้าโรงเรียนรัฐไม่ได้ ต้องเข้าเอกชนอย่างเดียวค่ะ เรื่องอื่นๆมีคนตอบหมดแล้วค่ะ จากคุณ : CaliGirl เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 16:05:29

ความคิดเห็นที่ 27   ถึง จขกท การไปอยู่ต่างประเทศในระยะสั้น ในฐานะ tourist กับการไปอยู่ตปท.จริงๆ ในฐานะ resident มันต่างกันมาก เพราะคุณจะเห็นอะไรมากขึ้น และที่เห็นมากขึ้นนี่ มันจะเป็นภาพลบซะส่วนใหญ่ เพราะภาพบวกมันเห็นไปตั้งแต่แรกแล้ว จากพื้นเพที่คุณเป็นข้าราชการ รอจนวัยเกษียณแล้วย้ายไปอยู่อเมริกา ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะปรับตัวเข้ากับสังคม และ mentality ของ real American อยากให้พิจารณาตรงนี้ด้วยค่ะ ส่วนลูกชายคุณ เมื่อถึง ป 4 อาจเปลี่ยนใจ อยากไปเกาหลีแล้วก็ได้ ใครจะรู้ คุณจะตามไปด้วยมั๊ยหละ จากคุณ : ตาน เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 18:34:48 A:78.20.212.159 X: TicketID:019698

ความคิดเห็นที่ 28   ขอขอบคุณคุณGaliGirlที่มาเล่าไห้ฟังครับ ผมได้มีโอกาสไปหลายประเทศผมไปศึกษาดูงานเสร็จแล้วผมก็ขับรถชมเมือง ชนบท ดูวิถีชีวิตวัฒนธรรม สังคม สิ่งแวดล้อม ค่ำไหนนอนนั่น เมกาไปเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาและได้ไปอีกหลายครั้งล่าสุดเมื่อปิดเทอมที่ผ่านมานี่เอง ก็ได็เห็นสิ่งดีๆมากมายสิ่งที่แย่ๆก็มี สิ่งดีๆเราก็เอามาใช้สิ่งไม่ดีเอาไว้ศึกษา หลายอย่างเขาไปไกลกว่าเราเยอะ โดยภาพรวมแล้วเมืองไทยดีที่สุดครับ อยากกินก็ได้กินอยากนอนก็ได้นอนไม่มีจำกัดเวลาจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นตามแบบฉบับไทยๆ แต่!!!!!!?ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังขาดไป ผมจึงวางแผนให้ลูกไปเรียนที่นั่นตั้งแต่เด็ก(กะไปเข้าป.๔หรือ๕พ่อเกษียณ)ให้เขาทิ้งนิสัยแบบไทยๆไว้ก่อน ไปเอาความมีระเบียบวิน้ย พัฒนาการทางความคิด รู้จักความลำบาก พึ่งตนเอง หาความรู้ๆๆๆ หลังจากนั้นเป็นเรื่องของเขาตัดสินใจเอง ถึงเวลานั้นลุงคงลาโลกไปแล้ว ลุงมิได้หวังให้เขากลับมาเป็นนักการเมือง เป็นเศรษฐีที่คิดคอยเอาเปรียบคนอื่นหรือสิ่งที่มันเกินเลยของชีวิตอ้อ ช่วงเขาไปเรียนลุงว่าจะไปอยู่กับเขาด้วยสักระยะตอนนี้กำลังหาข้อมูลว่าจะไปอยู่อย่างไร วางแผนไว้ล่วงหน้าดีกว่าไม่ได้วางแผน จะเป็นไปตามแผนหรือไม่เมื่อถึงเวลานั้นถึงจะรู้เพราะโลกเราเปลี่ยนไปเร็ว อาจเปลี่ยนใจไปเกาหลีก็ได้ตามที่คุณตานว่า ตอนนี้ลุงสนใจไปแบบE2 ท่านใดที่มีปสก.เรื่องนี้ชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : jaewbong (jaewbong2009) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 10:39:43

ความคิดเห็นที่ 29 #26: Thanks for sharing krub. จากคุณ : amatuer translator เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 11:19:12

ความคิดเห็นที่ 30 ลองดูประเทศนิวซีแลนด์ ซิครับ 1 ค่าเรียน+ค่าครองชีพ ไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับ USA (ปีละประมาณ 450,000-500,000 บาท) 2 ความปลอดภัย 3 สามารถขอวีซ่าผู้ปกครอง (สามารถทำงานได้) 4 มีเอเจนซี่หลายแห่งที่พร้อมให้ข้อมูล จากคุณ : ลูกสองแล้ว เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 13:58:13