ความคิดเห็นที่ 1 ข่าวฟัง CNN ดีกว่าหรือเปล่าครับเพราะว่า BBC มันจะแนว UK อะเปล่า ต้องดูว่าคะแนนเริ่มต้นเท่าไร จากคุณ : หนุ่มไฮโซ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 12:22:38

ความคิดเห็นที่ 2   ถ้าคิดว่าอ่านเองไม่ทันลองหาที่เรียนเสริมก็เป็นอีกทางเลือกนะค่ะ อ่อ ถ้าเป็นไปได้อย่าลืมหาคนมาสนทนาเป็นภาษาอังกฤษด้วยก็ดี เวลาไปสอบส่วนspeakingจะได้คล่อง หรือถ้าไม่มีก็ฝึกพูดกับตัวเองบ่อยๆก็ได้ค่ะ จากคุณ : bigbadwolf เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 13:32:11 A:58.9.195.208 X: TicketID:241835

ความคิดเห็นที่ 3 ตัดขาดจากโลกในเมืองไทยไปจนกว่าจะสอบเสร็จเลยครับ พยายามคิดเป็นภาษาอังกฤษ ฟังข่าวเยอะๆ แล้วพยายามจับใจความให้ได้ ทำ Test ให้ได้เยอะที่สุด เพื่อจะทำความคุ้ยเคยกับข้อสอบ ถ้าคิดว่าบังคับตัวเองไม่ได้ ลองหาที่เรียนดูนะครับ มีคอร์ส 1 เดือนกับ เดือนครึ่งอยู่ เป็น intensive course เพื่อเตรียมสอบโดยเฉพาะ จากคุณ : pittboy2603 เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 17:04:35

ความคิดเห็นที่ 4   กว่าจะสอบได้ 107 หืดขึ้นคอเลยเครียดมาก แต่ก็คุ้มจริงๆต้องทุ่มเทมากๆปิดห้องไม่คุยกับใคร ซ้อมๆๆๆๆๆๆๆทำข้อสอบ จากคุณ : ฟ้า เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 19:15:34 A:190.226.58.2 X: TicketID:047074

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าภาษาดีอยู่แล้ว ให้ลองฝึกทำข้อสอบให้ชินกับแนวข้อสอบค่ะ จะช่วยได้ แต่ถ้าจะฝึกนิดๆหน่อยๆ แนะนำให้ - speaking ฝึกพูดจับเวลา ตามแบบข้อสอบน่ะ ออกเสียงให้ชัดๆ ด้วย - writing หัดเขียน แล้วก็หาผู้รู้ ถ้าหาครู ESL ได้จะดีมาก ให้เค้าช่วย comment ให้ - listening หัดฟัง เยอะๆ .. ฟังข้อสอบเก่าๆ .. ฟัง cnn หรือ สำนักข่าวตปท. ที่พูดสปีดฝรั่ง อย่าลืมดูพวกรายการสารคดี ช่อง discovery ที่เป็นเกี่ยวกะวิทยาศาสตร์เยอะๆ (ถ้าจขกท. ไม่ได้อยู่สายวิทย์มา) แต่ถ้าชินศัพท์สายวิทย์แล้วก็ หัดฟังพวกศัพท์สายสังคม กฏหมาย หรือธุรกิจ การเงิน พวกนี้ด้วยค่ะ - reading ก้ออ่านเยอะๆ ลองหัดอ่านพวก journal วิชาการหลายๆ สายด้วยก็ดีค่ะ .. เพราะบางทีข้อสอบมันพลิกผัน ได้อ่านเรื่องที่เราไม่ถนัด ก็จะแย่เหมือนกัน ตอนเราทำข้อสอบ คะแนนเราเสียไปตรง reading - กดผิด .. เผลอไปกดอะไรซักอย่าง ทำให้ข้ามไปสองสามข้อ ของ article นั้น แล้วย้อนกลับไปทำไม่ได้ listening - เราไปเสียคะแนนตรงฟัง lecture วิชาดาราศาสตร์น่ะค่ะ เป็นศาสตร์ที่ไม่ึ้ึคุ้น และ ศัพท์เฉพาะทางเยอะมาก กะอีกตรงนึงคือ พูด เพราะว่าไม่ได้เตรียมตัวมา .. พูดไม่ทัน เพราะว่าเค้าจับเวลา โชคดีนะคะ จากคุณ : PAPA BUENO เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 52 19:16:59

ความคิดเห็นที่ 6 สู้ๆค่ะ เราก็เหลืออีกเดือนนึงเหมือนกัน ตอนนี้ทั้งอ่านหนังสือทั้งต่อสู้กับความขี้เกียจ การบังคับใจตัวเองนี่ มันทำได้ยากจริงๆ ส่วนแผนการเราก็คือ นั่งฝึกทำข้อสอบไปเยอะๆ อ่านเฉยๆ ไม่เวิร์คอย่างเเรงค่ะ จากคุณ : sleptsolong เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 22:08:34

ความคิดเห็นที่ 7 แวะมาตอบครับ ผมภาษาอังกฤษจัดว่าค่อนข้างเห่ยครับ แต่สอบTOEFLมา4ครั้ง  ก็พอจะรู้แนวแล้วครับ ว่าทำอย่างไรจะได้แต้มเยอะ  (ล่าสุดก็ไ้ด้105มาครับ <-ไม่เยอะครับ แต่ผมก็พอใจแล้วครับ) 1) Reading : วิธีการUpคะแนนได้เร็วที่สุด คือ เอาศัพท์มาท่องครับ  แต่ก็ต้องฝึกอ่านด้วยนะครับ  แนะนำให้อ่านของCambridge หรือ Baaron ครับ อ่านแล้วไม่เข้าใจก็ต้องถามตัวเองครับ ว่าไม่เข้าใจเพราะอะไร? ถ้าเป็นเพราะไม่เข้าใจเพราะศัพท์ ก็จำศัพท์คำนั้นให้ได้   แต่ถ้าไม่เข้าใจเพราะประโยคซับซ้อนให้ลองพยายามหา Subj / Verbของประโยคให้เจอครับ แต่ถ้ายากจริงๆ ลองปรินท์มาให้ผุ้รู้แปลให้ฟังครับ Tips : ข้อสอบReadingในTOEFLจะเรียงตามOrderครับ คือ ข้อแรกจะเจอในParagraphแรก แล้วก็ไล่ลงมาเรื่อยๆครับ เพราะฉะนั้น แนะนำให้อ่านScan Passageรอบนึงแบบไม่ต้องละเอียดมาก แล้วเอาเวลามาFocusกับคำถามแต่ละอัน ดูParagraphที่แต่ละคำถามถามดีกว่าครับ 2)Listening : ไม่มีTipsอะไรครับ Partนี้อาศัยการฝึกฝนเท่าั้นั้นครับ อยากจะแนะนำเวป www.eslpod.com ครับ โหลดมาฟังทุกวัน วันละ2-3ชม. แล้วก็ลองทำข้อสอบListeningในBaaronดูครับ  น่าจะพอช่วยได้บ้างครับ 3)Speaking : เป็นPartที่หินที่สุดครับ ผมยังได้คะแนนPartนี้ไม่ดีครับ ตั้งสติให้ดีๆเวลาสอบครับ ห้ามรนเด็ดขาด ตอบไม่ทันไม่เป็นไรครับ  ขอชัดๆ อัดเต็มๆให้กรรมการเข้าใจดีกว่า พูดเร็วๆแล้วไม่รู้เรื่องครับ -Partนี้อยากแนะนำให้เรียนกับ Princeton Reviewครับ ของเขาดีจริงครับ 4)Writing : ขอแบ่งเป็น2 Taskนะครับ - Task 1 : จำไว้นะครับว่าReadingกับListeningจะต้องแย้งกันเสมอ (99%) เพราะฉะนั้นถ้าคุณอ่านอะไรไปในReading สิ่งที่เจอในLectureจะต้องเป็นความคิดเห็นตรงข้ามกันเท่านั้นครับ ; Taskนี้เขาระบุไว้ว่าควรเขียนประมาณ300คำ เพราะฉะนั้นอย่าเขียนน้อยกว่า200 และ ที่สำคัญอย่าเขียนยาวมากนะครับ กรรมการจะมองว่าคุณเขียนไม่conciseครับ Tips: ถ้าไม่แน่ใจในข้อมูล ห้ามเขียนลงไปเด็ดขาดนะครับ โดนตัดแต้มเละครับ ขอบอก - Task 2 : ตรงข้ามกับTask 1 ครับ  เขียนให้ยาวที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ครับ!! ยิ่งถ้าหาเหตุผลSupportมาได้เยอะเท่าไหร่ ยิ่งดีนะครับ  เขาจะดูว่าเราฉลาด(อันนี้ผมคิดเองนะ) พยายามใ้ห้ประโยคแรกของทุกParagraphควรจะต้องเป็นTopic Sentenceนะครับจะได้อ่านง่ายๆครับ  ได้ยินว่าวันนึงกรรมการเขาอ่านเป็น100 Passages คงจะเหนื่อยครับ เขียนให้อ่านง่ายที่สุดดีกว่าครับ Tips: ลองหาTemplateตามหนังสือTOEFLบางเล่มมาใช้ดูก็ได้นะครับ Templateจะทำให้กรรมการอ่านง่ายขึ้น และ เราไม่ต้องคิดมากว่าจะเขียนเริ่มต้นแต่ละParagraphอย่างไรครับ ขอใ้ห้โชคดีในการสอบครับ จากคุณ : ike38 เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 52 14:50:19

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ ^ ขอบคุณมากๆ เลยครับคุณ ike38 เป็นแนวทางที่ดีมากๆ เลย ผมก็จะต้องสอบแล้วเหมือนกันครับ ไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลย เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นดันมาเจอเพื่อนลาออกจากงาน งานเพิ่มเป็นเท่าตัว หัวหน้าก็ไม่รับคนใหม่ กะว่างานนี้คงไปเสี่ยงเอาแล้วละครับ อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำได้แค่ไหน เพราะว่าไม่มีเวลาจริงๆ แค่งานที่รับผิดชอบก็เล่นเอาลากเลือดแล้ว เป็นกำลังใจให้เพื่อนทุกคนที่กำลังจะสอบนะครับ โชคดีครับ จากคุณ : covertee เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 00:22:54

ความคิดเห็นที่ 9 ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง เวปนี้อาจเป็ฯประโยชบ้างจ้า http://www.guru-english.com จากคุณ : แครี่ happy (สเนโก้) เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 52 00:42:21

ความคิดเห็นที่ 10   ดู series ทุกวันเป็นเวลา1-2อาทิตย์ติดกัน ช่วยได้เยอะค่ะ พูดจริงๆนะคะ อาจจะวันละตอน2ตอน แต่เน้นว่าทุกวันต่อเนื่อง จะทำให้เราฟังเร็ว คิดเป็นภาษาอังกฤษเร็วขึ้นเยอะค่ะ Speaking ฝึกการ timing ดีๆค่ะ ต้องซ้อมพร้อมจับเวลา นอกจากนั้นต้องฝึกการจับประเด็นมาพูดด้วย ใช้โปรแกรมฝึกกับคอม จะทำให้ชินค่ะ สู้ๆๆนะคะ จากคุณ : chychy (beso) เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 15:46:50