Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ประกาศเตือนระวัง!!! ไปเมืองนอก อย่าเชื่อคนง่าย ระวังการเดินทางคนเดียว [เหตุเกิดที่สนามบิน] vote  

ไม่ประสบกับตัวเองคงไม่รู้ ......

เมื่อวาน พอลงที่ JFK airport
11 A.M. 12/03/10 ตามเวลา New York [ช้ากว่าเมืองไทย 12 ชม.]
พอผ่านตม. + custom เรียบร้อย
ออกจากตรงนั้นไปมีร้านขายซิม
เลยซื้อทันที เพราะต้องการไปดูบ้านที่เช่า
งานนี้เราไปคนเดียว ส่วนบ้านที่เช่าก็หามาจาก craigslist
ติดต่อคุยทางเมลมาเดือนนึง จะมาดูว่า เหมือนในรูปหรือเปล่า
ถ้าเหมือนก็เช่าเลย ถ้าไม่เหมือนก็มี plan B ในมืออยู่
จนทำให้เราลืมทุกอย่าง ลืม หยิบ map New York map รถไฟ
ตั้งหน้าตั้งตาจะขึ้น taxi อย่างเดียว
แต่ก่อนออกจากร้านขายซิม ก็แอบถามว่า taxi ขึ้นตรงไหน
แกบอกว่า ให้เดินออกไปหน้า airport เลี้ยวซ้าย หรือ ไม่ก็เลี้ยวขวา
จะมี taxi รออยู่ตรงนั้น
เราก็เดินฉับๆๆๆ ก้มตาก้มตาจะออก

ทันใดนั้น!!!ก่อนจะถึงหน้าประตู airport
มีฝรั่งผู้ชายใส่แจ๊กเก๊ตสีดำ ถามว่าเราจะไปไหน
เราบอกว่า เราต้องการแทกซี่ไปที่นี่ บอก address เค้าไป
เค้าบอก FOLLOW ME !!
ด้วยความที่เรา งงๆ มึนๆ หน่อยๆ
ก็เลย Follow ไป -*- ขาดการตรึกตรองเล็กน้อย
แต่ใจเรามันไปแล้ว … ขาทั้งสองข้างเลยสั่งการให้ตามคนนั้นไป
เค้าพาเราไปขึ้นลิฟต์ที่ติดอยู่ตรงที่เจอเค้า
ในขณะนั้นเค้าบอกว่า ใช้เวลา 55 นาที จาก airport ถึงที่พัก
เราถามว่า มันไกลมากเลยหรอ
เค้าบอกว่า ใช่ ไกลนะ
เราถามเค้าว่า คุณเป็นใคร เป็น taxi driver หรอ
เค้าบอกว่า ใช่

พอขึ้นไปชั้นสอง เค้าเดินนำทางเราเดินไปฝั่งตรงข้าม airport
เดินเร็วพอสมควร แล้วเดินระยะห่างจากเรา
เราเดินช้าๆคิดตรึกตรอง อยากหันหลังกลับ ทำไงดี
กลัวว่าถ้าหันหลัง เค้าจะวิ่งกลับมาจับตัวเรา
เราเองก็เป็นผู้หญิง แถมมีกระเป๋าเดินทางใบอย่างใหญ่ลากอยู่ใบนึง
แอบคิดในใจ แทกซี่ไรเนียะ ไม่ช่วยผู้โดยสารถือของเลย -..-

จากนั้นเค้าพาเราเดินตรงไปทางฝั่งตรงข้าม airport
ภาพที่เห็นคือ ที่จอดรถ
แต่เค้าไม่ได้พาเราไปตรงนั้น!!
เค้าพาเราขึ้นลิฟต์ลง
เรากำลังคิดว่า ทำอย่างไรถึงออกจากคนนี้ได้
เรามีลางสังหรณ์แปลกๆ คิดทบทวนในใจตลอดเวลา
กูเดินตามมันมาทำไมวะเนียะ??
[ขออภัยที่ใช้คำไม่สุภาพ เพื่ออรรถรสในการเล่า]

ระหว่างลิฟต์ลง เค้าถามเราว่า where are you from?
เราตอบ I’m from Thailand. And you? Where are you from?
เค้าบอก Italy …
[คิดในใจว่าคน Italy มาเป็น taxi driver ที่นี่ได้ด้วยหรอเนียะ]
เราถามเค้าว่าทำไมไม่ไปจอดแทกซี่ตรงนั้น ชี้ไปทางหน้า airport
เค้าบอกว่า จอดตรงนี้ดีกว่า
เสร็จปั๊บ เสียงโทรศัพท์ของเค้าดังขึ้น
เราก็ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง
ภาษาไม่แข็งแรงเท่าไร
แต่พอจับใจความได้ว่า เค้าอยู่กับคนๆนึงอยู่จะพาไป staten island [ที่พักเรา]
เค้ายื่นใบสีเหลือง ซึ่งให้เราเขียนว่า จากที่ไหนไปถึงไหน
แล้วก็มี ช่อง ราคา + ช่อง tip 20%
เค้าบอกให้เราเขียนแต่เราไม่เขียน เราถือใบนั้นไว้เฉยๆ

มือเราตอนนี้ คลำๆโทรศัพท์แล้วละ
พอถึงชั้น 1 เค้าก็นำทางเราเดินออกจากลิฟต์
สายโทรศัพท์เค้าเข้าอีกแล้ว เค้าเดินนำทางเราไป
เราแกล้งหยิบโทรศัพท์มา
“ฮัลโหล เออๆ ถึงแล้วหรอ เดี๋ยวไปๆ โอเคๆ แค่นี้นะ” พูดเป็นภาษาไทย
เพราะรู้ว่าเค้าไม่รู้เรื่องแน่
เรามองซ้ายขวา ทางซ้ายเป็นลานจอดรถ
ทางขวาเป็นหน้า airport
เราตะโกนบอกว่า Hey!! you you my friend call me
I have to see my friend in the airport. เค้าบอก ok
แล้วเราก็เดินออกไป แล้ววิ่งข้ามถนนลากกระเป๋า
มุ่งหน้าไปตั้งหลักที่ airport อีกครั้ง
แต่ตอนนี้พอจะไปถึงหน้าประตู
เจอผู้ชายชุดแดง เข้ามาถามว่า เป็นอะไรหรือเปล่า?
ไอเราคิดในใจ ใครอีกวะเนียะ?
แต่มองเห็นป้ายแล้วหน้าจะเป็นเจ้าหน้าที่ใน airport
เราบอก I’m ok I’m looking for the taxi
เค้าบอกว่า taxi is waiting right here เค้าชี้ไปทางทีจอดรถแทกซี่
เราก็ฟ้องเลยบอกว่า คนนั้นเค้าบอกว่าเค้าเป็น taxi driver
เค้าบอกว่าเค้าเป็นคนอิตาเลี่ยน
เราเลยถามชายชุดแดงว่า คนอิตาเลียน เป็น taxi driver ได้ด้วยหรอ
เค้าบอกว่า no no no Did he touch you???
ไอเราก็ภาษาห่วยมาก แถมหูเพี้ยนๆอีก

ฟังเป็น Did he trust you??
แล้วก็แอบแปลเองในใจว่า เค้าพยายามจะทำให้ฉันเชื่อเค้าหรือเปล่า?
จริงๆมันต้องแปลว่า เค้าเชื่อคุณหรือเปล่า? ก็ไม่รู้แปลยังไงเลยไปแปลอันบน - -*
เราก็บอก yes!! He tried to trust me!! [ เค้าพยายามทำให้ฉันเชื่อเค้า ]
จริงๆมันต้องแปลว่า [เค้าพยายามจะเชื่อฉัน]
ตอนนั้นสมองมันกลับไปหมด
แล้วก็เล่าให้ชายชุดแดงฟังว่า
เค้าพานู๋ไปชั้นสองแล้วเดินไปทางนั้น แล้วลงมา

หลังจากนั้นเค้าก็พาเราไปหาตำรวจชุดสีน้ำเงิน ที่อยู่ใน airport
แล้วเค้าก็คุยกัน
ตำรวจถามว่า เค้าบอกคุณว่า ค่าเดินทางราคาเท่าไร
เราบอกว่า เค้าไม่ได้บอกคะ แต่เค้าพาหนูขึ้นไปข้างบนแล้วเดินไปทางนั้น
หนูรู้สึกแปลกๆเลย หาทางเดินกลับมาที่นี่

ตำรวจไวมาก เค้าเรียกให้คนไปหาผู้ชายที่พาหนูไป
หรือ คนอิตาเลียนคนนั้นเค้า เดินตามหนูกลับมา Airport ไม่รู้
ตอนนั้นไม่ได้ดู กลัว -*-
ตำรวจเดินไปคุยๆอะไรกับเค้าไม่ทราบ

เราบอกผู้ชายชุดแดงว่า เรากลัวเค้า กลัวเค้ามากๆ
เค้ารู้ที่อยู่เรา
เค้าบอกไม่ต้องกลัว ใจเย็นๆ
We will arrest him he try to touch you.!!
ตอนนี้เราฟังเป็น touch แล้ว
เราก็เลยบอกเค้าว่า No no no he didn’t touch me anything
ชายชุดแดงบอกว่า ไม่ใช่คุณบอกว่า เค้า touch you
เราก็บอก ไม่ใช่อีก แต่ชายชุดแดงบอกว่าไม่เป็นไร you said he touch you
[งานเข้าแล้วกู!! เดี๋ยวเค้าจะหาว่าพูดเท็จไหมเนียะ - -* ฟังผิดจริงๆ]
เราก็บอก เราขอโทษคะ ตอนแรกนึกว่าเป็น trust ฟังผิด

จากนั้นตำรวจก็เดินเข้ามา บอกให้เราเล่าเรื่องราวให้เค้าฟังทั้งหมดตั้งแต่ต้น
เราก็พูดแบบ คนพยายามที่จะพูด
บางคำพูดไม่ได้ก็ทำท่าทำทาง พยายามสื่อสารกับเค้าให้ได้
ตำรวจใจดีมาก ใจเย็นมาก
เค้าขอเบอร์โทร ขอบัตรเราดู เราก็งงๆเอาบัตรอะไร
เราเลยยื่นใบ ISIC card ให้เค้าดู
เค้าก็จดๆรายละเอียดเราไป
เสร็จตำรวจพอจับใจความได้ เค้าก็คุยกับเพื่อนตำรวจอีกคน
พูดเร็วดี ฟังไม่ทัน แต่เค้าก็เหมือนพูดเรื่องของเรา
แต่เป็นภาษาที่ประติดประต่อ กว่าที่เราพูดอะ
เราพูดติดๆขัดๆ แล้วเรายังกลัวอยู่ด้วย

เราเลยถามตำรวจว่าเค้าเป็นใคร
เค้าบอกว่า คนทำงานผิดกฏหมาย work illegal
แต่เค้าไม่ได้คิดจะทำอะไรหนู เค้าแค่จะ charge ค่าแทกซี่หนูเฉยๆ
[ในใจคิด จริงหรอ??? ถ้าเราโดนจับไปขายทำไง -*-]
เสร็จปั๊บตำรวจเค้าก็ไปหาผู้ชายคนนั้น
คงโดนจับไปแล้วละ เพราะเราก็ไม่กล้ามองหน้าเค้า

หลังจากนั้นชายชุดแดงก็พาไปขึ้นรถแทกซี่
เค้าบอกว่า คราวหลังให้มายืนรอแทกซี่ตรงนี้
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม อย่าเชื่อใครเลย
ถ้าที่ New York ต้องแทกซี่สีเหลืองเท่านั้น
เราก็ขอบคุณเค้าที่ช่วยเหลือ…

มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงมาถามว่า คุณออกมาจากเค้าได้ไง
เราบอกว่า I pick the cell phone and talk to myself in my language..
เค้าบอกว่า ฉลาดนี่
เราบอกว่า God help me …
เค้าบอกใช่ พระเจ้าคุ้มครองเราเสมอ
แล้วเค้าก็รอแทกซี่เป็นเพื่อน เค้าถามเราว่าจะไปไหน
เราบอกไป staten island พาแทกซี่มาก็ส่งใบราคาให้เลย
ผู้หญิงก็สอนให้เราดูใบราคาแทกซี่ แล้วเค้าบอกว่า
นี่นะไป staten island rate จะอยู่ที่ $55-59 นะ คุณ ok ไหม
เราบอกว่า ok thank you very much

ไม่รู้สิ เราเชื่อเสมอ คนดี ทำดี พระคุ้มครอง ตอนนั้นคิดถึงแม่มาก
เราไปคนเดียว แม่ไม่รู้ว่าเราเป็นตายร้ายดียังไง ถ้าเกิดเค้ารู้ว่าเราหายไป
เค้าจะคิดยังไง แต่เราดื้อ อยากมาที่นี่เอง
อยากมาใช้ภาษา อยากมาเรียนรู้ มาดูวัฒนธรรม
รู้จักคน แล้ววันแรก เราก็ได้บทเรียนเลย … CHAPTER 1

เชื่อไหม ถ้าชายเสื้อแดงคนนั้นไม่มาถามเรา
ผู้ชายคนนั้นไม่โดนจับหรอก
เพราะเราไม่ได้คิดจะเอาเรื่องเค้าเลย
เราคิดว่า เราออกจากคนนั้นให้ได้ก็พอ…

ที่เขียนมาทั้งหมด เพื่อให้ทุกคนระมัดระวังตัวเอง
การเดินทางคนเดียว ภัยรอบตัว มิจฉาชีพมีอยู่ตลอดเวลา
คนที่เป็นเหยื่อ คือคนที่อ่อนแอกว่า
ถ้าให้ดีไปไหนควรไปกับเพื่อนดีสุด ปลอดภัย
ดังสุภาษิตที่ว่า คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย

แต่ที่เราเลือกที่จะมาคนเดียวเพราะอยากพูดภาษาอังกฤษให้เป็น
ปีสี่แล้วยังพูดไม่คล่องเลย ถ้ามากับเพื่อนคนไทย
ก็คงไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ
คงพูดแต่ภาษาไทยกันทั้งวันแน่ๆ [หมายถึงตัวหนูนะ]

ชีวิตคนเรา มันไม่แน่ไม่นอนหรอกคะ
ตัวหนูเองไม่อยากหายใจไปวันๆอีกแล้ว
จะใช้เวลา 3 เดือนให้คุ้มค่ามากที่สุด
เมื่อวานหลังจากได้ที่พัก เรียบร้อยก็นั่งรถไฟ
ต่อ ferry ข้ามฝั่งไป Manhattan
เดินชิวดูรอบเมือง … เดินไปเรื่อยๆไม่มี map
ขากลับถามคนเดินข้างทางเอาว่า battery park ไปทางไหน
แล้วก็เดินตามที่เค้าบอก เพื่อขึ้นเรือ ferry กลับ

ที่นี่เป็นเมืองที่สวยและเจริญเอาซะมากๆคะ
เอาไว้จะถ่ายรูปมาฝากนะคะ
พอดีตอนนั้นฝนตกปรอยๆ + อากาศหนาวมาก
เลยไม่ได้ถ่ายอะไรเลย
แต่ภาพนั้นอยู่ในความทรงจำของเราหมดแล้ว … ^______^

โชคดีทุกคนคะ
God bless you

แก้ไขเมื่อ 13 มี.ค. 53 20:26:29

 
 

จากคุณ : beautifulwoman
เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 53 20:07:51




[ต้องการแตกประเด็นจากกระทู้เดิมคลิกที่นี่] [กติกามารยาท] [Help & FAQ] 
 
ความคิดเห็น :
  PANTIP Toys
จัดรูปแบบ :
ไฟล์ประกอบ :
  Help
ชื่อ :
 

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com