|
ความคิดเห็นที่ 6 |
สิ่งที่ช่วยได้คือประหยัด และไม่ซื้อของแต่งตัวที่อยากได้ค่ะ ลดกิเลสทั้งหลายที่ไม่จำเป็นแก่การดำรงชีพ ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น เก็บไว้ก่อน จนกว่า เราจะมีรายได้เป็นของตัวเอง เท่านี้ก็ช่วยได้เยอะแล้ว
1. เค้าแต่งกะเรา ได้ลดหย่อนภาษีเยอะกว่าตอนเป็นโสด ไหนจะ sale tax ที่ได้คืนอีก ปีหนึ่งๆ ก็หลายพันเหรียญอยู่นะคะ นี่คือรายได้ของเค้าที่เพิ่มขึ้นมา หรือจะคิดว่าเป็นรายได้ของเราก็ได้ เพราะเค้ามีเรา จึงจ่ายภาษีน้อยลง แถมได้คนทำงานบ้าน คอยรับใช้ปรนนิบัติอีก เค้ามีแต่ได้กับได้ ( เราเอาเงินส่วนนี้มาเป็นเงินเก็บซะ อย่าเอามาใช้จ่ายแบบไม่จำเป็น หรือรู้ว่าจะได้เงินภาษีคืน ก็หาเรื่องรูดบัตร ใช้ไปก่อนล่วงหน้าเสียแล้ว)
2. ของกิน ของใช้ อันไหนที่ลดราคามากๆ ให้ซื้อตุนเยอะๆ พวกเนื้อสัตว์ก็เหมือนกัน ประหยัดกับการลดราคา และวิ่งหนีค่าครองชีพที่นับวันมีแต่จะสูงขึ้นในอนาคต
3. เวลาไปซื้อของ ให้ใช้บัตรเครดิตรูด แทนบัตรเดบิต หรือเอทีเอ็ม หรือเงินสด เพราะไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม กรณีที่เราใช้บัตรเกินจำนวนครั้งต่อเดือน หากจำเป็นต้องมีเงินสดติดตัว เวลากดเงินสดใช้ ให้กดครั้งเดียวพอใช้สำหรับทั้งเดือน และให้กดที่ธนาคารเจ้าของบัตร ก็จะประหยัดได้อีก
4. ถ้ามีลูกด้วยกัน ก็จะได้ค่าเลี้ยงดูบุตรจากรัฐอีก แล้วแต่ๆ ละประเทศมากน้อยต่างกันไป เงินส่วนนี้ เก็บไว้ เผื่อต้องดึงมาใช้ยามฉุกเฉินจริงๆ ห้ามแตะต้อง ไม่ใช่เอามาใช้ยามอยากได้โน้นนี้
เบรคดาวน์ให้ดูนะคะ ถ้าทำได้ตามนี้ เดือนๆ จะประหยัดได้และมีรายได้เพิ่มคือ 100 $ จากของกิน ของใช้ในบ้าน 300 $ จาก sale tax, income tax ทั้งของ provincial และ federal government. 460 $ จากค่าเลี้ยงดูบุตร 15$ โดยประมาณจาก bank transaction fee ตัวเลขนี้ ดิฉันประเมินจากตัวเอง ไม่ได้มั่วค่ะ คิดเป็น CAD$ นะคะ
แค่นี่เดือนๆ ก็ปาไป 800-900 $ แล้ว เยอะนะคะ เอามาจ่ายค่าเช่าบ้านได้เลย หรือจะเ็ก็บสัก 1-2 ปี เอามาเป็นพ็อคเกตมันนี่ ซื้อตั๋วกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่เมืองไทยก็ได้สบายเลย
อย่าไปคิดว่า นี่คือความลำบากลำบนที่เราต้องเสียสละเพื่อเค้า ในเมื่อคิดจะอยู่ด้วยกัน สร้างความมั่นคงในครอบครัว ต้องบริหารจัดการให้ดีค่ะ อยู่เมืองไทย มีรายได้เป็นของตัวเอง อยู่ได้สบายๆ ไม่จำเป็นต้องละเอียดขนาดนี้ก็ได้ แต่นี่เรากำลังใช้เงินของคนอื่น ช่วยเค้าหาไม่ได้ ก็ต้องช่วยด้วยวิธีนี่แหละค่ะ
ตราบใดที่ครอบครัวเรามีรายได้เข้ามากกว่า 1 ทาง หรือ 1 กระเป๋าเมื่อไหร่ เมื่อนั้น เราก็จะสบายขึ้นค่ะ ยิ่งถ้าเรายังใช้เงินแบบนี้ เราก็จะยิ่งเหลือเงินเก็บมาก เก็บเงินได้เร็วมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นต่อค่ะ อนาคตจะเอาไปลงทุนทำอะไรก็ได้ หรือจะซื้อบ้านของเราเอง (การซื้อบ้านก็ถือเป็นการลงทุนนะคะ) ช่วงใหม่ๆ แรกๆ ที่เพิ่งย้ายข้ามประเทศ ก็ต้องอดทนแบบนี้ไปก่อนค่ะ ทำจริงๆ ตั้งใจจริงๆ ไม่เกิน 3-5 ปี คุณมีเงินดาว์นซื้อบ้านได้แล้วนะคะ
อย่าไปคิดมากว่า จะไหวมั้ย ต้องอดทนขนาดนี้เลยเหรอ จะรอดมั้ย จะโน้นมั้ย จะนี่มั้ย ..
มันต้องรอดสิค่ะ ถ้าเรา 2 คนช่วยกันและมีจุดมุ่งหมายเดียวกันในอนาคต พวกฝรั่งขี้เกียจๆ โฮมเลส เค้ายังอยู่กันได้เลย เรามีสมอง มีความตั้งใจ ความอดทน และขยันทำมาหากิน เป็นที่ตั้ง รับรองไม่อดตายในต่างแดนค่ะ
เราเพิ่งย้ายมาอยู่ ยังไม่ครบปีดี ถามเราตอนนี้ เราเริ่มรู้สึกว่า เมืองไทยอยู่ยากกว่า แคนาดาเสียอีก ค่าครองชีพที่ กทม. สูงกว่ารัฐที่เราอยู่นะ รัฐสวัสดิการอะไรก็ไม่มีเลย ยิ่งถ้ามีลูก อยากให้ลูกเรียนที่ดีๆ ระบบการศึกษาดีๆ อยู่เมืองไทยเจอค่าเล่าเรียน ค่ากิจกรรมของลูกเข้าไปก็หงายท้องแล้ว ให้เรียนนานาชาติด้วย เราก็ไม่เชื่อว่าระบบการเรียนการสอนจะดีสู้ที่นี่ได้ ระบบการศึกษาบ้านเรามันกลายเป็นธุรกิจไปหมดแล้ว..
เอาใจช่วยค่ะ
แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 52 01:40:59
จากคุณ |
:
เพนนี (MiniPenzman)
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ก.ย. 52 01:15:37
|
|
|
|
|