ความคิดเห็นที่ 1   เพราะตัวเองล้วนๆ อย่าไปหลงเชื่อเรื่องเพลงเป็นตุเป็นตะหน่อยเลย จากคุณ : สมอง เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 12:53:32 A:118.208.212.56 X: TicketID:083310

ความคิดเห็นที่ 2 คนเราเกิดมาเพื่อจาก จากคุณ : Scooterella เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 13:00:40

ความคิดเห็นที่ 3 ปัจจุบัน.... ไม่ใช่พรหมลิขิต แต่คนลิขิตตัวเอง โดยเฉพาะปัจจุบัน ตั้งใจลิขิตตัวเองกันเยอะมาก จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 13:10:35

ความคิดเห็นที่ 4 ลองอ่านดูจ๊ะ น่าจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้นนะคะ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y8818461/Y8818461.html http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y8822165/Y8822165.html โชคดีค่ะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 13:32:07

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตนะคะ ตัวเองเชื่อว่าคนเราสามารถเลือกทางเดินชีวิตได้ค่ะ จากคุณ : หมูหวาน เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 13:46:14

ความคิดเห็นที่ 6 คนเราอยู่บนความไม่แน่นนอนเสมอ ไม่จากกันวันนี้ อย่างไรวันหน้าก็ย่อมจากกันโดยความตาย แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 53 13:54:36 จากคุณ : Pocatzila เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 13:53:46

ความคิดเห็นที่ 7   ที่เขียนเพราะว่า เราเชื่อเรื่องศาสนาพุทธ เรื่องเวรกรรมนะ นั่งสมาธิบ่อย เราถึงไม่ชอบดูดวง หรือเชื่อพวกฤกษ์ยาม แต่มักมีคนทักว่า เรากับแฟนเก่าไม่ใช่คู่กัน เราไม่เคยสนใจ และที่ผ่านมาตั้งแต่เด็ก เราทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอด และก็เชื่อมาตลอดว่า เราสามารถลิขิตชีวิตตัวเองได้ แต่สุดท้าย ก็เลิกกันจริงๆ ตามระยะเวลาที่เคยมีคนทักด้วย (เลิกไปแล้ว ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้นะคะ) ตอนนี้เลยชักจะไม่แน่ใจแล้ว ว่าสิ่งที่เราตั้งใจมันจะบังเกิดผลอย่างที่เราคิดจริงเหรอ หรือ บางอย่าง ธรรมชาติจัดสรรมาให้แล้ว จากคุณ : เจ้าของกระทู้ เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 13:57:29 A:202.183.217.56 X: TicketID:154991

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าตามความเข้าใจในศาสนาพุทธของเรา คำตอบน่าจะเป็นเพราะทำบุญร่วมกันมาแค่นั้น เมื่อถึงเวลาก็ต้องจากกันไปค่ะ แก้ไขเมื่อ 02 ก.พ. 53 15:43:12 จากคุณ : ... (Auntie DEE) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 14:35:37

ความคิดเห็นที่ 9 เราลิขิตชีวิตของตัวเราเองครับ เห็นด้วยกับพี่  JidNince  ครับ จากคุณ : ไอ้คุณแหลม เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 14:50:36

ความคิดเห็นที่ 10   ไม่ใช่ธรรมชาติจัดสรรหรอกค่ะ กรรมจัดสรรมากกว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมค่ะ ตามหลักพุทธศาสนา ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยลอยๆ หรือบังเอิญ กรรมเท่านั้นที่เป็นคำตอบ ลองไปอ่านโอวาทสี่ของท่านเหลี่ยวฝานดูสิคะ ท่านเคยเจอหมอดูทำนาย เป็นหมอดูที่แม่นมากกกกกกก ทำนายทุกอย่างถูกต้อง แต่เพราะเชื่ออาจารย์ของท่าน ท่านเลยทำการเปลี่ยนแปลงชะตาของตัวเองได้สำเร็จ หมอดูทำนายว่าท่านจะไม่มีบุตรสืบสกุล จะตายเมื่ออายุประมาณห้าสิบ ท่านฝืนชะตาด้วยการทำความดีมากๆๆ แล้วก็ได้ลูกสืบสกุล อายุห้าสิบก็ไม่ตาย ทั้งๆ ที่ไม่เคยขอต่ออายุตัวเอง เพียงแต่สร้างสมความดีไว้ทุกวัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกรรม (การกระทำ)ของคุณล้วนๆ ค่ะ จากคุณ : กระปุกตังฉ่าย เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 15:49:10 A:124.180.89.231 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 11 เพราะว่าเหตุการณ์และคนที่ผ่านมาในชีวิต หล่อหลอมให้เราเป็นเรา ได้เรียนรู้จากเขา ในชั่วเวลาหนึ่งแล้วก็จากกันไป เพื่อที่เราจะได้ใช้สิ่งที่เรียนรู้มา กับเหตุการณ์ใหม่ คนไม่ สถานที่ใหม่ เป็นเบบนี้เรื่อยๆ ไป จากคุณ : mrs.night owl เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 16:38:50

ความคิดเห็นที่ 12 จริงๆแล้วคำว่า ''พรหมลิขิต'' ให้มาพบกันนั้น มันเป็นเพียงข้ออ้างของคน 2 คนที่ต้องการจะรัก/ชอบกัน แต่ข้อเท็จจริงนั้นคือ ... ''กรรมลิขิต'' ให้มาพบกันต่างหาก ... หากเคยนั่งสมาธิหรือปฏิบัติธรรมมาแล้ว ... น่าจะเข้าใจในข้อนี้ ว่า ... กรรมหรือการกระทำของเรานั้นไม่ว่าจะในอดีตชาติหรือชาตินี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตคนเรา ณ ปัจจุบันนี้ มากกว่าพระพรหมผู้เป็นเพียงชาวสวรรค์ชั้นสูง และเป็นต้นเหตุซึ่งลิขิตให้คนมารักกัน ... ตามที่เข้าใจ *-*-*-* คุณลองมองดูตัวเอง ณ ปัจจุบันนี้สิว่า ... ทำไมแฟนถึงเลิกร้างห่างคุณไป เรื่องแบบนี้มันต้องมีเหตุก่อนจะมีผล คุณอาจจะเคยทำอะไรไม่ดีกับแฟนคุณมาก่อนก็ได้ เพียงแต่คุณลืมที่จะดูตนเองไป แต่ไปโทษว่าเพราะพรหมลิขิตพาเราให้มาพบกัน ... ทำไมถึงทำให้เราต้องพรากจากกันด้วย ... แบบนั้นมันยี่เกไปแล้ว คนมีสติจะไม่โทษดินฟ้าอากาศหรืออินทร์พรหมยมพบาลที่ไหน ... แต่จะค่อยๆพิจารณาที่ตัวเองก่อน ลองดูตน ดูการกระทำของตัวเองในอดีต-ปัจจุบันนี้ดู แล้วจะรู้ว่าทำไมคุณและแฟนคุณถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ *-*-*-* การนั่งสมาธิสำหรับบางคนไม่ได้มีผลอะไรต่อชีวิตมากไปกว่าการแค่นั่งหลับตา แต่หารู้ไม่ว่าใจล่องลอยไปจับตรงนั้นทีตรงนี้ที ไม่ได้มีความสงบหรือเป็นสมาธิเกิดขึ้นจริง ไม่มีประโยชน์อันใด ... หากนั่งสมาธิแล้วยังไปเชื่อคนทักว่าเดี๋ยวเลิก เดี๋ยวคู่ เดี๋ยวอยู่ด้วยกัน หากเป็นผู้ปฏิบัติธรรมจริง ... เดี๋ยวธรรมะก็จัดสรรให้เองว่าใครควรคู่กับใคร ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 16:45:55

ความคิดเห็นที่ 13 เคยอ่านจาก fwd mail พระท่านบอกว่า เป็นเพราะ เราทำบุญร่วมกันมาแค่เท่านี้ (พอหมดบุญแล้ว ก็เลยมีเหตุให้ต้องจากกัน) จากคุณ : โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ (petrified) เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 17:15:37

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อก่อนก็เคยคิดเหมือนคุณจิ๊ดนินท์ กับคุณไอ้คุณแหลมว่าเราลิขิตชีวิตของตัวเราเอง เพราะเชื่อตัวเองและการตัดสินใจของตัวเองมาตลอดไม่เคยเชื่อดวงหรือหมอดู พอเริ่มมาศึกษาและปฎิบัติธรรมมากขึ้นก็เข้าใจเหมือนคุณกุศโลบายจากความจริง ว่ากรรมลิขิตให้คนสองคนมาพบกันมากกว่า จะกรรมดีหรือกรรมชั่วก็แล้วแต่ว่าสองคนจะปฎิบัติต่อกันอย่างไรค่ะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 18:06:18

ความคิดเห็นที่ 15 สำหรับเราคิดว่าเรากำหนด แต่ฝ่ายตรงข้ามเราเดาใจเขาไม่ได้ว่าทุกวันเขาคิดอะไรอยู่ แต่การใช้ชีวิตแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน บางทีก็เหนื่อยกับความรัก บางทีก็กลัวคิดว่าเราจะอยู่ไม่ได้เพราะไม่มีเขา จากคุณ : Bany_jung เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 18:08:46

ความคิดเห็นที่ 16   เราเข้าใจสัจธรรมนะ มันเป็นกรรมที่ทำกันมา ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัย ไม่มีใครผิด แต่ต่างคนต่างรับข้อเสียกันไม่ได้ ทางออกที่คิดว่าดีที่สุด ที่เราเลือกที่จะทำคือ ก็ต้องเลิกกันไปมีชีวิตของตัวเอง ไปเจอคนที่แมตช์กับตัวเอง เพราะยิ่งฝืนทนกันอยู่ ก็มีแต่จะตะโกนด่ากัน สร้างกรรมไม่ดีต่อกัน แต่ในทางปฎิบัติ พอจบแล้วจริงๆ มันยากจะทำใจนะ แต่เราก็พยายามอยู่ คือ ก็เศร้า แต่ไม่ได้เศร้าแบบฟูมฟายแล้วนะคะ จากที่น้ำตามันไหลตลอดเวลา กลายเป็นไม่มีอะไรจะให้ไหลแล้ว แค่รู้สึกจุกๆอก แค่นั้นเอง เราเห็นด้วยว่านั่งสมาธิไม่ค่อยได้ช่วยอะไร เราก็ไม่เลือกที่จะใช้วิธีนั่งสมาธิเป็นตัวช่วยเลย เพราะนั่งด้วยจิตไม่นิ่ง ก็เหมือนนั่งหลับตาเฉยๆ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 18:26:52 A:202.183.217.56 X: TicketID:154991

ความคิดเห็นที่ 17 ขอให้นั่งจนนิ่งนะคะ ของบางอย่างก็แก้บางอย่างไม่ได้จ๊ะ ไม่มีใครมาทำให้เรารักได้ ถ้าใจเราไม่รัก  และไม่มีอะไรทำให้คนเราเลิกรักกันได้ นอกจากหมดรัก (ส่วนปัญหาอื่น ๆ ไม่ทราบเช่นกัน) ช่วงนี้เป็นช่วงรอให้หัวใจเกิดกรตกตะกอน จิตใจกำลังประมวลเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมาที่เคยทำร่วมกันทั้งดีและไม่ดี...จิตใจคนเราเมื่อเวลาเจอกับสิ่งที่ไม่เคยเป็นเหมือนที่เคยเป็น ก็มักจะโหยหา เหมือนคนเคยชินกับการนอนห้องแอร์ พอนอนห้องพัดลม ก็มักจะกระสับกระส่าย แต่พอเวลาผ่านไปหัวใจก็จะเริ่มปรับตัวได้เอง แต่ทั้งนี้เวลาที่ว่าก็แตกต่างกันไป ตามภูมิคุ้มกันทางด้านจิตใจของแต่ละคนค่ะ....ชีวิตเป็นของเรา จงใช้ให้มีค่า อดีตที่ผ่านมา ถือว่าเป็นบทเรียนค่ะ... ขอให้เข้มแข็งไวไว เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:02:28

ความคิดเห็นที่ 18 16 * ^ ^^ การที่คุณยังทำใจไม่ได้ ก็เพราะคุณยังคงยึดติดอยู่กับรูป รส กลิ่น เสียงของอดีตสามี/แฟนของคุณอยู่ พอห่างหายกันไปนานๆเข้า เดี๋ยวคุณก็จะค่อยๆปรับตัวปรับใจและลืมเขาไปได้เอง ดีไม่ดีหากได้พบคนใหม่ที่ใช่กว่าเดิม ... คุณอาจจะนึกขอบคุณเขาที่ทิ้งคุณไปเพื่อให้คุณพบคนใหม่ที่เหมาะสมกับคุณมากกว่าเขาก็ได้ *-*-*-* คู่ที่ทนข้อเสียของซึ่งกันและกันได้ดีเท่านั้น ... ถึงจะสามารถอยู่ด้วยกันโดยไม่มีการหย่าร้าง (เขาเรียกคู่เวรคู่กรรม) เคยได้ยินพ่อแม่ลุงป้าน้าอาบ่นกันดังๆไหมว่า '' นี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของฉันถึงต้องมาทนเป็นทาสรับใช้อยู่แบบนี้ ... (ปากก็ว่าไปอย่างนั้นแต่จริงๆแล้วก็ทำให้) ว่าแล้ว ... มือก็จัดการควงตะหลิวเคาะกะทะทำกับข้าวให้สามีรับประทานต่อไป ... '' แต่คนสมัยนี้ไม่มีใครมาทนกับข้อเสียของอีกฝ่ายหรอกค่ะ ... เพราะทุกคนย่อมต้องการมีชีวิตเป็นของตัวเองดีกว่าทนกับการอยู่กับคนอื่น แต่เมื่อเลิกรากันไปแล้ว หากอีกฝ่ายหนึ่งโชคดีได้เรียนรู้วิถีทางในการดำเนินชีวิต เรียนรู้ที่จะรักแบบไม่หวังสิ่งใดใดเลย และโดยการนำข้อผิดพลาดในอดีตมาแก้ไขปัจจุบันให้ดีขึ้นด้วย ตัวคุณก็จะหมดเวรหมดกรรมกับคนที่จากไปแล้ว อวยพรให้เขาไปดีมีความสุขเถอะค่ะ แล้วคุณก็จะสุขเหมือนกัน ... อย่าไปจมอยู่กับความเจ็บปวดเลย เสียเวลาเปล่า ... *-*-*-* อาการจุกอยู่ที่อกก็คือความขมขื่นที่คุณได้รับ ... เมื่อใดหันมาพิจารณาตัวเองมากกว่าเดิม เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม รู้ความผิดพลาดและไม่โทษคนอื่น เมื่อนั้นความขมขื่นก็หายไปเอง ... *-*-*-* คุณจะเห็นว่าจริงๆแล้ววิถีแห่งชาวพุทธนั้น ... จะสอนให้คนที่มีทุกข์เพราะความรักได้ปล่อยวางกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่ไปยึดมั่นถือมั่นกับความรัก เมื่อใดมีรักเมื่อนั่นมีทุกข์ ใครๆก็รู้กันอยู่ ... แต่เมื่อคนเรายังเป็นปถุชนคนธรรมดาๆ เมื่อหลีกเลี่ยงความรัก ความใคร่ไม่ได้ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความรัก (ทุกประเภท) อย่างมีสติ และ ปล่อยวางความเจ็บปวดลงเมื่อมันมาเยือนเรา ... ก็เท่านั้นเอง จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 53 21:08:25

ความคิดเห็นที่ 19 แล้วแต่บุญแต่กรรมค่ะ .. อาจจะทำบุญร่วมกันแค่นี้ ถึงเวลาจากมันก็ต้องจาก โลกนี้ไม้มีอะไรแน่นอน.. มีความสุขกับทุก ๆ วันดีกว่าค่ะ จากคุณ : บาร์บี้vsนักกล้าม (บาร์บี้vsนักกล้าม) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 01:33:20

ความคิดเห็นที่ 20 What I believed is: THING happen for some REASON จากคุณ : BorN To bE AlonE เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 07:02:25

ความคิดเห็นที่ 21 เราเชื่อว่าแล้วบุญกรรมที่ทำมา สำหรับสามีเรา เราได้อธิษฐานขอให้เจอคู่แท้ ที่เคยเป็นคู่แท้กันมาก่อน และขอให้มีบุญเสมอกันเพราะเราชอบทำบุญ ถ้าบุญไม่เสมอกัน จะทำให้ทะเลาะกันเรื่องทำบุญ และเราก็ได้อธิษฐานอโหสิกรรมให้กับคู่เก่าที่เป็นจะเป็นคู่กรรม ให้คลาดแคล้วและมีเหตุให้จากกันด้วยดี และอโหสิกรรม อย่าได้ทำให้กันเจ็บซ้ำอีกเลย ที่เราทำเช่นนั้นเพราะมีแต่คนมารักมาชอบแต่พอจะแต่งงานก็ไม่เอา เราเคยอกหักและหักอกเค้า เราเลย คิดว่าพอแล้ว ไม่อยากจะเสียใจเสียเวลาอีกแล้ว เราเลยอธิษฐานกับพระรัตนตรัย และเราก็ได้เจอกันสามีเรา ที่เป็นคนดีสำหรับเรา จากคุณ : Cutie_May เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 08:53:45

ความคิดเห็นที่ 22 ดวง จากคุณ : ฮักเมาน้องหล้า เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 12:30:50

ความคิดเห็นที่ 23 พรหม  ลิขิตให้เรา "ได้เจอกัน"  แต่คนสองคนเป็นผู้ลิขิต "ชีวิตรัก"  และ "ชีวิตคู่"  ร่วมกัน จากคุณ : monchen เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 53 15:29:53

ความคิดเห็นที่ 24 ก็เพราะพรหมลิขิต คิดผิดจับคู่ให้ผิดไงคะ อะไรๆก็ผิดพลาดกันได้เนอะ จากคุณ : ETHNOMUSIC เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 00:54:16

ความคิดเห็นที่ 25 จากคำกล่าวของคุณ "ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัย ไม่มีใครผิด แต่ต่างคนต่างรับข้อเสียกันไม่ได้" นั่นล่ะครับ "ผล" ที่เกิดขึ้น มันมาจากเหตุที่คุณทั้ง 2 "รับข้อเสียกันและกันไม่ได้" จึงทำให้ต้องเลิกรา ไม่ใช่พหรมลิขิตอะไรเลย ฉะนั้น ทางที่อาจจะช่วยคุณได้มี 2 ทางครับ (ทางออกที่น่าจะเป็นไปได้ในกรณีนี้ คือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ:ในความคิดของผมนะครับ) 1. ถ้าอยากคบกันต่อไป ก็ต้องต่างฝ่ายต่างต้องปรับตัวและเ้าใจธรรมชาติของคนเราว่าไม่มีใคร Prefect ในทุกเรื่อง ก็จะทำให้เริ่มยอมรับกันและกันมากขึ้นครับ 2. หากยากที่จะกลับมาคืนดีกัน ก็คงต้องเอาไว้ตอนที่เจอ "คนที่คิดว่าใช่" อีกที แล้วศึกษาอุปนิสัยใจคอกันให้ดีก่อนที่จะเป็นแฟน/สามีภรรยา อาจเริ่มจากคำว่า "เพื่อน" ก่อน เพราะมันทำให้เรารู้จักตัวตนที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้ามครับ จากคุณ : weyah (weyah) เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 20:07:36

ความคิดเห็นที่ 26 หลาย ๆ ครั้งในชีวิตเราก็เคยสงสัยว่าทำไม? ทำไมมันต้องเป็นเราด้วย? จนมาได้เจอหนังสือเล่มนี้ "กรรมพยากรณ์" ของคุณดังตฤณ http://www.dungtrin.com/index.php?option=com_content&view=category&id=45:deed-forecast&Itemid=278 ก็ทำให้เราพอจะเข้าใจได้มากขึ้นในเรื่องกรรม แล้วก็ทำให้เรายอมรับได้ในระดับนึงว่าทำไมมันจะต้องเป็นเรา ลองอ่านดูนะคะ ยิ่งช่วงเวลาจิตตกเนี่ยช่วยได้มากเลย ^^ จากคุณ : น้องแหนมเนือง เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 53 23:04:18

ความคิดเห็นที่ 27   กรรมลิขิตค่า (โดนรุมประชาทัณฑ์ณบัดนาว...อ่ะจ๊ากส์) จากคุณ : me (indulge corner) เขียนเมื่อ : 6 ก.พ. 53 22:34:13