ความคิดเห็นที่ 1 Steve จึงคบหากับ Annie อย่างต่อเนื่องและเปิดเผย. Steve บินไปฮ่องกงสองครั้งในหนึ่งปีที่คบหากัน แล้วกลับมาบอกพวกเราว่า Annie เร่งรัดเรื่องแต่งงาน  ไม่มีใครให้ความคิดเห็นทั้งสิ้น เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว อีกทั้ง Steve ไม่ใช่คนในครอบครัวโดยตรง  เขาเองก็ยังมีคุณพ่อ คุณแม่อยู่ครบทั้งสองท่าน ในที่สุด  พวกเราได้ยินว่า Steve บินไปเข้าพิธีแต่งงานที่ฮ่องกงและกลับมาคนเดียว บอกว่า Annie จะตามมาทีหลัง เป็นพักๆเราจะได้ยินว่า Annie มาเยี่ยมสามีหนึ่งเดือน ปีละสอง-สามครั้ง แล้วกลับฮ่องกง และทุกคริสต์มาส Steve จะบินไปฮ่องกงเพื่อเยี่ยมภรรยา เคยถามเขานานมาแล้วว่าทำไมไม่ขอกรีนการ์ดให้ภรรยา เขาเล่าว่า ภรรยาเขายังไม่อยากทำ เพราะกลัวจะเข้าประเทศไม่ได้ หากขอกรีนการ์ดแล้วต้องกลับไปรอที่ประเทศตนสองปี  ดิฉันไม่ได้แก้ความเข้าใจอย่างใด เกรงว่าบอกไปอาจจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียวนัก แต่ก็ให้เบอร์โทรศัพท์ของอิมมิเกรชั่นแก่เขาไป พร้อมแนะนำไปว่างั้นขอวีซ่าคู่สมรสมาสิ แล้วมาขอกรีนการ์ดให้เรียบร้อย Annie ก็บอกว่ายังไม่พร้อม   บางครั้งได้ยินว่าคราวนี้ Annieจะมาอยู่สามเดือน พอสามอาทิตย์ก็ได้ยินใหม่ว่า Annie กลับไปแล้ว อยู่ไม่ทันครบเดือนด้วย แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 52 09:25:59 จากคุณ : Panissar เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 09:13:53

ความคิดเห็นที่ 2 ครั้งหนึ่ง Steve นัดทานข้าวกับพวกเรา เพื่อแนะนำให้รู้จักกับภรรยาเขาในฐานะที่เป็นคนเอเชียด้วยกัน  พอเจอAnnieวินาทีแรกก่อนที่เธอจะลงจากรถ ดิฉันกับสามีมองหน้ากัน แล้วกระซิบกันว่า ทำไม Annie ดูมีอายุเกินจริง(ทราบว่าสองสามี-ภรรยาคู่นี้อายุเท่ากัน ตอนนี้ก็อยู่ราวๆ38) ผิดวิสัยคนเอเชียที่มักจะหน้าอ่อนกว่าวัย ระหว่างนั่งทานอาหารด้วยกัน Annie มักจะชอบคุยกับดิฉัน บทสนทนาเริ่มจากถามว่าดิฉันทราบเรื่องสามีเขากับสาวไทยมาก่อนหรือเปล่า .. ดิฉันตอบกลับด้วยคำถามว่า มีอะไร? เขาบอกว่าสามีเขา cheated เขาไปมีผู้หญิงคนไทยในขณะที่คบหาเขาเป็นแฟนกันก่อนแต่งงาน  ดิฉันไม่ได้บอกไปว่าความจริงที่เรารู้ๆกันอยู่คืออะไร ต่อมาก็ถามว่า สามีดูแลดิฉันดีไหม อย่างไรบ้าง และเรื่องการเงิน การทองทำกันอย่างไร ฯลฯ ดิฉันตอบเพียงว่าได้รับการดูแลอย่างดีจากสามีและจบแค่นั้น เธอรุกเร้าถามต่อ ดิฉันไม่ตอบได้แต่นั่งยิ้ม เธอเปลี่ยนใหม่บอกว่า ผู้ชายอเมริกันก็อย่างนี้หละ แรกๆก็ดูแลดี แต่ระวังละกันนะ เมื่อ your honeymoon is over, he will change. ดิฉันก็ยังคงนั่งยิ้ม ไม่โต้ตอบ ไม่สนทนาต่อเนื่อง พบกันครั้งนั้น ดิฉันบอกสามีและลูกสาวสามีว่า ดิฉันขอเสียมารยาทไม่รับนัดจากบ้านนี้อีก  ในความคิดของดิฉันเวลานั้นผู้หญิงคนนี้มีแต่ความคิดที่ไร้สาระ  ไม่มีกาละ เทศะ ไม่มีมารยาทการสนทนา และไม่อยู่กับร่องกับรอย จากคุณ : Panissar เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 09:15:18

ความคิดเห็นที่ 3 ต่อมา ได้ทราบจาก Steveที่แวะมาที่บ้าน บอกว่าเขาจะซื้อบ้านใหม่(ก่อนหน้านี้เขายังอยู่กับคุณพ่อ คุณแม่ นัยว่าเป็นลูกคนเดียวและติดพ่อ-แม่ จึงไม่อยากแยกตัวออกไปอยู่เอง) ภรรยาเขาจะขายคอนโดฯของเธอที่ฮ่องกงและจะย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวร ขั้นตอนของการซื้อบ้านเขาจะซื้อเงินสดและลงเงินสามส่วนและให้ภรรยาเขาลงเงินหนึ่งส่วน แต่ลงชื่อเป็นเจ้าของร่วมกัน พวกเราแสดงความยินดีกับเขา และบอกว่าหากมีอะไรจะให้ช่วยเหลือก็ขอให้บอก ข่าวคราวต่อมาคือ เขาซื้อบ้านแล้ว ภรรยาเขาทำได้เพียงส่งเงินส่วนของหนึ่งในสี่มาทางธนาคาร เพราะกำหนดบินยังมาไม่ถึง แต่ Steve ต้องปิดการซื้อ-ขายบ้าน เขาจึงจ้างทนายความให้เป็นตัวแทนภรรยาในการลงนามต่างๆซึ่งมีใบมอบอำนาจส่งมาจากฮ่องกง  บทสนทนาก่อนที่ Annie จะยอมเซนต์ใบมอบอำนาจคือ ทำไม Steve ไม่รอให้เธอมาก่อนจึงปิดการซื้อ-ขาย  Steve บอกว่าขั้นตอนมันต้องปิดการซื้อ-ขายแล้วไม่อย่างนั้นจะมีปัญหา ซึ่งตอนแรก Steve ไม่เข้าใจว่าทำไมภรรยาจึงไม่พอใจและเหมือนจะไม่ยอมเซนต์ใบมอบอำนาจ เขาจึงถามเธอตรงๆว่ามีอะไรติดในใจก็ขอให้คุยกันฉันท์สามี-ภรรยา   Annie บอกว่าเธออยากเห็นการซื้อ-ขาย เธอจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเธอมีชื่ออยู่ในบ้านหลังนี้จริง  Steve บอกภรรยาว่าเธอควรจะไว้ใจเขา เพราะพวกเขาแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว  เธอจึงยอมเซนต์ใบมอบอำนาจมาให้ จากคุณ : Panissar เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 09:16:22

ความคิดเห็นที่ 4 Annie เดินทางมาถึงอเมริกาสามอาทิตย์หลังการซื้อ-ขายบ้านใหม่จบลง  และพบว่าชื่อของเธอปรากฏอยู่ในเอกสารการร่วมเป็นเจ้าของด้วย   ต่อมา Steve ขอร้องสามีดิฉันว่าขอมานั่งคุยกันที่บ้าน เพราะอยากขอความรู้เรื่องการขอมีใบเขียวให้ภรรยาเขา  ดิฉันจึงตอบตกลงไปทางสามี พบกันอีกครั้งหนึ่ง เธอมีทีท่าดีใจและบอกว่าไม่ได้พบกันนาน ต่อไปคงได้พบกันบ่อยขึ้น เพราะเธอมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แล้ว ตามด้วยกระซิบถามว่ารู้เรื่องที่เธอซื้อบ้านหรือเปล่า  ดิฉันบอกทราบแล้ว เธอบอกว่าตอนนี้เธอไม่ห่วงอะไรเท่าไหร่แล้ว เพราะหากมีปัญหาขึ้นมาเธอก็กำไร  เพราะเธอลงหนึ่งในสี่ส่วนเท่านั้น ดิฉันถามกลับว่าหมายความว่าอย่างไร  เธอบอกว่า อ้าวก็เธอลงเงินไปหนึ่งในสี่ส่วน คือหนึ่งแสนเหรียญ  บ้านหลังนี้ซื้อเงินสดมูลค่าสี่แสนเหรียญ หากมีปัญหาขึ้นมา เธอจะได้รับส่วนแบ่ง 50-50 เธอก็กำไรหนึ่งแสนทันที เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทีเดียว  ดิฉันตกใจกับความคิดนี้  พลางพูดไปว่าแล้วนี่สามีเธอจะรู้สึกอย่างไรหากรู้ว่าเธอคิดอย่างนี้   เธอบอกว่า ได้บอกความคิดนี้กับสามีไปแล้ว  สามีคิดว่าเธอพูดเล่น  แต่เธอยืนยันกับดิฉันว่าเธอไม่พูดเล่นเลย เธอหมายความตามนั้น  ดิฉันได้แต่สะท้อนใจใจความคิดของเธอ จากคุณ : Panissar เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 09:17:34

ความคิดเห็นที่ 5 มาถึงเรื่องการให้คำแนะนำเรื่องเอกสารขอใบเขียว ดิฉันแนะนำไปคร่าวๆพร้อมออกตัวว่าเรื่องของดิฉันผ่านไประยะเวลานานแล้วอาจมีตกหล่น บ้าง เมื่อคุยกันเรื่องเอกสาร ปรากฏว่ามีสองเรื่องหลักๆที่อาจจะมีปัญหา คือ ๐ เธออ้างว่าไม่มีใบเกิด ๐ เธอบอกว่าทุกครั้งที่บินเข้ามาเธอใช้วีซ่าท่องเที่ยว และบอกอิมมิเกรชั่นว่ามาเที่ยว มาเยี่ยมเพื่อน ไม่เคยบอกเลยสักครั้งว่าแต่งงานกับคนอเมริกัน สองเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่สำหรับ Steve เขาดูตกใจ โดยเฉพาะกับเรื่องหลัง ส่วนเรื่องแรกนั้นเขาดูแปลกใจว่าหายไปได้อย่างไร แล้วทำไมไม่ไปขอใหม่ เธอก็อ้างสารพันกฎหมายฮ่องกง ดิฉันเริ่มทนไม่ไหวกับความเหลาะแหละ ไม่อยู่กับร่องกับรอย และเหมือนเธอคิดว่าพวกเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย  ทำให้เมื่ออยากจะพูดอะไร อ้างอะไรก็ทำ  ดิฉันจึงบอกไปว่า เรื่องใบเกิดดิฉันจะโทรคุยกับพี่สาวที่ฮ่องกงให้ เพราะพี่สาวรู้จักกับคนที่มีตำแหน่งใหญ่ในส่วนราชการหลายคน อาจจะช่วยเธอได้บ้าง   พอถึงตรงนี้เธอมีท่าทีวิตกให้เห็น  แล้วเธอก็โพล่งขึ้นมาว่าขอน้ำดื่มเพิ่ม จากตอนแรกบอกว่าไม่ต้องการเพิ่มแล้ว  ดิฉันเดินไปที่ครัวเพื่อหยิบน้ำมาเพิ่ม  เธอเดินตามไปและบอกว่า ไม่ต้องโทรหาพี่สาวหรอก เพราะความจริงคือไม่ได้หาย แต่เธออ้างว่าหายเพราะคิดว่าทำใบเขียว ใบเกิดอาจไม่สำคัญ  แล้วที่อ้างว่าหาย เพราะความจริงเธอมีอายุมากกว่าที่บอกสามีเธอไปถึงห้าปี สรุปว่าเธอแก่กว่าเขาห้าปีในความเป็นจริง   ดิฉันถามว่าแล้วพาสปอร์ตก็มีวัน-เดือน-ปี-เกิด  สามีไม่เคยเห็นหรือไร  เธอบอกไม่เคย  ดิฉันมีคำถามผุดขึ้นในใจมากมายก่ายกอง แต่ก็ได้แต่กลืนลงไปพร้อมเตือนตัวเองว่า ไม่ใช่เรื่องของเรา  และบอกเธอว่า เธอควรจะบอกความจริงกับสามี เพราะนี่เป็นเรื่องจริงไม่ใช่เล่นขายของ   ส่วนประเด็นอื่นๆดิฉันกลับมาบอกต่อหน้าพร้อมกันสองคนว่า ขอแนะนำให้จ้างทนายความอิมมิเกรชั่น จะดีกว่า เพราะประมวลจากที่ได้ยิน เรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่าย หากจะทำเรื่องกันเอง  แต่ก็ได้บอกไปว่าควรเตรียมอะไรบ้างเพื่อความพร้อม  ยังไม่ปรากฏว่าตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร แก้ไขเคาะวรรคและตัวสะกด แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 52 10:04:15 จากคุณ : Panissar เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 09:18:55

ความคิดเห็นที่ 6 หวังว่า คงเป็นกรณีตัวอย่าง กรณีศึกษาให้กับเพื่อน พ้อง น้อง พี่ ชาวไกลบ้าน หรือกำลังเตรียมตัวจะมาเป็นคนไกลบ้าน หรือ กำลังมองหาคนที่อยู่ไกลบ้านได้บ้างไม่มากก็น้อย เจตนา , มโนธรรม, จริยธรรม, ความจริงใจ และ ความซื่อสัตย์ล้วนเป็นเรื่องสำคัญที่จะไม่ทำให้ชีวิตมีปัญหาในอนาคต ค่ะ  ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน จากคุณ : Panissar เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 09:21:15

ความคิดเห็นที่ 7 แวะมาอ่านค่ะ เราเองก็อายุมากกว่าสามี  ที่สำคัญระหว่าง สามี-ภรรยา ไม่ควรมีเรื่องปิดบังกัน ไม่อย่างนั้นชีวิตคู่คงไม่รอด เราถือสองสัญชาติ ไทย-อเมริกัน เป็นคนยื่นขอกรนการ์ดให้สามี  สามีเดินทางเข้ามาด้วยวิซ่าท่องเที่ยว B1/B2 เข้ามาถึงยื่นขอ I-130 เมื่อได้รับอนุมัติแล้วก็ยื่น I-485 ต่อ สัมภาษณ์เสร็จได้รับกรีนการ์ดนับจากที่ย้ายเขามาอยู่ 7 เดือนพอดีค่ะ นับว่าเร็วพอควร จากคุณ : สาวปากช่อง เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 09:30:56

ความคิดเห็นที่ 8 เริ่มต้นก็เล่นไม่ซื่อแล้ว..ไม่อยากคิดเลย  ตอนจบจะเป็นยังไง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของเราเนอะ.. จากคุณ : BLACK BERRIES เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 09:44:13

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นใจ Steve จังค่ะ ถ้าได้รู้ความจริงจะว่ายังไงน้อ เท่าที่ฟังผู้หญิงก็มีเล่ห์เหลี่ยมซะเหลือเกิน ขอให้พระคุ้มครองนะ Steve ขอบคุณพี่ Panissar ที่มาแชร์นะคะ จากคุณ : หมูหวาน เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 09:59:49

ความคิดเห็นที่ 10 คนหนอคน โกหกต่อเนื่องเข้าไปได้อย่างไร สงสาร Steve สามีเธอจังเลย ซื่อซะ จากคุณ : น้านก (Aunti-นก) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 10:16:12

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องแบบนี้มันพูดยากค่ะ ถ้าเป็นดิฉัน จะให้รอจนกว่าตัวจะไปถึง เพราะไม่ใช่เงินบาทสองบาท  และถ้าจะให้ดีก็คือทำพรีนัพ หรือโพสต์นัพ เสียด้วย   ถ้ารอมาได้เป็นหลายปี   เรื่องแค่นี้รอไม่กี่วันทำไมจะรอไม่ได้ ขออนุญาตเล่ามั่งค่ะ................... สาวไทยมาจากครอบครัวมีอันจะกิน มาเรียนโท จนจบ ระหว่างนั้นเกิดพบรักกับหนุ่มอเมริกัน อายุมากกว่าเกือบรอบ ฝ่ายชายฐานะไม่ดีแถมงานการก็ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง  เขาเคยไปบ้านผู้หญิงที่เมืองไทย รู้ว่าฐานะเป็นยังไง  ฝ่ายหญิงหลงสามีมาก ชี้นกเป็นไม้ก็เชื่อไปหมดทุกอย่าง  ทำงานมีรายได้มากกว่าสามี ในขณะที่ตัวสามีนั้นเงินขาดมืออยู่บ่อยๆ ต่อมาพ่อแม่ของฝ่ายหญิงประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียชีวิตทั้งคู่  ฝ่ายหญิงกลับไปจัดการงานศพพ่อแม่ ลูกเขยไม่ยอมไปด้วย อ้างว่าไปเป็นภาระเปล่าๆ เพราะทำอะไรไม่เป็น งานนั้นเป็นงานพระราชทานเพลิงศพ  ไม่รู้จะวางตัวยังไง  และอยู่ทางนี้ก็กำลังติดต่อซื้อบ้าน ช่วงนั้นตลาดอสังหาฯ ยังไม่ฟุบ พอเสร็จเรื่องงานศพ  ฝ่ายหญิงได้รับมรดกเป็นเงินก้อนโต ส่วนน้องชายได้บ้านกับที่ดินที่เคยอยู่  ระหว่างที่ยังเคลียร์เรื่องทรัพย์สินไม่เสร็จดี  สามีของฝ่ายหญิงจัดแจงเร่งให้ภรรยาโอนเงินไปเพื่อเอาไปซื้อบ้าน เร่งยิกๆ วันละสามเวลา   ฝ่ายภรรยามาปรึกษาว่าหนูทำไงดีพี่..  ก็แนะนำไปว่าในเมื่อตอนแต่งงานไม่ได้ทำพรีนัพ ก็ทำโพสต์นัพเสียตอนนี้ก็ยังไม่สาย  เพราะถ้าไม่ทำข้อตกลงเรื่องทรัพย์สินไว้ก่อน การที่เอาเงินที่เป็นสินส่วนตัวไปซื้อบ้านเป็นชื่อร่วม จะมีผลทำให้บ้านหลังนี้กลายเป็นสินสมรสไป  ถ้าเลิกกันก็ต้องหารสอง  ถึงแม้ว่าสามีจะจ่ายแค่หนึ่งในสิบก็ตาม เธอหายไปนานมาก ดิฉันก็นึกว่าคงเรียบร้อยไปแล้ว เจ็ดแปดเดือนต่อมา ได้รับอีเมล์จากฝ่ายหญิง เล่าให้ฟังว่า บ้านนั้นสามีทำสัญญาไปก่อนโดยไม่ยอมรอเธอ แถมใส่ชื่อเขาคนเดียว  ส่วนเรื่องโพสต์นัพนั่นก็ไม่ได้ทำ เพราะตอนนั้นสามีพร่ำรำพันมากมายหาว่าไม่เชื่อใจ ไม่ให้เกียรติ์ ฯลฯ   พอย้ายเข้าบ้านใหม่ได้สามเดือนก็พบว่าสามีมีผู้หญิงอื่น ติดต่อใกล้ชิดกันมาตั้งแต่ตอนที่เธอกลับไปเมืองไทยเรื่องงานศพนั่นแหละ  พอสามีรู้ว่าภรรยารู้ ก็เลยบอกว่าเขาต้องการหย่า  ทีนี้ก็เป็นเรื่องสิคะ... เพราะเงินทองทั้งหมดก็ลงไปกับบ้าน ไหนจะค่าแต่งบ้าน ค่าอื่นๆ จิปาถะ  เงินเก็บไม่มีเลย..... และไปปรึกษาทนายทำเรื่องหย่ามาถึงได้รู้ว่า บ้านนั้นกลายเป็นสินสมรสไปแล้ว.... ตอนที่ดิฉันแนะนำไปนั้นเธอไม่ฟัง เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา... สรุปว่าน่าเสียดายมากๆ ทั้งที่มีโอกาสจะอุดช่องโหว่ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำ..   เคสใครเคสมัน คุณต้องมีไหวพริบ ต้องจับสังเกตให้เป็น คนอยู่ด้วยกันดูง่ายจะตายค่ะ จากคุณ : Lawanwadee เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 10:50:29

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วมันจะจบลงแบบไหนละเนี่ย ผู้หญิงดูเหลี่ยมจัดจังเลยอ่ะ จากคุณ : K'Pan เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 10:53:11

ความคิดเห็นที่ 13   อึ้งไปเลยอ่ะ ฝ่ายหญิงแอบร้ายมากๆ คุณ Steve ก็นะ โอย เครียดแทน จากคุณ : Kaetzchen เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 11:26:18

ความคิดเห็นที่ 14 ความรักทำให้คนตาบอด หูหนวก ได้ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 12:12:21

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องอย่างนี้..ก่อนแต่งคนฉลาดควรจะดูกันให้ดีๆ เรื่องเงินเรื่องทองก็ต้องคิดกันหน่อย ไม่ใช่บอกให้เป็นคนเค็ม เพราะหนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน เขาว่าไว้ เรื่องอย่างนี้ไม่เคย out dated ถ้าทุ่มสุดตัวไปเสียแต่แรก เห็นแต่ทางเจ๊งกับเจ๊งลูกเดียว อ่านแล้วสงสารตา Steve จัง จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 12:38:25

ความคิดเห็นที่ 16 ขอพระคุ้มครอง Steve ครับ จากคุณ : Austin Ames เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 12:43:00

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านแล้วก็ได้แต่เฮ้อ!!! เล่นเก็งกำไรจากการ แต่งงานซะงั้น สงสาร Steve ค่ะ จากคุณ : bellagallo เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 13:46:17

ความคิดเห็นที่ 18   ง่า พูดยากนะ เรื่องของสามีภรรยา ไอ้เรารู้ทั้งรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่น้ำท่วมปาก เขาอยู่ด้วยกันใช้เวลาด้วยกันมากกว่าเรา ถ้าคุณSteve ยังไม่รู้จักเมียเขาดีพอแล้วเราจะไปช่วยเขาได้ไง ว่าไหมคะ เราเคยเจอแต่เคสตรงกันข้าม คือรู้ทั้งรู้ว่าสามีเพื่อนไปแอบทำอะไรมาบ้าง เพราะเขาดันมาเล่าให้สามีเราฟัง เพื่อนเราเราก็รักนะ อยากจะเตือนเขา ไม่อยากให้เขาเสียใจ แต่คิดอีกทีก็ไม่อยากเป็นตัวการทำลายชีวิตคู่เขาอีก เลยได้แต่พูดจาให้กำลังใจกัน ต้องถือว่าเป็นกรรมของเขา ใครจะไปรู้เขาอาจจะอยู่กันยืดก็ได้เน๊อะ พูดถึงเรื่องการทำพรีนัพ โพสต์นัพ จะว่าไปมองได้หลายด้านมากๆ ลองนึกดูว่า ถ้าสามีเรามาบอกให้เราทำ เราคงจะไม่แต่งด้วยหรอก เสียความรู้สึก แต่คนรวยๆเขาก็อยากปกป้องทรัพย์สินของเขา ว่าไม่ได้ หรือบางทีคนรวยเขาก็กลัวคู่ของเขาเสียความรู้สึก เลยไม่ทำ จากคุณ : LittleBlueTwingo เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 17:46:51

ความคิดเห็นที่ 19 โรคโกหกต่อเนื่องนี่ เคยเจอกับคนใกล้ตัวมา(เมื่อหลายๆปีก่อน) ถึงขั้นจับเข่าคุย หลักฐานการโกหกทั้งบุคคลและเอกสารพร้อม แต่ก็ยังไม่ยอมหยุด ดิ้นไปเรื่อยๆๆ นับถือเลย แต่อยู่ห่างๆ คนประเภทนี้ได้จะดีที่สุด เคส ที่คุณลาวัณวดี เล่าให้ฟัง นั่นถือว่าเป็นบทเรียนราคาแสนแพงทีเดียว แล้วอย่างนี้ผู้ชายมีชู้ หย่าโดยไม่แบ่งครึ่งจะได้ไหมคะ? ถามแบบคนไม่รู้กฏหมายนะคะ จากคุณ : BluemirroR เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 19:44:20

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่ะ ดิฉันกับสามีและลูกสาวสามีได้แต่ดูอยู่ห่างๆ แม้ว่า Steve จะทำเหมือนว่าพวกเราเป็นหนึ่งในครอบครัวเขาไปแล้วก็ตาม ความจริง เขาไม่เคยไปปรึกษาคุณพ่อ คุณแม่เลย มีอะไรก็มักจะมาคุยกับพวกเราเสมอ Annie เป็นผู้หญิงที่สามีดิฉันเอ่ยปากว่า ไม่ชอบเธอเอามากๆเลย โดยปกติเขาจะสุภาพไม่ว่ากล่าวใครแบบนี้ นอกจากบ่นลมกับฟ้า กับการเมืองแล้วก็จะไม่ว่าใคร ส่วนเรื่องพรีนัพนี้ มีเรื่องตนเองจะเล่า..ก่อนแต่งงานดิฉันศึกษาเรื่องพรีนัพมาล่วงหน้า และเป็นคนผลักดันให้สามีทำ เขาเคยบอกว่าไม่จำเป็นหรอกนะ เพราะเขาคิดว่าเขาเลือกคนไม่ผิด ดิฉันบอกว่าทำไปเถอะ จะทำให้ดิฉันสบายใจที่จะแต่งงานด้วย เนื่องจากเราไม่เคยมีเจตนาในเรื่องทรัพย์สิน สมบัติของเขา ลูกหลานเขาจะได้สบายใจด้วย พี่สาวดิฉันที่เมืองไทยก็สนับสนุนเต็มที่ว่าให้ทำ แม้ว่าดิฉันจะไม่มีสมบัติอะไรมากมายที่เมืองไทย นอกจากบ้าน รถยนต์ เงินเก่านิดหน่อย เทียบกับสามีแล้วไม่ติดฝุ่น หลังทำพรีนัพไป โดยที่ทางลูกๆเขาไม่ทราบเรื่อง..ก็เจอปฏิกิริยาเล็กน้อยจากลูกชายคนโตที่สามีบอกว่า nasty ที่สุด พูดฝากลอยลมมาให้ได้ยินว่า พ่อแต่งงานกับสาวจีนที่มาจากเมืองไทยคนนี้ ต่อไปเธอคงจะได้สมบัติพ่อไปหมดแน่ๆ ทำให้พ่อ-ลูกโกรธกันไปนาน เพราะสามีถือว่าไม่ให้เกียรติเรา จนต่อมา ลูกชายคนโตมาขอโทษและบอกว่าเข้าใจเราผิด เพราะสิ่งที่ได้ยินมาเกี่ยวกับหญิงไทยไม่งดงาม แต่พอรู้จักเรานานขึ้นเขาบอกว่า ภาพหญิงไทยเปลี่ยนไปมาก และเขาก็กลับไปแก้ข่าวกับเพื่อนๆของเขาให้หมดแล้ว เมื่อเขามีลูกชาย เขามักมีของฝากและเขียนว่า To Grandma Pan from Rob คือชื่อของเบบี้ลูกชายเขา ดิฉันบอกเขาว่า ขอร้องว่าให้เรียกชื่อเฉยๆ ดิฉันอยากให้บ้านนี้มี Grandma คนเดียว คือภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของสามี สามีบอกว่าดิฉัน sick คิดไม่เหมือนคนอื่น ความเป็นจริงก็คือ เมื่อบอกตัวเองให้ได้ในที่สุด หลังจากประสบเรื่องราวร้ายๆมาในชีวิตหลายอย่าง ล้มลุกคลุกคลานมาหลายครั้ง สุดท้ายดิฉันบอกตัวเองว่า อย่าเป็นทาสของเงิน และสิ่งที่ดิฉันตามหามาตลอดชีวิต คือ ความสุขใจต่างหาก เมื่อได้มาก็บอกตัวเองว่าขอหวงแหนเก็บความสุขใจที่มีนี้ให้นานๆ ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ ที่มาร่วมกันแชร์ความคิด จากคุณ : Panissar เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 19:46:40

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ Panissar เป็นคนดี การคิดดี ทำดีเป็นกุศลช่วยให้ชีวิตทุกวันนี้มีความสุข การได้มีลูกดี (ทั้ง his and her) สามีดี ถือเป็นโชคมหาศาล ขออนุโมทนาค่ะ จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 23:19:51

ความคิดเห็นที่ 22   เคสคุณเจ้าของกระทู้เป็นอะไรที่ไม่เคยเห็นเลย ต้องเรียกได้ว่าคุณใจกว้างมากๆ อย่างเคสเราเนี่ยไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นเรื่องพรีนัพ โพสต์นัพ มาก่อนทั้งคู่ รู้แต่ว่าเป็นเรื่องของเศรษฐีเขาทำกัน เพิ่งมาระยะหลังๆนี่เองที่เห็นคู่แต่งงานทำสัญญาแบบนี้ขึ้นเยอะขึ้น เมื่อเร็วๆนี้หลังจากอ่านเจอบล็อกเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราคุยกันกะสามีเหมือนกันว่าคิดไง เธอค่อนข้างหัวโบราณคล้ายๆเรา เลยดีไปที่คิดเหมือนกันทั้งคู่ ไม่งั้นคงไม่ได้แต่งกันแน่เลย จากคุณ : LittleBlueTwingo เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 00:48:00

ความคิดเห็นที่ 23 ขออนุญาตมองต่างมุมนะคะ ส่วนตัวแล้ว ถ้าเป็นเรา เราจะคุยกับฝ่ายชายค่ะ คงจะชวนฝ่ายชายมาบ้านเพียงคนเดียว แล้วพูดกับเขา เราคงถามเขาก่อนว่า ถ้าเราพูดอะไรไปเกี่ยวกับภรรยาของเขาแล้ว เขาจะโกรธไหม (ถ้าเขาถือว่าฝ่ายเราเป็นคนในครอบครัวเขา อย่างที่คุณพูด เขาคงยอมฟังค่ะ) เราก็จะบอกเขาทุกอย่าง แต่จะพูดให้เป็นกลางที่สุด คือไม่ใส่อารมณ์และความคิดเห็นด้านลบหรือบวกของเราเข้าไป แล้วเมื่อเขาฟังจบแล้ว เขาจะยอมรับหรือไม่ยอมรับนั่นก็แล้วแต่เขาค่ะ แต่เราเองก็จะบอกกับเขาว่า เราพูดตามความเป็นจริง และที่บอกให้เขาทราบเพราะเป็นห่วง และก็ถือว่าเขาเป็นคนในครอบครัวเช่นกัน ขออภัยนะคะ ถ้าความคิดเห็นนี้ไม่เหมาะสม แต่ถ้าเป็นเรา เราจะเป็นห่วงคนใกล้ตัวเรามากกว่าผู้หญิงคนนั้นค่ะ จากคุณ : saren เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 02:42:42

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ saren ขอบคุณค่ะ สำหรับความคิดเห็นที่ให้มา ซึ่งเป็นแนวทางที่ดี.. ความจริงมีสองเรื่อง คือ เรื่องอายุจริงในใบเกิดที่เขาโกหกสามีไว้ อันนี้คงถูกเปิดเผยในที่สุด เพราะเธอกำลังเดินเรื่องขอมีใบเขียว อีกเรื่อง คือ เรื่องที่เธอคิดเกี่ยวกับเงินที่ลงไปหนึ่งในสี่ แต่มีความคาดหวังว่าหากเกิดอะไรขึ้นเธอจะได้ส่วนแบ่งจากสินสมรส 50-50 ซึ่งเรื่องนี้เธอบอกว่าได้คุยกับสามีไปแล้ว แต่Steveคิดว่าเธอพูดเล่น ตอนนี้ก็คงได้แต่ภาวนาว่า ขอให้ชีวิตสมรสของทั้งสองราบรื่น ไม่มีปัญหา จากคุณ : Panissar เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 07:15:43

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณทุกกิฟที่กรุณาให้มา และทุกความคิดเห็นที่เข้ามาร่วมกันค่ะ .. _/l\_ จากคุณ : Panissar เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 07:16:58

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องผัวๆเมียๆ พระท่านว่าอย่าไปยุ่งค่ะ ดังนั้นคุณทำถูกแล้ว หรือถ้่าทนไม่ได้จริงๆก็เลียบเคียงๆ หรือรอดูอีกสักพัก ฝากทิ้งท้ายให้่สตีฟว่ามีอะไรอย่าลืมมาปรึกษา เรายังดูอยู่ประมาณนั้น เพราะไม่ต้องพูดระดับสามีภรรยาหรอกค่ะ  แค่เพื่อนมีแฟนไม่ดีก้พูดลำบากกลัวเพื่อนโกรธ คงต้องให้เวลาผ่านให้เห็นกันเอง แต่เราก็จะอยู่เคียงข้างปลอบใจ จากคุณ : Haniballector เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 09:24:06

ความคิดเห็นที่ 27 ตอนที่ตัวดิฉันมีปัญหามรสุมชวิตเรื่องชีวิตคู่ หันไปหาใครก็ไม่มีใครอยากยุ่ง โทรไปหาใครเขาก็กดสายทิ้ง เขาพูดเขาเห็นเเบบที่พระท่านพูดค่ะ เรื่องของผัวเมียอย่าไปยุ่ง บางคนบอกเรื่องของผัวเมียเเม่สอนว่าอย่าไปเสือก เขานอนคุยกัน ใอ้เรามันนั่งพูด เดี๋ยวเขาดีกัน เราจะเป็นหมา(ขอโทษนะคะที่ใช้วาจาไม่สภาพ เเต่เขาพูดอย่างนี้จริงๆ) ช่วงหลังนี้เวลามีเรื่องเรา3คนเเม่ลูกก็ปรึกษากันเองค่ะ กลัวว่าจะไปรบกวนคนอื่นเขา อ่านเเล้วก็ปลงค่ะ ของเเบบนี้ขึ้นอยู่กับเวรกับกรรมค่ะ ใครทำอะไรใว้ เดี๋ยวก็ใด้รับผลอันนั้นกลับคืนมาเองเเหละค่ะ จากคุณ : Quel เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 52 15:33:38

ความคิดเห็นที่ 28 YOOHOO my dearest twin ka!!! For some reason, I just saw your kratoo. And I must say you told the story very well ka. Very well-organized, direct and succinct. My thoughts on the subject... Annie's actions and remarks were certainly questionable. However, nobody's perfect. Not that I would look at my 100K as a quick investment with a 100% return if I were her. Don't get me wrong na ka. I believe many people (both men and women) do think about money when they want to marry someone. Don't we see that happens all the time in those nuptials between so-called Thai hi-so couples? Those people, they're just not going to marry a nobody ka. Annie just can't help herself, no matter how smart she thinks she is. She is in the end not that smart because she'll say what she thinks out loud, like she already did to you-Steve's close friend, no less. I however understand it's not easy for you to not worry about Steve but each situation/marriage is different and there's nothing much we outsiders can do about it ka. Who knows? Maybe Steve thinks he should settle for someone like Annie. No matter how "flawed" she is. (I'd say he has a pretty low-esteem if that's true.) Maybe he could put up with how calculating or greedy she is. Maybe she only lied to him about that one thing (her BD) and nothing else. I liked what you said about your relationship with your husband na ka. Yours I think can only come from time, experiences and maturity. Someone said "life is journey, not a destination," it seems to me that you've been through (bad) journey and now reached your happy destination ka. XOXO แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 52 03:55:43 จากคุณ : Genuine XXX เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 03:54:07

ความคิดเห็นที่ 29 เอ๊คแซคลี่จ๊ะ แฝดน้องที่รัก .. ช่วงมาคุของไกลบ้านนี่ พี่มักจะกล่าวประโยคนี้เสมอคือ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี อีกอย่างเงินทองมันไม่เข้าใครออกใคร อันนี้ก็ยังคงใช้ได้ตลอดกาล นี่เป็นเรื่องจริง พี่มาคิดดูว่า แอนนี่เลือกที่จะคุยกับพี่นั้น น่าจะมาจาก ๐ เห็นว่าเป็นคนจีนด้วยกัน แม้จะเป็นหมวยจีนจากเมืองไทย แต่คำว่า Chinese ด้วยกันคงเป็นส่วนทำให้เธอบอกเล่าเก้าสิบให้ฟัง ๐ อยู่อเมริกา แอนนี่ไม่รู้จักใครเลย จึงอาจเป็นไปได้ว่าต้องการคุยกับใครบางคนเพื่อปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นอยู่ภายใน อย่างไรก็ตาม..เฝ้ามองกันต่อไปค่ะ คิดถึงนะคะ..จุ๊บๆ จากคุณ : Panissar เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:16:01

ความคิดเห็นที่ 30 น่าจะจริงอย่างแฝดพี่ว่าค่ะ คนเราบางทีมันก็ต้องการคุยกับใครซักคนอ่ะนะ แม้ว่าบางทีเราก็พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด เห็นแฝดพี่บอกว่าน้องหมวยชมพูมาเยี่ยม หวังว่าทุกคนคงสนุกสนานชื่นมื่นกันนะคะ จุ๊บ ๆ ค่ะ จากคุณ : Genuine XXX เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 23:27:33