ประสบการณ์ลั๊ลล๊าไปเป็นแรงงานกระเหรี่ยง ทำไมทุกคนต้องควรไป ต้องอ่าน!!
|
|
ตอนที่1 Take off ลุ ย !!
ตั้งแต่ส่วนนี้ไปจะเป็นประสบการณ์ที่ เราได้ไปเจอมา เป็น Part ของประสบการณ์ล้วนๆแล้วค้าบ จะสนุก และ มันส์แค่ไหน ยึดเบาะของคุณให้แน่น แล้วเตรียมทะยานบินไปกับเรา ณ เช้าของวันที่ 7 มีนาคม 2552 ตื่นขึ้นมาด้วยสภาพงัวเงีย แบบว่าแทบไม่ได้นอนทั้งคืนเนื่องจากมีการเลี้ยงส่งกันเล็กน้อ ย เออ. . . ไม่เล็กน้อยอ่ะ สุดเหวี่ยงไปเลย คนเดินทางมาแอบนอนบนพื้นในห้อง แต่คนส่ง เฮฮา สนุกสนานกันอยู่ทั่วห้อง -___-“ ตื่นแล้วก็รีบเช็คกระเป๋า ตาม Check list ที่ทำไว้ ไล่ๆไปเรื่อย จนมาถึงหมวดของกิน นึกขึ้นได้เออ กุยังไม่ได้ซื้อหนิหว่า แล้วลืมไปว่ามีนัดก่ะพี่ ว่าจะไปซื้ออาหารก่ะของใช้ที่เหลือ จึงเร่งสปีดไปอย่างฉับพลัน ลั๊ลล๊า ซื้อของกว่าจะเสร็จ ไอ่นั้นก็น่ากิน ไอ่นี้ก็น่าเอาไปใช้ จนพี่ต้องเบรก และบอกว่า แกจะย้ายบ้านรึไง เออ. . . ก็ประมาณนั้น 55 แล้วกลับมายัดทุกสิ่งอย่างลงไปในกระเป๋าเดินทาง ขนาดมาตรฐาน 1ใบ กระทืบๆ ยัดๆ พับๆ เรียบร้อย ^0^ ต่อมาก็นั่งจัดกระเป๋าใบเล็กที่ใช้ขึ้นเครื่อง Carry on เช็ครอบสุดท้ายว่าของที่จะเอาไปเล่นบนเครื่องบินพร้อมไหม เครื่องเล่นMp3 พร้อม !! สมุดเล่มเล็ก ปากกา พร้อม !! หนังสืออ่านเล่น พร้อม !! Passport+วีซ่า+ตั๋วเครื่องบิน พร้อมๆ !! ตัวข้าพเจ้า ไม่พร้อม !!!!!!!
ยังไม่เสร็จสิ้นกับเช้าที่แสนวุ่นวาย พุ่งเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอย่างรวดเร็ว แต่งตัวอย่างเท่ ^3^ แล้ววิ่งสี่คูณร้อยไปตัดผม อย่างฉับไว พลางบอกคุณช่างตัดผมว่า “พี่ค้าบ เอาสั้นๆเลย ไม่อยากไม่เสียเงินตัดผมที่นู้น มันแพงงงง” วิ่งกลับมาหอบแฮกๆที่ห้อง ตรวจเช็คทุกอย่างครั้งสุดท้าย คว้าแจ๊กแกตไว้กันหนาวบนเครื่องบินมาสวมใส่ อย่างหมาดมั่น แล้วลากจูงกระเป๋าไปอย่างสง่างามพร้อมคณะ ถึงรถ น้องชายช่วยยกกระเป๋า โอ้ว ปลาบปลื้มใจมาก แต่แล้ว. . . . มัน มัน มันทำหูหิ้วกระเป๋าหัก “ Shit !! “ คำอุทานภาษาอังกฤษคำแรกของวันก่อนเดินทางสู่ดินแดนเจ้าของคำอุทาน “ม๊าย ย ยย “ เสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มผู้กำลังจะโกอินเตอร์ กรีดร้องอย่างโหย โศกนาฏกรรมยามเช้า ตั้งสติได้ พุ่งเข้ามินิมาร์ท ขอซื้อ กาวตราช้าง ทันที หยดๆ แปะๆ โอมเพี้ยง ติดนะๆ หูที่มันหักก็กลับมาสู่สภาพเดิม แต่กรุณาอย่ายกอีก มันจะหัก Saddมาก. . .. เหลือบมองนาฬิกาเร่งคุณเพื่อน ไปกันเถอะ สู่สุวรรณภูมิทะยานขึ้นทางด่วน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา “ เมิงอยู่ไหนแล้ว . . . กุจะเชคอินแล้วนะ” “ เยดดดด รอกุก่อนจะถึงแล้ว ( ที่จริง กุเพิ่งขึ้นทางด่วน -___-“) แป้บเดียว “ ขับไปครึ่งทาง เสียงดังขึ้นอีกครั้ง “ อยู่ไหนของเมิงแร่ะเนี้ย.. .ไม่รอแล้วน่ะ” “เห้ย เนี้ยๆ กำลังวนหาที่จอดรถแล้ว ( ในใจ - เออ. . .กุขอโทษ)” และ แล้วก็ถึงความภาคภูมิใจของชาวไทยสนามบินที่สร้างยาวนานถึง 20 ปี สุวรรณภูมิ กระโดดลงรถลากกระเป๋า ไปยัง Counter ไชน่าแอร์ไลน์ สายการบินระดับโลก (โลกไหนม่ะรู้ ) ด้วยสโลแกน “บินถูกๆมาไชน่า บินเอาหน้าไปการบินไทย” 55 + มาเจอะเจอคุณนก และคณะทัวส์ลูกเป็ด ผู้ร่วมชะตากรรมบินไปกับไชน่าแอร์ไลน์ของเรา เข้าแถวเชคอิน เมือถึงคิวข้าพเจ้า ยืนพาสปอร์ตพร้อมตั๋ว ยกกระเป๋า แล้วก็ หลุดปากไปว่า “ เออ พี่ครับ กระเป๋าช่วยยกระวังๆนะครับ เดี๋ยวหูยกมันจะหัก มันแบบว่าหักง่ายอ่ะครับ” แล้วก็ เสร็จมัน พนักงานก็ยืนเอกสารใบเล็กๆมาให้กรอก ก้มลงดูมันคือใบที่ให้เซ็นยืนยันว่ากระเป๋าเราเสียหายอยู่แล้วไม่สามารถเคลมได้ หมดกัน >0< ตอนแรกก่ะว่าพอถึงอเมริกาจะแกล้งโวยวายว่า สายการบินทำหูเราหักจะได้เคลม รับ Boarding Pass แล้วก็เดินไปหาคณะเพื่อนๆ ผู้มาส่ง ถ่ายรูป เฮฮากันไป ทุกคนหน้าตายิ้มแย้ม ราวกับดีใจ ที่ข้าพเจ้าไป ซะได้ . .. . ปิติใจยิ่งนัก พวกเมิ๊ง กุจะกลับมาหลอกหลอนแน่นอนไม่ต้องห่วง นอกจากนี้ยังมีคำอวยพรดีๆตามมามากมาย “สายการบินไชน่าแอร์ไลน์ตกบ่อยนะแก” “ เอาเงินกลับมาเยอะๆ มาเลี้ยงพวกกุด้วยนะ” “ อย่าลืมของฝาก เอาแต่ของฝากกลับมา ตัวเมิงไม่ต้องกลับมาก็ได้ “ >3< มองดูนาฬิกาอีกทีได้เวลาแล้ว เข้า Gate เรียงแถวทัวส์ลูกเป็ด ผ่านตม.ขาออก สอนลูกเป็ดจากแดนอิสาน กรอกใบตม. ราวกับกุเดินทางบ่อยมาก ปล่าวเลย นี้คือการออกนอกประเทศครั้งที่ 2 เข้าไป เหลือบมอง Duty Free พลางนึกในใจ กลับมาค่อยว่ากัน แล้วเชิ่ดหน้าต่อไปพลางถ่ายรูปด้วยกล้องดิจิตอลโลโม ทะมายเรียกดิจิตอลโลโม นะหรอ เพราะว่ามันเป็นกล้องดิจิตอลจีนแดงที่แม่ข้าพเจ้าโดนเซลล์มาหลอกขายระหว่างอยู่บ้าน และคุณภาพของภาพที่ได้นั้นเทียบเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องโลโม สีไม่ชัด ไม่สด อีกทั้งไม่แนวแต่อย่างใด พร้อมด้วยความเบลอของภาพ แม้จะถ่ายนิ่งๆแล้วก็ตาม T___T แล้วก็ไปถึงที่รอขึ้นเครื่อง ก็เจอะเจอกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยม และคณะเด็กเวิกหลากหลายเอเจนซี่มากมาย นี้มันเที่ยวบินขนแรงงานชัด ๆ !!! เครื่องบินเข้าเทียบจอด ทุกคนต่างลุก และพุ่งกันไปที่ประตู นับถอยหลัง 3 2 1 Go! ทะยานสู่ อเมริกา ^0^
ยัง ๆ. . . .ยังไม่ถึงอเมริกา ท่านผู้อ่าน เรายังอยู่บนเครื่องบิน ด้วยระดับความสูง เท่าไรไม่รู้ รู้แต่ว่าโคตรสูง ท่ามกลางหมู่เมฆ ข้าพเจ้าในขณะนั้นกำลังกระดุกกระดิกไปมาด้วยความ Hyper ประกอบกับถูกจำกัดด้วยที่นั่งแคบๆบน กำปั่นบิน ลำนี้ นั่งเล่นจอหน้าที่นั่งพลางกดรีโมตรูปร่างแปลกๆ ไปมา แอร์สาวสาย ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ดีสุดของสายการบินนี้ ราวกับว่ายกเซทนางงามที่เชิญเหรียญโอลิมปิกมาบนเครื่องบิน เอื้อนเอือนภาษาอังกฤษสำเนียงจีน “ Do you want Western style or Chinese style” ข้าพเจ้าใช้สมองคำนวนณตระกะแล้วประมวลออกได้ว่ากินแนวจีน น่าจะปลอดภัยกับกะเพราะมากกว่า กลัวท้องเสียก่อนไปถึง รับถาดมาแล้วแกะเปิดดู แล้วพบว่ามัน. . . . มัน พลาดมาก !! เปิดมาพบกับ ข้าวต้มและถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อนเล็กๆวางไว้ตรงกลาง พร้อมด้วยรสชาติน้ำล้างถ้วย ปิดฝา แล้วพลันไปกินน้ำส้ม ผลไม้ และขนมนมปังแทน แล้วก็ได้พบสิ่งที่ดีที่สุดอันดับที่สองของสายการบินนี้คือ ขนมปังก้อนกลมๆดูธรรมดา ที่มันแจก อร่อยมากๆ จึงขอเพิ่มยัดลงท้องไปอีก 4 ก้อน กินอิ่มสบายก็เริ่มง่วง จึงโบกมือเรียกแอร์หมวยขอที่ปิดตา และกะว่าจะเก็บเอาไปใช้ต่อไปในภายภาคหน้า หลับไม่ทันไรเสียง Soundtrack จีนก็ดังทั่วลำ ตามด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งจับใจความได้ว่า “ถึงไตหวันแล้ว พวกเมิงเตรียมตัวลง ใครจะลงที่นี้ไม่ไปต่อก็เดินออกประตูนี้ๆ ใครต่อเครื่องก็ไปอีกทาง” คณะทัวส์ลูกเป็ด ทยอยลงเครื่องเรียงแถว แล้วเดินไปตามป้าย Connecting Fight เดินสักพักก็เจอะเจอกับสิ่งแปลกประหลาด มี ตุ๊กตาคุณกระบือเพ้นท์ลาย วางทั่วสนามบิน นี้มันจัดงานวิ่งควายที่สนามบินรึนี่ โอ้ววว. .. กระบือ ชาวเด็กเวิกต่างวิ่งไปลุมล้อมถ่ายรูปราวกับไม่เคยพบเห็นกระบือ ข้าพเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น -___-“ ชักภาพกันพอประมาณก็ออกเดินทางต่อไปถึงด่านแสกน ถอดๆรองเท้า เข็มเข็ด วางของใส่ตระกร้า เดินผ่านเสร็จ ให้ชูมือขึ้นแล้วหมุนๆ ให้คุณพนักงานลูบคลำกระทำชำเรา จนพอใจ แล้วรับของคืน ไปที่ Gate ขึ้นเครื่องทะยานต่อพุ่ง ตรงสู่อเมริกา หลับๆตื่นๆ เคล้าเสียง Soundtrack ภาษาจีนไปอีก 10 กว่า ชม. ก็ได้กรอกเอกสารตม. ขาเข้า และ Immigration ก็กรอกๆไปอย่างระมัดระวัง กลัวมันไม่ให้เข้า
จากคุณ |
:
Monkiezz
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ม.ค. 53 14:07:32
|
|
|
|