ความคิดเห็นที่ 1 ตอนท้องแรกนั้น ดิฉันไม่มีความรู้เรื่อง ฝากท้องกะใคร อะไร ยังไงเลยนะคะ ก็เลยเลือกช้อยส์มาตรฐานทั่วไปที่คนส่วนใหญ่เขาทำกัน (ตอนนั้นรู้แค่นั้น) คือเลือกฝากครรภ์กับหมอ OB-GYN ค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีทั้งสองท้องนะคะ ตั้งครรภ์สมัยนี้มีทางเลือกมากขึ้นเยอะเลยนะ ทั้งคลอดธรรมชาติ ผ่าตัด คลอดในน้ำ อะไรเยอะแยะไม่หมด ถ้าดิฉันท้องตอนนี้ก็คงเลือกไม่ถูก (too much info ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไปนะ ว่าไหม) หมอของดิฉันเป็น group of practice ซึ่งในไตรมาสสุดท้าย ถึงเวลาตรวจครรภ์ดิฉันต้องเวียนพบหมอให้ครบทั้งสี่คน เผื่อว่า ในวันที่เราเจ็บท้องคลอด หมอประจำของเราอาจจะไม่ได้อยู่เวร ก็จะได้รู้จักหน้าค่าตาของหมอที่จำมาทำคลอดแทนให้เรา เวลาฝากครรภ์ ไปพบหมอที่คลีนิค เวลาคลอดไปที่ รพ ค่ะ สะดวกสบายดีทุกอย่าง ไม่เสียสตางค์สักบาทเลยค่ะ หลังจากที่ได้รับการยืนยันว่าท้องแน่แล้ว ไม่เสียแม้กระทั่งค่า co pay ค่ะ แต่บริษัทประกันแต่ละบริษัท คงจะมี policy ที่ต่างกันนะ เล่าประสบการณ์คลอดครั้งแรก ดิฉันเป็นเบาหวาน และเป็นธรรมดาที่ท้องแรกมักจะคลอดเลยกำหนด แต่เน่ืองจากเรามีอาการเป็นเบาหวาน หมอเลยนัดเร่งคลอด (induction) เพราะกลัวว่าถ้าเลยกำหนด เด็กจะตัวโตคลอดยาก นัดวันกำหนดคลอดเลย และก็ได้หมอประจำตัว ครั้งที่สอง (ห่างกัน 3 ปี 4 เดือน) สบายใจมากขึ้น เพราะหมอพวกนั้นเราก็สนิทกันไปหมดแล้ว เน่ืองจากท้องสองดิฉันเจ็บท้องวัน Black Friday เลยนะ ญาติที่คุยกันไว้ว่าจะฝากเลี้ยงลูกให้ก็ไม่อยู่กันสักคน (ก่อนกำหนดหนึ่งอาทิตย์) เราต้องหอบลูกคนโตไป รพ ด้วย แน่นอนอยู่แล้วไม่มี รพไหนอนุญาตให้เด็กเข้าไปใน maternity ward ตอนนั้นดึกแล้ว ประมาณเที่ยงคืน สามีต้องพาลูกคนโตกลับบ้าน ลูกก็ไม่สบายด้วย จะไปเคาะประตูเพื่อนบ้านก็ไม่ได้อีก (ดีที่ไม่ได้เอาไปฝากเพื่อนบ้านเพราะคือนั้นตัวดีมีอาการ asthma attack ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โชคดีพ่อเค้าหายาพ่นเจอในห้องนอนลูก) ดิฉันถูกปล่อยให้อยู่ รพ คนเดียว ก็ได้หมอสูตินี่แหละช่วยทำให้อุ่นใจ ทำตัวเสมือนญาติเลย ถ่ายรูปให้ดิฉันเสร็จสรรพอีกต่างหาก ระหว่างที่หมอวุ่นๆ ดิฉันก็วานพยาบาลถ่ายรูปให้ ถ้าจะหาหมอสูติ แนะนำให้หาหมอผู้หญิงค่ะ ยิ่งโดยเฉพาะคนที่มีลูกแล้วนะ จะมีความเข้าใจและเห็นใจในตัวเรามากกว่าหมอผู้ชายเยอะมากค่ะ ดิฉันโชคดีที่เจอหมอดีๆ ขอให้คุณมาม่าโชคดีเช่นกันค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 52 02:42:18 จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 02:38:58

ความคิดเห็นที่ 2 เล่าของตัวเองมั่งค่ะ ตอนนี้ท้องได้ 28+ อาทิตย์แล้วนะคะ  คลีนิคที่ไปหานี่ก็เป็นคลีนิค OB/GYN ที่ไปตรวจประจำปีนั่นแหล่ะค่ะ หมอและพยาบาลทุกคนเป็นผู้หญิงหมดทั้งทีม  ในแผนก OB มีคุณหมอสามคนและคุณ midwife อีกหนึ่งคน  ระบบคือได้พบคุณหมอทั้งสามและมิดไวฟ์หมุนไปเรื่อยๆค่ะ  วันที่คลอดเจอคนไหนเข้าเวรพอดีก็คนนั้นทำคลอดให้เรา   ประสบการณ์ส่วนตัวคือ  ไม่ประทับใจมิดไวฟ์คนนี้เท่าไหร่ เพราะดูเหมือนไม่ค่อย professional เท่าไหร่ ถามข้อมูลอะไรก็ไม่ค่อยรู้มาก ต้องไปถามหมอให้เราอีกที ฯลฯ เลยภาวนาว่าขอให้ลูกคลอดตอนหนึ่งในสามคุณหมอเข้าเวรค่ะ มีคนแนะนำให้ใช้บริการ doula เหมือนกันค่ะ เป็นเหมือนคนมาช่วยโค้ช แนะนำ ให้ทิปต่างๆ ฯลฯ  แต่ดิฉันคงไม่เอาค่ะ รู้สึกแปลกๆ แนะนำให้ลองถามเพื่อนๆในเมืองนั้นดูค่ะว่าเค้ามีประสบการณ์ดีๆกับ OB หรือ midwife คนไหน หรือคลีนิคไหนบ้าง  ขอให้โชคดี ตั้งท้องในเร็ววันนะคะ จากคุณ : offita เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 10:04:59

ความคิดเห็นที่ 3 แนะนำให้ดูหนังเรื่อง The Business of Being Born เป็นทำนองสารคดีซื่งอาจโอนเอียงไปทางหนึ่ง ก็ดูไว้เป็นทางเลือกนึงละกัน จากคุณ : Overseas เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 10:19:48

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ  yinnerella  ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาเล่าประสบการณ์ เก่งมากเลยนะคะ  ท้อง 2 คลอดแบบไม่มีสามีอยู่ด้วย ว่างๆมาเล่าอีกนะคะ อยากฟังค่ะ  เรื่องตอนท้องก็ได้ค่ะ ขอบคุณคุณ offita ด้วยนะคะ  ตอนนี้เราก็มีหมอ คลีนิค OB/GYN เป็นผู้หญิงค่ะ  แต่อยู่ไกลบ้านหน่อย  เป็นคนลาวค่ะ พ่อเป็นไทย  ก็คุยดีแหละค่ะ แต่ไกล   ส่วนที่ใกล้บ้านมาก เดินไปแค่แยกไฟแดงก็เป็นหมอผู้ชายค่ะ  สามีให้หาหมอผู้หญิง   ส่วนที่เป็น ร.พ ใหญ่เลย แต่ใกล้กว่าอันแรก ที่นี่มีหมอ คลีนิค OB/GYN กะ คลีนิค midwife ให้เลือกค่ะ   เดี๋ยวเราต้องหาข้อมูลเพิ่มอีกค่ะ   ขอให้ คุณ offita และลูกสุขภาพแข็งแรงนะคะ   อยากมีน้องไวๆจังค่ะ ขอบคุณคุณ Overseas ค่ะ  เดี๋ยวจะหาโหลดมาดูค่ะ จากคุณ : มาม่าน้ำข้น เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 10:57:32

ความคิดเห็นที่ 5 แหมเตรียมข้อมูลแต่เน่ิน ๆ ดีจังเลยค่ะ ตอนดิฉันท้องคนแรก เพ่ิงมาอยู่อเมริกาได้สองปี ยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องระบบโรงพยาบาลเลย เพ่ิงจะรู้ว่าต้องไปหาหมอที่คลินิกก่อน งง ๆ เหมือนกัน สามีพาไปฝากท้องที่คลินิก เค้าก็ช่วยหาข้อมูลของหมอ ob/gyn และmidwife ของคลินิกที่เราทำประกันไว้ รู้สึกว่าที่คลินิกให้เลือกคุณหมอทำคลอดหนึ่งคน midwife อีกหนึ่งคน เราจะได้เจอหมอ สลับกับ midwife ไปจนกว่าจะคลอด ทางคลินิกแจ้งไว้ว่าให้เลือกคหมอทำคลอด แต่ถึงวันจริงถ้าคลอดไม่ตรงวันนัดก็จะต้องเจอกับหมอท่านอื่น ทำให้ดิฉันกังวลมากเลยค่ะ กลัวจะไม่ได้เจอหมอตัวเอง ตอนนัดวันคลอดหมอเป็นคนนัด ไม่ใช่midwife ดิฉันไม่แน่ใจว่าmidwifeไปทำคลอดที่โรงพยาบาลด้วยหรือเปล่า เพราะไม่เคยไดัรับการนัดคลอดจากmidwifeเลยทั้งสองท้อง (สำหรับคลินิกที่ดิฉันไปน่ะนะคะ) ดิฉันก็ได้เห็นรูปก็เลือกคุณหมอผู้หญิงดูหน้าตาใจดี อ่านประวัติดูว่าคุณหมอมีลูกด้วย ก็เลยเลือกท่านนี้ ส่วนmidwifeคนที่เลือก เคยเจอในห้อง orientation แล้วชอบบุคลิค คุยสนุก ตลก น่ารักดี ไม่ผิดหวังทั้งสองท่านเลยค่ะ น่ารักมาก ท้องคนที่สอง ดิฉันก็เลือกสองท่านนี้เหมือนเดิม อ้อ ดิฉันว่าคลาสเตรียมตัวคลอดก็สำคัญนะคะ ช่วยได้เยอะเลย ถ้ามีเวลาก็ควรไปเข้าคลาสค่ะ เราจะได้เรียนรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะต้องเตรียมตัวอย่างไร จะไม่ตื่นเต้น หรือกลัวจนเกินไป เรื่องการฝึกหายใจตอนปวดท้องคลอดมีประโยชน์มาก ทำให้ดิฉันไม่ต้องฉีดยาบล็อคไขสันหลังเลย ลูกคนแรกคลอดก่อนวันกำหนดประมาณห้าวัน ไปถึงโรงพยาบาลตีสี่ คุณหมอ ob/gyn ที่อยู่เวรก็เป็นท่านอื่น อายุไม่มากค่ะ เป็นคนจีนหน้าตาขาวสะอาด ส่วนพยาบาลเกือบท้องชั้นที่เห็นเดินกันขวักไขว่เป็นฟิลิปปินส์ค่ะ ทุกคนน่ารักมาก เชียร์เก่งมาก ดูแลดีจนดิฉันซาบซึ้งจนถึงเดี๋ยวนี้ พอปวดท้องมาก ๆ นะคะ คุณหมอท่านไหนก็ได้แล้วค่ะ ไม่ได้คิดถึงคุณหมอตัวเองแล้ว และแล้วดิฉันก็คลอดได้สำเร็จด้วยดี ตอนนั่งรถกลับบ้านยังนั่งนึกเลย เออเนอะคนพวกนี้เป็นใครก็ไม่รู้ เค้าดีกับเรามาก ๆ เลย ซาบซึ้ง ส่วนลูกคนที่สองคลอดวันที่คุณหมอตัวเองนัดเป๊ะ ตอนแรกคุณหมอจะนัดให้ไปinduction วันที่คุณหมออยู่เวร เพราะครบกำหนดพอดี จะได้เจอกับคุณหมอด้วย ตอนตีสองของวันที่นัด น้ำครำ่แตก เลยไม่ต้องinduce เลย คนที่สองคลอดง่ายเพราะตัวเล็กกว่าพี่ด้วย ดิฉันว่าน่าจะเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ไปสะดวก ๆ หน่อยค่ะ เพราะต้องไปบ่อย ยิ่งอีกหน่อยท้องโตมาก จะอุ้ยอ้าย ๆ สำหรับดิฉันคิดว่าmidwife ของดิฉันมีเวลาให้มากกว่า คุยนานกว่าคุณหมอ ob/gyn แต่สรุปว่าก็เก่งทั้งคู่ ทำให้ดิฉันสบายใจได้ทั้งคู่ค่ะ รวมถึงคุณหมอคนจีนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน แล้วมาทำคลอดให้ คุณมาม่าน้ำข้นเตรียมตัวดี ๆ ถึงเวลาเจอคุณหมอท่านไหนก็ไม่ต้องเป็นห่วงมากแล้วค่ะ โชคดีนะคะ จากคุณ : chef umim เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 15:27:19

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณคุณ chef umim ค่ะ ละเอียดดีจัง  เราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจระบบที่นี่ค่ะ  แต่ละคลีนิคก็คงต่างกันนะคะ  เราก็รีบหาข้อมูลไว้แต่เนิ่นๆแหละค่ะ  หาไปจนถึงอยู่ไฟ  ตั้งชื่อ ญ/ช  จ-อาแล้วด้วยอ่ะ   แต่ก็ยังไม่ได้ครบซักอัน อิอิอิ  กะว่าพอตอนท้องจะได้ทำตัวชิลๆ  ไม่ต้องมาวุ่นวายเรื่องพวกนี้  ตอนนี้ิคิดว่าคงจะเลือกหมอที่เป็นคนลาวแล้วล่ะค่ะ ไปตรวจภายในครั้งล่าสุดกะคนนี้  แกก็โออยู่ อีกอย่างเพื่อนบ้านเราเองคุยกันเข้าใจดีค่ะ    เสียอย่างเดียวคลีนิคเค้าไกลหน่อย แต่พนักงานในคลีนิคก็น่ารักดีค่ะ     คลีนิคใกล้บ้านพนักงานไม่เป็นมิตรเลยค่ะ  ทีแรกเราก็นึกว่าเราคิดไปเองแบบว่าไม่เข้าใจคนบ้านเค้า  พอไปอ่านรีวิวในเน็ตหลายคนก็มีประสบการณ์ไม่ดีเหมือนกัน   เอาเป็นว่าเลือกที่ๆสบายใจดีกว่าเนอะ จากคุณ : มาม่าน้ำข้น เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 00:45:18

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ตรงส่วนที่บอกว่า ดิฉันเป็นเบาหวานนั้น เป็นเบาหวานระหว่างครรภ์นะคะ gestational diabetes (ปกติไม่เป็น) ซึ่งเป็นตอนท้องแรกเท่านั้น เพราะทำงานนั่งโต๊ะทั้งวัน ไม่เคยออกกำลังกายเลย และกินกระหน่ำมากๆ พอครบหกเดือนไปตรวจ จะเหลือเหรอคะ ตรงนี้หมอก็ให้ไปคุยกับนักโภชนาการ ไม่ได้ฉีดอินซูลิน แต่ให้ควบคุมอาหาร ไม่ให้กิน ข้าวกินแป้งเยอะ จะมีตารางมาให้เลยว่า กินได้เท่าไหร่ ทรมานเหมือนกันนะ คนท้องไมได้กินขนมหวานเนี่ย อดอยู่ตั้งแต่หกเดือนไปจนคลอด วันไหนแอบกินข้าว กินก๋วยเตี๋ยว น้ำตาลก็จะกระฉูดมาก (จะมี blood testing kit มาให้) เราจะตรวจวันละ 4 ครั้ง เจาะนิ้วพรุนไปหมดแหละค่ะ แต่ได้ผลนะ ตั้งแต่หกเดือนขึ้นไป จนถึงเกือบคลอด นน เพิ่มแค่ 7 ปอนด์เอง ลูกคลอดออกมาก็ไซส์ปกติ ไม่มีภาวะน้ำตาลต่ำแต่อย่างใด แต่ดิฉันส่ังให้สามีซื้อ Chocolate Tuxedo Cheesecake จาก Cheesecake Factory มารอที่เตียงคลอดเลยแหละ ฮ่าๆ พอเพื่อนที่ทำงานมาเยี่ยมที่ รพ เขาก็ซื้อมาให้อีกชิ้น ถ้าใครเคยทานจะเห็นว่าชิ้นใหญ่มาก กินสองชิ้นสองวันซ้อน และการที่ไม่ได้กินของหวาน น้ำตาลนานๆ ร่างกายมันเคยชินนะ เลี่ยนซะไม่มี ทำให้ไม่อยากกินชีสเค้กไปอีกหลายเดือนเชียวค่ะ ท้องที่สอง เข็ดหลาบกับท้องก่อนจริงๆ ดิฉันไม่ได้กลับไปทำงานนะ เลยมีเวลาออกกำลังกาย ก็ออกกระหน่ำค่ะ ตั้งแต่เริ่มท้องอ่อนไปถึง เจ็ดเดือน วิ่งวันเว้นวันครั้งละ 3 ไมล์เป็นอย่างต่ำ พอเจ็ดเดือนท้องหนักมากแล้ว เลิกวิ่ง ไปยกเวทแทน ปรากฎว่าท้องที่สองไม่เป็นเบาหวานค่ะ ดีใจมากๆ ลูกออกมาก็แข็งแรงเกินมนุษย์ โดยเฉพาะตอนนี้เป็นเด็กทีอึดมากๆ ล้มปากแตกเลือดไหลไม่ร้องไห้เลย (แต่ถ้าโดนพี่แหย่นิดเดียวละก็เป็นเรื่อง) เป็นเด็กตัวเล็กนะ แต่แรงโคตรเยอะเลย เดี๋ยวนี้บางทีดิฉันนอนข้างๆ โดนหมัดเธอต่อย เห็นดาวเลยค่ะ จากคุณ : yinnerella เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 02:25:57

ความคิดเห็นที่ 8 ท้อง 2 คุณyinnerella นี่ทรหดจริงๆนะคะ ออกกำลังกายก็ดีค่ะ  นี่ก็เล็งๆออกกำลังกายใต้น้ำสำหรับคนท้องไว้เหมือนกันค่ะ  8 ครั้ง 20 เหรียญเองค่ะ  ราคาถูกกว่าโยคะหน่อย   ตอนนี้ระหว่างที่รอน้องมาเกิด  เราก็เร่งออกกำลังกายไว้เหมือนกันค่ะ ที่ผ่านมาไม่ได้ออกไปไหน นั่งอยู่แต่หน้าคอม กินเยอะอีกต่างหาก  รู้สึกว่าไม่ค่อยแข็งแรงยังไงก็ไม่รู้ค่ะ   ส่วนตัวแล้วไม่ชอบทานอะไรหวานๆเลยค่ะ  พวกของหวาน เค้กอะไรนี่ นานๆทีแตะทีค่ะ  ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเวลาท้องนี่จะอยากกินหรือเปล่า  กลัวน้ำหนักจะขึ้นเยอะแล้วลดยากจังเลยค่ะ คุณyinnerella ว่างๆมาเล่าอีกนะคะ  ชอบฟังค่ะ  นี่ก็แว๊บๆไปหาอ่านในห้องชานเรือนบ่อยๆค่ะ  แต่อยากฟังแม่ๆที่อยู่ต่างแดนมากกว่า  ยิ่งต้องเลี้ยงลูกเองไม่มีญาติพี่น้องช่วยนี่ ยิ่งอยากรู้เลยค่ะ  เพราะตัวเองก็คงต้องช่วยกัน 2 คนก็สามีค่ะ จากคุณ : มาม่าน้ำข้น เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 52 09:25:59

ความคิดเห็นที่ 9 นั่งร้องเพลงรออยู่เหมือนกันค่ะ จากคุณ : Parakeet Heliconia เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 52 11:38:06