ความคิดเห็นที่ 1 เจออย่างนั้น ณ วินาทีนั้นคงอึ้ง ทึ่ง จุก มึนไป 20 วินาที  แล้วนึกขึ้นได้ว่าลืมถามชื่อ และส่วนมากแล้วสถานที่ราชการของไทยจะไม่ค่อยยอมบอกชื่อ  แปลกจริงๆ คงรู้ตัวว่าทำงานไม่ได้เรื่อง เลยกลัวถูกฟ้อง เป็นเราก็คงพยายามชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้น  วัน เวลาที่เกิดเหตุ  อยากได้คำตอบที่ไม่ใช่การเงียบหาย แต่ชี้แจงไปก็คงเท่านั้น  พวกกงศุลเขาก็คงไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญเพราะนามสกุลเราไม่ดังพอค่ะ จากคุณ : ตกตะกอน เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 09:44:45

ความคิดเห็นที่ 2 เขาเอาคน "ระดับไหน" ไปทำงานน่ะพี่ ถึงไม่ยอมอ่อนน้อมถ่อมตนเลย จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 09:54:15

ความคิดเห็นที่ 3   ถ้าบอกชื่อมา  ร้องเรียนแน่นอนค่ะ ได้เรื่องไม่ได้เรื่อง ก็ต้องแสดงสิทธิ์ไว้ก่อน จากคุณ : ToonyBerri เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 10:16:32

ความคิดเห็นที่ 4   ถามชื่อไว้ป่ะคะ....ร้องเรียนเลยค่ะ ฟังแล้วขึ้นแทน จากคุณ : pandy_ja (pandy_ja) เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 11:45:50

ความคิดเห็นที่ 5 ก็ร้องเรียนไปที่กระทรวงเลย ได้ชื่อนามสกุลได้ยิ่งดี จากคุณ : larata เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 12:04:18

ความคิดเห็นที่ 6 เจอแบบนี้ก็สู้ไม่ถอยอ่ะค่ะ ร้องเรียนเลยค่ะ จากคุณ : เจ้าหญิงกิมจิ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 12:05:49

ความคิดเห็นที่ 7 ร้องเรียนคะ ไปถึงที่เลย ส่วนเราเคยแต่เจอ ทำหน้าหงิกใส่แล้วถาม อ่าน กะเขียนภาษาไทยได้ปะ ถามแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะๆด้วย แถบอยากจะถอดรองเท้าเข้าไปตบหน้ามานนนนน จากคุณ : Memory of life เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 15:07:32

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่คิดอะไรครับ ก็เดินกลับบ้าน พูดดังๆอิลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน จากคุณ : inven เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 16:45:29

ความคิดเห็นที่ 9 เจอแบบนี้  ดิฉันจะต่อความยาว และสาวความยืดค่ะ ไม่จบแน่ จากคุณ : sum1 (rptperfect) เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 20:52:26

ความคิดเห็นที่ 10   เต้เกือบจะเจอคะ แต่ดันที่ สถานทูต ไทย ณ กรุง brussel คนรับสายเป็นตุ๊ดเหมือนดิฉันเพราะดิฉันโทรไปถามว่า จะพอทำอะไรได้บ้างในกรณีที่ เดี่ยนประสบปัยหา แบบนี้ๆๆๆ..................แต่ตุ๊ดนั่น เค้าก้อประเมิน เสียง เหน่อเหน่อ แบบเดี่ยน  เค้าก้อเลยกล้าที่จะพูดแบบไม่เกรงใจกันสักเท่าไร มีประโยคหนึ่งถามเดียน ว่า..."  น้องไม่ทราบว่าอยู่เมืองไทยทำงานอะรัยนะ ....? ทำงานบาร์รึเปล่า.....?  ถึงไม่มีบัตรเครดิตติดตัว   เดี่ยนแบบว่า ...............Hmmmm ถึงแม้ว่าไม่ได้ทำงานบาร์  แต่คนที่มำงานบาร์ ก้อคนไทยนะคะ ไม่มีสิทธิ์ได้รับการสนใจเพียงนิดเลยหรอ นางตุ๊ดผู้เหยอหยิ่ง แห่งสถานกงสุล นคร brussel ................. เดี่ยนบอกว่า  i work interior designer คะ ก้อตอบนางตุ๊ดซี่เน่าไปแบบนั่น แต่เหตุผลก้อคือ เต้ยังเด็ก อายุงานยังน้อย รายได้ก้อหาได้ตามอายุคะ แค่ 27 บ้านไม่ได้รวยอะไรมากมาย .......แล้วจะมีบัตรเครดิตให้เกินตัวทำไมล่ะคะ จากคุณ : เต้ (WMW) เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 22:14:49

ความคิดเห็นที่ 11 เรามีประสบการณ์โทรไปตามเอกสาร  เพราะใบตอบรับจากไปรษณีย์แจ้งว่าถึงแล้ว แต่พอโทรไปสอบถามเค้าบอกว่ายังไม่เห็นและถ้าเห็นก็จะโทรบอก สองอาทิตย์ผ่านไปก็โทรไปสอบถามอีกก็บอกอย่างเดิมอีก เราเริ่มตกใจเพราะกลัวใบเกิดและใบเปลี่ยนชื่อหาย ซึ่งทั้งสองเป็นตัวจริงด้วย อาทิตย์ถัดมาเราเลยโทรไปถามอีก ก็ตอบว่าน้องถ้าเจอก็ทำให้ตอนนี้ยังไม่เจอ  อ้าวเราก็ตกใจซิ เผื่อของเราหายจะได้รู้ว่ามันหายตอนไหน เค้าบอกเค้ายุ่งมากๆ ทำงานไม่กี่คน  เราเลยอธิบายว่าเอกสารเราสำคัญมาก เราไม่ได้ต้องการให้ทำตอนนี้แต่ให้แค่รู้ว่ามันถึงมือคุณหรือยัง จะกรุณาหาดูให้หน่อยได้มั้ยเเพราะมันไปถึงนานแล้ว น่าจะมีการลงรับเอกสารอยู่นะ เค้าก็บอกไม่เห็น และจะโทรกลับ  เราวางหูนั่งอึ้ง แฟนเราเห็นเลยถามว่าเป็นอะไร พอเล่าเสร็จแกโทรไปหาเอง แล้วแกก็ถามว่าสรุปว่าเอกสารหายแล้วหรือ เค้าก็บอกว่าไม่หายแต่ยังไม่เห็น แฟนเราเลยแจ้งว่าเอกสารมันสำคัญ แค่อยากจะรู้ว่ามันอยู่นั้นหรือยังเพราะสามอาทิตย์แล้วสำหรับการจะรู้ว่าถึงหรือไม่ถึง ซักครู่เค้าเลยบอกจะไปหาให้ แล้วก็กลับมาบอกว่าอยู่นี่   แฟนเราเลยบอกว่า ยังไม่เร่งให้ทำเพราะให้ทำตามคิว แต่ว่าแค่รู้ว่ามันยังอยู่ก็สบายใจแล้ว และขอโทษที่ต้องโทรมาตาม จากประสบการณ์ให้คนเจ้าของประเทศหรือสามีตามให้ พอพูดภาษาอังกฤษเท่านั้นแหละ ไปดูให้ ที่กับเราพูดห้วนๆ แล้วก็เริ่มใส่อารมณ์ เราเคยรู้จักน้องคนไทยที่ทำงานที่สถานทูตที่ ดีซี เค้าบอกว่าคนทำในนั้นมีแต่ลูกท่านหลานเธอ และส่วนมากจะใช้เส้นนักการเมืองหรือคนมีเส้นสายฝากเค้าทำงาน ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าบางครั้งเค้ามีเงินมีวาสนาแต่มีสมองน้อย   และบางที่พวกนี้ไม่เคยทำงานหนัก มีแต่นั่งกินนอนกินเลยไม่รู้ว่าชาวบ้านเค้าเดือดร้อนอย่างไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนดีๆ ก็มีเยอะนะค่ะ จากคุณ : Cutie_May เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 52 23:21:41

ความคิดเห็นที่ 12 ส่ง death note hangman ไปให้ค่ะ จากคุณ : หญิงป้า เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 01:29:26

ความคิดเห็นที่ 13 อืม..... คิดไม่ออก  ว่าจะทำยังไง เพราะยังไม่เคยเจอ แต่ปกติแล้ว ดิฉันชอบทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง จากคุณ : BluemirroR เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 03:27:35

ความคิดเห็นที่ 14 สนับสนุน ฟ้องไปเลย หากไม่มีชื่อก็อ้างถึงวันเวลาที่เราโทรไป คิดว่าคงมีผลไม่มากก็น้อยดีกว่าปล่อยเลยตามเลยพวกเขาจะได้ใจ มาอยู่ ทำงานต่างประเทศ กินเงินเดือนที่มาจากภาษีของคนไทยทั้งประเทศ แล้วไม่บริการคนไทย แล้วจะมาทำงานทำไม โทรศัพท์ไปไม่รับสายเกิดคนไทยที่อยู่ต่างประเทศนั้นต้องการความช่วยเหลือด่วนจะทำไง จากคุณ : brackleyvee เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 03:38:17

ความคิดเห็นที่ 15 หากมาท้าให้ฟ้องร้องก็จะฟ้อง ถ้าหากเขาทำผิดกับเราจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องมีหลักฐานพร้อมมูล ประเภทที่มัดตัวคนท้าจนดิ้นไม่หลุด นั่นแหละ ... ฟ้องแน่ แต่ที่แน่ๆ ... ยังไม่เคยเจอคนอะไรแบบนี้ เพราะเวลาจะติดต่อราชการไทยในต่างประเทศ จะต้องคิดทบทวนก่อนว่า จำเป็นมากน้อยแค่ไหน ... หากไม่จำเป็นหรือไม่ได้รีบร้อนอะไร จะรอกลับไปทำธุระที่เมืองไทยเอง ... เพราะเดี๋ยวนี้ราชการไทยในประเทศไทย บริการดีเหมือน ... เซเว่นอีเลฟเว่น (หมายถึง ... สะดวก รวดเร็ว และ พูดจาไพเราะ) จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 05:20:29

ความคิดเห็นที่ 16 ร้องเรียนจนถึงที่สุด เขียนจม ร้องเรียนไปที่กงศุลใหญ่  ถ้าไม่ได้รับการตอบสนอง เขียนป้ายโต ๆไปยืนด่าที่หน้าสถานทูตไทย เอาให้อาย ไปเลย 'กินเงินเดือนภาษีของประชาชนก็ต้องบริการประชาชน ' แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 52 06:33:53 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 52 06:14:18 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 52 06:13:55 จากคุณ : fiony เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 06:11:23

ความคิดเห็นที่ 17 กลับมาต่อครับ เรื่องนี้ ผมเองก็ได้คุยกับทางกงสุลไทยประจำเช็กแล้ว ครับ ในวันนั้นเอง ซึ่งท่านเองก็บอกว่า เดี๋ยวจะดูให้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมก็จะดูว่า ท่านจะทำอย่างไร เพราะผมเองก็ยังให้เกียรติท่านกงสุลอยู่ แต่ขณะเดียวกัน คำร้องเรียนนั้นผมเขียนเสร็จแล้ว รอส่งอย่างเดียว  เช่นกัน จริงๆแล้วน่ะ เจ้าหน้าที่หญิงท่านนี้ เธอบอกชื่อครับ แต่เป็นชื่อเล่น พอผมถามชื่อจริงเธอก็พูดซะเร็วและเหวี่ยงมาก จนผมฟังไม่ทัน แล้วเธอถามผมอีกว่า "ผมถามชื่อเธอทำไม" อันเป็นที่มาของการท้าทายให้ไปฟ้องร้องเรียนกับกงสุลเอาเอง และผมก็ไม่เข้าใจว่า " เหตุใดการปฏิบัติราชการจึงแจ้งชื่อเล่นกับผู้มาติดต่อราชการ ทำไมไม่แจ้งชื่อจริงให้ชัดเจน" ผมอยู่มา สามทูต สามกงสุล นี่คือครั้งแรกที่ผมเจอ เดี๋ยวนี้ประหลาดหมด ไม่ว่าสถานทูตไทยหรือสถานทูตเช็กในกรุงเทพ มารยาทและการให้บริการต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งสองที่ คุณจะเชื่อผมหรือเปล่า "คนระดับกงสุลเช็กประจำในไทยน่ะ ผมโทรไปปรึกษาเขาดีๆเรื่องทุน ก็โดนเขาตวาดกลับมาเช่นกัน" ดังนั้นผมจึงไม่ค่อยแปลกใจที่มีคนบ่นถึงบริการของสถานทูตเช็กประจำประเทศไทย ใน พ.ศ.นี้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น สมัยท่านกงสุล ฮาน่า ฟลานเดอโรว่า ยังประจำอยู่ ท่านเป็นคนดีมาก และแน่นอน สมัยก่อนนั้นบริการดี สุดๆ แต่ปัจจุบัน เอวัง ครับพี่น้อง ไม่ว่า ไทย ไม่ว่า เช็ก ว่างๆคุยกัน ครับ แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 52 07:02:01 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 52 07:00:41 จากคุณ : กมลลั๊นลา (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 06:56:10

ความคิดเห็นที่ 18   เห็นใจครับ คงเหนื่อยเหมือนกันถ้าเป็นผม กรุณาอย่าลามไปถึงสถานทูตที่ไม่เกี่ยวข้องนะครับ เฉพาะที่ดีซีผมไม่ทราบเส้นสายภายในแต่คนที่ผมติดต่อเห็นบริการกันดีทุกท่านตลอดมา จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 09:19:04 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนเดจาวู -"- ทำไมมันถึงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยที่ไม่มีใครทำอะไรให้มันดีขึ้นเลย หรือว่าพวกเราไม่ได้นามสกุลใหญ่โต มันก็เลยเอวังด้วยประการฉะนี้ .. ตอบกระทู้ ถ้าเจออย่างนี้จะเขียนจดหมายร้องเรียนค่ะ อย่างน้อยผู้บังคับบัญชาของเค้าจะต้องรับรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ หากเค้าไม่คิดจะทำอะไร ก็ถือว่าเราได้ทำหน้าที่ในส่วนที่เรียกร้องในสิทธิที่พึงจะมี หากเค้าคิดจะแก้ไข ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนที่จะมาใช้บริการต่อไป จากคุณ : น้องแหนมเนือง เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 15:26:11

ความคิดเห็นที่ 20 บางทีก็สงสัย ว่าใครสั่งสอนพวกเขาให้เป็นคนแบบนั้น เคยถามเหมือนกัน "หนู ทำไมหนูพูดกับป้าแบบนี้จ๊ะ" อิอิอิ อีหนูไม่ตอบแฮะ จากคุณ : rainfull เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 20:00:26

ความคิดเห็นที่ 21 เรียน  คุณ kamollanla  ที่นับถือ นับถือในความรู้  และความสามารถของคุณตลอดมาจนถึงบัดนี้ อ่านเรื่องของคุณแล้ว  เห็นใจ แต่ก่อนอื่น  ในฐานะที่เป็นวิญญูชนปกติทั่วไป  ข้อความฟ้องร้องเรียนของคุณ Kamollanla  ในที่นี้ " ขาดหาย " ตอนสำคัญไปช่วงหนึ่ง  ดังนี้ คุณบอกว่า " วันนี้โทร.ไปติดต่องานที่สถานทูตไทยในปราก ( เมืองหลวงของประเทศสาธารณรัฐเชค ) แล้วโดนตวาดเสียงแข็งใส่  แถมท้าทายผมอีกว่า  หากไม่พอใจก็ไปร้องเรียนกงสุลเลยซิ " ที่ว่าขาดหายไปก็คือ " กรุณาบอกที่มา-ที่ไปของเรื่องนี้ด้วย  ก็จะดีมาก.....ดังนี้   *** ก่อนเขาตวาดใส่คุณมาดังที่คุณว่า   .....  คุณได้พูดอะไรกับเขาบ้าง ?????? เขาถึงได้ตวาดใส่คุณ ด้วยอารมณ์ร้ายเช่นนั้น  *** "   จุดตรงนี้แหละ  สำคัญมาก  ที่เชื่อว่าผู้คนทั้งหลายที่รักความเป็นธรรมที่ได้อ่านเรื่องนี้รวมทั้งข้าพเจ้า  พร้อมที่จะเห็นใจคุณ Kamollanla และพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณต่อสู้กับผู้คนที่ไม่ดี - คนชั่ว  ที่มาอาศัยทำมาหากินอยู่ในสถานทูต กรุณาคุณ Kamollanla ได้โปรดต่อเติม  jig-saw ตัวที่ขาดหายไปให้เต็มด้วย  ขอขอบคุณล่วงหน้า   หลายๆ คนรออ่านกันอยู่  และรอจัดการเพื่อความเป็นธรรม ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปราก 1.  สถานทูตทุกแห่งทั่วโลก  ไม่ว่าของไทยเราหรือของชาติอื่นๆ   ตามปกติ "นักการทูต" ที่เป็นข้าราชการจากประเทศไทยหรือของประเทศใดก็ตาม ตามปกติเขาจะไม่นั่งรับแขกอยู่หน้าช่องต่างๆ  และจะไม่รับโทรศัพท์ด้วยตนเอง 2. แน่นอนว่าบุคคลที่คุณ Kamollanla  ได้พบเจอในตอนแรกที่กล่าววาจาไม่ถูกใจคุณ Kamollanla  นั้น  เป็น " ลูกจ้างท้องถิ่น คือ local staff "  ซึ่งสถานทูตไทยรับสมัครจากผู้คนที่มีภูมิลำเนาในประเทศนั้นๆ  หากเป็นสตรีไทย  มักจะเป็นภรรยาของชนพื้นเมืองประเทศนั้น   ลูกจ้างเหล่านี้จะทำงานให้แก่ข้าราชการนักการทูตที่มาจากประเทศไทย  ทั้งนี้  หากเขาผู้นั้นถูกร้องเรียนโดยมีหลักฐานแน่ชัด  หรือหากตัวเขาได้รับการร้องเรียนบ่อยๆ ครั้งเกี่ยวกับความประพฤติ  หรือกิริยามารยาท  ก็จะไม่เป็นผลดีกับตัวเขาเอง  ( ต้องย้ายไปทำหน้าที่อื่นๆ  ที่ไม่ต้องพบปะ-เจอกับผู้คนที่มาติดต่อ) 3. รายชื่อข้าราชการสถานเอกอัครราชทูต  ณ กรุงปราก 1. ท่านเอกอัครราชทูต  นายชัยสิริ  อนะมาน 2. ท่านอัครราชทูตที่ปรึกษา  น.ส.เสาวรส   กาญจนภูมิ 3. เลขานุการเอก 1  นางกาญจนวดี  สุรกิจบรรหาร แกทเซ่น ( สมรสกับคนเยอรมัน) 4. เลขานุการเอก 2  นายพิสูจน์  สุวรรณรัศมี 5. เลขานุการโท   นางวราภรณ์  สิทธิสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่นอกจากนี้  เป็นลูกจ้างท้องถิ่น  มีตั้งแต่พนักงานขับรถยนต์  ล่าม  เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข่าว   ซึ่งเป็นชาวเชคไปจนถึงนักการ- ภารโรงรวมทั้งเจ้าหน้าที่งานรับเรื่องวีซ่า  -  พาสปอร์ต  ที่นั่งอยู่ตามช่องต่างๆ ฯลฯ ซึ่งมีทั้งคนเชค  และคนไทยอีกประมาณ  10 คน 4. สถานที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์เพื่อการติดต่อ  หรือเพื่อการร้องเรียน Royal Thai Embassy Romaina Rollanda 3/481 160 00 Praque 6- Bubence โทร. (420-2) 2057 1435, 2057-0055 ดังนั้น หากคุณกมล ฯ  ต้องการฟ้อง  หรือร้องเรียนเรื่องนี้  ขอแนะนำให้คุณเตรียมหลักฐานชัดเจนที่สามารถยืนยัน  และอ้างได้  พร้อมข้อกล่าวหา   คุณจะตั้งข้อกล่าวหาเขาผู้นั้นว่าอย่างไร  ???? ( คุณกมล ฯ เป็นนักศึกษากฎหมายอยู่แล้ว  ย่อมทราบกระบวนการสืบหาความยุติธรรมได้เป็นอย่างดี) ทั้งนั้น  คุณกมล ฯ สามารถขอพบตัวท่านทูต ฯ โดยตรง  เพื่อแจ้งเรื่องนี้พร้อมข้อกล่าวหา  เชื่อแน่ว่าท่านทูตชัยสิริ ฯ  ต้องรับฟัง  และต้องดำเนินการต่อไปหลังจากได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วว่ามีมูล นอกจากนี้  คุณกมล ฯ  ยังสามารถฟ้องร้องไปยังกระทรวงการต่างประเทศ  ถนนศรีอยุธยา  กทม.  โดยตรงได้อีกทางหนึ่ง โดยจะร้องเรียนไปยังท่านรัฐมนตรี  กษิต  ภิรมย์  หรือท่านปลัดกระทรวง ฯ (คนใหม่ ) นายธีรกุล  นิยม  ก็ได้ทั้งนั้น แต่โปรดอย่าลืมพยานหลักฐานต่างๆ   และข้อกล่าวหา   ประกอบการร้องเรียนด้วย เอาใจช่วยคุณกมล ฯ เสมอ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 52 00:32:49 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 52 23:32:43 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 52 23:32:41 จากคุณ : นักกฎหมายฝึกหัดปี 1 (Detente) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 23:15:13

ความคิดเห็นที่ 22 กราบเรียนท่านอาจารย์ Detente   ขออนุญาตขยายข้อเท็จจริงครับ เรื่องมันมีอยู่ว่า              กระผมได้กระทำการโทรศัพท์ติดต่อกับทางสถานเอกอัครราชทูตไทยเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๒ เมื่อเวลาประมาณ ๑๓ นาฬิกา เพื่อที่จะสอบถามขอปรึกษากับทางการกงสุลไทย เรื่องที่ทางรัฐบาลสาธารณรัฐเช็กได้ตัดทุนไม่ให้ทุนแก่นักศึกษาไทยที่จะทำการศึกษาปริญญาเอกในอนาคต                กระผมได้โทรศัพท์เข้ามาปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่หญิงไทยท่านหนึ่งรับสาย ซึ่งกระผมได้แจ้งให้ทราบว่า “ผมชื่อกมล และขอเรียนสายกับท่านกงสุล กล่าวคือ ท่านกาญจนวดี”เจ้าหน้าที่หญิงท่านนั้นได้ตอบกลับมาว่า “ท่านไม่อยู่ออกไปรับประทานอาหารกลางวันจะกลับมาเวลาบ่าย ๒ โมง” จากนั้นกระผมได้สอบถามถึงเจ้าหน้าที่อีกท่านหนึ่งคือคุณนุส ซึ่งกระผมเองก็ได้ส่งอีเมล์ถามเธอเรื่องธุรกิจนวดแผนโบราณซึ่งคุณนุสเองก็ยังมิได้ตอบกลับกระผมมา เจ้าหน้าที่หญิงท่านนั้นตอบกลับมาด้วยวาจาที่แข็งกระด้างตวาดกลับมาว่า “ไม่ทราบ ไม่ได้รับเรื่อง คุณนุส ลาพักร้อน ยังไม่กลับ”จากนั้นกระผมเองซึ่งไม่พอใจในการตอบกลับมาโดยใช้วาจาแข็งกระด้างตวาดกลับมาเช่นนี้ กระผมจึงได้สอบถามถึงชื่อเจ้าหน้าที่หญิงท่านนั้น เธอตอบกลับมาว่า “เธอชื่อ น.” แล้วแล้วก็วางสายไป             กระผมซึ่งไม่พอใจการใช้วาจาในลักษณะแข็งกระด้างเช่นนี้และประกอบกับไม่พอใจที่ เหตุใดการปฏิบัติราชการจึงแจ้งชื่อแก่ผู้มาติดต่อราชการโดยใช้ชื่อเล่น และไม่แจ้งชื่อจริงตามแบบแผนปฏิบัติของทางราชการ                กระผมจึงได้ทำการโทรศัพท์ไปใหม่อีกครั้ง เจ้าพนักงานหญิงที่ชื่อ น.ท่านนี้ก็รับสาย “ผมจึงเรียนถามเธอไปว่า “ชื่อจริงเธอชื่ออะไร” เธอตอบกลับมาเร็วและไม่ชัดเจนจนกระผมฟังไม่ทัน และเธอได้ถามกระผมว่า “ถามชื่อเธอทำไม?” กระผมตอบกลับไป “ทำไมคุณถึงใช้วาจาที่แข็งกระด้างเช่นนี้ ?“ เธอตอบกลับมาว่า ”ก็พูดอย่างนี้อยู่แล้วกับคนอื่น มีอะไร ?“ และเธอก็พูดต่ออีกว่า “ หากไม่พอใจก็เชิญไปร้องเรียนกับทางกงสุลได้เลย” ซึ่งเป็นการใช้วาจาที่ไม่สมควรอันมีลักษณะท้าทายผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันควร และหลังจากนั้นเธอก็พูดตัดบทว่า “แค่นี้นะ งานเยอะ” แล้วก็วางหูไปโดยไม่กล่าวคำอำลา ตามมารยาทที่ควรจะเป็น            จากนั้นกระผมได้โทรศัพท์ไปใหม่ในเวลา ๑๔ นาฬิกา อันเป็นเวลาที่ควรคาดหมายได้ว่า ท่านกงสุลจะกลับมา แต่เจ้าหน้าที่หญิงคือคุณ น. ท่านนี้ ก็ บอกว่า “ยังไม่กลับ และขอให้ผมบอกเบอร์โทรศัพท์ทิ้งไว้เดี๋ยวติดต่อกลับ” ซึ่งก็ยังเป็นวาจาที่มีลักษณะแข็งกร้าวอยู่             ต่อมากระผมซึ่งรอมาเป็นเวลานานถึง ๑๕.๓๐ นาฬิกา ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา กระผมจึงได้ทำการโทรศัพท์ไปใหม่อีกครั้ง ปรากฎว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ไทยผู้ใดรับสาย กระผมได้พยายามกดโทรศัพท์ติดต่อตั้งหลายครั้งแต่ก็ปรากฎว่า ไม่มีผู้ใดรับสาย จนกระทั่งกระผมได้กระทำการโทรศัพท์ไปที่เจ้าหน้าที่ชาวเช็กที่เป็นผู้หญิงซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ เนื่องจากกระผมสามารถพูดภาษาเช็กกับเจ้าหน้าที่ชาวเช็กได้และได้ขอร้องให้เจ้าหน้าที่หญิงชาวเช็กผู้นั้นช่วยติดต่อท่านกงสุลให้กระผม และเธอก็ได้ช่วยเหลือให้กระผมจนได้สนทนากับท่านกงสุล ท่านกาญจนวดี ได้สำเร็จ ซึ่งกระผมประหลาดใจมากเหตุใดจึงไม่ได้รับการช่วยเหลือจากคนสัญชาติเดียวกันกับกระผม คนที่ช่วยเหลือกระผมกลับกลายเป็นคนสัญชาติเช็กอีกต่างหาก เดี๋ยวมาต่อ ครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 52 01:29:33 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 52 23:38:22 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ย. 52 23:36:23 จากคุณ : กมลลั๊นลา (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 23:34:36

ความคิดเห็นที่ 23 กลับมาต่อ เรื่องนี้ผมเองก็ได้คุยกับทางท่าน เลขานุการเอก ทนท.กงสุลไปแล้ว ณ.วันเกิดเหตุ แต่ก็ยังไม่มีอะไรตอบกลับมา ท่านบอกแต่เพียงเดี๋ยวดูให้ซึ่งก็ต้องติดตามตอนต่อไปว่า ท่านกงสุลจะทำเช่นไร ส่วนคำร้องเรียนนั้นผมก็เตรียมไว้แล้ว ส่วนเรื่องสถานที่ตั้งสถานเอกอัครราชทูตนั้น รวมถึงการจัดองค์กรนั้น ขอขอบคุณที่กรุณาบอก ผมพอทราบอยู่พอสมควรว่าห้องใต้ดินของสถานเอกอัครราชทูตนั้นเป็นห้องครัว ครับ เดี๋ยวกลับมาต่อ จากคุณ : กมลลั๊นลา (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 52 23:48:17

ความคิดเห็นที่ 24 กลับมาต่อ เดิมทีนั้น สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปรากนั้น มีเลขานุการเอก ทนท.กงสุลเพียงท่านเดียว แต่ปัจจุบันขอบเขตการงานราชการเพิ่มมากขึ้น ก็เลยจึงเพิ่มเป็นเลขานุการเอก ทนท.เศรษฐกิจการเมือง ๑ ท่าน กับเลขานุการเอก ทนท.กงสุลอีก ๑ ท่าน ผมจะไม่พูดถึงคนขับรถหรือแม่บ้านซึ่งไม่ใช่ประเด็นหลัก หากจะกล่าวถึง Local staff นั้นมี ๑ ท่านเป็นชาวฟิลิปปินส์ ทำงานด้านประสานงาน ๑ ท่านเป็นชาวเช็กทำงานด้านข้อมูลข่าวสาร ๑ ท่านชาวเช็กเช่นกันทำงานด้านกงสุลและวีซ่า และ ๑ ท่านเป็นหญิงไทยที่ลาพักร้อน ส่วนท่านที่มีข้อพิพาทกับผม ผมคิดว่าน่าจะเป็นการมาทำแทนชั่วคราวมากกว่า ซึ่งก็ โอเคใช่ สมัยก่อนนั้นข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับกิจกรรมของสถานทูต ผมมักจะได้รับอยู่เสมอทาง อี.เมล แต่ปัจจุบันแทบไม่มี หรือแม้กระทั่งการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนก็กลับกลายเป็นข้อมูลที่หาที่อ้างอิงไม่ได้ว่า ตัวเลขทางการค้านี้ "ท่านได้แต่ใดมา?" เสียอีก หรือ ผมจะต้องปฏิบัติตาม กม.ว่าด้วข้อมูลข่าวสารของทางราชการ เสียแล้วกระมัง ผมคิดเช่นนั้น กิจกรรมที่ผ่านมาส่วนมากก็เป็นเรื่องของสมาคมไทยเช็ก แต่กิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษานั้น มีน้อยมาก จนผมไม่ได้รับข่าวสาร หรือ มีแต่ไม่แจ้งให้ผมทราบเลย แม้ในเรื่องทุนระดับปริญญาโท ทางสถานทูตก็เคยช่วยเหลือผมไว้ ซึ่งอันนี้ผมก็ทราบซึ้งในพระคุณอยู่ หากแต่ในอนาคต หากผมจะเข้าไปปรึกษาเรื่องแผนการเรียนต่อ ปริญญาเอกในเช็กนี้ ผมไม่แน่ใจว่า "ผมอาจจะโดนตำหนิกลับมาว่า ไม่เจียมตัว ริอยากเรียนปริญญาเอกเพื่อยกระดับอยากเป็นไฮโซ เป็นต้น" ผมเกรงว่าเมื่อเข้าไปปรึกษาอาจโดนตำหนิเช่นนี้จริงๆ เพราะเนื่องจากว่าผมเป็นเพียงนักศึกษาจนๆคนธรรมดาคนหนึ่ง มิได้เกิดในตระกูลผู้ดีร่ำรวยแต่อย่างใด ทุนรัฐบาลเช็กที่ตัดไปนั้น สาเหตุเขาว่ากันว่าไม่ให้ เพราะเรารวยแล้ว (ซึ่งความเป็นจริงไม่ใช่) จริงอยู่ผมอาจมีส่วนได้เสีย แต่ทว่า มันยังมีนักเรียนไทยคนอื่นอีกไม่ใช่หรือที่อยากมาเรียนที่นี่ อันนี้เป็นผลประโยชน์ของนักเรียนไทยทุกคนในประเทศไทย การถูกตัดทุนไปเช่นนี้ ผมอยากทราบว่า ทางราชการไทยเหตุใดจึงนิ่งดูดาย ? เดี๋ยวมาต่อ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 52 04:42:59 จากคุณ : กมลลั๊นลา (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 00:16:40

ความคิดเห็นที่ 25 กลับมาต่อ ในเรื่องการค้าและการลงทุนที่ทางเรามีข้อมูลไม่ชัดเจน เช่น ไม่ทราบแหล่งที่มาอ้างอิง จริงอยู่แม้อาจจะพูดได้ว่า ตอนนี้นวดแผนไทย ร้านอาหารไทย จะบูม แต่ทว่า คนไทยใครจะเป็นเจ้าของกิจการ ? หรือ ที่พอจะนับได้นั่นคือ หญิงไทยที่มีสามีเป็นชาวเช็กเท่านั้น ส่วนมากแล้วก็มาขายแรงงานกัน ไม่ว่าจะเป็นพ่อครัว หมอนวดแผนโบราณ กัน การลงทุนระดับผู้ประกอบการไทยอาจมี แต่ตัวเลขและข้อมูลที่อ้างอิงนั้น เอามาจากที่ใดและมีความน่าเชื่อถือเพียงไร ? อันนี้ก็ยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่ จริงๆแล้ว การค้าระหว่างไทยเช็ก มันจะไปก้าวไกลมากกว่านี้ หากมีคนที่เป็นลักษณะที่เรียกว่า Sale agent หรือ Trading Firm ที่มีสัญชาติไทย แต่ทว่า ก็มักจะได้รับคำตอบกันอยู่เนืองๆเป็นต้นว่า อุปสรรคด้านภาษา ซึ่งแน่นอน ครับ คำว่า Ticha spolecnost นั้นสมควรแปลเป็นไทยได้อย่างไร นั้น ผมยังมั่นใจว่า ยังไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนและสอดคล้องกับกฎหมายเช็ก แน่นอน ดังนั้นการพัฒนาการเปิดกิจการการค้าโดยคนไทยในนี้ หรือแม้กระทั่งการพัฒนา ในรูปแบบ Sale agent หรือ Trading Firm ที่เป็นคนไทยก็คงเป็นไปได้ยาก หากยังปรากฎว่า ทางราชการไทยยังไม่เลือกคนที่รู้สภาพการตลาดในเช็กอย่างมีความรู้และประสบการณ์เข้ามาทำงานในที่นี้ แค่ข้อมูลข่าวสารยังต้องแปลจากเช็ก แล้วก็เป็นอังกฤษ หากจะทำเป็นรายงานเอาไว้ค่อยแปลเป็นไทยในภายหลัง อันนี้ก็น่าสนใจครับ ว่าใช้เวลาเยอะจริงๆ อันว่า การค้านั้นช้าแม้ก้าวเดียว เตรียมเลหลังสินค้าได้ทันที ครับ ไม่ต้องพูดถึงกำไร หรอกครับ เดี๋ยวมาต่อ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 52 03:56:36 จากคุณ : กมลลั๊นลา (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 00:47:03

ความคิดเห็นที่ 26 กลับมาต่อ เรื่องกิจกรรมที่ทางสถานทูตจัด ผมไม่ทราบว่า เหตุใดจึงเอื้อเฟิ้อเพียงแค่ กลุ่มสมาคมไทยเช็ก ? (อย่าอ้าง เรื่องหมอนวด เพราะนั่นเป็นงานประจำของพวกท่านอยู่แล้ว ในการคุ้มครองประโยชน์คนไทย ) คนไทยในที่นี้มีแค่กลุ่มสมาคมไทยเช็ก เท่านั้นหรือ? หรือมีกลุ่มอื่นแต่ทว่า มิได้การรับการแจ้งข้อมูลข่าวสาร ? จริงๆแล้ว ไม่ว่าจะงานลอยกระทงหรือจะลอยกะเทย ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ แต่มีกิจกรรมอันหนึ่งที่น่าสนใจมาก แต่ผมคิดว่า ควรจะปรับปรุงคือ การอบรมภาษาเช็กขั้นพื้นฐาน จริงอยู่อาจจะมีการอ้างว่า สอนคำศัพท์พื้นฐาน แต่ภาษาเช็กนั้นมีการผันคำมากมาย หากพูดผันไม่ถูกต้องแล้ว ผู้สนทนาเขาก็ไม่รู้เรื่องด้วยล่ะ ครับ ตรงจุดนี้ผมอยากจะเสนอว่า สมควรที่จะปรับปรุงคือ หากจะมีการอบรมภาษาเช็กอีกครั้งก็ควร สอนให้ชัดเจนถึงไวยกรณ์ขั้นพื้นฐานด้วย จึงจะทำให้การสื่อสารกับชาวเช็กนั้นได้ผลดี ผมเคยมีประสบการณ์อยู่ว่า ผมพูดคำคำหนึ่งไม่ชัด โปรเฟสเซอร์แทบจะให้ผมสอบตก แต่โชคดี ท่าน แว๊บขึ้นมาแล้วถามผมกลับว่า ผมหมายถึงคำนี้ใช่ไหม ? ผมบอก เออใช่ ท่านเลยบอกโอเค แล้วไป รอดไปหวุดหวิดเลยตอนนั้น เดี๋ยวมาต่อ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 52 04:46:38 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 52 04:45:33 แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 52 01:00:28 จากคุณ : กมลลั๊นลา (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 00:58:10

ความคิดเห็นที่ 27 เรื่องบริการคนไทย หลายๆที่ก็บ่นมาเช่นเดียวกันครับ ไม่ค่อยบริการคนไทย เสียแรงที่กินเงินเดือนจากประชาชน เรื่องกำลังสนุกเลยครับ รออ่านต่อ จากคุณ : pukkhom เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 01:23:45

ความคิดเห็นที่ 28 กลับมาต่อ ในเรื่องการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ก่อนอื่นการศึกษาในระดับนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS นั้น ผมจะไม่พูดถึงเพราะหากมีปัญหาอะไร มันคืองานประจำที่ทางสถานทูตไทยจะต้องให้ความคุ้มครองหากเกิดปัญหา และมีการร้องขอ ในระดับอุดมศึกษา เช่นกัน ผมจะไม่พูดถึงมหาวิทยาลัย นิวยอร์ก สาขากรุงปราก เพราะยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ยังมีปัญหาในการรับรองวุฒิจากมหาวิทยาลัยรัฐของเช็กเองอยู่ ซึ่งไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึง ในระดับอุดมศึกษานั้น ผมไม่แน่ใจว่า ทางราชการสถานทูตไทย เคยส่งคนมาพูดคุยเจรจากับระดับ อธิการบดี หรือ คณบดีหรือไม่ ?ซึ่งถ้ากล่าวถึงมหาวิทยาลัยที่ผมเรียน ไม่มีแน่นอน ซึ่งแน่นอนว่าการสอบถามความเป็นอยู่ การเรียนของนักเรียนไทย ระดับอุดมศึกษาแน่นอน ก็ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน อาจจะกล่าวว่า เคยไปคุยกับ รัฐมนตรีศึกษา อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ขอประทานอภัย ด้วยความเคารพ "คุยกันอย่างไรมิทราบ ? เลยทำให้ทางการเช็กตัดทุนไม่ให้ทุนนักเรียนไทย ?" อาจจะกล่าวว่า เอ้า มีความร่วมมือทางการเรียนวิศวะกับลิแบเรสแล้ว จ้า แต่ผมเรียนสายศิลป ผมเรียนกฎหมาย ท่านจะไม่เหลียวแลหรือครับ ? ทั้งหมด ผมไม่แน่ใจว่า การศึกษาในเช็กนั้นได้รับการสนับสนนเพียงไร หรือ เป็นเพียงการสนับสนุนโดยแค่เพียงคำพูดอันหวานหู แต่ไร้ซึ่งการลงมือปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ? ลำพัง แค่ทางรัฐบาลเช็กตัดทุนไม่ให้ทุนนักเรียนไทย แล้วทางการไทยนิ่ง ทำอะไรไม่ได้ มันสะท้อนถึงศักยภาพในการเจรจาต่อรองของฝ่ายไทยหรือเปล่า ? หากเรื่องนี้จะเจรจาไม่ได้ ผมว่า อนาคต เจรจาเรื่องสิทธิ GSP หรือ เรื่องเขา อะไรก็สุดแล้วแต่ ผมว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวถึง ครับ เดี๋ยวมาต่อ จากคุณ : กมลลั๊นลา (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 01:25:58

ความคิดเห็นที่ 29 กลับมาต่อ ในเรื่องข้อมูลทางกฎหมายตามเว็บของสถานทูตนั้น ขอให้เปิดดูตัวอย่างตามนี้ ครับ ซึ่งเป็นเรื่อง ครอบครัว http://www.thaiembassy.cz/For%20Thais/family%20law.pdf มีข้อตกบกพร่องคือ การเขียนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายนั้นเหตุใดจึงไม่มีการอ้างอิงถึงตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ซึ่งการไม่อ้างที่มาให้ชัดเจนนั้น มันก่อให้เกิดนำไปใช้หรือ ความเชื่อโดยผิดๆได้อันส่งผลเสียต่อสิทธิของตนเอง การอ้างว่าเขียนให้คนทั่วไปเข้าใจง่าย ก็จริงอยู่ แต่ทว่าต้องมีการอ้างอิงที่ชัดเจนถึง แหล่งที่มาของกฎหมาย source of law ด้วยจึงจะดี การเขียนอะไรที่เป็นเรื่องยากให้ชัดเจนเข้าใจง่ายมันเป็นหนึ่งในศิลปของนักการทูตมิใช่หรือ ? ในเรื่องครอบครัวนั้น ก็มี ประเด็นที่ตกหล่นไป นั่นคือ หากเป็นนิติสัมพันธ์ที่มีลักษณะระหว่างประเทศ สมควรจะพูดถึงหลักกฎหมายขัดกัน แต่ข้อมูลที่กล่าวมานั้นไม่มีซึ่งหากให้ดีก็ควรเพิ่มเติมดังนี้ การสมรสระหว่างคนไทยกับคนเช็ก เป็น นิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่มีลักษณะระหว่างประเทศ ดังนั้น การสมรส จะคำนึงแค่ กฎหมายครอบครัวเช็ก ( Zakon o rodine 94/1963 ) เพียงอย่างเดียวไม่ แต่จะต้องคำนึงถึง กฎหมายว่าด้วยการขัดกันแข่งกฎหมายด้วย(Zakon o mezinarodni pravu soukromem a procesnim 97/1963) และแน่นอนครับมันเกี่ยวโยงถึงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ของไทยว่าด้วยครอบครัวเช่นกันครับ ตามกฎหมายขัดกันเช็ก ระบุว่า เมื่อ คู่สมรสมีองค์ประกอบ อันเป็นนิติสัมพันธ์ที่มีลักษณะระหว่างประเทศแล้ว ตาม มาตราที่ ๑๙ บัญญัติว่า " ความสามารถของบุคคลที่จะทำการสมรส ไม่ว่าจะเป็น เงื่อนไขความสมบูรณ์แห่งการสมรส ให้บังคับตามกฎหมายแห่งรัฐ ที่บุคคลดังกล่าวนั้นมีความเกี่ยวพัน" นั่นหมายความว่า การสมรสระหว่างคนเช็กกับคนไทย สำหรับคนเช็ก ก็ต้องดูเงื่อนไขความสมบูรณ์ ความสามารถ ตามกฎหมายครอบครัวเช็ก (Zakon o rodine 94/1963 ) เช่น ตามมาตราที่ ๑๙ ของกฎหมายครอบครัวเช็กระบุ ว่า ต้องไม่เป็นผู้ไร้ความสามารถ เป็นต้น แน่นอนสำหรับคนไทย ความสามารถและเงื่อนไขความสมบูรณ์ ก็ต้องดู ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไทย ว่าด้วย ครอบครัว เช่น มาตรา ๑๔๔๙ จะสมรสไม่ได้ถ้าเป็นคนวิกลจริตหรือไร้ความสามารถ เป็นต้น ตรงจุดนี้ ผมคิดว่า ทั้งคู่ จะต้องพร้อมสมบูรณ์ทุกประการ ตามทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายเช็ก ครับ แบบของการสมรส มาตรา ๒๐ แห่ง กฎหมายขัดกันเช็ก บัญญัติว่า "แบบของการสมรส ให้บังคับตามกฎหมายแห่งสถานที่ ที่ทำการสมรส" นั่นหมายความว่า ถ้าคนเช็กแต่งงานกับคนไทย ที่ประเทศเช็ก ก็ต้อง ไปจดทะเบียนที่เทศบาล หรือ จะไปเข้าโบสถ์คริสจักร ก็ได้ หรือจะไปจดทะเบียนที่สถานทูตไทย ตามกฎหมายไทยก็ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด หรือจะไปจดทะเบียนที่เมืองไทยก็ได้ ไม่ขัดข้อง ส่วนการพิสูจน์ความแท้จริงแห่งการสมรส ว่าไม่มีการ สมรสลวง หรือ ตามกฎหมายเข้าเมืองก็เป็นอีกเรื่องไป เรื่องความสัมพันธ์ทางทรัพย์สิน กฎหมายขัดกันเช็ก มาตรา ๒๑ บัญญัติว่า " ความสัมพันธ์ส่วนตัว หรือ ทางทรัพย์สิน ของสามีภรรยา ให้บังคับตาม กฎหมายแห่งรัฐที่ทั้งคู่มีความเกี่ยวพัน ถ้าหาก สามีภรรยามที่เกี่ยวพันแห่งรัฐต่างกัน ให้บังคับความสัมพันธ์นั้นเป็นไปตามกฎหมายเช็กโกสโลวาเกีย" (คือ กม.ขัดกันนี้มีผลบังคับใช้สืบทอดใช้กันมาตั้งแต่สมัยเช็กกับสโลวัค ยังเป็นประเทศเดียวกันอยู่ ) ถ้าคุณมีสามีเช็ก หรือ จะมีภรรยาเช็ก ถ้ามีปัญหาเรื่องสินสมรส เช่นว่า อะไรเป็นสินสมรส อะไรเป็นสินส่วนตัว ศาลเช็กจะดูกฎหมายเช็กโดยทันที โดยศาลจะไปดู เรื่องสินสมรสตามประมวลกฏหมายแพ่งเช็ก (Obcansky zakonik) ตามมาตรา ๑๔๓ ที่มีหลักว่า สินสมรสคือ ทรัพย์สินที่ได้มาขณะความเป็นสามีภรรยายังคงอยู่ แต่จะมีข้อยกเว้นเช่น กรณีได้มรดก หรือ การให้โดยสเน่หา เป็นต้น กรณีของสัญญาก่อนสมรส ตามมาตรา ๒๑ (๒) บัญญัติว่า " สัญญาที่ระบุถึงความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินของสามีภรรยา ให้พิจารณาเป็นไปตามหลักกฎหมาย ซึ่งสำหรับความสัมพันธ์ทางทรัพย์สิน ได้ตกลงกันไว้ในขณะที่ระบุไว้ในสัญญา " เข้าใจง่ายๆ ครับคือ สัญญาเรื่องความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา คุณอาจะระบุในสัญญาว่า จะให้ใช้กฎหมายของเช็กบังคับ หรือ จะระบุว่าให้ใช้กฎหมายไทยบังคับก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่คู่สามีภรรยา เช็ก -ไทยจะต้องตกลงกันเอง นี่คือข้อเสนอของผมในการปรับปรุงข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายในเช็กให้ชัดเจน ครับ เดี๋ยวมาต่อ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 52 03:36:14 จากคุณ : กมลลั๊นลา (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 03:34:33

ความคิดเห็นที่ 30 กลับมาต่อ อนึ่งเรื่องสถานทูตเช็กในประเทศไทย ผมเคยได้ยินอยู่เสมอถึงบริการการขอวีซ่า ซึ่งไม่ค่อยได้รับความสะดวกสบายเท่าใดนัก เป็นต้นว่า การยื่นขอวีซ่า ต้องออกไปยืนหน้าสถานทูต ตากแดดตากฝน บางทีไปยืนรอ แต่บัตรคิวหมด แย่เลย ต้องรีบได้วีซ่าด้วย ซ้ำร้ายการให้บริการยังจำกัดแค่วันสองวันเท่านั้น ซ้ำร้าย ยังมีปัญหาเรื่องมารยาทในการให้บริการของสถานทูตเช็กในไทยอีกจนเป็นเรื่องร้องเรียนแล้วมาเล่าสู่กันฟังในพันทิปก็เคยมี อันนี้ท่านนักการทูตทั้งหลายผู้มีเอกสิทธิอาจจะคิดว่า เป็นเรื่องเล็กน้อย หรือไม่ เป็นเรื่องธรรมดา และเป็นเรื่องภายในของทางราชการเช็กที่ไม่อาจแทรกแซงได้ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่า การขอวีซ่าที่เต็มไปด้วยอุปสรรค ตลอดจนหลักกฎหมายไม่ชัดเจน หรือ มันอาจจะเกิดจากการปฏิบัติงานโดยไม่รู้กฎหมายที่ชัดเจนของเจ้าหน้าที่เช็กก็สุดแล้วแต่ มันเป็นอุปสรรคต่อการค้า ไทยเช็กอย่างมาก มีผลกระทบทั้ง การท่องเที่ยว การเคลื่อนย้ายแรงงาน การติดต่อธุรกิจ แน่นอน มีผลกระทบแน่นอนคือ การมีผลกระทบต่อผู้ที่จะเดินทางมาศึกษาต่อที่นี่ โดยทุนส่วนตัว หรือ การเข้าประชุมสัมนาวิชาการ เป็นต้น ตรงจุดนี้ ผมคงขอเสนอว่า "แม้จะเป็นกิจการภายในที่แทรกแซงไม่ได้ แต่ตามหลัก National Treatment Standard กับหลัก International Minimum Standard นั้น เราควรจะพูดคุยกับทางการเช็กอย่างไร?" อันนี้พวกท่านผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งหลายรู้ดีกว่าผมอยู่แล้ว แต่หากจะให้ดี ลองลงมาดูเรื่องนี้สักหน่อยจะดีไหม ครับ ? เอาล่ะครับว่างๆมาต่อ ว่างๆคุยกัน ครับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 52 04:39:18 จากคุณ : กมลลั๊นลา (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 03:55:05

ความคิดเห็นที่ 31 ก็ร้องเรียนสิคะ เค้าท้า เพราะรู้ว่านิสัยคนไทยโมโหแค่ไหน ก็ไปด่าลับหลัง ไม่มีใครซักคนจะคอมเพลนไปยังต้นสังกัด คือกงสุลจริงๆซักคน เรื่องที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องจริง ไม่อิงนิยายใด มี จนท ไทย ในสถานทูตฝรั่ง ประจำประเทศไทย ซึ่งนิสัยไม่ดี พูดจาหยาบคายแบบๆที่เราๆท่านๆ คุ้นเคยกันนั่นแหละค่ อิฉันเจอกงสุลประเทศนั้นในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง เลยคุยแล้วลากเข้าประเด็น ว่าท่านกงสุลรู้บ้างหรือเปล่า ว่า จนท ของท่านนั้น หยาบคายขนาดไหน ท่านบอกว่า รู้ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะหล่อนไม่เคยมี officially complain ค่ะ ปล. การโพสประจาน หรือบ่นในเน็ต เค้าไม่นับเป็น officially complain นะคะ จากคุณ : letsgokrabi เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 10:33:27

ความคิดเห็นที่ 32 ต้องร้องเรียน โดยเขียนชื่อเล่น ส่งไปเลยค่ะ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 11:48:58

ความคิดเห็นที่ 33 กลับมาแจ้งข่าว ครับ เนื่องจากว่า ผมได้ส่งคำร้องเรียนไปยังท่านเอกอัครราชทูต แล้วท่านได้สั่งการให้ ท่านกงสุลคือ ท่าน กาญจนวดี  สุรกิจบรรหาร แกทเซ่น โทรมาปรับความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งก็ลงเอยด้วยดีไปครับ คงต้องกราบขออนุญาตพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ปิดกรณี แต่เพียงเท่านี้ ครับ ขอกราบขอบพระคุณทุกท่าน ว่างๆคุยกัน ครับ จากคุณ : กมลลั๊นลา (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 00:05:37

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าเราโดนคงต้องอึ้งเหมือนกันค่ะ  แต่จะถามชื่อเหมือนกระทู้อื่นๆค่ะแล้วก็ด่าให้คนนั้นมันเจ็บใจเล่นๆ มีอย่างที่ไหน   ถ้าไม่ชอบให้ความช่วยเหลือคน ขี้เกียจให้คำปรึกษา  แล้วจะมาทำงานอย่างนี้ทำไม   หรือเห็นว่าได้ทำงานต่างประเทศ แล้วดูดีมีสกุลขึ้นมาทันที  แต่ความเป็นจริงนิสัย เสียๆแบบนี้อย่ามาทำงานอย่างนี้ให้คนไทยเค้าต้องมาด่าตอนหลังจะดีกว่า ขนาดคนไทยด้วยกันเอง ยังไม่คิดจะช่วยเหลือ กลับไปทำงานที่บ้านเกิดของตัวเองเลยไป พูดมาแล้วฉุน  เกลียดคนแบบนี้ค่ะ จากคุณ : NuNU (spice_za) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 09:39:08