Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
โชคชะตาฟ้าลิขิต ให้ฉันมาเป็นสาวชาวสวน  

สวัสดีค่ะชาวไกลบ้าน หลายคนคงคุ้นกับล็อกอินของหนูอยู่บ้าง
ในฐานะที่หนูเคยอ่านเรื่องเล่า ทั้งที่เกี่ยวกับ งาน ชีวิตครอบครัว เรื่องเรียน ฯลฯ
ของหลายๆคนในนี้


วันนี้นึกขึ้นได้ ว่าตัวเราเองก็มีประสบการณ์ที่พอจะเล่าให้คนอื่นฟังได้บ้าง
ประสบการณ์ที่ว่า ถือเป็นการทำงานก้าวแรกของหนูในต่างแดน
ว่าแต่จะเป็นงานอะไร ต้องตามอ่านค่ะ

......................................

ย้อนไปเมื่อสองปีก่อน หนูยังไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง ได้แต่ ขสมก ไปวันๆ
หลังจากเรียนภาษาจบและมีใบขับขี่สามีก็ซื้อรถมือสองคันเล็กๆให้
(อันที่จริงคงรำคาญ ที่เราต้องใช้รถเค้าตลอด)
คนที่ยังไม่มีงานทำหลายคนคงเป็นเหมือนกัน
สิ่งที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน
คือ ช็อปปิ้ง และ ไปคุยกันตามบ้านเพื่อน
หรือพูดง่ายๆว่า ใช้ชีวิตไปวันๆนั่นเอง


ขณะนั้นในกลุ่มมีกันสามคน คือ พี่จิ สา และหนู  
แต่มีแค่คนเดียวที่มีงานทำ คือ พี่จิ  พี่จิมาทีหลังเราอีก แต่แกขยัน
หลังเรียนภาษาจบแกก็เริ่มงานทันที
ส่วนสามาพร้อมๆกันกับหนู และรุ่นราวคราวเดียวกัน


เมืองที่เราอยู่ไม่ใช่เมืองใหญ่โตอะไร
งานที่มีให้ทำก็เลยไม่หลากหลายเหมือนตามเมืองใหญ่ๆทั่วไป
ด้วยความที่พี่่จิเห็นหนูร่อนไปร่อนมา
พี่จิเลยชวนมาทำงานด้วยกัน
ตอนนั้นยังคิดหนักว่าเราอยากทำงานนี้จริงๆเหรอ
งานที่ว่า เป็นงานในสวนผัก แต่เป็นสวนผักแบบเกษตรอินทรีย์
คือจะไม่มีการใช้สารเคมีใดๆตลอดการเพาะปลูก


ไม่แน่ใจว่าภาษาไทยเรียกเกษตรอินทรีย์
หรือ ปลูกผักปลอดสารพิษหรือทั้งสองอย่างความหมายเดียวกัน
ผู้รู้ช่วยยืนยันทีค่ะ


เจ้าของเป็นครอบครัวที่น่ารักครอบครัวหนึ่ง
ตลอดเวลาที่พี่จิชวนเราก็กลับบ้านมาคิดทุกวันว่าเราอยากทำงานนี้ไหม
พี่แกเป็นคนพูดตลก แต่ละคำก็แล้วแต่จะสรรหามา

อาทิ

-แกจะมัวแต่นั่งดูปิ๊ตัวเองไปวันๆงั้นเหรอ
(เอ่อพี่แกพูดแบบนี้จริงๆ แต่สำหรับเรามันฟังดูไม่หยาบคายเลย
คิดว่าแกคงอยากให้เราไปทำงานหาเงินจริงๆ)

-วางไอ้ปริญญาตรีของแกไว้เหอะ
แล้วมาทำงานกับพี่เอาเงินไว้ก่อนไม่เสียหาย
ได้เงินมาเราก็ไปช็อปปิ้งกัน แล้วก็มีเิงินส่งให้แม่สบายๆ

-แกจะขับรถร่อนไปร่อนมาให้คนอื่นคิดว่าเป็นคุณนายแบบนี้เหรอ
มามะมาทำงานกับพี่

-เจ้านายน่ารักนะ เป็นเกษตรกรก็จริงแต่สุภาพ ผู้ดี
เพิ่งเคยเห็นคนแบบนี้นี่แหล่ะ


และอีกสารพัด


จนในที่สุดหนูก็ใจอ่อนอยากทำงานนี้ขึ้นมา
แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าสามีไม่เห็นด้วย
เพราะอะไรก็ตอบได้ไม่ชัดเจน แต่คลับคล้ายคลับคลาว่ามันไกล
ถ้าไม่ได้เท่้านี้ชั่วโมง
ก็ไม่คุ้มค่าน้ำมัน และอีกมากมาย แต่ด้วยความดื้อหนูยืนยันว่าอยากทำ
และให้พี่จิบอกเจ้าของสวนไว้แล้วว่าจะเข้าไปคุยด้วย


แต่เหมือนยังไม่ถึงโมเม้นท์ที่หนูจะได้งาน
ตลอดทางไปสวนสองผัวเมียเถียงกันไปกันมา
สรุป หนูเลยกลับรถแล้วขับกลับบ้าน
พร้อมโทรขอโทษพี่จิให้บอกเจ้าของสวนให้ทราบทีว่าคงไม่ได้คุยกันแล้ว


หนูเป็นคนหนึ่งที่ฐานะทางบ้านที่เมืองไทยไม่ค่อยดี
ดังนั้นจึงเป็นความเต็มใจที่อยากช่วยเหลือแม่และญาติๆเรื่องเงินทอง
(หนูทำแบบนี้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานมาอยู่เมืองนอกแล้ว)
ตามกำลังที่สามารถจะช่วยได้ โดยที่ไม่ต้องเบียดเบียนสามี
คือไม่มีการกำหนดหรือขอร้องว่าจะต้องจ่ายให้ทางบ้านเท่านั้นเท่านี้ต่อเดือน
เพราะตัวเค้าเองก็ทำงานหนักและเค้าก็ดูแลเราดีมาก
ไม่ขาดตกบกพร่อง
ส่งเสริมเรื่องเรียนและอีกหลายๆอย่าง
แค่นี้เราก็รู้สึกขอบคุณแล้ว
และที่ผ่านมาเงินที่หนูส่งให้แม่บ้างตามโอกาสก็มาจากสามี


อย่างที่บอกว่าตั้งแต่แต่งงาน ก็ ขสมก
สามีก็ใจดีจ่ายให้เป็นรายเดือนถึงไม่มาก
แต่ถ้าเราแบ่งสรรปันส่วนดีๆมันก็ช่วยเราได้เยอะ
แต่ถามว่าพอใจไหมที่ได้เงินเท่านี้ต่อเดือน
และไม่ต้องทำงานเลย หึไม่พอและไม่พอใจค่ะ
ประกอบกับทางพี่จิชวนเป็นรอบที่สองให้ไปทำงานด้วย
ทางสวนต้องการคนงานเพิ่ม
เหตุผลนอกเหนือไปจากนั้นคือ แม่
อยากให้แม่สบายกว่านี้
มาอยู่เมืองนอกทั้งทีก็ต้องใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ทุกๆด้าน


ว่าแล้วหนูก็นอนไม่หลับไปคืนหนึ่งเต็มๆ
คิดวกไปวนมาว่าจะทำไม่ทำ
งานนี้เหมาะกับเราไหม ทำงานแล้วจะเรียนภาษาเพิ่มควบไปด้วยได้ไหม
หรือทำแล้วเงินที่ได้จะคุ้มค่าน้ำมันรถไหม
(เป็นคำถามที่สามีสนใจมาก)
เอ แต่ทำแล้วได้ตังค์เพิ่มนะ ที่สำคัญไม่ลองไม่รู้


จนเช้าตื่นมากินอาหารเช้า
(หนูกับสามีไม่เคยนั่งกินอาหารเช้าด้วยกัน
หนูแค่ตั้งเวลาเครื่องทำกาแฟไว้ให้
ที่เหลือสามีก็น่า่รักหาทานเอง แต่เค้าทานแค่โรลกับน้ำผึ้ง ง่ายๆ)
หนูกินกาแฟนยังไม่เสร็จ งับขนมปังไปได้แค่คำสองคำ
สมองก็สั่งให้ไปสมัครงาน


หลังจากนั้นยี่สิบนาที เก้าโมงเช้ากว่าๆ หนูก็มายืนอยู่ที่สวน ^^
บริเวณรอบๆเป็นแปลงผักหลายอย่างติดๆกันสุดลูกหูลูกตา
สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำและล้อมรอบด้วยป่า
อืม โลเคชั่นเหมาะมากสมแล้วที่เป็น Bio-Gemueseanbau



แต่เนื่องจากหนูเข้าผิดทาง เลยดันมาทะลุถนนเล็กๆเลียบแม่น้ำ
แทนที่จะเป็นโรงงานและบ้านเจ้าของสวน
แต่ก็นับว่ามาถูกที่ เพราะบนแปลงหอมกำลังมีคนงานกลุ่มหนึ่งถอนหญ้าอยู่
หนูเลยเดินเข้าไปทักทายและถามหาคนที่จะคุยเรื่องสมัครงานด้วยได้
พอดีวันนี้พี่จิไม่มาทำงาน


แล้วผู้ชายวันห้าสิบกว่าๆคนหนึ่งก็ยื่นมือมาให้หนูจับ
บอกว่ายินดี ผมเป็นเจ้าของสวน
ระหว่างคุยกันคนงานก็หันมามองเราแป๊ปนึงแล้วก้มหน้าทำงานกันต่อ
สรุป หนูได้รับอนุญาตให้เริ่มงานบ่ายวันนั้นเลย
ส่วนเอกสารเอามาให้วันถัดไปได้


ด้วยความดีใจหนูรีบขับรถไปบ้านพี่จิซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสวน
แล้วรีบรายงานแกว่าไปสมัครงานมาเรียบร้อยแล้วนะ
บ่ายนี้เริ่มงานได้


แล้วเราก็กรี๊ดกันบ้านแทบแตก ^^


หนูแอบเม้าท์ให้พี่จิฟังว่า กว่าจะหาทางเข้าสวนเจอ
ก็หลงไปสวนข้างๆมาไปถามทางเค้า
คำแรกที่โดนถามคือ คุณมาซื้ออะไร มันฝรั่งเหรอ
มารู้จากพี่จิอีกทีว่าสวนข้างๆมีโรงงานผลิตเฟรนช์ฟราย


แถมโดนพี่จิติงว่า แต่งตัวดีเกินไปแล้วมาสมัครงานสวนเนี่ย
สะพายกระเป๋า ใส่แว่นกันแดด นุ่งจีนส์
แต่ก็เอาเถอะเค้ารับแกแล้ว ถือว่าโอเค



พิมพ์เป็นไฟล์เก็บไว้ในเวิร์ดได้เท่านี้ก่อนนะคะ หนูต้องไปนอนแล้ว
พรุ่งนี้หลังเลิกงานจะมาเ่ล่าต่อ กู๊ดไนท์ค่ะ ^^

จากคุณ : Brunnett
เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 52 05:39:10




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com