ความคิดเห็นที่ 1 อ่านแล้วแอบขำ ที่บ้าน ก้อมีแค่คนแก่ๆๆๆ คะ แต่น่ารักทุกคนเลย คิดตามสภาพ เวลากวาดหิมะ แค่คิดก้อเหนื่อยแล้วคะ จากคุณ : Hamugo เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 13:14:17

ความคิดเห็นที่ 2 เพื่อนๆ คนญี่ปุ่นของเรามีแต่คนแก่เหมือนกันค่ะ ^^ แกไม่มีเพื่อนเล่นก็มาชวนเราทำนู้นนี่ บางทีต้องไปเพื่อนพวกท่านซ้อมพิธีชงชา พิธีการโบราณๆ ทั้งหลายนะ แกว่างกันมาก แต่ก็ได้ประสบการณ์ดี รู้สึกว่าคนแก่เค้าจริงใจกว่าพวกสาวๆ .. จขกท เล่าสนุกดีค่ะ   จากคุณ : Soul Monogatari * เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 13:24:48

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านแล้วสนุกดีครับ ผมเองก็ต้องช่วยที่ศูนย์กวาดหิมะเหมือนกัน (อยู่นากาโน่) เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ หิมะเฉยๆมันเบา แต่ถ้าหิมะอุ้มน้ำนี่มันหนักโคตรๆเลยครับ อิจฉาคนหล่อคนเดียวในละแวกจังครับ ของผมในแล็บผู้ชายก็ปาไปหกคนแล้ว ผู้หญิงสองคนเอ๊งงงงง (เมื่อวานชอกโกแล็ตก็ไม่ได้ เฮ้อออ) จากคุณ : กุ้งบก เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 14:30:52

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านแล้วคิดถึงเขต 夕張　(Yuubari) ขึ้นมาเลย ที่มีแต่คนแก่ๆ หนุ่มสาวหนีไปทำงานในเมืองหรือไปโตเกียวหมด ร้านค้าปิดตัวกันหมด เขตก็ไม่มีเงินจนเจ๊ง (破綻) เพราะคนหนุ่มสาวไม่ค่อยมี ตอนแรกนึกว่าคุณจขกทจะมาบ่นแบบนี้ซะอีกว่าคนแก่เป็นภาระ ( เพื่อนเราคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่พูดแบบนี้น่ะค่ะ น่าเศร้านะ ) แต่พออ่านๆไปค่อยยังชั่ว มันเป็นคนละเรื่องกัน ^^″ แถวบ้านไม่ค่อยมีหิมะ ( ตกทีก็ดีใจไปสามวันแปดวัน แต่มันตกจึ๋งเดียวเองค่ะไม่ค่อยได้อารมณ์ประเทศหนาวเลย ) เมื่อไม่ค่อยมีหิมะก็เลยไม่เคยได้กวาด เพิ่งรู้ว่ามีความคิดเกี่ยวกับการกวาดแบบนี้ด้วยนะคะ เดี๋ยวลองถามพี่สาวดูดีกว่า พี่เค้าอยู่ทางเหนือเหมือนกันเห็นพี่เคยบอกว่าหิมะตกหนักน่าเบื่อมากมาย ต้องมากวาดๆไม่งั้นก็ออกไปไหนไม่ได้ อยากรู้ว่าต้องกวาดแบบที่คุณจขกททำมั้ย มีทะเลาะกับข้างบ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ จากคุณ : มอนจะ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 16:05:43

ความคิดเห็นที่ 5 วัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นนี่ต่างจากบ้านเราจริงๆ คนไทยเราส่วนมากเห็นคนแก่แล้วก็สงสาร ใจอ่อนอยากช่วยเหลือ แต่คนญี่ปุ่นเขาไม่ได้คิดอย่างนั้น เคยดูทีวี ป้าผู้หญิงอายุ ๘๐ กว่า มายืนกวาดหิมะ แต่ดูทะมัดทะแมงและแข็งแรงมาก เป็นเพราะเขาทำมาเป็นระยะเวลายาวนาน แถวบ้านก็มีคนแก่เยอะ รวมทั้งครอบครัวเรา สองคนผัวเมียก็ 121 ปี คนข้างบ้านก็ประมาณสองคนผัวเมีย ร้อยกว่าปีเหมือนกัน จากคุณ : พนอจัน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:09:46

ความคิดเห็นที่ 6 ประสบการ์ณแสนทรหดอย่างนี้ .. ผมก็เจอมาเหมือนกัน แต่อาจจะเล่าไม่สนุกเท่า คุณ Aon_loe นะครับ ผมอยู่จังหวัด fukui ครับ  ถึงแม้จะไม่หนาวเท่ากับ ฮอกไกโด แต่ที่นี่ มีแต่ฝนกับหิมะครับ ธุรกิจเครื่องปั่นผ้าแห้ง มีให้เห็นพอๆกับร้านสะดวกซื้อเลย วันไหนแดดออกถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด ที่นี่ตั้งแต่เข้าหน้าหนาวมา ถูกหิมะถล่มไป 3 ระลอกครับ ระลอกที่ 1 เริ่มตกวันที่ 25 ธันวา พอดี ตกติดต่อกันนานเกือบ 7 วัน สลับกับฝน หิมะจึงค่อนข้างบางตา   ผมไม่มีปัญหาอะไรกับระลอกนี้ครับ ปัญหามีอยุ่ที่....ระลอกที่ 2 ระลอกที่ 2นี้ เจอพายุหิมะถล่มครับ เริ่มตกตั้งแต่บ่ายอีกวันนึง ไปจนถึงเช้าของอีกวันนึง ปริมาณ...วัดด้วยสายตากับแรงยก  ความหนา 40 กว่าเซ็น น้ำหนักไม่น่าจะเกิน 10 โล เพราะไม่มีน้ำฝน หลายคนอาจคิดอย่างนี้ก็ไม่เป็นปัญหาหล่ะสิ ช่ายครับ ว่ากันที่น้ำหนักแล้วไม่มีปัญหา  ปัญหาอยู่ตรงระยะทางครับ ... บ้านผมอยู่ตรงกลางระหว่างธนาคารกับลานจอดรถของธนาคาร โดยมีเพื่อนบ้านอาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นอีก 3 หลังคาเรือน เนื่องจากพื้นที่ำจำกัด จึงไม่มีที่จอดรถ ทุกบ้านจึงเช่าที่จอดรถของธนาคารเพื่อใช้ในการจอด ขนาดความจุของที่จอดรถสามารถจอดได้เกิน 20 คันครับ... และธนาคารได้มอบทำเลทองสำหรับ ที่จอดรถ โดยห่างจากทางออกของลานจอดรถเป็นระยะเกือบ 30 เมตร   "ตู่ขอบพระคุณเมิงมากเลย" ...  (-_-") คิดดูสิ วันนั้นผมต้องตื่นไปทำงาน ในสภาพที่ไม่รู้เลยว่าตอนนอนอยู่นั้น พายุหิมะมันได้ถล่มลงมา  ตื่นขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันเสร็จเปิดประตูออกจากบ้านไป   "โอ้แม่เจ้า แล้วจะไปทำงานยังไงเนี่ยยย..."   จะรอให้พวกพนักงานแบงค์มันมากวาด ก็ช่ายเรื่อง ดันเข้างานเวลาเดียวกับผมอีก .... สุดท้าย เดินหันหลังเข้าบ้าน คว้าพลั่วได้อันนึง "เอาว่ะยังไงก็ต้องไปทำงานให้ได้ ...."   ตักตั่งแต่ 7 โมงครึ่ง ไปเสร็จเอาตอน 9 โมง กว่าจะถึงที่ทำงาน 9 โมงกว่าๆ   โดนหัวหน้าเรียกไปสวดยับเลย  ... แถมวันนั้นแทบไม่มีเรี่ยวแรงทำงาน  เพราะถูกตัดกำลังแต่เช้า (-_-")  .... ระลอกนี้เป็นอะไรที่เหนื่อยสุดครับ  แต่ระลอกต่อไป เป็นอะไรที่หวิด..สุดๆ   "หวิดอะไรลองอ่านดู" ระลอกที่ 3 หิมะเริ่มตก หลังจากมีกระทู้คนโตเกียวตื่นหิมะ ผ่านไปได้ 2 วัน (แหะๆ ล้อเล่น คนโตเกียวอย่างโกรธกันนะ) พอดีจำวันที่ไม่ได้ เลยเอาเหตุการณ์ที่คนส่วนใหญ่จำได้มาอ้างอิงแล้วกัน... ระลอกนี้หิมะไม่ได้ตกหนักอะไรครับ แต่ก็ตกติดต่อกัน 3 วันได้ สลับแดดออกบ้าง   เริ่มต้นที่ตอนเช้าออกไปทำงาน(อีกแระ) เปิดประตูบ้านออกไป(อีกแระ) สัมผัสได้เลยว่าวันนี้อากาศแห้งมาก  สายลมที่พัดมาอย่างเย็นยะเยือกบวกเสียงรองเท้าสัมผัสหิมะ โดยปกติถ้ามีฝนตกเวลาเหยียบหิมะมันจะไม่ดังแก็บๆๆ แต่นี่มันดังแก๊บๆๆ   ก็ไม่ได้คิดอะไรมากครับ คิดแต่ว่า "วันนี้อากาศมันแห้งจัง"   ขับรถออกจากบ้าน ด้วยอารมณ์สดใส พร้อมปฎิบัติงานครับ ... ก่อนถึงที่ทำงานทุกวันต้องแวะซื้อกาแฟที่ lawson สาขาเดิมทุกวัน ทำยังงี้เหมือนเดิมทุกวัน แต่วันนี้รู้สึกว่ามันจะไม่เหมือนเดิมตั้งแต่   "ตอนเลี้ยวเข้า lawson ครับ" ผมหักพวงมาลัยรถด้วยความเคยชิน เพื่อให้รถแล่นขี้นไปบนทางลาดระหว่างถนนกับฟุตบาท   ตอนนี้แหละครับ....!! เป็นพวงมาลัยที่ไปอย่างเดียว แต่รถไม่ยักจะไปตามพวงมาลัยด้วย.. !! รถกับไถลไปข้างหน้า... โดยมีล้อซ้ายด้านหน้า ล้อเดียวที่ขี้นไปบนฟุตบาท อีกสามล้ออยู่บนถนน ... ผมอุทานขี้นในใจ  "งานเข้าแล้วตู่ !! " ... ในขณะที่รถไถลไป ผมเปลี่ยนจากคันเร่งมาเป็นแบกทันที   เพราะห่างไปอีก 5 เมตรมีเสาไฟฟ้าต้นใหญ่อยู่ข้างหน้า และข้างหลังก็มีรถตามมาในระยะที่ห่างกันเพียง 5 เมตรเช่นเดียวกัน รถค่อยๆปัดท้ายจากวิ่งขนานถนนมาเป็นขวางถนน ในขณะที่มันยังไถลไปไม่ยอมหยุด !!! ใกล้เสาไฟฟ้าเข้าไปทุกที !!! จาก 4 ม.ไป 3 ม.  ....   3ม.ไป 2 ม. .. และหยุดลง . ผมนั่งระงับสติตัวเองอยู่ 3 วิ เห็นรถคันหลังหักหลบและแล่นผ่านไปด้วยสีหน้าที่ตกใจไม่น้อยไปกว่าผม ... ตั้งสติได้ดังนั้น จึงเปิดไฟขอทาง แล้วถอยหลังลงมาจากฟุตบาท   แล้วไปเลี้ยวเข้า lawson อีกทางนึง พอจอดรถได้ปุ๊บ  ... ลืมเรื่องกาแฟไปได้เลยครับ  ... !! ผมเรียกหนักงานที่อยู่ใกล้ที่สุด บอกเค้าว่า "ตรงทางขี้นตรงนั้นหน่ะ มันลื่นมาก ช่วยเอาน้ำไปราดที"   เพราะขนาดผมขับมาไม่ได้เร็วอะไรมากยังไถลไปตั้งไกล   แล้วคนอื่นหล่ะ ที่เข้าอาจจะขับมาเร็วกว่าผม มิต้องชนเสาไฟฟ้าไปเลยหรอ ... หรือ ถ้าลื่นแล้วมีเด็กนักเรียนเดินอยู่แถวนั้น   มิต้องเกิดเรื่องเศร้ากันแต่หัววันกันเลยหรอ ... พอพนักงานรับทราบเค้าก็เรียบไปตรวจดู   ในขณะที่ผมเดิมเข้าไปซื้อกาแฟ แต่สายตาไม่ได้ละจากจุดที่ผมหวิวจะเกิดอุบบัติเหตุเลย มานั่งนึกดู ถ้าตอนนั้นมีนักเรียนตัวเล็กๆ หรือใครเดินผ่านมาพอดี ผมคงไม่ได้มานั่งพิมพ์เรื่องนี้ให้ทุกคนได้อ่านกันแน่ ... เหตุการ์ณครั้งนั้นทำผมหลอนไปพักใหญ่ครับ   เวลาเลี้ยวนี่ระวังกันสุดๆ ..หวิดไปแล้ว.. ประสบการ์ณนี้อยากเล่าตั้งแต่ช่วงที่เกิดใหม่ๆแล้วครับ แต่ยังไม่มีโอกาสนำมาเล่า จีงนำมาเล่าซะตอนนี้เลย .... หิมะหน๋อหิมะ ภายใต้ความงดงามเจ้าซ่อนอะไรไว้ตั้งมากมาย -------------จบบริบูรณ์----------- จากคุณ : vannishii เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:25:52

ความคิดเห็นที่ 7 ^-^ จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:16:07

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านของคุณ vannishii แล้วแอบสยอง... จากคุณ : มิโดะ >_< เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:24:36

ความคิดเห็นที่ 9   อืม...ได้ฟังความรู้สึกคนที่อยู่แถบหิมะตกเยอะๆบ้างก็ดีนะคะ จะได้รู้ว่าเค้ารู้สึกกันอย่างไร ต้องทำอะไรกันบ้าง เพราะเวลาเราเห็นหิมะเนี่ย ตื่นเต้นๆๆ เพราะมันน้อยเหลือเกินอ่ะค่ะ ไงจขกท.ก็ตามใจคุงฮันนี่และก็คุณแม่ไปก่อนแล้วกันนะคะ ไว้เห็นคนแก่มากวาดแล้วค่อยถามว่า "ให้ผม..หล่อที่สุด(ไม่ใช่สุดหล่อนะ)ไปช่วยกวาดมั๊ยคร๊าบบบ"(คิคิล้อเล่นนะคะ) จากคุณ : เหมียวเหมียว (wichayen) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:58:00

ความคิดเห็นที่ 10 สังคมนี้ซับซ้อน  ซ่อนเงื่อน  เข้าใจยากถ้าวัดด้วยมาตรฐานไทย เรียนรู้ไปทีละนิดค่ะ จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:34:04

ความคิดเห็นที่ 11 แถวบ้านที่อยู่นี่ก็ใช่ย่อยคะ ตกหนักตั้งแต่กลางธันวาปีที่แล้วจนตอนนี้มานก็ยังตกอยู่ เพราะหิมะเจ้ากรรมนี้อีกเช่นเดียวกัน เกือบทำให้ไม่ได้กลับบ้าน(ไทย)ซะแล้ว (ขอเล่าหน่อยนะคะ) ตัวเองจองตั๋วกลับไทยไว้วันที่ศุกร์19 จำได้ว่าก่อนวันที่กลับ(19 )ประมาณ 2วัน หิมะตกหนักมากๆๆติดต่อกันทั้งคืน ทั้งวัน หนาพอๆกับที่บ้านคุณจขกท ตัวเองและครอบครัวต้องนั่งเครื่่องจากYamagata ไป Haneda ที่สนามบินไฟท์Cancel ตั้งแต่วันพุธ กลับมาดู พยากรณ์โอ แม่เจ้า มีแต่ Snowตลอดอาทิตย์ เลยตัดสินใจเปลี่ยนเป็นไปวันพฤหัส ดีกว่าขืนรอไปวันศุกร์มีหวัง อดแง่มๆ พอเปลี่ยนเป็นไปวันพฤหัส ก็ต้องรอลุ้นอีกว่าเครื่อง(จากโตเกียว)จะลงได้ไหม เพราะถ้าลงได้ก็ขึ้นได้เช่นกัน   ไฟท์ที่เลือกเป็นช่วงสายๆ ไฟท์เช้าก็Cancel ไปแล้ว (คิดในใจจะได้ไปไหมหว่าเรา ) สรุปไฟท์ที่เราเปลี่ยนกลับเป็นไฟท์เดียวของทั้งอาทิตย์ที่ได้ไป เฮ้อ หิมะหน๋อ หิมะเมื่อไหร่จะหยุดตกซักทีน้าาาาาาาาา จากคุณ : Aoyoyoo_mame เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:59:06

ความคิดเห็นที่ 12 ของเราเกี่ยวกับคนแก่ ไม่เกี่ยวกับหิมะนะ เล่าได้เปล่า ตอนมาญี่ปุ่นใหม่ๆ เราทำเรื่องหน้าแตก เพล้ง เราได้นั่งอยู่บนรถเมล์ ป้ายถัดมาคนขึ้นเยอะมาก และมีคนแก่ผมขาวคนนึง เราเห็นแล้ว ลุกให้นั่งดีกว่า ตัวเองยืนได้ เอานิสัยไทยๆมาใช้ แต่ๆๆๆๆ พอเราเดินไปสะกิดแกให้นั่ง แกปฏิเสธมือพัลวัน ยังไงก็จะไม่นั่งเด็ดขาด โอ เราน่าแตกเพล้ง คนในรถมองตรึม อายจัง ประสบการณ์สอนให้รู้ว่า อย่าเจ๋อเข้าไปช่วยคนแก่ญี่ปุ่น ถ้ายังไม่ได้รับอนุญาต 55 จากคุณ : มูมู (pnn2) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 05:41:04

ความคิดเห็นที่ 13 เล่าได้สนุกจังเลยค่ะ  บางทีเราต้องการช่วยคนอื่นแบบไม่คิดอะไร แต่ประเทศนี้บางทีอาจเป็นการหักหารน้ำใจอย่างรุนแรงก็ได้ ดิฉันก็เคยเป็นค่ะ และเบื่อมากเหมือนกันเรื่องแบบนี้  เรียนรู้ไปทีละนิด ตอนนี้กลายเป็นอยู่ใครอยู่มันแล้วค่ะ จากคุณ : หนูริวจัง เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:09:34

ความคิดเห็นที่ 14 เอาเรื่องคนแก่ก่อนแล้วกัน สมัยเรียนญี่ปุ่น เพื่อนเล่าให้ฟังว่าเห็นคนแก่บนรถไฟ ไม่ต้องลุกให้นั่ง เพราะเคยมีข่าวคนแก่ถือไข่มา แล้วมีคนลุกให้นั่งแล้วแกทำไข่แตก ทีนี้คนที่ลุกให้แกนั่งต้องจ่ายค่าไข่แตกให้แก ว๊าว เป็นงั้นไป อีกอย่างคนแก่ญี่ปุ่นไม่น่านับถือเท่าคนแก่ไทย คนแก่ไทยจะเข้าวัด แต่คนแก่ญี่ปุ่นลามก เรื่องหิมะ ตอนมาอยู่เมกาใหม่ๆเมื่อหกปีก่อน แหม ปีแรกหิมะลง ออกไปกวาดถนนหน้ามัน โอ้สนุกมาก ตกกลางคืน ทำไมหลังมันเคล็ดขัดยอกอย่างนี้ พอปีต่อมา ไม่เอาแล้ววุ้ย แต่ก็ต้องทำ ไม่งั้นขับรถออกจากบ้านไม่ได้ โชคดีว่าอาทิตย์ก่อน ตกไม่เยอะ แค่เจ็ดนิ้วกว่า อีกอย่างที่ไม่ชอบเอาเลย เวลาหิมะปนฝนตกลงมา โอ้ย มันทั้งเปียกและกวาดยากมาก ฮ่า ฮ่า จกท.อยู่ญี่ปุ่นก็ต้องทนกับคนแก่ต่อไป ก็ทีหลัง ก็ไม่ต้องเอามารยาทเมืองไทยมาใช้กับญี่ปุ่นแล้ว ไม่ได้ผล จากคุณ : ปีเตอร์เวย์ (Petersway) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:16:03

ความคิดเห็นที่ 15 สวัสดีอีกครั้งครับ คุณ Hamugo ,คุณ Soulmonogatari ขอบคุณครับสำหรับคำชม คุณกุ้งบก ครับ - ด้วยความหล่อ นี่แหละครับ กำลังนึกอยู่ว่าจะจัดการกับเจ้าช็อกโกแล็ตยังไง ผมได้มา 14 กล่อง คิดอยู่ว่า 14 มีค ต้องซื้อคืน อย่างไม่น่าเกลียดก็ต้องมี 400Y ต่้อกล่อง 14 กล่อง OMG...5600Y ทั้งพี่สะไภ้ เพื่อนร่วมงาน แม่ยาย เพื่อนของฮันนี๊ หลานสาว...จะเป็นลม คุณมอนจะครับ - ขึ้นชื่อเรื่องเฉยๆครับ ไม่รู้่ว่าจะขึ้นยังไง เลยขออนุญาตยกเรื่องคนแก่ ให้ดูเร้าใจนิดส์นึง คุณป้าพนอครับ - ไม่ได้แซวป้านะครับ ป้าเป็นที่เคารพ รัก น่ารัก น่ากอด จริงๆแล้วอยากจะกอดป้าซักครั้งให้เป็นบุญจริงๆนะครับ คุณVinnishii ครับ - ฟังเรื่องของคุณแล้ว น่าเห็นใจ เจอไปหลายดอกเลยนะครับเรื่องขับรถในฤดูหนาวเนี่ย ต้องถามว่าคุณได้เปลี่ยนยางรถ รึเปล่าครับ เป็นความทรมารของผมอย่างนึง ต้องเปลี่ยนยางที่ไช้สำหรับฤดูหนาวเอง และการขับต้องระวังสุดๆ เพราะถ้าอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง โดยเฉพาะในตอนเช้าตรู กับตอนค่ำ ต้องขับรถให้ช้าาาามากกก  เวลารถไม่จอด อย่าไปใช้เบรคมือ เพราะรถมันจะไถลลื่นไม่เป็นทิศเป็นทาง ต้องปล่อยพวงมาลัย ให้มันตรงเข้าไปเฉย  และถ้าเอาน้ำไปราดถนน ในอุณหภูมิติดลบ ถนนมันจะยิ่งเป็นน้ำแข็ง และยิ่งลื่นมากๆด้วยนะครับ สรุปคือ ต้องขับช้าสุดๆ คุณ Akebi1 ครับ - ไช่ครับ ต้องค่อยๆเรียนรู้กันไป คุณ Aoyoyoo mame ครับ - ไม่เอารูปมาฝากในนี้มั่ง เรื่องไฟร์ทแคนเซิลเนี่ย ผมเจอมาแล้ว 3 ครั้ง ต้องไปลงจอดอีกเมืองนึง แล้วนั่งรถไฟ ต่อด้วยรถบัส ถึงจะมาถึงบ้าน เหนื่อยสุดๆ คุณ มูมู - ครับ ผมเคยถามคนญีุ่ปุ่นนะครับ ว่า "ทำไมถึงไม่ลุกให้คนสูงอายุ" ได้คำตอบคือ จะโดนด่าหละสิ "เธอมาลุกให้ฉันทำไม ฉันยังแข็งแรง ยืนได้ ไม่ต้องมาแสร่เรืองของฉัน" วัฒนธรรมของเขาไม่เหมือนคนไทยต้องคอยเรียนรู้ไปเรื่อยๆนะครับ จากคุณ : Aon_loe เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:22:17

ความคิดเห็นที่ 16 รูปหิมะตก มีนาคม 2009 ทำไมรูปไม่ขึ้น งง ผมย่อแล้วนะ แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 53 10:36:16 จากคุณ : Aon_loe เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:32:44

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าลงรูป อย่ากด preview ไม่งั้นไม่ขึ้นเน้อ จากคุณ : Canossa เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 12:52:40

ความคิดเห็นที่ 18 ไหนๆ ก็เล่าเรื่องกวาดหิมะแล้ว เลยอยากจะเล่า ตอนที่เห็นหิมะครั้งแรกให้ฟัง จำได้แม่นยำ กลางเดือนพฤษจิกายน (วันที่เดี๋ยวไปค้นจากไดอารี่ ) ผมกับฮันนี๊ ไปซื้อของที่ Tsuruha Drug Store วันนั้นอากาศไม่ดีเลย ท้องฟ้ามืดๆ คลึ้มๆ เหมือนจะมีฝน แต่ปรากฏว่าหลังจากที่ซื้อของเสร็จ หิมะร่วงลงมา โปรยปราย "ฮันนี๊ ยูเป็นไร"  ผมถาม เพราะเธอร้องให้ "I'm so happy" ฮันนี๊ผมพูด "For what"      ผมถามเธออีก "I'm so happy for you to see your first with...me" ฮัีนนี๊ still T_T "Oh no..." ผมก็รูปศรีษะเธอเบาๆ แล้วเราก็เดินขึ้นรถ สองคนไม่พูดอะไร รถของผมไช้เกียร์ธรรมดา ฮั้นนี๊เอามือมาวางไว้บนมือของผม ผมเลย หันไปมองเธอ แล้วพูดเบาๆว่า "arigatou ne..." อาจจะโรแมนติก จนเวอร์ แต่ว่ามันเป็นเรื่องจริง ผมเคยมีความคิดเหมือนคนไทยหลายๆคน แล้วผมบอกเธอว่า "To see the snow is Thai people's dream" ฮันนี๊ผมเป็นคนเซ้นสิทีฟ มากกกกก เหมือนคนญี่ปุ่น ที่ดูทีวี แล้วน้ำหู น้ำตาไหล ไม่มีหยุด และคงจะคิดว่า "Her husband is dream come true" ปล.ใครเห็นหิมะครั้งแรก แล้วเป็นไงมั่ง มาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ จากคุณ : Aon_loe เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 13:21:27

ความคิดเห็นที่ 19 แนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ว่า ใครเห็นหิมะครั้งแรกแล้วเป็นไงมั่ง เพราะหลายคนคงไม่ได้กดลงมาอ่านอีก อยากรู้เหมือนกันว่า เขาเห็นหิมะครั้งแรกที่ญี่ปุ่นแล้วรู้สึกอย่างไร และขอขอบคุณ จขกท ที่มีความรู้สึกดีๆให้ คนเราไม่ว่าอายุเท่าไหร่ ก็ต้องการความรักจากคนรอบข้าง มาเล่าเรื่องสนุกๆให้อ่านบ่อยๆ เพราะคุณมีพรสวรรค์ในการเล่าเรื่องได้น่าติดตาม และหักมุมได้ดี แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 53 16:11:33 จากคุณ : พนอจัน เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 16:10:36

ความคิดเห็นที่ 20 แวะมาตอบคุณ Aon_loe + แก้ต่างให้ตัวเองหน่อย ... 1. ต้องถามว่าคุณได้เปลี่ยนยางรถ รึเปล่าครับ - ผมเปลี่ยนยางด้วยสองมือ ... ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาแล้วครับ ... ถ้าไม่เปลี่ยนคงไม่ต้องรอไปถึงระลอกที่ 3 หรอกจริงป่ะ ... ระลอกแรกก็คงขับไปตำตูดชาวบ้านเค้าแล้วหล่ะ ^ ^ 2.และการขับต้องระวังสุดๆ เพราะถ้าอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง โดยเฉพาะในตอนเช้าตรู กับตอนค่ำ ต้องขับรถให้ช้าาาามากกก -คือเทคนิคที่จะทำให้การขับรถสะดวกยิ่งขี้นตอนหน้าหนาวของเมืองนี้ เค้าใช้วิธีแบบนี้ครับ ...   ถนนสายหลักทุกสายของเมืองนี้จะมีท่อน้ำฝังตัวอยู่ตรงช่วงเกาะกลางของถนนครับ   เค้าจะฝังท่อน้ำแล้วเจาะรูเป็นช่วงๆ เพื่อฉีดน้ำตลอดช่วงเวลาที่มีหิมะตกครับ ช่วยให้หิมะ ไม่เกาะตัวกันเป็นน้ำแข็ง  เพื่อให้การจราจรทำความเร็วได้มากกว่าที่ควรจะเป็น  ...   ลองนึกสภาพดู ถ้าไม่มีระบบนี้แล้วละก็ทุกคนคงจะต้องออกจากบ้านกันตั้งแต่ไก่โห่ ...   เพื่อที่จะไปทำงานให้ทัน .... เพราะต้องขับรถให้ช้ามากๆ ในสภาวะเร่งด่วนช่วงเช้า  ... มันคงเป็นอะไรที่แย่สุดไปเลยว่าป่ะ...^ ^ และที่ผมสามารถขับรถด้วยความเร็ว แต่ก็ไม่ถึงกับเร็วมาก ก็เพราะผมขับบนทางสายหลักครับ อีกอย่างผมผ่านหิมะมา 2 ระลอกแล้ว มันเป็นความเคยชินที่... ก่อให้เกิดความประมาทก็ว่าได้ จึงไม่ค่อยได้ระวังอะไรมาก ... ^_^" 3. เวลารถไม่จอด อย่าไปใช้เบรคมือ เพราะรถมันจะไถลลื่นไม่เป็นทิศเป็นทาง ต้องปล่อยพวงมาลัย ให้มันตรงเข้าไปเฉย   - แหม่..  พูดเหมือน ผมเป็นพวก..ขับรถดิฟแข่งกันเลย  ... ใช้เบรกเท้าธรรมดานี่แหละคราบบ  รถผมเบรกมือไม่ได้อยู่ด้านข้างคนขับด้วย มันอยู่ตรงเหนือเท้าซ้ายขี้นมาหน่อยนึงครับแถมไม่ค่อยได้ใช้มันด้วย พูดถึงเรื่องการเบรกแล้ว ผมว่าเป็นใครหน้าไหนก็ต้องเบรกเหมือนผมทุกคนหล่ะครับ ... ยกตัวอย่าง ... เวลาเรากำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยอะไรซักอย่าง   ไม่ว่าจะเป็น รถ หรือ จักยาน หรือเดินก็ตามแต่ เมื่อเราเห็นว่าจู่มีอะไรมาขว้างหน้าการเคลื่อนที่ของเรา เราก็ต้องหยุด ... หรือ ลบเลี่ยงไปทางอื่น ถูกป่ะ... วิธีที่ผมใช้ตอนนั้นเนี่ย  ... มันเป็นจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทุกคนเลยครับ เมื่อรถกำลังจะไปทิ่มกับเสาไฟฟ้า  ผมว่านะเป็นใครก็ต้องเหยีบเบรกก่อน ด้วยอารมณ์ตกใจ   ถึงแม้วิธีการของคุณ Aon_loe จะเป็นวิธีการที่ถูก แต่ผมว่า ... มันต้องเสียวยิ่งกว่านั่งรถไฟเหาะแน่ๆ  ... ต้องนั่งดูตัวเองไถลไปทิ่มเสาไฟฟ้าเนี่ย.... ^ ^ 4. และถ้าเอาน้ำไปราดถนน ในอุณหภูมิติดลบ ถนนมันจะยิ่งเป็นน้ำแข็ง และยิ่งลื่นมากๆด้วยนะครับ -อ่อ อันนี้ผมผิดเองที่สื่อความหมายไม่ดี  ... ความหมายของคำว่า"ช่วยเอาน้ำไปราดที" ของผมนี้   มีความหมายว่า"ช่วยไปทำให้มันหายลื่นที" ส่วนพนักงานคนนั้น ... เค้าจะเข้าใจยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ .. พอดีขับรถออกมาก่อน   ผมว่าถ้าวิธีการใช้น้ำมันไม่สมควร เค้าคงใช้วิธีอื่นอ่ะครับ ^ ^ จากคุณ : vannishii เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 19:08:14

ความคิดเห็นที่ 21 เปิดทู้คนแก่ขึ้นมา เหอๆ นึกว่าอยู่ละแวกเดียวกันค่ะ เนี่ยคุณยายทวดๆของหน้าบ้านก็เสียตอนอายุ 99 ปี แม่เจ้าว้อย....ลูกสาวแกอายุ 70กว่าค่ะเกือบ 80  หลานแกอายุ 60กว่า เหลนแกอายุ 40ค่ะ ส่วนโหลนแก เรียนที่เดียวกะลูกชายดิชั้น  อายุ 6 ขวบคร๊า....   แล้วคนแก่รุ่นสงครามโลกนี้ เขาก็ตัวเล็กค่ะ  บางทีเห็นเดินโค้งๆ งอๆ นึกว่าเด็กประถม  พอดูหน้าแล้ว อ้าว...คุณยายหน้าบ้านนี่เอง   สายๆ เย็นๆ เขาจะออกมาเดินเล่นกันแล้วค่ะ   คุณยายเพื่อนบ้านแก่แล้ว หลังก็โก่ง ขนาดใส่รองเท้า ยังก้มใส่แบบไม่งอขอได้เลยน้า  เอามือจับรองเท้าสวมใส่เท้าได้สบายเลย พูดถึงหิมะ  วันก่อนโน้นที่หิมะตกที่ชิโกกุ  ไปประชุมผู้ปกครองพอดีค่ะ  ประชุมตั้งแต่ 10.00 น. เสร็จเวลา 11.00 น.  ตอนนั้นหิมะเริ่มตกมาแล้วค่ะ  แล้วเกล็ดใหญ่ๆ ปลิวๆแบบนี้ ขาวแน่นอนอ่ะค่ะ   สักพักก็ขับรถกลับบ้าน โอๆๆๆ ถนนสีขาว มองข้างหน้าไม่เห็นเลยล่ะค่ะ  พยายามขับกลับทางเดิม แต่รถติดมากตรงสะพาน ข้ามแม่น้ำ ไม่ขยับเลยน่ะค่ะ  ต้องไปข้ามอีกสะพานนึง   ขับรถฝ่าหิมะเนี่ย  มันทรมาณมากเลยค่ะ เพราะมันลื่นแล้วก็มองไม่เห็นข้างหน้า  พยายามไม่แตะเบรกค่ะ  ต้องคงความเร็วต่ำไม่ตลอดเวลา ไม่งั้นเบรคทีล้อสะบัดเลยค่ะ     จำทางกลับบ้านแทบไม่ได้  เพราะมันขาวโพลนไปหมด แค่เวลาสองชั่วโมงเนี่ย  สภาพบ้านกลายเป็นเมือง ชิราคากว่า เลยค่ะ  บนหลังคาหิมะกองเต็มเลยค่ะ   ตกใจมากๆเลย ตั้งแต่มาอยู่ญี่ปุ่นเนี่ย  ปีนี้หิมะตกได้สะใจมากจริงๆค่ะ จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 21:07:55

ความคิดเห็นที่ 22 เพิ่มเติมนิดนุงค่ะ  วันไหนที่หิมะตกแล้ว  วันต่อมาเริ่มละลาย  นั่นแหล่ะๆ  ลื่นมากๆเลยค่ะ อันตรายมากด้วย จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 21:10:29