ความคิดเห็นที่ 1 ไม่มีห้ามการถือสองสัญชาติ คนไทยถือทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอเมริกันเยอะแยะค่ะ จะมีเพียงบางประเทศเท่านั้นที่ก่อนที่ใครจะไปถือสัญชาติประเทศเขา จะต้องไปสละสัญชาติเก่ามาก่อน ขนาดคนไทยสมัยก่อนๆที่เคยสละสัญชาติไทยไปเพราะต้องการไปถือสัญชาติตามคู่ครอง ถ้าหย่าแล้วยังไปขอสัญชาติไทยคืนได้เลยค่ะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 11:40:13

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องสัญชาติ  กฎหมายไทยจะห้าม  หรือไม่ห้าม  จะอนุญาต  หรือไม่อนุญาต  ...............  ขอสรุปให้เป็นรูปธรรมทางกฎหมาย  ดังนี้ 1. ประเทศไทยไม่มีกฎหมายใด อนุญาต ให้คนไทยถือสองสัญชาติ  หรือมากกว่านั้นได้ 2. ขณะเดียวกัน  ประเทศไทย  ก็ยังไม่มีกฎหมายฉบับใด  ตั้งแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญ  อันเป็นกฎหมายสูงสุดทุกฉบับ  บัญญัติ " ห้าม " คนไทยมีสองสัญชาติ  หรือมากกว่านั้น แปลความได้ชัดเจน  คือ   "เกิดเป็นคนไทยจะถือกี่สัญชาติก้ได้  ถ้าชาติอื่นเขาให้ถือ " จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 11:59:15

ความคิดเห็นที่ 3   ผมอ่านที่จขกทเขียนแล้วไม่เห็นขัดแย้งกันตรงไหน ต่างกันแต่ว่าคำตอบละเอียดชัดเจนกับไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 12:03:00 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114

ความคิดเห็นที่ 4 ***************นี่คือคำตอบที่แตกต่าง************************** คำตอบของกรมการกงสุล ทุกคนที่แปลงสัญชาตต้องเสียสัญชาติชาติไทย เพราะมหาดไทยได้ขอให้สถานทูตส่งชื่อที่อยู่ของคนไทยที่แปลงชาติไปยังมหาดไทย เพื่อประกาศให้เสียสัญชาติในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ส่วนคำตอบของ กระทรวงการต่างประเทศ , สถานกงสุลใหญ่ ฯ (New York) ต้องทำเรื่อง สละสัญชาติไทยเอง ไม่ใช่ให้ สถานทูตส่งชื่อที่อยู่ของคนไทยที่แปลงชาติไปยังมหาดไทย ***************นี่คือคำตอบที่แตกต่าง************************** จากคุณ : evor (evor) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 12:17:15

ความคิดเห็นที่ 5   คำตอบของกงศุล (ตามที่ผมเข้าใจ) การที่คุณขอสัญชาติอเมริกัน มีสัญชาติอเมริกันแล้ว ไม่ได้หมายความว่าคุณแปลงสัญชาติ มีความหมายเพียงว่าคุณมีสัญชาติอเมริกันเพิ่มอีกสัญชาติหนึ่งเท่านั้น คือคุณมีสองสัญชาติ แต่เดิมคุณมีสัญชาติไทย การแปลงสัญชาติไทยคือการสละสัญชาติไทย การสละสัญชาติไทย "จะมีผลก็ต่อเมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเท่านั้น" การจะมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาก็ต้องทำเรื่อง ทำเป็นทางการก่อน ดูเหมือนว่าจะต้องมีการยกมือสาบานตนต่อเจ้าหน้าที่ด้วยแต่ผมไม่แน่ใจ ลองอ่านความเห็นที่ 1 อีกทีซิครับ เรื่องกฏหมายนี่มันยุ่งนะ เขาเล่นกันตรงภาษาและตรรกะนี่แหละ คนไทยเรียนกฏหมายที่อเมริกานี่ต้องรู้ภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างดีทีเดียว งูๆปลาๆเหมือนผมไม่ได้ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 13:21:58 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114

ความคิดเห็นที่ 6   ถ้า"แปลง"สัญชาติ ย่อมเสียสัญชาติดั้งเดิม นี่"ขอ"สัญชาติใหม่ จึงไม่เสียอันเดิม เหมือนคุณมีใบขับขี่ไทย ใบขับขี่เบลเยี่ยม ใบขับขี่อเมริกัน มีมันทั้ง 3 ใบ จากคุณ : ตาน เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 14:09:54 A:78.20.212.159 X: TicketID:019698

ความคิดเห็นที่ 7 รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ สายสุนทร (อ.แหวว) อาชีพ: ข้าราชการ ตำแหน่ง: รองศาสตราจารย์ องค์กร/บริษัท: คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ http://gotoknow.org/blog/people-management/259492 ข้อสงสัยของ อ.แหวว ก็คือ ข้อสงสัยประเด็นแรกมาจากที่คุณอาภรณ์ว่า กม.ไทยไม่ยินยอมให้คนสัญชาติไทยถือสองสัญชาติ ??   เอ..ข้อห้ามปรากฏตรงไหนของกฎหมายไทยล่ะคะ ช่วยกันตรวจสอบอีกทีซิคะ  คนสอนกฎหมายสัญชาติทั้งหลาย อ.แหววไม่เคยเห็น “ข้อห้าม” นะคะ  เคยตรวจสอบมาสัก ๒ ครั้งแล้ว  สังเกตเห็น  ความเป็นไปได้อยู่สองที่  กล่าวคือ  มาตรา ๒๒ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘   แต่เมื่อพิจารณาตัวบท ซึ่งก็ไม่ได้ห้าม เพียงแต่บอกว่า ถ้าทำ ก็จะเสียสัญชาติไทย ไม่มีบทกำหนดโทษ  และยังมิใช่การเสียโดยอัตโนมัติ  จะต้องรอการประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยข้อเท็จจริง เราจึงพบว่า มีคนไทยในอเมริกามากอยู่ไปแปลงสัญชาติเป็นอเมริกัน  แต่เมื่อไม่มีการประกาศให้เสียสัญชาติไทยตามมาตรา ๕ การเสียสัญชาติไทยก็จะเกิดไม่ได้ นอกจากนั้น หากเป็นกรณีที่ได้สัญชาติต่างประเทศโดยผลของการสมรส ก็ไม่น่าจะเข้ามาตรา ๒๒ เพราะไม่ใช่การแปลงสัญชาติ จึงไม่น่าจะเสียสัญชาติ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องแบบนี้ ยังไม่มีคำพิพากษาศาลแพ่งหรือศาลปกครองไทยในเรื่องนี้  ประเด็นนี้ น่าเอามาทำวิจัยกันสักทีนะคะ หมู่เฮาว่าไงคะ ขอความเห็นค่ะ และคราวหน้าไปสนทนาวิชาการกับท่านอาจารย์มีชัย อ.แหววเห็นทีจะเอาเรื่องนี้ไปหารือค่ะ ประเด็นนี้ มีคนมาหารือเป็นประจำ ------------------------------------------------------------------------------ "ขอ"สัญชาติใหม่ , การมีสัญชาติอเมริกันเพิ่มอีกสัญชาติหนึ่ง อันนี้คือ การแปลงสัญชาติ ตามความเห็นของอาจารย์แหวว ผมเคยไปคุยกับ อาจารย์แหววอาจารย์ก็ยืนยันตามนั้น แล้วตกลงสถานทูตส่งชื่อที่อยู่ของคนไทยที่แปลงชาติไปยังมหาดไทย หรือปล่าว?????? ----------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : evor เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 14:43:03

ความคิดเห็นที่ 8 http://www.library.msu.ac.th/meechaihome/index.php?sect=readqa.php&qid=21572 ห้องมีชัย ฤชุพันธ์ การแปลงสัญชาติ (Naturalization) การแปลงสัญชาติ คือกระบวนการตามกฎหมายที่เปิดโอกาสให้คนต่างชาติสามารถได้รับสัญชาติอเมริกันได้  ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว  คนต่างชาติที่จะมีสิทธิยื่นขอสัญชาติอเมริกันนั้น  จะต้องเป็นคนต่างชาติที่มีสถานะเป็นพลเมืองถาวรของสหรัฐฯ (หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าจะต้องเป็นผู้ที่มีกรีนการ์ด)  และจะต้องเป็นผู้ที่มีถิ่นที่อยู่ในสหรัฐฯ เป็นระยะเวลาอย่างนั้น ห้าปี ติดต่อกัน  ก่อนวันที่จะยื่นขอแปลงสัญชาติ   (หรือ 3 ปี  หากเป็นกรณีที่ได้รับกรีนการ์ดจาการแต่งงานกับซิติเซ่น)    ตัวอย่างของกลุ่มผู้ที่มีสิทธิยื่นขอแปลงสัญชาติ   refugees, asylees และผู้ที่อยู่ในสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมายประเภทอื่นๆ  โดยทางสำนักงานฯ จะได้มีการอธิบายในรายละเอียดของการแปลงสัญชาติอีกครั้ง  ในบทความเฉพาะเรื่องการแปลงสัญชาติต่อไป  แต่โดยคร่าวๆ แล้ว  กระบวนการแปลงสัญชาติประกอบด้วย  การยื่นใบสมัคร  ตามมาด้วยการพิมพ์ลายนิ้วมือ   การสัมภาษณ์ (หรือที่รู้จักกันว่าการเข้าสอบซิติเซ่น)  และการให้ปฏิญาณตน จากคุณ : evor เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 15:14:06

ความคิดเห็นที่ 9 คำถาม: มาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 บัญญัติไว้ว่า ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวหรือสละสัญชาติไทยหรือถูกถอนสัญชาติไทย ย่อมเสียสัญชาติไทย   คำตอบ : ถ้าดูตามมาตรานี้ถ้าคุณแปลงสัญชาติเป็นอเมริกันคุณก็ย่อมเสียสัญชาติไทย แต่เนื่องจาก พ.ร.บ.สัญชาติฯไม่มีบทกำหนดโทษ ทุกวันนี้จึงมีคนถือสองสัญชาติถือหนังสือเดินทาง 2 เล่มเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไรคุณก็ถือไป เว้นเสียแต่คุณไปทำนิติกรรมหรือกระทำการใดๆที่ห้ามคนต่งชาติทำแล้วเกิดมีคนร้องขึ้นมา เช่นวันดีคืนดีคุณอยากเป็น สส.คุณก็ไปสมัครรับเลือกตั้ง และได้รับการเลือกตั้งเป็น สส. ผมบังเอิญรู้ว่าคุณมีถือสัญชาติอเมริกันอีกหนึ่งสัญชาติเลยร้องไปยัง กกต. นั่นแหละถึงจะเป็นเรื่อง   สรุป การถือสองสัญชาติย่อมมีผลสมบูรณ์จนกว่าผู้มีส่วนได้เสียร้องขึ้นมา   โดยคุณ พ.ต.ท.เฉลิมพงศ์ วัฒนสุข (รอง ผกก.ด่าน ตม.สตูล ช่วยราชการ กก.อก.ตม.3 )   http://www.imm3.police.go.th/webboard/view.php?No=678   __________________________________ จากคุณ : evor เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 15:24:51

ความคิดเห็นที่ 10   ผมไม่ได้เป็นนักกฏหมายนะครับ แต่ผมตีความตามที่เขาเขียนตอบ จขกท คำว่าขอสัญชาติใหม่ ขอสัญชาติเพิ่ม การแปลงสัญชาติ ไม่เหมือนกันนะ ที่จขกทบอกว่า "แล้วตกลงสถานทูตส่งชื่อที่อยู่ของคนไทยที่แปลงชาติไปยังมหาดไทย หรือปล่าว??????" เขาไม่ได้แปลงจากสัญชาติไทยนี่ครับ เขาเพิ่มจากสัญชาติไทย การมีสัญชาติอื่นก็ไม่มีกฏหมายที่ทำให้เสียสัญชาติไทย ถ้าแปลงสัญชาติคือไม่ต้องการเป็นไทยแล้วก็ต้องทำดังกล่าว เท่าที่ทราบทั้งอเมริกาและไทยแม้จะไม่มีการรับรองสองสัญชาติ (เช่นฟิลิปปินส์กับอเมริกา) แต่ก็ไม่มีกฏหมายห้าม แถมยังรับรู้กันเป็นนัยๆทั้งสองฝ่ายอยู่แล้ว น้อยนักที่คนไทยที่จะทำพิธีสละสัญชาติไทยและประกาศในราชกิจจานุเบกษา แม้เขาจะมีสัญชาติอเมริกันและทำหน้าที่สำคัญๆและต้องมี Security Clearance สูงๆ ในรัฐบาลอเมริกันแล้วก็ตาม ผมเพิ่งเข้าไปอ่านลิงค์ที่บอกข้างบนมา เข้าใจว่า "ซึ่งตามกฎหมายไทยไม่ยินยอมให้ถือสองสัญชาติ แต่ไม่มีบทลงโทษ" ตามปกติ เมื่อไม่ยินยอมมันก็ต้องผิด ถ้าผิดก็ต้องลงโทษ อาจารย์อาจจะหมายถึงการ"ยอมรับ" เป็นทางการว่ามีสองสัญชาติ หรือมีการให้สัตยาบรรณ Ratification มากกว่า หรือ (อาจารย์คงไม่พลาด) แต่ เดลินิวส์ มั่วก็ได้นะครับ เอาง่ายๆ แปลความได้ชัดเจน คือ "เกิดเป็นคนไทยจะถือกี่สัญชาติก้ได้ ถ้าชาติอื่นเขาให้ถือ " จากคุณ : Detente จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 15:38:42 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114

ความคิดเห็นที่ 11   คำว่า"ไม่ยินยอม" กับ "ไม่ยอมรับ" ฟังแล้วคล้ายๆกันนะครับ แต่มันคนละเรื่องเลยทีเดียว จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 15:47:34 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114

ความคิดเห็นที่ 12 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2525/D/130/3685.PDF ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการเสียสัญชาติ นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ เดิมเป็นบุึคคลสัญชาติไทย ต่อมาได้รับอนุญาต จากรัฐบาลสหรัฐอมริกา ให้แปลงสัญชาติเป็นคนสัญชาติอเมริกาได้เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2522 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงขอประกาศให้รับทราบทั่วกันว่า บุคคลดังกล่าวนามข้างต้นได้เสียสัญชาติไทยไปแล้ว ประกาศ ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2525 พลเอก สิทธิ จิรโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย -------------------------------------------------------------------- มีคนไปร้องว่ามีสองสัญชาติเรื่องเลยส่งไปโดยกรมตำรวจ -------------------------------------------------------------------- จากคุณ : evor เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 17:30:00

ความคิดเห็นที่ 13 *** ขออนุญาตกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง  จากความเห็นที่ 2 *** ขอเรียนว่า  เรื่องสัญชาติ สำหรับข้าพเจ้าแล้ว  เป็นเรื่องน่าสนุก  น่าคุยด้วย และเรื่องอย่างนี้ยังหากินไปได้อีกนาน เพราะจะต้องมีผู้สนใจเข้ามาถามในห้องนี้แทบทุกเดือน  ปีละประมาณ 12 ครั้งโดยเฉลี่ย ต่อไปนี้จะเป็นการคุย  หรือทางวิชาการเขาเรียกว่า  " การให้ความเห็นทางกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องสัญชาติ "  แต่อย่างจะออกไปในทางคุยกันสนุก ๆ  ให้สบายอารมณ์   โดยทั้งหมดจะตั้งอยู่บนสาระที่เป็นจริงของกฎหมาย  ทั้งนี้  ไม่ต้องไป  " ซีเครียด"  มากนัก 1. ยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า  ประเทศไทยไมมีกฎหมายใด " อนุญาต " และทั้งไม่มีกฎหมายใด " ห้าม " คนไทยให้ถือ  หรือไม่ให้ถือสองสัญชาติ  แน่นอน  และเด็ดขาด หากท่านผู้ใดค้าน  หรือแย้งว่ามีกฎหมาย  "อนุญาต " หรือมีกฎหมาย " ห้าม "  เช่นว่า  ขอได้โปรดกรุณายกเอากฎหมายนั้นๆ  มาตีแผ่กันในที่นี้ให้เห็นกันจะ จะ  จะเป็นพระคุณเหลือหลายล้นทรวง 2. พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508  ตามมาตรา 22 ประกอบมาตรา  5 ที่ว่า  คนไทยหากแปลงสัญชาติเป็นต่างด้าว   หรือสละ  หรือถูกถอนสัญชาติไทย  ย่อมเสีย  สัญชาติไทย  และการเสียสัญชาติไทยจะมีผลสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้มีการนำชื่อบุคคลนั้นไปประกาศว่าเสียสัญชาติในราชกิจจานุเบกษา  นั้น นี่ไม่ใช่การ " ห้าม " คนไทยไปมีสัญชาติอื่นนะ   แต่เป็นการให้คำอธิบายว่า  " ผล "ของกฎหมายจะเป็นอย่างไร  หากคนไทยไปแปลงสัญชาติเป็นอื่น  เท่านั้นเอง  และแค่นี้เอง  อ่านแล้วกรุณาอย่าได้ตีความไปไกลถึงขนาดว่าเป็นการ " ห้าม " คนไทยไปมีสัญชาติที่สอง  สาม  สี่  หรือ ห้า  เด็ดขาด 3. ส่วนในมาตรา 14  ที่บัญญัติให้คนไทยที่เกิดในขณะบิดาเป็นต่างด้าว และได้สัญชาติของบิดา   หรือกรณีบุตรได้แปลงสัญชาติเป็นไทยตามบิดา   หากเมื่อบุคคลเหล่านี้มีอายุครบ 20 ปี  และยังต้องการมีสัญชาติอื่นต่อไป  ก็ให้มาทำการสละสัญชาติไทยเสีย นี่เขาไม่ได้ " ห้าม "  หรือไม่ได้ " บังคับ " ให้คนไทยต้องเลือกสัญชาตินะ  เพราะกฎหมายไม่ได้มีบทลงโทษอันใดเลย  หากคนไทย 2  สัญชาติคนนั้นยังต้องการมีสัญชาติอื่น ( ของพ่อ ) โดยไม่ไปสละสัญชาติไทยเมื่ออายุครบ 20 ปี  เขาเพียงแต่เขียนกฎหมาย " เตือน " ขึ้นมาลอยๆ  เท่านั้น   กฎหมายไทยไม่กล้าทำอะไรกับคนไทยมีสองสัญชาติดอก  จะบอกให้ โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย 4. ส่วนที่ว่า มหาดไทยขอให้สถานทูต/สถานกงสุลไทยในต่างประเทศแจ้งชื่อคนไทยที่แปลงชาติไปเป็นอื่นมาให้  เพื่อนำไปประกาศรายชื่อเป็นผู้เสียสัญชาติไทย  ตามมาตรา 5  นั้น  ยิ่งออกทะเลไปกันใหญ่ ขอเรียนว่า  เรื่องนี้เป็นหลักการของมหาดไทยที่เคยมีหนังสือขอร้องมายังกระทรวงการต่างประเทศ  จริง  สมัยเมื่อนานมาแล้ว แต่ในความเป็นจริง  ยังไม่เคยปรากฎว่ามีสถานทูต/สถานกงสุลใหญ่ไทยที่ประเทศไหนในโลกใบนี้ไล่ตามล่าหารายชื่อคนไทยในต่างแดนที่ได้แปลงสัญชาติไปเป็นอื่น  แล้วนำมารายงานให้มหาดไทยดำเนินการแต่อย่างใด   ก็ยังเห็นคนไทยทั่วโลกในหลายๆ  ประเทศที่มีสองสัญชาติ  มีอยู่ทั่วไป  เต็มไปหมด  ที่เข้ามาเล่นในพันทิพ  ก็มากหลาย  ก็ในห้องพันทิพ  ใกล้ๆ ตัวในห้องไกลบ้านที่ถือพาสปอร์ต  สองเล่ม  สองสัญชาติ  ก็มีมากมาย  จริงไหมท่าน   ก็คุณ S  คุณ B  คุณ L คุณ J  คุณ h  คุณ F  คุณ พ คุณ ก  คุณ ย    ฯลฯ  ฯลฯ  อ้อ  ลืมคุณ อ  ไปคนหนึ่ง  .....  ใช่ไหมล่ะ บอกแล้วว่าจะไม่มีรัฐบาลไทยรัฐบาลไหนตั้งใจจงเกลียดจงชังคนไทยที่มีสองสัญชาติ  ถึงขนาดจะไล่ตามจับเขามา " ถอดสัญชาติไทย " ดอกนะ ตรงกันข้าม มีแต่จะถนุถนอมคนไทยเหล่านี้ไว้  นี่คือความลับ ( อย่าไปบอกใครนะ) ไอ้ที่มีประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เสียสัญชาติไทย  นั้น  ส่วนใหญ่ 95 เปอร์เซนต์เป็นเรื่องของ " เจ้าตัว " สมัครใจยื่นเรื่องขอสละสัญชาติเอง ทั้งนั้น นอกนั้น  เป็นเรื่องของคนไทยที่ได้สัญชาติไทยมาด้วยการแปลงชาติมาจากชาติอื่น  ซึ่งคนไทยประเภทนี้ภูมิคุ้มกันไม่แข็งเรงเท่ากับคนไทยโดยกำเนิด   5 . หากถามว่า  อ้าว ...... ในเมื่อไม่มีกฎหมายไทย " ห้าม "  และไม่มีกฎหมายไทย " อนุญาต " คนไทยไม่ให้ถือ  หรือให้ถือสองสัญชาติ  แล้ว  นโยบายของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับคนไทยที่มีหลายสัญชาติ  เป็นอย่างไร ???? คำตอบคือ  ::  นโยบายของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ก็คือ " ใบ้ dak "   หรือเป็นใบ้  นั่นเอง   คือแบกไว้เต็มอก  แต่ทำอะไรไม่ได้เลย ในเมื่อไม่มีกฎหมายอนุญาต  และไม่มีกฎหมายห้าม  ก็ทะลุออกตรงกลางเสียเลยดีไหม ดี  ดี  ดี   แปลความได้ชัดเจนคือ  " เกิดเป็นคนไทย จะถือกี่สัญชาติก็ได้  หากชาติอื่นเขาให้ถือ " หากจะถามถึงเหตุผลว่า  ทำไมจึงปล่อยให้เป็นไปเช่นนี้  ก็ขอผลัดเป็นไปบอกคราวหน้า  หากท่านสนใจ ขอให้โชคดีทุกท่าน แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 52 18:56:49 จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 18:45:09

ความคิดเห็นที่ 14 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2525/D/130/3685.PDF ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการเสียสัญชาติ นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ เดิมเป็นบุึคคลสัญชาติไทย ต่อมาได้รับอนุญาต จากรัฐบาลสหรัฐอมริกา ให้แปลงสัญชาติเป็นคนสัญชาติอเมริกาได้เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2522 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงขอประกาศให้รับทราบทั่วกันว่า บุคคลดังกล่าวนามข้างต้นได้เสียสัญชาติไทยไปแล้ว ประกาศ ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2525 พลเอก สิทธิ จิรโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย --------------------------------------------------------------------------- แล้วเหตุการณ์ไหนบ้างที่คนไทยสัญชาติไทย จึงได้แปลงสัญชาติเป็นคนสัญชาติอเมริกาได้ ???  เพราะทุกคนก็บอกว่าขอ"ขอ"สัญชาติใหม่ คือ การมีสัญชาติอเมริกันเพิ่มอีกสัญชาติหนึ่ง แล้วทำไมนายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ ถึงเสียสัญชาติไทย ผมได้อ่านประวัตินายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ เป็นคนสัญชาติไทยแต่มี คนร้องเรียนว่าได้ Green Card และไปขอ US Citizenship เรื่องก็เลย ถึงกระทรวงมหาดไทยให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้วใครจะร้องเรียนล่ะก็คนใกล้ตัวเช่น พี่น้อง - มรดกที่ดิน หรือ เราไป สมัคร ส.ส. แล้วมีคนร้องเรียนขึ้นมา พอเรื่องถึงกระทรวงมหาดไทย ก็สามารถนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้เลย โดยไม่ต้องได้รับ ความยินยอม จากคนแปลงสัญชาติก่อน แต่รัฐบาลคงไม่ตามหาแต่ อย่ามีคนร้องเรียนมาแล้วกัน จากคุณ : evor (evor) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 52 21:44:47

ความคิดเห็นที่ 15 Let me play this game too. http://www.lawreform.go.th/lawreform/images/th/jud/th/deca/2540/c2_0113_2540.htm เลขเสร็จ ๑๑๓/๒๕๔๐ เรื่อง                                                         บันทึก           เรื่อง  การเสียสัญชาติไทยของผู้ซึ่งได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว                                                     --------------- เนื้อหา                        กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือ ที่ กต ๐๖๐๒/๒๒๗๙ ลงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ความว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับแจ้ง จากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์มว่า นายเศรษฐพันธ์ธรรมจรีย์ และนางสายสุนีย์ Edman (วงศ์ทะเล) สามีภรรยาคนไทยซึ่งอาศัยอยู่ในสวีเดนและได้รับสัญชาติสวีเดนแล้วแต่ยังไม่เคยสละ สัญชาติไทย ต้องการจดทะเบียนเกิดให้แก่บุตรของตนซึ่งเกิดในสวีเดน  ทั้งนี้ โดยนายเศรษฐพันธ์ฯ ได้ รับสัญชาติสวีเดนเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ค.ศ.๑๙๘๗ (พ.ศ.๒๕๓๐) ด้วยการยื่นคำขอ ส่วนนาง สายสุนีย์ฯได้รับสัญชาติสวีเดนเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ค.ศ.๑๙๘๕ (พ.ศ.๒๕๒๘) ด้วยการยื่นคำขอ หลังการสมรสกับสามีคนแรกชาวสวีเดน นายเศรษฐพันธ์ฯ ได้จดทะเบียนสมรสกับนางสายสุนีย์ฯ เมื่อ วันที่ ๑๘ เมษายน ค.ศ.๑๙๘๙ (พ.ศ.๒๕๓๒) ณ สำนักงานทะเบียนสมรสของสวีเดนและมีบุตรฝาแฝด สองคนซึ่งเกิดในสวีเดนเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคมในปีเดียวกัน จากนั้นได้นำบุตรทั้งสองคนไปขอจด ทะเบียนเกิดที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ครั้งแรกได้รับการปฏิเสธ เนื่องจากสถานเอกอัคร ราชทูตฯในขณะนั้นเข้าใจว่านายเศรษฐพันธ์ฯ และภรรยาได้เสียสัญชาติไทยไปแล้วโดยอัตโนมัติด้วย การแปลงสัญชาติตามนัยมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ต่อมา หลังจากเหตุ การณ์นั้นได้ผ่านไปแล้ว ๖ ปี นายเศรษฐพันธ์ฯ ได้มีหนังสือ ลงวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๓๙ ร้องขอให้สถาน เอกอัครราชทูต ดำเนินการจดทะเบียนเกิดให้แก่บุตรของตนอีกครั้งหนึ่ง                        เรื่องนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงสตอกโฮล์ม ได้หารือเกี่ยวกับเรื่องการตีความ พระราชบัญญัติสัญชาติของคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ที่ว่า มาตรา ๒๒ แห่ง พระราชบัญญัติสัญชาติฯ กำหนดให้ผู้มีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวย่อมเสีย สัญชาติไทยนั้น หมายความว่า "ผู้มีสัญชาติไทยเมื่อได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวแล้วย่อมเสีย สัญชาติไทย แต่การเสียสัญชาติไทยนั้นจะมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามที่ กำหนดไว้ในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และการเสียสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๒ นั้น ก็อยู่ ในหมวด ๒ ภายใต้บังคับมาตรา ๕ เช่นเดียวกัน ดังนั้น เมื่อยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้ บุคคลดังกล่าวเสียสัญชาติไทย การเสียสัญชาติไทยก็ยังไม่มีผลตามกฎหมาย จึงต้องถือว่าบุคคลนั้นยัง มีสัญชาติไทยอยู่ "                        กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือหารือกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกระทรวง มหาดไทยมีความเห็นว่า ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาดังกล่าวน่าจะยังใช้ในการตีความพระ ราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ได้อยู่  แต่เนื่องจากเป็นความเห็นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ จึงได้ แนะนำให้กระทรวงการต่างประเทศหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้งหนึ่ง                        กระทรวงการต่างประเทศจึงหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ความเห็น ของคณะกรรมการกฤษฎีกาดังกล่าวยังใช้ในการตีความพระราชบัญญัติสัญชาติฯ อยู่หรือไม่                        คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ ๕) ได้พิจารณาปัญหาดัง กล่าวและได้ฟังคำชี้แจงจากผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ (กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย) และผู้แทน กระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวง) แล้ว เห็นว่า เรื่องการเสียสัญชาติไทยของผู้ซึ่งได้แปลง สัญชาติเป็นคนต่างด้าวนั้น กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ ๕ ได้เคยพิจารณาให้ความเห็นในปี พ.ศ.๒๕๒๖ กรณีนายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์*(๑) ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้หารือมาแล้ว โดยเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ มาตรา ๒๒ ได้บัญญัติไว้ว่า "ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลง สัญชาติเป็นคนต่างด้าว หรือสละสัญชาติไทย หรือถูกถอนสัญชาติไทย ย่อมเสียสัญชาติไทย" ซึ่ง หมายความว่า ผู้มีสัญชาติไทยเมื่อได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวแล้ว ย่อมเสียสัญชาติไทย แต่การ เสียสัญชาติไทยนั้นจะมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๕*(๒) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และการเสียสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๒ นั้น ก็อยู่ในหมวด ๒ ภาย ใต้บังคับตามมาตรา ๕ เช่นเดียวกัน  ดังนั้น เมื่อยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้บุคคลดัง กล่าวเสียสัญชาติไทย การเสียสัญชาตินั้นก็ยังไม่มีผลตามกฎหมาย จึงต้องถือว่าบุคคลนั้นยังมีสัญชาติ ไทยอยู่                        กรณีนายเศรษฐพันธ์ ธรรมจรีย์ ที่กระทรวงการต่างประเทศหารือมาในครั้งนี้ก็มีข้อ เท็จจริงเช่นเดียวกัน  ดังนั้น เมื่อยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้บุคคลดังกล่าวเสียสัญชาติ ไทย การเสียสัญชาติไทยนั้นก็ยังไม่มีผลตามกฎหมายและต้องถือว่าบุคคลนั้นยังมีสัญชาติไทยอยู่                        อนึ่ง คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ ๕) เห็นว่า ในกรณีของ นางสายสุนีย์ Edman (วงศ์ทะเล) ซึ่งได้รับสัญชาติสวีเดนโดยการยื่นคำขอหลังการสมรสกับสามีคนแรก ชาวสวีเดน นั้น เป็นกรณีของหญิงซึ่งมีสัญชาติไทย และได้สมรสกับคนต่างด้าวและได้ถือสัญชาติของ สามีตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของสามี ซึ่งมาตรา ๑๓*(๓) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ กำหนดให้ หญิงนั้นอาจแจ้งความประสงค์สละสัญชาติไทยโดยแสดงความจำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ อันจะมีผล ให้เสียสัญชาติไทยตามมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ  ดังนั้น เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นางสายสุนีย์ฯ ได้เคยแสดงความจำนงที่จะสละสัญชาติไทยก็ต้องถือว่า นางสายสุนีย์ฯ ยังมีสัญชาติ ไทยอยู่                                                                        (ลงชื่อ)    อักขราทร จุฬารัตน                                                                                  (นายอักขราทร จุฬารัตน)                                                                               เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา          มีนาคม ๒๕๔๐. ------------------------------------------                        *(๑) บันทึกความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมายคณะที่ ๕) เรื่อง หารือข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ (การเสียสัญชาติไทยของผู้ซึ่งแปลง สัญชาติเป็นคนต่างด้าวจะมีผลเมื่อใด) ส่งพร้อมหนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ สร.๐๖๐๑/๒๔๐ ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ตามเรื่องเสร็จที่ ๖๑/๒๕๒๖)                        *(๒) มาตรา ๕ การได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๒ การเสียสัญชาติ ไทยตามหมวด ๒ หรือการกลับคืนสัญชาติไทยตามหมวด ๓ ให้มีผลต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจา นุเบกษาและให้มีผลเฉพาะตัว                        *(๓) มาตรา ๑๓ หญิงซึ่งมีสัญชาติไทยและได้สมรสกับคนต่างด้าวและอาจถือ สัญชาติของสามีได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของสามี ถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้แสดงความ จำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง เพ็ญพร/แก้ไข ๒๙ ตุลาคม ๒๕๔๕ A+B(C) จากคุณ : genf เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 52 02:47:52

ความคิดเห็นที่ 16 นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ เดิมเป็นบุึคคลสัญชาติไทย ได้แปลงสัญชาติเป็นคนสัญชาติอเมริกา โดยไม่ได้จากการแต่งงาน จึงไม่ตรงกับนางสายสุนีย์ ซึ่งเป็นกรณีของหญิงซึ่งมีสัญชาติไทย และได้สมรสกับคนต่างด้าวและได้ถือสัญชาติของสามีตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของสามี ซึ่งมาตรา ๑๓*(๓) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ **สรุป*** นายเสถียรฯ ได้สัญชาติอเมริกันโดยการแปลงสัญชาติจึงต้องเสียสัญชาติไทยตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 โดยไม่จำต้องแสดงเจตนาสละสัญชาติไทยตาม มาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน  ทั้งนี้ ได้มีแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1507/2522 วินิจฉัยไว้แล้ว ส่วนการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีผู้รักษาการตามกฎหมายจะต้องดำเนินการต่อไป มิใช่ว่าหากยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะยังไม่เสียสัญชาติไทย จากคุณ : evor (evor) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 52 09:00:13

ความคิดเห็นที่ 17 **เพิ่มเติม** กระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศลงวันที่ 20 สิงหาคม 2524 ให้นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทยโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2525 ก็ตาม ประกาศดังกล่าวก็ย่อมมีผลบังคับในวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือวันที่ 14 กันยายน 2525 และมีผลเฉพาะตัวของนายเสถียร ฯ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 จากคุณ : evor เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 52 10:28:45

ความคิดเห็นที่ 18 เรียน  ท่านเจ้าของกระทู้  คุณ evor  ที่นับถือ 1. เห็นหัวข้อกระทู้ของคุณ  มีเจตนาเข้ามาถามหาความรู้ในประเด็นที่ว่า " ประเทศไทยอนุญาตให้ถือสองสัญชาติได้หรือไม่ " เพราะจะต้องนำมาใช้เพื่อประกอบการพิจารณาก่อนตัดสินใจขอสัญชาติอเมริกัน 2. แต่เนื่องด้วยกิจกรรมความเห็นทางกฎหมายอันหลากหลายของคุณเจ้าของกระทู้ในเวลาต่อมา  ซึ่งมีทั้งการนำเสนอตัวอย่างข้อเท็จจริงทางกฎหมาย  และการสรุปประเด็นกฎหมาย  เกี่ยวกับเรื่อง " สัญชาติ " ทำให้ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่า  คุณเจ้าของกระทู้จะเข้ามาขอทราบความเห็นทางกฎหมาย  หรือจะเข้ามาเพื่อให้ความรู้กฎหมายให้แก่สมาชิกในห้องนี้กันแน่ 3. ด้วยความบริสุทธิใจ  เห็นว่า  ก็ในเมื่อคุณเจ้าของกระทู้มีความรู้กฎหมายเรื่องสัญชาติค่อนข้างมาก  และดีทีเดียว  ประกอบกับท่านมีข้อมูลอันหลากหลายในเรื่องของสัญชาติเต็มมืออยู่แล้ว  ถึงขนาดนำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานให้แก่คนในห้องไกลบ้านได้อย่างที่เห็นๆ  กันอยู่ข้างบนนี้  คำถามต่อมาจึงมีว่า  เมื่อเป็นดังนี้แล้ว  เหตุใดท่านเจ้าของกระทู้จึงต้องตั้งกระทู้เข้ามาถามเรื่องสัญชาติกันอีก ????? จึงใคร่ขอเรียนถามท่านเจ้าของกระทู้อย่างตรงไปตรงมา ณ ที่นี้ว่า  แท้จริงแล้ว ท่านเจ้าของกระทู้มีความประสงค์อะไรอันใดในกระทู้นี้ ???? ทั้งนี้  เพื่อข้าพเจ้า  และสมาชิกผู้สนใจทั้งหลายจะได้ปรับทัศนะในการให้ร่วมมือกับท่านเจ้าของกระทู้เพื่อให้ได้ประโยชน์และสาระอย่างเต็มที่แก่ท่านเจ้าของกระทู้ที่กรุณาเข้ามาตั้งกระทู้ ทั้งนี้  ขอความกรุณาท่านตอบชัดๆ  เพียงประเด็นเดียวเท่านั้นว่า  ท่านต้องการอะไร  ?? ขอขอบคุณอย่างมากมา ณ ที่นี้ จากคุณ : Detente เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 52 12:05:40

ความคิดเห็นที่ 19 ผมมีความรู้ทางกฎหมายเพราะผมศึกษาทาง Internet เองแล้ว ผมก็ค่อนข้างสับสนจริงๆ เพราะถ้าอ่านตามตัวบทน่าจะ เสียสัญชาติ ถ้าได้ Green Card ซึ่งไม่ได้จากการแต่งงานแล้วขอ US Citizenship ทำให้ผมต้องการความเห็นที่ทำให้มั่นใจว่า ถ้าผมขอ US Citizenship แล้วผมจะไม่เสียสัญชาติไทย ผมจึงจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะขอหรือไม่ ??????? ไม่ใช่เหมือนกรณี นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ ซึ่งเมื่อมีคนมาร้องเรียน แล้วกระทรวงมหาดไทยเลยได้มีประกาศ ให้นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทย โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งนายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ ไม่ได้แสดงเจตนาสละสัญชาติไทยตาม มาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ ถ้าผมขอ US Citizenship แล้วมีคนมาร้องเรียนอย่าง  นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ ผมไม่เสียสัญชาติไทย ผมต้องการคำยืนยันก่อนขอ US Citizenship จริงๆ ??????? จากคุณ : evor เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 52 12:48:41

ความคิดเห็นที่ 20 The case of นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ was an extraordinary one. The guy must have done something to upset the Thai authority and as such the referee decided to give him a RED card so his case was taken to the kingdom's highest authority. Thousands and thousands of Thais have dual nationality. If you are so unsure about, extremely worried over the issue and scared that some day some Thai official would take away your Thai citizenship  then it may be best for you to stick to only one nationality. Just a thought. All the best. จากคุณ : genf เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 52 14:30:47

ความคิดเห็นที่ 21 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2525/D/130/3685.PDF มีคนมาร้องเรียนแล้วกระทรวงมหาดไทยเลยได้มีประกาศ ให้นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทยโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งนายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ ไม่ได้แสดงเจตนาสละสัญชาติไทยตาม มาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ ไม่มีสิทธิกลับไปมีสัญชาติไทยได้อีกตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการเสียสัญชาติ นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ เดิมเป็นบุึคคลสัญชาติไทย ต่อมาได้รับอนุญาต จากรัฐบาลสหรัฐอมริกา ให้แปลงสัญชาติเป็นคนสัญชาติอเมริกาได้เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2522 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงขอประกาศให้รับทราบทั่วกันว่า บุคคลดังกล่าวนามข้างต้นได้เสียสัญชาติไทยไปแล้ว ประกาศ ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2525 พลเอก สิทธิ จิรโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย --------------------------------------------------------------------------------- http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/00062224.PDF ขอถือสัญชาติตามสามี สามารถกลับไปมีสัญชาติไทยได้อีกโดยการยื่นขอ ตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องสละสัญชาติไทย ด้วย นางสมาย สาจันทร์ บุคคลสัญชาติไทย ได้สมรสกับคนต่างด้าวและ มีกฏหมายแห่งประเทศของสามียอมรับให้เข้าถือสัญชาติออสเตรียของสามี ได้ ปัจจุบันได้ขอเข้าถือสัญชาติออสเตรียของสามีแล้ว ได้แสดงความจำนง ขอสละสัญชาติไทยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดใน กระทรวงไว้ถูกต้อง ย่อมสละสัญชาติไทยได้ตามความในมาตรา 13 แห่งพระ ราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 กรณีดังกล่าวมีผลให้ นางลมาย สาจันทร์ เสียสัญชาติไทยไปโดยการสละสัญ ชาติไทยตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 จึงประกาศให้รับทราบทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 ร้อยตำรวจเอก ปุึระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย -------------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : evor เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 52 14:41:25

ความคิดเห็นที่ 22 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/00099686.PDF ขอสละสัญชาติเอง ตามความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องสละสัญชาติไทย ด้วย นายอนุพงศ์ สังข์ขาว บุคคลสัญชาติไทยและสัญชาติออสเตรีย ได้แสดง ความประสงค์สละสัญชาติไทยเพื่อถือสัญชาติออสเตรียสัญชาติเดียว ตามความในมาตรา 15 พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาแล้วอนุญาตให้ นายอนุพงศ์ สังข์ขาว สละสัญชาติไทยได้ กรณีดังกล่าวมีผลให้บุคคลที่กล่าวนามมาแล้ว ข้างต้นเสียสัญชาติไทยไปโดยการสละสัญชาติไทย ตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 จึงประกาศให้รับทราบทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 ร้อยตำรวจเอก ปุึระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จากคุณ : evor เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 52 15:09:22

ความคิดเห็นที่ 23 หลายปีมาแล้ว...ตอนที่เขาโต้เถียงกันในสภา Congress (ของอเมริกา) ในเรื่อง "Immigration Reform" ...เคยได้อ่านบาง chapter ของ bill นั้นเหมือนกันว่า...หากใครก็ตามที่ได้เปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน...ทางอเมริกาโดย Department of State จะแจ้งไปยังสถานทูตอเมริกาประจำประเทศนั้นๆ เพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศนั้นๆ (ของไทยก็น่าจะเป็นกระทรวงต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทย) ได้ทราบว่าบุคคลคนนี้ได้สัญชาติอเมริกันแล้ว...แต่เนื่องจาก Immigration Reform ยังไม่ผ่านสภาซักที...ข้อนี้ก็คงยังไม่ได้ใช้กับประเทศใดๆ ก็ตาม... อย่างไรก็ตาม เมื่อได้อ่านร่างกม.ข้อนี้แล้วก็ได้ตามไปหาข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับการสละสัญชาติไทย (ณ เวลานั้น) ก็พบว่า...การสละสัญชาติไทยจะทำได้เมื่อคนๆ นั้นไปยื่นเรื่องของสละสัญชาติและมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา...ก็เลยเข้าใจว่า...ตราบใดที่ไม่ยื่นเรื่องขอสละสัญชาติ ยังไงเราก็ยังคงถือสัญชาติไทยอยู่... วันนี้...พอได้อ่านกระทู้นี้แล้ว...เลยทำให้สับสนนิดหน่อย เดี๋ยวว่างๆ ต้องไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมซะหน่อย... ขอบคุณ จขกท. มากๆ ค่ะ... จากคุณ : BlackmagicW เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 52 23:41:29

ความคิดเห็นที่ 24 **แล้วใครจะร้องเรียนให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา????** ก็คนใกล้ตัวหรือผู้มีส่วนได้เสีย เช่น พี่น้อง - มรดกที่ดิน, ญาติ, เพื่อน หรือ เราไปสมัคร ส.ส. , ผู้พิพากษา, ตำรวจ, ทหาร และ พวกรับราชการต่างๆ แล้วมีคนร้องเรียนขึ้นมา พอเรื่องถึงกระทรวงมหาดไทย ก็สามารถนำไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้เลย โดยไม่ต้องได้รับ ความยินยอม จากคนแปลงสัญชาติก่อน แต่รัฐบาลคงไม่ตามหาแต่ อย่ามีคนร้องเรียนมาแล้วกัน ดังกรณี  นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ และยังมีหลายคนเสียสัญชาติแบบนายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ เท่าที่ผมดูผ่านๆ ซึ่งสามารถหาได้ใน www.ratchakitcha.soc.go.th แล้วพิมพ์ตรงหัวข้อเรื่องว่า เสียสัญชาติ [ไม่ใช่ พิมพ์ว่า สละสัญชาติ ไทย เพราะจะเป็น case ที่ ขอถือสัญชาติตามสามี ตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ หรือ ขอสละสัญชาติเอง ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ ] http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2525/D/130/3685.PDF มีคนมาร้องเรียนแล้วกระทรวงมหาดไทยเลยได้มีประกาศ ให้นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทยโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งนายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ ไม่ได้แสดงเจตนาสละสัญชาติไทยตาม มาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ ไม่มีสิทธิกลับไปมีสัญชาติไทยได้อีกตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการเสียสัญชาติ นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ เดิมเป็นบุึคคลสัญชาติไทย ต่อมาได้รับอนุญาต จากรัฐบาลสหรัฐอมริกา ให้แปลงสัญชาติเป็นคนสัญชาติอเมริกาได้เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2522 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงขอประกาศให้รับทราบทั่วกันว่า บุคคลดังกล่าวนามข้างต้นได้เสียสัญชาติไทยไปแล้ว ประกาศ ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2525 พลเอก สิทธิ จิรโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 52 06:53:08 จากคุณ : evor เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 52 06:18:24

ความคิดเห็นที่ 25 เรียน  คุณ BMW และท่านที่สนใจในกฎหมายสัญชาติทั้งหลาย และโดยเฉพาะคุณเจ้าของกระทู้ evor 1. กรุณาอย่าเพิ่ง " สันสน " (ตามความเห็นที่ 23) ไปกับข้อความตามกระทู้ของคุณ  evor  เพราะข้าพเจ้าพอจับความได้แล้ว  ว่า  คุณ evor  มีความหวั่นเกรงว่า  หากแปลงสัญชาติไปเป็นอเมริกันแล้ว วันดีคืนดี  จะถูกคนมา " ร้องเรียน " ต่อทางการไทยเพื่อให้ประกาศชื่อเป็นคนเสียสัญชาติไทยในราชกิจจานุเบกษา 2. หมายความว่า  คุณเจ้าของกระทู้มีความประสงค์ถือสองสัญชาติ  ไทย  และอเมริกัน  แต่กลัวว่าเมื่อได้แปลงสัญชาติเป็นอเมริกันแล้วเดี๋ยวจะมี คนใกล้ชิด ญาติพี่น้อง  เพื่อน หรือคนอื่นๆที่เป็นศัตรู  ที่รู้เรื่องว่าคุณ evor   ได้แปลงสัญชาติไปเป็นอเมริกัน  นำไปร้องเรียนมหาดไทยให้ประกาศชื่อคุณ evor  เป็นบุคคลเสียสัญชาติไทยเสีย  นั่นเอง ข้าพเจ้าเข้าใจเช่นนี้ถูกต้องไหม ??? อุตส่าห์ติดตามเรื่องนี้มาตั้งหลายวัน 3. หากเป็นไปตามนี้  ก็ต้องหันมาถามตัวคุณเจ้าของกระทู้ evor  ว่า  ที่คุณแสดงมาในความเห็นที่ 9, 12, 14, และ 19  ของกระทู้นี้  รวมทั้งในกระทู้ที่คุณตั้งขึ้นมาใหม่  H8275277  เมื่อ 2 กันยายน ในความเห็นที่ 6  สรุปความทั้งหมดว่า นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ ที่ถูกมหาดไทยประกาศชื่อให้เสียสัญชาติไทย  นั้น  เป็นเพราะ " ถูกคนอื่นร้องเรียนว่านายเสถียร ฯ มีสองสัญชาติ  ทั้งนี้  คุณเจ้าของกระทู้ได้ยืนยันชัดเจนว่าได้อ่านประวัติของนายเสถียร ฯ มาแล้วว่าถูกร้องเรียนจริง ( ในความเห็นที่ 14) ดังนี้  ณ  ที่นี้  จึงใคร่ขอให้คุณเจ้าของกระทู้ ได้โปรดนำ " หลักฐาน " ที่คุณอ้างว่าได้อ่านประวัตินายเสถียร ฯ  แล้วทราบว่ามีการร้องเรียนนายเสถียร ฯ นั้น  โปรดนำหลักฐานชิ้นนี้มาแสดง  ณ ห้องไกลบ้านแห่งนี้  เพื่อให้เห็นว่าได้มีการร้องเรียนจริง  โดยผู้ใด  ฯลฯ  ทั้งนี้เพื่อประโยชน์แห่งความรู้เรื่องกฎหมายสัญชาติของสมาชิกทั้งหลาย *** ข้อต่อไปนี้เป็นเรื่องสำคัญ  *** โปรดกรุณาอ่านให้ดี *** 4.  เกี่ยวกับเรื่องการ " ร้องเรียน " ว่าผู้อื่นมีสองสัญชาติ   และเจ้าหน้าที่ของรัฐ(มหาดไทย) ถึงกับเชื่อ  แล้วถึงกับยืนยัน  พร้อมตัดสินว่าคนไทยคนนั้นมีสัญชาติอเมริกัน  (หรือสัญชาติอื่น ๆ )  จริง  จนถึงขั้นนำชื่อเขาไปประกาศให้เสียสัญชาติไทยนั้น ขอเรียนว่า  เป็นเรื่องที่เหนือกว่าความเป็นจริง  กล่าวคือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้  ด้วยเหตุผลทางกฎหมายดังที่จะยกมาอธิบายต่อไปนี้ *** 4.1  หลักกฎหมายระหว่างประเทศ  แผนกคดีเมือง  ถือว่า "  เรื่องการได้  หรือเสียสัญชาติ เป็นเรื่องของอำนาจภายในของรัฐใดรัฐหนึ่งโดยเฉพาะ ( Domestic  Jurisdiction)  ซึ่งรัฐอื่นไม่สามารถไปกำหนดหรือตัดสินว่าบุคคลใดมีสัญชาติของรัฐอื่นที่ไม่ใช่รัฐตน  ได้ " ซึ่งหลักการนี้เป็นที่รู้กันทั่วไปของนักศึกษากฎหมายระหว่างประเทศ  แผนกคดีเมือง  สำหรับในประเทศไทยมีอาจารย์คนสำคัญท่านหนึ่งแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้นำมาอ้างไว้ในตำราของท่าน  นั่นคือ  อาจารย์ชุมพร  ปัจจุสานนท์  แห่งคณะนิติศาสตร์  จุฬา ฯ  ได้เขียนไว้ในหนังสือ กฎหมายสัญชาติ  เล่ม 1   พิมพ์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2549  โดยสำนักพิมพ์วิญญูชน  ในหน้าที่ 103  หัวข้อ 3.3.9 " กฎหมายไทยยอมรับหลักการเรื่องการได้หรือเสียสัญชาติของบุคคลเป็นเรื่องของรัฐมิใช่เรื่องของเอกชน " หลักการดังกล่าวนี้  หมายความว่า  กรณีของประเทศไทย กระทรวงมหาดไทย  จะไปฟังปากคำผู้หนึ่งผู้ใด  แล้วไปยัดเยียดตัดสินว่า  บุคคลหนึ่งนั้นมีสัญชาติเป็นอเมริกัน  หรือมีสัญชาติเป็นญี่ปุ่น  หรือเป็นเยอรมันฯลฯ   นั้น  ไม่ได้เด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นการเข้าไปแทรกแชงกิจการภายในของรัฐอื่น  ซึ่งกฎหมายระหว่างประเทศถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง เรื่องการที่จะรู้ได้ว่าบุคคลนั้นๆ  จะมีสัญชาติใด  ก็ต้องให้บุคคลนั้นๆ  เขาแจ้งเอง หรือยืนยันตัวเอง  เท่านั้น (  ดังเช่นเรื่องนายเสถียร ฯ มีชื่อถูกประกาศให้เสียสัญชาติดังกล่าว  ก็เชื่อว่าเป็นเพราะนายเสถียร ฯ  แจ้งข้อมูลของตัวเองในการสละสัญชาติไทยเพื่อประโยชน์ของตัวเอง  หรือไม่ก็นายเสถียร ฯ  อาจเป็นคนไทยที่ได้สัญชาติไทยจากการแปลงสัญชาติมาจากสัญชาติอื่น  แล้วทำผิดกฎหมายสัญชาติบางอย่าง  ซึ่งบุคคลประเภทนี้มีภูมิคุ้มกันในเรื่องสัญชาติไทยไม่แข็งแรงเท่าคนไทยที่มีพ่อ - แม่เป็นไทย 100 % ) 4.2 ตอนนี้ขอยกเอาความเห็นที่ 23 ของคุณ BMW  มาดูบ้าง  จะเห็นได้ว่าปัจจุบัน  สหรัฐ ฯ ก็ไม่มีกฎหมายใดมาสนับสนุนให้สถานทูตของตนต้องแจ้งแก่ทางการประเทศที่ตนประจำการอยู่  เช่น  ในประเทศไทย  ว่า คนไทยผู้ใดได้แปลงชาติเป็นอเมริกันแล้ว   4.3 เอ้า....  คราวนี้มาดูคนไทยสองสัญชาติในสหรัฐอเมริกา  เป็นหมื่นๆ คนที่ถือหนังสือเดินทาง 2 เล่ม  ทั้งของไทย และอเมริกัน   ต่างเดินพาเหรดเข้ามาเยี่ยมแผ่นดินแม่กันคึกคัก  โครมครามในแต่ละปี (รวมทั้งคนไทยสัญชาติอื่นๆ อีกมากหลายที่รวยแล้วคิดถึงเมืองไทย) พวกเขาเหล่านี้  ก็อย่างที่ทราบ  ตอนออกจากสหรัฐ ฯ ถือ passport  อเมริกันออก  พอเข้าไทย  ก็แสดง passport ไทยให้สตม.ไทยประทับตราขาเข้า  ( เพราะจะอยู่เมืองไทยได้นานไม่จำกัดเวลา ) เวลาจะกลับบ้านที่สหรัฐ ฯ  ก็แสดง pasort ไทยให้สตม.  ตอนขาออก เพื่อประทับตราออก  ทั้งนี้  ในตอนขาออก  การปฎิบัติการเช่นนี้ สายการบิน  และสตม.  ก็ต้องถามว่า  คุณถือ passport ไทย  แต่ไม่มี visa  เข้าสหรัฐ ฯ  !!!!!   อเมริกาเขาจะให้เข้าประเทศหรือ  ซึ่งแน่นอน  คนไทยสองสัญชาติเหล่านี้ก็ต้องงัดเอา  US passport  ออกมาแสดงให้การบิน  และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไทยดู  ว่า ฉันเข้าได้สิ  ไม่ต้องห่วง  เพราะฉันเป็น  US  citizen แล้วอย่างนี้  ก็เป็นการเปิดเผยตัวเองให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไทยทราบโดยทั่วกัน  ว่า  บุคคลนี้มีสองสัญชาติ   เป็นการเปิดเผยตัวโดยโจ่งแจ้งแล้ว  ใช่หรือไม่ แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ไทย  คือตำรวจตรวจคนเข้าเมือง  จึงละเว้นการปฎิบัติหน้าที่  ( หากมีหน้าที่ต้องไล่จับคนไทยสองสัญชาติจริง)   ไม่ทำเรื่อง  ทำรายชื่อ บุคคลไทยเหล่านั้นเสนอมหาดไทยเพื่อประกาศให้เสียสัญชาติไทยเสียล่ะ   ทั้งหมดนี้  ด้วยเหตุและผลทั้งในแง่ความเป็นจริง  และในแง่กฎหมายในเรื่องสัญชาติ  จึงใคร่ขอความกรุณาท่านเจ้าของกระทู้  คุณ evor  ได้โปรดศึกษาเรื่องนี้ให้ดี  ๆ  ทั้งนี้ หากมีความสนใจกฎหมายสัญชาติอย่างจริงจัง  ค่อยๆ  หาความรู้  เอาตำรากฎหมายระหว่างประเทศทั้งแผนกคดีเมือง  และคดีบุคคลมาอ่านมาก  ๆ  แรก ๆ  เริ่มหา  Black's Law มาอ่านก่อน  จะได้ความรู้กฎหมายระหว่างประเทศขั้นพื้นฐานเป็นอย่างดี และขอให้เชื่อเถอะว่า  "  เกิดเป็นคนไทย  จะถือกี่สัญชาติก็ได้  หากชาติอื่นเขาให้ถือ " *** และโปรดอย่าลืม  กรุณานำ " หลักฐาน " ตามข้อ 3 ของข้าพเจ้า  ที่ว่าคุณ evor ได้อ่านประวัติของนายเสถียร ฯ แล้วทราบว่า " ถูกร้องเรียน " ประวัติที่ว่านี้  อยู่ที่ไหน  นั่นแหละ  ให้นำประวัติชิ้นนี้มาแสดงในห้องไกลบ้านแห่งนี้ได้เห็นกันด้วย หลักฐานชิ้นนี้ถือเป็นสาระสำคัญของเรื่องนี้เลยทีเดียวนะ  อย่าล้อเล่น  โปรดนำมาแสดงให้ได้  เพื่อประโยชน์แห่งข้อเท็จจริงทางกฎหมายไงล่ะ  อนึ่ง  ขอท่านเจ้าของกระทู้โปรดทราบไว้ด้วยว่า  กระทู้นี้มีนักกฎหมายตัวจริงเข้ามาอ่านก็มาก  เมื่อนักกฎหมายเขาอ้างอะไร  เขาก็ต้องนำหลักฐานมาแสดงสนับสนุนสิ่งที่เขาอ้างกันทั้งนั้น  มิฉะนั้นจะเป็นกล่าวอ้างลอยๆ แบบคนโกหก เชื่อถืออะไรไม่ได้ ขอขอบคุณล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ สุดท้าย  หวังว่าคุณเจ้าของกระทู้อ่านความเห็นนี้แล้วคงได้อะไร  ๆไปมาก  และหากท่านมีข้อโต้แย้ง  หรือประเด็นปัญหาใดเกี่ยวกับ " สัญชาติ "  อีก  ข้าพเจ้ายินดีรับฟังเสมอ ท้ายสุดของสุดท้าย หวังว่า คุณ Blackmagic Woman และเพื่อนๆ สมาชิกทั้งหลายคงคลายความสับสนลงได้แล้ว แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 52 12:48:41 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 52 12:45:23 จากคุณ : นักกฎหมายฝึกหัดปี 1 (Detente) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 52 12:20:18

ความคิดเห็นที่ 26 **ข้อความบางส่วนของข้างล่างนี้** พ.ศ.2508  นอกจากนี้แม้จะปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศลงวันที่ 20 สิงหาคม 2524 ให้นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทยโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2525 ก็ตาม ประกาศดังกล่าวก็ย่อมมีผลบังคับในวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือวันที่ 14 กันยายน 2525 และมีผลเฉพาะตัวของนายเสถียร ฯ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 -------------------------------------------------------------- เมื่ออ่านข้างล่างนี้แล้วใครเป็นคนส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยให้นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทยโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาคิดกันเอาเอง???? ซึ่งนายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ไม่ได้แสดงเจตนาสละสัญชาติไทยตาม มาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ ไม่มีสิทธิกลับไปมีสัญชาติไทยได้อีกตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ และยังมีหลายคนเสียสัญชาติแบบนายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ เท่าที่ผมดูผ่านๆ ซึ่งสามารถหาได้ใน www.ratchakitcha.soc.go.th แล้วพิมพ์ตรงหัวข้อเรื่องว่า เสียสัญชาติ [ไม่ใช่ พิมพ์ว่า สละสัญชาติ ไทย เพราะจะเป็น case ที่ ขอถือสัญชาติตามสามี ตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ หรือ ขอสละสัญชาติเอง ตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติฯ ] "นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ เดิมเป็นบุึคคลสัญชาติไทย ต่อมาได้รับอนุญาต จากรัฐบาลสหรัฐอมริกา ให้แปลงสัญชาติเป็นคนสัญชาติอเมริกาได้เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2522" ข้อความนี้บอกกระจ่างชัดว่าเขาเสียสัญชาติไทยเพราะ ไปแปลงสัญชาติเป็นคนสัญชาติอเมริกา ถ้านายเสถียรสละสัญชาติเองจะ เขียนว่า "นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ บุคคลสัญชาติไทยและสัญชาติเอมริกา ได้แสดงความประสงค์สละสัญชาติไทยเพื่อถือสัญชาติอเมริกาสัญชาติเดียว ตามความในมาตรา 15 พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508" คำถาม นักกฎหมายฝึกหัดปี 1 (Detente): เรื่องการที่จะรู้ได้ว่าบุคคลนั้นๆ  จะมีสัญชาติใด  ก็ต้องให้บุคคลนั้นๆ  เขาแจ้งเอง หรือยืนยันตัวเอง  เท่านั้น(  ดังเช่นเรื่องนายเสถียร ฯ มีชื่อถูกประกาศให้เสียสัญชาติดังกล่าว  ก็เชื่อว่าเป็นเพราะนายเสถียร ฯ  แจ้งข้อมูลของตัวเองในการสละสัญชาติไทยเพื่อประโยชน์ของตัวเอง  หรือไม่ก็นายเสถียร ฯ  อาจเป็นคนไทยที่ได้สัญชาติไทยจากการแปลงสัญชาติมาจากสัญชาติอื่น  แล้วทำผิดกฎหมายสัญชาติบางอย่าง  ซึ่งบุคคลประเภทนี้มีภูมิคุ้มกันในเรื่องสัญชาติไทยไม่แข็งแรงเท่าคนไทยที่ มีพ่อ - แม่เป็นไทย 100 % ) คำตอบ evor: ข้างล่างคงตอบได้ว่านายเสถียร ฯ  ไม่ได้แจ้งข้อมูลของตัวเองในการสละ สัญชาติไทยเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และไม่ใช่นายเสถียร ฯ เป็นคนไทยที่ได้สัญชาติไทยจากการแปลงสัญชาติมาจากสัญชาติอื่น  แล้วทำผิดกฎหมายสัญชาติบางอย่าง เพราะเนื้อหาข้างล่างนายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ไม่ได้แสดง เจตนาสละสัญชาติไทยตาม มาตรา 15 ยังอยากคงสัญชาติไทยอยู่ แล้วถ้ากลับกันคนที่มาร้องเรียนเป็นคนใกล้ตัวหรือผู้มีส่วนได้เสีย เช่น พี่น้อง - มรดกที่ดิน, ญาติ, เพื่อน หรือ เราไปสมัคร ส.ส. , ผู้พิพากษา, ตำรวจ, ทหาร และ พวกรับราชการต่างๆ แล้วมีคนร้องเรียนขึ้นมาเลย ถามคุณ ****นักกฎหมายฝึกหัดปี 1 (Detente)**** ว่าจะเกิดอะไรขึ้น????? โปรดช่วยตอบด้วย แล้วยังมีหลายคนเสียสัญชาติแบบนายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ เท่าที่ผมดูผ่านๆ ซึ่งสามารถหาได้ใน www.ratchakitcha.soc.go.th โดยเขียนว่า "เดิมเป็นบุึคคลสัญชาติไทย ต่อมาได้รับอนุญาต จากรัฐบาลสหรัฐอมริกา ให้แปลงสัญชาติเป็นคนสัญชาติอเมริกา" บางทีก็ประเทศอังกฤษ โปรดหาดูก่อนก็ได้แต่ที่คนอื่นจริงๆว่าใครร้องเรียน ไม่ทราบแต่ ส่วนสละสัญชาติเองจะเขียนว่า "ได้แสดงความประสงค์สละสัญชาติไทยเพื่อถือสัญชาติออสเตรียสัญชาติเดียวตามความในมาตรา 15 พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508" คุณ ****นักกฎหมายฝึกหัดปี 1 (Detente)****โปรดตอบด้วย -------------------------------------------------------------- http://www.lawreform.go.th/lawreform/images/th/jud/th/deca/2526/c2_0061_2526.htm เลขเสร็จ 61/2526 เรื่อง บันทึก เรื่อง  หารือข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 (การเสีย สัญชาติไทยของผู้ซึ่งแปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว จะมีผลเมื่อใด)                                                -------- เนื้อหา          กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือ ที่ มท.0206/18492 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2525 ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ความว่า กระทรวงมหาดไทยได้รับแจ้งจากกระทรวงการต่างประเทศว่า นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ ได้ยื่นคำร้องต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อขอเพิ่มชื่อบุตรคือ เด็กชายมาร์ค ลงในหนังสือเดินทางไทยของนางกลอยใจซึ่งเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของตน สถานเอกอัครราชทูต ฯ ได้ตรวจสอบหลักฐานแล้วปรากฏว่า นายเสถียรฯ มีสัญชาติอเมริกัน และนางกลอยใจฯ มีสัญชาติไทยสถานเอกอัครราชทูตฯ จึงปฏิเสธคำร้องดังกล่าวเพราะเด็กชายมาร์คมีบิดาเป็นคนสัญชาติอเมริกัน ซึ่งนายเสถียร ฯ ได้สัญชาติอเมริกันโดยได้รับอนุมัติจากทางการสหรัฐอเมริกาเมื่อ 22 มิถุนายน 2522 แต่ยังไม่ได้สละสัญชาติไทย  ต่อมานายเสถียร ฯ ได้ยื่นคำร้องขอหนังสือเดินทางให้แก่เด็กชายมาร์ค ฯ ต่อทางการของประเทศซาอุดิอาระเบีย แต่ได้รับการปฏิเสธเช่นกัน นายเสถียร ฯ จึงได้ขอให้สถานเอกอัครราชทูต ฯ พิจารณาเพิ่มชื่อเด็กชายมาร์ค ฯ ลงในหนังสือเดินทางไทยของนางกลอยใจ ฯ หรือออกหนังสือเดินทางให้แก่เด็กชายมาร์ค ฯ ด้วย   กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาโดย กระทรวงการต่างประเทศมีความเห็นว่า การที่นายเสถียร ฯ ได้แปลงสัญชาติเป็นอเมริกันนั้น ย่อมเป็นเหตุให้เสียสัญชาติไทยตามาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 แต่เนื่องจากมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดให้การเสียสัญชาติไทยมีผลต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เสียสัญชาติไทย นายเสถียร ฯ จึงยังมีสัญชาติไทย และนายเสถียร ฯ ยังมิได้สละสัญชาติไทยตามมาตรา 15 ดังนั้นเด็กชายมาร์ค ฯ ย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา 7 (1) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508          กระทรวงมหาดไทยได้ส่งเรื่องให้ที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงมหาดไทยกรมอัยการและกรมตำรวจพิจารณา ที่ปรึกษากฎหมายของกระทรวงมหาดไทยกับกรมอัยการเห็นพ้องด้วยกับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ แต่กรมตำรวจเห็นว่า เมื่อนายเสถียรฯ ได้สัญชาติอเมริกันโดยการแปลงสัญชาติจึงต้องเสียสัญชาติไทยตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 โดยไม่จำต้องแสดงเจตนาสละสัญชาติไทยตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน  ทั้งนี้ ได้มีแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1507/2522 วินิจฉัยไว้แล้ว ส่วนการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีผู้รักษาการตาม กฎหมายจะต้องดำเนินการต่อไป มิใช่ว่าหากยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะยังไม่เสียสัญชาติไทย เมื่อนายเสถียร ฯ ได้เสียสัญชาติโดยผลของการได้รับอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นอเมริกันเด็กชายมาร์ค ฯ จึงมิใช่เป็นผู้เกิดโดยบิดามีสัญชาติไทยหรือผู้เกิดนอกราชอาณาจักรไทย โดยมารดามีสัญชาติไทยแต่ไม่ปรากฏบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายหรือบิดาไม่มีสัญชาติอันจะได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามนัยมาตรา 7 (1) หรือ (2) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508  เนื่องจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีความเห็นแตกต่างกันดังกล่าว กระทรวงมหาดไทย จึงขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาให้ความเห็นเพื่อให้ได้ข้อยุติที่แน่นอนและถือเป็นทางปฏิบัติต่อไปว่า 1. เมื่อนายเสถียร ฯ ได้รับอนุมัติจากทางการของสหรัฐอเมริกาให้ได้ สัญชาติอเมริกันโดยการแปลงสัญชาติแล้ว แต่ยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เสียสัญชาติไทยตามนัยมาตรา 5 และมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 จะถือว่า นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทยตั้งแต่เมื่อใด 2. เด็กชายมาร์ค ฯ ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามนัยมาตรา 7 (1) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 หรือไม่ คณะกรรมการกฤษฎีกา(กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 5)ได้พิจารณา ปัญหาดังกล่าว และได้ฟังคำชี้แจงจากผู้แทนกระทรวงมหาดไทย(สำนักงานปลัดกระทรวง กรมตำรวจ และกรมอัยการแล้ว มีความเห็นดังนี้ 1. สำหรับปัญหาข้อแรกนั้น ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 มาตรา 22 ได้บัญญัติไว้ว่า "ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวหรือสละสัญชาติไทยหรือถูกถอนสัญชาติไทย ย่อมเสียสัญชาติไทย" ซึ่งหมายความว่า ผู้มีสัญชาติไทยเมื่อได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวแล้ว ย่อมเสียสัญชาติไทย แต่การเสียสัญชาติไทยนั้นจะมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 5*(1) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และการเสียสัญชาติไทยตามมาตรา 22 นั้น ก็อยู่ในหมวด 2 ภายใต้บังคับตามมาตรา 5 เช่นเดียวกัน  ดังนั้น เมื่อยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้บุคคลดังกล่าวเสียสัญชาติไทย การเสียสัญชาตินั้นก็ยังไม่มีผลตามกฎหมาย จึงต้องถือว่าบุคคลนั้นยังมีสัญชาติไทยอยู่ ทั้งนี้ เพราะการได้สัญชาติไทยหรือการเสียสัญชาติไทยตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 นั้น กฎหมายได้กำหนดขั้นตอนของแต่ละกรณีไว้ เช่นการได้สัญชาติไทยตามสามีของหญิงต่างด้าวจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรีที่จะอนุญาตหรือไม่ ตามมาตรา 9*(2) หรือกรณีการแปลงสัญชาติตามมาตรา 12*(3) และการสละสัญชาติตามมาตรา 15*(4) ซึ่งกำหนดให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรีที่จะอนุญาตหรือไม่เช่นเดียวกัน  แสดงให้เห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าไม่ประสงค์จะให้การได้สัญชาติไทยเป็นไปโดยอัตโนมัติ ในกรณีตามที่หารือนี้จึงต้องถือว่า นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ ยังคงมีสัญชาติไทย 2. สำหรับปัญหาที่สอง เนื่องจากได้วินิจฉัยแล้วว่า ระหว่างที่ยังไม่มี การประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทย นายเสถียร ฯ จึงยังคงมีสัญชาติไทย และตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า เด็กชายมาร์ค ฯ เกิดนอก ราชอาณาจักรในขณะที่บิดา คือนายเสถียร ฯ ยังคงมีสัญชาติไทย เด็กชายมาร์ค ฯ จึงย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา 7 (1)*(5) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ -------------------------------------------------------------- พ.ศ.2508  นอกจากนี้แม้จะปรากฏข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า กระทรวงมหาดไทยได้มีประกาศลงวันที่ 20 สิงหาคม 2524 ให้นายเสถียร ฯ เสียสัญชาติไทยโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2525 ก็ตาม ประกาศดังกล่าวก็ย่อมมีผลบังคับในวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือวันที่ 14 กันยายน 2525 และมีผลเฉพาะตัวของนายเสถียร ฯ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 -------------------------------------------------------------- เด็กชายมาร์ค ฯ จึงยังคงมีสัญชาติไทยเช่นเดิม (ลงชื่อ) _วัฒนา รัตนวิจิตร_ (นายวัฒนา รัตนวิจิตร) รองเลขาธิการ ฯ รักษาการแทน เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กุมภาพันธ์ 2526 จากคุณ : evor เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 52 15:22:11

ความคิดเห็นที่ 27 เรียน  ท่านเจ้าของกระทู้  คุณ evor ที่นับถือ ขออนุญาตเข้ามาอีกรอบหนึ่ง ด้วยเห็นว่าคำถามตามกระทู้นี้มีความสำคัญ แต่ก่อนอื่น  ต้องขออภัย  ที่ต้องขอแก้ไขข้อความของข้าพเจ้าที่พิมพ์ผิด  ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิด  ดังนี้  คือ ***  ในความเห็นที่ 25 ของข้าพเจ้าข้างบนนี้  ในข้อ 4.1  วรรคสุดท้าย ในวงเล็บ ที่ว่า " .........ก็เชื่อว่าเป็นเพราะนายเสถียร ฯ  แจ้งข้อมูลของตนเองในการ  สละสัญชาติ  เพื่อประโยชน์ของตนเอง ............... นั้น ข้าพเจ้าได้พิมพ์ผิด  ในคำที่ว่า  " สละสัญชาติ " ทั้ง ๆที่ในตัวประกาศกระทรวงมหาดไทย  ในราชกิจจานุเบกษา  ตามที่คุณ evor ยกมาอ้างในความเห็นที่ 14 และ 21 ซึ่งได้เขียนไว้ชัดเจนว่า  เป็นเรื่องของการ  " เสียสัญชาติ"  มิใช่  "สละสัญชาติ " แต่เนื่องจากข้าพเจ้าเผลอเรอพิมพ์ผิดเอง  จึงขอแก้ไขให้ถูกต้อง  เป็น  " เสียสัญชาติ "  และข้อความที่ถูกต้องจะเป็นดังนี้ " ................ก็เชื่อว่าเป็นเพราะนายเสถียร ฯ   แจ้งข้อมูลของตัวเองต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้มีการประกาศให้ตนเสียสัญชาติ เพื่อประโยชน์ของตัวเองในบางประการ...................." ข้อความที่แก้ไขให้ถูกต้อง  คือ " เพื่อให้มีการประกาศให้ตนเสียสัญชาติ   "  และ" ในบางประการ "  ที่ต่อหลังคำว่า  เพื่อประโยชน์ เพื่อความถูกต้อง  จึงเรียนมาเพื่อโปรดเข้าใจตามนี้ด้วย *  ต่อไปนี้ขอเข้าเรื่อง  ลุยกันต่อ เรื่องนี้  มีประเด็นสำคัญ  ดังต่อไปนี้ 1.  คุณเจ้าของกระทู้ต้องการมีสองสัญชาติ  แต่มีความหวั่นเกรงว่า  หากตนแปลงสัญชาติเป็นอเมริกัน  ในอนาคตอาจถูกผู้ไม่หวังดีแจ้งต่อมหาดไทยเพื่อนำชื่อของตนไปประกาศให้เสียสัญชาติไทยได้  ดังตัวอย่างที่เห็นในประกาศมหาดไทยในราชกิจจานุเบกษา  ตามความเห็นที่ 14  และ 21  ของท่าน (จากความเห็นของข้าพเจ้าที่ 25  ข้อ 1 และ 2) ซึ่งคุณเจ้าของกระทู้ยังมิได้ตอบคำถามนี้ว่า จริงหรือไม่  แต่อย่างใด 2. เจ้าของกระทู้มีความเชื่อว่า  การที่นายเสถียร ฯ ถูกประกาศให้เสียสัญชาติไทยดังกล่าว  ก็เป็นเพราะมีผู้ไม่หวังดีไป  " ร้องเรียน " ทำให้มหาดไทยเชื่อ  และนำชื่อนายเสถียร ฯ มาประกาศให้เสียสัญชาติไทย     ทั้งนี้  เจ้าของกระทู้มีความเชื่อเช่นนี้มาตลอด  ดูได้จากความเห็นที่ 9, 12, 14, 24, และ 26  รวมทั้งที่ไปตั้งกระทู้ใหม่ด้วย  ที่สำคัญ  ตามที่เจ้าของกระทู้ได้อ้างว่า  ตนได้อ่านประวัติของนายเสถียร ฯ แล้ว  จึงทราบว่ามีคน " ร้องเรียน "     ข้าพเจ้าจึงได้ขอให้เจ้าของกระทู้นำ " ประวัติ " ของนายเสถียร ฯ ตามที่ตนเองอ้างว่ามีผู้ร้องเรียน  โดยให้นำหลักฐานสำคัญชิ้นนี้มาแสดงในห้องไกลบ้านแห่งนี้ แต่เจ้าของกระทู้ก็ยังมิได้นำหลักฐาน  ประวัติ  เช่นว่ามาแสดงแต่อย่างใด แต่เจ้าของกระทู้  ได้ให้คำตอบในความเห็นที 26  ในวรรคที่ 2  ความว่า " .... ให้คิดกันเอาเองว่าใครเป็นคนส่งเรื่องให้มหาดไทยทำให้นายเสถียร ฯ  เสียสัญชาติ !!!!!!!! .... " 3.  ในความเห็นที่ 26  คุณเจ้าของกระทู้ได้ยกเอาประกาศกระทรวงมหาดไทย  พร้อมด้วยหนังสือราชการต่างๆ  นา ๆ  มากมาย  มาแสดงในความเห็นนี้  และส่งท้ายด้วยการกลับตั้งคำถามมาถึงข้าพเจ้าด้วยคำถามคลุมเครือ  ไม่ชัดเจน  ว่าคนถามต้องการถามอะไร   เรื่องนี้  ต้องขอความกรุณาท่านสมาชิกที่สนใจ  ได้โปรด  หากท่านอ่านแล้วท่านเข้าใจความต้องการของคุณ  evor  ขอได้โปรดเรียบเรียงคำถาม  หรือสิ่งที่เขาต้องการทราบมาให้ข้าพเจ้าด้วย  จะเป็นพระคุณอย่างสูง 4.  อย่างไรก็ตาม  ข้าพเจ้าเข้าใจว่า  ข้าพเจ้าได้ตอบปัญหาให้เจ้าของกระทู้ไปหมดแล้วในหลายๆ  ความเห็นข้างบนนี้ ณ  ที่นี้  จึงใคร่ขอเรียนเจ้าของกระทู้ว่า  การเขียนบรรยาย  การยกตัวอย่างอื่นๆมาประกอบอย่างฟุ่มเฟือย  อย่างไม่จำเป็น  ของท่านนั้น ทำให้คนอ่านเข้าใจสาระยาก  จึงใคร่ขอเรียนดังนี้ ***  หากท่านเจ้าของกระทู้ต้องการทราบอะไรจริงๆ  ขอได้โปรดท่านเรียบเรียงถ้อยคำให้เป็นคำถามสั้นๆ  แต่กระชับ  และชัดเจน  โดบขอแนะนำว่าไม่ต้องยกหนังสือราชการใดๆ  มาอ้างประกอบให้รุงรัง  ขอได้โปรดเอาแต่เนื้อ ๆ ที่ต้องการทราบเท่านั้น  และต้องให้เป็นประเด็นด้วย        หวังว่าท่านคงเข้าใจคำว่า " ประเด็น " นะ ให้เรียงเป็นข้อ  1,  2,  3,  4,  .....  ออกมาเลย  ท่านต้องการทราบเรื่องอะไร  ข้าพเจ้า  และท่านผู้รู้อื่นๆ  จะเข้ามาตอบข้อข้องใจให้ท่านด้วยความยินดี สุดท้าย  ข้าพเจ้ามีความเชื่อโดยบริสุทธิใจว่า   คุณเจ้าของกระทู้มีความต้องการทราบหลายๆ  อย่างเกี่ยวกับปัญหาสัญชาติ เช่น  หากตนเองจะถือสองสัญชาติ  จะมีปัญหาอะไรบ้าง ?  ฯลฯ ข้าพเจ้าบอกแล้วว่า  หลายท่านในที่นี้ยินดีคลี่คลายปัญหาให้  แต่ทั้งนี้ขอความกรุณาท่านเจ้าของกระทู้เขียนปัญหามให้ชัดเจน  เรียงเป็นข้อ ๆ1,  2,  3,  4, .......จะอ่านง่ายมาก ***   ที่สำคัญ  โปรดตอบคำถาม 2 ข้อที่ข้าพเจ้าได้ถามท่านตามข้อ 1 และ  2 ข้างบนนี้ด้วย  ตอบสั้นๆ  ให้ตรงประเด็น  ก็จะดีมาก ******   ขอเรียนว่า  หากท่านไม่สนใจคำแนะนำและคำร้องขอของข้าพเจ้าดังกล่าวมานี้  ข้าพเจ้าจะถือว่าท่านไม่สนใจ  ไม่จริงใจในการถามกระทู้ และจะถือว่ากระทู้ของท่านไม่มีสาระอันใดแก่ข้าพเจ้าที่จะเข้ามาร่วมเสวนา - หรือให้คำตอบแก่ท่านอีกต่อไป ****** แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 52 20:35:17 จากคุณ : นักกฎหมายฝึกหัดปี 1 (Detente) เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 52 20:12:14

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณคุณ Detente มากๆ ค่ะ ...หายสับสนแล้วค่ะ...อ่านข้อกฎหมายมากไปหน่อยหรือตีความซะกระเจิดกระเจิงนั่นเอง!!! อย่างที่คุณอิสวาสุว่าอยู่ที่ "ภาษา" ของกม.และตรรกะ...จริงๆ ด้วยค่ะ!!! จขกท. คะ...ถ้าคุณอยากได้สัญชาติอเมริกันก็ยื่นขอไปเถอะค่ะ...ดิฉันไม่คิดว่าคนอื่นจะไปแจ้งถอดถอนสัญชาติไทยของคุณได้หรอกค่ะ เพราะ กม.ให้คุณยื่นสละสัญชาติด้วยตนเองมิใช่หรือคะ?...มีสองสัญชาติแล้วก็ไม่ต้องไปบอกใครก็หมดเรื่องค่ะ... การถือสองสัญชาตินั้นความสำคัญอยู่ตรงที่คุณเลือกสัญชาติไหนเป็น priority ตอนเกิดสงครามต่างหากล่ะคะ?...อย่าคิดมากเลยค่ะ! ถ้าอ่านและคิดตามที่คุณ Detente อธิบายมาแล้ว...คุณจะหมดข้อกังขานะคะ... จากคุณ : BlackmagicW เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 01:14:21

ความคิดเห็นที่ 29 http://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=449&d_id=448 6. พ.ร.บ. สัญชาติ นับแต่ฉบับพ.ศ.2508 มาจนถึงฉบับแก้ไขครั้งที่ 2, 3 (พ.ศ. 2535) และครั้งที่ 4 พ.ศ.2551 กำหนดการเสียสัญชาติว่ามี 2 ลักษณะคือ การสละสัญชาติ (ม.13-15) กับการเสียสัญชาติ โดยถูกถอน (ม.16-19) หรือต้องเสียสัญชาติไทย (ม.21) เนื่องจากเกิดเหตุตามที่กฎหมายได้กำหนดเอาไว้ รวมถึงคนสัญชาติไทยที่ได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าว บุคคลดังกล่าวย่อมเสียสัญชาติไทย (ม.22) หากไล่เรียงเฉพาะประเด็นการถูกถอนสัญชาติ พบว่าการถอนสัญชาติจะเกิดขึ้นได้กับกรณีของบุคคล 4 กลุ่ม ได้แก่ -      กรณีหญิงต่าวด้าวซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการสมรส (ม.16) -      กรณีที่บุคคลดังกล่าวเกิดในประเทศไทย โดยพ่อและแม่เป็นคนต่าวด้าว (กรณีการมีสัญชาติไทยโดยหลักดินแดน ม.17) -      กรณีบุคคลมีสัญชาติไทย โดยคำสั่งของรมต.มท. หรือตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง (ม.18) -      กรณีบุคคลได้สัญชาติไทยโดยการแปลง (ม.19) 7. มันเป็นหลักกฎหมายที่ว่า คนไทยโดยการเกิดหรือหลักสืบสายโลหิต (Jus Sanguinis) ไม่สามารถถูกถอนสัญชาติได้ แม้ว่าความผิดที่บุคคลดังกล่าวจะได้กระทำไปจะร้ายแรง รุนแรงเพียงใด แต่สำหรับการมีสัญชาติไทยโดยเหตุอื่นตามกฎหมายย่อมอาจถูกถอนสัญชาติได้ทั้งสิ้น So, how did MahadThai manage to revoke นายเสถียร หล่อศิริไพบูลย์ of his Thai nationality (if he is/was a Thai born; Jus Sanguinis).  This did not make much sense. What was so special about that case? http://www.meechaithailand.com/ver1/?module=4&action=view&id=036844 โดยสรุปก็คือ ถ้าคุณแปลงสัญชาติ สัญชาติไทยย่อมถูกกระทบกระเทือน แต่ถ้าคุณขอสัญชาติใหม่ โดยไม่ได้ทำอะไรกับสัญชาติไทย ๆ ของคุณก็จะยังคงอยู่ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 52 02:40:35 จากคุณ : genf เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 02:38:57

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาอ่านค่ะ ขอบคุณคุณเจ้าของกระทู้ที่มาเปิดประเด็น ขอบคุณคุณนักกฎหมายฝึกหัดปี 1 (Detente) คุณ genf พี่ BlackmagicW พี่อิสวาสุ ได้รับความรู้ไปเต็ม ๆ เลยค่ะ หมูหวานคิดว่าถ้าคุณเจ้าของกระทู้อยากจะได้สัญชาติอเมริกันจริง ๆ ก็ขอเถอะค่ะ ถ้ากลัวว่าจะมีปัญหาในอนาคต ก็ไม่ต้องบอกใคร ถ้าใครถามก็บอกว่าถือกรีนการ์ด เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง จากคุณ : หมูหวาน เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 05:38:07

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบพระคุณที่กรุณาตอบ ถามคุณ ****นักกฎหมายฝึกหัดปี 1 (Detente) หรือ ใครรู้โปรดตอบด้วยครับ**** 1. มี US Citizenship ซึ่งได้จาก Green Card ซึ่งไม่ได้จากการ แต่งงาน แล้วกลับมาเมืองไทยไปสมัคร ส.ส. แล้วมีคนมาร้องเรียน อยากทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะฝ่ายตรงข้ามต้องไปเสาะหาข้อมูล มาแน่นอนไม่นิ่งเฉยแน่ ว่าเราได้ US Citizenship ด้วยวิธีการใด ------------------------------------------------------------------------------ รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ สายสุนทร (อ.แหวว) อาชีพ: ข้าราชการ ตำแหน่ง: รองศาสตราจารย์ องค์กร/บริษัท: คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ http://www.archanwell.org/ ผมเคยโทรไปหาอาจารย์แหวตอนผมได้ Green Card ใหม่ๆ ตั้งนาน แล้วถ้าไม่เชื่อใครลอง Email หรือ ไปสอบถามอาจารย์เองได้ ผมถามอาจารย์ว่าถ้า ผมได้ US Citizenship ซึ่งได้จาก Green Card ซึ่งไม่ได้จากการแต่งงาน ผมจะเสียสัญชาติไทยไหม อาจารย์แหวได้ตอบกลับมาว่า ผมจะเสียสัญชาติไทย ซึ่งหลายๆคนมาถามอาจารย์แหวคำถามนี้มาก ซึ่งอ.แหว บอกว่าหลายคนได้เสียสัญชาติแล้วโดยไม่รู้ตัว แล้วผมถามอ.แหวต่อไปว่าแล้วทางการจะรู้ได้ไงว่าเราได้ US Citizenship ได้ ไงอ.แหวตอบว่าสามารถสีบค้นได้ว่าได้มาจากวิธีไหน ถ้าได้มาโดยจากไม่ใช่วิธีแต่งงานกับ US Citizenship หรือเกิดที่ US ก็ เสียสัญชาติตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ แต่การเสียสัญชาติ จะมีผลต่อเมื่อมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เช่นถ้าสมัครส.ส. แล้วมีคนมาร้องเรียน ก็โดนแน่ แต่พวกส.ส. หรือ ลูก ส.ส. ที่มีสองสัญชาติ เกิดจากการเอาลูกไปคลอดที่ US หาช่องโหว่ กฎหมาย พวกที่เกิดที่ US ไม่มีวันที่จะเสียสัญชาติไทยยกเว้นจะทำเรื่อง ขอสละสัญชาติเอง บุคคลที่มีสองสัญชาติที่ไม่มีทางเสียสัญชาติยกเว้นจะทำเรื่องขอสละสัญชาติ เอง 1.ได้โดยวิธีแต่งงานกับ US 2.เกิดที่ US, 3. พ่อ หรือ แม่ เป็น US Citizenship   นอกจากนั้นย่อมเสียสัญชาติแต่จะมีผลต่อเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา (มีคนร้องเรียน เช่นสมัคร ส.ส.) -------------------------------------------------------------------------------- ผมก็ยืนยันว่าใครไปถาม อ.แหว อาจารย์ก็จะตอบแบบเดิมอีก ตอนนี้คือ ต้องยอมรับความจริงว่า กฎหมายคือกฎหมาย คนที่มีสองสัญชาติต้อง ยอมรับข้อเสี่ยงนี้ อย่าตอบเข้าข้างตัวเอง ที่ผมสรุปเช่นนี้มา เพราะผมอ่านกระทู้มาไม่มีอะไรใหม่ที่หักล้างประเด็นได้เลย ผมก็ค่อนข้าง ผิดหวังพอสมควรเพราะผมคิดจะขอ US Citizenship แต่ผมต้องยอมรับ ความเสี่ยงข้อนี้ ผมได้ตั้งคำถามไปถาม อ.แหว อีกครั้งแต่อาจารย์ยังไม่ได้ตอบมาถ้าตอบมา จะมา Post ให้ แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 52 16:41:23 แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 52 16:14:54 จากคุณ : evor เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 16:11:21

ความคิดเห็นที่ 32 I would say this again, one last time. Forget about all the information you have been posting or about to post more. Forget about all the questions you will be asking various nationality law experts, IF YOU WANT IT go for it, IF NOT then be at peace. CAN YOU NOT JUST ACCEPT the fact that ten of thousands of Thai people DO have more than one nationality, not just ordinary people but many powerful and influential people (Thai Elites) too. Why should you worry so much if the rest of dual nationality population, some of whom have had DUAL CITIZENSHIP long BEFORE YOU WERE EVEN BORN, do not even think or care about this tiny weeny issue ? Surely, over the period of say 60-70 years and TEN OF THOUSANDS of dual nationality people should be enough of a SOLID PROOF. จากคุณ : genf เขียนเมื่อ : 4 ก.ย. 52 18:50:55

ความคิดเห็นที่ 33 คำถาม: มี US Citizenship ซึ่งได้จาก Green Card ซึ่งไม่ได้จากการ แต่งงาน แล้วกลับมาเมืองไทยไปสมัคร ส.ส. แล้วมีคนมาร้องเรียน อยากทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะฝ่ายตรงข้ามต้องไปเสาะหาข้อมูล มาแน่นอนไม่นิ่งเฉยแน่ ว่าเราได้ US Citizenship ด้วยวิธีการใด คำตอบ: ถ้าคุณจะเล่นการเมืองไม่ว่าระดับไหน คุณต้องสละสัญชาติหนึ่งนะคะ...ถ้าคุณจะเล่นการเมืองไทย คุณก็ไม่ควรขอ US citizen เพราะถ้าคุณไปลงเล่นการเมืองในไทยคุณก็หมดสภาพการเป็น US ตามกม.ดังนี้ค่ะ... Section 349 of the Immigration and Nationality Act (8 U.S.C. 1481), as amended, states that U.S. citizens are subject to loss of citizenship if they perform certain specified acts voluntarily and with the intention to relinquish U.S. citizenship. Briefly stated, these acts include:   1. obtaining naturalization in a foreign state (Sec. 349 (a) (1) INA);   2. taking an oath, affirmation or other formal declaration to a foreign state or its political subdivisions (Sec. 349 (a) (2) INA);   3. entering or serving in the armed forces of a foreign state engaged in hostilities against the U.S. or serving as a commissioned or non-commissioned officer in the armed forces of a foreign state (Sec. 349 (a) (3) INA);   4. accepting employment with a foreign government if (:-) has the nationality of that foreign state or (b) an oath or declaration of allegiance is required in accepting the position (Sec. 349 (a) (4) INA);   5. formally renouncing U.S. citizenship before a U.S. diplomatic or consular officer outside the United States (sec. 349 (a) (5) INA);   6. formally renouncing U.S. citizenship within the U.S. (but only under strict, narrow statutory conditions) (Sec. 349 (a) (6) INA);   7. conviction for an act of treason (Sec. 349 (a) (7) INA). คุณว่าข้อไหนจะ apply กับกรณีของคุณคะใน 7 ข้อนี้... จริงๆ แล้วถ้าคุณคิดจะเล่นการเมืองไทย...ก็อย่าขอ US citizen เลยค่ะ...เดี๋ยวตอนสุดท้ายจะไม่เหลือสักสัญชาติ...เออ???เป็นไปได้ไม๊?...ใครรู้ช่วยตอบทีนะคะ? จริงๆ ต้องเหลือสัญชาติไทยนั่นแหละเพราะได้จากกำเนิด... จากคุณ : BlackmagicW เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 12:21:40

ความคิดเห็นที่ 39 ไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าคนส่วนมากจะถือสองชาติมานมนานหรืออะไรอย่างที่มีคนกล่าวอ้างก็เถอะ เกิดถ้าผมเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยเมื่อไหร่ หรือมีโอกาสได้เป็นที่ปรึกษากฏหมายคณะปฏิวัติละก็ ผมจะสั่งถอนสัญชาติพวกนี้ให้หมด โดยขอรายชื่อบุคคลที่แปลงสัญชาติไทยเป็นสัญชาติอื่น(กรณีแปลงสัญชาติเท่านั้น)  จากแต่ละประเทศ เพื่อทำให้กฏหมายเป็น norm อย่างแท้จริงซะที แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 52 20:14:57 จากคุณ : นิติ มธ (I love democracy.) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 52 20:13:51

ความคิดเห็นที่ 40   เราเห็นว่า จขกท มีความตั้งใจที่จะตั้งกระทู้นี้ขึ้นเพื่อเป็นการเอาข้อกฏหมายไทยมาพิจารณา เจตนาคงไม่ใช่การกลัวว่าหากตัวเองเมื่อขอได้อีกสัญชาติหนึ่งแล้วจะเสียสัญชาติไทย (เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฏหมายไทย)แต่ จขกท ต้องการสื่อให้ทราบว่าคนสัญชาติไทยโดยกำเหนิดก็มีสิทธิ์เสียสัญชาติจากการเกิดได้ตามมาตรา 22 หากมีผู้ได้เสียมาร้อง กล่าวคือสมมุติว่า จขกท (ขอโทษด้วยที่สมมุติอ้าง จขกท) มีสัญชาติเมกัน และเมื่อทางบ้านมีการแบ่งมรดกตามพินัยกรรมที่ถูกต้องตามกฏหมาย แล้วนี้มีพี่น้อง หรือผู้รับมรดกรายอื่นๆทำเรื่องร้องต่อกระทรวงมหาดไทยว่า จขกท ไม่มีสิทธิ์ในกองมรดกเนื่องจากถือสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่สัญชาติไทยอยู่ จขกท ก็จะมีทางเลือกคือยืนยันที่จะมีสัญชาติไทยโดยการประกาศสละสัญชาติอื่นที่ได้ (ซึ่งแน่นอนต้องมีหลักฐานการสละสัญชาติจากประเทศที่ตนถืออยู่) เพื่อจะได้มีสิทธิ์ในทรัพย์สินตามพินัยกรรม อย่าลืมว่ากฏหมายการครอบครองที่ดินของไทยไม่อนุญาตให้บุคคลต่างถือกรรมสิทธ์เต็ม 100% ต้องขอคุณ จขกท เป็นอย่างยิ่งที่นำเอาข้อมูลนี้มาเปิดเผย ผู้ที่เห็นว่าได้ประโยชน์ก็จะได้เป็นองค์ความรู้เพื่อใช้สำหรับตนเอง ผู้ที่เห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็ถือเสียว่าไม่ได้อ่านอย่าเก็บมาเป็นอารมณ์ เพราะผลของเรื่องนี้มันจะเกิดเฉพาะกับตัวบุคคล ที่จะเกิดกับส่วนรวมก็มีเฉพาะเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐเท่านั้น เช่นการเข้าไปเป็นนักการเมือง จากคุณ : Freedom เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 10:12:31 A:58.9.105.195 X: TicketID:227730

ความคิดเห็นที่ 41 d จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 52 16:43:55