PANTIP.COM : H8772128 ^_^ ขั้นตอนการพาน้องหมา จากอเมริกา เข้า ไทย (แบบไม่ละเอียด) []

ความคิดเห็นที่ 7

อ้าว....ลืมอีกจนได้

ว่าจะเล่าถึง ตอนทรานซิสที่ญี่ปุ่นค่ะ
บินจาก ไทย เปลี่ยนเครื่องที่ญี่ปุ่น และ ญี่ปุ่น อเมริกาค่ะ

ตอนลงจากเครื่องที่ญี่ปุ่น จะมี จนท มาถือป้ายรอรับเลยค่ะ
เนื่องจาก ทางสายการบินนอร์สเวสต์ ทราบแล้วว่า เราจะบินมาพร้อม
น้องหมาด้วย มาถึง เค้าก็เอาเอกสารทั้งหมดทั้งปวงที่เรามีไป
แล้วบอกว่า ให้เราไปรอที่ gate ของเที่ยวบินต่อไปได้เลย

รอแล้วรอเล่า จนเค้าเรียกขึ้นเครื่อง จนท ก็ยังไม่มา แอบใจเต้นตุ้มต่อม
อยู่เหมือนกัน แต่อีกอึดใจนึงก็กลับมา พร้อมกับบอกว่า ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วค่ะ พอมาถึงอเมริกา ไม่ต้องทำเรื่องอะไรเลย ไม่มีใครถามถึงเรื่องเอกสารน้องหมาสักคนเลยค่ะ เดินผ่าน ตม. มาเฉย ๆ ปกติเหมือนเวลา
มาตัวเปล่าค่ะ

มีข้อแนะนำเพิ่มเติมนะคะ เกี่ยวกับน้องหมา

อย่าลืมติดพวก goody ไว้ให้เค้าทานระหว่างบินด้วย
ถ้าเป็นอาหารเค้าอาจจะไม่ทานนะคะ เลือกเป็นขนมของเค้าดีกว่า
พอรองท้องได้บ้าง

พาชนะใส่น้ำใส่อาหารอันเล็ก ๆ

กระดาษทิชชู่ เผื่อเค้าถ่าย

ผ้าห่มผืนเล็ก ๆ

สายจูง ปลอกคอติดไปด้วยค่ะ เผื่อมีโอกาสให้เค้ายืดเส้นยืดสาย
อยู่ในกระเป๋าเล็ก ๆ นาน ๆ คงเมื่อย(แต่ของเราไฟล์เฉียดฉิวค่ะ
ไม่มีเวลาเลย)

ปลอกคอกันเห่า อันนี้อาจจะดูโหดร้ายไปสักหน่อย แต่ก็ต้องยอมนะคะ
ไม่งั้นเค้าจะ panic มาก คนเยอะแยะ เสียงเครื่องเสียงอะไรต่าง ๆ
หนำซ้ำ เด็ก ๆ บนเครื่องชอบมาแหย่ เวลาเค้าเห่าก็เกรงใจผู้โดยสารคนอื่น ๆ ค่ะ บางคนเค้าก็เข้าใจ แต่บางคนก็ด่าเอาก็มีค่ะ แล้วเราก็อยากจะด่า parent ของเด็กบางคนเหมือนกันนะ ปล่อยให้ลูกมาแหย่น้องหมาเราอยู่ได้

เตรียมใจด้วยนะคะเรื่อง พนง ต้อนรับบางท่าน ตอนเราบินจากอเมริกาไปญี่ปุ่น ไม่มีปัญหาอะไรนะคะ คือวางกระเป๋าน้องหมาไว้ที่เท้าเหมือนเป็นสัมภาระอันหนึ่ง แต่พอบินญี่ปุ่นไปไทย เจอแอร์คนไทย เค้าบอกว่า
ต้องเอากระเป๋ายัดไว้ใต้เบาะ ซึ่งมันยัดไม่ลงค่ะ ถึงแม้ขนาดกระเป๋าจะได้มาตรฐานสายการบินแล้วก็ตาม แต่ทำยังไงมันก็ยัดไม่ลงค่ะ เนื่องจากมันมีโค้งเว้า มีมุม และถึงจะเป็น soft case แต่มันก็แข็งเกินกว่าจะยัดใต้เบาะนะคะ แต่พี่แอร์ แกจับน้องหมาเราตะแคงแล้วก็ยัด ๆ ๆ จนกระเป๋าบู้บี้ไปหมด
น้องหมาเราก็เคลงไปมาค่ะ เราก็ไฟลท์เต็มที่เลย บอกว่า บินมาจากอเมริกาตั้งสิบกว่าชั่วโมงก็ไม่เป็นอะไร ไม่มีใครว่า แค่นี้อนุโลมกันไม่ได้เหรอ น้องหมาเราเหนื่อยมากแล้ว จะเอายังไงอีก แล้วนี่บินอีกตั้งหก ชั่วโมง จะให้ยัดกระเป๋าไว้แบบนี้ตลอดเลยเหรอ เค้าก็บอกว่า มันเป็นกฎ ไม่งั้นเครื่องออกไม่ได้ (แอร์คนไทยนะคะ แต่คุยกับเราเป็นอังกฤษ เหมือนกันว่าพยายามจะเบลมเราให้คนอื่นได้ยิน ให้คนอื่นคิดว่าหากเครื่องออกไม่ได้ ก็เพราะเราและน้องหมาอ่ะ ) เราเลยบอกว่า โอเค งั้นขอคุยกับเพอร์เซอร์ หรือไม่ก็ขอคุยกับกัปตันได้มั้ย เราเชื่อว่า คนอื่น ๆ ก็ต้องอนุโลมให้ได้ (แอร์คนอื่น ๆ เค้าก็พยายามช่วยนะคะว่าขอเถอะพี่ ไม่เป็นไรหรอก น้องเค้าบินมาจากอเมริกายังได้เลย แต่คนนี้เค้าไม่ยอมซะเลย) จนกระทั่งเถียงกันไปมา เค้าเลยบอกว่า งั้นขอแค่ตอน take off พอสัญญาณปลดเข็มขัดขึ้นเมื่อไหร่ เราค่อยสามารถเอาน้องมาออกจากใต้เบาะได้ เราก็เลยต้องยอมค่ะ แต่โกรธมากมายเลย

คราวนี้ เราว่าจะคุยกับคุณหมอ ขอยาที่ทำให้เค้าง่วงซึมค่ะ
คุณหมอเคยบอกไว้ แต่ตอนนั้นเราไม่เอา เพราะปกติน้องหมาเรา
ไม่ค่อยเห่า แต่คราวนี้อาจจะเอาติดไปค่ะ เพราะคราวที่แล้วเหนื่อยมาก
ไม่ได้นอนเลยตลอดการเดินทาง เพราะต้องคอยปลอบเค้าไม่ให้เห่า
ก้ม ๆ เงย ๆ จนปวดหลังไปหมดเลยค่ะ

อืม...นึกอะไรไม่ออกแล้วค่ะ
ยังไงมีคำถามอะไรฝากไว้ได้นะคะ ยินดีค่ะ

จากคุณ : Devil & Angel 2 Become Me

เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 53 05:25:40