ความคิดเห็นที่ 1 วิศวกรได้เปรียบตรงที่ถนัดเรื่องเลข การคำนวณ การคิดเป็นระบบ เป็นพื้นฐานที่ช่วยเสริมงานด้านบริหารได้เป็นอย่างดี งานบริหารธนาคารไม่น่าจะใช้ค่านิยมหรือ connection เป็นมาตรฐานในการคัดเลือกหรอกครับ เสี่ยงเกินไปสำหรับธุรกิจ จากคุณ : phahurat เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 12:19:32

ความคิดเห็นที่ 2   ที่ผมเห็นนะครับ 1. ค่านิยม + connection -คนไทยเก่งๆตอนมัธยมขึ้นป.ตรี มักจะเรียนต่อสายวิทย์ครับ -ถ้าไม่นับหมอ วิศวะก็ถือว่าเป็นที่รวมเด็กเก่งไว้จริงๆ -ค่านิยมแล้วก็ไปสู่ connection ที่รวมกลุ่มก้อนคนแนวเดียวกัน 2. ความรู้ -วิศวะน่าจะได้เลขและตรรกะที่สูงด้วย ซึ่งน่าจะมาประยุกต์ใช้กับการบริหารได้ดีไม่น้อย 3. ดีกรีที่สูงกว่า - เนื่องจากวิศวะได้รับการยอมรับกว่า พอไปต่อ MBA เลยสามารถเข้ายูที่ rank ดีมากๆได้ 4. สมัยก่อนสาขาอื่นยังไม่เป็นที่นิยมก็เป็นไปได้ หรืออาจจะไม่มีให้เรียนตอนป.ตรี - เพราะฉะนั้นได้แต่เรียน MBA ตอนป.โทเท่านั้น ถ้าไปเรียน BBAเลย ก็อาจจะได้ความรู้น้อยไป ไม่เพียงพอ แต่มองอีกด้าน ด้านความเหมาะสม อันนี้คำถามในใจผมนะครับ.. 1. จบวิศวะแล้วจะช่วยเสริมงานด้าน bank ได้จริงหรอ?.. ถ้าคนจบสายอื่นเช่น econ มาทำ จะทำได้ดีกว่าไหม?... (เปรียบเทียบว่าคนนั้นเก่งเท่ากัน) 2. แล้วประเทศจะได้ประโยชน์อะไร? ---คนจบสายecon หรือ finance หรือสายใกล้เคียงไม่ได้ทำงานที่จบมา... คนจบวิศวะย้ายมาทำสายนี้กันหมด.. ผมว่าเสียประโยชน์ทั้งสองด้าน เพราะด้านวิศวะก็ขาดคน ด้านEconก็ไม่มีคนเก่งๆเข้าไปเรียน หรือรวมถึงขาดโอกาสได้โชว์ฝีมือ **ยังไงก็ฝากให้คนที่เข้าไปอยู่ตรงนั้นจริงๆ ช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ** จากคุณ : GG เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 12:48:51 A:220.233.39.236 X: TicketID:220212

ความคิดเห็นที่ 3 คงไม่ใช่สำนักงานใหญ่   ช่วยบอกหน่อยว่า แบงค์ไหนบ้าง แบงค์ชาติ ก็คงไม่ใช่เหมือนกัน จากคุณ : ธนิตา เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 12:51:48

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ต้องไปดูถึงแบงค์ ดู สส รัฐมนตรี ซะก่อน จบไรกันมา หุหุ จากคุณ : Scooterella เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 13:06:16

ความคิดเห็นที่ 5 MD ไม่มีตามสาขาหรอกครับคุณความเห็นสาม แบงค์ไหนบ้างสุ่มไปเถอะครับเจอแน่ๆ   จะเอายกทีมก็เคยมีนครหลวงไทยครับ  วิศวะทั้งชุด แบงค์ชาิติใครว่าไม่มีครับ   ผู้บริหารจนถึงระดับผู้ว่ามีหลายท่านที่เคยเอนท์ติดวิศวะมาก่อนแต่ลาออกมารับทุน   ท่านชัยวัฒน์นี่ก็ วศ07 เหตุผลก็คือคนเก่งคำนวณ   ก็เก่งเรื่องตัวเลขไปด้วยครับ   ลองไปอ่านดูเวป settrade ตรงส่วน VI สิครับ  Blogบทวิเคราะห์การลงทุนจากอาจารย์แต่ละคนสิครับว่าวิเคราะห์ธรรมดาซะทีไหน   กว่าครึ่งก็วิศวกรไทยดีๆนี่เอง จากคุณ : GTi 16V เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 13:08:54

ความคิดเห็นที่ 6   เหมือนเป็นสูตรสำเร็จ ตรีวิศวะต่อโทเอ็มบีเอ เพื่อนผมเรียนกันแบบนี้เพียบ หลายคนกลับมาก็ไปทำอยู่ซิตี้แบงค์ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 52 13:27:33 จากคุณ : Che_Eng เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 13:26:23

ความคิดเห็นที่ 7   เข้าไปเช็คมาคร่าวๆนะครับ จาก Scib, Bangkokbank, Scb, Kasikorn... ก็ตามที่คุณคห.3 บอกครับ ณ ตอนนี้มีไม่เยอะ เห็นประมาณ1-2คนจากที่สุ่มดูประมาณ20กว่าคนครับ (แต่ผมจำได้ว่าสมัยก่อนมีพอสมควรครับ) ส่วนใหญ่ที่เห็นก็จบตรีด้าน econ, law, account กระจายๆไปครับ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีครับ ว่าทางแบงค์เองก็มองไปในมุมมองนี้เหมือนกันว่า คนจบด้านอื่นๆอาจจะทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กัน จากคุณ : GG เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 13:26:59 A:220.233.39.236 X: TicketID:220212

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเป็นคนหนึ่งที่จบวิศวะ แล้วอยากต่อ MBA แต่ผมมาไกลเกินไปแล้วครับ อาจจะเป็นเพราะว่า ผมไม่อยากทำงานวิศวะโดยตรง เลยอยากไปทำงานด้านอื่นที่อาจจะใช้ความสามารถด้านการวิเคราะห์และการคำนวณ ที่มีพื่อนฐานอยู่แล้ว แล้ว MBA ก็เป็นทางเลือกหนึ่งครับ จากคุณ : ispiegel เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 14:02:29

ความคิดเห็นที่ 9   คห 7 ครับ - 3 ใน 4 ของแบงค์ใหญ่ (kbank, ktb, kasikorn ) md จบวิศวะ ครับ md ทหารไทยคนปัจจุบันก็วิศวะ - scib รองเอ็มดี , ผู้ช่วยเอ็มดี จบวิศวะเยอะมาก - ระดับผู้ช่วย md อายุน้อยสุดในประวัิตศาสตร์ ktb ดางรุ่งพุ่งแรงสุดในแบงค์ตอนนี้ก็ตรีวิศวะ (เอก standford) -รองเอ็มดี ผู้ช่วยเอ็มดี kbank ก็วิศวะเกือบครึ่ง (ส่วนใหญ๋เป็นเด็กทุน kbank ไปเรียน mba top 10 เมกา) จากคุณ : joejoe เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 15:09:01 A:165.124.213.37 X: TicketID:237898

ความคิดเห็นที่ 10   ขอแก้นิดนึง เอ็มดี kbank เคยเรียนวิศวะ แต่ลาออกมารับทุนจนไปจบเอกที่ harvard ดร ชัยวัฒน์ อดีต ผู้ว่าการแบงค์ชาติ ก็สูตรเดียวกัน เคยเข้าเรียนที่วิศวะ แต่ลาออกมารับทุนไปเรียนเมืองนอกจนจบเอกที่ mit จากคุณ : joejoe เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 15:13:32 A:165.124.213.37 X: TicketID:237898

ความคิดเห็นที่ 11 เพราะสมัยก่อนคนที่สอบเข้าวิศวะได้จะถือว่าเจ๋งมากๆ การแข่งขันสูง พอๆกับแพทย์ เพราะฉะนั้นคนที่เรียนเก่งๆในสมัยก่อนๆจึงเลือกที่จะเรียนวิศวะ  ทำให้วิศวะเป็นศูนย์รวมของเด็กเก่งทั้งหลาย  พอพวกนี้จบไป บางคนอาจจะไม่ชอบงานสายวิศวะเลยเบนเข็มไปเรียนต่อ MBA เศรษฐศาสตร์ บางคนก็ไปทำงานแบงค์   ด้วยพื้นฐานทางด้านการวิเคราะห์กับการคำนวณที่ดี ก็สามารถไต่เต้าไปจนถึงจุดสูงสุดขององค์กร  แต่ในยุคปัจจุบันมันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว คนเก่งๆกระจายไปเรียน นิติ เศรษฐศาสตร์ บัญชี ฯลฯ ไม่ได้กระจุกอยู่แต่วิศวะอย่างเดียว อีกสัก 20-30 ปีก็จะมี MD ที่จบสายอื่นที่ไม่ใช่วิศวะ   เพราะค่านิยมคนเก่งๆต้องเรียนวิศวะมันหมดไปแล้ว จากคุณ : รู้ดี เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 15:34:30

ความคิดเห็นที่ 12 ศักยภาพ จากคุณ : French Vanilla เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 16:23:36

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นไปตามคอมเม้นท์ #11 (คุณรู้ดี) บางคนจบแค่ตรีวิศวะจุฬาเท่านั้น ไม่ได้ต่อ MBA ด้วยซ้ำ แต่เป็นคนเก่งมากครับ ดูจากประเทศจีนซิ นักบริหารประเทศมาจากอดีตวิศวกรเป็นส่วนมาก แต่ในอนาคตคงเปลี่ยนไปแน่นอน จากคุณ : Intania (BenzSiam) เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 17:24:51

ความคิดเห็นที่ 14 มันสมอง คนเก่ง มักมีพื้อทางบ้านที่ดี ลองถามต่อว่า ทำไมแพทย์ ถึงเป็นเจ้าของกิจการมากมาย เช่น อิตาเลี่ยนไทย บางกอก แอร์เวย์ แพทย  น่าจะมีข้อสงสัยมากกว่าวิศวะ มากๆๆ จากคุณ : supanut01 เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 18:08:53

ความคิดเห็นที่ 15 md kbank จบตรีวิศวะจุฬาครับ ดูเหมือนจะได้เกิยรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง .. md กรุงไทยก็จบวิศวะครับ จากคุณ : Herman เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 20:12:39

ความคิดเห็นที่ 16   เราเองก็เด็กแบงค์เก่า มีเจ้านายเบอร์หนึ่งจบวิศวะจุฬา และโท เอ็มบีเอ นอกจากนี้เพื่อนๆ ร่วมงานที่เป็นผู้ชายส่วนใหญ่ก็จบวิศวะ และบอกว่าที่ต่อโท เอ็มบีเอ เพราะไม่อยากทำงานวิศวะ เห็นว่ามาสายแบงค์โอกาสดีกว่า และก็จริง พวกนี้จะเก่งคำนวณและวิเคราะห์ แต่การคุยกับลูกค้าจะแพ้คนจบด้านบริหารโดยตรง แต่ธนาคารก็จะใส่คนไปตามความสามารถ แยกกันไปเพื่อให้งานไปได้ ด้วยเนื้องานต้องประชุมบอร์ดกับเบอร์หนึ่งบ่อยๆ ต้องยอมรับว่าเขาเก่งจริง ธุรกิจของลูกค้าเขาจะรู้หมด ขนาดลูกค้าบางรายเป็นรายที่ไม่ได้ดังมากๆ แต่เขาใช้วิธีมองภาพรวมของธุรกิจและเตือนให้ไปวิเคราะห์เพิ่ม และเคยฟังเพื่อนที่ไปเรียนหนังสือที่จีนเล่าให้ฟังว่าผู้นำจีนส่วนใหญ่จบวิศวะเกือบทั้งนั้น และค่านิยมสมัยเราเรียนหนังสือวิศวะก็เป็นที่นิยม แต่หลังจากเศรษฐกิจไม่ดี วิศวะตกงานเยอะแยะ ค่านิยมก็เริ่มเปลี่ยน เห็นด้วยกับความเห็นสอง ห้า และสิบเอ็ด จากคุณ : เด็กแบงค์เก่า เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 20:14:11 A:83.197.147.120 X: TicketID:177306

ความคิดเห็นที่ 17   ส่วนใหญ่สไตล์นี้ทั้งแหล่ะ คนเก่ง ๆ ไม่เรียนหมอ วิศวะ บัญชี บริหารธุรกิจ มันก็เรียนกันอยู่แค่นี้แหล่ะ หน้าตาก็มีแต่ตี๋ ๆ ไม่งั้นก็จีน ๆ แก่ ๆ ก็เป็นอาแปะ อาอึ่ม (สังเกตดู เดี๋ยวนี้แบบนี้หมด) เมืองนอกก็แบบนี้ ABC หรือว่าพวกโพ้นทะเล (รวมเวียดนามด้วย) เท่านั้นแหล่ะครับ มาคอนเซปเดียวกันหมด เรียนจบมาทำมาหากินให้ร่ำรวย เขาไม่สนใจเรื่องวิศวะอะไรเท่าไหร่หรอก หลาย ๆ คนน่ะ ตอนปริญญาตรียังแทบไม่รู้เรื่องเลยว่า จบมาต้องทำไรบ้าง (เรียนอย่างเดียว พอเกรดสูง ที่บ้านก็เชียร์ให้เรียนสิ่งที่ต้องการ และมองว่า รวย เชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นคณะดัง ๆ) ปัญหาคือคณะอื่น ๆ ก็มาสไตล์นี้แหล่ะ แต่อยู่ไปอยู่มางานธนาคารมันก็ เครียดเยอะ งานหนัก (รู้ ๆ กัน) ภาพลักษณ์ก็หรู สุดท้ายคนเรียนหมอจบมา มันก็ไปทำคลีนิค เป็นอาจารย์ เป็นส่วนตัว (รวยเร็วดี) คนจบเอกการธนาคาร มันก็ไม่ทำนาน สุดท้ายก็ไปเปิดธุรกิจส่วนตัว พวกจบบัญชีก็มีทางไปของเขา ทำงานแบ้งค์เครียดจะตาย ปัญหาหลายเรื่อง อย่าไปมองว่า เป็นเอ็มดี เป็น อธิการบดีมหาวิทยาลัย เป็นรองศาสตราจารย์ จบไอวี่ลีคแล้วจะมีความสุข เลยครับ จากประสบการการทำงาน ญาติพี่น้อง คนรอบตัวและตัวเองมอง แล้ว มีทุกข์มีสุขไม่ต่างกัน ที่แน่ ๆ เงินทองความร่ำรวยก็ไม่ใช่ว่าอาชีพธนาคารจะรวยอย่างเดียวซะ เมื่อไหร่ (แต่เวลาเครียดนี่บ้าบอ อาการโคม่าเลย) ป.ล. นายเก่าผมคอร์แนล นายใหม่ผมรองศาสตราจารย์ ปัจจุบันผมเรียน ดร. จากคุณ : ฟ้าลั่น เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 20:26:54 A:192.168.1.218 X:203.113.119.122 TicketID:091427

ความคิดเห็นที่ 18   เรียนจบมาทำมาหากินให้ร่ำรวย เขาไม่สนใจเรื่องวิศวะอะไรเท่าไหร่หรอก หลาย ๆ คนน่ะ ตอนปริญญาตรียังแทบไม่รู้เรื่องเลยว่า จบมาต้องทำไรบ้าง (เรียนอย่างเดียว พอเกรดสูง ที่บ้านก็เชียร์ให้เรียนสิ่งที่ต้องการ และมองว่า รวย เชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นคณะดัง ๆ) อันนี้ขยายความหน่อยเดี๋ยวหาว่าดูถูก บางคนเกย์มาก แต่ไปเรียนจัดการอุตสาหการ เห็นมาแล้ว บ้านก็ไม่มีโรงงาน เจอคนงาน ทะเลาะกัน แดดร้อน กรี๊ดเลย บางคนไปเรียนก่อสร้างอีก เธอว่า เธอเก่งเลข แต่กลัวเลือดเลยต้องเรียนวิศวะ (ไม่หมอก็วิศวะไม่งั้นก็บัญชี) มารับน้องก็ไม่อยากร่วมกิจกรรม นิสัยก็ไม่ใช่แบบนั้น แต่เห็นเขาว่าดี เลยมา จากคุณ : ฟ้าลั่น เขียนเมื่อ : 15 ต.ค. 52 20:30:41 A:192.168.1.218 X:203.113.119.122 TicketID:091427

ความคิดเห็นที่ 19 อ่าน Comments ของอนาคต Dr. ฟ้าลั่น: หน้าตาก็มีแต่ตี๋ ๆ ไม่งั้นก็จีน ๆ แก่ ๆ ก็เป็นอาแปะ อาอึ่ม (สังเกตดู เดี๋ยวนี้แบบนี้หมด) เรียนจบมาทำมาหากินให้ร่ำรวย เขาไม่สนใจเรื่องวิศวะอะไรเท่าไหร่หรอก หลาย ๆ คนน่ะ ตอนปริญญาตรียังแทบไม่รู้เรื่องเลยว่า จบมาต้องทำไรบ้าง (เรียนอย่างเดียว พอเกรดสูง ที่บ้านก็เชียร์ให้เรียนสิ่งที่ต้องการ และมองว่า รวย เชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นคณะดัง ๆ) ไม่ทราบว่าคุณไปเห็นที่ U ไหนมา ผมจบวิศวะจุฬามา ไม่ยักเจอแบบที่คุณพูดเลย หนุ่มๆวิศวะหน้าตาดีและเท่ๆก็มีมากไม่แพ้คณะอื่น นิสิตหญิงบางคนสวยระดับนางงามด้วยซ้ำ จากคุณ : Intania C.U. (BenzSiam) เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 52 00:05:51

ความคิดเห็นที่ 20 พี่เบ็นซ์สยามครับ ผมขอเรียกพี่เพราะพี่ใช้คำว่า"จบ" ผมเคยเรียนวิศวะจุฬาอยู่ปีนึง แต่เบื่อๆเลยออกมาเรียนอเมริกา ผม Intania 90 ครับ ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับประโยคสุดท้ายครับ ฮ่าๆๆ รุ่นผมสาวยี่สิบคนจะสวยซักคน แต่หนุ่มวิศวะหน้าตาดีนี่ อืมม... ไม่มีความคิดเห็นครับ :D จากคุณ : Mente Hermosa เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 52 00:37:04

ความคิดเห็นที่ 21   ที่บอกว่า แก่ ๆ แล้วเป็นอาแปะ ก็ที่ทำงานเก่าและใหม่นี่แหล่ะ ตอนหนุ่ม ๆ ก็ยังหน้าตาตี๋ ๆ ธรรมดา ๆ นี่แหล่ะ พอแก่ ๆ แล้วไปหมด อธิการบดีม.นั้นก็จุฬาฯ แก่ ๆ หน้าตาไม่ต่างกับอาแปะผมจริง ๆ หนุ่ม ๆ ก็คง สน ยุกต์ ดีดีนี่เอง ที่เห็นคือเห็นของวิศวะจุฬานี่แหล่ะครับ ตี๋ ๆ เยอะ (ส่วนใหญ่เป็นทุกที่แหล่ะ คณะหมอ วิศวะ บัญชี บริหารธุรกิจ) ที่คุณไม่เจอเพราะคุณรีบอ่านไง ไอ้หน้าตาดีดีเท่ ๆ น่ะใช่ตอนหนุ่ม ตอนแก่ น่ะอีกเรื่องหนึ่ง ซีอีโอเก่า เอ็มดีเก่า ตอนนี้ก็ไปหมดละ ส่วนนิสิตหน้าตาเป็น นางงามนี่เฉย ๆ เพราะส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้หน้าตาแทบไม่ต่างกันเลย เหมือนทุก คนจะแต่งตัวคล้ายกันหมด (แต่วิศวะผู้หญิงมักหน้าตาไม่ค่อยผ่าน) ป.ล.อาแปะ แปลว่า ลุงแปลว่าต้องแก่แล้ว ไม่ใช่เด็ก ๆ นักเรียนมหาวิทยาลัย จากคุณ : ฟ้าลั่น เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 52 00:47:24 A:192.168.1.218 X:203.113.119.122 TicketID:091427

ความคิดเห็นที่ 22 Apart from their quantitative & analytical skills, engineers always come with an important attitude, a can-do mindset and their ability to solve problems. These skills and mindsets could separate them apart from others whose lack, resulting in their leadership in any organization. If you are familair with American English, the word "to engineer" has many positive meanings implying an ability to lead, innovate and accomplish. จากคุณ : amatuer translator เขียนเมื่อ : 16 ต.ค. 52 09:09:39

ความคิดเห็นที่ 23 ถามสามี เขาบอกว่าไม่เฉพาะที่ไทยหรอก ที่ฝรั่งเศสก็เป็น คนจบวิศวะ แต่หันมาทำงานด้านการเงิน จากคุณ : DexTroCadiA เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 01:11:03

ความคิดเห็นที่ 24 ส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยกับประโยคสุดท้ายครับ ฮ่าๆๆ รุ่นผมสาวยี่สิบคนจะสวยซักคน แต่หนุ่มวิศวะหน้าตาดีนี่ อืมม... ไม่มีความคิดเห็นครับ :D จากคุณ : Mente Hermosa สวัสดีครับน้อง Mente ผมค่อนข้างแปลกใจนะที่คุณเข้าวิศวะจุฬาได้ แต่ไม่อยากเรียนให้จบ หรือว่าคุณได้ทุน King มา? ปีนี้มีนิสิตหญิงวิศวะCUเข้าประกวด Miss Thailand ด้วยนะครับ ความจริงคนหน้าตาดีก็มีกระจายไปทุกคณะแหละครับ จากคุณ : Intania (BenzSiam) เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 52 10:55:59