ความคิดเห็นที่ 1 ตอนแต่งก็ไม่ได้เรียกสักบาทเลยค่ะ เขาเข้าใจรู้เรือ่งประเพณีไทยดี แต่เราเฉยๆ เรื่องสินสอด ขนาดแต่งยังแอบเลย หุหุ ไม่อยากให้ทางบ้านรู้ เพราะกลัวจะมากเรื่อง กลัวจะต้องแต่งใหญ่โต เลยแอบ(มีแต่เพื่อนสนิทที่รู้และบินมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว) แต่งเสร็จค่อยบอก อิอิ พ่อแม่เห็นเราสบายมีความสุข พวกท่านก็หายกังวลแล้วค่ะ ตอนแรกก็คงจะกังวลว่าสามีเราจะดูแลเราได้ไม่ดี ไม่่มีอะไรมาเป็นสิ่งประกันว่าถ้าไปกันไม่รอดแล้วเราจะไม่ได้อะไร (คิดแต่ว่าชีวิตคู่มันต้องรอด) ตัวเองไม่เคยคิดว่าแต่งกับคนนี้แล้วจะไปกันไม่รอด คิดว่าเค้าจะอยู่กับเราตลอดไป และจะไม่ทำให้เราผิดหวังในตัวเค้า ผลคือไม่ได้สินสอดเลยสักบาท อิอิ เข้ามาเพิ่มเติมนิดค่ะ ไม่ได้เรียกสินสอด เหตุผลอีกอย่างคือ สามีไม่ค่อยมีเงินค่ะ (ไม่รู้มีเปล่า แต่เดาว่าไม่ค่อยมี) ส่วนของพี่ ถ้าสามีสามารถให้ได้ ก็เรียกเท่าที่พี่คิดว่าปรกติเค้าแต่งงาน เรียกกันอย่างไร จากปัจจัยไหน ขอให้มีความสุขกับชีวิตคู่อีกครั้งนะคะ พี่ถามว่าใครมีประสบการณ์ในวัยนี้บ้าง คือดิฉันยังไม่ถึงวัยนั้นนะคะ อิอิ แต่งครั้งแรกและคิดว่าครั้งเดียวค่ะ ฮ่าฮา ต้องรอให้คนวัยนี้มาตอบกันอีก แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 08:26:02 แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 08:18:46 จากคุณ : PoomPim..TMB เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 07:14:16

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่เข้าใจว่าเรียกเพื่ออะไร หากไม่อยากได้สมบัติเค้า ก็ให้ฝ่ายชายทำ พรีนับ ว่าสมบัติต่างๆเป็นของฝ่ายชาย หากหย่าขาดจากกันจะได้เงินเท่าไร่ จะแบ่งอะไรให้บ้าง ก็ว่ากันไป เพิ่งเคยได้ยินว่าเรียกสินสอดเพื่อตอบแทนพ่อแม่...อันนั้นเราว่าเป็นเหมือนกุศโลบายในการทดสอบฝ่ายชายว่าสามารถเลี้ยงดูลูกสาวได้ การตอบแทนพ่อแม่นั้นทำได้หลายทาง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเอาเรื่องเงินของคนอื่นมาอ้างให้เป็นข้อกินแหนงแครงใจในภายภาคหน้า จากคุณ : larata เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 08:03:11

ความคิดเห็นที่ 3   เพื่อนเราที่บ้านเราที่ไทย เรียกสินสอดจากแฟน2 ล้าน ถ้าไม่ให้ก็ไม่ยอมแต่ง ฝ่ายหญิงอายุเกิน 50 แล้วนะคะ ฝ่ายชาย 64 ตอนนี้ก็ยังไม่ได้แต่ง แต่ที่แน่กว่านี้เพื่อนรุ่นพี่ อายุ 55 แต่งกะคนอังกฤษได้สินสอด 6 แสน พี่เขาไม่ได้เรียกนะคะ ฝ่ายชายให้เอง ตอนนี้ย้ายไปอยู่อังกฤษกับสามี แต่เราไม่ได้เรียกและไม่คอยคุยเรื่องสินสอดกับแฟน เพราะเขาต้องดูแลเรากับลูก เราก็มีเงินเก็บอยู่บ้างและเงินบำนาญ เลยไม่เดือดร้อนอะไร แต่ก็คุยกันเรื่องของความรับผิดชอบ เรื่องเงิน ดิฉันโพสเรื่องคุยกันเรื่องเงินก่อนแต่งงานมีหลายความเห็น ลองเข้าไปอ่านดู อาจเป็นประโยชน์หรือเป็นแนวทางให้คุณได้บ้าง จากคุณ : Kai_nai03 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 08:09:03

ความคิดเห็นที่ 4   เผื่อหาไม่เจอคะ http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H9384586/H9384586.html จากคุณ : Kai_nai03 เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 08:12:36

ความคิดเห็นที่ 5 เอา เท่าที่ทางบ้านคุณและ ว่าที่สามีคุณไม่ลำบากนะคะ อย่าตามคนอื่น เอาเท่าที่ใจเราปราถนา ดิฉันว่า คุณมีคำตอบในใจ ว่าเท่าไหร่ดี ส่วนดิฉันไม่มีสินสอดคะเพราะ สามี ไม่ได้ มีเงินอะไร พ่อแม่ ไม่เคยว่าแค่เห็นลูก มีคนดูแล ไม่มั่งมี จะลำบากบ้างท่านก็ ไม่เคยห่วงขอแค่ เขาเป็นคนดี และเราก็ช่วยกัน ประคอง กันไป จขกท..สามารถกำหนดเองได้ เพราะรู้พื้นฐานครอบครัวของคุณเองดี และ ว่ามที่สามีคุณเขาไม่เดือดร้อนก็ ลองคุยกันอีกทีนะคะ จะลงเอยยังไง เงิน ค่าสินสอดก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะการันตี ชีวิตคู่ของคุณ ว่าจะมีสุขสมหวัง หรือ มีปัยหาแต่ มันก็มีส่วนสำคัญของ ครอบครัวไทยแบบพวกเรา ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ลองคำนวณดูก็แล้วกันคะ อย่ามากไป เอาแค่สมควรก็พอเพราะเขาก็ ต้องดูแลคุณต่อไปอีก รายจ่ายรออีกเพียบ เรามีตอนไหน ก็ค่อยส่งกลับทางบ้านอีกก็ได้คะ โชคดีคะ แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 08:42:46 จากคุณ : Let's peace (MajestyLove) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 08:42:13

ความคิดเห็นที่ 6   ถ้าเป็นสาวโสด ไม่เคยมีลูกมาก่อน หรือไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อนก็น่าจะทำได้ แต่แบบนี้ถ้าเป็นเรา เราจะขอบใจเขาเช้าเย็นที่เข้ามาเป็นเพื่อนชีวิต จากคุณ : . เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 08:53:02 A:112.142.190.247 X: TicketID:140397

ความคิดเห็นที่ 7 "อยู่ใด้ด้วยตัวเองถ้าต้องแต่งกันใครก็อยากมีอะไรใว้ให้ตัวเองและตอบแทนพ่อแม่มั่งถึงท่านจะไม่เรียกร้องแต่ในฐานะลูกก็อยากทำให้ท่าน ลูกผู้ชายบวชให้พ่อแม่ใด้แต่ลูกผู้หญิงไม่มีโอกาสนั้นเลยอยากถือโอกาสนี้ทำเพื่อท่านด้วย" คุณเจ้าของกระทู้บอกว่าอยู่ได้ด้วยตนเอง แต่ทำไมแต่งงานแล้วต้องการเรียกร้องสินสอดเพื่อตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ หมายความว่าแต่งงานใหม่ก็ต้องเรียกสินสอดใหม่ตอบแทนพ่อแม่แบบนั้นเหรอคะ มันไม่ค่อยจะสมเหตุสมผลค่ะ ส่วนความมั่นคงของลูก ลูกก็ไม่ใช่ลูกของเขา แต่เขาเป็นคนบอกว่าจะช่วยเหลือและเลี้ยงดูให้เหมือนลูกตัวเองก็นับว่าเป็นสิ่งประเสริฐแล้ว เขาบอกว่าไม่ต้องทำงาน น่าจะคุยกันว่าจะให้เงินใช้เดือนละเท่าไหร่ หรือให้เราบริหารการเงินให้ด้วยหรือเปล่า ส่วนเรื่องสินสอดถ้าต้องการเพื่อกันความผิดพลาดก็ขอให้เขาเปิดบัญชีให้พร้อมเงินจำนวนหนึ่งจะได้หรือไม่ อย่างไรแล้วถ้าแต่งงานกันโดยไม่มีสัญญาก่อนแต่งหรือพินัยกรรม ทุกสิ่งทุกอย่างก็ถือว่าเป็นสินสมรส มีสิทธิ์ร่วมกัน จากคุณ : thaispicy เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 09:10:54

ความคิดเห็นที่ 8 to be honest,I don't think it should even be a dilemma. You have been there done that for this second time around, a dowry? อยู่ใด้ด้วยตัวเองถ้าต้องแต่งกันใครก็อยากมีอะไรใว้ ให้ตัวเองและตอบแทนพ่อแม่มั่งถึงท่านจะไม่เรียกร้องแต่ในฐานะลูกก็อยากทำให้ ท่าน ลูกผู้ชายบวชให้พ่อแม่ใด้แต่ลูกผู้หญิงไม่มีโอกาสนั้นเลยอยากถือโอกาสนี้ทำ เพื่อท่านด้วย didn't you got it for the first marriage? I do not think that dowry could justifiable as become a monk in Buddhism. As an adult as yourself, didn't you already been taking care of your parents long before this guy came into your life? As a mother like yourself would not you just happy that your grown up kid , a single mom finally met someone ,someone you love and love you enough to marry you, willing to taking care of you and your child? That's not enough? At what number will top the commitment? แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 09:24:54 จากคุณ : mrs.night owl เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 09:20:54

ความคิดเห็นที่ 9 สุดท้ายก็อยากได้เงิน ถ้าคนแต่งกันเพราะรักคงไม่เรียกร้องเงินกันหรอก อยากตอบแทนพ่อแม่ บอกว่าอายุเยอะแล้ว ที่ผ่านมาไม่ได้ทำงานเก็บเงินส่งให้พ่อแม่บ้างเลยเหรอ พ่อแม่จะถูมิใจมากกว่าถ้าเงินนั้นมาจากการทำงานของลูก ไม่ใช่เอาเงินของคนอื่นมาให้ แล้วยังมาบอกว่าไม่อยากเรียกอะไรเลย อ่านแล้วมันขัดกัน คุณเองก็ผ่านการแต่งงานมาแล้ว มีลูกติดอีกต่างหาก เขาก็จะส่งเสียให้ลูกคุณอีก งานก็ไม่ต้องทำ ยังจะเอาเงินเขาอีก ถ้าเรียกเป็นพิธีแล้วคืนก็ดีหรอก คุณคิดจะให้อะไรคนที่คุณบอกว่ารักและจะแต่งงานด้วยบ้าง แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 10:00:48 จากคุณ : Cigarette Smoking Man เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 09:52:20

ความคิดเห็นที่ 10 ดิฉันแต่งงานกันแบบไม่มีสินสอด เรือ่งเิงินสินสอดนี่ไม่เคยนึกถึงมันเลย เออ แต่งงานจดทะเบียน... จบ พ่อแม่ไม่ได้สนใจ ฐานะพ่อแม่ของดิฉันดีกว่าสามี... แต่งงานแล้วดิฉันยังขอเงินแม่ไปสักพัก เอามาใช้เองไม่ได้ให้สามี คุณ จขกท. จะเรียกค่าสินสอด เพื่อนำเงินไปเป็นค่าเล่าเรียนของลูก แบบจะเรียกเก็บไว้... สามีรับปากแล้วว่าจะดูแลลูกของคุณในเรือ่งการศึกษา สินสอดค่าเรียนลูกก็คงไม่จำเป็น เรียนรร. ของรัฐบาล... ฟรี... ถ้าจะต่อมหาลัยก็ให้ลูกแอ๊บพลายไปแนนเชี่ยลเอดส์ไป ไม่จำเป็นต้องอ้างว่าสินสอดเพื่อการศึกษาของลูก ถ้าคุณไม่มีอะไรมากมายมาก่อนและหวังว่าการแต่งงานกับคนนี้ จะเป็นการสั่งสมสถานะการเงินของคุณ... ไม่แน่ใจว่าฝรั่งจะเข้าใจหรือไม่เพราะตัวคุณเองอยู่ต่างแดน ... เรื่องประเำพณีสินสอด เหมาะสมกับสภาพในเมืิองไทย เพิ่มเติม... เห็นด้วยกับความเห้นข้างบน ที่จขกท.คลุมเคลือเรือ่งเิงิน อ้างว่าไม่อยากได้เงินของเขา แต่ก็พบาบามหาสาเหตุอ้างอิงเน้นอยู่ตรงเรือ่งเงินของเขา คือเรียกเป็นค่าสินสอด แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 53 09:58:38 จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 09:55:44

ความคิดเห็นที่ 11 เรียกเพื่ออะไรคะ จากคุณ : Valily เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 09:55:50

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าแน่ใจว่าผู้ชายเป็นคนดี  ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสินสอดหรอกค่ะ   เขาจดทะเบียนและรับลูกคุณเป็นลูก ถึงจะต้องเลิกกันภายหลังเขาก็ยังต้องส่งเสียลูกคุณต่อ (ถ้าคุณกังวลแค่เรื่องการศีกษาของลูก) สำหรับดิฉันทองสักสลึงยังไม่ได้จากสามีเลยค่ะ   พาไปเมืองไทยแม่ให้สร้อยทองสามีอีกด้วยซ้ำ สงสัยกลัวจะหนีลูกสาวไป    ดิฉันก็แต่งอายุค่อนข้างเยอะ  แต่งเพื่อมีเพื่อนคู่คิด  ร่วมทุกข์ร่วมสุขค่ะ จากคุณ : ตกตะกอน เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 10:20:06

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเป็นเรา เราก็แค่คิดว่าเรายังมีค่ามากสำหรับผู้ชายคนหนึ่ง และ คนนี้ ที่จะเข้ามาในชีวิตเรา มาเป็นเพื่อนชีวติในยามแก่  ดีกว่าอยู่คนเดียวถ้าไม่ต้องเลี้ยงเขา เพราะอย่างน้อย เราก็ไม่ได้สาว ๆ โสด ๆ เหมือนเด็ก ๆ คิดว่าเรามีค่าที่เขาเข้ามา อย่าไปนึกถึงเรื่องเงินทองเขาเลย ยิ่งถ้าเป็นแบบลูกติด อายุก็ไม่ใช่เด็ก แบบเจ้าของกระทู้ ผู้หญิงรุ่นนี้ถือว่าโชคดีมาก ที่มีคนต่างชาติกล้าเข้ามาในชีวิต ถ้าเป็นชายไทย เขาไม่เข้ามาง่าย ๆ หรอก ขอแค่ข้ามคืน   ถ้าเป็นภาษาใต้เขาเรียกว่า (ดีกว่าขวัดกระด้งเปล่า ๆ) ถ้าไม่สุภาพขออภัยด้วยคะ ถ้าเป็นเราจะมีของแถมให้เขาต่าง ห่าง ไม่กล้าไปเรียกเขาหรอก จากคุณ : pooandpang เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 10:24:22

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องนี้เป็นเื่รื่องเฉพาะบุคคล ค่ะ แต่ถ้าอาจจะแนะนำได้ การเรียกสินสอดให้ดูว่าแฟน ขจกท มีฐานะอย่างไร ร่ำรวย เศรษฐีหรือมหาเศรษฐี ก็เรียกไปเยอะได้ค่ะ เห็นหลายคนได้ล้านขึ้นก็มี แต่ถ้าแฟนเป็นคนฐานะปานกลางก็อาจจะเรียกไปในระดับหนึ่ง บางคนอาจจะให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้เค้าก็จะบอกว่าเค้าทำได้เ่ท่าไหร  แต่ถ้าแฟนเป็นคนหาเช้ากินค่ำอย่างสามีดิฉัน ขจกท ก็ควรจะนึกถึงใจเค้าใจเรา จริงๆ สินสอดมันขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของแต่ละคน บางคนก็อยากจะได้เพื่อเป็นหลักประกันชีวิต บางคนก็ไม่อยากได้ หรือไม่มีเพราะคิดว่าไม่สำคัญ ก็แล้วแต่สถานการณ์ของแต่ละคน ขจกท ต้องตัดสินใจเองค่ะ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้านะค่ะ จากคุณ : Cutie_May เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 11:28:09

ความคิดเห็นที่ 15 ตอนแต่งงาน ไม่ได้ขอสินสอดเจ้าบ่าวเลยคะ ตอนนั้นอายุเพิ่งจะ 25 เองด้วย ไม่มี สินสอดอะไรเลย ฐานะที่บ้านตัวเองถือว่าดีใช้ได้ แม่ก็เข้าใจว่าลูกเขยฝรั่ง ไม่ได้ขอ สินสอดอะไร ถ้าคิดว่าจะแต่งเพื่อดูแลกัน รักกันจริง ดิฉันคิดว่าสินสอดไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย จากคุณ : Scooterella เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 12:36:02

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าแต่งก็คือต้องย้ายไปอยู่กับเขา(เราอยู่กันคนละรัฐห่างใกลกันมาก) เกรงว่าย้ายไปแล้วไปกันไม่ใด้แล้วจะลำบากย้ายกลับกว่าจะลงตัว มองว่าคนหนุ่มสาวยังมีเวลาแต่วัยเท่าเราถ้าต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนั้นและไม่มีอะไรรองรับเลยชีวิตคงไม่ง่ายนัก อยู่ได้ด้วยตัวเอง หมายความว่าคุณมีงานทำ มีรายได้เลี้ยงตัวเองได้อยู่ใช่ไหมคะ ลองปรึกษาแฟนคุณดูซิคะ  ว่าหากย้ายไปอยู่ด้วยแล้ว  คุณไม่มีรายได้อะไร เขาจะให้คุณใช้จ่ายอย่างไร (นอกเหนือจากที่เขารับปากว่าจะช่วยรับผิดชอบเรื่องลูกของคุณ ) เพราะไม่ใช่เด็กแล้วจะมานั่งขอทีละ ๑๐๐ คงไม่ไหว  เข้าใจเรื่องเงินทองค่ะ เพราะหากคุณมีงานประจำทำอยู่  และต้องลาออกเพื่อย้ายไปอยู่กับเขา หากอยู่ไม่ได้ อายุมากแล้ว จะกลับมาหางานทำใหม่ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย  เรื่องเงินๆทองๆคุยกันก่อนดีกว่าค่ะ  ก่อนที่จะทิ้งงานทิ้งรายได้ย้ายไปอยู่กับเขา เรื่องสินสอดไม่มีความเห็นค่ะ จากคุณ : Poo-Ma เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 13:39:51

ความคิดเห็นที่ 17   ผู้ชายดีๆ มักดูออกว่าผู้หญิงดีๆ เป็นแบบใหน ไม่ขอ ไม่เอ่ย เรื่องเงินๆทองๆ แต่เวลาให้จะให้เยอะ กว่าที่คาดไว้เสียอีก ให้เหมะสมกับความดีของหญิงทีเป็นภรรยา ลองคิดดูนะคะ จากคุณ : นีน่า เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 15:21:55 A:81.233.252.140 X: TicketID:129117

ความคิดเห็นที่ 18   ผมมีปัญหามากกว่าคุณอีก ผมอายุ 29 แฟนอายุ 27 เราคบกันมา 4 ปีแล้วตอนนี้อยู่ออสเตรเลีย แฟนเรียนปริญญาเอก เชื่อไหมไม่เคยมีอะไรกันเลย ตั้งแต่เป็นแฟนกันมา แฟนผมเขาไม่ยอมบอกว่าต้องแต่งงานเท่านั้น และเรียกสินสอดประมาณ 1 ล้านบาท ผมก็อ้อนทุกวันคุณคิดว่าผมนี่เป็นคนโง่ที่สุดเลยมั้ย จากคุณ : แทน เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:05:00 A:124.177.27.253 X: TicketID:258761

ความคิดเห็นที่ 19   แต่งอายุย่าง42 หลังหย่ามีลูกติดด้วย แบบว่างกเงินน่ะ คุยเรื่องเงินระวังฝ่ายชายหายจ้อยนะ เจอมาเยอะแล้วโดยเฉพาะฟารั่ง ถ้าไม่คุยง่ายกว่า เราภาวะตอนนั้นยากจนหนี้ท่วมหัว รู้ซึ้งถึงความยากไร้ ตกงาน ไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง เป็นยังไง แต่เรามีวิธีอธิบายทางอ้อม คือยกตัวอย่างดาราฮอลีวู้ด เขารักกันแต่งกัน เขาให้แหวนเพรชกันใช่มั้ย ของไทยเราเช่นกัน มีทอง เงิน หรือเพชรก็ได้ ปรากฎว่า เขาเข้าใจได้แหวนเพชร ทอง +แหวนแพทินั่มมา มูลค่าก็หลายอยู่ ตอนนี้เรามีความสุขทุกครั้งที่เอาออกมาขัด สวมใส่เวลาไปงาน หรือพบญาติ ติดต่อธุรในสังคม มันต้องมีซะหน่อย พ่อเราเคยสอนว่าจะแต่งงานนะลูกต้องมีของหมั้น เพราะของหมั้นจะตกเป็นของฝ่ายหญิงตามกม. ส่วนแม่เคยบอกว่าอยู่บ้านอาบนำแต่งตัว ใส่ทองบ้าง เวลาเทวดาเห็นจะช่วยเสริมดวง เรามาคิดดูก็ดีนะ ทำให้เราไม่ทำตัวเหมือนแจ๋วไป ส่องกระจกดูดี เป็นคุณนาย แต่ไม่ใส่เยอะนะ กลัวเรียกขโมย จริงๆแล้วเราไม่ติดในวัตถุนิยม นะ บ้านหลังไม่ใหญ่ รถยนต์ไม่มี ส่วนค่าใช้จ่ายในอนาคต ให้ลองคุยกับว่าที่..แบบแยบๆดู ว่าถ้าเราตกงาน เป็นแค่แม่บ้านเขา ค่าใช้จ่ายจะยังไง เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ สำหรับเรา หวังว่าคงได้ทางออกนะคะ ลองไปโพส ในเวบ ladyinter.com ดูนะคะ อาจได้ไอเดียหลากหลายว่า แหล่งรวมแม่บ้านต่างแดน เขาคิดเรื่องสินสอดและมีวิธีบอกอย่างไร จากคุณ : 40++ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:12:43 A:118.172.25.121 X: TicketID:262566

ความคิดเห็นที่ 20 เห็นด้วยกับคุณ Poo-Ma ว่าถ้าตกลงกันว่าคุณต้องย้ายไปอยู่กับเขา ก็ควรจะตกลงกันเรื่องเงินที่สามีจะให้คุณแต่ละเดือน อาจจะเท่ากับเงินเดือนที่คุณเคยได้หรือมากกว่านั้นก็ตามแต่ตกลง เรื่องสินสอด ถ้าคุณจดทะเบียนสมรสกับเขา เขาตกลงรับลูกคุณเป็นบุตรบุญธรรม โดยส่วนตัวเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีสินสอด ถ้ามีพรีนับก็มองดูว่าคุณได้อะไรอย่างเป็นธรรมก็โอเค แต่ถ้าเขาไม่จดทะเบียนสมรส เราว่าเรียกสินสอดเป็นหลักประกันไว้หน่อยก็ไม่เสียหาย เรียกสักประมาณเท่ากับเงินเดือนคุณปีนึงหรือสองปีก็น่าจะโอเค คือถ้าอยู่กันไม่ได้แล้วคุณต้องย้ายกลับมาเริ่มต้นหางานใหม่ ก็ยังพอมีเงินก้อนให้ใช้ตอนที่ยังหางานทำไม่ได้ ปีสองปีก็น่าจะหางานใหม่ได้ โชคดีค่ะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 19:09:08

ความคิดเห็นที่ 21 นานๆได้แวะมาที อ่านหลายความเห็นคิดว่า คุณ thaispicy  กับคุณปูม้า ให้ความเห็นตรงกับใจมากที่สุด คุณให้ข้อมูลน้อยมาก อย่างเช่นผู้ชายเขาคนไทยหรือฝรั่ง หากเป็นฝรั่งหรือคนไทยที่เกิดในอเมริกา เขาเข้าใจคำว่าสินสอดในประเพณีไทยเรายาก และอาจจะเกิดการเข้าใจผิดกันขึ้น เมื่อแต่งงานคุณต้องย้ายไปอยู่กับเขา งานการที่เคยทำเคยมีรายได้ก็คงไม่มี ขั้นต้นก็คงต้องพึ่งเขาไปก่อน ทางที่ดีที่สุดคือให้คุยกับเขาตรงๆถึงความกังวลในเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวและรวมทั้งเงินที่เราจำเป็นต้องส่งให้ลูก ถ้าเขารักเราจริงๆเขาจะไม่มาคิดมากเรื่องนี้นะคะ และหากเขามีเหตุผลเพียงพอ เขาจะเข้าใจว่าการที่คุณต้องย้ายไปอยู่ต่างรัฐ ต้องตั้งต้นชีวิตใหม่ช่วงอายุป่านนี้ ตัวคุณเองต้องเสียสละเพื่อเขาเหมือนกัน จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 19:50:15

ความคิดเห็นที่ 22   เราเกิดมาในครอบครัวที่สมัยใหม่ อยู่เมืองไทยก็มีชีวิตที่สบาย แต่งงานมาอยู่ที่นี่กับสามีตั้งแต่อายุ23ปี ก็จดทะเบียนกันเฉยๆ งานตกงานแต่ง สินส่งสินสอด ไม่เคยมีเหมือนคู่อื่นๆเขาหรอก เพราะไม่อยากใช้ตังค์ไปกับเรื่องไร้สาระฟุ่มเฟื่อย เห็นมาเยอะแยะพวกทำตัวฟุ่มเฟื่อยจัดงานแต่งใหญ่ๆโตๆ สินสอดทองหมั้นนี่ต้องมีไปเป็นกระบุง เพื่อไปอวดแขกที่มาในงาน ...ส่วนใหญ่คู่รักพวกนี้ก็มักจะอยู่กันได้ไม่กี่ปี ก็ต้องเลิกลากัน ไม่ก็แยกทางกัน หากรักกันจริง ก็สู้กันเก็บเงินจากงานแต่งหรือสินสอดจากฝ่ายชาย เอามาช่วยสมทบทุนเอาไปซื้อบ้าน ซื้อรถ เก็บตังค์ไว้ให้ลูกๆของตัวเองเอาไว้ในอนาคตยังจะดีกว่าอีก มาอยู่ที่นี่เราก็ยังต้องทำงานช่วยสามีหาเงินเพื่อช่วยกันซื้อบ้านสร้างครอบครัวกัน แถมครอบครัวที่เมืองไทยของเรากลัวบ้านสามีดูถูก เลยโอนเงินจากเมืองไทยมาช่วยสบทบสามีจ่ายค่าMortgage ซื้อบ้านให้อีกเป็นล้าน เราไม่เคยอิจฉา และไม่เคยต้องการสินสอดเอาไปให้พ่อแม่ของเราเลย และพ่อแม่เราก็ไม่ต้องการสินสอดจากสามี แค่สามีดูเเลเราและลูกที่จะเกิดมาในอนาคตเป็นอย่างดี แค่นี้ทางครอบครัวที่เมืองไทยของเราเขาก็สบายใจมีความสุขกับเราแล้ว ถึงเราจะเป็นคนไทย แต่เราไม่ชอบวัฒนธรรมที่ฝ่ายหญิง ยังต้องเรียกสินสอดจากทางครอบครัวฝ่ายชายเลย ถ้ารักกันจริงแต่งกันมาก็ช่วยกันทำมาหากินก็ได้นี่ จะไปเอาตุ้งเอาตังค์ของผู้ชายมา ให้เขาดูถูกผู้หญิงไทยไปทำไม อยากตอบแทนบุญคุณพ่อแม่มีตั้งหลายทาง เช่น ทำงานหาเงินมาได้เองก็ส่งเงินของตัวเองนั่นแหล่ะ กลับไปให้พ่อแม่ของตัวเองใช้ซิ จะไปให้สามีรับผิดชอบทำไม ถ้าพ่อแม่สามีมาขอให้คุณจขกท.จ่ายค่าสินสอดให้ลูกชายเขา คุณจะยอมหาเงินถุงเงินถังไปจ่ายให้ครอบครัวของฝ่ายชายบ้างไหมล่ะ เห็นแบบนี้มาหลายรายแล้ว ชอบอ้างว่าอยากได้สินสอดเพื่อเอาไปตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ แถมตัวเองก็มีลูกติด สามีฝรั่งคนใหม่ก็ต้องมานั่งรับผิดชอบ นั่งเลี้ยงลูกที่ไม่ได้เกิดกับเขาอีก ถ้ายังคิดจะไปเอาสินสอดของฝ่ายชายมาให้พ่อแม่ตัวเองอีก ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว ถ้าเราเป็นแฟนฝรั่งของคุณ เจอผู้หญิงมาเล่นมุก กะจะให้เราเลี้ยงลูกติดของตัวเองอย่างดี ไหนจะขอเอาเงินค่าสินสอดไปถวายพ่อแม่ของตัวเองอีก.... เราคงเปลี่ยนใจไปเอาผู้หญิงฝรั่งที่โสดๆซิงๆ ไม่มีภาระ ไม่มีลูกติด และสามารถช่วยเขาหาเงินหาทองเพื่อมาสร้างครอบครัวอยู่ในประเทศเดียวกัน มาตกแต่งเป็นภรรยายังจะดีกว่า ไปเอาผู้หญิงต่างชาติที่มีพันธะ เงื่อนไขมากมายมาร่วมอยู่กินกันในอนาคต จากคุณ : อ่านเเล้วระอาใจ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 20:19:44 A:90.192.3.206 X: TicketID:275343

ความคิดเห็นที่ 23 ดิฉันแต่งแบบมีสินสอดค่ะ พ่อกับแม่ ไม่ได้เรียกร้อง แต่ดิฉัน บอกให้คุณสามีจัดหาไปค่ะ ที่บอกให้จัดหาสินสอด เพราะสามี และดิฉันเป็นคนโสดทั้งคู่ ไม่มีภาระใด ๆ และถ้าต้องการลงหลักปักฐาน ควรจะเริ่มการเก็บออม ตั้งแต่คบกันค่ะ เพื่อเป็นหลักประกัน สำหรับเริ่มต้นชีวิตคู่ของเราทั้งสอง หลังแต่งงาน ก็เอาเงินสินสอดนั่นแหล่ะ กลับมาเปิดบัญชีร่วมกันที่ต่างประเทศค่ะ พ่อกับแม่ ไม่เอาสักบาท จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 20:32:23

ความคิดเห็นที่ 24 เราแต่งแบบไม่มีสินสอดค่ะ  ปลายปีที่ผ่านมาเอง ตอนจะแต่งเราก็ไม่บอกแฟนเรื่องเงิน(สินสอด) สามีอ่านเจอมาถามทำไมไม่เคยเอ่ยเราบอกไม่เอา  เพราะพ่อแม่เราๆดูแลได้เรื่องค่าน้ำนมไรนี่  เราคิดว่าไร้สาระเพราะเราต่างหากต้องเป็นคนตอบแทนไม่เกี่ยวกับสินสอดเลย ( ขอโทษทีเราคิดแปลกนะคะ  บางคนอาจคิดไม่เหมือนกัน ) ขอให้รักเรามากเท่านั้น  พ่อเราไปบอกแฟนว่าไม่เอาแม้แต่บาทเดียว  เราแต่งแบบเรียบๆที่ รพ สงฆ์งานเช้าพ่อแม่เราจ่ายทั้งหมดแถมให้ทองสามีเรา ฮึ่มม งานเย็นปาร์ตี้เล็กๆในสวน แบบฮาๆๆมีความสุข  แต่งเพราะเราอยากแต่งไม่ใช่พ่อแม่ขอ ทุกวันนี้มาอยู่อังกิดได้เกือบสามเดือน มีความสุขทุกวัน สามีก็โอเคมีกิจการของตัวเองและอายุยังน้อย  เราไม่เคยยุ่งเกี่ยวไม่เคยขอเงินแม้แต่บาทเดียว พอใช้พออยู่และเข้าใจกันมากๆ เราว่าชีวิตเราก็มีความสุขมากแล้ว  ครอบครัวไม่เคยขอหรือพูดถึงเรื่องเงินเลย ( แถมแม่จะให้อีก ) มีแต่โทรมายั่วเรื่องอาหารไทยเท่านั้น สามีรู้ว่าเราต้องเสียไรบ้างทั้งงานที่ดีมากกก  ครอบครัวที่น่ารัก  เพื่อนฝูงโอ๊ยยยยยยยยย  มากมาย พูดมายาวเรื่อยเปื่อยค่ะ  พอดีเห็นกระทู้แบบนี้บางครั้งก็อดไม่ได้ที่อยากจะบอกว่าเงินไม่ได้เป้นปัจจัยอะไรเลยในการแต่งงาน  อยู่ที่ความรักและเข้าใจ  แต่งกันแล้วสร้างเนื้อสร้างตัวได้ เราก็จะกลับไปดุแลครอบครัวแบบที่เคยทำตอนยังโสด  แค่นี้คือสิ่งที่เราหวังที่จะทำให้ดีให้พ่อแม่ค่ะ และคนที่บ้านค่ะ จากคุณ : รู้งี้แต่งงานนานแล้ว (Evana) เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 22:49:43

ความคิดเห็นที่ 25 เรียกไปเลยค่ะคุณ จขกท. เรียกเพื่อเป็นพิธีการค่ะ การแต่งงานของคนไทย มีสินสอดทองหมั้น เป็นประเพณีของเรามาชั่วลูกชั่วหลานค่ะ อธิบายให้เค้าเข้าใจ ว่ามันเป็นประเพณี เรียกพอเป็นพิธีค่ะ เพราะเค้า เป็นฝรั่ง ฝรั่งบางคนยากที่จะเข้าใจ เพราะประเพณีมันต่างกัน จากที่ อ่านดู คุณ จขกท. เองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ตัวเองตอนแต่งก็ไม่ได้เรียกสินสอด พ่อแม่ไม่เรียก แต่สามีรู้ประเพณี แบบว่าศึกษามาดี ก็เลยมีสินสอดให้นิดหน่อย ตามประเพณีค่ะ ถึงวันมาแต่งจริง เงินไม่พอ ขอผ่อน 3 เดือนค่ะ เหอๆๆ จากคุณ : KungGuenter เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 02:32:14

ความคิดเห็นที่ 26 ขอโทษนะคะ ปกติเคยเห็นแต่พ่อแม่เรียกสินสอด อันนี้คุณเรียกสินสอดให้ตัวเอง มองว่าแปลกดี ตอนเราแต่งก็ไม่มีสินสอดค่ะ เพราะคำนวณไม่ถูกเหมือนกันว่าจะเท่าไรดี พ่อแม่เราเองก็ฐานะดีกว่าสามีด้วย กว่าพ่อแม่จะเลี้ยงเราโตมาขนาดนี้ เรากินข้าวหมดไปหลายถัง กินปลาหมดไปหลายทะเล กว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็หมดค่าเรียนพิเศษไปหลายอยู่ พ่อแม่ไปรับไปส่งไหนจะค่าน้ำมันรถจิปาถะ คิดได้ดังนั้นและเผอิญทางบ้านตกเลขกันหมดเลยไม่เรียกมันซะเลย เรามองว่าถ้าตัวเราตีออกมาเป็นเงินได้ ถึงจุดนี้คงหลายล้านกระมัง เราเองแต่งงานมาชีวิตแต่งงานก็มีความสุขดีค่ะ สามีดี ครอบครัวเขาก็ดีกับเรา ถ้าในอนาคตเราอยากส่งเงินให้พ่อแม่เรา เราก็จะใช้เงินเราเองค่ะ มีฝรั่งที่เรารู้จักกำลังจะแต่งงานกับสาวไทย ทางครอบครัวสาวไทยเรียกค่าสินสอดเป็นเงิน XX,XXX บาท เขาอีเมล์มาถามเราว่าทางผู้หญิงเรียกเท่านี้ ดีหรือไม่ดี มากไปไหม น้อยไปไหม เราเลยตอบว่าเราไม่มีความเห็น ราคานี้คือสิ่งที่ทางครอบครัวเสนอมา นี่คือสิ่งที่เขาคิดว่าลูกสาวเขาคู่ควร ถ้าจ่ายไหวก็ตามใจ ทุกฝ่ายก็จะมีความสุข ถ้าไม่ได้ก็ไปบอกเขาดีๆ ขอลดลงมาหน่อย หรือขอเลื่อนออกไปก่อน จะได้ไม่กระทบกันหลายฝ่าย กรณีนี้เรารู้สึกสะท้อนใจน่ะค่ะว่าความรักของคนเรามันตีราคาเป็นเงินกันได้ด้วย แต่ก็พยายามจะเข้าใจเขา สำหรับกรณีคุณเราว่าตกลงกันให้เขาส่งเงินให้พ่อแม่คุณทุกเดือนตามสมควรจะดีกว่า ยังฟังดูสมเหตุสมผลกว่าน่ะค่ะ จากคุณ : ##TUKTA## เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 02:46:29

ความคิดเห็นที่ 27 เราแต่งเมื่อปีที่แล้ว มาแต่งที่นี่ (แต่เรายังไม่ใช่วัยนั้น ยังสามสิบต้น ๆ อยู่) แต่เรามีลูกติดมาด้วยสองหน่อ เราไม่ได้เรียกสินสอดคะ แต่ก็ได้แหวนหมั้น ก็แต่งง่าย ๆ มีแค่เพื่อน ๆ ไม่กี่คน เพราะเราคิดว่า แค่เค้ารับเรากับลูก ทำวีซ่า ขอกรีนการ์ด จัดการเรื่องเรียนให้ลูก ค่าใช้จ่ายจิปาถะ เราว่าเค้าก็คงหมดเงินไปเยอะแล้ว ไม่เคยเรียกร้องเงินทอง ไม่เคยขออะไรเลย  แต่แฟนเค้ากลับให้เราเองโดยที่ไม่ต้องร้องขอ จากคุณ : ขอกลับไปโสด (ขอกลับไปโสด) เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 06:09:36

ความคิดเห็นที่ 28 เหอ เหอ  คนไทย  ใครที่จะไปแต่งงานกับผม  ต้องโดนเก็บค่าสินสอดหลายแสน $ แต่ถ้าใครยอมผมจริงๆ  คงจะฟรี  บวกเงินเดีอน (หากว่าทำอาหารอร่อย....ผมกำลังอยากได้คนช่วยเหลีอครับ  ยกเว้น sex) จากคุณ : hollywop เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 14:18:02

ความคิดเห็นที่ 29   อยากรู้จังว่าเจ้าของกระทู้ อายุเท่าไหร่แล้ว " ตอนแรกคิดว่าจะเรียกพอค่าเล่าเรียนของลูก" ( เขามีศักยภาพที่ให้ได้ เชื่อว่าถ้าเอ่ยปากเขาก็ให้ แต่ดูตัวเลขมันสูงเอาการเลยไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกยังไงบอกไม่ถูก มันไม่เหมือนความคิดของคนอายุมากคิดได้แบบนี้ ถ้าคุณมีลูกติดแล้วแสดงว่าเคยแต่งงานมาก่อน แล้วครั้งแรกเรียกเท่าไหร่ค่ะ จากคุณ : เรียกเท่าไหร่ดี เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 15:25:40 A:222.154.18.112 X: TicketID:272164

ความคิดเห็นที่ 30   ขอเพิ่มอีกนิ้ดนะคะ อยากแชร์ ผู้หญิงจะมีค่า ราคาช่วงข้าวใหม่ปลามัน นี่แหละค่ะ โปรโมชั่นก็อยู่ไม่นานหรอก จะเรียกได้ก็ตอนนี้แหละ เราเคยไปอ่านเจอเวบฝรั่งคุยกันเรื่องสินสอดนี่แหละ จำเวบไม่ได้แล้ว เขาพูดกันว่าถ้าไม่อยากเสียค่าสินสอดให้เลือกแต่งกับสาวๆที่เป็นคนแบงคอก หรือไม่ก็มีฐานะจะกิน มีการงาน ฝรั่งบางคนก็ตอบว่า ก็มันไม่ชอบนี่ มันรัก สงสารชอบคนชนบท แล้วก็บอกว่า ผู้หญิงมีการศึกษาบางคนเวสเทินไนซ์ ตามความคิดของเราคือ ความคิดอ่านเหมือนผู้หญิงฝรั่งบ้านเขา จะเอามาทำไม มันไม่ตื่นเต้น ไม่แตกต่างไม่มีเสน่ห์ ไม่มีอารมณ์อะไร ประมาณนี้ ส่วนหนุ่มหล่อบางคนก็บอกว่าฉันหล่อ ยังหนุ่ม หุ่นดีทำไมต้องจ่าย หนุ่มอีกคนก็บอกว่า ฉันทนเห็นคนที่รัก และแม่ของลูกถูกคนซุบซิบนินทาไม่ได้ ขอยอม บางคนก็บอกว่าเงินแค่นี้ นิดหน่อยสำหรับเธอที่แกปรารถนาจะอยู่ร่วมชีวิต เช่น เขามีสัก 10ล้าน จะให้แฟนสัก2แสนค่าสินสอดก็คงขนไม่ร่วง ก็แค่อยากแชร์ นานาจิตตัง เลือกสิ่งที่ดี ที่สุด จะรักจะร่วมชีวิตกับใครหาทางหนีที่ไล่เอาไว้ ถ้าเรามีฐานะ มีอาชีพ มันก็ไปอีกอย่าง ลองส่งรูปการแต่งงานแบบไทย ที่เขาถ่ายภาพถาดเงิน ถาดทองไปให้แฟนดูสิจะรู้ ในชีวิตเราประทับใจมากเมื่อ20ปีก่อนไปงานแต่งงาน หนุ่มลูกชาวนา-แต่รับราชการ คนขยัน แต่งลูกสาวเถ้าแก่ชาวจีนทางอีสาน เราเป็นเพื่อนห่างๆฝ่ายเจ้าบ่าว ได้ยินมาว่าพ่อแม่จ้าวบ่าวขายที่นาไปแต่งเลย เรายังว่าบ้าเป่าเนี่ย แต่ประทับใจมากวันพิธี แขกญาติเจ้าสาวทุกคนที่มามีทองมาคล้องคอบ่าวสาว คนละเส้นๆๆ เหมือนนักมวยชกชนะ ได้ทองงั้นแหละ เกือบ30เส้นได้มั้ง อีกงาน บ่าวสาว รักกันสวีทวิ้ว ตาเยิ้มเชียว แต่พี่สาวด้านหลังเราเป็นสาวสวยของอำเภอที่แต่งไป2ปี มีลูกแล้วพูดออกมาว่า เด๋วพวก..มึ..ก้จะเหมือน กรู โทษนะคะหยาบ..เรานะขำกระจายเลย เออช่างคิดเนอะ ตั้งแต่นั้นไม่เคยเห็นงานไหนแบบนี้เลยน่ะ ส่วนเรามีลูกชาย คิดว่าถ้าเขาแต่งไม่เสียเงิน ได้ฟรีก็ดีนะสิ แต่ถ้าเป็นลูกสาวแต่งไม่มีสินสอดใม่ยอมหรอกอิๆๆ จากคุณ : 40++ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 15:48:05 A:118.172.98.99 X: TicketID:262566

ความคิดเห็นที่ 31   เข้ามาอ่านค.ห.29แล้ว การเรียกค่าสินสอดนี่ มันไม่ต่างอะไรกับงานAuctionเลยนะ :( ถ้าสินค้าคุณภาพดีจริง เราว่าเดี๋ยวBidder เขาก็คงจะofferให้ราคาสูงๆเอง โดยไม่ต้องไปเรียกร้องอะไรจากเขาหรอก จากคุณ : อ่านเเล้วระอาใจ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 17:39:07 A:90.192.3.206 X: TicketID:275343

ความคิดเห็นที่ 32 ^ ^ ^ คห. 31 อ่านแล้วนึกถึง bid ของในอีเบย์ค่ะ :D เพราะเราเองก็บิดของในอีเบย์บ่อยๆ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง จากคุณ : aArMel เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 00:04:14

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่ทราบว่าตอนที่ จขกท. แต่งครั้งแรกเรียกสินสอดเท่าไหร่คะ? ทำไมครั้งนี้ถึงคิดหนักกว่าครั้งแรก? และคราวนี้เรียกแพงกว่าครั้งแรกหรือเปล่าคะ? เพราะอะไร?... เผอิญว่าตอนแต่งงานก็ไม่ได้เรียกสินสอดเลยค่ะ... จากคุณ : BlackmagicW เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 00:17:51

ความคิดเห็นที่ 34 พอจะเข้าใจนะคะ (หรือเปล่า) เพราะเป็นคนนึงที่มีปัญหานี้ค่ะ แต่ต่างกับคุณเจ้าของกระทู้คือ ยังไม่เคยผ่านการแต่งงานมาก่อน จะว่าไปฝ่ายผู้ชายก็พอจะรู้ และคิดว่าเข้าใจในวัฒนธรรมไทยนะคะ แต่ในความคิดส่วนตัว เข้าใจยังไงก็ไม่ลึกซึ้งเพราะเค้าไม่ได้เติบโตมาในธรรมเนียมนี้ อาจจะแค่รู้ว่าแต่งงานผู้ชายต้องจ่ายอะไรให้ผู้หญิง ทำนองนั้น ส่วนพ่อแม่ ก็เข้าใจว่าเค้ามองว่าเรายังไม่เคยผ่านการแต่งงาน ถ้าฝ่ายชายยอมที่จะมีสินสอดที่เหมาะสม ก็แสดงออกว่าสามารถดูแลเราได้ แต่มันก็เลยกลายเป็นเรื่องทีค้างๆ คาๆ ค่ะ โดยส่วนตัวแล้ว ความคิดยังตีกันเองในหัวเลยค่ะ ความคิดและความรู้สึกนึงก็บอกว่า การที่พ่อแม่เค้าเรียกสินสอดเพื่อดูว่าผู้ชายจะยอมจ่ายไหม ยอมให้ไหม แสดงออกว่าดูแลเราได้จริงไหม ฯลฯ ก็เหมือนเราจะเข้าใจเพราะเราโตมาแบบนี้ อีกความคิดและความรู้สึกนึงก็คิดว่า เงินของเค้ากว่าเค้าจะทำงาน กว่าจะได้เงินมา กว่าจะเงินเหมือนอย่างวันนี้ (แฟนฐานะค่อนข้างดีค่ะ) เค้าต้องเหนื่อยแค่ไหน ถ้ามองในอีกแง่มุมนึง เงินทั้งหมดที่สร้างมา อยู่ๆ ต้องมาจ่ายเพื่อให้ได้ผู้หญิงสักคนนึงมา แม้จะรักกันแค่ไหน แต่ใครจะบอกได้ว่าสุดท้ายผู้หญิงคนนี้จะอยู่กับเค้าไปตลอด ถ้าเค้าเสี่ยงแต่งครั้งละ 1 ล้าน เกิดเลิกกันไปสัก 3 คนจนพอดีค่ะ 5555+ ไปและ 3 ล้าน ในความคิดส่วนตัวก็ไม่ได้อยากเรียกเงินเลยค่ะ แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะอายุที่ยังน้อย และไม่เคยผ่านการแต่งงาน พ่อแม่คงไม่ยอมอ่ะค่ะ ทุกวันนี้เลยเหมือนคบกันไปเรื่อยๆ เป็นกำลังใจให้คุณ จขกท. นะคะ ปล. ลองคุยกันดูคนละครึ่งทาง หาจุดเหมาะสม อาจจะเรียกแค่เป็นธรรมเนียม ส่วนเรื่องตอบแทนบุญคุณ เราส่งเสียพ่อแม่ทุกเดือนได้นี่คะ ดูแลท่านให้ดีๆ จากคุณ : alcoholsah เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 15:09:13