ความคิดเห็นที่ 1 เคยเจอแต่ช๊อคโกแลตที่ทำเหมือนหินจริงๆ ลูกๆเคยอยากซื้อมาลองกินมากเลย ตอนนั้นยังเด็กๆกันอยู่อายุ 3-6 ขวบ อยู่ออสเตรเลียมีขายเกลื่อนตามร้านช๊อคโกแลต ดิฉันต้องใจแข็งบอกลูกว่าหินช๊อดโกแลตนั้นเขาทำออกมาเลียนแบบกรวดจริงๆ หากขืนแม่ซื้อให้หนูลองกินแล้วหากใครลองเอากรวดจริงๆมาหลอกให้กิน หนูก็คงจะไม่รู้ว่าอันไหนของจริงของปลอม จึงไม่เคยซื้อช๊อคโกแลตแบบหินกรวดมาให้ลูกๆลองเลย เพื่อให้ลูกรู้ว่าของแบบนี้มีทั้งโทษมากกว่ามีคุณ ในเคสของคุณนี่ดิฉันคิดว่าเด็กคนนั้นอาจจะเคยลองชิมหินช๊อคโกแลตมาก่อนก็เป็นได้ ทีนี้พอเห็นเพื่อนชวนให้ลองกัดจึงคิดว่ามันเป็นของกินได้จริง เด็กๆส่วนมากชอบลองเอาของเข้าปากอยู่แล้ว หากเด็กคนนั้นเคยกินหินช๊อคโกแลตมาก่อนจริงๆ เขาอาจจะคิดว่าหินจริงๆคือของกินได้เหมือนกันก็ได้ น่าจะลองถามแม่เด็กคนนั้นดูดีๆ ว่าเขาเคยซื้อช๊อคโกแลตรูปหินหรือกรวดให้ลูกกินมาก่อนหรือเปล่า หรือ ลูกเขาเคยลองกินช๊อคโกแลตหินมาจากที่ไหนก่อนหรือเปล่า ของแบบนี้โทษเด็กทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะเวลาเด็กไม่ได้อยู่โรงเรียน อาจจะเคยเล่นพิเรนโดยที่พ่อแม่เด็กเองอาจจะไม่เคยรู้ก็ได้ ยิ่งมีของกินรูปร่างพิเรนๆออกมาล่อขายเด็กๆ เด็กเองอาจจะอยากลองตามประสาเด็ก แม้พ่อแม่ไม่ได้เป็นคนซื้อให้กิน แต่ปู่ย่าตายายหรือญาติๆก็อาจจะเคยให้เด็กลองกินมาก่อนโดยที่พ่อแม่เองอาจจะไม่รู้ก็ได้ จึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นที่โรงเรียน จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 17:18:58

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ใช่เรื่องที่เกินคาดหมายแต่อย่างใด เป็นเรา จะเริ่มต้นตรงที่ลูกเราไปชวนเพื่อนกินหินค่ะ ทำอย่างนั้นทำไม หินน่ะ มันควรเอาเข้าปากหรือ จะกินหรือไม่ก็ตาม แล้วเด็ก4 ขวบ ก็ไม่ได้ฉลาดกว่าเด็ก3ขวบหรอกค่ะ แก้ที่ลูกคุณก่อน จะไปบอกลูกพ่อแม่คนอื่น ให้บอกลูกว่า อย่าเชื่อลูกคุณ คุณคงต้องตามไปบอกทุกคน แล้วอีกหน่อยจะมีใครคบลูกคุณล่ะคะ แล้วก็อย่าไปคาดหวังทุกอย่างกับครู บางทีครูก็ไม่ทราบหรอกค่ะ ว่าเด็กเล่นอะไรกันบ้าง การย้ายโรงด้วยเหตุนี้ ไม่น่าจะแก้ปัญหา แล้วถ้าคุณเป็นแม่ของเด็กที่กินหินจนต้องเข้าโรงพยาบาล คุณจะทำอย่างไรคะ จากคุณ : Febie เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 20:19:44

ความคิดเห็นที่ 3 ต้นเหตุแรกเลยดิฉันคิดว่ามาจากความปลอดภัยของโรงเรียนมากกว่า.....เพราะสถานที่ที่ใช้ในการดูแลเด็กหรือสถานที่ที่ให้เด็กเล่นไม่น่าจะมีสิ่งที่เป็นชิ้นเล็ก ๆน้อย ๆที่เด็กจะสามารถหยิบเข้าปากไปได้หรือว่าเป็นอันตรายต่อเด็กเล็กได้.....เพราะเด็กในวัยนี้ยังไม่รู้ความมากนัก....โรงเรียนควรคำนึงถึงความปลอดภัยมาอันดับแรก....และบุคลากรที่ดูแลเด็กควรมีเพียงพอกับเด็ก....เพื่อที่จะดูแลกันให้ทั่วถึง แต่ก็อย่างที่คุณ Febie ว่าอะค่ะ  เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ใช่เรื่องที่เกินคาดหมายแต่อย่างใด......ยกตัวอย่าง...อย่างเรื่องลูกชายของดิฉัน....เล่น ๆอยู่...เพื่อนคนหนึ่งก็โยนของเล่นใส่หางตาจนเป็นรอยข่วนเลย....ลูกชายก็ร้องไห้...พอแม่มารับกลับจากโรงเรียนลูกชายก็บอกว่าไม่ชอบเพื่อนคนนั้นที่โยนของเล่นโดนหางตาจนเจ็บร้องไห้เลย แต่คุณครูก็จะดีหน่อยที่จะรายงานไห้เราทราบก่อนที่ลูกเราจะบอกซะอีก ในกรณีของคุณ....ดิฉันว่าคุณครูไม่มีความรับผิดชอบเลย....ดิฉันเห็นด้วยว่าควรลองมองหาโรงเรียนที่ดีกว่าค่ะ....ถึงจะค่าใช้จ่ายแพงกว่ากันแต่ก็คุ้มกว่าค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 53 21:21:38 จากคุณ : thaibo_pa เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 21:20:05

ความคิดเห็นที่ 4 ลูกดิฉัน สามขวบหนึ่งเดือนวันนี้พอดี ไปเพลย์กรุ๊ปเเล้ว เพิ่งขี้นชั้นที่๒เมื่อต้นเดือน ตอนนี้เพื่อนในกรุ๊ปเป็นเด็กสามขวบกว่าไปถึงสี่ขวบ สังเกตดู ของเล่นจะต่างจากตอนกรุ๊ปหนึ่งที่เป็นเด็กสองขวบหลายอย่าง มีของที่ดูอันตรายเพิ่มมากขี้น เช่นหมุดปักบอร์ด เอาไว้ตอกบนกระดานผ้า เเต่เวลาเด็กเล่น คุณครูจะคอยอยู่ใกล้ๆ เด็กบางคนอายุมากกว่าลูกดิฉันหลายเดือน เเต่ยังพูดไม่ค่อยได้ก็มี ดังนั้นไม่น่าเเปลกใจเลย ที่เด็กโตกว่าจะถูกเด็กเล็กกว่าชักจูง เพราะเวลาเขาอยู่ด้วยกัน มันไม่มีขอบเขตอายุหรอกค่ะ เขาก็เล่นด้วยกันนั่นเเหละ เด็กบางคนมีลักษณะเป็นผู้นำ เด็กบางคนชอบเป็นผู้ตาม อันนี้ไม่เกี่ยวกับอายุหรอกค่ะ เด็กๆน่ะ เพื่อนชวนกันทำอะไร เขานึกสนุก ก็เอาด้วย ลูกดิฉันเล่นกรรไกร ตัดอาหารด้วยมีดจริงๆ(เเต่ค่อนข้างทื่อด้วยความเก่า) หรือดับเทียน เเต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใหญ่เสมอ เพราะดิฉันคิดว่าเด็กอยากรู้อยากเห็น คงห้ามหรืออยู่ในสายตาไม่ได้ตลอดเวลา ดังนั้นดิฉันจะอธิบายให้ลูกฟัง ว่าอะไรที่ห้ามเด็ดขาด หรืออะไรที่เขาได้รับอนุญาตให้ใช้ได้ เเต่ต้องมีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ตอนเเรกดิฉันคิดว่าลูกคงไม่เข้าใจหรอก เพราะยังเล็ก เเต่จริงๆคือ สองสามครั้งลูกดิฉันก็ยอมรับกฏเกณฑ์นี้ได้ ถ้ายังอยากจะเล่นอยู่ เเม่ดิฉันมีบ้านให้เช่า อยู่มาวันนึงลูกบ้านต้องพาลูกสาวส่งโรงพยาบาล เพราะยายซื้อโทรศัพธ์มือถือเด็กเล่นให้หลาน เด็กกำลังทำการบ้านอยู่ นึกไงไม่ทราบ ถอดถ่านออกมากลืนลงท้องไป เอ็กซเรย์เเล้ว ให้กินยาถ่าย ทำไงก็ไม่หลุดออกมา สุดท้ายหมอต้องผ่าท้อง เด็กอายุหกเจ็ดขวบเเล้วนะคะนี่ จากคุณ : Pixiepasta เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 21:35:46

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ กุศโลบายจากความจริง ขอบคุณมากคะที่ให้คำแนะนำที่ยอดเยี่ยมมากๆดิฉันลืมนึกไปเลยว่าสมัยนี้ขนมต่างๆทำเลียนแบบมาจากของเล่นเยอะแยะ ดิฉันอ่าน คห ของคุณแล้วตั้งใจว่าจะไปดักรอแม่เด็กคนนั้นแล้วไปคุยกับเธอดีๆอย่างที่คุณแนะนำ ถามเธอเหมือนที่คุณแนะนำทุกอย่าง คุณ Febie นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของดิฉันตั้งแต่ได้เป็นแม่คนมาสามปีกว่าเรื่องแบบนี้จึงเป็นเรื่องที่ทำให้ดิฉันช็อคมาก และถือเป็นเรื่องใหญ่เกินความคาดหมายของดิฉัน ซึ่งแน่นอนดิฉันพูดกับลูกเมื่อวานตรงกับที่คุณเขียนมเป๊ะๆเลย บอกลูกว่าหิน ดิน ทราย แม้กระทั่งหญ้าหรือเศษอะไรต่างๆไม่ควรจะจะเอาเข้าปากทั้งนั้น ที่ดิฉันอยากให้แม่ของน้องคนนั้นไปบอกลูกของเธอ ดิฉันถือว่าช่วยกันสอนไม่ได้กลัวว่าใครจะมาคบหรือไม่คบลูก เพราะเด็กน้อยเราใส่ข้อมูลพร่ำสอนอะไรเขาต้องรู้ว่าอันไหนดีหรือชั่วอันไหนกินได้ไม่ได้ อย่างที่บอกนะคะดิฉันเพิ่งเคยเป็นแม่การเลือกโรงเรียนนี้ให้ลูกดิฉันจึงคาดหวังกับทางโรงเรียนและครูผู้ดูแลมากๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ให้เขาเข้า รร ไพรเวท ที่ต้องจ่ายค่าเทอมเป็นรายเดือน อ่าน ค ห คุณแล้วดิฉันคงต้องทำใจ กว่าจะเลี้ยงคนๆนึงให้เติบใหญ่มันไม่ง่ายเลย ขอบคุณที่เข้ามาแชร์นะคะ คุณ thaibo_pa นี่อย่างไรละคะที่ดิฉันอยากย้าย รร ให้ลูก เหตุผลและการกระทำของครูทำให้ดิฉันเบื่อกับการจ่ายค่าเทอมที่ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับมา ลูกดิฉันก็เคยถูกเพื่อนปิดประตูงับนิ้วแต่ดิฉันไม่เคยไปถามแม่ใครทั้งนั้นถามแค่ลูกว่าใครทำแล้วบอกให้เขาระวัง ขอบคุณสำหรับความเห็นมากๆคะ จากคุณ : DUNHILL เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 53 22:25:31

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเป็นดิฉันก็คงต้องสอนลูกเราไม่ให้ไปชวนใคร หรือหลอกล่อใครให้ทำในสิ่งที่ไม่ดี เมื่อสัปดาห์ก่อนน้องวินก็เป็นแบบนี้ ชอบไปปิดไฟ ที่โรงเรียนเล่นช่วงเบรก ครูก็ดุ และทำโทษ ตามระเบียบ จากนั้น ความฉลาดแกมโกงก็บังเกิด แกเดินไปบอกเด็กอีกคนที่ไร้เดียงสากว่าน้องวินมากๆ ว่า ไปปิดไฟซิ เด็กคนนั้นก็ว่าง่าย เดินไปปิดไฟ จริงๆ แต่บังเอิญอยู่ในสายตาคุณครู ดังนั้คนโดนดุ คือน้องวิน ค้าาาาาาาาาา กลับบ้านมาเราก็ต้องมานั่งสอนน้องวินว่าอย่าทำแบบนั้นอีก.....เราคงสอนได้แต่ลูกเรานะคะ รับรองเรื่องแบบนี้จะเจออีกเยอะค่ะ จากคุณ : แม่น้องวิน เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 00:48:14

ความคิดเห็นที่ 7 จะมาว่าลูกเราฝ่ายเดียวไม่ได้ค่ะเรื่องแบบนี้  คนเป็นแม่ๆ ต้องเข้าใจลูกตัวเองด้วย  สงสารก็แต่น้องริสา  เค้าก็คงตามประสาเด็ก3-4ขวบ  แต่คนเป็นผู้ใหญ่นี่สิคะต้องระวังด้วย ขนาดเป็นรร.ไพร์เวท ยังไม่มีการดูแลเด็กให้ดี  แล้วถ้าเป็นรัฐจะขนาดไหนคะ ก่อนอื่น ในกรณีนี้แม่เจย์อย่าดุด่าลูกเลยค่ะ  ดิฉันก็เคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้หมือนกัน  ทุกวันนี้นึกถึงเรื่องนี้ทีไร น้ำตาลื่นทุกที เพราะสงสารความรู้สึกลูก  ดุจนลูกขาดความมั่นใจตัวเองไปเลย ทั้งๆที่เราไม่ถามลูกเราก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น  ของแบบนี้ แม่เด็กคนนั้นก็คงต้องสอนลูกตัวเองด้วย  ไม่ใช่ว่าฟังแต่ลูกและครู เล่าอย่างเดียว แล้วมาลงที่หนูริสา  อันนี้ขอบอกตามความเห็นตัวเองว่า ไม่ใช่ความผิดของริสาเลยค่ะ จากคุณ : Thatcha70 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 02:23:22

ความคิดเห็นที่ 8 ย้ายโรงเรียนเป็นเหตุผลที่ดีค่ะ แม่ลูกคู่นี้อาจจะมีปัญหาทางจิตใจบางอย่างหรือเปล่า อย่าไปคาดคั้นอะไรกับเธอมากเลยค่ะ พยายามแยกลูกคุณออกจากเด็กคนนี้เถอะ ดิฉันเข้าใจหัวอกพ่อแม่นะ เพราะตัวเองก็มีลูกและทุกครั้งเมื่อลูกมีปัญหาก็จะไม่สบายใจ ลูกดิฉัน2ขวบ10เดือน ดื้อจัง ไปเดย์แคร์มีแต่โดนครูลงโทษให้time out เพราะเอาของเล่นไปโขกหัวเพื่อน ดิฉันได้รับรายงานก็พยามคุยกับลูกและบอกครูให้ลงโทษลูกดิฉันได้เลยถ้าเค้าผิดจริง แต่บางทีและหลาย ๆ ครั้ง ลูกเล่นอยู่คนเดียวและละเมอพูดบ่อย ๆ xxx(ชื่อเพื่อน)hit my head เราก็พยายามสอบถามว่ายูตีเพื่อน หรือเพื่อนตียูหละ ก็ได้รับคำตอบว่าถูกเพื่อนตี บางทีก็ได้ยินลูกขึ้นลอยๆ"be nice to Nadia" นั่นก็หมายถึงโดนเพื่อนแกล้งมาหละ แต่แปลกครูไม่เคยรายงานเลยนะ ค่าเทอมก็แสนแพงมหาโหดปีหนึ่งเกือบสี่พัน แค่เดย์แคร์ไปสัปดาห์ละ3วัน และอยู่แค่ครึ่งวันเอง แค่พาเล่นในห้องแคบ ๆ ไม่สอนอะไรเลย จากคุณ : เสียงซึง เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 05:02:45

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ Pixiepasta  ลูกดิฉันนี่คงจะเป็นเด็กในลักษณะเป็นผู้นำ นำเพื่อนๆเล่นพิเรนนั่นไง ดิฉันชอบใจ รร ของลูกคุณจังคุณครูคงจะดูแลทั่วถึง นึกย้อนกลับไปทุกเทศกาลดิฉันเห็นเพื่อนหอบหิ้วของขวัญพะรุงพะรังไป รร ถามว่าจะเอาไปให้ใคร เธอว่าเอาไปฝากครูของลูก<เพื่อนมีลูกสองคน> ดิฉันเก๊ตเลย มิน่าครูเลี่ยงที่จะบอกอะไรๆกับดิฉันและเลือกกระทำด้วย เพราะดิฉันไม่เคยมีของไปฝากเขานี่เอง คุณ แม่น้องวิน  เรื่องสอน สอนจนปากเปียกเลยคะ แต่ที่น้อยใจเพราะทาง รร เฉยเมย ดิฉันจะอนุญาตเต็มที่เลยให้ทำโทษลูกได้ทุกครั้งที่เขาทำผิด แต่ต้องมีการบอกกล่าวผู้ปกครองบ้าง คุณ Thatcha70 อ้าวแม่เปิ้ลหัวอกเดียวกัน ดุไปแล้วละคะบอกว่าอย่าทำงี้อีกลูกก้มหน้า งุดๆ บอกแม่ว่า Oui maman,แม่บอกให้สบตาแม่เวลาพูด มันขอโทษ ขอโพยใหญ่ ทำท่าจะร้องไห้เลยต้องปลอบพูดเบาๆ คุณ เสียงซึง ดิฉันนอนไม่หลับใจไม่ดีทำงานไม่มีสมาธิเลยละคะ ในวันที่ีแม่น้องกินหินมาบอก มันใจไม่ดีนะเสียใจไปหมด และไปทำเรื่องย้าย รร ใหม่ให้ลูกเมื่อเช้านี้เองคะ คาดว่าจะได้รับคำตอบพรุ่งนี้ เมื่อเช้าไปเจอแม่น้องบอกให้เธอบอกลูกสาวเธออย่าทำตามลูกดิฉันทุกอย่างเพราะลูกเรามันดื้อ เจ้าเล่ห์ บอกเธอดีๆว่าเราเองก็บอกลูกเหมือนกัน เอาแบบคนละครึ่งทาง เมื่อเช้าตอนไปส่งในคลาสน้องมาดักรอลูกเราด้วยมาหอมแก้มรอเล่นด้วย ลูกดิฉันก็ชอบนอนละเมอเหมือนลูกคุณเลยคะ ละเมอหาเพื่อนคนนั้นคนนี้ มีแบบ No No! แล้วเอ่ยอะไรออกมามากมายเป็นจังหวะเป็นเรื่องๆไป สงสัยว่าเดย์แคร์ลูกคุณกับ รร ลูกดิฉันนี่จะคล้ายๆกัน มีอะไรไม่มาบอกเราตรงๆ น่าเบื่อนะคะเจอแบบนี้ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 53 15:56:28 จากคุณ : DUNHILL เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 15:51:07

ความคิดเห็นที่ 10 พอเค้าเข้าประถม  ก็จะมีปัญหาใหม่ๆตามมาอีกค่ะแม่เจย์ นี่แค่เริ่มตเนนะคะ  แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เท่าลุกเราไปรังแกคนอื่นก่อนหรอกค่ะ   เจ้าแฝดที่บ้าน  เวลาอยู่บ้าน มันเก่งใส่กันนัก  พอไปโรงเรียนโดนเด็กโตกว่าแกล้ง ทุกวัน  ครั้งแรก-2ครั้งถ้าถามลูกและครูแล้ว ว่าลูกเราไม่ใช่ฝ่ายเริ่มก่อน  ครั้งที่3ถ้ามีปัญหากับคนเดิมอีก ดิฉันขอครูนัดผู้ปกครองเด็กคนนั้นมาคุยกันเลยค่ะ   ฝรั่งผู้หญิงบางคน มันเห็นเราเป็นเอเชียหรือ ที่เค้าชอบเรียกโดยรวมว่า  ชินัว  เค้าทำเป็นไม่ใส่ใจกับจดหมายเชิญที่ครูแจ้งไปให้มาพบเราที่โรงเรียน  ในกรณีนี้ดิฉันตามถึงบ้านเลยค่ะ   ครั้งล่าสุด  เด็กป.4 ปิดประตูห้องน้ำขังลูกดิฉันเอาไว้ตอนเลิกเรียน   ดีว่ามีแม่บ้านไปเห็น ไม่งั้น  ป่านนี้ลูกดิฉันคงเป็นผีเฝ้าโรงเรียนแน่ค่ะ เพราะมันเป็นเย็นวันศุกร์   เรื่องนี้ดิฉันตามพ่อแม่เด็กคนนั้นมาคุยต่อหน้าผู้อำนวยการโรงเรียนเองเลย  ถึงแม้ภาษาจะงูๆปลาๆ  แต่การที่ลูกเราโดยแกล้งแรงๆแบบนี้ ดิฉันยอมไม่ได้ค่ะ   ทุกวันนี้เวลาไปส่งลูกๆ  เข้าโรงเรียน แทบจะยืนเฝ้าจนเค้าเข้าห้องเรียนทุกวัน  เพราะในระหว่างที่รอเข้าชั้น ไม่รู้จะโดนแกล้งอะไรบ้าง จากคุณ : Thatcha70 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 18:11:33

ความคิดเห็นที่ 11   อ่านแล้วใจไม่ค่อยดีเลย เพราะลูกสาวกำลังจะเข้าเรียน เขายิ่งเป็นคนอ่อนไหว บ่อน้ำตาตื้น กลัวโดนรังแก หรืออีกอย่างก็อาจรังแกคนอื่น เฮ้อออ กว่าจะโตแม่ลูกต้องผ่านอะไรอีกเยอะเลย จากคุณ : อาการเซ็งระยะสุดท้าย เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 01:40:55 A:68.151.12.183 X: TicketID:257835

ความคิดเห็นที่ 12 เป็นพี่ก็คงตำหนิลูกเรา ถ้ามีแม่เพื่อนมาเล่าเรื่องอย่างงี้ให้ฟัง แต่จะบอกว่าเป็นความผิดของใคร คงพูดยาก คิดเหมือนคุณ Febie ที่ว่าจะไปคาดหวังให้ครูดูแลทั้งหมดไม่ได้ เพราะบางครั้งเด็กเยอะๆเล่นกัน ครูอาจจะไม่เห็นทุกอย่าง แต่อย่างน้อยเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ต้องไปแก้ไขช่วยเหลือได้ทันเวลา และควรแจ้งผู้ปกครองเด็กที่เกี่ยวข้อง เท่าที่สังเกตนะ คุณครูของเอมจะเล่าให้ผู้ปกครองเด็กๆรับทราบ เรื่องราวพิเศษแต่ละวันตอนไปรับช่วงเย็น ถ้าเหตุการณ์ปกติก็ไม่มีอะไร ตัวแสบๆก็จะโดนบ่อยหน่อย อย่างพี่เองก็จะคอยถามครูเป็นเรื่อยๆเป็นระยะๆ ตามความเห็นส่วนตัวพี่นะ การย้ายโรงเรียนไม่ใช่ทางออกที่ดี โรงเรียนไหนๆก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้ ปีหน้าครูก็เปลี่ยน เพื่อนคนนั้นก็อาจจะไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันอีก (แต่ถึงไงหนูก็ย้ายไปแล้ว) ถ้ายังหงุดหงิดไม่สบายใจอะไร ให้สามีเขียนจดหมายถึงครูใหญ่ แผนกเด็กเล็กสิ ไม่ใช่เขียนร้องเรียน ตำหนิหรือให้ทางรร.รับผิดชอบอะไร เพียงแต่แจ้งให้ทราบถึงความคาดหวังต่างๆของเรา เผื่อเค้าจะได้รับทราบ เอาไว้ปรับปรุงแก้ไข ส่วนคุณแม่เพื่อนหนูริสา ไม่รู้น้องเจย์ได้ไปเล่าเรื่องราวจริงๆให้เค้าฟังหรือยัง อยากให้ไปคุยในทำนองบอกเล่า ไม่ใช่ไปแย้งเรื่องที่เค้าเคยพูดว่ามันไม่ถูก แต่ที่หนูได้คุยกะเค้าอย่างที่เล่าก็ดีมากเลยหล่ะ เป็นพี่ก็คงทำแบบนั้นด้วย เจ้าเอมก็อยู่โรงเรียนเอกชนคริสต์เหมือนกัน เวลาเราเห็นอะไรไม่ถูกต้อง พี่กับสามีจะคุยกัน แล้วคุณสามีเป็นคนเขียนจดหมายส่งทางโรงเรียน (ถ้าให้พี่เขียน กลัวว่าจะไม่ได้ตามจุดประสงค์ คนอ่านคง งง 555)   *** อ่านที่น้องเปิ้ลเล่าแล้วเริ่มกังวลไปด้วยเลยนะเนี่ย จากคุณ : ตรีนุช3903 เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 23:06:23

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีรอบดึกค่ะพี่ตรีนุช แรกๆตอนลูกโดนแกล้ง  ก็ไม่ค่อยกังวลหรือใส่ใจมากเท่าที่ควร เพราะคิดว่า เด็กๆเล็กๆหลายคนรวมกัน มันก็มักจะมีปัญหาเล็กน้อยเกิดขึ้น แต่พอนานเข้า เป็นอย่างที่เล่าข้างบนนี้ค่ะ   และบ่อยครั้งที่เจ้าลูกชายไม่ยอมเล่าเรื่องที่โดนแกล้งให้เราฟัง   บางครั้งเจ็บจนร้องไห้ จนเราเห็นรอยแดง  เค้าก็ไม่ปริปากพูด  เราก็มักจะได้รับรู้ข่าวจากเพื่อนหรือพี่เค้าที่เห็นเหตุการณ์   พอไปปรึกษาครูถึงได้รู้ว่า ลูกชายโดนเด็กโตแกล้ง และขู่ห้ามไปบอกพ่อแม่ ไม่งั้นโดนหนัก   เรื่องย้ายโรงเรียน  ก็คิดเอาไว้ว่า ปีหน้าจะให้เข้าเอกชนไปเลย เพราะตอนนี้มันสายไปแล้ว   และที่สำคัญแฟนเปิ้ลก็พูดอย่างพี่ตรีนุชว่า  ที่ไหนๆ  ก็มักจะมีเด็กพาล เด็กเกเรรวมๆกันอยู่แล้ว เพียงแต่โรงเรียนใกล้บ้านนี่ มันมีเด็กๆที่มีปัญหาจากที่อื่นย้ายเข้ามาอยู่มากไปหน่อย   พอหลังๆมานี่เปิ้ลเองแอบบอกลุก สอนลูกให้สู้คนมั่ง  ถ้าเขาต่อยเราก่อน  ให้ลูกสวนมันไปเลย  พ่อเค้าก็อธิบายเพิ่มเติมเหมือนกัน ว่าบางทีเราก็ต้องสู้เพื่อปกป้องตัวเองเช่นกัน  แต่  ห้ามไปทำคนอื่นก่อน จากคุณ : Thatcha70 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 04:53:09

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ อาการเซ็งระยะสุดท้าย ดิฉันไม่เคยเตรียมใจไว้เลยกับเรื่องแบบนี้เพราะตอนเล็กๆก่อนเข้า รร ลูกดิฉันก็ไปโฮมเดย์แคร์เคยอยู่กับเด็กคนอื่นๆแต่ไม่มากเท่ากับไป รร ตอนนั้นทุกอย่างผ่านไปด้วยดี จนไม่สะกิดใจว่าเขาจะแสบได้ขนาดนี้ ยังไงคุณ เซ็งฯ เตรียมใจไว้บ้างก็ดีคะ พี่ตรีนุชหวัดดีคะกลับมาจากเที่ยวไทยแล้วหรอคะ ไม่ได้คุยทักทายกันนานเลยสบายดีนะคะ ตอนนี้พูดกรอกหูลูกทุกวันเลยคะว่าอย่าทำแบบนี้ ให้เป็นเด็กดีให้เชื่อฟังครู แต่ไม่รู้มันจะว่านอนสอนง่ายได้นานเท่าไหร่ จากคุณ : DUNHILL เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 05:29:17

ความคิดเห็นที่ 15 ยังไม่ได้กลับเลยน้องเจย์ จากคุณ : ตรีนุช3903 เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 02:28:49