ความคิดเห็นที่ 1 1.  อาหารการกิน ในประเทศนี้ อาหารการกิน  ไม่สะดวกเหมือนบ้านเราครับ อย่างแรก ร้านอาหารหรือภัตตาคารที่นี่ ส่วนใหญ่จะเปิดเป็นเวลา เช่น  11 โมงเช้าถึงบ่ายสอง แล้วก็เปิดอีกทีห้าโมงเย็นถึงสามทุ่ม เป็นต้น ดังนั้น ถ้าคุณรู้สึกหิว  อยากกินอาหารร้านโปรด ตอนบ่ายสามบ่ายสี่  ต้องรอเวลาครับ แล้วบางทีในเมืองเล็ก ๆ หรือหมู่บ้าน  มันปิดแบบเดียวกันหมด  ถ้าหิวขึ้นมา ก็ต้องรออย่างเดียว   นอกจากนี้ ถ้าคุณเกิดหิวตอนเที่ยงคืน ตีหนึ่ง แล้วไม่มีมาม่าตุนไว้ ก็ต้องทนจนเช้าร้านรวงเปิดนั่นแหละ เพราะ 7-11 เปิด 24 ชม แบบบ้านเราไม่ค่อยมีครับ   เช่นเมืองผม มีร้าน Spar เปิดดึกสุดก็ถึงห้าทุ่มเท่านั้น  ยิ่งถ้าวันอาทิตย์ ปิดบ่ายสองโมง แถมไม่ค่อยมีอาหารสำเร็จอร่อยถูกปากให้เลือกด้วย 2. อาหารอังกฤษแท้ๆ ต้องยอมรับว่ามันไม่ถูกปากคนไทยเลย แถมมีไม่กี่อย่าง เช่นพวกพายที่มีมันฝรั่งบดโรยหน้า Fish and Chip ที่เวลากินต้องโรยเกลือเองและไม่ค่อยมีซ๊อสมะเขือเทศให้   ที่มีรสชาดหน่อยก็อาหารอินเดียหรืออาหารจีน แต่มันก็ยังไม่อร่อยเท่าที่ทำในเมืองไทยอีก   อาหารอิตาเลี่ยนก็พอถูไถกินได้อยู่   แต่ทั้งนี้ยกเว้นพวกขนมหวาน เค้ก นะครับ ผมว่าของที่นี่อร่อยกว่าบ้านเรา แหะๆ จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 19:52:09

ความคิดเห็นที่ 2 3. คนอังกฤษที่ผมพบปะมา  ชอบเข้าใจว่าคนต่างชาติจะเข้าใจภาษาเหมือนเจ้าของภาษา ดังนั้นเวลาสนทนาจึงไม่มีการชะลอความเร็วในการพูดเลย เสียงพูดบางทีก็งึมงำ ๆ เหมือนอยู่ในลำคอ ฟังยากลำบากมาก ทำให้ต้องคอยถามย้ำหลายๆ หน   ไม่เหมือนเวลาคนไทยเจอฝรั่งพูดไทยได้  บางทีเรามักจะพูดช้าๆ ให้เค้าฟังทัน  เคยเห็นบางคนกลายเป็นพูดไทยสำเนียงฝรั่งใส่ฝรั่งไปเลยก็มี   4. คนที่นี่มีมารยาทกันดีมาก ชอบทักทายกัน เดินสวนกันทั้งๆ ที่ไม่รู้จักก็ Hello, Morning กันตลอด เวลาทำอะไรให้กันก็ชมกัน good, well done, thank you ตลอด   แต่ก็ทำให้เราไม่รู้เลย ว่าจริงๆ เค้าคิดยังไงกันแน่ ไอ้ที่เราทำไปหนะ มันไม่ได้เรื่องรึเปล่า จึงไม่อาจเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงของเค้าได้ เพราะตามมารยาท เค้าจะชมกันไว้ก่อนเสมอ สมกับคำว่าผู้ดีอังกฤษจริงๆ จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 19:54:22

ความคิดเห็นที่ 3 5. การเหยียดผิว  จริงๆ แล้วการแสดงออกถึงการเหยียดผิวเป็นเรื่องร้ายแรงที่นี่   แต่บางครั้งก็สามารถรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของการแสดงออกแบบนั้น   ซึ่งโดยมากมักจะมาจากพวกวัยรุ่นคึกคะนองเป็นหลัก  เช่นจู่ๆ แกล้งมาทักเรา หรือทำเป็นเข้ามาเฮฮาด้วยเป็นกลุ่มๆ  ซึ่งผมก็เคยโดนมาแล้ว แต่คนไทยเราเองก็เหยียดผิวกันเหมือนกัน เช่นบางคนเหยียดแขก  ไม่ชอบจีน เป็นต้น 6. เพื่อลดโลกร้อน ร้านค้าบางแห่งจะไม่มีถุงพลาสติกให้  คนซื้อต้องเตรียมไปเอง   ถ้าไม่เตรียมไปก็ต้องจ่ายเงินซื้อถุงเองด้วย  ทำให้ไม่สะดวกสบายเหมือนเมืองไทย ที่ทุกร้านต้องเตรียมถุงให้คนซื้อ   ดังนั้นจะไปไหน พกถุงผ้าใบใหญ่ๆ ไปด้วยก็ดีครับ อ้อ รถเข็นต่างๆ ก็ต้องหยอดเหรียญ ซึ่งจะได้คืนเวลาไปเก็บคืนที่ครับ จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 19:56:03

ความคิดเห็นที่ 4 7.  บ้านในอังกฤษ มักจะเป็นบ้านเล็กๆ แบบทาวเฮาส์บ้านเรา ไม่ก็บ้านแฝด และคนที่นี่ไม่ค่อยอึกันหรือไงไม่ทราบ  แต่ละบ้านจึงมักจะมีห้องน้ำห้องเดียว แถมห้องน้ำจะอยู่ชั้นสองเป็นส่วนใหญ่  บางบ้านสามห้องนอน ก็มีห้องน้ำเดียว   ลองคิดถึงการอยู่ร่วมกันหลายๆ คนแล้วปวดท้องพร้อมกัน มันยุ่งพิลึก   ทาวเฮาส์เล็กๆ ในไทย อย่างน้อยก็ต้องมีห้องน้ำทั้งชั้นบนชั้นล่าง  เพราะคนไทยไม่ชอบเดินขึ้นบันไดไปอึ   นอกจากนั้น สุดยอดสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นที่ฉีดก้น  คนที่นี่เค้าไม่รู้จักใช้กันครับ (พื้นห้องน้ำที่ประเทศนี้ห้ามเปียกด้วย เพราะมันไม่มีทางระบายน้ำ ถ้าพื้นเปียกต้องเอาผ้าเช็ดอย่างเดียว  ทำไมมันไม่ทำไว้แบบพื้นห้องน้ำบ้านเราก็ไม่ทราบ   สงสัยเพราะหนาว  เคยเห็นห้องน้ำบ้านนึง พื้นปูพรม แถมปูสูงไปถึงขอบอ่างอาบน้ำอีก แหวะ ดูสกปรกหมักหมมมาก) 8.  ก๊อกน้ำที่แยกร้อนเย็น ร้อนก็ร้อนจนมือสุก เย็นก็เย็นยังกะน้ำแข็ง   มีผู้รู้ได้ขยายความไปแล้ว ว่ามาจากระบบท่อพักน้ำ แต่ผมก็ยังแปลกใจ  ที่ห้างใหม่ๆ เพิ่งสร้าง ทำไมมันยังทำก๊อกแยกแบบนี้มาอีกฟะ ล้างมือแสนลำบาก จะให้ผสมเป็นน้ำอุ่นในอ่าง  ในห้องน้ำสาธารณะมันมั่นใจความสะอาดของอ่างไม่ได้อีก จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 19:58:15

ความคิดเห็นที่ 5 9.  ค่าโดยสารขนส่งสาธารณะแพงกว่าบ้านเรามาก ขึ้นรถเมล์แต่ละครั้งอย่างน้อย 1 ปอนด์ แต่แลกกับการตรงเวลากว่าและสม่ำเสมอกว่า ไม่ต้องรอลุ้นแบบบ้านเรา   ค่ารถไฟยิ่งแพงมากไปกว่าอีก ดังนั้นถ้าจะเดินทางไปไหนไกลๆ ต้องวางแผนล่วงหน้าดีๆ นานๆ จึงจะได้ตั๋วราคาถูก 10. รถยนต์ราคาถูกกว่าบ้านเรา แต่ค่าประกันแพงกว่า แต่ถ้าประวัติดี ค่าประกันจะถูกลงไปอีกมาก จนบางครั้งก็พอ ๆ กับที่บ้านเรา   ค่าน้ำมันแพงกว่าบ้านเรา 2 เท่า คนที่นี่มักนิยมใช้รถคันเล็ก ๆ ประหยัดน้ำมันกัน และไม่นิยมใช้เกียร์ออโต้   ดังนั้นถ้าคุณจะมาเที่ยวและเช่ารถขับ ไม่อยากเช่ารถแพงๆ  เตรียมหัดขับเกียร์กระปุกไว้ก่อนล่วงหน้าเลยครับ ขอโม้หน่อย ตอนนี้ผมใช้รถ Fiat พุงโต(Punto) เครื่องดีเซล 1300 CC 5 ประตู อัตรากินน้ำมันน่าประทับใจมาก 19-21 กม. ต่อลิตร ประหยัดสุดๆ ชนะ eco car บ้านเราขาดลอย วิ่งก็ไม่อืด ปรู๊ดปร๊าดใช้ได้  แถมรถที่นี่ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องกันปีละหนเดียวเท่านั้น   ต้นทุนค่าน้ำมันไปเที่ยว ตก  กม ละประมาณ 3 บาทไทย พอกับขับรถขนาดกลางในบ้านเราตอนนี้เลย อีกข้อเสียคือค่าจอดรถแพงครับ บางที่ค่าจอดรถ 20 ปอนด์ต่อวันก็มี ไปไหนมาไหน หาที่จอดฟรียาก ถ้าจอดฟรี ก็จอดได้ไม่นาน ยิ่งใน London แทบไม่มี เดี๋ยวนี้เจอค่าจอดรถตามแหล่งท่องเที่ยว ประเภทจอดทั้งวันแค่ 4 ปอนด์ ต้องร้องโอ้โห  ทำไมถูกมากกกกกกกกกกกกก จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 20:00:36

ความคิดเห็นที่ 6 11.  ร้านค้าต่างๆ จะปิดค่อนข้างเร็ว เช่นห้าโมงครึ่งหรือหกโมงเย็น และยิ่งปิดเร็วไปกว่านั้นในวันอาทิตย์ ดังนั้นนักช๊อป อาจจะไม่ถูกใจนัก ยกเว้นพวกร้านใหญ่ๆ อาจจะปิดสองทุ่มหรือสี่ทุ่มก็มีบ้าง   ยิ่งช่วงนี้ กว่าจะมืดก็สี่ทุ่มกว่า แต่ร้านค้าเล่นปิดกันตั้งแต่หกโมงเย็นไปแล้ว 12.  อังกฤษอยู่ซีกโลกเหนือมากว่าไทยเยอะ ดังนั้นในแต่ละช่วงเวลาของปี ช่วงความยาวของกลางวันกลางคืนจึงต่างกันมาก เช่นหน้าหนาว สว่างตอนแปดโมงเช้า แต่บ่ายสามโมงก็มืดแล้ว แต่หน้าร้อน สว่างตั้งแต่ตีสี่ แถมกว่าจะมืดสนิทก็เกือบห้าทุ่ม   อาจทำให้มีปัญหาในการนอนหรือขี้เกียจได้สำหรับคนไทยที่ช่วงกลางวันกลางคืนไม่ต่างกันมากขนาดนี้ ข้ออื่นๆ  ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ไว้คิดออกแล้วจะมาเพิ่มเติมตอนหลังนะครับ จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 20:02:29

ความคิดเห็นที่ 7   แวะมาปาดก่อน เขียนได้ลื่นอ่านสนุกดีค่ะคุณประกอบ จากคุณ : อาการเซ็งระยะสุดท้าย เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 21:59:59 A:68.151.12.183 X: TicketID:257835

ความคิดเห็นที่ 8 ชอบค่ะ เอาอีก ^_____^ จากคุณ : [[babeberry]] เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 53 22:29:00

ความคิดเห็นที่ 9 เอ่อ...ระวังมีคนอังกฤษมาแย้งนะเออ มาว่าประเทศเค้าไม่ดี (แซวเล่นน๊า อิ ๆ ) เห็นด้วยกับหลาย ๆ ข้อค่ะ อย่างข้อ ๑. เวลาปิดเปิดร้านอาหาร เราหงุดหงิดนะ คืออะไรจะรีบปิดขนาดนั้น ทำให้เราต้องแพลนการเที่ยวดี ๆ ว่าวันนี้จะกินอะไร ที่ไหน ขืนมัวเที่ยวเพลินร้านอาหารปิดก็อดกินข้าวกลางวัน (ฟิชแอนด์ชิฟนี่เราไม่แตะเลย ไม่ชอบ) ยอมรับว่าเค้กที่นั่นอร่อย และที่ถูกใจคือครีมที เสริฟทั้งวันไม่ต้องรอถึงห้าโมง อิ ๆ และข้อ ๔ คนมีมารยาทมากจริง ๆ ค่ะ เดินไปไหนได้ยินแต่ "ซอรี่ ๆ ๆ" ขนาดเราเหยียบเท้าเค้า ๆ ก็หันมาซอรี่กะเรา เออแฮะ เราชอบข้อ ๖.นะ ที่เค้าขายถุงในซุปเปอร์ อยากให้มีอย่างนี้ในไทย (เคยเจอที่เซ็นทรัล ถ้าไม่เอาถุงเวลาซื้อของในส่วนของห้างเค้าลดเปอร์เซ็นต์ราคาสินค้าให้) เราชินนิสัยพกถุงไปใส่กับข้าวมาจากเยอรมัน เวลาซื้อของซุปเปอร์ที่ไทย เห็นเวลาเค้าให้ถุงเยอะ ๆ แล้วอึดอัด บอกว่าไม่เอาถุงเค้าก็ไม่ยอม เค้าบอกว่าเดี๋ยวยามนึกว่ายังไม่ได้จ่ายตังค์ มีหลายอย่างที่คนไทยอาจจะอึดอัดเมื่อไปอังกฤษ เห็นหลาย ๆ คนบ่นเรื่องห้องน้ำ และที่คุณประกอบเอ่ยถึงร้านค้าที่ปิดเร็ว ส่วนตัวเรา ๆ เปรียบอังกฤษกับเยอรมัน (เปรียบกับไทยไม่ได้หรอก เมืองไทยสะดวกสบายกว่าเยอะ) ที่เยอรมันนอกจากห้องน้ำจะหายากกว่าอังกฤษแล้วยังต้องเสียตังค์อีก โอเคมันก็ไม่กี่ตังค์ แต่เราทำใจไม่ได้อ่ะ (งกไง) ตอนไปอังกฤษสบายใจมาก เพราะรู้ว่าห้องน้ำมีอยู่ตามสถานีรถไฟทั่วไปและฟรี ส่วนร้านค้าที่ปิดเร็วแต่ก็เปิดวันอาทิตย์ เราว่ายังดีกว่าเยอรมันที่วันอาทิตย์ไม่เปิดเลยนา ไหน ๆ มาแล้วก็ขออาศัยกระทู้คุณประกอบระบายนิดนึงละกัน อิ  ๆ อาหารตามร้านที่อังกฤษ นอกจากในผับแล้ว หายากมากที่เราจะกินอิ่มภายในจานเดียว คือเราเป็นคนกินจุไง เข้าร้านไทยกะร้านอินเดีย ดูในเมนูเหมือนราคาจะถูก (กว่าเยอรมัน) แต่ขอโทษที แกงเขียวหวานที่นั่นใส่ถ้วยที่เราใส่น้ำพริกที่บ้านอ่ะค่ะ และต้องสั่งข้าวต่างหากอีก ไปที่นั่นเราต้องสั่งกับข้าวเหมือนที่เมืองไทย คือสั่งสำหรับสองคนสามสี่อย่าง ถ้าเป็นพวกยำต่าง ๆ เค้าทำเก๋มีผักประดับครึ่งจานเข้าใจเล่นแฮะ หรือคนที่นั่นเค้ากินแบบผู้ดีหว่า ฮ่า ๆ เรามันกรรมกรเลยไม่อิ่ม อ้อ..ร้านอาหารไทยที่เยอรมันถ้าสั่งกับข้าว ๑ อย่างก็จะได้กับข้าวจานใหญ่สำหรับกินคนเดียวอิ่มพร้อมข้าว (ราคารวมในนั้น) ใส่โถมาและเติมได้ด้วยหล่ะ อีกข้อคือคนชอบทิ้งขยะในรถไฟ ในลอนดอนจะไม่ค่อยเยอะ แต่รถไฟที่วิ่งระหว่างเมืองคนชอบทิ้งขยะตรงที่นั่งเยอะมาก อ้อ...คนอังกฤษชอบกินขนมของจุบจิบเยอะกว่าคนเยอรมันเท่าที่เราสังเกตนะ ไม่รู้ว่ารถไฟที่เมืองไทยสกปรกแบบนี้หรือเปล่าเพราะไม่เคยนั่ง แต่ที่เยอรมันจะสกปรกแบบคราบรอยเท้าที่เค้าเอาพาดเบาะทำนองนี้มากกว่า นึกไม่ออกแล้ว รออ่านของคุณประกอบต่อดีกว่า แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 53 01:53:19 จากคุณ : Schnuckiputz เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 01:50:20

ความคิดเห็นที่ 10 In the Winter time,It is dark super early....makes people depressed,.. But you will get the long day light back in the Summer time....plus the blooming flowers! จากคุณ : เกือกซ่าสีชมพู เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 05:47:26

ความคิดเห็นที่ 11   คน คนนั้นก็ผมเองครับ คุณประกอบผมยังจำคุณได้เลย Mr.A ทำเป็นจำกันไม่ได้ ตอบตามความจริงของผมหน่ะครับ 2. อาหารอังกฤษแท้ๆ ต้องยอมรับว่ามันไม่ถูกปากคนไทยเลย แถมมีไม่กี่อย่าง เช่นพวกพายที่มีมันฝรั่งบดโรยหน้า Fish and Chip ที่เวลากินต้องโรยเกลือเองและไม่ค่อยมีซ๊อสมะเขือเทศให้ ที่มีรสชาดหน่อยก็อาหารอินเดียหรืออาหารจีน แต่มันก็ยังไม่อร่อยเท่าที่ทำในเมืองไทยอีก อาหารอิตาเลี่ยนก็พอถูไถกินได้อยู่ >>ผมกลับชอบครับ Fish and Chip กินบ่อยมาก เจอทั้งแบบ มันฝรั่งที่นึ่งและทอด ผมทานยังไงก็ได้ครับ จะโรบเกลือหรือจะราดน้ำส้มสายชู ไม่เห็นว่าเป็นข้อไม่ดีอะไรครับ 3. คนอังกฤษที่ผมพบปะมา ชอบเข้าใจว่าคนต่างชาติจะเข้าใจภาษาเหมือนเจ้าของภาษา ดังนั้นเวลาสนทนาจึงไม่มีการชะลอความเร็วในการพูดเลย เสียงพูดบางทีก็งึมงำ ๆ เหมือนอยู่ในลำคอ ฟังยากลำบากมาก ทำให้ต้องคอยถามย้ำหลายๆ หน >>พูดเร็วแบบปกติครับ ผมฟังได้เพราะที่นิวยอร์กก็เร็วครับ และน่าจะเร็วมากเมื่อเจอคนดำพูด แต่คนดำถึงแม้จะพูดเร็วแต่พูดชัด ฟังบ่อยๆก็ชินครับ 11. ร้านค้าต่างๆ จะปิดค่อนข้างเร็ว เช่นห้าโมงครึ่งหรือหกโมงเย็น และยิ่งปิดเร็วไปกว่านั้นในวันอาทิตย์ >> คุณไม่ชินเองมั้งครับ ข้อนี้ คุณ Gisele เคยกล่าวไว้ ผมเฉยๆนะปิดเร็วปิดช้าสำหรับผมไม่เป็นข้อเสียอะไรครับ แค่วางแผนรู้ว่าห้างจะปิดเวลาไหน เมื่อไหร่ ก็ไปตามเวลาที่เค้ากำหนด ไม่น่าจะเป็นข้อเสียอะไร ปล. ข้อดีข้อเสียนั้น แต่ละข้อคือ คนแต่ละคนเป็นคนตัดสินใจครับ การจะไปตัดสินว่าของใครถูกหรือของใครผิดนั้น มันไม่แฟร์ครับ ที่คุณกล่าวมาบนกระทู้ว่า "แต่อ่านๆ แล้ว บางข้อมันก็ไม่ใช่" นั้น สำหรับผมแล้ว ถ้าผมบอกกับคุณกลับว่า 3 ข้อที่ผมบอกไปมันไม่ใช่ คุณจะคิดยังไงครับ ผู้อ่านท่านอื่นๆ ถ้าได้อ่านแล้วคงสามารถคิดตามได้นะครับ ว่าอะไรคือตัวกำหนดว่าดีหรือไม่ดี ชอบหรือไม่ชอบ แล้วความชอบหรือไม่ชอบอะไรของเรานั้น เราสามารถนำมันไปใช้ พิจารณาตัดสินความชอบและไม่ชอบของท่านอื่นๆ ว่าผิดหรือถูก ได้หรือไม่อย่างไร ลองพิจารณาดูนะครับ ดังคำที่ว่า I do believe that different people have different experience. ฝากอีกเรื่องหนึ่งแล้วกัน ขอเอามาฝากหน่อย คงไม่ว่ากันนะ เมืองต่อไปที่ผมจะเอาไปเขียนคือ นิวยอร์ก ครับ จากคุณ : Mr.A เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 07:21:14 A:74.66.138.137 X: TicketID:194627

ความคิดเห็นที่ 12   error deleted แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 53 08:41:38 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 53 08:04:37 จากคุณ : newcomer (gpvtu2009) เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 07:40:37

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับข้อ 4 นี่ดิฉันว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ การไม่พูดอะไรตรงๆ รักษามารยาท และถนอมน้ำใจแบบคนที่นี่ก็ทำให้คนที่ไม่คุ้นเคยสับสนได้ง่ายๆ  ดูเหมือนการสวมหน้ากากและไม่จริงใจทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่มีโอกาสทราบว่าสิ่งที่ตัวเองได้กระทำหรือเป็นอยู่นั้นดีหรือไม่ดีอย่างไร  เช่นถ้าเราทำอาหารไม่อร่อย เผ็ดเกินไป หรืออ้วนน่าเกลียด มีกลิ่นตัว เรื่องพวกนี้ก็จะไม่มีใครมาบอกหรือติเรา อะไรๆก็อร่อยและดีไปหมดไม่ค่อยเป็นที่นิยมของคนที่นี่ที่จะพูดอะไรที่ทำให้สะเทือนใจผู้ฟัง หรือบางครั้งคนที่รำคาญไม่ชอบหน้ากันแต่ก็ต้องฝืนทนฟังอีกฝ่ายนึงพูดคุยเรื่องไร้สาระที่ไม่อยากจะฟัง หรือต้องทักทายกันตามมารยาท เรียกว่าเกลียดกันแทบแย่แต่ก็ต้องทักเพราะการเมินใส่กัน เชิดใส่มันออกจะเป็นการกระทำที่ดูเด็กๆไม่ไช่ของคนที่เจริญแล้ว   ดีอยู่ตรงที่แม้ว่าเราจะทำตัวทุเรศไม่น่าคบแค่ไหน ก็ยังมีคนคุยกับเราเสมอ ไม่โดนตบด้วยเปลือกทุเรียนแต่ลับหลังก็เป็นอีกเรื่อง อาจโดนนินทาจนหูตูบขนลุกเกรียวไปเลย จากคุณ : Gisele เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 10:05:21

ความคิดเห็นที่ 14 Mr.A คห.ที่ 11 บอกก่อนเลย มานิวยอร์ก ห้องน้ำหายากเหมือนกันนา ต้องเข้าห้าง McDonalds เค้าล็อกกุญแจ ว่าแต่มาแล้วเที่ยวให้สนุกนะคะ จากคุณ : lonely pig เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 10:34:45

ความคิดเห็นที่ 15   เคยไปเที่ยว พออยู่ไกลก็อยากกลับไปอีก เคยไปอยู่ พออยู่ใกล้ก็เห็นข้อเสียมากมาย ถึงจะเห็นข้อเสียมากมายแต่สุดท้าย ก็จะกลับไปอยู่อีกรอบ นี่แหละเสน่ห์ UK ค่า จากคุณ : rabby เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 11:41:31 A:124.122.162.235 X: TicketID:138413

ความคิดเห็นที่ 16 ข้อ7 นี่ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ ตอนที่ดิฉันย้ายจากเมืองไทยไปอยู่ลอนดอนใหม่ๆ อยู่แฟลตสามห้องนอน มีห้องน้ำกับห้องส้วมแยกต่างหาก พอทำงานมีตังค์แล้วไปซื้อบ้านอยู่เองแถวๆ Islington เป็นบ้านสามห้องนอนก็มีสองห้องน้ำชั้นล่างกับชั้นบน ส่วนห้องน้ำสาธารณะในลอนดอนนี่หากไปในที่นักท่องเที่ยวฮิตไปกันก็หาไม่ยากเช่น Leicester Sqr. ก็มี ดิฉันเองไปเที่ยวเกือบทั่วอังกฤษแล้ว ปรกติทุกเมืองโดยเฉพาะเมืองเล็กๆนี่เขามีห้องน้ำสาธารณะกันทุกที่ เรื่องร้านปิดไม่ดึกนี่อย่างคุณ A บอกหากชินแล้วก็รู้สึกธรรมดาค่ะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 13:47:00

ความคิดเห็นที่ 17 มาอ่านและรับฟังความเห็นด้วยคนค่ะ (ก่อนหน้านั้นก็ได้อ่านของ Mr.A แต่ไม่ได้ตอบ) เราว่าเรื่องหลายๆเรื่องก็มักจะเป็นสิ่งที่เป็นวัฒนธรรมของเค้า ซึ่งเราอาจจะยังไม่คุ้นชิน เลยทำให้เกิดความรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้พบเจอ จะให้ตัดสินว่าดีหรือไม่ดีคงไม่ได้ซะทีเดียว เพราะหากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง มันก็จะมีข้อดีของมันแฝงอยู่เหมือนกัน ตัวเองเพิ่งได้ไปอังกฤษมาเมื่อปีนี้เป็นครั้งแรก ข้อดีอย่างหนึ่งที่"ตัวเอง"พบก็คือ สามารถอ่านป้ายออกทุกสถานที่และไปเที่ยวเองได้โดยไม่ลำบากอะไรเลย ดีจริงๆนะเนี่ย :D (ไปจีน ญี่ปุ่น หรือประเทศแถวยุโรปตะวันออกที่คนเค้าไม่ค่อบพูดอังกฤษกัน เวลาหลงทางนี่ลำบากมากๆ) เรื่องอาหารการกิน เป็นที่แน่นอนว่าอาหารชาติเราย่อมถูกปากตัวเองมากที่สุดอยู่แล้ว ส่วนตัวก็เตรียมใจไปพบกับอาหารที่เค้าว่ากันว่าไม่อร่อยไว้อยู่ ซึ่งวันแรกที่เพื่อนคงอังกฤษพาไปทานข้าวและที่เพื่อนทำให้ทาน ก็รู้สึกว่ามันไม่อร่อยจริงๆ แต่วันอื่นๆที่ได้ไปเลือกร้านทานเอง ก็พบว่ายังมีที่อร่อยๆอยู่เหมือนกันนะ จึงสรุปได้ว่าเพื่อนมันรสนิยมทานอาหารไม่ถูกปากเราและทำกับข้าวไม่อร่อยเองมากกว่า ^^;; จากคุณ : shoebox of photographs เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 14:08:27

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องอาหารการกินที่ว่าลำบากนี่ จริงเป็นบางส่วนครับ ร้านอาหารจีนแถวๆ soho บางร้านเปิดจนถึงเช้าก็มีครับ สมัยก่อนนั้นวันอาทิตย์และวันหยุดต่างๆจะไม่มีร้านค้าเปิดเลย เพราะกฏหมายไม่อนุญาตให้ทำการค้า เพิ่งจะมาเปิดอนุญาตให้มี Sunday Trading เมื่อปี 1994 นี่เองครับ สมัยก่อนวันอาทิตย์หรือช่วง weekend holiday นี่ถ้าไม่รู้จักตุนของเอาไว้กินล่ะก้ออดตายแน่ๆครับ จากคุณ : CHISWICK เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 14:11:29

ความคิดเห็นที่ 19 แวะกลับเข้ามาดูกระทู้ต่อ ไม่ได้ทำเป็นจำคุณ Mr. A ไม่ได้ครับ แต่จำไม่ได้ว่าคุณใช้ชื่อนี้ จำได้แต่ตัว A อะไรซักอย่าง และไม่ได้ไปเปิดกระทู้ดูว่าคุณใช้ชื่ออะไรแน่ ต้องขออภัยถ้าทำให้ขัดเคือง คราวนี้จำแม่นแล้วครับ เพราะกลัวคนลืมนี่แหละ ผมถึงใช้ชื่อประกอบ จำง่าย สะกดง่าย โหลก็จริงแต่ไม่ดาดดื่น บ่งบอกความเป็นไทยดี อ้อ ผมแก้หัวกระทู้ให้ใหม่นะครับ ลดความขัดแย้ง ฮิฮิ ต้องบอกก่อนว่าคำว่าไม่ดีของผม ผมวัดจากความรู้สึก ในมุมมองของผม เมื่อเปรียบเทียบกับอะไรต่างๆ ในประเทศไทยครับ เพราะโลกกว้างนี้ ผมมีโอกาสได้เห็นก็แค่ไทยกับอังกฤษนี่แหละ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ผู้คนท้องถิ่นเค้าชินกัน เห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับคนอีกวัฒนธรรม อีกสังคม มองว่าความสะดวกสบายมันไม่เท่าที่บ้านไงครับ เช่นการปิดร้านเร็ว  อาหารการกิน  หรือการมีห้องน้ำห้องเดียว เสริมเรื่องอาหาร อาหารอังกฤษแท้ๆ ถ้าไปตามผับ จะมีให้เลือกไม่กี่อย่าง รสชาติก็จะแบบอังกฤษ ไม่จัดจ้าน ไม่หลากหลายแบบบ้านเรา ผมจึงมองว่านี่คือข้อด้อยไงครับ ส่วน Fish and Chip นี่ผมชอบมากครับ กินประจำ แต่มักจะสั่งแต่ Fish ครับ โรยเกลือให้พอดีๆ  กินร้อนๆ อร่อยครับ แต่ยังไง ทางเลือกด้านความหลากหลายและสะดวกในหารหาอาหารกิน เมืองไทยกินขาด อีกตัวอย่างคือการพูดเร็วกับคนต่างชาติ ผู้คนจะต่างกับเวลาเราพูดกับฝรั่งใน รร ภาษา  หรือในประทศไทยครับ เพราะที่นี่ เค้าคุยแบบธรรมชาติของเค้า ไม่สนใจว่าเราเข้าใจ ฟังทันหรือเปล่า ในการสนทนาทั่วไป นี่เป็นข้อสังเกตุจากสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวันที่พบเจอครับ เวลาคุยกัน เค้าเร็วเป็นปกติมาก เราก็ต้องใช้มารยาทแบบอังกฤษกลับไป good yes  Oh, fine แต่จริง ๆ ฟังไม่รู้เรื่องหรอก 5 5 5 ถ้าทักษะการฟังผมดีกว่านี้ มันจะไม่กลายเป็นข้อเสียแล้ว แต่สำหรับคนมาเที่ยวหรือเพิ่งมาอยู่ นี่คือสิ่งที่จะต้องพบเจอครับ ร้านปิดเร็ว ผมก็ชินครับ  เพราะผมไม่ใช่นักช๊อป ผมชอบซื้อแต่ของมือสองจาก Charity หรือ Ebay เท่านั้น ยกมาเป็นข้อเสีย เพราะพวกเพื่อนนักช๊อปบ่นให้ฟัง จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 14:39:24

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบคุณ Rinta เรื่องจำนวนห้องน้ำว่าอันนี้ผมจากบ้านเล็ก ๆ ทั่วๆ ไป บ้านใหญ่ๆ สำหรับครอบครัวใหญ่ ที่มีห้องน้ำมากกว่าหนึ่งห้องมีมากมายครับ แต่เท่าที่เห็นจะเป็นบ้านใหญ่  เทียบกับมาตรฐานบ้านที่นี่ เช่นต้องเป็นบ้าน 3 ห้องนอนขึ้นไป ในขณะที่บ้านทาวเฮาส์ทั่วไปในไทย อย่างน้อยชั้นล่างชั้นบนต้องมีห้องน้ำไงครับ ช่วงนี้หาบ้านเช่า บ้านขนาด 1-3 ห้องนอนทุกหลังที่ดูไว้ มีห้องน้ำเดียวทั้งนั้น และไม่มีหลังใดมีห้องน้ำที่ชั้นล่างเลย ~~@_@~~ จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 14:51:04

ความคิดเห็นที่ 21 13  เพิ่มเติมนะครับ  ประเทศอังกฤษ ในมุมมองผมมักจะคิดถึงประเทศที่เจริญแล้ว ทำอะไรเป็นระบบ และน่าจะมีการเตรียมพร้อม มีแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ดี แต่ในความเป็นจริง การรับมือสถานการณ์ไม่คาดฝัน ที่นี่ก็เหมือนเมืองไทย คือไม่ได้มีการเตรียมพร้อมที่ดีล่วงหน้า  ใช้แก้ปัญหาไปเปลาะ ๆ ผิดจากที่ผมคาดไว้ว่าน่าจะมีระบบเตรียมการดี อันนี้ฟังจากเพื่อนที่เคยอยู่อเมริกาและยุโรปเล่าให้ฟังด้วยนะครับ อิอิ โบ้ยไว้ก่อน เช่นหน้าหนาวที่ผ่านมา ที่อังกฤษมีหิมะมากกว่าปกติ แต่เมื่อเทียบกับบางท้องที่ในยุโรป หรืออเมริกา ปริมาณหิมะไม่ได้มากมายนัก แต่ระดับการเตรียมพร้อมล่วงหน้าของภาครัฐไม่ดี ทำให้บางช่วงถนนเป็นอัมพาตไปทั้งประเทศ 2-3 วันเลย บางท้องที่ เกลือผสมกรวดที่เอาไว้โรยถนนกันหิมะจับตัวกันบนถนนถึงกับหมดเลย เพราะไม่มีการ stock ล่วงหน้ามากพอ ทั้งที่คาดไว้แล้วว่าหิมะจะมากกว่าปกติ อย่างนี้เป็นต้น จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 15:04:59

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องกินนี่อย่างว่านะคะบ้านเค้ากินกันเป็นเวลา อาหารเช้านิดนึง อาหารกลางวันแบบรีบๆ แล้วค่อยทานมื้อเย็นจานใหญ่ๆแบบครบชุดทีเดียวเลยเป็นมื้อหนัก ไม่เหมือนบ้านเราที่กินกันได้ทั้งวันกินได้เรื่อยๆย่อมจะหงุดหงิดเป็นธรรมดาที่ไม่มีร้านบะหมี่เกี๊ยวหน้าปากซอย หรือ 7 eleven ไว้แก้หิวให้หาอะไรมากระแทกปากได้ตลอด 24 ชั่วโมง  ตอนมาอยู่ใหม่ๆก็เสียอารมณ์เหมือนกันค่ะคิดถึงแต่ของกินอร่อยๆ เดี๋ยวนี้ดีกว่าเดิมแยะเริ่มมีซุปเปอร์มาเก็ตที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ร้านค้ามีแยะที่ปิดสี่ทุ่มวันอาทิตย์ยืดเวลาออกไปจากที่เคยปิดตอนสี่โมงเย็น ดิฉันว่าถ้าใครมีลิ้นจรเข้และพุงแบบชูชกเหมือนดิฉันและกินอาหารได้ทุกชาติโดยไม่เลือก ตามเมืองใหญ่ๆก็มีอาหารให้เลือกหลายแบบอยู่นะ ส่วนขนมของที่นี่สารภาพตามตรงว่าขนมบางอย่างนี่อยากจะกราบเท้าคนที่คิดสูตรหรือต้นคิดเลยทีเดียว คิดได้ไง อร่อยชะมัดเลย กินแล้วมันหวาน อร่อย สะใจได้อารมณ์จริงๆชิ้นนึงตกสามพันสองร้อยแคลโลรี่ก็ไม่ยั่น จากคุณ : Gisele เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 15:33:45

ความคิดเห็นที่ 23   เซ้าท์อัฟริกาเคยเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษมาก่อน...อะไรหลายๆอย่างที่คุณจขกท.ว่ามาก็ล้วนก๊อปปี้มาจากอังกฤษทั้งนั้น...ดิฉันบอกได้เลยอยู่มาเกือบ 3 ปีบ่นกับแฟนทุกวันว่าอยากย้ายหนีให้ได้เร็วที่สุด...ไม่ใช่ว่าไม่ชิน..แต่เราไม่ชอบมีไลฟสไตล์แบบนี้..ที่ไม่มีเหมือนอังกฤษคือข้อ 9,10และ12 จากคุณ : พิมดาว เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 16:52:06 A:41.4.129.66 X: TicketID:225313

ความคิดเห็นที่ 24   อยากร่วมแสดงความคิดเห็น ถือเป็นการแชร์ประสบการณ์แล้วกัน อาจจะเห็นตรงหรือไม่ตรงกับคนอื่น สำเนียงอังกฤษนี่ คิดว่าแล้วแต่ถิ่นนะ ถ้าอย่างทางใต้นี่ฟังง่าย แต่ถ้าฟังคนที่มาจาก Liverpool หรือเหนือ ๆ ขึ้นไปอย่าง Sunderland นี่เขามีสำเนียงที่แบบว่าฟังยากสำหรับเรา ที่ว่าทักทายกันนี่ คิดว่าถ้าออกนอกลอนดอนไปคนจะทักทายกันมากกว่านะ ถ้าลอนดอนนี่ก็ต่างคนต่างอยู่ เรื่องเวลาเราทำอะไรให้แล้วเขาชมนี่ เห็นด้วยว่าคนอังกฤษชมจนติดปาก ทำอะไรให้นิดหน่อยก็ superb, you're a star, excellent, thank you แต่ถ้าลับหลังนี่ ก็นินทาเก่งไม่แพ้ชาติไหนเหมือนกัน เรื่องมารยาทก็แล้วแต่ เคยเจอแบบมารยาททรามเหมือนกัน ตอนนั้นรอเดินข้ามถนนอยู่ตรงทางม้าลาย กำลังก้าวขาจะข้าม เพราะคิดว่ารถจะหยุดให้ ปรากฎว่าคนขับไม่หยุด หันกลับมาตะโกนด่าว่า bloody foreigner ก็ไม่คิดอะไรมากนะ ถือว่าเป็นส่วนน้อยถ้าเทียบกับระยะเวลาที่เราอยู่ที่โน่น มีคนดีก็ต้องมีคนไม่ดี มีอีกครั้ง นั่งเครื่องบินกลับจากลอนดอนมาไทย เจอคนอังกฤษใส่เสื้อเชียร์บอลมาเลย เราเข้าคิวอยู่ก็มาคุยด้วย พอเราไม่คุยด้วย (ไม่ชอบเพราะดูท่าทางนิสัยไม่ดี ไม่สุภาพ เสียงดัง โวยวาย) ซักพักเจออีกคนเป็นเพื่อนกับคนแรก มาพูดกับเราบอกว่าเรา "rude" มากที่ไม่คุยกับเพื่อนเขา เรื่องอาหารนี่ คิดว่าไม่มีปัญหา ได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว มีให้เลือกหลายหลายมาก ร้านอาหารไทยเพียบ ถ้าเทียบกับประเทศอื่น fish & chips ถ้าไปกินใกล้ชายทะเล ในช่วงซัมเมอร์วันที่อากาศดี จะช่วยได้เยอะ รสชาดจะดีขึ้นเป็นพิเศษ แต่ต้องยอมรับว่าวัฒนธรรมด้านอาหารอังกฤษสู้ประเทศทาง Continental Europe ไม่ได้ อย่างอาหารสเปน ฝรั่งเศส อิตาเลียนนี่อร่อยและหลายหลายมากกว่า แต่ข้อดีคือ ง่ายต่ออาหารไทยไปตีตลาดที่โน่น @ คห 9 ถ้าทานไม่อิ่มลองเข้าร้านจีนนะคะ ให้เยอะมาก มีอยู่ร้านนึงตรง The Cut แถว Waterloo เยื้อง ๆ กับโรงละคร The Old Vic อร่อย ไม่แพง และปริมาณเยอะมาก ที่ไม่ชอบคือ ที่นี่คนดื่มแอลกอฮอล์เยอะมาก ตกเย็นเข้าผับ แล้วดื่มเบียร์กันเหมือนดื่มน้ำเลย เวลาเข้าสังคมทีสู้ไม่ไหว ดื่มคอกเทลได้แก้วนึง หลังจากนั้นสั่งน้ำมะเขือเทศมาดื่ม โดนเพื่อนล้อเลย แต่ไม่ซีเรียสค่ะ เพื่อนกัน แต่เห็นแล้วอึ้งว่าเขาทำได้ไง แล้วก็มีผลัดกันเลี้ยงเป็น round แล้วจะไม่เมาได้ไง บางทีตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนร่วมงานยังมาเล่าอีกว่า เมื่อคืนดื่มจนหมดสติ passed out ไปไม่รู้เรื่องที่สถานีรถไฟ รู้ตัวอีกทีคือมานอนอยู่บ้านเพื่อนอีกคนแล้ว อีกครั้งเพื่อนมาทำงานยังไม่สร่างเมา เราก็สงสัยว่าหายไปไหน ปรากฎว่าไปนอนอยู่ในห้องที่เก็บเอกสาร บางทีเวลาไปกินกับเพื่อนอังกฤษ เสียเปรียบค่ะ เพราะเราดื่มน้อย เพื่อน ๆ ก็สั่่งไวน์มาหลายขวด ดื่มเอา ๆ เราดื่มแก้วเดียว แต่เวลาหาร แบ่งจ่ายเท่ากัน หลายทีและ ถ้าไม่เลิกคบ คงต้องหัดดื่มให้มากขึ้น จะได้ไม่เสียเปรียบ ^_^ อีกอย่างคิดว่าระบบบริหารจัดการด้าน welfare ไม่เป็นธรรม ชนชั้นกลางทำงานเสียภาษี แต่รัฐกลับไปจ่าย benefit ให้บางคนที่ไม่ควรได้ อย่างวัยรุ่นบางคน (ย้ำว่าบางคน) มีลูกเยอะมาก กับพ่อหลายคน แต่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ ได้บ้าน ไม่ต้องทำงาน มีอยู่มีกินสบาย แต่บางคนทำงานเหนื่อย กลับต้องมาอุ้มคนพวกนี้ บางคนก็หาช่องว่างเอาเงินเข้ากระเป๋า claim disability benefit ทั้งที่ตัวเองปกติดี ขอทานบ้านเรา ส่วนใหญ่จะพิการจริง น่าสงสาร แต่ขอทานที่นี่ครบสามสิบสองปกติดี ก็มานั่งขอทาน มีเงินซื้อบุหรี่สูบด้วย เคยเจอผู้หญิงอยู่คนนั่งอยู่ตรงสถานีรถไฟ พอตกเย็นสลัดคราบขอทานแต่งตัวเหมือนจะไปเที่ยว แล้วคนที่นี่รู้สึกว่าจะ depressed กันเยอะจังเลย แล้วก็ลางานไปเป็นเดือนซะงั้น ถ้าหากเป็นพนักงานประจำและอยู่ในบางองค์กร public sector นี่สบายเลย นายจ้างทำอะไรไม่ได้มาก แต่พอเห็นกลับมาทำงานเนี่ย ผิวแทนกลับมาเชียว พอถามบอกว่านั่งอาบแดดในสวนหลังบ้าน อย่างนี้ถ้าเป็นเมืองไทย นายจ้างไล่ออกไปแล้ว อยู่โน่น ถ้าช่วงอากาศไม่ดี อะไรก็น่าเบื่อ สี่โมงเย็นก็มืดแล้ว เดินก็ต้องเดินเร็ว เพราะหนาว วันไหนหิมะตกแล้วมันกลายเป็นน้ำแข็งลื่น เดินต้องระวังอีกเดี๋ยวหกล้ม อาบน้ำบ่อย ๆ ผิวแห้งอีก ไปใหม่ ๆ ติดอาบน้ำบ่อยแบบตอนอยู่เมืองไทย ขึ้นผื่นเลย เดือดร้อนต้องไปถามเพื่อนว่าใช้ครีมอะไรดี แต่ถ้าเป็นช่วงซัมเมอร์อากาศดีนี่ อะไรก็ดี สดใสไปหมด จากคุณ : Le GlobeTrotter en Afrique เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 17:14:02 A:212.49.90.116 X: TicketID:263073

ความคิดเห็นที่ 25 มีบางเรื่องที่ผมพยายามจะทำความเข้าใจว่าทำไมคนไทยบางคนถึงรู้สึกหงุดหงิดหรือถึงขั้นมองว่าเป็นสิ่ง "ไม่ดี"   เช่นเรื่อง  หัวฉีดน้ำในห้องน้ำไม่มี???  เรื่องร้านขายของปิดเร็ว??    ย้ำอีกครั้งนะว่ากำลังอยู่ในระยะ "ทำความเข้าใจ" ไม่ได้เข้ามาแจมเพื่อแกตัวให้ใครและไม่ได้เหน็มแนม จขกท ผมเชื่อว่าหลายคนในนี้อย่างเช่นคุณ CHISWICK  คุณ Rinta ฯลฯ ที่มาใช้ชีวิตในอังกฤษหลายแล้วคงมีความรู้สึกและมุมมองเหมือนๆ กับคุณประกอบและคุณ A จากกระทู้ก่อนหน้านี้       และเชื่ออีกเช่นกันว่ามุมมองและความรู้สึกตรงนี้คงค่อยๆ จางลงไปเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง จะว่าไปแล้ว.....หากกวาดสายตามองสังคมไทยในระดับที่ลดหลั่นลงไปหลายๆ ชั้น   จะเห็นว่าสิ่ง "ไม่ดี" ที่หลายท่านกล่าวมานั้นก็ยังดำรงอยู่ในสังคมไทยเช่นกัน     ยกตัวอย่างเรื่องหัวฉีดน้ำในห้องน้ำ ในสังคมที่ไกลปืนเที่ยงซึ่งเป็นสังคมที่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศไทยอาศัย   อย่าว่าแต่หัวฉีดน้ำเลยครับ......กระดาษทิชชู่สักม้วนหนึ่งก็แทบจะไม่มี   อย่างดีที่สุดก็ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์   นอกนั้นเขาจะใช้กิ่งไม้แห้งหรือไม่ก็ใบไม้    ที่พูดตรงนี้ได้เพราะผมเองเป็นเด็กบ้านนอก   และผ่านขั้นตอนการ "ชำระ" เหล่านั้นมาแล้ว    บางกรณีนะ....หาใบไม้หรือกิ่งไม้แห้งไม่ได้   ก็ใช้ "ขอนไม้" นั่นแหละ  วิธีใช้ก็คือครูดก้นไปกับขอนไม้เพื่อชำระ   ใครที่เป็นเด็กบ้านนอกมาก่อนคงนึกภาพออก  อิ อิ อิ ส่วนเรื่องร้านค้าปิดเร็วนั้น    ตอนผมมาอยู่อังกฤษใหม่ๆ  ผมรู้สึกอึดอัดกับเรื่องนี้มาก    ไม่นานผมก็คุ้นเคย   จากคุ้นเคยก็รู้สึกชอบ   เพราะมันดัดนิสัยการจ่ายสุรุ่ยสุร่ายหนึ่ง    เปลี่ยนนิสัยการกินไม่หยุดไม่หย่อนหนึ่ง   ลดปัญหาอาชญากรอีกหนึ่ง    โดยภาพรวมแล้ว  ผมมองว่าประโยชน์ที่จะได้จากการที่ร้านปิดเร็วนั้นมากกว่าผลเสีย แต่สิ่งหนึ่งในอังกฤษที่ผมรู้สึกหงุดหงิดมาตลอดและไม่มีทีท่าว่าจะลดดีกรีความหงุดหงิดได้เลยก็คือนิสัยการยืนขวางทางแล้วพูดคุยกันหน้าตาเฉยของคนอังกฤษ(อาจจะรวมคนยุโรปด้วย)   ยิ่งหากพวกเขาไปเจอะเจอกันโดยบังเอิญตรงนั้น(ทางเดิน,ทางเข้า, ทางออก)แล้ว   พวกเขาจะไม่สนโลกอะไรเลย   ยืนจ้อกันตรงนั้นอย่างเมามัน   ไม่สนว่าใครจะผ่านมาผ่านไปจะเข้าหรือจะออก.....หงุดหงิดมากๆ ตรงนี้ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 53 17:22:50 จากคุณ : วัชรานนท์ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 17:18:18

ความคิดเห็นที่ 26 ข้อที่ 8 นี้ สงสัยเค้าคงให้คุณเตรียมขันส่วนตัวไปด้วยอ่ะคะ อิอิ จากคุณ : แม่นางหลิว เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 17:27:19

ความคิดเห็นที่ 27 ขอแจมด้วยคนนะคะ   ขอยกเฉพาะหัวข้อห้องน้ำก่อนละกันนะคะ   สำหรับเรา กลับชอบห้องน้ำที่อังกฤษมากกว่าค่ะ  ที่ชอบเพราะเราชอบพื้นที่แห้งๆ ไม่เปียกเฉอะแฉะ ที่บ้านเราห้องน้ำก็ปูพรมนะคะ แต่เราไม่เคยทำน้ำเปียกพรม และจะทำความสะอาดตลอด กลิ่นเหม็นยิ่งไม่มีแน่นอนค่ะ เราและคนที่รู้จัก ทำความสะอาดห้องน้ำบ่อยมาก มันเหมือนกับว่า ถ้าใครไปใครมา แล้วเค้าขอเข้าห้องน้ำ (แน่นอน) จะได้ไม่เสียหน้าค่ะ บ้านอีกหลัหนึ่ง( หลังเล็กๆ) ให้เค้าเช่า บ้านนั้นห้องน้ำปูกระเบี้อง ซึ่งทำความสะอาดง่าย แต่เวลาหน้าหนาว ไม่อยากเอาเท้าเหยียบพื้นเลยค่ะ เย็นถึงขั้ว ( เรายังไม่มีทุนทำฮีตเตอร์ใต้พื้น) มิน่า คนอังกฤษต้องใส่สลิปเปอร์ตลอด ด้วยความที่ติดนิสัย เวลาเข้าห้องน้ำ พื้นต้องแห้งตลอด พอกลับไทย เห็นห้องน้ำบางห้อง พื้นเปียกแฉะ เราไม่อยากเข้าเลยค่ะ ไม่ได้ดัดจริตนะคะ มันคิดของมันเอง อ้อ อีกอย่าง ที่บอกว่ามีห้องน้ำแค่ห้องเดียว นี่ก็เป็นแค่บางบ้านนะคะ ขึ้นอยู่กับขนาดกี่ห้องนอน ก็เหมือนที่ไทยที่บางบ้านมีหนึ่ง สอง สาม และออนสวีท เรื่องที่ฉีดก้นก็อีกประเด็นค่ะ ตอนอยู่ไทย เราก็ใช้ตลอด คิดอยู่ว่าฝรั่งมันจะล้างก้นสะอาดเร้อ..ใช้แค่กระดาษเช็ดๆ.. พอมาอยู่อังกฤษ ด้วยความหนาว ใครจะเอาน้ำเย็นๆ ไปฉีดใส่ล่ะ  และก็ไม่มีที่ฉีดให้ด้วย เราก็ใช้เฉพาะกระดาษ มันก็สะอาดนา....(อิอิ คงไม่มีใครอยากพิสูจน์หรอเนอะ) ทีนี้พอกลับไทย มีที่ฉีดให้ แต่เรากลับไม่ค่อยอยากใช้ ใช้แต่กระดาษ รู้สึกว่าพอฉีดแล้วมันเปียกๆ แฉะๆก้นไงไม่รู้ ปล..แค่อยากออกความคิดเห็นนะคะ ไม่ได้คิดจะขัดแย้งกับใครเลย ถ้าผิดถูกประการใด หรือมีข้อให้ตำหนิ ก็ยินดีรับนะจ๊ะ จากคุณ : แม่นางมณีจันทร์ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 21:07:01

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านเรื่องความไม่ดีของประเทศอังกฤษมาตั้งแต่กระทู้แนะนำ แต่ไม่สนใจจะเข้าไปแจมด้วยเพราะดิฉันรู้สึกว่ามันก็เป็นเรื่องไม่ดีตามธรรมดาๆสามัญที่มีกันทุกประเทศนั่นแหละ แต่พอมาเห็นกระทู้นี้ถูกใจความเห็นคุณวัชรานนท์และเห็นด้วยกับบางส่วนที่คุณวัชรานนท์เขียนจึงขอร่วมสนทนาด้วยคนค่ะ สิ่งที่ไม่ดีในอังกฤษในมุมมองของดิฉันนั้นมีมากมายนัก แต่เพราะดิฉันพยายามกลับด้านของความคิด ถึงสิ่งไม่ดีเหล่านั้นมาเป็นสิ่งดีๆที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิตเราบ้าง และในแบบที่เราไม่เคยเรียนรู้ ก็หัดรู้และหัดเรียน จะได้ใช้ชีวิตในประเทศอังกฤษอย่างมีความสุขตามอัตภาพ .. อย่างเช่น ยกตัวอย่างทั่วๆไปที่ใครๆอาจจะคิดถึงอังกฤษในแง่ไม่ดี ... 1. ไม่มีหัวฉีดน้ำล้างก้น = หัดล้างก้นด้วยกระดาษ 2. ร้านอาหารเปิดปิดเป็นเวลา = หัดทำอาหารทานเอง 3. คนอังกฤษพูดเร็วฟังไม่ทัน = หัดเป็นผู้ฟังที่ดีมากขึ้น ฟังข่าวมากขึ้น ฟังเพื่อนฝรั่งคุยมากขึ้น 4. คนอังกฤษมีมารยาทในการทักทาย = เราก็หัดทักทายคนอื่นๆก่อนบ้าง ส่วนใครจะประเภทปากหวานก้นเปรี้ยว จงอย่าเอามาใส่ใจ แค่เรามีมารยาทดีกับคนอื่นก็พอแล้ว 5. หากเจอพวกเหยียดสีผิว = หัดแผ่เมตตาบ้าง 6. ไปห้างเขาไม่ให้ถุงพลาสติค = หัดถือถุงผ้าไปจ่ายกับข้าวบ้าง 7. บ้าน 3 ห้องนอนมีห้องน้ำแค่ 1 ห้อง = หัดอยู่ในแบบที่เขาอยู่กันบ้าง 8. ก็อกน้ำร้อนไปเย็นไป = หากไม่ชอบใช้ ก็ลองใช้เจลฆ่าเชื้อโรคแบบไม่ต้องใช้น้ำบ้าง 9. ค่ารถแพงมาก = หัดเดิน/ขี่จักรยานแทนการขึ้นรถบ้าง เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง 10. การใช้รถในอังกฤษทุกอย่างจะแพงหมดยกเว้นรถ แต่หากออกเสียงดีๆรถ=ลด ... ก็ต้องทำใจว่าการใช้รถคือการลดเงินในกระเป๋าลงด้วย เพราะต้องจ่ายค่าอื่นๆจิปาถะมากมาย ดังนั้นจึงต้องหัด ... ไม่ใช้รถบ้าง 11. ร้านค้าปิดเร็ว = ควรจะดีใจเพราะเราจะได้เรียนรู้วิธีประหยัดบ้าง 12. หากมีปัญหาเรื่องการนอนเพราะหลงเวลาดึกแล้วยังสว่าง = ก็ต้องหัดนอนในที่สว่างและตื่นในที่มืดให้ได้บ้าง และอื่นๆอีกมากมายค่ะ ... ทุกอย่างมันหัดกันได้ หากดิฉันเจออะไรไม่ดี ดิฉันจะเปลี่ยนให้มันดีในวิถีชีวิตของดิฉันเองก็แค่นั้น ไม่ใช่ดิฉันไม่เคยรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างวิถีชีวิตของคนอังกฤษและคนไทยนะคะ ดิฉันรู้สึกเหมือนคุณมาก่อนค่ะ แม้ทุกวันนี้ก็อาจจะมีสิ่งเล็กๆน้อยที่มากวนใจบ้างแต่ดิฉันเลือกวิธีปรับเปลี่ยนท่าทีของตัวเอง รวมทั้งความคิดที่จะส่งผลกับตัวเองด้วย เพราะจะหงุดหงิดเบื่อหน่ายไปก็ใช่ที่ หรือแม้แต่บ่นกร่นด่ากับเพื่อนฝูงก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะที่นี่ (อังกฤษ) ดิฉันก็เรียกว่าบ้านเหมือนกัน ดังนั้นดิฉันแค่พยายามมองหาส่วนดีๆออกมาจากส่วนที่ไม่ดีที่ดิฉันพบเจอมาในเวลาหลายๆปีนี่เท่านั้นเองค่ะ ต้องขออภัยคุณประกอบ จขกท ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะขัดแย้งในเรื่องที่คุณยกมานะคะ หรือแม้แต่หากมีท่านอื่นๆยกเรื่องไม่ดีอื่นๆขึ้นมาเล่าอีก ดิฉันก็คิดว่าดิฉันสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสของตัวเองได้ไม่ยาก (เปลี่ยนสิ่งไม่ดีเป็นสิ่งดีๆกับตัวเองได้)  แต่เนื่องจากสิ่งไม่ดีของคุณหรือของท่านอื่นๆที่เกริ่นมาแล้วนั้น มันเป็นเรื่องที่ดิฉันหัดทำ หัดเรียน หัดรู้ มานานหลายปี จนมันชินและไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งไม่ดีในอังกฤษมันคือสิ่งที่ไม่ดี ... ดิฉันชอบสิ่งไม่ดีเหล่านี้ เพราะมันทำให้ดิฉันได้หัดมองโลกใบเดิมๆ แต่เป็นรูปแบบใหม่ ที่แตกต่างออกไปจากที่เคย ... จึงได้แนะนำเรื่องการ '' หัด '' ยกเป็นตัวอย่าง .. และมันทำให้ดิฉันมีประสบการณ์ในการดำรงชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากที่ๆเคยอยู่ เคยชิน และคิดว่าตัวเองเปลี่ยนไม่ได้ มันกลับกลายเป็นว่าสิ่งไม่ดีของอีกที่หนึ่งมันสามารถเปลี่ยนคนที่มาจากอีกที่ได้ไม่ยาก หากคนๆนั้นยอมรับที่จะเปลี่ยนตัวเอง สิ่งไม่ดีที่ได้จากต่างที่ต่างกาลเวลาของแต่ละประเทศ มันเป็นเรื่องหนึ่งในชีวิตดิฉัน ที่ทำให้ดิฉันมีเรื่องมากมายได้สอนลูกสอนหลานว่า ... จะเปลี่ยนสิ่งไม่ดีในชีวิตให้เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเราได้อย่างไรบ้าง ? ขอบคุณที่ให้เนื้อที่ออกความเห็นค่ะ จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 23:16:13

ความคิดเห็นที่ 29 นึกได้อีกข้อ 14.  ป้ายชื่อถนนต่างๆ ที่อังกฤษ จะไม่ได้ตั้งอยู่บนเสาหัวมุมถนนให้สังเกตุง่ายๆ แบบในเมืองไทย แต่มักจะหลบอยู่ตามผนังบ้านที่อยู่มุมถนนบ้าง หรือเป็นป้ายเตี้ยๆ อยู่บนทางเดินเท้าติดรั้วบ้านคนบ้าง ต้องมองหาเอาถึงจะเจอ บางทีก็หาไม่เจอ จึงอาจเป็นอุปสรรคต่อการหาชื่อถนน สำหรับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หรือเวลาขับรถที่ต้องดูจากแผนที่ ซึ่งผมว่าระบบป้ายชื่อถนนบ้านเราสะดวกกว่าที่อังกฤษครับ อุปกรณ์นำทาง GPS จึงจำเป็นมากสำหรับการขับรถไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แต่บางทีมันก็พาหลงเหมือนกัน จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 23:51:03

ความคิดเห็นที่ 30 ครั้งหนึ่ง  เคยคิดว่าอากาศเป็นผลร้ายต่อเรา   (จุดนี้เคยคิดว่าเป็นจุดที่ไม่ชอบที่สุด ยิ่งอากาศแบบ maritime climate ก็เหมือนอารมณ์ผู้หญิง อิอิ ขอโทษคุณผู้อ่านที่เป็นหญิงด้วยนะคะ มิได้ว่าอะไรนะคะ เพราะบีพีก็เป็นหญิงเช่นกัน) ต่อพอไปในประเทศที่มืดเร็วกว่าที่นี่  สว่างทั้งกลางคืนในฤดูร้อน และพอไปหางานในประเทศที่มีแต่ความร้อน  ถึงแม้เงินดีกว่าเพราะไม่ต้องเสียภาษี (แต่มีอะไรตามมาอีกหลายแต่ ...) และยิ่งไปได้สัมผัสที่ที่จำกัดสิทธิของผู้หญิงแล้ว ทำให้ได้คิดอีกหลายอย่าง คิดว่าอากาศที่นี่ จะทำให้เราเข้าใจพุทธศาสนาได้ลึกซึ้งขึ้นนะคะ   ลองคิดดูนะคะ สี่ฤดู สอนอะไรเราได้บ้าง ถ้าจะเปรียบก็คงจะเหมือน  การเกิด แก่ เจ็บ และตาย ฉันใดฉันนั้น  ยิ่งอากาศแบบ maritime ยิ่งทำให้เรารู้ซึ้งถึง  ความไม่แน่นอนของชีวิต จากคุณ : บีพี เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 00:02:58

ความคิดเห็นที่ 31 เข้ามาเห็นคุณมณีจันทร์เล่า แล้วถึงเข้าใจ ว่าทำไมไม่มีที่ฉีดก้น จริงๆ ด้วยครับ ถ้าน้ำเย็นๆ ฉีดไป คงสะท้านน่าดู 5 5 5 และเพิ่งรู้ว่ามีระบบทำความร้อนที่พื้นด้วย แต่คงไม่มีโอกาสสัมผัสแหงๆ เพราะผมคงเช่าได้แต่บ้านถูก ๆ ฮือ ๆ ๆ พื้นห้องน้ำแห้งนี่ คนไทยหลายๆคนก็บอกว่าชอบนะครับ  แต่ผมมันคนอ้วน พื้นที่ผิวเยอะ เข้าห้องน้ำที น้ำกระเด็นไปทั่ว บางทีกำลังอาบน้ำในอ่าง เดินมาหยิบที่โกนหนวดหรือสบู่หมด เปียกเลอะไปหมด แถมในการทำธุระหนัก ผมติดการใช้น้ำล้างมาตลอดชีวิต ใช้แค่กระดาษเนี่ย มันไม่เคยรู้สึกสะอาดเลย  จึงรู้สึกลำบากบ้าง เรียนคุณกุศโลบายฯ ทุกอย่างที่บอกมา เห็นด้วยกับคุณครับ ทุกข้อที่ผมบอกว่าเป็นข้อไม่ดี ไม่มีข้อไหนทำให้ผมเป็นทุกข์หรือไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตที่นี่เลย ผมมีความสุขกับชีวิตที่นี่มาก ตั้งแต่วันแรกที่มา ไม่ว่ามันจะหนาว ลมแรง ฝนตกบ่อย เจอวัยรุ่นแซว ฟังฝรั่งพูดไม่ทัน หรือต้องใช้แต่กระดาษเช็ดก้นฯลฯ ผมคิดถึงเมืองไทยน้อยมากกกกกกก คิดถึงแต่ร้านอาหารในไทยเป็นส่วนใหญ่ ถ้าไม่ต้องติดภาระกลับไปใช้หนี้บุญคุณประเทศไทยที่ให้โอกาสผมมาเห็นโลกกว้าง ผมคงหาทางผันตัวเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานถาวรที่นี่แล้วหละครับ ข้อดีต่างๆที่ได้เห็นที่นี่ มันเยอะกว่าข้อเสียมากๆ เช่นผู้คนท้องถิ่น สำนึกความรับผิดชอบของผู้คนต่อสังคม ซึ่งน่านับถือมาก ได้เจอผู้คนดีๆ มากมาย คนที่ยุติธรรม  คนที่มีน้ำใจ ฯลฯ ก่อนหน้านี้ คิดเสมอว่าคนไทยเป็นชาติที่มีน้ำใจ แต่ตอนนี้แนวคิดเปลี่ยนซะแล้ว เมื่อเห็นฝรั่งแถวเมืองที่ผมอยู่ เมืองอื่นเช่น London อาจไม่เหมือน แต่เมืองบ้านนอกนี่ ผู้คนน่ารัก น้ำใจครับ และทำให้เข้าใจได้ว่าทำไมบางท่าน ที่รักประเทศนี้มาก เช่นคุณมองต่างมุม เธอจึงปกป้องประเทศนี้อย่างมาก เวลามีคนมาบอกว่ามันไม่ดี ผมเห็นใจที่คุณมองต่างมุมโดนว่าแรงๆ แขวะแรงๆ แม้ว่าเธอจะแรงไปในการตอบโต้ในกระทู้ก่อนหน้า แต่เพราะรักมาก จึงรู้สึกเดือดร้อนแทนมาก การตอบเลยดุเดือดมากไป   ผมเองในกระทู้นั้น ยังรู้สึกไม่ดีนักต่อบางความเห็นเลย เพราะผมก็รักที่นี่ เพราะกระทู้ก่อนนี้ มันดุเดือดไป จนประเด็นหาย กลายเป็นการต่อว่าที่มีการใช้การตอบแรงๆ ไปแล้ว จึงมาตั้งกระทู้ใหม่ กระทู้นี้ เพียงแต่ต้องการเอามาเล่าสนุกๆ ว่า ในมุมมองผม หลายอย่างมันไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเมืองไทย และอยากให้ท่านๆ อื่นๆ เข้ามาเล่า มามองต่างมุมกัน เพราะความคิดเห็นที่หลากหลาย จะช่วยให้มุมมองต่างๆ ของเรากว้างขวางขึ้น ได้เห็นข้อจำกัดต่างๆ ได้เข้าใจว่าทำไมถึงแตกต่าง เข้าใจวัฒนธรรม วิธีคิดที่มาที่ไปต่างๆ มากขึ้น เช่นเรื่องที่ฉีดก้น หรือระบบก๊อกน้ำแยกร้อนเย็นไงครับ จริงๆ แล้วจะใช้คำว่ามุมไม่ดีนี่ มันก็เกินเหตุหรือรุนแรงไป เพราะมันไม่ใช่ไม่ดี แต่มันเป็นความไม่เข้าใจวัฒนธรรม วิถีชีวิตของที่นี่ของผมเอง แต่ชื่อกระทู้เด่นๆ ก็เหมือนเรียกลูกค้าครับ แห่ะๆ จริงๆ ทีแรกจะตั้งชื่อกระทู้แรงๆ กว่านี้แล้ว ให้ดึงดูด ตามเทคนิคการตลาด แต่กลัวเดี๋ยวจะโดนยำซะก่อน จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 00:31:39

ความคิดเห็นที่ 32 เอามั่งค่ะ กระทู้ที่แล้วพูดถึงอะไรที่เราคิดถึงมากที่สุดที่อังกฤษ  ตอนนี้มาแจมข้อเสียบ้างค่ะ เห็นด้วยกับที่หลายๆ ท่านได้โพสต์มาแล้วค่ะ อันนี้เป็นส่วนเพิ่มเติมของเรา 1. Health & Safety ค่ะ อันนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราก็พอจะเข้าใจนะว่าเค้าให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย แต่แหมบางอย่างมันก็ OTT เหลือเกิน ใช้วิจารณญาณเองไม่ได้หรือไง  อันโน้นก็ทำไม่ได้ อันนี้ก็ทำไม่ได้  จะทำอะไรแต่ละทีก็ Risk Assessment กันทุกขั้นตอน น่ารำคาญ 2. หิมะตกทีไรแม้กระทั่งสองสามแปะก็ปิดถนน + รถไฟหยุดวิ่ง + โรงเรียนปิดแล้ว ทำไมประเทศที่หิมะตกเป็นประจำไม่มีปัญหานี้บ้าง 3. อนามัยจัดเหลือเกิน เพราะอนามัยจัดเนี่ยคนเลยสุขภาพไม่ค่อยดีโดยเฉพาะเด็กๆ  เอาอย่างเด็กไทยมั่งก็ดี เล่นคลุกดินคลุกฝุ่น กินดินเข้าไปบ้างไม่เห็นจะเป็นไรเลย แค่นี้ก่อน เดี๋ยวถ้านึกอย่างอื่นออกแล้วจะมาโพสต์เพิ่มค่ะ จากคุณ : FawltyTowers เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 01:05:16

ความคิดเห็นที่ 33 ตอนไปอยู่มาปีกว่าไม่ค่อยมีอะไรขัดใจค่ะ ส่วนมากก็หาทางประยุกต์เล็กๆน้อยๆ แล้วทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทาง ชอบแผนที่กะชื่อถนน ถึงจะไม่ได้เป็นบล็อกๆเหมือนอเมริกาแต่ก็มีชื่อถนนกำกับมุมตึกเสมอ อยู่อังกฤษยังไม่เคยหลงทางเลย อีกอย่างคือชอบมารยาทที่เค้าจะขอบคุณตลอดเวลา นิสัยนี้ติดมาใช้ที่เมืองไทยด้วย จริงๆที่ไม่ชอบคือฝนมันตกปรอยๆได้ตลอดเวลา ไม่ได้กลัวตัวเปียกเพราะเสื้อมันกันได้นิดหน่อย แต่รองเท้ามันแฉะบ่อยแล้วแห้งยาก ต้องไปผึ่งฮีทเตอร์ตลอด (เป็นนักเรียนอยู่เลยมีรองเท้าแค่คู่เดียว ไม่ได้ช๊อปปิ้ง)  ตอนหลังต้องใส่แต่รองเท้าหนังไม่มีตะเข็บรอยต่อให้น้ำเข้า จากคุณ : Akrat เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 01:12:53

ความคิดเห็นที่ 34 ขออนุญาตคุณประกอบมาบอกคุณวัชรานนท์หน่อย ดิฉันก็เด็กบ้านนอกถึงจะอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ สมัยเด็กเชียงใหม่ไม่ได้เจริญอย่างนี้ เรื่องหัวฉีดน้ำ บ้านดิฉันที่เมืองไทยทั้งในกรุงเทพและเชียงใหม่ไม่มีค่ะ ไม่เคยใช้เลย เพราะฉนั้นในอังกฤษจะมีหรือไม่มีก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ บ้านเพื่อนๆเขามีกันก็ไม่กล้าใช้ เพราะเกิดนึกถึงตอนที่ฉีดน้ำมันกระเด็นกระดอนไปโดนสายฉีดแล้วกึ๋ย์ไม่กล้าจับ คุณประกอบดิฉันรู้สึกเฉยๆว่าอังกฤษมีอะไรบ้างที่ดีหรือไม่ดี เพราะอยู่มาจนชินจนลืมสังเกตุสิ่งดีๆหรือสิ่งที่ไม่ดีไปหมดไม่ได้สนใจเลยค่ะ และเวลากลับเมืองไทยดิฉันก็เอาเวลาไปทำงานเสียส่วนใหญ่จนลืมสังเกตุเหมือนกันว่าบ้านเรามีอะไรดีหรือไม่ดีบ้าง แต่ก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่น่ารำคาญ คือในลอนดอนนี่ดิฉันเคยโดนล้วงกระเป๋า ยิ่งไปตลาดใหญ่ๆหรือแถวแหล่งท่องเที่ยวนี่โดนหลายรอบแล้ว โชคดียังไม่เคยเสียรู้พวกนักล้วงเลยสักครั้ง ที่เมืองไทยไม่เคยโดนเลยค่ะ ดิฉันไม่ได้เข้าลอนดอนเกือบสองปีแล้ว ไม่ทราบว่าจำนวนนักล้วงยังเยอะเหมือนเดิมหรือปล่าว จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 01:26:01

ความคิดเห็นที่ 35 กระทู้ขึ้นแนะนำไปซะแล้วค่ะคุณประกอบ ดิฉันเข้าใจเจตนารมณ์ของคุณประกอบนะคะ ... และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คห*28 ของดิฉันจะไม่ทำให้กระทู้ขาดสีสรรไปค่ะ ... เนื่องจากแต่ละคนมีมุมมองต่อประเทศอังกฤษต่างกันไป จริงๆแล้วดิฉันควรจะเรียกกระทู้ของคุณประกอบว่า ... ประเทศอังกฤษมีอะไรที่แตกต่างจากมุมมองของแต่ละคนบ้าง ... ดิฉันไม่ควรเน้นย้ำคำว่าไม่ดีหลายๆครั้ง (แต่เพราะเรียกตามคุณนั่นแหละ .. เพราะคุณทำโฆษณาหัวข้อกระทู้จนติดตลาดขึ้นชาร์ทไปเรียบร้อยแล้วด้วย ...ฮ่าๆ) ดังนั้นคห*28 ของดิฉันจึงแค่เสมือนเป็นนัยบอกกล่าวมุมมองของรุ่นพี่ ให้คนรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาอยู่อาศัย เรียนหนังสือ ทำงาน ฯลฯ ได้ทรายบว่า ... เดี๋ยวอยู่ไปนานๆก็ชิน เพราะเมื่อปรับตัวปรับใจปรับสภาพอะไรๆได้เป็นที่เรียบร้อย อะไรๆในอังกฤษที่ดูยาก ดูลำบาก ก็จะดูง่ายๆสบายๆไปหมดหล่ะค่ะ  หวังว่าคุณประกอบคงไม่เคืองกันนะคะ ... และขอให้ท่านอื่นๆหาข้อสนทนาสนุกๆเกี่ยวกับมุมมองของท่านในประเทศอังกฤษมาแลกเปลี่ยนกันเพิ่มเติมด้วยค่ะ (ช่วยเรียกลูกค้าให้คุณประกอบด้วยนะเนี่ย) หลังจากพิมพ์ คห*28 เสร็จดิฉันก็ออกไปซื้อฟิชแอนด์ชิปมาทานกันทั้งครอบครัวค่ะ โอ้วว ... อร่อยมากๆนะคะคุณประกอบ ดิฉันชอบทานกับน้ำจิ้มไก่แม่ประนอมค่ะ และทานกับโคลสลอว์ ... ขอบอกว่าสูตรนี้ใช้ได้ทีเดียว มีฝรั่งหลายรายลองแล้วติดใจไปเลยค่ะ ถ้ามีโอกาสคุณประกอบลองดูนะคะ อ้อ ... มีเรื่องหนึ่งที่ไม่ชอบประเทศอังกฤษในมุมมองของดิฉันคนเดียวเลยก็คือ ... เรื่องการให้อิสระแก่เด็กวัยรุ่นมากเกินไป (ประเทศอื่นๆอาจจะมีเหมือนกัน) นี่ถ้าดิฉันเผลอๆจับพลัดจับผลูได้เป็นนาย ก คนต่อไป (ฮ่าๆๆ) ... จะออกนโยบายเคอร์ฟิวส์ไม่ให้เด็กอายุ 13-16ปี ออกบ้านหลัง 1 ทุ่ม ! ... จริงๆแล้วแถวบ้านใหม่ที่ดิฉันย้ายไปอยู่นี่พ่อแม่ไม่ค่อยปล่อยลูกๆออกจากบ้านตอนมืดๆเท่าไหร่ เห็นน้อยมาก ... แต่เด็กๆใน London นี่วัยรุ่นถูกปล่อยปละละเลยออกมาเที่ยวเล่นตอนดึกๆกันมากมายเลยทีเดียว ... ประเทศอังกฤษเป็นประเทศเดียวในยุโรปที่มีอัตราเด็กวัยรุ่นตั้งท้องอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 1 .... นี่แหละเป็นเรื่องเดียวที่ดิฉันไม่ชอบเลย ! จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 02:57:08

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณคุณรินตา....พึ่งจะรู้ว่าเป็นสาวเหนือเครือฟ้า อยากจะเรียนหลายๆ ท่านว่าคำว่า "ผู้ดีอังกฤษ"  เป็นสมายานามที่ถูกใช้เรียกคนไทยสมัยก่อนที่เรียนจบมาจากอังกฤษ   ไม่ใช่ใช้เรียกคนอังกฤษ เรื่องหัวฉีดน้ำล้างก้นนั้น   ผมคิดเหมือนกับคุณรินตาคือ   คือบอกตรงๆ ไม่กล้าจับนะ   ใครต่อใครจับไปจ่อฉีดล้างก้นมาหลายครั้งพันครั้งแล้ว   ไม่เหมือนทิชชู่   จับเช็ดเสร็จก็ยัดลงโถไม่เป็นมือสองมือสามให้คนอื่นมาใช้ตามทีหลัง หัวฉีดล้างก้น  อาจจะชำระก้นสะอาดจริง    แต่ผมหวาดเสียวช่วงที่ชำระนี่แหละ   น้ำจะกระเด็นกระดอนไปเกาะตรงไหนบ้างนี่สิน่าคิด..??    ปรกติผมจะใช้น้ำชำระทุกส่วนของร่างกายวันละสองครั้งอยู่แล้ว     ผมจึงไม่กังวลว่าการใช้ทิชชูของผมจะไม่สะอาดกว่าการใช้หัวฉีดน้ำ......ยังไงๆ ถ้าหากไม่สะอาดจริงๆ...ความไม่สะอาดก็คงจะอยู่ที่ตัวผมเพียงคนเดียว    ไม่กระเด็นกระดอนทำให้คนอื่นพลอยไม่สะอาดไปด้วย จากคุณ : วัชรานนท์ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 04:57:40

ความคิดเห็นที่ 37   อ้าว คุณประกอบ มาตั้งกระทู้อยู่นี่เอง งั้นเราขอคัดลอกข้อความที่ไปออกความเห็นไว้ที่บลอกคุณ ร่วมกันกับกระทู้นี้ด้วยนะคะ ขอแจมหน่อย ^^ 1.เห็นด้วย อันนี้นึกถึง ชายสี่หมี่เกี๊ยว ตลาดโต้รุ่งบ้านเราเลยค่ะ แต่ที่นี่คงโต้กันไม่ไหว เพราะหน้าหนาว มันหนาวจับใจ ใครๆ ก็อยากกลับไปอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ว่า แล้วอยากกินเกี๊ยวทอด ^^ 2.เห็นด้วยอีกแล้ว โดยเฉพาะ พวก เค้กครีมทั้งหลาย ครีมสด สุดยอด บางทีถูกกว่าบ้านเราด้วย ส่วน Fish and Chip นี่ ตอนแรกๆ ไม่ชอบเหมือนกันนะคะ แต่ตอนหลัง เปลี่ยนมากิน แคแบ๊บ บ้าง สาวาลอย (ใส้กรอกแดงต้ม) บ้าง ก็โอเค ไม่ทราบลองใส่ เวเนก้า ลงใน Chip บ้างเป่าคะ แก้เลี่ยนได้นะคะ 3.จริง 555 นึกว่า เราต้องรู้เรื่องตลอดเวลา บร้าเป่า 4.อือม์ จริงอีก บางทีอยากรู้ ตกลงคิดไงกับเรากันแน่ เห็นชมตลอด ไม่แน่ใจ เอ นี่ ตรูดีขนาดนี้จริงเหรอ 5.เห็น ด้วยอีกแหล่ะ แม้นว่า ไม่เคยเจอ พวกวัยรุ่น จิ๊กกรุ๋ง ก็ตามที แต่บางทีเจอสายตาประมาณว่า เอ็งอ่ะ เอเซีย เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร สวยไม่แคร์สื่ออยู่แล้ว 555 6.อันนี้พวก ลิเดิ่ล ปะคะ แต่ก็อะนะ ช่วยลดโลกร้อน ไม่รู้ ซุปเปอร์ อื่น จะร่วมวงไพบูลย์ด้วยเมื่อไร บ้านเรา ใช้ถุงพลาสติกอย่างนี้ ใส่ขยะเล็กๆในครัว ก็เป็นประโยชน์ได้อย่างนึง แต่เข้าใจว่า มันย่อยสลายยากกก มากกก 7.อันนี้จริงอีก ^^ บางทีเราก็เขิน เพราะขอเจ้าบ้านเข้าห้องน้ำ แล้ว ต้องขึ้นไปถึงชั้นบน ซึ่งถ้าเป็นคนไทย รู้สึกว่า มันเป็นที่ส่วนตัวไปแล้ว ส่วนเรื่อง ที่ฉีด xx ซื้อกลับมาจากเมืองไทยด้วยนะคะ จะเอามาติด พอเอาเข้าจริงๆ ตอนนี้ไปอยู่ไหนไม่รู้ หรือ ใครกลัวความเย็นเอาไปซ่อน 55 ตอนนี้เลย พึ่ง คุณ กระดาษชำระเหมือนเดิม 8.เออ อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ส่วนตัว ตอนนี้ ชอบล้างจานแบบ แช่ไว้ในน้ำร้อนมากเลย มันรู้สึกสะอาดสะอ้านดี 9.อือม์ ใช่ ดูเหมือนบ้านเมืองนี้ ทำอะไรต้องวางแผนไว้ ได้เปรียบ เรื่องค่ารถไฟเหมือนกัน เคยจะไปขึ้นเครื่องบินที่ฮีทโธรว์ ถ้าไปสองคน ปั๋วเมีย สามีบอกจ้างแท๊กซี่ไปถูกกว่าไปรถไฟอีก 10.โอวว รถ พุงโต นี่ประหยัดน้ำมันจริงๆ ค่ะ สำหรับ ลอนดอน อะนะ พื้นที่เป็นเหมือนทอง จะขับรถเข้า ออก เวลาเร่งด่วน ยังต้องมีบัตรใช่ปะคะ ถ้าข้อมูลไม่ผิด นับประสาอะไรกับจอดนิ่งๆ กินเนื้อที่เค้าเปล่าๆ ยากกกส์เนอะ 11.ใช่ ช่วงนี้มันไม่ยอมมืดสักที โน่นแน่ะ 4 ทุ่มยังมีแสงอาทิตย์รำไรอยู่เลย 12.อัน นี้เพื่อนจากอังกฤษไปเมืองไทย เคยบอกว่าผิดหวัง เพราะ อี คิดว่าเมืองไทยซึ่งเป็นเมืองร้อน จะเหมือน อังกฤษ หน้าร้อน คือ แสงสว่างจนถึง สี่ห้าทุ่ม 55 เลยบอกเค้าว่า พระอาทิตย์โซนเมืองไทย ทำงานค่อนข้าง รูทีน หกโมงครึ่ง ไม่เกิน ทุ่ม ก็ เลิกงานแล้ว เป็นอย่างนี้เกือบทุกวัน ทั้งปี เพิ่มอีกหน่อย เคยคิด ชม คนที่นะ ว่าเค้าก็อึด ขยัน ตื่นกันได้ตอนเช้าๆหน้าหนาว โอววว มันสุดยอดแห่งการ ขุด ออกมาจากที่นอนจริงๆ หนาวจนไม่อยากขยับตัว เคยคุยกับเพื่อนๆที่นี่ เล่นๆว่า อยู่ที่นี่อ่ะ สิ่งที่ยากที่สุดของฉันคือ การตื่นนอนหน้าหนาว เค้าถามกลับว่า อ้าว แล้วที่เมืองไทยล่ะ ตอบกลับไปว่า อ๋อ มากสุด 6 โมงเช้า ก็ต้องตื่นอัตโนมัติ เพราะแสงแดดมันเข้าตาาาาา และ ก็ นอนต่อไม่ไหวหรอก เพราะมันร้อนน พวกผู้ดีอังกฤษ หัวเราะ กัน ฮาาาา คุยกันหนุกๆนะคะ จากคุณ : อั เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 05:33:21 A:86.23.90.40 X: TicketID:136749

ความคิดเห็นที่ 38 กลับเข้ามาอ่านอีกรอบ ชอบความคิดเห็นของคุณ กุศโลบายจากความ จริง # 28 มาก ตอบโจทย์ได้ตรงเป้ามากๆ คือบางอย่างดีสำหรับเราแต่อาจจะไม่ดีสำหรับคนอื่นก็ได้ ฉนั้นจึงควรเรียนรู้ที่จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในการดำรงค์ชีวิตให้เหมาะสมกับตัวของเราเองให้มากที่สุด - ถ้าพื้นห้องน้ำปูกระเบื้อง เราก็หา floor mats สำหรับห้องน้ำมาปูบริเวณทางที่เราต้องเดิน แค่นี้ก็ช่วยให้ไม่ต้องเย็นเท้าเวลาเข้าไปทำธุระในห้องน้ำแล้ว - เรื่องที่ฉีดน้ำทำความสะอาดนี่เห็นด้วยกับ คุณวัชรานนท์ ในแง่ที่ว่าไม่รู้ว่าผ่านมือคนมามากเท่าไหร่แล้ว และก็ถ้าหัวฉีดนั้นเกิดมีเชื้อโรคติดต่อเพาะพันธุ์อยู่ที่บริเวณหัวฉีดแล้วไม่มีการทำความสะอาดที่ดีพอเวลาเราไปใช้อาจจะติดเชื้อได้ สำหรับตัวผมเองแก้ไขด้วยการฝึกตัวเองให้ทำธุระเป็นเวลา(routine) พอเสร็จธุระก็อาบน้ำเลย แค่นี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าใช้กระดาษชำระแล้วจะไม่สะอาดอีกต่อไป (ต้องเข้าใจด้วยว่าคนอังกฤษรับประทานอาหารรสชาดไม่จัดจ้านแบบคนไทยเรา ดังนั้นเวลาใช้กระดาษชำระความระคายเคืองจึงมีน้อยกว่า) - สำหรับความคิดเห็นที่ 31 ของคุณ ประกอบ นั้นผมก็คิดคล้ายกันในเรื่องของคุณ มองต่างมุม เคยเห็นบางกระทู้ในอดีตที่ชาวต่างชาติวิจารณ์วิถีชีวิต ความเป็นอยู่และขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมไทย ชาวต่างชาติเหล่านั้นจะถูกต่อว่าด่าทอต่างๆนาๆ แล้วถ้ามีใครเข้ามาแสดงความคิดเห็นแบบเดียวกับคุณ มองต่างมุม เพื่อปกป้องเกียรติภูมิของชาติไทย รับรองได้ว่าจะไม่ถูกด่าหรือแขวะแบบในกระทู้นั้น อาจจะได้คำชมและเห็นด้วยมากมาย แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าวิธีการแสดงความคิดเห็นโดยใช้ถ้อยคำรุนแรงและไม่สุภาพนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง แต่ในกระทู้ของคุณ มองต่างมุม ยังมีเนื้อหาและข้อมูลอยู่บ้าง ต่างจากกระทู้ที่เข้ามาด่าอย่างเดียวโดยไม่ได้แสดงความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ใดๆเลย แก้ไขเมื่อ 04 ก.ค. 53 07:20:53 จากคุณ : CHISWICK เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 07:19:36

ความคิดเห็นที่ 39 หลายท่านพูดถูกใจจริงๆเลย ดิฉันก็คิดว่าคุณมองต่างมุมถึงแม้จะใช้คำพูดที่แรงแต่หลายอย่างที่เธอเสียเวลาพิมพ์เสียนานสองนานกลับไม่มีใครสนใจและมองข้าม เพียงเพราะว่าเธอใช้คำพูดที่เชือดเฉือน ดิฉันกลับเข้าใจและมองเห็นว่าทุกความเห็นมีค่าทั้งนั้นแหละเพียงแต่เราต้องเลือกหยิบในสิ่งที่เป็นประโยชน์เอามาใช้หรือนำมาเป็นอาหารสมอง  และที่เธอเขียนมาหลายอย่างก็ถูกต้อง  ดีกว่าตั้งหลายคนที่เข้ามาพยักหน้า ส่ายหน้า หรือด่าเฉยๆแล้วก็ไป กลายเป็นตัวมารร้ายไปซะ ซึ่งดิฉันกลับนับถือนะว่าเธอขยันกว่าดิฉัันและคนอื่นๆมากมายที่อุตส่าห์ใจดีพิมพ์มาตั้งยาวเหยียด เสียเวลาจะตาย ถ้าถามว่าดิฉันไม่ชอบอะไรที่นี่ตอบได้เลยว่าไม่ชอบระบบการรักษาพยาบาลฟรีของที่นี่  เพราะคนส่วนมากจะคิดว่าเมื่อเสียภาษีให้รัฐแล้วก็ควรที่จะได้รับการคุ้มครองและดูแลอย่างยอดเยี่ยม รวดเร็ว ทันใจ ฟรีทุกอย่างจากเราเรียกว่าต้องคุ้มค่าทุกเพนนี  แต่มีกี่คนที่จะทราบว่าการที่ต้องดูแลคนทั้งประเทศตั้งแต่เรื่องแจกยาคุมฟรี เป็นไข้หวัด ไปจนถึงค่ายาค่าเครืองมือและอุกรณืในการรักษาและวินิจฉัยโรคต่างๆ มันต้องใช้เงินจำนวนมากมหาศาลขนาดไหน แต่งบที่เราได้มากลับน้อยเพียงนิดเดียวแทบจะไม่พอ นอกจากนั้นยังเกิดปัญหาเรื่องคนที่มาคลินิคหรือโรงพยาบาลทั้งๆที่ไม่ได้ป่วยสักหน่อย เพราะมันฟรีเป็นอะไรนิดก็หาหมอไว้ก่อน ทำให้คนไข้ที่ป่วยหนักเสียโอกาสที่จะได้รับการรักษาได้เร็วกว่าที่ควรจะเป็น เพราะคนชราที่นี่แค่ท้องเสียนิดหน่อย เป็นลมแดด หรือร่างกายขาดน้ำ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ญาติหรือคนดูแลก็เรียกรถพยาบาลแล้วก็มันฟรีไงใช้บริการไปเถอะ บางครั้งคนไข้มาจากต่างถิ่นมาเยี่ยมญาติแล้วเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาภาระหน้าที่ในการจัดหารถพยาบาลในการส่งคนไข้กลับไป จัดหาพบาบาลไปดูแลในรถระหว่างเดินทางกลับไปที่มณฑลที่คนไข้อาศัยอยู่ ค่าอาหาร  บางทริปนี่แค่ค่ารถพยาบาลอย่างเดียวก็ 500 ปอนด์แล้ว หรือมีบ่อยมากที่เมื่อถึงวันที่เรา Dicharge คนไข้แต่ญาติบอกว่าวันนั้นไม่ว่าง มีธุระ หรือจะไป Holiday ไม่สามารถมารับหรือไม่สะดวกที่จะรับผู้ป่วยเราก็ส่งกลับไม่ได้ต้องรอไปอีกสองหรือสามอาทิตย์จนกว่าญาติจะสะดวก   ค่าใช้จ่ายตรงส่วนนั้นมันสมควรแล้วหรือ เรียกว่าฉี่ไม่ได้ อึไม่ออก ลูกไม่รัก ญาติไม่แล รัฐบาลต้องรับไปดูแลแทนเกือบจะทุกเรื่องตั้งแต่หาบ้านให้อยู่ ส่งคนไปดูแล จัดคนไปทำความสะอาดในกรณีที่บ้านไม่สะอาดหรือไม่ปลอดภัยพอที่จะให้สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ ถ้ามีเงินเก็บก็จะโดนหักมาเป็นค่าใช้จ่ายแต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรรัฐออกให้ ระบบแบบนี้นะคนที่เห็นแก่ตัวและเห็นแก่ได้ก็จะหาช่องทางเบียดเบียนจนคุ้ม  อะไรไม่ได้อย่างใจก็วีนก็อ้างว่าเสียภาษีโธ่อยากให้ไปเกิดในประเทศอินเดียหรืออัฟริกาจังเลย  จะได้รู้ว่าถ้าเกิดมาจนแล้วละก็ชีวิตของท่านนี่แทบจะไร้ค่าไม่ต่างจากสุนัขจรจัดตัวนึงเลยทีเดียว จากคุณ : Gisele เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 10:18:00

ความคิดเห็นที่ 40 วันนี้ได้กลับมาอ่านนานๆอีกซักที ขอแชร์บ้างนะคะ เห็นด้วยกับคุณแม่นางมณีจันทร์ ถ้ามีที่สายฉีดชำระ น้ำคงเย็นมาก (น้ำที่นี่ไม่เหมือนที่เมืองไทย โดนน้ำเย็นนานมากมือเปื่อยง่าย ถ้าเปิดน้ำร้อนผสมให้อุ่นมือก็ลอกง่าย ไม่เหมือนบ้านเราที่น้ำอุณหภูมิปกติ) คุณครูเคยให้เขียนว่าอยากให้ทื่อังกฤษมีอะไรเพิ่มบ้าง เคยเสนอสายชำระไป เพื่อนทั้งคลาสหัวเราะเลยค่ะ เค้าไม่เคยเห็นกัน สงสัยกันใหญ่เมืองไทยใช้แบบนี้หรอ แล้วมีเพื่อนคนหนึ่งเคยไปญี่ปุ่นบอกว่ามันไม่แปลกนะ ที่ญี่ปุ่นก็มีจากชักโครกอัตโนมัติเลย จริงๆสายฉีดชำระมีแค่ที่บ้านก็น่าใช้ เพราะยังทำความสะอาดได้ ถ้าตามสาธารณะ ประเทศไทยก็เถอะ ตรงหัวมันสกปรก เหลืองอ๋อย เชื้อโรคแบบนี้ไม่กล้าใช้แน่นอน ใครที่ติดสายฉีด หลังเข้าก็อาบน้ำต่อเลยหรือล้างเฉพาะส่วนง่ายดี แต่จะสะดวกสำหรับบ้านที่มีชักโครกในห้องอาบน้ำ คนที่นี่ชอบห้องน้ำพื้นแห้งมากๆ Host เคยสอนสระผม ให้นั่งคุกเข่ากับอ่าง แล้วก้มหัว ค่อยๆสระ เค้าบอกวิธีนี้น้ำจะไม่กระเด็น ก็แน่สิคะ แต่ให้เราทำแบบนั้นคงไม่ไหว น้ำคงเข้าตาหูจมูกปาก ทั้งเราและเมทก็ไม่มีใครทำตาม อิอิ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ห้องน้ำเค้าเปียกน้า ส่วนเรื่องห้องน้ำในบ้านที่มีน้อย อันนี้เรื่องจริงค่ะ เวลาหาเช่าบ้านแถวมหาลัย ขนาดตั้งสี่ห้าห้องนอนยังมีห้องน้ำห้องเดียว บ้านบางหลังดีหน่อย มีห้องชักโครกเพิ่มให้อีกห้อง แต่มีห้องอาบน้ำที่มีชักโครกในตัวห้องเดียวอยู่ดี คุณครูเล่าให้ฟังว่า คนอังกฤษจะรักตึกเก่าๆ รักบ้านเก่าๆ ไม่ค่อยทุบทิ้งสร้างใหม่เหมือนบ้านเรา ตัวหลักของบ้านก็คงสภาพอย่างนั้น กำแพงบาง บางทีพูดอะไรชั้นล่าง ได้ยินถึงชั้นบน ให้สังเกตจากบ้านที่มีอายุเกิน 50 ปีนะคะ เมื่อก่อนห้องน้ำจะอยู่หลังสวนนอกบ้าน ปัจจุบันตรงนั้นกลายเป็นห้องเก็บของเล็กๆ แล้วชั้นล่างของบ้านถ้าสังเกตดีๆ จะมีห้องหนึ่งที่เย็นจัด (ตอนนี้มักแปลงมาเป็นห้องเก็บของหรือห้องซักผ้า) ห้องนั้นไว้เก็บผัก ผลไม้ หรือ เนื้อ เพราะสมัยก่อนยังไม่มีตู้เย็น เรื่องร้านค้าปิดเร็วก็ไม่ค่อยชอบเท่าไร แต่ก็ปรับตัวได้ ทำให้ประหยัดตังค์ไปในตัว สำหรับ tesco บางสาขาก็เปิด 24 ชั่วโมง ^^  (ยกเว้นวันอาทิตย์) เรื่องอาหารไม่ถูกปากนี่จริงค่ะ เพราะเพื่อนๆ ต่างชาติหลายคนเลือกกลับหอไปทำอาหารกลางวัน หรือ ทำใส่กล่องมาทาน แต่ของเรากินได้หมด เค้าเลยชอบถามว่ายูกินแซนวิช, wrap ไม่เบื่อหรอ ก็ชินแล้วอ่ะค่ะ ข้าวเย็นก็กลับไปทำตามใจฉันได้อยู่ดี ถ้าไปเมืองท่า พวก fish and chips อร่อยสุโค่ยยยค่ะ ขอบอก แต่เรื่องขนมหวานที่บอกว่าอร่อยกว่าเมืองไทยนี่ขอไม่เห็นด้วยได้มั้ยคะ เพราะเบ็บตัวทานขนมเลย เรื่องกินเรื่องใหญ่ ><~ ถ้าไม่นับสโคนแล้ว ขนมหวานที่อังกฤษไม่ได้เรื่องเลยค่ะ ไม่ได้เหมารวมทั้งหมดนะคะ ขนมที่อร่อยจะเป็นของฝรั่งเศสมากกว่า เค้กร้าน patisserie valerie ที่ว่าอร่อย เบ็บว่าเมืองไทยอร่อยกว่านะ แล้วเค้กที่วางขายตามซูปเปอร์มาเก๊ตจะแข๊งแข็ง หลังจากซื้อ HBD เพื่อนครั้งแรก ไม่ซื้ออีกเลย แนะนำเปิดดูเว็บนี้ ยิ่งอยากกลับไปทานขนมที่เมืองไทยเลยค่ะ http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/03/D9002492/D9002492.html คนที่นี่เหมือนจะเชื่อในสิ่งที่เราพูด และเห็นใจ ค่อนข้างชัดเจน เหมือนเวลาเราเศร้าก็เศร้าไปด้วย ซึ่งไม่รู้เค้าแสดงออกมาจากใจจริงรึเปล่า เพื่อนหลายคนก็เจอแบบนั้น เวลาคุยอะไรกับ Host family หรือคุณครู จะตีสีหน้าเศร้าไปกับเราด้วย ถ้าเป็นที่เมืองไทยอาจารย์จะรับฟังหน้านิ่งมาก พอพูดเรื่องนี้แล้วนึกถืงเรื่องหนึ่งขึ้นมา มีวิชาหนึ่งครูถามเลยว่า ใครมาจากประเทศไทย แล้วเค้าก็บอกว่าเมืองไทยได้ชื่อว่าเป็น "สยามเมืองยิ้ม" แต่อย่าได้ไว้ใจเชียว เค้าเคยทำงานในไทยมานาน เล่าว่า คนไทยน่ะ บางทียิ้มแต่เราดูไม่ออกหรอกว่าเค้าคิดยังไง แม้แต่คนไทยก็ยังดูกันไม่ออก(อันนี้จริง) ลับหลังนินทาเป็นว่าเล่น  เด็กจีนกับอินเดียก็ยกมือขึ้น ชั้นว่ามันปรกตินะ ทุกประเทศมีนินทาหมด แล้วครูก็บอกว่า เชื่อชั้นสิ ชั้นทำงานมาหลายประเทศ จีน อินเดีย ก็สู้ไทยไม่ได้หรอก ถ้าสังเกตดีดี ชาติอื่นปากยิ้มแต่ตานิ่ง  แต่คนไทยยิ้มไปหมดทั้งหน้า แบบว่าfake เก่งอย่างนั้น จบคลาสเพื่อนมาแซวกันใหญ่ อย่างนี้ชั้นเชื่อในรอยยิ้มของเบ็บได้มั้ย ฮ่าๆๆๆ ควรดีใจหรือเสียใจเนี่ย เรื่องที่ไม่ชอบ เท่าที่พอนึกออก -ถุงพลาสติกที่นี่ชอบเจาะรู เราก็อยากนำมาเป็นถุงขยะ ใส่ไปเดี๋ยวก็รั่ว ต้องซ้อนสองชั้น เปลืองอีก ครูบอกว่าที่เค้าเจาะรู เพราะ มีกฎหมายกันเด็กเอามาเล่นปิดจมูก แล้วขาดอากาศหายใจ อืมนะ!! ก็ไม่เถียงค่ะ แต่ผู้ปกครองก็น่าจะดูแลบุตรของท่านได้ส่วนหนึ่ง -คนที่นี่ไม่ชอบถอดรองเท้า ขอนี้เบ็บเฉยๆ แต่เรื่องที่ไม่ชอบเลยคือเวลาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดห้องนอน ห้องน้ำจะมีพรมเช็ดเท้าซึ่งเบ็บจะเหยียบด้วยเท้าเปล่าตลอดและไว้ซับเท้าหลังอาบน้ำ ตอนแรกไม่เคยอยู่ห้องตอนเค้ามาทำความสะอาด วันหนึ่งเห็นเค้าใส่รองเท้าเหยียบพรมเรา รองเท้าเหยียบอะไรต่ออะไรก็ไม่รู้ ขี้เป็ดก็เยอะ เลยไม่ชอบ ตอนหลังก็แค่ย้ายพรมไปไว้อีกที่ก่อนเค้ามาทำความสะอาด ก็ไม่ได้เดือดร้อนต่อไป -tube สกปรกมาก นั่งไม่ว่าจะแป๊บเดียวหรือนาน จะมีฝุ่นดำๆเข้าไปรูจมูก แล้วถ้านั่งนานๆทั้งวัน คอจะแห้งเร็วมากค่ะ แต่ก็หลีกเลี่ยงโดยปิดจมูกแทน หรือนั่ง bus, taxi แทนบางที -ไม่ชอบระบบโรงหนัง ที่ไม่มีการจอง ถ้าอยากได้ที่ดีๆก็ต้องไปยืนรอเฉยๆก่อนหนังฉายตั้ง 15-30 นาที  เรื่องนี้ไม่เท่าไร แต่ที่ไม่ชอบเลย คือ พวกที่เข้าไปก่อน ชอบเอาเท้าขึ้นมาพาดที่วางศีรษะของที่นั่งข้างหน้า ลองเป็นคุณถ้าไม่มีที่นั่งเลย แล้วต้องไปนั่งตรงนั้นจะรู้สึกอย่างไร เค้าแค่ยกเท้าออกให้แต่คุณต้องไปนั่ง เอาหัวไปพิงในรอยเท้าของเค้าทั้งเรื่อง -_-" พอพิมพ์ไปมานึกไม่ออกว่าไม่ชอบอะไรอีกบ้าง เพราะส่วนใหญ่ใช้ชีวิตที่นี่ก็มีความสุขดี เจอเรื่องไหนที่ไม่ชอบก็พยายามหลีกเลี่ยงหรือหาทางเตรียมตัวรับมือ แล้วก็หัดที่จะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์บ้าง จะได้มีความสุขกับสถานการณ์ตรงนั้น ขอเขียนเรื่องเรียนบ้างนะคะ อันนี้ไม่รู้เป็นข้อดีหรือข้อเสียดี ^^ ที่นี่ไว้ใจนักเรียนมาก เข้าห้องสอบแทบไม่เคยตรวจเครื่องคิดเลขเลย ลองเป็นที่เมืองไทยสิคะ ทั้งเช็คกด reset อาจารย์บางคนเข้าปุ่มหน้าบันทึกสูตร delete ทิ้งหมดเลย แม้แต่ Dict ที่ให้นำเข้าได้ก็แทบไม่เช็ค แต่ถ้าแจ๊คพอตมาแย่เลย คนจีนคลาสเพื่อนเคยโดนหลายคนแอบเขียนใส่ลงใน Dict โดนปรับตกหมดเลยค่ะ ร้านถ่ายเอกสารจะไม่รับถ่ายทั้งเล่มเพราะถือว่าผิดกฎลิขสิทธิ์หนังสือ จะสามารถถ่ายได้เฉพาะหน้าหรือบทเท่านั้น ถ้าเราอยากถ่ายทั้งเล่มก็ต้องมายืนถ่ายเอง ข้อนี้ชอบ ก่อนหมดเวลาสอบ 15 นาที ห้ามนักเรียนออกจากห้องสอบ ถ้าจะออกให้ออกก่อนหน้านี้  เพราะเวลา 15 นาทีสุดท้าย เหมือนเวลาสำคัญก่อนส่งที่หลายคนต้องการสมาธิ ฉะนั้นขอให้ทุกคนอยู่ในความเงียบสงบ ไม่เหมือนบ้านเรา ช่วงนี้เป็นช่วงโบนัส บางทีเพื่อนที่สอบเสร็จชอบตะโกนบอกใบ้คำตอบให้ได้ยิน แค่นี้ก่อนแล้วกันไว้คิดออกจะมาเขียนต่อนะคะ จากคุณ : [[babeberry]] เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 10:19:31

ความคิดเห็นที่ 41 แอบผ่านมา เลยมา join นะค่ะ ไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่องถุงพาสติกเท่าไรนะค่ะ ที่บอกว่าาข้อนี้เป็นข้อด้อยของอังกฤษ เพราะว่าที่เขาทำแบบนั้นก็เหมือนการสร้างนิสัยรักวินัยให้เราได้เหมือนกัน ให้เรารู้จักคิดถึงโลกส่้วนรวม แถมด้วยยังช่วยรักษ์โลกร้อน คนเรามันอยู่ด้วยกันอีกหลายปีนะค่ะ ช่วยกันถือถุงมาคนละนิดคนละน้อย ก็ไม่เป็นไรหรอกคะ ดีกว่า มีขยะพลาสติกเกลื่อนเมือง อย่าิคิดว่ามันแค่นิดเดียวคะ เพราะว่า ถ้าเราลองช่วยกันคนละน้อย หลายคนก็ได้เยอะเช่นกัน ( อาจจะไม่ได่้ช่วยอะไรมากเพราะว่าไม่เคยไปอยู่อังกฤษเสียด้วย ผ่านมาอ่านเอาประดับความรู้ไว้ แต่อ่านมาแล้วมันตะหงิดๆ เรื่องนี้นิดหน่อย เลยอยากแสดงความคิดเห็นนะค่ะ ) จากคุณ : phittyeve เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 11:55:59

ความคิดเห็นที่ 42   คุณ ประกอบ // เรื่อง GPS นี่เชื่อมากไม่ได้อย่างที่คุณว่า ตอนเราซื้อมาใหม่ๆ เคยลองของ ตั้งค่าให้ไปในที่ๆเราก็รู้ว่าจะต้องเดินทางไปยังไง ปรากฏพาเราไปอ้อมซะงั้น..ครั้งต่อไป พกทั้ง GPS ทั้งแผนที่ไว้ในรถด้วย เชื่อสมองกลมากไปก็ไม่ได้อ่ะค่ะ คุณ Le GlobeTrotter en Afrique // เรื่อง You are a star นี่ขำๆ เราไปติดต่อวิทยาลัยแถวบ้านเพื่อนัดเจอกับอาจารย์ พอคุยกันเสร็จคนที่รับนัดบอก You are a star เราตอบว่า No, I am not 5555 เธอยังยืนว่า Yes, you are เราก็ยืนยันอีกว่า No No ขำ อะไรกัน แค่นี้ก็เป็น Star แล้ว 555 คุณ FawltyTowers // เรื่อง Health and Safety นี่เพิ่งมีข้อสังเกตุเกิดขึ้นเมื่อวาน ไปหย่อนใจคลายร้อนกับสามีแถวๆบ้านปรากฏไปเจอป้าย Road Sign ที่เพิ่งเอาปักใหม่ๆเตือนผู้คนว่า Ford แล้วก็ป้ายห้ามขับรถผ่านเพราะถนนตรงนั้นมันมีลำธารขนาดกลางๆ ไม่เล็ก แล้วก็ ไม่ใหญ่ ไหลผ่าน สามีบ่นอุบ หงุดหงิด เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเสียงบประมาณ ใครขับผ่านก็ xx แล้ว เราก็เออ บางทีก็นะ มันมากเกินไปจริงๆ คุณ [[babeberry]] เจอคำถามเดียวกันเกี่ยวกับ สยามเมืองยิ้ม เราตอบไปว่า อ่อ อันนั้นเป็นแบรนด์ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อโปรโมทการท่องเที่ยว แล้วมันเป็นอะไรที่ได้ผล ใครๆ ก็จำว่าไทยเราเป็น สยามเมืองยิ้ม แต่จริงๆ คนไทยก็คนธรรมดานี่แหล่ะนะปนๆกันไป ฮาาาาาาา ขอกล่าวถึงคุณมองต่างมุมนึดนึงนะคะ เราเข้าใจเธอนะถึงแม้ไม่เห็นด้วยในแง่ของการใช้ถ้อยคำรุนแรง แต่อีกนัยหนึ่งนิยมชมชอบเธอในใจนะคะ ว่าเธอขยันพิมพ์ แล้วก็หาข้อมูลมาสนับสนุน ความรู้สึกหนึ่งคือ เธอมีสำนึกรักประเทศอังกฤษมาก แต่เราไม่คิดว่า เธอจะไม่รักเมืองไทยนะ โดยส่วนตัวเราไม่เห็นด้วยกับการเอาชนะคะค้านกันในเวปบอร์ด ว่า สิ่งที่ฉันพูดมาต้องดีต้องถูก ชีวิตจริงตรงหน้านี่ก็มีเรื่องให้คิดเยอะอยู่แล้ว แล้วก็ไม่อยากก้าวก่าย ความคิดของใคร แต่ในกระทู้ของคุณ Mr. A เนี่ยรู้สึกว่าถ้าใครมาแย้ง หรือ ชี้แจง ข้อเท็จจริง จะดูเหมือนจะกลายเป็นเข้าข้าง ประเทศอังกฤษแบบไม่ลืมหูลืมตาไปเลย ซึ่ง อันที่จริงเรามันก็ไม่ใช่ทั้งหมดนะ ทำให้เราเข้าใจว่า บางท่านรู้สึกอ่อนล้า นิ่งเสียดีกว่า แต่คุณมองต่างมุมเธอไม่..อันนี้นับถือในความกล้าของคุณมองต่างมุม และก็ คุณ Mr.A ด้วยนะ คุยกันสนุกๆดีกว่านะคะ อย่าไปซีเรียสเลย ทุกอย่างในโลก มันก็มีดีมีเสีย อย่างที่คุณบีพีกล่าวในกระทู้เดิม อันนี้เป็นสัจจะธรรม จากคุณ : อยู่อังกฤษ เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 16:55:33 A:86.23.90.40 X: TicketID:136749

ความคิดเห็นที่ 43 คห*39 Gisele เขียนได้ถูกต้องเรื่องคนอังกฤษส่วนมากจะฝากความหวังไว้กับการช่วยเหลือจากรัฐบาลมากไปหน่อย คุณ Gisele  เขียนถึงเรื่องการรักษาพยาบาลฟรี ฯลฯ แต่สำหรับดิฉันนั้นคิดว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเดียว มันยังมีอีกหลายเรื่องมากที่เมื่อเข้ามาเกี่ยวข้องกับระบบภาษีต่างๆ ... คนอังกฤษส่วนมากที่ชอบฝากความหวังไว้กับรัฐบาลก็จะเรียกร้องโน่นนี่จนบางครั้งกลายเป็นดูน่าสมเพชไป ... จึงดูเหมือนว่าคนอังกฤษบางกลุ่มไม่ค่อยสู้ชีวิต หวังพึ่งแต่สวัสดิการรัฐ และสู้คนที่เขาไม่มีกินไม่มีใช้ในประเทศอื่นๆไม่ได้เลย ... ซึ่งเข้าตำราคนไทยว่า '' ยังไม่รวยอยู่อย่างรวยจะไม่รวย ยังไม่จนอยู่อย่างจนจะไม่มีวันจน ! '' ... ซึ่งขณะนี้รัฐบาลใหม่กำลังพยายามปฏิรูปประเทศให้เป็นแบบนี้อยู่ เพราะคนอังกฤษชอบคิดว่าการที่เขามีกินอยู่สุขสบายมาโดยตลอดนั้นมันเป็นสิ่งที่จะลดทอนไม่ได้ ... ตอนนี้มันต้องลดให้ได้ เพราะหากคนอังกฤษยังคิดว่าตัวเองรวยอยู่ โดยไม่ลดทอนค่าใช้จ่ายอื่นๆต่างๆลง รวมทั้งยังคอมเพลนหากหากรัฐจะตัดสวัสดิการอื่นๆเพื่อลดค่าใช้จ่าย  ... ดิฉันก็ถือว่านี่คือสิ่งไม่ดีที่คนอังกฤษควรปรับปรุงความคิดเป็นอย่างมาก ... เพราะตอนนี้ประเทศอังกฤษ คนอังกฤษ ถือเป็นกลุ่มคนจนกลุ่มหนึ่งในโลกทีเดียว เพราะมีหนี้สินมากมายหลายหมื่นล้าน ... เพียงแต่คนอังกฤาเองไม่เคยรู้สึกว่าเขาจนลง นี่คืออีกหนึ่งข้อไม่ดีซึ่งเป็นความจริง ณ ปัจจุบันของประเทศอังกฤษในขณะนี้ เพราะในประเทศอังกฤษนั้นแน่นอนมีมุมมืดที่แม้แต่คนอังกฤษเอง ไม่สามารถเข้าถึงและรวมทั้งไม่ชอบประเทศตัวเองก็มีเยอะมาก เนื่องจากการวางระบบของรัฐบาลแต่ละสมัยต่างกัน ทำให้มันส่งผลไปถึงประชาชนที่อยู่อาศัยโดยตรง (ซึ่งผลกระทบนั้นจะไม่ใช่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเห็นข้อแตกต่าง/ความไม่ดีเพียงชั่วครั้งชั่วคราว) จึงทำให้มีมุมมองด้านลึกลงไปที่เกี่ยวกับประเทศอังกฤษเช่น เรื่อง สวัสดิการทางสังคม ตัวเลขของกลุ่มคนตกงาน จำนวนอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น หรือแม้แต่การรับผลประโยชน์และการคุ้มครองจากรัฐบาลอังกฤษ ... หรือ อื่นๆ อีกมากมายที่ไม่สามารถยกมาอ้างอิงทั้งหมดได้ ... เพราะนั่นคือส่วนที่อาจจะส่งผลไม่ดีจริงๆต่อกลุ่มผู้อยู่อาศัยในระยะยาว เป็นต้น และนี่คือส่วนหนึ่งที่อาจจะแตกต่างจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเืทศโลกที่ 3 อื่นๆ ที่มีการกินอยู่แบบปากกัดตีนถีบต่อสู้ชีวิตกันอย่างจริงจังเพื่อความอยู่รอดมาตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งเดี๋ยวนี้คนอังกฤษเองก็เกือบๆจะเข้าข่ายปากกัดตีนถีบไม่แพ้ชนชาติอื่นๆเหมือนกัน เมื่อระบบเศรษฐกิจและสังคมเริ่มล้มเหลว มีหนี้สินรุ้มเร้ามากมายจากผลของความไม่ดีที่คนอังกฤษใช้เงินเกินตัวและคิดว่าประเทศตัวเองนั้นมั่นคงทางเศรษฐกิจที่สุดประเทศหนึ่งในยุโรป คนในประเทศจึงต้องประหยัดมากถึงมากที่สุด จนอาจจะต้องกลับไปสู่ยุคที่คนอังกฤษต้องปลูกผักเลี้ยงสัตว์เย็บผ้ากันเองในเร็วๆนี้แล้ว ... ดังนั้นคาดว่าคนอังกฤษคงจะต้องเสียสละความสุขสบายที่เคยมีเคยได้ลงบ้าง และรู้จักหัดทำ หัดกิน หัดอยู่แบบลำบากๆ (มากขึ้นกว่าเดิม) เสียบ้าง เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นตกระกำลำบากกันทั้งประเทศเป็นแน่ และคราวนี้ความไม่ดีของแท้จะมาเยือนกันหล่ะ .. อุ๊บส์ พิมพ์ไปพิมพ์มาจะออกเป็นแนวเศรษฐกิจและการเมืองไปซะแล้ว ขอจบดื้อแค่นี้แล้วกันค่ะ ... จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 18:49:53

ความคิดเห็นที่ 44 มาเก็บข้อมูลค่ะ จากคุณ : The Best of Me เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 00:01:54

ความคิดเห็นที่ 45 มาอยู่ที่นี่ จะสามปีแล้ว สรุปว่าตัดสินใจผิดครับ เพราะผมแถบจะไม่ได้เจออะัไรดีๆ เหมือนคนไทยคนอื่นเขาเจอเลย หรือเป็นเพราะผมไม่ได้เข้าสมาคมกับคนไทยหว่า แต่ด้วยหน้าที่ ด้วยความจำเป็นต้องมา ผมจำเป็นต้องอยู่จนจบละครับ พยายามทำตัวไม่ให้สบายมาก จะได้รู้สึกว่าต้องรีบทำงานให้เสร็จ ให้จบแล้วรีบกลับเมืองไทย จะแต่งงานหรืออะไรก็ว่าไปครับ กั่กๆๆๆ จากคุณ : พัฒน์ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 03:39:32

ความคิดเห็นที่ 46 ชอบ...ตอนนั่งรถไฟไปทำงาน.... ชอบตอนลุ้นดูเวลาที่ Board ณ Waterloo  Station ว่าขบวนรถที่จะไปนั้น เวลาที่ออกจะเป็นกี่โมง แล้วชั้นจะไปทำงานทันม๊ย  ฮี่  ฮี่... ไปสาย  นายไม่ด่า  แต่มองหน้า  แล้วยิ้มนิดๆ ชอบ...ตอนเดินผ่าน Pub มองชาวบ้านเค้าจิบเบียร์กัน  แล้วช้านไม่มีตังค์ ได้อารมณ์สุดๆเลยค่า อ้าว  นี่มันเป็นกระทู้ที่ไม่ชอบนี่นา  กำ... เดี๋ยวออกไปข้างนอกก่อนค่า  ขอเวลาไปนึกสิ่งที่ไม่ชอบ แล้วจะกลับมา join ด้วยคน แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 13:29:11 จากคุณ : จันทร์สิริ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 13:27:52

ความคิดเห็นที่ 47   Sorry !! Can I give you some information of K.มองต่างมุม "ถ้าอยากจะมาแชร์ค.ห.กับจขกท.แต่กลัวคนอื่นมาแย้ง กลัวโดนยำ ก็ขออีเมลล์ไปติดต่อคุยกันสองคนก็เเล้วกัน ริจะมาตั้ง กระทู้ในบอร์ดสาธารณะ จะให้คนเข้ามาอวย มาเห็นด้วยอย่างเดียวกับเรื่องที่จขกท.เอามาเล่า มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะคุณ เปิดใจให้กว้าง" Jai khow Jai row ka จากคุณ : UK เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 00:51:30 A:155.246.3.228 X: TicketID:275977