ความคิดเห็นที่ 1 มันเอาไว้ใช้พิจารณาการรับเข้าเรียนเบื้องต้นค่ะ ก็ปกติจะเขียนว่าเราเรียนอะไรมา มีความสนใจอะไรถึงได้คิดจะทำหัวข้อนี้ พยายามโน้มน้าวให้ผู้อ่านคล้อยตามเหตุผลเราให้ได้ ส่วนต่อมาก็พูดถึงหัวข้อที่เราจะทำอย่างละเอียดขึ้นมาหน่อย(ไม่มาก) อาจจะอ้างข้อมูลการศึกษาเบื้องต้นบ้างอ่ะค่ะ สุดท้ายก็บอกถึงผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากผลการวิจัยหัวข้อนี้ ปกติพอรับเข้าไปในมหาวิทยาลัยแล้ว เราจะยังไม่ได้เข้าเรียนปริญญาโททันทีค่ะ จะได้เข้าไปนั่งเรียนในฐานะนักศึกษาวิจัย มีโปรเฟสเซอร์ดูแล เราก็เข้ากลุ่มสัมมนาของอาจารย์ท่านนั้น และอาจจะลงไปซิทอินเรียนวิชาที่คิดว่าเกี่ยวกับหัวข้อของเรา พร้อมกับเตรียมสอบเข้าโท ถึงตรงนี้ เราก็ค่อยหารือกับอาจารย์เรื่องหัวข้อค่ะ อาจจะเปลี่ยนจากเดิมได้ถ้าการหารือเป็นผล ของตัวเองนี่เปลี่ยนหัวข้อค่ะ ไม่ได้ทำเรื่องเดิม (จริงๆแล้ว...เป็นตัวอย่างไม่ดีนะคะ) จากคุณ : minisealion เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 52 18:15:12

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ^ เห็นด้วยกับข้างบนค่ะ เราสามารถเปลี่ยนหัวข้อได้หากปรึกษาแล้วอาจารย์เห็นชอบหรือมีความเป็นไปได้ที่จะทำสูง ฯลฯ เปลี่ยนหัวข้อเหมือนกันค่ะเนื่องจากพอเรียนปีหนึ่งแล้วพบหัวข้อที่น่าสนใจมากกว่าอันแรก แต่ต้องดูความเป็นไปได้ด้วย และต้องดูว่าอาจารย์จะแนะแนวให้ได้หรือไม่ด้วยนะคะ บางทีอาจารย์แต่ละท่านจะเก่งไม่เหมือนกัน ถ้าเปลี่ยนหัวข้อแบบต่างจากเดิมมาก อาจจะต้องเปลี่ยนอาจารย์ที่ปรึกษาไปด้วย ซึ่งการเปลี่ยนอาจารย์เป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่ค่ะ ( และมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ด้วย เช่น ถ้าอาจารย์รับเข้าไปด้วยความที่สนใจอยากให้คุณทำหัวข้อวิจัยนั้น แต่คุณเปลี่ยนหัวข้อทำให้อาจารย์ท่านนั้นแนะแนวให้คุณต่อไม่ได้ ต้องเปลี่ยนที่ปรึกษาอาจจะทำให้มองหน้ากันลำบากได้ในภายหลัง แต่ถ้าอาจารย์ไม่ว่าอะไร อาจจะแนะนำอาจารย์ท่านอื่นที่เฉพาะด้านกว่าให้ด้วยความเต็มใจก็มีค่ะ อันนี้แล้วแต่คนจริงๆ ) ดังนั้นแนะนำให้ทำการบ้านเยอะๆนะคะ หาข้อมูลและหนังสืออ้างอิงมาอ่านแล้วค่อยคิดว่าจะเขียนอะไร แล้วเราสนใจที่จะทำเรื่องนี้เพราะอะไร เนื้อหาจะได้มีน้ำหนักค่ะ ป.ล. การเปลี่ยนสายเรียนทำได้ไม่ง่ายนักนะคะในญี่ปุ่น ( ถ้าเป็นเด็กทุนส่วนใหญ่จะเปลี่ยนสายไม่ได้ค่ะ ) คิดว่าต้องทำการบ้านหนักหน่อยค่ะ เพราะตอนสอบเข้าต้องพอมีความรู้พื้นฐานในส่วนที่จะเรียนพอสมควร และต้องทำให้อาจารย์รวมทั้งสถาบันมั่นใจว่าถึงเปลี่ยนสายแต่คุณก็สามารถเรียนได้ โดยเฉพาะสถาบันที่มีชื่อเสียงจะค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้ค่ะ อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากปูพื้นฐานก่อน ลองสมัครเข้าเป็นนักศึกษาวิจัยไปก่อนเพื่อปรับพื้นอย่างที่คุณminisealion บอกก็ดีนะคะ เราเองก็ผ่านการเป็นนักศึกษาวิจัยมาเหมือนกัน เสียเวลาหน่อยแต่ก็ทำให้คุ้นเคยกับการเรียนได้มากขึ้น เราเอาเวลาช่วงนี้มาเตรียมตัวทั้งเรื่องสอบเข้าและการเรียนในอนาคตค่ะ แถมช่วยงานอาจารย์ทำให้รู้ศัพท์เฉพาะทางเยอะขึ้น ภาษาดีขึ้น ได้อ่านหนังสือมากขึ้น และได้รายได้พิเศษจากลิขสิทธิ์งานเขียนด้วย ลองติดต่ออาจารย์ดูนะคะ จากคุณ : มอนจะ เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 52 20:35:08

ความคิดเห็นที่ 3   พี่คะ แอบถามนิดนึง ตอนที่พี่เป็นนักวิจัย พี่ได้รับทุนมั้ยค่ะ หรือว่าส่วนใหญ่แล้วต้องออกเองอ่ะคะ คือคุยกับอาจารย์ไว้ เรื่องเป็นนักวิจัยก่อนปีนึงค่ะ มีสิทธิ์ที่จะได้ทุนตอนเป็นนักวิจัยมั้ยค่ะ จากคุณ : เพนกวิน เขียนเมื่อ : 11 ต.ค. 52 23:28:25 A:125.24.0.143 X: TicketID:226182

ความคิดเห็นที่ 4 ทุนที่ได้ตั้งแต่เป็นนักศึกษาวิจัยก็คงเป็นทุนรัฐบาลญี่ปุ่นค่ะ ทุนอื่นๆ เราไม่มีความรู้เลย สองท่านด้านบนก็เป็นนักเรียนทุนค่ะ แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 52 07:25:42 จากคุณ : แพนด้าหน้าใส เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 52 07:25:24

ความคิดเห็นที่ 5 คุณเพนกวิน พอดีพี่ได้ทุนก่อนมาญี่ปุ่นน่ะค่ะ สำหรับนักเรียนทุนส่วนตัวไม่แน่ใจว่าจะขอทุนได้มั้ย ลองปรึกษาอาจารย์ดูนะคะเพราะคิดว่าบางทีแต่ละม.มีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกัน อย่างที่ม.ที่เรียนอยู่เค้าจะไม่ถือว่านักศึกษาวิจัยเป็นนักศึกษา สิทธิ์หลายๆอย่างก็ไม่เทียบเท่านักศึกษาค่ะ ขนาดหอมหาวิทยาลัยยังไม่ยอมให้อยู่เลย ( ใจร้ายมั้ย )   ดังนั้นสิทธิ์ในการขอทุนก็เลยไม่ได้เพราะไม่ใช่นักศึกษาภาคปกติ แต่ตอนนั้นมีทุนอยู่แล้ว อาจารย์ยังถามเลยว่าพอใช้มั้ย เนื่องจากเป็นม.เอกชนค่ะ ค่าใช้จ่ายรวมๆแล้วสูงมาก หนังสือที่ไม่มีให้ยืมก็ต้องซื้อเองหลายเล่มซึ่งราคาไม่ถูกเลย ค่าเช่าหอนอกก็แพง ( แต่ด้วยความขี้เกียจย้ายเลยอยู่ต่อจนทุกวันนี้ ) จะใช้เน็ทของมหาวิทยาลัยยังต้องซื้อแอ็คเคาท์เองเลย ( อาจจะเป็นเพราะค่าเทอมมันถูกกว่าเยอะด้วยมั้งคะ จ่ายไปแค่สิบเปอร์เซ็นต์ของค่าเรียนทั้งหมดแค่นั้น เลยต้องจ่ายปลีกย่อยเองทั้งหมด เซ็งจริงๆ ) อาจารย์เห็นว่าขอทุนไม่ได้เพราะได้ทุนอยู่แล้วก็เลยให้ช่วยงานที่แล็บค่ะ  รวมทั้งเขียนงานวิจัยของตัวเองอีกชุดนึงเลยได้ค่าลิขสิทธิ์มาก้อนใหญ่พอสมควร ทำให้รอดมาได้ค่ะ  ลองถามอาจารย์ดูนะคะเพราะตามแล็บเค้าจะมีงบจ้างนักศึกษาอยู่แล้ว ถ้าเป็นนักเรียนทุนส่วนตัวแล้วลำบากเรื่องค่าใช้จ่ายก็ลองคุยกับอาจารย์ไปเลยค่ะ เพราะอาจารย์จะได้ทราบและช่วยเหลือได้ พอเข้าเป็นนักศึกษาเต็มตัวได้แล้วก็ลองสมัครทุนดูนะคะ มีทุนให้หลายแบบเลยที่เป็นแบบให้เปล่า ที่มหาวิทยาลัยให้ทุนนักเรียนเรียนดีแบบให้เปล่าให้ทั้งส่วนลดหย่อนค่าเล่าเรียนและให้เงินรายเดือนด้วย แต่ต้องพยายามหน่อยค่ะเพราะคู่แข่งเยอะ พอดีได้ทุนอยู่แล้วเลยหมดสิทธิ์สมัครค่ะเลยไม่ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง ลองดูประกาศที่บอร์ดทุนที่มหาวิทยาลัยดูนะคะ จากคุณ : มอนจะ เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 52 09:48:05

ความคิดเห็นที่ 6   ขอบคุณมากนะคะ คุณมอนจะ พอดีกำลังทำเรื่องส่งไปที่มหาลัยที่นั่นอ่ะคะ งั้นเดี๋ยวเพนกวินจะลองคุยกับอาจารย์ดูนะคะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : เพนกวิน เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 52 10:54:40 A:125.24.32.22 X: TicketID:226182

ความคิดเห็นที่ 7   จขกท. เองค่ะ ขอบคุณทุกท่านมากๆๆนะคะ สำหรับข้อมูล ดูเหมือนว่าต้องเตรียมตัวมากกว่าที่คิดซะเเล้ว แต่คงจะพยายามเต็มที่เลยค่ะ ^.^ จากคุณ : sunny day in bangkok เขียนเมื่อ : 12 ต.ค. 52 21:13:36 A:58.10.96.101 X: TicketID:058298

ความคิดเห็นที่ 8 มาเพิ่มให้ว่าทุนของรัฐบาลไทยก็สามารถได้รับทุนในระหว่างเป็นนักศึกษาวิจัยได้ 1 ปีค่ะ ตอนนี้ก็กำลังเป็นเค็งคิวเซย์อยู่เหมือนกัน (^o^)/ จากคุณ : LittleCancer เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 09:44:35

ความคิดเห็นที่ 9   แวบมาถามคุณ LittleCancer ค่ะ ทุนรัฐบาลไทยที่ว่า นี่คืิอทุน กพ. รึเปล่าคะ อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมคะ ตอนนี้กำลังพยายามหาทุนอยู่ค่ะ เหอๆ รบกวนด้วยนะคะ จากคุณ : เพนกวิน เขียนเมื่อ : 13 ต.ค. 52 10:31:33 A:125.24.18.30 X: TicketID:226182

ความคิดเห็นที่ 10 เปลี่ยนหัวข้ออาจหมายถึงการเปลี่ยนอาจารย์   เท่าที่เห็น ไม่ใช่เรื่องง่าย ขอให้เจออาจารย์น่ารักมีความรับผิดชอบเต็มใจส่งเราถึงฝั่ง โชคดีนะคะ จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 52 06:48:12

ความคิดเห็นที่ 11 ใช่ค่ะ ทุนรัฐบาลคือเรียกรวมๆ มีทั้งทุน ก.พ. ทุน กระทรวงวิทย์ ทุนกระทรวงต่างประเทศ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดจะรับสมัครพร้อมๆกัน แต่ละสังกัดทุนก็จะมีแต่ละสาขาต่างๆกันไปค่ะ จากคุณ : LittleCancer เขียนเมื่อ : 14 ต.ค. 52 10:21:00