|
ความคิดเห็นที่ 21 |
|
เกือบหากระทู้ตัวเองไม่เจอแหน่ะ เผลอแป๊บเดียวลงมาอยู่ไกลเลย วันนี้ยุ่งๆเรื่อง tax-return มานั่งกรอกตัวเลขไปๆมาๆ ก็สนุกดีแฮะ ตอนแรกกรอกเสร็จบอกว่า เราเป็นหนี้ federal tax $400 กว่าเหรียญ เซ็งเลยมีงี้ด้วย เลยไปนั่งกรอก รายละเอียดเข้าไปเพิ่มเติม เลยได้เงินกลับมา $1200 ภาษีที่นี่ใครเห็นแล้วก็ละเอียดมาก พอดีผมเจอช่องหนึ่งที่พอจะเป็นประโยชน์กับตัวเองเลยลองกรอกดู มันถามว่าเรา
ย้ายที่พักไหม เราก็ตอบว่าย้าย มันก็ถามอีกว่าที่พักใหม่เนี่ย มันไกลจากที่ทำงานไหม หรือใกล้กว่า กี่ไมล์ เราก็กรอกไปว่าไกลกว่า มันก็คำนวณปุ๊บปรับออกมาเสร็จสรรพ ได้ค่าลดหย่อนมาอีก $3600 เพราะฝรั่งเค้าคิดว่าการย้ายบ้านมันเป็นเรื่องใหญ่มั้ง ใช้จ่ายเยอะ ที่ไหนได้เราไม่มีอะไรเลย เพราะอะไรที่เราขนมาไม่
ได้ก็เอาให้เค้าหมด จากตัวเลขตรงนี้เลย ได้เงินกลับมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าเราจะโมเมได้นะ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งไปแล้ว ทางการก็จะมานั่ง ตรวจสอบจาก reference ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบงค์ หรือก็สถานที่ทำงานของเรา เพราะถ้าเราย้ายจริงๆ ที่อยู่พวกนี้ก็ต้องเปลี่ยนตามไปด้วย คราวนี้ก็รอดไป รายละเอียดถามเยอะแยะไปหมด ผ่านไปก่อนแล้วกันครับ
กลับมาเรื่องกิจกรรมลด อีโก้ , อีโก้ เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ปุถุชนคนเดินดิน ที่เมื่อเราทำอะไรที่มันสำเร็จ หรือมีการเปลี่ยนแปลงระดับทางสังคม ไม่ว่าจะมาจากการศึกษา หน้าที่การงาน หรือ การเงิน สิ่งเหล่านี้มักจะทำให้คนเราเกิดความมี ทิฐิ หรือที่เราเรียกว่า อีโก้นั้นแหล่ะ เมื่อมีมากๆ อาการที่จะเกิดก็คือ การไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เหมือนน้ำที่เต็มแก้ว ถ้าหนักไปยิ่งกว่านั้นก็ อาจจะทำให้เราเกิด ความรู้สึกดูถูก คู่สนทนาที่เราสนทนาอยู่ก็เป็นได้
ที่พูดมานี่ ไม่ใช่ว่าตนเองไม่เคย สารภาพตามตรงว่าเป็นมาแล้ว ความรู้สึกเหล่านี้ แต่เมื่อเรารู้ตัวเราก็ต้องหาวิธีการ ลดและกำจัดมันออกไป เราก็มานั่งคิดดูว่าอยู่เมืองนอกจะทำยังไงดี พอดีบังเอิญ ขณะเดินเล่นอยู่ในเมืองที่ Fifth Ave. มันจะมีโบสถ์ ใหญ่ๆตั้งอยู่หลังนึง เราก็เห็นพวก โฮมเลส หลายๆคนมารวมตัวกัน เรา
อยากรู้ก็เลยเข้าไปส่องๆดูว่ามีอะไรกัน ที่ไหนได้ เค้าก็มีการจัดอาหารมาเลี้ยงให้คนเหล่านี้ มันจะมีทุกๆวันอาทิตย์นะ คล้ายๆ โรงเจ ยังไงยังงั้น ก็มีคนแต่งตัวดีคอยตักข้าวตักน้ำ เสิร์ฟ มีการทำกิจกรรมร้องเพลง เราก็เข้าไปถามว่า มันเป็นอะไรยังไง เค้าก็บอกว่า มันเป็นกิจกรรมช่วยเหลือสังคม มีทุกวันอาทิตย์ ถ้าสนใจก็มาลงชื่อแล้วก็เข้ามาช่วยได้เลย พอทำจบเค้าก็ถามด้วยนะว่าจะเอา ใบประกาศรับรองอะไรไหม เค้าสามารถออกให้ได้
มาถึงตรงนี้ต้องขออธิบายเพิ่มเติม ว่าวัฒนธรรมหลายๆอย่าง ในอเมริกา มันดูเหมือน fake เพราะจะทำอะไรก็ต้องมีอะไรตอบแทนเหมือนไม่ได้มาด้วยใจ ถ้าเป็นคนไทยเราก็ ต้องไปปิดทองหลังพระ ถึงจะเรียกว่าทำดี เพราะการทำดีไม่ต้องแสดงออก ถ้าแสดงออกคนไทยก็จะบอกว่าเป็นการทำดีเอาหน้า ยกตัวอย่าง ประสบการณ์เรื่องนี้ตอนที่ผมทำงาน บนแคมปัสอีกนั้นแหล่ะ
เราก็ทำงานตามปกติของเรา แต่เนื่องด้วยคนมารอต่อคิวเยอะครั้นจะให้ลูกค้าติด แสตมป์เองก็ช้าเพราะแต่ละคนก็ ไม่ค่อยได้สัมผัสกับแสตมป์เท่าไหร่ จึงทำอะไรดูไม่ค่อยกระฉับกระเฉงคิวมันก็ยาว ไอ่เราทำหน้าที่บริการ เราก็นึกเสมอว่าเหมือนตอนเรารอไลน์อยู่ที่ซุปเปอร์มาร์เกต เรายังนึกในใจเลยว่า ทำไมช้าอะไรอย่างนี้ ไม่เห็นมันจะยากอะไรตรงไหน แค่แสกนแล้วก็จ่ายตังค์
เราก็เลยถือโอกาสติดแสตมป์ให้ลูกค้าเลย จะได้เร็วๆ ลูกค้าแค่จ่ายเงินอย่างเดียวที่เหลือเดี๋ยวจัดการเอง ก็ทำอยู่แค่เนี่ย ที่ไหนได้สำหรับเค้ามันถือว่าเป็นการบริการอย่างหนึ่ง เค้าตะโกนต่อหน้าเราเพื่อเรียกป้าว่า ไฮ้ มาลาเบล (ชื่อป้า) เขาบริการดีเยี่ยมเลย ป้าก็อมยิ้มแล้วก็ตอบกลับไปว่า ฉันรู้ฉันต้องเก็บเขาไว้ทำงานอยู่กับฉันตลอดไปไม่ให้ไปไหน ตอนแรกผมก็นึกว่าคนนี้คงพูดแซวเราเล่นๆกับป้า
ที่ไหนได้ก็เป็นทุกที่ หลายคนที่มา เวลาเค้าจะชมเราเค้าก็มักจะเอ่ยชมเราต่อหน้า boss เหมือนให้ boss รับรู้กันไปเลยว่าเค้าประทับใจคนนี้ เค้าเยี่ยมนะ ส่วนคนไทยเราก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง วกกลับมาที่ใบประกาศที่ว่า เค้าจะเอาไปทำอะไรกัน ใบพวกนี้พอเราได้ทำงานแล้วเราจะต้องประเมินตนเองเพื่อโชว์ว่า เราได้ไปทำอะไรมาบ้างในปีปีหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นงานช่วยเหลือสังคม หรืองานการกุศลต่างๆ เค้าก็จะออกใบประกาศเหล่านี้ให้เรา เราก็เอามาใช้บอกหัวหน้าเรา ว่าเราไปทำมานะ ดูเหมือน fake ไหม แต่ก็ช่วยให้คนมาทำงานการกุศลได้หล่ะ
(แต่จริงๆเราก็จะไปมองว่าเค้า fake ไม่ได้หรอกเพราะคนเมกันเค้าไม่ได้คิดอย่างที่เราคิด เค้าคิดและยอมรับว่าคุณไปทำก็เป็นสิทธิ์ของคุณที่จะได้รับสิ่งเหล่านี้ ) จบเรื่องใบประกาศ
ทำไมงานเหล่านี้ถึงช่วยลดอีโก้เราได้ เพราะเวลาเราไปทำกิจกรรมเหล่านี้ เมื่อเราพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้ว เราก็จะเข้าใจชีวิตว่า แท้จริงแล้ว คนเราหลายๆคนบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตคนเรา มันก็แค่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค เท่านั้นเอง สิ่งต่างๆที่เรามีเพิ่มเติมขึ้นมานั้นมันก็แค่ สิ่งอุปโลค ขึ้นมาทั้งนั้น
นอกจากการ ทำงานการกุศลแล้ว รายการดีๆ ที่ผมอยากแนะนำให้ดูก็คือ เจาะ ใจ ตอน สมการชีวิตของ คุณ วรัตดา ภัทโรดม ไม่รู้ว่าได้ดูกันรึยัง เนื้อเรื่องคร่าวๆ ก็คือ คุฯ วรัตดา วรัตดา ภัทโรดม คือ คนไทยคนแรกที่เรียนจบ การตลาดสาขา Direct Marketing เมื่ออายุเพียง 21 ปี แต่ครั้งหนึ่งเมื่อชีวิตเธอมีพร้อมทุกอย่าง เงิน บ้าน หน้าที่การงาน เคยช็อปปิ้ง 2 วัน 2 ล้านมาแล้ว ทั้งหลายเหล่านี้เธอบอกว่า
วันนั้นเธอทุกข์ที่สุด เพราะเธอติดเหล้า โมโหร้าย ขาดสติ ในวันที่ได้สติคือ วันที่ได้ยินเสียงด่าของตัวเองดังมาก ถึงกับฉุกคิดได้ เมื่อเธอคิดว่า สิ่งที่สังคมบอกเสมอว่า สิ่งที่เธอมีอยู่ตอนนี้คือ ความสุข แต่เธอกลับพบว่ามันไม่ใช่ เลยไขสมการความสุขของเธอเอง ตัดสินใจสะสางงานที่ทำอยู่ แล้วลาออกจากบริษัท เพื่อทดลองใช้ชีวิตหาความสุขด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ เพลงก็สามรถช่วยเราให้เกิดความรู้สึก อ่อนลงได้ สามารถหาดูได้ง่ายๆ เลย ตาม youtube ยกตัวอย่างเช่นหลายๆเพลง ของ บอย โกศิยพงศ์, เพลง ค่าน้ำนมแม่, เพลง เรียงความเรื่องแม่ ลองไป search ดูครับ ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไงผมแนะนำให้
อันนี้เพลงค่าน้ำนม http://www.youtube.com/watch?v=5l0gbYz7-38 ถัดไปเพลงอิ่มอุ่น http://www.youtube.com/watch?v=Y08JlSDVuTI&feature=related อันสุดท้าย เพลงพ่อ คิดว่าเพลงนี้หลายๆคนคงไม่เคยฟังกันมาก่อน ที่ http://www.e-muzic.net/muzic/dad.mp3
โอเคครับวันนี้ ไม่รู้จะเป็นสาระกันบ้างไหม ยังไงก็ระมัดระวังกันหน่อยละกันครับช่วงนี้ บ้านเรายังไม่ค่อยสงบ
จากคุณ |
:
Mr.A
|
เขียนเมื่อ |
:
11 มี.ค. 53 12:11:48
A:74.66.138.137 X: TicketID:194627
|
|
|
|
|