PANTIP.COM : H8764204 อยากทราบเงินเดือน+เงินพิเศษ ของเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในยุโรป [ชีวิตในต่างแดน]

ความคิดเห็นที่ 5

เห็นว่าคำตอบของทุกท่านในกระทู้นี้ มีความถูกต้องดีอยู่แล้ว แต่เพื่อความกระจ่างในข้อมูลบางส่วน จึงใคร่ขอเสริมเพิ่มเติม ดังนี้

คำถามของเจ้าของกระทู้ มี 3 ประเด็น ขอให้คำตอบตรงคำถามที่ถามมา ดังนี้

1. คำถาม : คุณสมบัติของคนที่จะสมัครไปเป็นเลขานุการสถานทูตไทยในต่างประเทศ ต้องเป็นอย่างไร ?

คำตอบ : เป็นไปตา มที่ความเห็นที่ 1 บอกไว้ คือ ต้องสมัครสอบเข้ารับราชการในตำแหน่ง " เจ้าหน้าที่การทูต " หรือ " นักการทูต " ที่กระทรวงการต่างประเทศเปิดรับทุกปีก่อน ( ปีที่แล้วสอบคัดเลือกเมื่อราวเดือนตุลาคม- พฤศจิกายน ) คุณวุฒิตั้งแต่ปริญญาตรี ถึงปริญญาเอก ในสาขาวิชาต่างๆ สายศิลป-สังคมศาสตร์ ( social science ) ทั้งนี้โดยไม่จำเป็นต้องจบรัฐศาสตร์สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ/การทูตเพียงอย่างเดียว คือ จบเศรษฐศาสตร์ ครุศาสตร์ นิเทศก์ศาสตร์ อักษรศาสตร์ หรือนิติศาสตร์ ฯลฯ ก็เป็นคุณสมบัติสมัครสอบเข้ารับราชการในตำแหน่งนักการทูตได้

2. คำถาม : ถ้าเพิ่งจบ ป.ตรี.ในเมืองไทยสามารถไปทำได้เลยหรือเปล่า ?

คำตอบ : ท่านจะจบปริญญาไม่ว่าจากมหาวิทยาลัยใดในเมืองไทย หรือไม่ว่าจบจากที่ไหนๆ ในโลกใบนี้ หากเป็นมหาวิทยาลัยที่ ก.พ. รับรอง ก็ย่อมสมัครเข้าสอบในตำแหน่งนักการทูตได้เสมอ

หากผ่านการสอบได้ในตำแหน่ง " นักการทูต หรือเจ้าหน้าที่การทูต " และได้รับการบรรจุเข้ารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ท่านจะต้องเริ่มต้นปฎิบัติงานในกระทรวง ฯ ตามกรม กอง ต่างๆ ในตำแหน่งเฉพาะที่เรียกว่า " นักการทูตปฎิบัติการ " หรือ " นิติกรปฎิบัติการ " โดยท่านจะเริ่มต้นมีชื่ออยู่ใน " คิวออกประจำการในต่างประเทศ " ซึ่งประมาณ สัก 2 หรือ 3 ปีก็จะถึงคิวของท่านที่จะได้รับการพิจารณาจากกระทรวง ฯ ให้หมุนเวียนไปปฎิบัติหน้าที่ ณ สถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ แห่งใดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในประเทศต่างๆอยู่ทั่วโลกซึ่งมีประมาณ 75 Posts

เมื่อนั้น ตำแหน่งของท่านเมื่อไปปฎิบัติงานในสถานทูต จะถูกเรียกว่า เลขานุการตรี เป็น title แต่หากท่านได้รับการแต่งตั้งให้ไปปฎิบัติหน้าที่ ณ สถานกงสุลใหญ่ แห่งใดแห่งหนึ่ง title ของท่านก็จะเป็น " กงสุล " หรือ Consul

ระยะเวลาของการไปประจำการในต่างประเทศตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศ ไม่เกิน post ละ 4 ปี หมายความว่าทุกท่านจะรู้ตัวล่วงหน้าว่า การย้ายครอบครัวไปประจำการที่สถานทูต/สถานกงสุล ในแต่ละครั้ง มีกำหนดไม่เกิน 4 ปี ทั้งนี้เพื่อให้มีการสับเปลี่ยน หมุนเวียนให้ข้าราชการท่านอื่นๆ ได้มีโอกาสไปทำงานบ้าง และก็เป็นการช่วยให้ท่านไม่จำเจจนเกินไป ที่สำคัญคือ เพื่อให้ท่านมีประสบการณ์ในงานสถานทูต/สถานกงสุลของจริงเป็นระยะเวลาอันสมควร แล้วก็ต้องหมุนเวียนกลับมาปฎิบัติงานต่อในกระทรวง ฯ

อย่างไรก็ตาม ท่านอาจกลับก่อนครบเทอม 4 ปีก็ย่อมได้ ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ ท่านถูกกระทรวง ฯ เรียกตัวกลับก่อนกำหนด ( มีpromotion ดีๆ ให้ หรือ ถูกลงโทษ !!! ) หรือท่านขอกลับเองด้วยเหตุอื่นๆ ที่เหมาะสม เช่น ป่วย ฯลฯ แต่มิใช่ด้วยเหตุผลว่าท่านไม่ชอบประเทศนี้ )

เช่นเดียวกัน กระทรวงอาจเห็นความจำเป็นพิจารณาให้ท่านอยู่ต่อเกิน 4 ปีด้วยเหตุผลพิเศษเพื่อประโยชน์ทางราชการ ก็ย่อมได้ ไม่ว่าประเทศนั้นๆจะถูกใจท่านหรือไม่ก็ตาม

3. คำถาม : รายได้ของเลขานุการตรี ประจำสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี ได้เท่าไร ?

คำตอบ : ตำแหน่งเลขานุการตรี เป็นตำแหน่งของข้าราชการระดับต้นๆ แรกเข้าทำงาน คือเพิ่งรับราชการได้ประมาณ 2- 3 ปี ทั้งอายุก็ยังไม่มาก หลายคนยังไม่มีครอบครัว

รายได้ประจำเดือนจากการรับราชการในต่างประเทศ ขอบอกว่า " อยู่ได้สบาย และเหลือเก็บ หากไม่ฟุ่มเฟือยมาก "

ให้อธิบายละเอียดกว่านี้ไหม ??? ก็ได้.......ด้วยความยินดี

ข้าราชการประจำการในต่างประเทศ จะได้รับเงินเดือนประจำเดือนตามระดับของตนตามปกติเช่นอยู่ในเมืองไทย เช่น เลขานุการตรี ( ซี 4 ) จะมีเงินเดือนประมาณ 7 พัน ถึง ประมาณ 9 พันบาท เช่นเดียวกับข้าราชการไทยทั่วไปในระดับเดียวกัน ไม่ว่าอยู่กระทรวงใด

แต่เนื่องจากรัฐบาลไทยเล็งเห็นถึงความยากลำบากของข้าราชไทยในการครองชีพในต่างประเทศ ที่นักการทูตจะต้องมีความเป็นอยู่อย่างสมศักดิ์ศรีของประเทศชาติไทย มิให้นักการทูตไทยต้องมีความเป็นอยู่กระจอก ๆ เป็นที่อดสู เป็นที่ดูถูกของต่างชาติได้ รัฐบาลไทยจึงพิจารณามอบเงินพิเศษที่เรียกว่าเงิน พ.ข.ต. ( เงินเพิ่มสำหรับข้าราชการประจำต่างประเทศ ) ประจำเดือน ให้

ทั้งนี้ ข้าราชการที่ประจำการในต่างประเทศจะได้รับเงิน พ.ข.ต. นี้ในอัตราไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับค่าครองชีพของประเทศนั้นๆ เป็นเกณฑ์สำคัญ เช่น หากประจำการในประเทศแถบเอเซียบางประเทศ จะได้รับเงิน พ.ข.ต. น้อยกว่าผู้ที่ประจำการในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หรือ UK หรือ USA เป็นต้น (เงิน พ.ข.ต. ให้นักการทูตไทยที่ประเทศญี่ปุ่นมีอัตราสูง พอ ๆ กับนักการทูตไทยที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้รับ)

ข้าราชการที่ไปประจำการในต่างประเทศสามารถ " เก็บเงิน " ได้เป็นกอบ เป็นกำก็ตอนไปประจำการในต่างประเทศนี่แหละ หากตนไม่ฟุ่มเฟือย หรืออีลุ่ยฉุยแฉก

หากถามว่า " ได้มากไหม? " ตอบได้ว่า หากอัตราค่าจ้างแรงงานของคนประเทศนั้นที่จบปริญญาตรี เขาได้กันเดือนละเท่าไร รัฐบาลไทยก็จ่ายให้ไม่น้อยหน้าเขา หรือหากจะได้น้อยกว่าเขา ก็ไม่มากนัก( ประเทศในยุโรป และสหรัฐ ฯ )

รับรองว่าอยู่ได้ และมีเหลือเก็บแล้วกันน่า

ทั้งนี้ ข้าราชการหน่วยงานอื่นๆ กรุณาไม่ต้องอิจฉา เพราะตำแหน่งนักการทูตไทยในต่างประเทศ ตกอยู่ในสภาวะค่าครองชีพที่ไม่เหมือนกับข้าราชการในประเทศไทย เพราะนักการทูตไทยตามสถานทูตไทยในบางประเทศ ต้องซื้อของบริโภคในราคาแพงกว่าคนไทยในประเทศไทย เช่น ในบางประเทศต้องซื้อเนื้อหมูกิโลละ 3 - 400 บาท ( ราคาเมืองไทย 100 กว่าบาท ) หรือต้องซื้อข้าวสารมากรอกหม้อในราคาแพงกว่าซื้อในเมืองไทยถึงเท่าตัว ซึ่งยังไม่นับถึงค่าใช้จ่ายประจำวันอื่นๆ ที่แพงกว่าเมืองไทยในทุกรายการสินค้า

นอกจากนี้ ตำแหน่งนักการทูตยังต้องเสี่ยงต่อการก่อการร้าย เสียงต่อการถูกจับเป็นตัวประกันในกรณีพิพาทระหว่างประเทศต่างๆ หรือถูกฆ่าตาย ดังที่ท่านจะได้ข่าวเสมอว่านักการทูตประเทศต่างๆ จะถูกจ้องเล่นงานเป็นอันดับแรกทุกงาน

ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ความเป็นอยู่ในบางประเทศที่นักการทูตถูกส่งไปประจำการนั้น มีสภาพแวดล้อมไม่ดี เช่น สกปรก แออัด เหม็น หรือผู้คนไม่เป็นมิตร หรือลำบากในการเป็นอยู่บางประการ ฯลฯ ซึ่งนักการทูตอาชีพก็ต้องไปประจำการเมื่อมีคำสั่ง เพราะเป็น " คำสั่ง " ของทางราชการที่ข้าราชการที่ดีจะปฎิเสธไม่ได้

4. สุดท้าย คือคำแนะนำแก่ท่านเจ้าของกระทู้ ที่หากท่านประสงค์จะมีอาชีพป็นนักการทูตไทยที่มีโอกาสไปทำงานในตำแหน่งเลขานุการ ในสถานทูตไทยในต่างประเทศ มีหลักอยู่ 2 - 3 ข้อ ดังนี้

4.1 เรียนภาษาต่างประเทศภาษาใดภาษาหนึ่งให้เก่ง เก่ง เก่ง ขั้นใช้งานได้ดีมาก มาก มาก ทั้งอ่าน และเขียน โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ เพราะท่านต้องไปต่อสู้กับนักเรียนนอกตัวจริง ที่เรียนต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก อายุ 4- 5 ขวบ

4.2 หาความรู้รอบตัวทั่วไปให้กว้างขวางนอกจากวิชา major ที่ตนเรียนมาโดยเฉพาะ เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศ องค์การสหประชาชาติ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

4.3 หัดใช้ภาษาไทยในการเขียน และในการพูดให้เก่งมาก มาก มาก ( อันนี้สำคัญมากๆ นะ ทำอย่างไรจะเขียนภาษาไทยให้คนไทยอ่านเข้าใจแล้วดูระรื่นตา และทำอย่างไรที่พูดออกมาแล้วให้ผู้ฟังมีความรู้สึกที่ดี น่ะ )

ที่สำคัญ มีคนเก่งเต็มไปด้วยความรู้ดีๆมากมายที่เข้ามาสมัครสอบเป็นคู่แข่งของท่านในทุก ๆ ปี

ขอให้ท่านโชคดี และสมปรารถนา
แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 53 21:49:51

จากคุณ : นักการทูตฝึกหัด ปี 1 (Detente)

เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 53 21:12:59