Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอแชร์แง่มุมการขอวีซ่าอเมริกาที่อาจจะยังไม่มีการพูดถึงค่ะ  

เพิ่งได้วีซ่าอเมริกามาค่ะ แต่กว่าจะได้วีซ่ามาก็ใจหายใจคว่ำเหมือนกัน เพราะค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้จ่ายไปเกือบหมดแล้ว แต่ว่ายังขอวีซ่าไม่ได้

ทุกคนที่เจอมักจะถามว่า ถ้ายังไม่ได้วีซ่าแล้วจ่ายเงินค่าเดินทางไปทำไม ก็ด้วยความที่เราเดินทางค่อนข้างบ่อย ขอวีซ่าก็ขอมาหลายที่ แต่ไม่เคยคิดเดินทางไปอเมริกา จึงไม่คิดว่าจะขอกันยากเย็นขนาดนี้ แล้วอีกอย่างคือเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะเดินทางด้วย จึงคิดว่ายังไงก็น่าจะขอได้ และขอทัน

แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้นสิคะ พอจะเริ่มขอวีซ่าจริงๆก็มาค้นหาอ่านเอาจากในนี้และในเน็ต ก็มีบล๊อคของคุณซูซี่กับของคุณผู้ชายอีกคนที่บอกว่าเป็นการเขียนขั้นตอนขอวีซ่าแบบละเอียดยิบ

สิ่งที่ไกด์ต่างๆไม่ได้เขียนบอก (หรือว่าเราหาไม่เจอเอง) ก็คือในคู่มือต่างๆบอกว่า เวลาซื้อพินหรือจ่ายค่าวีซ่าก็ไปไปรษณีย์ซื้อเสร็จเรียบร้อยได้ง่ายดาย

จริงๆแล้วที่ในคู่มือไม่ได้บอกคือ เค้าไปซื้อกันเอง แต่เราฝากคนไปซื้อค่ะ ให้คนงานที่บ้านไป ตอนแรกไปซื้อพินก่อน ก็ให้เงินไปเฉยๆ เค้าก็กลับมามือเปล่า บอกว่าต้องกรอกฟอร์มอะไรไม่รู้ ก็เลยต้องให้หน้าพาสปอร์ตแล้วไปซื้ออีกรอบหนึ่ง

พอครั้งที่สองที่จะไปจ่ายเงิน ในคู่มือบอกว่า ให้เอาใบจองไปด้วย เราก็ยื่นใบจองพร้อมเงินให้เค้าไป ปรากฏว่าก็ซื้อไม่ได้อีก เพราะแบบฟอร์มและสลิปการจ่ายค่าวีซ่าจะต้องมีชื่อของเราเขียนอยู่ และต้องให้ตรงกับพาสปอร์ต ซึ่งเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไม่กล้าเขียนเพราะกลัวผิด เค้าก็เลยต้องเอาใบกลับมาให้เราเขียนก่อน แล้วอีกวันจึงกลับไปซื้อใหม่

ส่วนสิ่งที่เราไม่ได้ทำตามคู่มือแบบละเอียดยิ๊บเรื่องหลักฐานการเงิน คือเราไม่ได้ขอทั้ง "ใบรับรองเงินฝาก" และ "statement" ของบัญชีอันเดียวกันไปขอวีซ่า คือเรามีบัญชีเงินเดือน กับเงินเก็บที่เป็นออมทรัพย์ พอเราขอให้พ่อไปธนาคารเพื่อขอเอกสารให้ พ่อเราเค้าก็ยืนยันว่าไม่จำเป็น เพราะ ใบรับรองเงินฝากใช้เฉพาะในกรณีของเงินฝากประจำ ส่วน statement ย้อนหลังหกเดือน นั้น ใช้เฉพาะบัญชีกระแสรายวันที่ไม่มีสมุดฝาก ส่วนบัญชีออมทรัพย์ของเราก็แค่เอาสมุดบัญชีไปก็พอ ซึ่งอันนี้เราก็ไม่ได้พิสูจน์ว่าทฤษฏีของพ่อถูกหรือผิด (แต่ก็ฟังมีเหตุผลดี เรากลัวแค่ว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจเอกสารตามลิสต์ของเค้า แล้วถ้าเราเอกสารไม่ครบ เค้าจะไม่ออกวีซ่าให้เท่านั้นเอง) เพราะเค้าไม่ได้ดูหลักฐานการเงินของเราเลย

ก่อนไปขอวีซ่า เรากังวลมาก เพราะเราเป็นผู้หญิง อายุงาน 4 เดือน แล้วก็ไม่มีหนี้อะไรเลย ซึ่งเวลาที่เราอ่านข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เค้าจะเน้นเรื่องหลักฐานผูกพันกับถิ่นกำเนิดมากๆ ซึ่งเราไม่มีเลย แต่เพื่อนเราก็บอกว่ากังวลไปเอง เพราะจริงๆเราเป็นคนที่เที่ยวบ่อยมาก พาสปอร์ตเล่มที่แล้วก็ต้องไปทำไส้เพิ่มอีก30-60 หน้า แต่เราก็อดกังวลไม่ได้ เพราะเห็นคนที่ขอวีซ่าไม่ผ่านกันมากมายด้วยเหตุผลว่าขาดหลักฐานความผูกพันตัวนี้ เราเลยอยากจะแชร์ความกังวลให้ฟัง เพราะก็อาจจะมีคนที่คิดคล้ายๆเราก็ได้

คิดแล้วก็ขำ วันก่อนสัมภาษณ์เกิดนึกได้ว่าตัวเองมีหนี้บัตรเครติดอยู่เดือนละพันกว่าบาทเป็นค่าเทรนเนอร์ในฟิตเนส! ดีใจมากเลย แทบหยิบสลิปออกมากองไว้กับเอกสารอื่นๆไม่ไหว ^-^

วันสัมภาษณ์ก็ตื่นตีห้า กะจะไปคิวแรกๆ ไปถึงหกโมงเกือบครึ่ง คิวด้านหน้าก็ยาวซะแล้ว แต่พอผ่านด่านตรวจอาวุธ กับตรวจเอกสารและพิมพ์ลายนิ้วมือ ก็พบว่าตัวเองได้คิวที่ 906 ก็คือคิวที่ 6 นั่นเอง ทีนี้ก็เหลือแต่นั่งรอสัมภาษณ์แล้วล่ะ

อ้อ ตอนเค้าแถวหน้าสถานฑูต ก็มีน้องเสื้อม่วงบอกให้หยิบใบเสร็จจ่ายเงินค่าวีซ่ากับใบ 156 ออกมา เค้าก็จะตรวจดูเลยว่าเรามีนัดและได้จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เค้าถึงจะให้เราเข้าไปตรวจอาวุธ จากนั้นตอนเข้าคิวตรวจเอกสาร เค้าก็จะแจกใบซื้อซองไปรษณีย์ให้เรากรอกให้เรียบร้อย อีกอย่างที่สำคัญก็คือ "ต้องกรอกเอกสารให้ครบทุกช่อง ถ้าช่องใดไม่มีข้อมูลให้เขียนว่า n/a หรือ none" ระหว่างยืนต่อแถว เจ้าหน้าที่จะบอกให้จัดเอกสารไว้เลย เอาแค่พาสปอร์ต (ทั้งอันเก่าและใหม่) ใบ 156-157 และจดหมายอนุญาตลางานจากที่ทำงาน แล้วก็ใบเสร็จและใบซื้อซองจดหมาย เอาเท่านั้นจริงๆ

ถึงตอนสัมภาษณ์ เค้าเรียกทีเดียวสิบคนเลย ให้ไปยืนต่อคิวอยู่ เป็นประสบการณ์ที่หน้ากลัวมาก เพราะได้เห็นชะตากรรมของคนก่อนหน้าเราด้วย

มีผู้หญิงคนหนึ่งก่อนหน้าเราสามคน เดินเข้าไปสัมภาษณ์ คุยได้ไม่กี่คำ เจ้าหน้าที่ก็เปลี่ยนเป็นพูดภาษาไทย เราก็งง เพราะคิวนี้สำหรับคนพูดภาษาอังกฤษ ฟังไปฟังมาได้ยินประมาณนี้

เจ้าหน้าที่: คุณไปเรียนภาษามาแล้วสามปี แต่ทำไมชั้นพูดภาษาอังกฤษกับคุณแต่คุณฟังชั้นไม่รู้เรื่องเลย เป็นไปได้ยังไง นี่เรียนเต็มเวลาหรือเปล่า

หญิง: เปล่า เรียนพาร์ตไทม์

จนท. : แล้วตกลงเรียนจริงๆนานเท่าไหร่

หญิง : อ่า...หกเดือน

พอได้ยินว่าหกเดือน เจ้าหน้าที่ก็ยังทำหน้าไม่เชื่ออีก เพราะจริงเรียนภาษาหกเดือนควรพูดภาษาอังกฤษพอรู้เรื่องแล้ว

ถ้าถามว่าชะตากรรมของคนคนนั้นเป็นยังไง เราก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่กล้าฟังจนจบ กลัวตื่นเต้น แต่เห็นเค้าเดินออกมาในมือถือพาสปอร์ต ก็เลยคิดว่าเค้าคงไม่ได้วีซ่า

พอมาถึงตาเรา บทสนทนาเป็นอย่างนี้

เรา อรุณสวัสดิ์
เค้า อรุณสวัสดิ์

เค้าพลิกเอกสารดูนิดนึง
เค้า จะไปเที่ยว cruise เหรอ
เรา ใช่ค่ะ (ยิ้มกว้าง)

เค้า ทำงานมานานเท่าไหร่แล้ว
เรา จนถึงวันนี้ก็สี่เดือน

เค้า แล้วก่อนหน้านั้นทำอะไร (พลิกเอกสาร)
เรา เรียนโท

เค้ากลับไปพลิกเอกสารแล้วก็พิมพ์ๆๆๆ แป๊บนึงก็ยื่นใบซื้อซองให้เรา แล้วก็บอกว่า "เดี๋ยวพาสปอร์ตจะส่งไปให้ที่บ้าน"
เรา ขอบคุณค่ะ

จบ....เราว่า ไม่ถึงสองนาทีเลยจริงๆ เอกสารเตรียมไปมากมาย ไม่ได้ใช้เลย ต้องขอบคุณ ที่อย่างน้อยเค้าก็มองที่เจตนามากกว่ายึดติดกับเอกสารหลักฐานต่างๆ

จากคุณ : booklovers
เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 53 17:47:42




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com