 |
+++ประสบการณ์ทำงานร้านอาหารไทย ทั้งขมขื่น ปนฮา และกุ๊กกิ๊กๆๆ 2.1+++{แตกประเด็นจาก H8263587}
|
|
ความเดิม(หลาย)ตอนที่แล้วครับ
http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H8263587/H8263587.html
_____________________________________________________________________________________
ทำงานเมื่อวันอาทิตย์นี่ฉายเดี่ยวเลย ทำข้างหน้ากับพี่ปิ๋ว แต่พี่ปิ๋วจะไม่ไปเสริฟจะเก็บเงินและคอยทำ Cocktail บางอย่างที่ผมทำไม่เป็นให้เท่านั้น ส่วนเจ๊ปิ๊กมี่ทำในครัวลูกค้าเข้าเป็น 10 โต๊ะเลย ตอนหัวค่ำยังไม่มีคน แต่พอมันมากันทีนี่ยังกับแจกฟรี วิ่งวุ่นอยู่คนเดียว รับแขก, แจกเมนู, รับออเดอร์เครื่องดื่ม, รับออเดอร์อาหารว่าง อาหารจานหลัก, บางครั้งก็ของหวานด้วย, กระดิ่งกริ๊งๆ วิ่งเข้าไปในครัวรับอาหารมาเสริฟ,ตั้งเตาหม้อไฟ, คอยจุดเทียนโต๊ะที่ดับ, ล้างแก้ว, เช็ดแก้ว, ลูกค้าเรียกเก็บเงินอีก วิ่งกลับไปทำดริงก์ขอบคุณให้อีก, เก็บโต๊ะ เก็บจาน, จัดโต๊ะใหม่, กระดิ่งกริ๊งๆ เข้าครัวอีกแล้ว ไปเอาจานสะอาดมาจัดเรียง, ว่างก็พับดอกบัวไปถวายพระโพธิสัตว์อีกแล้ว เจ๊ปิ๊กมี่ยังเดินออกมาบอกอีกว่าถ้าเวลาลูกค้าออกจากร้านแล้ว บางครั้งต้องไปเปิดประตูร้านให้ด้วยแล้วร่ำลาแขก แอร๊ยย เจ๊! ที่กล่าวมาด้านบนบางทีก็ยังทำไม่หมดเลย จะให้วิ่งไปเปิดประตูรถแขกด้วยเลยมั้ยค่ะ -*- แล้วก็นั่งรถไปกับแขกเปิดประตูบ้านให้ด้วยเลยเอ้า คุ้มกันไปเลยสิ 5 ออยโรต่อชั่วโมงเนี่ย เดี๋ยวตบด้วยฉัตรทองลายไทยซะเลยหนิ - -"
มีลูกค้าอยู่โต๊ะหนึ่งสั่ง ส้มตำ แล้วทีนี้ในครัวทำมาใส่แครอทเยอะไปหรือว่าลูกค้ามองไม่เห็นเส้นมะละกอก็ไม่ทราบ คุณผู้ชาย่ลูกค้าก็มาถามว่านี่มันส้มตำมะละกอหรือส้มตำแครอทกันแน่ เอ้าดิฉันจะไปรู้เหรอไม่ได้เป็นคนทำนะเฟร้ย ก็ต้องวิ่งเข้าไปบอกในครัวอีกว่าลูกค้าว่ามาอย่างนี้ เลยต้องเอามะละกอ extra ไปให้ดูว่านี่แหละเส้น papaya ไม่ได้มีแค่แครอทนะ แต่ไฟในร้านก็ไม่ได้ใช้ Spotlight อย่างที่ใช้ในสนามศุภชาสัยนี่ มันก็สลัวๆ เพราะกลัวลูกค้าเห็นหน้าตาที่แท้จริงของเด็กเสริฟอาจจะกินอาหารไม่ลงบ้างอะไรบ้างเลยต้องทำไฟสลัวมัวๆให้เด็กเสริฟดูดีไว้ก่อน คุณลูกค้าอาจจะไม่เห็นเส้นมะละกอก็ได้นี่เนอะ แหม..
กว่าแขกจะกลับหมดก็เกือบ 5 ทุ่มแล้ว พรุ่งนี้ฉันต้องไปโรงเรียนแต่เช้านะ ดีที่ไม่มีการบ้านไม่งั้นต้องมานั่งถ่างตาแพนด้าทำอีก กว่าจะได้เลิกงานก็ 5 ทุ่มครึ่ง ตอนเช็ดเคาน์เตอร์ เก็บโต๊ะอยู่ ก็มีเพื่อนของพี่ปิ๋วชื่อ แรลี่เป็นชายเยอรมันร่างใหญ่ มาทีไรก็เบียร์แก้วใหญ่ แต่วันนั้นมาขอน้ำเปล่า(จากก๊อก น้ำที่เยอรมันสะอาดดื่มได้ครับ)ใส่น้ำแข็ง พูดเป็นภาษาไทย ผมก็งงๆเพราะสมองเตรียมรับภาษาเยอรมันเต็มที่ เลยไม่เข้าใจภาษาไทย (ว้ายแรด!) อิอิ ก็ไม่ได้สนใจอะไร พอเอาไปให้เค้าก็บอกว่า sehr gesund (ดีต่อสุขภาพมากนะ) จ๊ะๆ ขอไปเช็ดเคาน์เตอร์ต่อก่อน จะได้รีบกลับบ้าน แล้วเป็นช่วงที่แขกกลับหมดแล้ว พี่ปิ๋วกับเจ๊ปิ๊กมี่เข้าไปหลังร้าน ก็มีคุณแรลี่นี่นั่งอยู่คนเดียว ผมก็เดินไปวางจานใหม่ที่โต๊ะบ้างอะไรบ้าง ตอนเดินไปโต๊ะใกล้ๆที่เค้านั่งอยู่เค้าก็ถาม Wie alt bist du? (คุณอายุเท่าไหร่) เอะ..จะถาทำไม หรือว่าไม่มีใครคุยด้วย อะก็ตอบไปแล้วก็ทำงานต่อ
จัดจานโต๊ะข้างๆ อีกถามอีกละ อยู่ที่ไทยเมืองไหน ก็บอกไปกทม. -*- เดินเฉียดไปอีก คุณเล่นกีฬาไหม ดูท่าทางหุ่นนักกีฬา - -" งิ..อะไรว่ะ ขอทำงานให้เสร็จจะรีบกลับบ้าน..ได้ไหมเพพพ่ พี่ปิ๋วเดินออกมาพอดีแล้วพูดเป็นภาษาเยอรมันแปลได้ว่า "ห้ามเฟิร์ตนะ คนนี้ห้ามขอสงวนไว้ซักคน พนักกงานส่วนตัว" เย้ยๆๆ ถึงภาษาเยอรมันจะแย่แค่ไหนแต่แปลออกอยู่นะ ไม่ผิดๆ และตอกย้ำด้วยเจ๊ปิ๊กมี่ที่เดินออกมาพูดกับผมว่า "รู้ไหมว่า เมื่อก่อนมีผู้หญิงไทยคนไหนก็แล้วแต่ทำงานที่นี่ แรลี่ก็จะเริ่มชอบเริ่มรักทุกคน" ว้ายยย ตายแล้ววแล้วตูเป็นผู้หญิงซะที่ไหน ไม่ๆๆ ไปเอาช้างมาล้มทับตูให้ตายเลยดีกว่า ต้องทำเป็นขำปนมึนๆไป แต่เห็นตานั่นหน้าแดงแล้วบอกว่าเจ๊ปิ๊กมี่โกหกใหญ่เลย เมิงจะหน้าแดงทำไม -*- เบียร์ก็ไม่ได้ซด แค่น้ำเปล่าก็คงไม่ใช่เมาแล้ว
ชะตาชีวิตนี้ช่างอาภัพนัก T_T เกิดมานี่ยังไม่เคยมีผู้ชายหล่อๆๆมาจีบบ้าง (หล่อสุดก็ตาคนที่อยู่ด้วยกันตอนนี้) มีก็แต่แบบนี้ ไม่อ้วน..ก็หัวล้าน...ไม่ก็หุ่นดี๊ดี แต่..หน้าไปแล้ว อะไรแบบนี้ พอจะทำตัวแรงเข้าไปคุยกับคนที่คิดว่าหน้าตาดีบ้าง จบลงด้วยมันให้กลับบ้านเอง (ตอนนั้นรถไฟหมด ดึกแล้วมีแต่รถเมล์) ขึ้นรถเมล์สิ ทั้งที่มันมีรถ 55555 ตั้งแต่นั้นก็ไม่อยากถอดรองเท้าทองคำลงไปคุยกับใครก่อน ปกติก็หน้าหยิ่งอยู่แล้วด้วยอีก ก็เลยปล่อยให้มีคนมาคุยด้วยแทน แต่ก็แบบนี้ตลอด คนที่มาคุยด้วยก็มีแต่อย่างที่บอกไป T_T ล่าสุดไปเที่ยวคลับกับยัยลูกโป่ง เจ๊พิมและเจ๊ขนมปัง สนุกมากกก หัวเราะกันเฮฮาบาร์แตก เล็งผู้ชายไว้คนนึง ว้ายย หน้าคมตาเข้ม ขอแค่ได้คุยก็พอละกัน ปรากฎว่าได้แค่มอง เพราะไม่ยอมถอดเกี๊ยะทองคำ หยิ่งอยู่นั่นแหละ หันมาอีกทีมีลุงที่ไหนไม่รู้ มาแดนซ์​ (ใช่..อ่านไม่ผิด แดนซ์)กระแซะข้าพเจ้าอยู่ จะด่าว่าเหม็นเขียว ก็เดี๋ยวต้องมานั่งเปิด Dictionary ให้เข้าใจกันอีก เลยต้องให้ยัยลูกโป่งมายืนปิดประตูเมือง จึงรอดพ้นเงื้อมมือลุงสะเดิดมาได้ - -"
อ้าว นอกเรื่องอีกละ กลับมาที่วันทำงานครั้งก่อน พอเก็บเคาน์เตอร์เรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวไปหยิบเสื้อโค้ทมาใส่กลับบ้าน พอดีเจ๊ปิ๊กมี่บอกว่าเงินของสัปดาห์นี้ (ร่วมร้อยออยโรอยู่) จะจ่ายวันถัดไปนะ แล้วก็บอกจำนวนมา เอ๊ะ...ทำไมไม่ตรงกับที่คิดไว้ หายไป 5 ออยโร นี่ๆๆ ถึงจะเป็นเจ้าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินแต่จะมาโกงกันแบบนี้ เจ๊ไม่ยอมนะย่ะ วันจันทร์ทำงานไปตั้ง 6 ชม. ครึ่ง แต่ดันมาลงบันทึกว่าทำแค่ 5 ชม. ครึ่ง ได้อย่างไร ก็ในเมื่อตอนมาอัพกระทู้นี่ยังดูเวลาอยู่เลยว่าเป็นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม มาอัพหลังเลิกงานครึ่ง ชั่วโมง ว้ายย นี่สงสัยเป็นวิธีที่ป้าพรโดนอมเงินแน่ๆๆเลย อย่าๆๆ อย่ามาคิดว่าจะใช้วิธีนี้กับชั้นได้ ไม่มีทาง เงินนี่ต้องเก็บเอาไว้จัดงานปาร์ตี้ไฮโซให้เพื่อนๆมาสนุกกันอีกนะย่ะ ไม่ได้แล้วขืนเงียบไปแบบนี้ เงินหายไปแน่ และในอนาคตคงจะต้องโดนโกงแบบนี้แน่ๆ
กึ้กๆๆๆ ตัวสั่นๆๆๆ ตาเหลือกเห็นแต่ตาขาว...แล้วก็นิ่ง...เป็นช่วงของการลงองค์เจ๊ขนมปัง เพื่อจะได้พูดตรงๆเรื่องเงิน เพราะเจ๊ขนมปังเป็นคนตรงมากมีอะไรก็พูดเลย แต่เราไม่เคยพูดตรงๆ ยิ่งเรื่องเงินซึ่งไม่ได้คิดว่าเรื่องใหญ่อะไรแล้ว (แต่ถ้ายอมเค้าก็จะทำแบบนี้อีกสิ) เลยไม่กล้าพูดใหญ่ แต่ตอนนั้นส่งกระแสจิตไปถึงเจ๊ขนมปังแล้วคงจะตอบรับเหมือนเวลาโทร Skype ไปทันที เลย Online ได้ทัน เจ๊ขนมปังก็มาลงองค์ทันที "เอ่อ ผมคิดได้ไม่ใช่เท่านี้นะครับ มันมากกว่านี้นะ" เจ๊ปิ๊กมี่ทำหน้างง แล้วบอกว่าเจ๊คอนลงไว้ว่าวันจันทร์ทำถึง 3 ทุ่มครึ่ง แอร๊ยย อะไรเจ๊ ตั้งแต่ทำมาเคยเลิก 3 ทุ่มครึ่งก็คือแค่วันแรกที่มาทำ นอกนั้นก็เต็มเวลาพอดีหรือไม่ก็เกินไปอีก อย่ามาาาา "ไม่ใช่ครับ วันจันทร์เลิก สี่ทุ่มครึ่ง" เจ๊ก็ทำมึนๆ บอกว่า"อ๋อสงกะสัยคงลงผิดล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเท่านี้ อีก 5 ออยโรนะ" แน่นอนเจ๊แน่นอน
จากคุณ |
:
DasIstToll
|
เขียนเมื่อ |
:
15 ก.ย. 52 12:16:31
|
|
|
|  |