Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ไปสัมภาษณ์โรงเรียนอนุบาลมาค่ะ  

วันนี้ต้องขุดคุณลูกออกจากเตียงตอนเจ็ดโมง เพื่อจะพาไปฝากไว้ที่โฮอิคุเอนตอนเก้าโมง
เพราะตอนเก้าโมงยี่สิบเป็นเวลานัดหมายสัมภาษณ์เฉพาะผู้ปกครองจากอนุบาล(ตัวเลือกที่สอง)ที่ไปยื่นใบสมัครไว้

ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ฮัทต้องแล่นไปซื้อเสื้อเชิ๊ตขาวหนึ่งตัว เพื่องานนี้โดยเฉพาะ ที่จริงตอนแรกจะใส่นิ๊ตคอกลมกับคาดิแกนสีเดียวกัน+กางเกงสแลคสีดำ
รองเท้าส้นสูงสีเดียวกับกางเกง รวบผมแต่งหน้าพอไม่ซูบซีด แงะสร้อยไข่มุกเทียมเส้นสั้นๆมาปิดไหปลาร้าซักหน่อย มันก็น่าจะดูภูมิฐานแล้วเนอะ..

ทว่า.. คุณเพื่อนญี่ปุ่นรุ่นพี่แนะนำว่าจะไม่ใส่เป็นสูทก็คงไม่เป็นไร แต่เสื้อตัวบนควรจะมีปกนะ แถมพูดเหมือนกันถึงสองคน
..เอาฟะ เชื่อเจ้าถิ่นเขาก็ได้..


จึงเป็นเหตุให้ต้องเสียทรัพย์กับเสื้อเชิ๊ตสีขาวหนึ่งตัว ที่คาดว่าจะขุดมาใช้ได้อีกในวันปฐมนิเทศน์ วันประชุมผู้ปกครอง
วันๆๆๆๆอะไรก็ตามที่เป็นทางการ..แหม่..จะใช้มันให้คุ้มเลยทีเดียว
(ปกติในตู้เสื้อผ้าจะไม่มีหรอกค่ะ เสื้อเชิ๊ตสีขาว เนื่องจากขี้เกียจรีด อิอิ)

ได้รับคำเตือนมาจากเพื่อนรุ่นพี่คนเดิมอีก ว่าควรจะนัดแนะซักซ้อมกับสามีก่อน เจอคำถามนั้น คำถามนี้จะตอบกันยังไง
เมื่อถูกถามจะได้ไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่คนแม่ตอบอย่าง พอหันมาถามอีกคนนั่งทำหน้าเหวอ งงเป็นไก่ตาแตก

รีบแล่นกลับมาบอกสามีทันทีที่ถึงบ้าน
"เธอๆ Tซังบอกว่าเราต้องซ้อมตอบคำถามกันก่อนนะ ค้นกับอากู๋ดูว่าจะโดนยิงอะไรใส่ตอนสัมภาษณ์"
อีกฝ่ายทำหน้าเฉยเมยใส่ภรรเมีย
"ไม่ต้องเลย เตี๊ยมเติ๊มอะไร ให้มันเป็นธรรมชาติน่ะแหละ บ้านเรามองตาก็รู้ใจ ไม่ต้องซ้อมอะไรก็คิดเหมือนกันอยู่แล้ว"
(จบประโยคนี้ คุณสามีฟาดไปสามกิ๊ฟ อิอิ)

..หน้าห้องสัมภาษณ์เลยละกัน

โต๊ะยาวสองตัวเรียงขนานกัน อีกฝั่งมีเจ้าอาวาส(เจ้าของโรงเรียน) ครูใหญ่(น่าจะซักสี่สิบ) นั่งประจันหน้า
ด้านหลังมีครูผู้ช่วยพร้อมโน๊ตพีซีพิมพ์อะไรก๊อกแก๊กตลอดเวลาที่สัมภาษณ์(บันทึกเสียงด้วยป่าวเนี่ย)

ด้านหลังโต๊ะยาวอีกตัว มีเรากับสามีนั่งหันหน้าเข้าหาบุคคลทั้งสาม

บรรยากาศเหมือนผู้ต้องหาโดนสอบสวนในโรงพักยังไงยังงั้น (ซวยแล้วเรา ทำไมมันทางการเยี่ยงนี้ เจี๊ยกกกก)
เริ่มประหม่าในใจ ถามตัวเอง เฮ้ย..นี่มันแค่สัมภาษณ์เข้าอนุบาลใช่ม๊ายยยย...

"ทำไมถึงเลือกที่จะให้Aคุงเข้าโรงเรียนนี้คะ"
"มีความคาดหวังอะไรในการส่งลูกเข้าที่นี่บ้างคะ"
"คาดหวังกับอนาคตของAคุงไว้อย่างไรบ้างคะ"
"มีความคิดเห็นอย่างไรกับศาสนาพุทธคะ"
"รู้สึกอย่างไรกับแนวการสอนและกิจกรรมของที่่นี่คะ"(เคยพาลูกไปทดลองเรียนกับเล่นเมื่อเดือนที่แล้ว)

ห้าคำถามแรก คุณสามีเหมาตอบหมด อิฉันก็แอบโล่งใจ ฮู่ววว ดีมั่กกก เราไม่ต้องปริปากอะไรทั้งสิ้นนอกจากพยักหน้าหงึกๆ

"ต่อไปถามคุณแม่บ้างนะคะ" (เฮ่ย!)
"Aคุง มีนิสัยอย่างไรคะ" โอ...เข้ายังชั่ว คิดไปถึงว่าจะโดนถามถึงดีเอนเอลูก ..

ตอบเสร็จ แอบมองนาฬิกา หมดเวลาซักทีซี่ ทำไมสิบห้านาทีมันนานแบบนี้นะเนี่ย  
ซักพัก ครูใหญ่ส่งยิ้มไปที่คนข้างๆ
"เจ้าอาวาสมีหนึ่งคำถามสุดท้ายกับคุณแม่ค่ะ"
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด......เรานะ อยากจะวิ่งออกจากห้องสัมภาษณ์ให้มันรู้แล้วรู้รอดเลย บอกไม่ถูก มันโคตรเครียด
ด่าตัวเองในใจว่า ทำไม๊ทำไมถึงไม่ยอมทำการบ้านมาบ้างเลยฟระ น่าจะได้ฝึกมาหน่อยว่าจะตอบยังไง
อย่างน้อยแกรมม่งแกรมม่าก็ไม่ต้องดำลงมหาสมุทรแปซิฟิคแบบนี้ อยากตบกะโหลกตาคนได้กิ๊ฟไปสามกีบเมื่อคืนมากๆ

"มีอะไรที่Aคุงทำแล้วคุณแม่รู้สึกความสุขที่สุดครับ"
เจ้าอาวาสถามเสียงนุ่ม ทรงพลัง ฟังดูขลังสมกับเป็นพระชั้นผู้ใหญ่เสียจริง แต่เอ๊ะ ทำไมเรารู้สึกปวดแสบปวดร้อน
...หรือจะเป็นเพราะห่างวัด? <--มุกขำๆนะคะ อย่าซีเรียส

เจอคำถามนี้ไปตอบสบายเหมือนกัน อะไรที่ลูกทำแล้วเราปลาบปลื้มใจน่ะหรอ สำหรับเด็กวัยเพิ่งจะสามขวบเมื่อสองเดือนที่แล้ว..
แค่ลูกเอ่ยจะช่วยถือของเวลาเห็นแม่หิ้วถุง
แค่ยอมเดินตามแม่กลับบ้านมือเปล่าหลังจากไปร้านของเล่นโดยไม่ร้องไห้
แค่หยิบทิชชู่มาเช็ดปากน้องหลังทานข้าว..

แค่ลูกเริ่มนึกถึงจิตใจคนรอบข้าง อดกลั้นไม่เอาแต่ใจเหมือนก่อน แม้จะทำได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ แม่อย่างเราก็สุขใจจนน้ำตาริ้น..
มันบอกไม่ถูกนะ เลี้ยงลูกในบางอารมณ์มันเหมือนเดินอยู่ในเขาวงกต ขนาดมีโพยล้านแปดอยู่ในมือ
บางครั้งทำยังไงก็ไปไม่ถึงจุดหมายซะที (นี่ขนาดไม่ได้เดินคนเดียวนะ)
บ่อยครั้งก็ท้อ หลายครั้งก็อยากจะกัดลิ้นคนข้างๆให้ตาย แต่พอเห็นดวงดาวระยิบระยับสองคู่ที่มองมาหา..มันก็ฮึดสู้ต่อ..

(ออกทะเลอีกแระ)

ตอบคำถามสุดท้ายเสร็จเรากับสามีก็โค้งลาเดินออกจากห้อง คุณสามีหันไปโค้งเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้
พร้อมทั้งเปิดประตูคาไว้ให้เราเดินย้อนกลับไปโค้งอีก(ฮ่วย ส่งซิกกันบ้างสิพี่)

เก้อๆกังๆสุดขีด แถมเราเพิ่งนึกได้ว่าเจ้าอาวาสก็คือพระนี่หว่า เลยยกมือไหว้แทนการโค้งครั้งสุดท้าย ...
เจ้าอาวาสหุบยิ้มแล้วมองเขม็งมาด้วยนะ ไม่รู้ว่าคิดยังไงเหมือนกัน ปิดประตูก็รีบเปิดตูดแล่นไปรับลิงสองตัวให้ทันเวลา
ตามที่สัญญาไว้กับลิงตัวโตที่ยืนร้องไห้น้ำตาไหลพรากตอนไปส่งที่โฮอิคุเอนเมื่อเช้า

ระหว่างเดินไปรับลูก คิดในใจ


... ไม่เตี๊ยมกันก็ดีเหมือนกันแฮะ


โปรดติดตามตอนต่อไป






















ตอนอะไรไม่มีหรอก อิอิ จบแค่นี้แหละค่ะ
(ดึกๆแล้วพิมพ์ผิดเยอะจัง)

แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 52 00:14:40

แก้ไขเมื่อ 10 ต.ค. 52 00:13:36

จากคุณ : Hatsu
เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 52 23:55:41




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com