ความคิดเห็นที่ 1   เก็บเงินยังไง ก็คงมีทางเดียว ฝากธนาคารค่ะดีที่สุด จากคุณ : bonniejee เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 53 01:02:38

ความคิดเห็นที่ 2   นอกจากฝากธนาคาร ถ้าคุณ จขกท อยากลงทุนต่อยอดเงิน อย่างเช่นซื้อหุ้น พันธบัตร ทอง ฯลฯ แนะนำให้ลองไปถามห้องสินธรดูค่ะ จากคุณ : N a r C i S o เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 53 01:38:41 A:173.45.205.8 X: TicketID:198197

ความคิดเห็นที่ 3 เก็บอย่างไร ดิฉันไม่มีปัญหา ปัญหาคือ ไม่มีเก็บค่ะ เงินที่คิดจะมีในอนาคตคือเงินประกันชีวิต ถ้าไม่ถูกโกงนะ จากคุณ : แม่อ๊บ (obst) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 53 02:30:43

ความคิดเห็นที่ 4   ฮ่า ฮ่า ถูกใจแม่อ๊บจังเลยค่ะ แจกกิ๊บแม่อ๊บจ๊ะ จากคุณ : Schnuggy ชนุ๊กกี้ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 53 07:11:38

ความคิดเห็นที่ 5 ของเราปีที่แล้วเป็นปีแรกที่เริ่มจะมีเงินเก็บอย่างจริงๆจังๆ ง่ายๆก็เริ่มต้นจาก 1. เอาเงินเข้า  401K 2. หักเงินเดือน 10% แล้วเอาไปเข้าบัญชีที่ไม่ต้องถอน (ตัวเองจะทำเป็นลืมไปเลยว่ามีบัญชีนี้) 3. ทำบัญชี รายรับรายจ่ายแต่ละเดือน รู้ความเป็นไปของเงินว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง 4. พยายามอย่าใช้บัตรเครดิต ให้ใช้เงินสด เพราะว่าถ้าใช้เงินสดเราจะรู้สึกเสียดายเมื่อเงินออกจากกระเป๋า ทำให้ไม่อยากใช้เงิน จะช่วยประหยัดได้อีกทาง จากคุณ : amiwhoiam เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 53 10:13:37

ความคิดเห็นที่ 6 หุ้นก็สนใจค่ะ แต่หุ้นไทยอ่อนไหวเหลือเกิน ต้องคอยตามบ่อย ๆ อยุ่ไกล กลัวขายไม่ทันเค้าอะ แต่ดีอยุ่อย่าง คือไม่ต้องเสียภาษี ซื้อทองก็อยากซื้อแต่ที่เมืองนอก เค้าไม่มีแบบบ้านเราอะค่ะ คิดจะซื้อก็ไม่รุ้ไปหาที่ไหน มีก็แบบ 14k 18k อะไรแบบนี้ ถ้าเป็นที่เมืองไทยก็ตรงไปซื้อทองเลย เห็นราคาทองที่เมืองไทยขี้นเอา ๆ แล้วเสียดาย ตอบคุณแม่อ๊บ (obst)ค่ะ เงินเรามีน้อยก็กลัวถูกโกงเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ก็ไม่เข้าใจระบบของประกันซักเท่าไหร่เลยยังไม่กล้าซื้อค่ะ ตอบคุณ amiwhoiam ค่ะ คุณ amiwhoiam เก่งจังค่ะ เราทำบัญชี ได้ซักพักก็เลิกอะ แต่ใช้เงินนี่เราประหยัดค่ะ เก็บได้อยุ่เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 53 12:25:28 จากคุณ : สักวันเราคงจะรู้จักกัน เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 53 12:24:18

ความคิดเห็นที่ 7 น่าจะแล้วแต่ประเทศที่คุณอยู่ด้วยนะคะ ว่าเอื้อกับการออมแบบไหน อย่างของเรา ถ้าจ่ายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก็เป็น pre-tax ก็เหมือนกับว่าเราจ่าย tax น้อยลงในแต่ละปี เราเลยเลือกจ่ายส่วนนี้เพิ่มเดือนละ 800A$ บวก ๆ กะที่บริษัทจ่ายให้อีก 9% ก็เยอะอยู่ค่ะ แต่อันนี้จะมีข้อจำกัดคือ เราจะใช้เงินได้เมื่อเกษียณ ถ้าจะเบิกออกมาใช้ก่อนหน้านั้น (เช่นกรณีกลับเมืองไทยถาวร) ก็ต้องเสียภาษี 15% ซึ่งก็ถูกกว่าภาษีที่ต้องจ่ายตอนนี้มากมาย อีกส่วนหนึ่ง เราก็ซื้อหุ้นกู้ค่ะ เลือกที่ค่อนข้างมั่นคง ตอนนี้เราซื้อไว้ที่เมืองไทย ดอกเบี้ย 6% เป็นหุ้นกู้แบบ 6 ปีค่ะ เราแบ่งบางส่วนซื้อหุ้นของบริษัทค่ะ เป็นสิทธิ์ของพนักงาน ประมาณว่าซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ถ้าไม่ซวยเกินไป ยังไงก็คงกำไรเห็น ๆ บางส่วน (อันนี้ประมาณ 25% ของเงินเก็บที่มีอยู๋) แบ่งไปซื้อที่ดินค่ะ พอดีว่าโชคดีเจอที่ที่น้ำดีตลอดปีแล้วราคาพอรับได้ ถือเป็นการลงทุนระยะยาว (หรือเงินจมก็ไม่รู้เหมือนกัน) แต่ใจจริงแล้ว ตั้งใจว่าจะไปอยู่ตอนเกษียณค่ะ เพราะเป็นที่ที่คิดว่าสวยมาก คงไม่อยากขายถ้าไม่จนตรอกจริง ๆ ส่วนประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์นี่ ซื้อไว้นานแล้ว ตอนนี้บางตัวก็ไกล้ ๆ จะหมดภาระแล้ว หวังเอาไว้ว่า เงินก้อนนี้ อาจจะเอามาลงทุนทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่กับบ้าน ส่วนที่เหลือก็เน้นฝากประจำ เราเน้นที่ระยะสั้น เพราะไม่อยากให้เงินจมนานเกินไป ที่เราฝากตอนนี้ก็ได้ดอกเบี้ยประมาณ 6% เหมือนกัน ปล. อย่าลืมทำบุญบ่อย ๆ ตามที่โอกาสจะอำนวยด้วยค่ะ ไม่มีข้อพิสูจน์ใด ๆ อ้างอิง แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกได้ว่า ยิ่งให้มาก ก็ยิ่งได้มากค่ะ จากคุณ : สมัครกี่ที ก็ไม่มีชื่อที่ตรงใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 53 14:43:35

ความคิดเห็นที่ 8   To save money, you need to plan your money ka. 1) Retirement 10% pretax roll into the account with match from the hospital. 2) Keep money in the Banks: checking accout, saving account, money market, short term CDs. 3) I pay almost everything by credit cards because of the cash back (1%-3%). Also, I can keep track online. I only have two credit cards and pay off every month. 4) Investment (US and Thailand). 5) Trying to stop buy things that I don't need :) "ปล. อย่าลืมทำบุญบ่อย ๆ ตามที่โอกาสจะอำนวยด้วยค่ะ" --> totally agree with this one ka. จากคุณ : SFbay เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 53 16:02:27 A:75.7.16.210 X: TicketID:000136

ความคิดเห็นที่ 9 ป้าทำคล้ายๆคุณ SFbay และคุณ amiwhoiam ค่ะ ให้บริษัทหัก 401K   จำนวนสูงสุดเลยค่ะ   18% แล้วเพิ่มอีกจนถึงจำนวนสูงสุดที่กม. กำหนดค่ะ เคยหัก IRA สูงสุดด้วย    และซื้อกองทุนต่างหากด้วย แต่ลดจำนวนที่หักนอก   401K   มา 4 - 5 ปีแล้ว   เพราะต้องจ่ายค่าเล่าเรียน      ค่าใช่จ่ายให้ลูกขณะที่อยู่มหาวิทยาลัย ขนาดที่ลูกได้ทุนตั้งเยอะ     แต่พ่อแม่ก็ยงัต้องช่วยอีกโขอยู่ดี ปกติไม่จับจ่ายโดยไม่จำเป็นเลยค่ะ     จ่ายสำหรับปัจจัย 4  เท่านั้น จากคุณ : ป้าค่ะ (ป้านี่เอง) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 53 21:22:15

ความคิดเห็นที่ 10 กิ๊ฟคุณชนุ๊กกี้สวยมาก แต่มันไม่รับกับตีนกาค่ะ จากคุณ : แม่อ๊บ (obst) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 01:52:28

ความคิดเห็นที่ 11 เราอยุ่ทางสแกนดิเนเวียค่ะ แถบนี้เค้ามีสวัสดิการหลังเกษียณดีค่ะ พี่ ๆ ข้างบนวางแผนการเงินเก่งอะ ส่วนใหญ่ซื้อหุ้น ซื้อที่กันทั้งนั้นเลย หัก 401K  คืออะไรค่ะ เป็นระบบของ us เหรอค่ะ ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยนะค่ะ เอาไว้ประดับเป็นความรุ้อะ แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 53 02:14:22 จากคุณ : สักวันเราคงจะรู้จักกัน เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 02:09:56

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าส่วนตัวเรา เราต้องการจะกลับไปอยู่เมืองไทยถาวรค่ะ ฉะนั้นเลยต้องเก็บไว้ที่เมืองไทย (ในกรณีที่ไม่คิดกลับเมืองไทยไม่แนะนำค่ะ เพราะเดี๋ยวมีปัญหาเรื่องอัตราแลกเงิน) โดยเรากับสามีเก็บเงินด้วยกันไม่ใช่เราคนเดียวค่ะ (ไม่งั้นคงไม่ไปถึงไหน แฮ่ะ ๆ ) เราแยกเงินเป็นส่วน ๆ ค่ะ ส่วนที่ ๑ เป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็น เช่นค่าน้ำไฟ ประกันสารพัดอย่างที่เราต้องจ่ายทุกเดือน ส่วนที่ ๒ ส่วนค่ากินค่าใช้ ประมาณแบบคร่าว ๆ ไปเลย (ประมาณด้วยการจดรายจ่ายประจำเดือนซักสองสามเดือน ก็รู้แล้วว่าเราน่าจะหมดไปกับค่ากินเดือนละเท่าไหร่) นอกจากนี้กันส่วนที่ ๓ เป็นงบเอนเตอร์เทน ซื้อความสุขค่ะ เช่น ค่านิตยสารหนังสือ ค่ากินข้าวนอกบ้าน (อาทิตย์ละสองสามครั้ง) ดูหนังฟังเพลงไรก็ว่าไป ขืนเก็บเงินอย่างเดียวไม่ใช้ ตายวันตายพรุ่งเงินที่เก็บไว้มันก็ไม่มีประโยชน์ อิ ๆ กับส่วนที่เหลือ คือเงินเก็บ เงินส่วนนี้สะสมไว้มีโอกาสก็ส่งกลับไปเก็บที่เมืองไทยในบัญชีเรา แต่ไม่มีเป็นเงินสดติดบัญชีเพราะเอาไว้หมุนซื้อหุ้นอย่างเดียว เราไม่ฝากกินดอกค่ะเพราะได้กำไรน้อย และไม่ฝากแบบประกันอะไรทั้งสิ้น เพราะเค้าเอาเงินเราไปลงทุนในหุ้นอยู่ดี เงินส่วนนี้เราไม่ต้องรีบใช้อยู่แล้ว ฉะนั้นต่อให้หุ้นตกก็อย่าได้แคร์ ช้อนซื้อโลด (ถึงจะตกมันก็มีขึ้น ๆ เป็นระยะค่ะ) การซื้อขายหุ้นไม่ต้องเสียภาษี แต่คุณต้องเสียค่าธรรมเนียม (ที่เราซื้อผ่านโบรกเกอร์) หากคุณได้เงินปันผล คุณจะต้องเสียภาษีค่ะ แต่สามารถเรียกคืนได้หมด (โดยยื่นขอภาษีคืนที่สรรพากรทุกปี) หากต้องการซื้อหุ้นลองซื้อตัวที่จ่ายปันผลดี ๆ สิคะ ปี ๆ นึงคุณได้เปอร์เซ็นต์มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากหลายเท่า แล้วมูลค่าของตัวหุ้นก็ขึ้นตามระยะเวลาไปด้วย (ถ้าเก็งถูก ซึ่งไม่ยากถ้าศึกษาดี ๆ ) แต่ถ้าคุณฝากเงินไว้ในธนาคารเฉย ๆ อีกห้าปีสิบปี เงินนั้นจะมีค่าน้อยลง หรือมีกำลังการซื้อน้อยลงเรื่อย ๆ ตามอัตราเงินเฟ้อค่ะ ถ้าเก็บเงินเยอะ ๆ ไม่มีที่เก็บ มาฝากเราช่วยเก็บให้ก็ได้นะคะ แฮ่ม จากคุณ : Schnuckiputz เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 53 02:31:55

ความคิดเห็นที่ 13 Think short-term and long-term. - Short-term: you'll need an emergency fund that equals 6-8 months of your monthly expenses. In case something goes wrong (e.g. you/your spouse being laid-off or sick, have an accident and etc.) Ask yourself, if you are out-of-job tomorrow, how long can you stay debt-free before getting a new job? - Long-term: in the u.s., many employers offer 401(k) plans. In my opinion, you should AT LEAST contribute to the plan up to what your employer matches. I consider what they match "free money," so why not? Beyond 401(k), there're more choices. IRA's, stocks, bonds, gold, real estate, land, etc. I'm learning about them too. :) Good luck! แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 53 07:06:25 จากคุณ : Genuine XXX เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 04:28:05

ความคิดเห็นที่ 14 "หัก 401K  คืออะไรค่ะ เป็นระบบของ us เหรอค่ะ" จากคุณ : สักวันเราคงจะรู้จักกัน 401k เป็นข้อกฎหมายข้อหนึ่งที่อเมริกาค่ะ   เป็นกฎกำหนดเรื่องการเก็บเงินสะสมของลูกจ้างบริษัทเอกชน      เพื่อเก็บไว้ใช้้เวลาเกษียณ กำหนดว่าให้เก็บได้กี่เปอร์เซนต์ของรายได้      และอนุญาตให้บริษัทสมทบให้ด้วย เงินจำนวนนี้ไม่ต้องเสียภาษีรายได้ขณะนี้    จะเสียภาษีรายได้ตอนถอนออกมาใช้ เผื่อถึงตอนเกษียณ  รายได้จะน้อยลง   ภาษีก็ลดลงต่ำกว่าขณะทำงานค่ะ กม. กำหนดไว้ด้วย   ว่าต้องอายุครบ 59 1/2  ปีก่อน ถึงจะอนุญาตให้ถอนออกมาใช้ได้  โดยไม่ถูกปรับ     แต่ไม่บังคับให้ถอน    ถ้าอยากเก็บไว้นานเกินอายุ  59 1/2 ปีก็ได้ แต่พอ 70  1/2 ปีต้องเริ่มถอนมาใช้ค่ะ จากคุณ : ป้าค่ะ (ป้านี่เอง) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 10:57:30