 |
[แชร์ประสบการณ์] จากวีซ่าท่องเที่ยว...จนถึงกรีนการ์ด Lotto
|
|
ดิฉันให้สัญญากับตัวเองไว้ว่าปี 2010 จะต้องทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ดิฉันก็เลยขอใช้เวลาเช้าวันเสาร์นี้ แชร์ประสบการณ์วีซ่าท่องเที่ยวและ green card lotto ให้กับพันทิป...เพื่อเอาไว้ใช้เป็นประโยชน์ในอนาคตค่ะ ขออนุญาตใช้ ค.ศ. ในกระทู้นี้นะคะ
ก.พ. 2007 : ดิฉันตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวอเมริกา...เหตุผลไม่ได้มีอะไรมากเลยค่ะ คือ อยากจะไปไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้ เพราะจะเป็นครั้งแรกที่จะเดินทางออกนอกประเทศ ดิฉันก็มีเพื่อนอยู่ที่ seattle ด้วย เลยคิดว่า ดีเลยไม่ต้องไปวุ่นวายหาที่พัก ให้ปวดหัว ข้อมูลอะไรต่างๆ ก็ไม่ได้รู้ยอะนะคะ แต่ก็ประมาณว่า...เอาวะ..ไปก็ไป
2 มี.ค. 2007 : ลางานไปทำ passport ... อีกไม่กี่วันถัดมาก็ได้รับตัวเล่ม
14 มี.ค. 2007 : มีนัดสัมภาษณ์วีซ่าท่องเที่ยว
Profile : เพศหญิง อายุ 23 พนักงานบริษัท เดินทางคนเดียว เป็นเวลา 2 สัปดาห์ passport ใหม่กริ๊บ ไปหาเพื่อนชายฝรั่ง (ที่รู้จักกันมา 5 ปี ตั้งแต่ที่เค้ามาเรียนที่ไทย) ไม่มีญาติพี่น้องคนไหนเคยไปอเมริกา บอกว่าจะไป seattle กับ san franciosco
หลักฐานประกอบการพิจารณา : ฟอร์มที่เค้าให้กรอก หนังสือรับรองจากบริษัท ซึ่งมีสาระสำคัญว่า ทำงานมานานแค่ไหน ตำแหน่งอะไร รายได้ต่อเดือนเท่าไหร่ และได้รับอนุญาตให้ลาพักร้อนไปถึงวันไหน จะต้องกลับมาวันที่เท่าไหร่
แล้ว statement ล่ะ? : คือมีเงินในปัญชีประมาณ 1 แสนค่ะ ดิฉันถือ book ไปนะคะแต่ไม่ได้ยื่นไปตั้งแต่ต้น กะว่าถ้าเค้าขอดูก็จะให้ดูตอนสัมภาษณ์
ผล : ผ่านไปได้ด้วยดี ได้วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปี (สัมภาษณ์ภาษาอังกฤษค่ะ ดิฉันสื่อสารภาษาอังกฤษได้)
ข้อสังเกต : เค้าถามข้อมูลเกี่ยวกับเพื่อนชายคนนั้นของดิฉันเยอะมาก เช่น รู้จักกันได้ยังไง รู้จักกันมานานรึยัง เค้าทำงานอะไร เป็นแฟนกันมั้ย (ไมได้เป็นค่ะ) เจอกันล่าสุดเมื่อไหร่ ถามจนดิฉันงงว่าเค้าจะถามทำไมเยอะแยะ แต่ดิฉันก็ตอบได้หมด และตรงกับความจริง โดยที่ไม่ได้โกหกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
ที่น่าแปลกใจ : เค้าไม่ขอดู bookbank เลยค่ะ (หนังสือจากที่ทำงานระบุว่าดิฉันมีรายได้ประมาณ 60000-80000 บาทต่อเดือน และกงสุลที่สัมภาษณ์ดิฉันรู้จักบริษัทดิฉันค่ะ)
พ.ค. 2007 : ที่ ตม. seattle ... ลุง ตม. ถามดิฉันกับเรื่องเพื่อนชายฝรั่งของดิฉันอีกครั้ง แต่ลุงจะถามเรื่องเกี่ยวกับสถานะของความสัมพันธ์เป็นหลัก พอใกล้จะเสร็จ เค้าก็พูดประมาณว่า There are so many crazy people out there and I don't wanna see you on the first page of the newspaper tomorrow....
ดิฉันตอบไปว่า neither do I.
มิ.ย. 2007 : เดินทางกลับไทย ตามกำหนดการที่วางไว้ ไม่ได้ไปที่อื่นนอกจาก seattle กับ san fran
พ.ย. 2007 : เพื่อนของดิฉันกับดิฉันตัดสินใจกันว่าจะไป countdown กันที่ new york แล้วเธอต้องไปสัมภาษณ์วีซ่า
profile : เพศหญิง อายุ 27 เคยไปมาหลายประเทศ เคยได้วีซ่านักเรียนที่ออตเตรเลียและนิวซีแลนด์ เดินทางเข้าออกญี่ปุ่นบ่อย เดินทางกับดิฉัน จะไปพัก hostel ที่ nyc กัน
ผล : ได้วีซ่าท่องเที่ยว 10 ปี
ข้อสังเกต : กงสุลถามเรื่องเกี่ยวกับดิฉันเยอะมาก รุ้จักกันได้ยังไง รู้มั้ยว่าดิฉันเคยไปอเมริกาเมืองอะไรมาบ้าง รู้มั้ยว่าดิฉันมีเพื่อนชื่อ ...... อยู่เมือง.....
ที่น่าแปลกใจ : เค้าไม่ขอดู bookbank เหมือนกันค่ะ (หนังสือจากที่ทำงานระบุข้อความแบบเดียวกับของดิฉันค่ะ)
ม.ค. 2008 : เดินทางกลับไทย ตามกำหนดการที่วางไว้
พ.ย. 2008 : ดิฉันเดินทางไปอเมริกาอีกรอบค่ะ ที่ ตม. ที่ new york ถามดิฉันว่าจะไปเมืองไหนบ้าง จะกลับเมื่อไหร่ ถามว่ามีตั๋วกลับมั้ย แล้วก็ขอดู ถามดิฉันว่าเพื่อนที่ดิฉันจะไปพักด้วยเป็นใคร ความสัมพันธ์เป็นอย่างไร และอื่นๆ อีกนิดหน่อย
เช้า 1 ธ.ค. 2008 : กลับเมืองไทยตามหมายกำหนดการค่ะ (จริงๆ ไม่ค่อยจะตามกำหนดการเท่าไหร่ เพราะเค้าปิดสนามบินพอดี ต้องบินไปลงนู่นเลย อู่ตะเภา ถึง กทม เอาตอนเกือบ 7 โมงเช้า จากจริงๆ ต้องเป็น ตี 1 ... ล้าไปเลยค่ะ)
1 ธ.ค 2008 : เพลียมากค่ะ ไปทำงานไม่ไหว เลยขอลา 1 วัน วันนั้นก็เลยนั่งเล่นคอมอยู่ที่บ้าน นั่งดูเรื่องวีซ่านักเรียนในเวป travel.state.gov ดิฉันก็browse ไปเรื่อยๆ จนเจอเรื่อง green card lottery เข้าโดยบังเอิญ .... อ่านไปอ่านมา เอ้า อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะหมดเวลาแล้วนี่นา แล้วเค้าจะต้องเอารูปด้วย ซึ่งดิฉันไม่มี และด้วยความที่เหนื่อย ก็เลยไม่อยากที่จะดิ้นรนไปถ่ายรป ดิฉันก็เลยตัดสินใจเอารูปถ่าย 1 นิ้วเก่า ๆ มา ใส่เสื่อคอเต่า สีเขียว หน้าแย่เชียวค่ะ.... เอากล้องดิจิตอลถ่ายรูปนั้น แล้วก็เอาเข้าคอม จากนั้นก็ทำ cut &crop ให้มันตรงกับที่เค้าต้องการ เค้าจะบอกมาค่ะว่าจะเอาความละเอียดยังไง พอได้ปุ๊บก็ลองให้ระบบมันสแกนดู ปรากฎว่ามันบอกว่าผ่านค่ะ ก็เลยคิดว่า เออ ทำๆ ไปเหอะ โอกาสได้มันน้อย พอกด submit ปุ๊บ
Success!
Your entry for the 2010 Diversity Visa Lottery Program Lottery Entry Form was received on Monday, December 1, 2008 at 1:00:50 AM EST. .... แล้วดิฉันก็ save หน้านี้ไว้ แล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปเลยค่ะ
7 พ.ค. 2009 : ดิฉันเดินทางไป LA ค่ะ กำหนดการประมาณ 10 วัน ตม. คนที่ถามเค้าดูขอดูเอกสารการเดินทาง ถามเรื่องเกี่ยวกับเพื่อนที่ดิฉันจะไปพักด้วย และนู่นนี่หน่อยแล้วก็ปล่อยมา
พอเดินมาอีกสักแป๊ป ดิฉันก็เจอด่านที่สองที่ดิฉันจะต้องโชว์ตัวแบบ form ที่ดิฉันเขียนบนเครื่องให้เค้าดู ดิฉันแอบบเห็นแล้วล่ะค่ะ ว่ามันมีเลข 1 ตัวใหญ่ๆ อยู่บนกระดาษแผ่นนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดเอะใจอะไร ปรากฎว่าตาคนนี้หน้าตาเหี้ยมมาก ถามดิฉันว่า Do you have any food with you? ดิฉันหยุดคิดนิดนึงแล้วตอบว่า No. หลังจากนั้นตาคนนี้ก็ตะโกนเรียนให้ตาอีก 2 คนมาลากกระเป๋าดิฉันไป ดิฉันก็ว่า แย่แล้ว ไม่น่าบอกว่า No เลยตรู
เพราะในนั้นมันมี เงาะกระป๋องตรามาลีอยู่ 1 กระป๋องค่ะ
เค้ายกกระเป๋าดิฉันขึ้นบนโต๊ะ แล้วก็ให้ดิฉันเปิดเอาเอง กระเป๋าดิฉันตัวล็อกมันไม่ดีค่ะ ดิฉันก็เลยเปิดไม่ได้ ตาสองคนนั้นก็ทำหน้าไม่ไว้ใจ นังคนนี้มันต้องตุกติกอะไรแน่นอน ดิฉันบอกว่าให้เค้ามาช่วยพลิกกระเป๋าดิฉันหน่อย เพราะถ้าเปิดจากด้านนี้ มันจะเปิดไม่ได้ เค้าก็ไม่มานะคะ ได้แต่ยืนมองหน้า ประมาณว่า หึหึ จะมาไม้ไหนล่ะ ดิฉันก็เลยต้องเอาร่างกายความสูง 150 ปลาย ๆ ของดิฉันเนี่ยมาพลิกกระเป๋าใบโตที่อยู่บนโต๊ะ แล้วก็กริ๊ก .... กระเป๋าเปิดค่ะ
ตาสองคนนั้นก็ตามประสานะคะ ชวนคุยนั่นคุยนี่ ถามว่าในกระป๋องนี่คืออะไร rambutan รสชาติเป็นยังไง ไอไปประเทศไทยมาแล้วนะ นู่น นี่ นั่น ตามเรื่องตามราว แล้วก็ปล่อยดิฉันไป เสียเวลาไปประมาณ 45 นาที
บทเรียนที่ได้ : ห้ามโกหก ตม. อเมริกา ถึงแม้ว่าของในกระเป๋ามันจะเป็นแค่เงาะกระป้อง กระป๋องเดียวก็ตาม
19 พ.ค. 2009 : ออกจากอเมริกา ตามหมายกำหนดการ
26 พ.ค. 2009 : พี่สาวโทรมาบอกจากต่างจังหวัดว่ามี จ.ม. ส่งมาที่บ้าน จาก kentucky ดิฉันก็งง ว่าดิฉันไปเป็นสมาชิก kfc ตอนไหน ก็เลยให้แกเปิดอ่านให้ฟัง ปรากฎว่าเป็น จม. จากอเมริกามาว่าดิฉันได้รับเลือก green card ค่ะ ดิฉันก็เลยให้แกส่ง จม. ฉบับนั้นมาให้ที่ กทม.
ดิฉันต้องส่งเอกสารไปอเมริกา 1 ครั้ง ไม่มีอะไรที่เป็นเอกสารสำคัญ แค่เป็นแบบฟอร์มที่เค้าให้กรอก
ต.ค. 2009 ดิฉันได้รับ จม. จากทางอเมริกาว่าดิฉันมีสัมภาษณ์วีซ่าถาวรที่สถานทูตอเมริกา วันที่ 6 พ.ย. 2009 เอกสารที่เตรียมไปมีอะไรบ้าง ถ้าเป็นภาษาไทย ไม่จำเป็นจะต้องแปลไป เตรียมค่าวีซ่าไปก็พอ 750 usd. แต่ก็ไม่ได้การันตีนะว่าจะได้วีซ่า
6 พ.ย. 2009 : การสัมภาษณ์เป็นไปแบบง่าย ๆ ค่ะ คำถามที่ถามดิฉันส่วนใหญ่เป็นคำถามที่ง่ายๆ เช่นกันค่ะเช่น ดิฉับจบที่ไหน เรียนด้านอะไร ตอนนี้ทำงานอะไร ตามที่อยู่ที่จะให้ส่งตัว green card ตัวจริงไปให้ ตรงนั้นใครอยู่ แล้วมีความสัมพันธ์อย่างไรกับดิฉัน อีกสักแป๊ป กงสุลก็แจ้งว่าทุกอย่างดู ok ดีแล้ว ... ให้มารับ passport + visa ในอีกประมาณ 7 วัน
แล้วสปอนเชอร์ หรือstatement ล่ะ : ดิฉันไม่มีสปอนเซอร์จากอเมริกาค่ะ ไม่มี job offer ด้วย ส่วนเงินเก็บดิฉันก็ไม่ได้โชว์ เอกสารอย่างเดียวที่แสดงให้เค้าดูก็คือสัญญาการทำงานของบริษัทที่นี่ ซึ่งเป็นที่ใหม่และดิฉันยังไม่ได้เริ่มงาน
ตอนนี้ดิฉันได้วีซ่าถาวรจาก lottery visa มาแล้วค่ะ เหลือแค่เดินทางไป
อยากจะบอกทุกคนว่าให้เขียนเฉพาะความจริงนะคะเวลาสมัคร visa อเมริกา เพราะเค้ารู้ได้จริงๆ บอกว่าจะไปกี่วันก็ไปตามนั้น ฟอร์มที่เค้าให้กรอกถ้าถามอะไร ก็ตอบไปให้ละเอียด คือให้โชว์ความบริสุทธิ์ใจน่ะค่ะ ว่าทุกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้
ดิฉันไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่ดิฉันได้รับเลือก lotto visa มันจะเกี่ยวกับที่ว่าดิฉันมีประวัติที่ดีในการเดินทางเข้าออกอเมริกาทั้ง 4 ครั้งหรือไม่ (ดิฉันไม่เคยออกก่อนหรือหลังหมายกำหนดการ ดิฉันแจ้งชัดเจนว่าจะไปเมืองไหนบ้าง โดยเฉพาะเมืองที่บินไป) แต่ที่แน่ ๆ การทำแบบนั้นไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ เพราะดิฉันเชื่อว่านั่นคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การสัมภาษณ์วีซ่าถาวรของดิฉันเป็นไปได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นค่ะ
ที่สำคัญ...การสมัคร green card lottery จะไม่มีการจ่ายเงินใดๆ ทั้งสิ้นนะคะ จะจ่ายครั้งเดียวก็ที่สถาทูตในวันสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ
ขอกระทู้นี้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมนะคะ
ขอบคุณค่ะ
| จากคุณ |
:
SaturdayMorning
|
| เขียนเมื่อ |
:
9 ม.ค. 53 14:30:18
A:58.8.116.53 X: TicketID:248875
|
|
|
| |
