Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เห็นหลายคนเสียเงินแสนผ่าน agency เพื่อสมัครเรียนเมืองนอก จริงแล้วทำเองก็ได้นะครับ  

ผมเคยสมัครไปเรียน แต่ท้ายที่สุด ไม่ได้ไปเรียน เปิดบริษัทของตัวเองแทน
เสียดายโอกาส แต่เปิดบริษัทตัวเองก็ได้กำไรชีวิต กำไรเงินในอีกรูปแบบ
ก่อนไปตัดสินใจดีๆนะครับ อันนี้ที่ผมทำตอนสมัครไปเรียนปริญญาโทนะครับ

เวลาสมัครเรียนต่างประเทศ ผมเห็นเพื่อนผมบางคน ไปหา agency เพื่อให้เค้าช่วยสมัครเพื่อเรียนต่อต่างประเทศ เสียเงินเป็นแสน ตอนนั้นก็เป็นช่วงที่ผมจะไปเหมือนกัน แต่ดูแล้วผมว่าที่ agency เหล่านั้นไม่ได้ทำอะไรที่ดูยากเกินความสามารถเราเลย ผมก็เลยลองสมัครเองดู ไปเรียนโทที่อเมริกากับอังกฤษ

ผมจบ ABAC มานะครับ แต่ตอนเด็กตั้งแต่ ป.5 ไปอยู่ต่างประเทศ
ค่อยมาจบป.ตรีที่ไทย

ก่อนอื่นผมสอบทั้ง Toefl กับ Ielts เลยครับ
คะแนนไม่ได้ดิบดีอะไร พอผ่าน requirement ที่เค้าต้องการก็โอเค
Toefl IBT ได้ 98
Ielts ได้ 7.0
ผมไปเรียนที่ Princeton มาที่เดียวครับ แล้วก็เอาไปใช้สอบทั้งคู่เลย

จากนั้นผมก็ไป Agency เพื่อหา list รายชื่อมหาวิทยาลัยดังๆในอเมริกากับอังกฤษ

ขั้นตอนวิธีทำของผมคือ
1. หาเบอร์โทรศัพท์ ติดต่อไปยังหน่วย International Student department ของมหาวิทยาลัยนั้นๆ

2. โทรไปเลยครับ เสียเงินค่าโทรศัพท์หน่อย แต่โทรไปแล้วก็คุย แล้วก็แสดงความต้องการว่าเราอยากจะเรียนที่นั่น ถามนู่นถามนี่ที่เราต้องการจะรู้

3. เตรียม email ของเราให้พร้อม เค้าจะขอ Email เพื่อติดต่อกับโดยอาจจะมอบหมายให้บุคคลหนึ่งที่รับผิดชอบด้านนี้มาช่วย Assist เราในการเตรียมเอกสาร ทางนั้นจะส่งแบบฟอร์มสมัครเรียนพร้อมกับเอกสารที่ใช้ในการพิจารณา

4. ที่เราเตรียมส่วนใหญ่ก็ Transcript ใบรับรอการทำงานว่าทำมานานแค่ไหน แล้วก็ดูว่าเค้าต้องการ Ielts หรือ Toefl บางทีหน้า web เค้าบอกว่าใช้ Toefl แต่ก็ลองถามดูว่าเรามี Ielts สามารถใช้ได้ไหม (สำหรับคนที่มีอย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ) ตอนนั้นผลสอบออกไม่พร้อมกัน แล้ว Ielts ได้ก่อนด้วย คะแนนถือว่าน่าจะโอเคเลยสุ่มๆถามไป

5. พอเราเตรียมเอกสารได้ครบก็ถ่ายรูปส่งไปให้ assistant คนนั้นช่วยดู
แล้วถ้าติดขัดอย่างไรเค้าก็จะบอกเราเอง
แต่ถ้าไม่ติด เค้าจะให้เรามัดจำค่าเล่าเรียน จำนวนเงินก็แล้วแต่เค้าบอกมา
ตอนนั้นผมจ่ายไป 500us แล้วเค้าจะให้ใบเสร็จมา

6. ผมก็เอาตรงนั้นไปทำ visa ที่สถานฑูต แล้วก็เตรียมเอกสารเรื่องการเงิน
ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ส่วนที่พักผมบอกเค้าว่าจะไปพักที่โรงแรมก่อน แล้วค่อย
หาที่พักแบบยาว ตอนกรอกก็กรอกเอกสารให้ครบๆ กรอกง่ายๆไม่ต้องยัดนู่นยัดนี่เข้าไป

7.รอสักพักไม่กี่สัปดาห์ Visa ก้อนุมัติแล้วครับ

8. รวมๆใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ในการติดต่อกับมหาวิทยาลัยและเดินเรื่องจนได้เอกสารครบทุกอย่างครับ

9. ประหยัดเงินไปได้ไม่น้อยเลยครับ ไม่ต้องพึ่ง Agency เราก็ทำเองได้ครับ

ลองดูครับ ไม่ยากอย่างที่คิดและไม่น่ากลัวด้วย เพราะทางมหาวิทยาลัยเค้าจะมี
คนคอยช่วยเหลือเราอยู่แล้ว ติดขัดอะไรผมจะโทรไปอย่างเดียวเลยครับ

ขอ Visa ก็โดนสัมภาษณ์ว่าจะไปเรียนอะไร เรียนทำไม ผมก็บอกว่าเรียนเพื่อเอามาใช้ทำงาน เพราะธุรกิจที่บ้านตรงกับด้านที่จะไปเรียน

อีกอย่างครับ ผมเขียนหลายอยา่างพอสมควรในประวัติการทำงานของผมที่มีประมาณ 3 ปี ผมเขียนเป็นเรียงความเลยครับ
ผมเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับ ผมทำงานอยู่ตำแหน่งไหน job description คืออะไร
ทำยอดขาย กำไร ได้เท่าไหร่ ติดต่อกับริษัทไหนบ้าง
แล้วก็ให้ชื่อบริษัทกับที่อยู่บริษัทนั้นๆไป เพื่อแสดงให้รู้ว่าเราไม่ได้โกหก
ทำ project อะไรบ้างให้กับบริษัท
ผมบอกไปครบเลยครับ แล้วทุกอย่างก็ง่ายดาย

แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 52 18:26:53

จากคุณ : RMIT
เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 18:21:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com