Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอเล่าประสบการณ์ขอวีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา ณ กรุงเบอร์ลิน  

ขอเล่าประสบการณ์ขอวีซ่าท่องเที่ยว ที่สถานฑูตอเมริกา ณ กรุงเบอร์ลิน
วันนี้เพิ่งไปสัมภาษณ์วีซ่าแบบท่องเที่ยว ที่สถานฑูตอเมริกาในเยอรมัน ที่เบอร์ลิน มาสดๆ ร้อนๆ

หลังจากทำนัดสัมภาษณ์อยู่นานหลายวัน ได้ทำนัดทางเว็บไชต์ไว้ตอนเช้า 8:45
ตื่นแต่หกโมงเช้า เพราะกลัวไปไม่ทัน ออกจากบ้านตอนเจ็ดโมงเช้า ใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวเยอะไปหน่อย เลยได้แค่ดิ่มกาแฟที่บ้านแก้วเดียว เพราะต้องใช้เวลาเดินทางในตัวเมืองเบอร์ลินไปยังสถานฑูตใช้เวลานั่งรถไฟใต้ดิน เปลี่ยนสามครั้ง บวกเวลารอรถไฟแล้ว กะว่าต้องไปถึงที่สถานทูตตอนแปดโมงเช้า แต่พอเอาเข้าจริงๆ ทางรถไฟมีติดประกาศการซ่อมแซมรางรถไฟชั่วคราว เอ้า แถมเป็นภาษาเยอรมันอีก ยิ่งไม่รู้เรื่องมากเท่าไหร่เลย  เอาละ ปัญหาเกิดขึ้นจนได้ วิ่งหาแผนที่เปลี่ยนรถไฟสถานทีใหม่อีกรอบ รอรอรอในรถไฟ ง่วงนอนก็ง่วงเพราะตื่นแต่เช้ามาก สถานฑูตก็อยู่ออกไปด้านนอกตัวเมืองมาก พอไปถึงสถานฑูต ลิมนาฬิกาข้อมือมาด้วย และไม่ได้พกจำพวกมือถือมาด้วยอีก เพราะเห็นประกาศในอีเมล์ตอนเราทำนัด ส่งให้ทางอีเมล์เรา บอกว่า ไม่อนูญาตให้นำพวกมือถือเข้าไปในสถานฑูต เพื่อความปลอดภัย ถ้าเอามา ต้องฝากญาติหรือเพื่อนที่รออยู่ด้านนอก เรามาคนเดียวจะไปฝากใครละ เจ้าหน้าที่ตรวจความปลอดภัย ก็ไม่รับฝาก โชคดี เลือบไปเห็นนาฬิกาของคนอื่นเข้า ตายละ 8:35 แล้ว แถวรอหน้าประตูยังยาวเป็นหางว่าวอยู่เลย เจ้าหน้าที่ก็ให้เข้าไปตรวจสัมภาระที่เอามาด้วย แค่ครั้งละ 5 คนเท่านั้น
ทำไงได้ ก็ต้องรอ รอ แล้วก็รอ อากาศวันนี้ข้างนอกประมาณ 3 องศาตอนเช้าตรู่ หนาวก็หนาว รอนานก็นาน จนเข้าไปถึงด้านใน มองไปเห็นคนรอสัมภาษณ์ด้านในเยอะกว่าด้านนอกซะอีก เลยหายกังวลไปเลย เพราะว่ายังไงก็สัมภาษณ์ไม่ตรงเวลาที่นัดไว้แน่นอน

เจ้าหน้าที่ให้เรียงเอกสารตามป้ายที่บอกไว้คือ
DS-156, DS-157, ใบเสร็จค่าธรรมเนียม, รูปถ่าย, แล้วก็ซองที่จ่าหน้าซองถึงตัวเอง พร้อมติดแสตมป์เป็นที่เรียบร้อย * อ้าวติดรูปไปใน DS-156 ไปแล้วอะ ทำไมให้เรียงไว้อันดับที่ 4 เลยละ คิดในใจ ไม่เป็นไร ก็ในฟอร์มของ DS-156 ให้เราติดไปในกรอปนี้นา ระหว่างรอตรวจนั้น มีคนปริ๊นใบ  DS-156 แล้วบาร์โค้ดไม่ตรงบ้าง ขาดบ้าง อยู่หลายคน ต้องออกไปกรอกข้อมูล ในเครื่องคอมฯ ที่ทางสถานฑูตเตรียมไว้บริการ พร้อมเครื่องปริ๊นเตอร์ใหม่ (ไม่เสียตังค์ด้วย  แต่ก็ไม่อยากไปกรอกใหม่อยู่ดี) แถวที่รอเลยเลื่อนไปได้เร็ว บางคนรูปที่ถ่ายมาไม่ตรงตามกำหนด ก็ต้องวิ่งออกไปถ่ายรูปด้านนอกใหม่ เสียเวลารอแถวเข้ามา แถวหนาวอีกต่างหากด้านนอก บ้างก็ลืมเซ็นต์ชื่อในแบบฟอร์ม DS-156  ซองเขาให้เอามาแบบ DIN A5 ก็เอาแบบอื่นมา ทั้งๆ ที่ในอีเมล์หลังจากนัดสัมภาษณ์เสร็จมีอธิบายบอกว่าต้องนำขนาดเท่าไหรร อะไรบ้างมาด้วยในวันสัมภาษณ์ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็อนุโลม ประทับที่อยู่ในซองคนจ่าหน้าซองให้อยู่ดี เห็นมะน่ารักเชียว

หลังจากตรวจเอกสารที่เรียงไว้ตรงตามป้ายประกาศเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงคราวต้องตววจเอกสารแล้ว เจ้าหน้าที่เรียกตรวจเอกสาร มี 2 ช่อง แต่มีแถวให้ต่อแค่แถวเดียว แต่ขอชมว่า เจ้าหน้าที่สถานฑูตวันนี้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ได้ดีมาก ไม่มีตะโกนด่า หรือทำกริยาไม่ดีกับคนมาสัมภาษณ์เลย หลังจากตรวจเอกสารเสร็จ เจ้าหน้าที่จะให้ใบมาใบหนึ่ง ในนั้นอธิบายว่าขั้นตอนในการสัมภาษณ์รวมไปถึง ถ้าผ่านจะมีการส่งพาสปอร์ตกลับภายใน 2-3 วันทำการ เป็นภาษาอังกฤษ มาให้นั่งอ่านเล่นๆ ฆ่าเวลาตอนรอสัมภาษณ์ เพราะตอนตรวจเอกสาร เราคุยกับเจ้าหน้าที่เป็นภาษาอังกฤษ เพราะภาษาเยอรมันยังไม่แข็งแรง กลัวไม่เข้าใจ หยุดชะงัก หน้าจะเปลี่ยนสีซะก่อน เจ้าหน้าที่เลยให้แบบภาษาอังกฤษมา

ระหว่างนั่งรอสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ ที่จะประกาศเรียกชื่อเราว่าจะให้ไปสัมภาษณ์ที่ช่องไหนแล้ว คนที่รอก็เยอะมาก เก้าอี็นั่งรอก็ไม่พอกับจำนวนคนรอจะสัมภาษณ์ ทางเจ้าที่สถานฑูตนี้ดีมาก ไปจัดการหาเก้าอิ๊ ถึงกับยกมาเองให้คนรอสัมภาษณ์จนครบทุกคนเลย ถือว่าบริการดีเยี่ยมยอด รอนานมากกว่าจะได้สัมภาษณ์ เพราะสัมภาษณ์แต่ละคน ใช้เวลามากกว่า 10นาทีขึ้น มีทั้งช่องสำหรับยืนสัมภาษณ์ ไปจนถึงช่องนั่งสัมภาษณ์ รวมไปถึงห้องสัมภาษณ์พิเศษ แต่ละห้องจะสัมภาษณ์ผ่านไมโครโฟนหมด แต่ไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ จากระยะห่างช่องสัมภาษณ์ กับตรงที่นั่งรอ บางช่องได้ยินเสีียงหัวเราะ ระหว่างเจ้าหน้าที่กับคนถูกสัมภาษณ์ด้วย ทำให้บรรยากาศไม่เครียดมากจนเกินไป

ละแล้วก็โดนเรียกชื่อไปช่องที่ 6เจ้าหน้าที่เป็นผู้หญิง ยังสาว ผมบลอน หน้าตาสวยทีเดียว โชดดีช่องนี้ ได้นั่ง
สัมภาษณ์ เจ้าหน้าที่ถามว่า จะสัมภาษณ์เป็นอังกฤษหรือเยอรมันดี เราภาษาเยอรมันไม่แข็งแรง ก็ตอบไปโดนไม่คิดแม้วินาทีเดียวว่า English pleaseeeee

เริ่ม......
เจ้าหน้าที่บอกว่า วางมือซ้าย ทั้งสี่นิ้ว ลงบนเครื่องสแกน เสร็จแล้วมือขวาทั้งสี่นิ้วเหมือนกัน เสร็จแล้ว หัวแม่มือทั้งสองพร้อมกัน *สรุป สแกนลายนิ้วมือ ทั้ง 10  นิ้วเลย (คิดในใจ ตายละ ลืมเอาผ้าที่เตรียมมา เช็ดเครื่องสแกนซะก่อน ช่วงนี้หน้าหนาว โรคติดต่อเยอะ มือใครก็ไม่รู้ มาวางไปแล้วบ้าง แต่พอสัมภาษณ์สร็จมาซื้อขนมกิน ก็เอามือที่สแกนไปโดยไม่ได้้ล้างนั้นละ หยิบกิน ลืมไปเลยเพราะหิวมาก รอสัมภาษณ์นานไปหน่อย)

คำถามที่โดนสัมภาษณ์ที่จำได้ มีดังต่อไปนี้ *คำถามยิงกระหน่ำเข้ามาเรื่อยๆ หลังจากที่คำตอบข้อที่ผ่านมาตอบสิ้นเสียงลง

-คุณอยู่ที่เยอรมันมานานเท่าไหร่แล้ว
-คุณทำอาชีพอะไรที่เยอรมัน * เราตอบว่าอยู่บ้าน ดูแลบ้าน แฟนทำงานคนเดียว
-คุณจะไปทำอะไรที่อเมริกา
-คุณจะรับรองค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้อย่างไร
-คุณเคยไปอเมริกามาหรือไม่ * ทั้งๆ ที่กรอกไปแล้วใน DS-156 ว่าเคยไปมาแล้วตอนปี 2003 ครั้งเดียว
-คุณขอวีซ่าครั้งที่ไปมาแล้วที่ไหน *โชคดีว่าเคยขอที่กรุงเทพฯ ผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ได้แค่สามเดือน แบบ B1/B2
-คนที่คุณจะไปเที่ยวด้วยเป็นอะไรกับคุณ
-ทำไมแฟนไม่ไปด้วย * ขอไปเที่ยวกับเพื่อนที่ซาน ฟรานซิสโก แฟนไม่ได้ไปด้วย
-ด้วยเหตุผลอันใด ทำไมคุณถึงมาที่เยอรมัน
-แล้วก็คำถามอีกมากมาย จำไม่ได้ ดีว่าไม่ถามว่า ที่อยู่ที่จะไปพักด้วยเป็นใคร เพราะที่อยู่ที่จะไปพักในอเมริการะหว่างทริปนั้น เป็นที่อยู่เพื่อนของเพื่อนอีกทีหนึ่ง กลัวว่าจะอธิบายไม่ถูก แต่เราก็จะไปพักอย่างงั้นจริงๆ ไม่เปลืองตังค์ด้วย

เจ้าหน้าที่เงียบไปพักหนึ่ง พิมพ์อะไรก็ไม่รู้ในคอมฯ ระหว่างนั้น ไม่รู้จะนั่งจ้องหน้าเจ้าหน้าที่ไปทำไม เลยมองไปดูสภาพแวดล้อมในการทำงานของเจ้าหน้าที่เล่นๆ กองพาสปอร์ต กับเอกสารเพียบ กองโตมาก  แล้วเจ้่าหน้าที่ก็หันมาบอกเราว่า Your Visa is Approved!!!!!!  เราดีใจมากกกกก แล้วก็เลยถามเจ้าหน้าที่ไปว่า เราจะได้วีซ่ากี่วัน เราหมายถึงได้วีซ่าวันที่ไปกี่วัน เจ้าหน้าที่คงเข้าใจผิด ตอบสัมภาษณ์คำถามที่เราถามไปตกอะ บอกว่า ภายใน 5 วัน ถ้าเป็นฝ่ายเราตอบผิดละก้อ คงจะแย่แน่ๆ ก็คงต้องรออีกภายใน 5 วันว่าจะได้วีซ่าครอบคลุมกับที่จะไปเที่ยวกี่วัน ภาวนา ให้ได้ 10ปี อย่างที่กระทู้อื่นๆ ด้วย สาธุ สาธุ

เอกสารที่เรานำติดตัวไป ไม่ขอดูเลยแม้แต่นิดเดี่ยว หอบไปเยอะมาก เพราะคิดว่าเหลือยังดีกว่าขาด แม้แต่เอกสารภาษาไทยที่ยังไม่แปลเป็นภาษาอะไรเลย ก็นำไปด้วย

เอกสารที่ทางเจ้าหน้าที่เอาไปพิจารณาด้วยมีดังต่อไปนี้
-พาสปอร์ต
-DS-156
-DS-157
-หนังสือรับรองจากสปอนเซอร์ *ของเราให้แฟนพิมพ์ แล้วก็เซ็นต์ชื่อ พร้อมแนบสำเนาพาสปอร์ตของแฟน เย็บติดไปด้วยกับหนังสือนั้นเลย กลัวเขาแยกออกมา อิอิอิ แล้วก็แนบนามบัตรที่ทำงานของแฟนไปด้วย ป.ล. แฟนเป็นคนเยอรมัน

ที่ใช้มาทั้งหมดมีแค่นี้จริงๆ เพราะใบจองตั๋วเครื่องบินเราก็ไม่มี เพราะในหนังสือสปอนเซอร์รับรองนั้น แฟนเขียนไว้ว่า หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ออกวีซ่าให้ ถึงจะไปซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางอีกทีหนึ่ง

ยังไงก็หวังว่าประสบการณ์ของเราจะช่วยตอบคำถามคาใจ ของบางเคสที่คล้ายๆ กับเราได้ ขอโทษด้วย ที่พิมพ์ยาวไปหน่อย
ยังไงเราขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังรอวันสัมภาษณ์ และที่จะกำลังจะสัมภาษณ์พรุ่งนี้ ให้ได้วีซ่าทุกคนจ๊ะ

จากคุณ : sailaway
เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 21:41:42




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com