ความคิดเห็นที่ 1 กลับมาต่อครับ เมื่อ กระทู้ที่ท่านเขียนลงห้องไกลบ้านแล้ว แน่นอนครับ "ท่านผู้เขียนกระทู้มีลิขสิทธิ์ในกระทู้ที่ท่านเขียน" เออ.... แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า "เรามีลิขสิทธิ์ในกระทู้นั้น" ? ลิขสิทธิ์ของเราต้องเผยแพร่ก่อนหรือเปล่า ? อย่างไร ? อันนี้มีคำตอบครับ คำตอบคือ ลิขสิทธิ์ในกระทู้ที่ท่านเขียนลงห้องไกลบ้านนั้นเกิดขึ้นทันที เมื่อมีการเขียนขึ้น หรือจะว่ากันตามภาษากฏหมายที่แสน งง คือ ลิขสิทธิ์เกิดขึ้นทันทีที่มีการสร้างสรรค์งานขึ้นนั่นเอง กระทู้ของท่านมีลิขสิทธิ์แล้วครับ ในเชิงเปรียบเทียบ การกำเนิดลิขสิทธิ์ กฎหมายเช็กเขียนไว้ชัดเจน ในมาตรา ๙ (๑) พรบ.ลิขสิทธิเช็ก Zakon c. 121 /2000  autorsky zakon เลยว่า " ลิขสิทธิ์เกิดขึ้นทันที ที่งานนั้นกำเนิดขึ้นมาอย่างชี้ให้เห็นโดยเป็นรูปธรรม" ครับ ดังนั้น กระทู้ที่เขียนลงห้องไกลบ้านจะได้รับการคุ้มครองทันทีโดยอัตโนมัติ เมื่อท่านสมาชิกเขียนงานนั้นขึ้นมา มันเป็นสิทธิของผู้เขียนโดยทันทีโดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน การจดทะเบียนอาจเป็นเพี่ยงแค่การเก็บข้อมูล ที่กรมการเจ้าหน้าที่จะเก็บไว้เป็นหลักฐาน แล้วก็ออกใบรับรองลิขสิทธิ์ ที่อาจจะนำไปทำประโยชน์ธุรกิจอย่างอื่นเช่น เอาไป เป็นหลักทรัพย์ เป็นต้นเท่านั้น ขอย้าว่า สิทธิในงานเขียนของเจ้าของกระทู้เกิดขึ้นแล้วโดยอัตโนมัติ และได้รับการคุุ้มครอง ทันที โดยอัตโนมัติ เช่นกัน เมื่อเจ้าของกระทู้มีสิทธิในงานเขียนกระทู้ของตนแล้ว ผู้เขียนกระทู้จึงมีสิทธิ เผยแพร่ต่อสารธารณชน เช่น ในพันทิป ที่เป็นการเผยแพร่ทางอินเตอร์เนต เป็นต้น เช่นกัน สิทธินี้ ผู้เขียนกระทู้แต่เพียงผู้เดียวที่มีสิทธิที่จะอนุญาตให้นำไปใช้ได้ ดังนั้นการนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ เดี๋ยวมาต่อ ว่างๆคุยกัน ครับ จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 00:48:28

ความคิดเห็นที่ 2 ในพันทิป เอง อาจจะได้ยินคำว่า "เครดิต จาก....." อยู่บ่อยๆ หรือ การเขียนอะไรขึ้นมา ก็มีการอ้างอิง เสมอ บ้างก็ว่า เป็นมารยาทบ้าง บ้างก็ว่า เพื่อให้เกียรติผู้เขียนบ้าง แต่ในความคิดของผมแล้ว มนุษย์มันร้อยพ่อพันแม่ มากคนก็มากบรรทัดฐาน ดังนั้นในสังคมที่เจริญแล้วจึงต้องประดิษฐ์ "บรรทัดฐานกลาง"ขึ้นมา ซึ่งมันก็คือ กฏหมาย ครับ ว่ากันตามกฏหมายและหลักนิติรัฐมันชัดเจนที่สุดครับ เมื่อการเขียนกระทู้ลงห้องไกลบ้านของท่านเกิดลิขสิทธิ์ขึ้นมา ท่านเจ้าของกระทู้แต่เพียงผู้เดียว จึงมีสิทธิ์ใช้ หรือ อนุญาตให้คนอื่นนำไปใช้ จริงอยู่ การเขียนกระทู้ของท่าน เป็นสิ่งเขียน อันเป็นวรรณกรรมสร้างสรรค์ที่ท่านสร้างสรรค์ขึ้น แต่งานอันมีลิขสิทธินั้น "ต้องสิ่งเขียนที่สร้างสรรค์ขึ้นจากความคิดท่านเอง หากท่านผู้เขียนกระทู้ไปลอกสิ่งเขียนชาวบ้านเขามาเขียนลงกระทู้ตัวเอง ถือได้ว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธิ ครับ" การละเมิดลิขสิทธิ์ มาตรา 27 การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 (5) ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้ (1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง (2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน แล้วเขียนกระทู้อย่างไรไม่ให้ละเมิดลิขสิทธิ ? ก็อย่างที่ผมนำความบอกไว้ง่ายๆล่ะ ครับ นั่นคือ "การให้เครดิต" ครับ เช่น กระทู้ที่ตั้งนี้ นำข้อมูลมาจาก โบรชัวร์เอกสารของการบิน " ชปาทน่าปานนี" เป็นต้น อ้างแค่นี้ สายการบินชปาทน่าปานี ก็มาฟ้องฐานละเมิดลิขสิทธิ์สิ่งเขียนอันคือโบรชัวร์ของตนไม่ได้แล้ว เพราะ มาตรา 33 การกล่าว คัด ลอก เลียน หรืออ้างอิงงานบางตอนตามสมควรจากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้ปฏิบัติตามมาตรา 32 วรรคหนึ่ง ( วิจัยหรือศึกษางานนั้น อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร) เหตุผล การเขียนกระทู้จริงอยู่ แม้คนเขียนจะเจตนาดี และ ไม่ได้หากำไร แต่ก็ต้องคำนึงด้วยว่า สิ่งที่ตัวเองเขียนมานั้น เป็นสิ่งที่ตัวเองคิดขึ้นมาทั้งหมดหรือเปล่า ? หากใช่ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าหาก "ไม่" ก็ต้อง มีการอ้างอิงถึงแหล่งที่มา ด้วย จึงจะไม่โดนข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ ครับ ส่วน หาก มีการกล่าวอ้าง เช่น เป็นเอกสารเก่าไม่รู้ใครทำ ผมคิดว่า ก็ต้องมีการอ้างอิงให้เหมาะสม เพราะ แน่นอนเอกสารนี้ ผู้เขียนกระทู้ไม่ได้คิดขึ้นเองแน่นอน  (เพราะบางเอกสารเป็นเอกสารที่ผู้จัดทำมีความรู้ในเชิงเทคนิคอาชีพนั้นๆ ขั้นสูง หากไม่เรียนไม่มีทางรู้ เช่น อวกาศยาน เป็นต้น ) ดังนั้น ควรมีการอ้างอิงที่เหมาะสม หรือ ไม่ก็ "ไม่ควรอ้างอิงเลย" เพราะตามหลักวิชาการวรรณกรรมแล้ว ข้อมูลที่ปราศจากแหล่งที่มา มันใช้อ้างอิงไม่ได้ เพราะ มันมีปัญหาน่าเชื่อถือในตัวเอกสารนั้นๆ และลุกลามไปยังความน่าเชื่อถือของผู้เขียนกระทู้อีกต่างหาก เดี๋ยวมาต่อ ว่างๆคุยกัน ครับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 01:37:34 จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 01:23:53

ความคิดเห็นที่ 3 ว่างๆกลับมาตามอ่านกระทู้พี่กมลค่ะ :D จากคุณ : LittleCancer เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 01:34:57

ความคิดเห็นที่ 4 กลับมาต่อครับ ปัญหาเรื่องลอกงานชาวบ้านมาลง เป็นปัญหาที่คนในโลกค่อนข้างจะตื่นเต้นกับมันพอสมควร แต่เมืองไทย อาจจะมีแนวคิดที่สวนทางออกไป เช่น คิดว่า แชร์ข้อมูลบ้าง ขอข้อมูลทำมาหากินบ้าง เป็นต้น แต่เรามีกฏหมายว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ที่ใช้ได้ในระดับหนึ่งตามที่ผมกล่าวมาข้างต้นแล้ว หาก เราจะกล่าวว่าโลกใบนี้มันเชื่อมต่อกันได้ด้วยอินเตอร์เน็ท อย่างเป็นโลกาภิวัตรแล้ว ตัวเราเองก็ต้องคำนึงถึงจุดนี้ มิฉะนั้น "คนไทยเราจะไม่เกิดหัวความคิดสร้างสรรค์ และจะเป็นปัญหาในการคิดสรรค์สร้างสิ่งใหม่ๆขึ้นมาพัฒนาชาติ" ในเชิงเปรียบเทียบ การลอกงานชาวบ้านเพื่อแสวงหาประโยชน์ หรือ plagiatorstvi ในภาษาเช็ก หรือ plagiarism ในภาษาอังกฤษ เป็นปัญหารุนแรงมาก ซึ่งทางวงการวิชาการเช็กเองก็พยายาม สร้างระเบียบวิธีการอ้างอิงงานวิชาการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด การละเมิดลิขสิทธิ์นี้ขึ้นมา วิธีการอ้าง เช่น ๑ การคัดลอกจากที่ใดในหนังสือใด ประโยคนั้นจะต้องมีเครื่องหมาย " .....ประโยค............." (๑)  แล้วก็ไปอ้างอิงในท้ายหน้า เช่นว่า (๑) ZIMMERMANN,R.The law of Obligations Roman Foundation of the Civilian Tradition.reprinted.Cape town:Juta&Co,Ltd.,1992.s.451. ซึ่งถ้าหาก อ้างหนังสือเล่มเดิม ก็จะใช้คำว่า " Tamtez " อาจจะตรงกับคำว่า Ibid (ตรงนี้วอนผู้รู้ช่วยทีครับ สไตล์อังกฤษอเมริกัน ผมไม่รู้)เช่น (๒) Tamtez s. 455 อาจแปลเป็นไทยว่า "อ้างแล้ว หน้า" ๔๕๕ เป็นต้น ๒ หาก มีการเอาประโยคนั้นไปดัดแปลงโดย อาศัยข้อมูลจากหนังสือนั้น เวลาอ้างก็จะใช้คำว่า Viz แปลว่า ดู ครับ ตัวอย่างเช่น (๓)Viz  ZIMMERMANN,R.The law of Obligations Roman Foundation of the Civilian Tradition.reprinted.Cape town:Juta&Co,Ltd.,1992.s.451. (๔) ในกรณี การเปรียบเทียบ อาจใช้คำว่า Srov แปลว่า เปรียบเทียบ เช่น (๔) Srov SANDHIKSHETRIN,Kamol.The Civil code and Commercial Code.Book I-VI  and Glossary:Compiled and Transleted. เป็นต้น (๕) กรณีของข้อมูลทางอินเตอร์เน็ทนั้น การอ้างก็จะต้องบอกถึง วันเดือนปีที่เข้าเว็บไปดูข้อมูลนั้นๆ ครับ เช่น (๕) Companies Act 2006.(cit 21.12.2009).Dostupne na http://www.opsi.gov.uk/ACTS/acts2006/pdf/ukpga_20060046_en.pdf   เป็นต้น ครับ นี่คือตัวอย่าง ง่ายๆ ในการอ้างอิงที่จะทำให้ท่านผู้เขียนไม่ว่า จะเขียนกระทู้ หรือ งานวิชาการ รอดตัวจากปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์ ครับ สำหรับ เว็บพันทิปเอง ผมคิดว่า ก็ควรสร้างหลักเกณ์การอ้างอิงข้อมูลที่ใช้เขียนกระทู้ครับ เพราะ หากมีปัญหาข้อพิพาทเรื่อง plagiarism หรือ การลอกงานชาวบ้านขึ้นมา บุคคลที่จะต้องถูกเชิญไปให้ปากคำเจ้าหน้าที่ ก็คือ เว็บมาสเตอร์นั่นเอง ตรงจุดนี้ ด้วยความเคารพ ขอให้คำนึงไตร่ตรองให้ดี จะกันหรือจะแก้ ว่างๆคุยกัน ครับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 04:17:42 จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 02:15:10

ความคิดเห็นที่ 5 กลับมาต่อเพื่อเป็นการเสริมความรู้อื่น เพิ่มเติม เช่นเกี่ยวกับลิขสิทธิเพลง ซึ่งหลายท่านก็มีปัญหาคือ "การเปิดเพลงฟังในร้านอาหารแล้ว จู่ๆก็มีคน มาเรียกเก็บค่าลิขสิทธิเพลง " อันนี้ ศาลฏีกาไทย มีคำตอบนานแล้วครับ ดังนี้ คำพิพากษาที่ 10579/2551 โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานนั้นเพื่อหากำไร ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์..." ความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงต้องเป็นการกระทำแก่งานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น "เพื่อหากำไร" เท่านั้น แต่ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องปรากฏแต่เพียงว่า จำเลยเปิดแผ่นเอ็มพีสามและซีดีเพลงให้ลูกค้าในร้านอาหารได้ร้องและฟังเพลงของผู้เสียหาย 1 แผ่น "เพื่อประโยชน์ในทางการค้า" ขายอาหารและเครื่องดื่มของจำเลยแต่ไม่ปรากฏในคำฟ้องว่าจำเลยกระทำเพื่อหากำไรโดยตรงจากการที่ให้ลูกค้าได้ร้องและฟังเพลงโดยเรียกเก็บค่าตอบแทนจากลูกค้าในการเปิดเพลงดังกล่าวหรือเรียกเก็บรวมไปกับค่าอาหารและเครื่องดื่มแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ ตาม พ.ร.บ.จั้ดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 185 แหล่งที่มา http://www.deka2007.supremecourt.or.th/deka/web/searchlist.jsp สรุปง่ายๆคือ มันไม่ได้เอา การเปิดเพลงมาบวกค่าอาหารนินา ดังนั้น เก็บไม่ได้ตามฏีกานี้ ครับ เดี๋ยวมาต่อ ว่างๆคุยกัน ครับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 03:12:11 จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 03:11:27

ความคิดเห็นที่ 6 กลับมาต่อ จะเห็นได้ว่า กรณีของเปิดเพลง อันมีลิขสิทธินี้ มันรับฟังไม่ได้ชัดว่า เอาเพลงอันมีลิขสิทธิของชาวบ้าน ไปแสวงหาประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไร แต่ก็มีกรณี ที่นำเพลงอันมีลิขสิทธิของเขาไปแสวงหาประโยชน์จริง แบบ เห็นจะๆ เลย เช่นกรณี ของ คาราโอเกะ ตามนี้ ครับ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2550 พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ฯ มาตรา 4 ให้ความหมายคำว่า "เผยแพร่ต่อสาธารณชน" ไว้ว่า ทำให้ปรากฏต่อสาธารณชนโดยการแสดง การบรรยาย การสวด การบรรเลงการทำให้ปรากฏด้วยเสียงและหรือภาพ การก่อสร้าง การจำหน่ายหรือโดยวิธีอื่นใดซึ่งงานที่ได้จัดทำขึ้น เมื่อปรากฏตามคำฟ้องโจทก์ว่า โจทก์ได้บรรยายการกระทำของจำเลยแล้วว่า จำเลยนำแผ่นวีซีดีซึ่งเป็นงานสิ่งบันทึกเสียงและโสตทัศนวัสดุที่บันทึกข้อมูลงานดนตรีกรรมเพลง "เทพธิดาผ้าซิ่น" และ "โบว์รักสีดำ" ซึ่งทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ 2 แผ่น เข้าประกอบไว้ในตู้เพลงวีซีดีคาราโอเกะ ซึ่งมีเครื่องอ่านข้อมูลทำการแปลงสัญญาณดิจิตัลออกเป็นสัญญาณภาพและเสียงผ่านออกทางจอภาพและลำโพง ปรากฏเนื้อร้องและทำนองออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนในร้านอาหารของจำเลยเพื่อให้บริการลูกค้าผู้เข้ามาใช้บริการฟังเพลงและขับร้องเพลง อันเป็นการกระทำเพื่อแสวงหากำไรในทางการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เสียหาย เห็นได้ว่าคำบรรยายฟ้องดังกล่าวได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิดข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญเกี่ยวกับการกระทำของจำเลยตามความหมายของคำว่า "เผยแพร่ต่อสาธารณชน" โดยทำให้ปรากฏต่อสาธารณชนด้วยเสียงและหรือภาพแล้วซึ่งในคำฟ้องใช้ถ้อยคำว่า "ทำการแปลงสัญญาณดิจิตัลออกเป็นสัญญาณภาพและเสียงผ่านออกทางจอภาพและลำโพง ปรากฏเนื้อร้องและทำนอง" ส่วนคำว่า "เพื่อ" ให้บริการลูกค้าผู้เข้ามาใช้บริการฟังเพลงและขับร้องเพลงในฟ้อง ก็เป็นการบรรยายว่าการเปิดเพลงดังกล่าวเพื่อให้สาธารณชนฟังอันเป็นการครบองค์ประกอบความผิดแล้ว การบรรยายฟ้องของโจทก์จึงชอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯ มาตรา 26 ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แหล่งที่มา http://www.deka2007.supremecourt.or.th/deka/web/searchlist.jsp จะเห็นได้ว่า กรณีของคาราโอเกะมันชัดเจนตรงที่ มันเก็บค่าบริการตรงจุดนี้ ดังนั้น ถือว่า เป็นการนำเพลงอันมีลิขสิทธิ์ไปแสวงหาประโยชน์แล้ว หากไม่ได้รับอนุญาต ก็มีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ครับ เดี๋ยวมาต่อ ครับ ว่างๆคุยกันครับ จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 03:18:14

ความคิดเห็นที่ 7 กลับมาเสริมเติมต่อถึงคนจัดเก็บค่าลิขสิทธิครับ ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมประเทศไทยจึงมีการจัดเก็บที่ประหลาดมากแทบจะเข้าข่ายเป็นกรรโชกทรัพย์ และเป็นการหน่วงเหนียวให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพอีก ตลอดจนการเข้าค้นจับกุมในยามวิกาล ซึ่งผมคิดว่า กรณี เข้ามาตรวจสอบการละเมิดลิขสิทธิในร้านอาหาร ควรมีหมายค้น ครับ เกี๋ยวกับคนจัดเก็บนั้น มีแนวคำพิพากษา ที่น่าสนใจดังนี้ ครับ คำพิพากษาที่ 3578/2549 โจทก์เป็นผู้รับมอบอำนาจจาก ป. ให้จัดเก็บค่าตอบแทนการนำเพลงอันมีลิขสิทธิ์ของ ป. ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ผู้ที่ประสงค์จะนำเพลงอันมีลิขสิทธิ์ของ ป. ออกเผยแพร่ต้องได้รับอนุญาตจากโจทก์ก่อน การที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยนำเอาเพลง "รักสาวผมแดง" อันเป็นงานดนตรีกรรมซึ่ง ป. เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ออกให้ปรากฏซึ่งดนตรีและคำร้องที่หน้าจอเครื่องรับโทรทัศน์ภายในห้องคาราโอเกะในร้าน ป. กุ้งเผาของจำเลยเพื่อให้บริการอันเป็นการนำงานดนตรีกรรมอันมีลิขสิทธิ์ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์นั้น จากการบรรยายฟ้องและหนังสือมอบอำนาจเห็นได้ชัดว่าโจทก์เป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจจัดเก็บค่าตอบแทนการใช้สิทธิในลิขสิทธิ์และดำเนินคดีแก่ผู้กระทำละเมิดลิขสิทธิ์ในงานดนตรีกรรมเพลง "รักสาวผมแดง" หรือในงานโสตทัศนวัสดุ ที่บันทึกเสียงดนตรีและคำร้องเพลงดังกล่าว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ในนามตนเอง ทั้งการกระทำของจำเลยที่นำเพลงดังกล่าวไปเผยแพร่ต่อสาธารณชนเพื่อการค้าหากำไรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ย่อมไม่เป็นความผิดตามฟ้องเช่นกัน ที่มา http://www.deka2007.supremecourt.or.th/deka/web/searchlist.jsp ง่ายที่จะเข้าใจเลย คนจัดเก็บไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิครับ หากจะฟ้อง ต้องได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องก่อน ครับ ว่างๆคุยกัน ครับ จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 03:26:47

ความคิดเห็นที่ 8 จริงๆปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์บ้านเรามีมาก อันเนื่องจากการใช้สิทธิไม่สุจริตของบุคคลบางกลุ่ม ที่แสวงหาประโยชน์จากการไม่รู้กฏหมายลิขสิทธิ์ของประชาชน จึงทำให้คน HEREๆ หาเศษหาเลยตรงจุดนี้เยอะมาก บางกรณี ผมก็ไม่เข้าใจว่า จะมาขอเก็บค่าลิขสิทธิ์ดูฟุตบอลโลกของแม่ค้าขายส้มตำทำไม ?เพราะ สิ่งที่แม่ค้าขายส้มตำดูมันคือ คลื่นโทรทัศน์ของสถานีโทรทัศน์อันเป็นลิขสิทธิ์ของสถานีโทรทัศน์ ไม่ใช่คลื่นโทรทัศน์ของบริษัทที่ได้รับลิขสิทธิ์การเผยแพร่ฟุตบอลโลก ซึ่ง มันมีขั้นตอนสองจังหวะคือ ๑ สัญญาลิขสิทธิ์รายการถ่ายทอดบอลโลก ระหว่าง บริษัทในไทยกับ FIFA   ๒ สัญญาการเผยแพร่รายการฟุตบอลโลกผ่านคลื่นโทรทัศน์ ระหว่างบริษัทที่รับสิทธิมาจาก FIFA กับ สถานีโทรทัศน์ในไทย และสถานีโทรทัศน์เหล่านี้ คลื่นตรงนี้ก็เป็นฟรีทีวีที่ส่งกระจายไปสู่ประชาชน เช่นแม่ค้าส้มตำ อันเป็นสัญญาเผยแพร่ฟรีทีวีตามสัญญาที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ หากจะเปลียนเป็น เพย์ทีวี อันนี้ทำไม่ได้ผิดสัญญาสัมปทาน ดังนันผมจึงไม่เห็นทาง ที่จะเก็บค่าดูฟุตบอลโลกจากแม่ค้าส้มตำเลย ที่สำคัญ บริษัทดังกล่าว มาบล๊อกคลื่นสัญญาณ จนทำให้ จานทีวีชาวบ้าน ไม่สามารถดูทีวีช่องอื่นไปด้วย อันนี้ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ถูกต้อง หากเป็นในต่างประเทศ เป็นละเมิด แน่นอน แต่เนื่องจาก ตรงจุดนี้กฏหมายเมืองไทยไม่ชัดเจนเท่าที่ควรเป็น จึงยังไม่มีการแก้ปัญหาที่ชัดเจน ว่างๆคุยกัน ครับ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 06:28:26 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 03:42:54 จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 03:41:32

ความคิดเห็นที่ 9 เยี่ยมยอด ค่ะ สมบูรณ์ทั้งเนื้อหาวิชาการและหลักจริยศาสตร์ โหวตไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่าค่ำๆ เพื่อนๆคงมาอ่านความรู้กันมากขึ้นนะคะ เจตนามั่นคงในการเผยแพร่วิทยาทานนี้ จะเป็นกุศลของคุณกมลตลอดไป ใครกระทำกรรมดี ย่อมได้รับแต่สิ่งดี มีแต่กัลยาณมิตรสนับสนุนแท้จริง ยินดีที่ได้อ่านสำนวนนักกฎหมายที่ชื่อกมล ผู้กลับมาด้วยสาระในห้องนี้อีก               ขอให้ประสบความสำเร็จในทุกทางค่ะ จากคุณ : กริชนาคราช เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 03:50:23

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณครับท่านกมลสำหรับความรู้ดีๆ โดยเฉพาะด้านกฎหมายลิขสิทธิ์ซึ่งผมมีความรู้แค่หางอึ่ง (จริงๆ กฎหมายอื่นผมก็รู้แค่หางอึ่งเช่นกันนั่นแหละ ฮ่าๆๆๆ) จากคุณ : ไอ้คุณแหลม เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 03:51:34

ความคิดเห็นที่ 11 ขอกราบขอบคุณพี่กริชกับน้าแหลม ที่ติดตามอ่านครับ ผมเองก็ได้แค่เสนอ ความรู้เบื้องต้นเท่านั้น ครับ ท่านผู้รู้ระดับขั้นเทพของจริง เท่าที่ผมทราบ ท่านผู้นี้อยู่ แถวๆสก๊อตแลนด์ ครับ ท่านผู้นี้คือ ผู้รู้ทางด้านลิขสิทธิ์ ตัวจริง ครับ ผมเองยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ เออ ขอขอบคุณน้องปูน้อยที่ติดตามอ่านด้วยครับ Girl's Generation จะไปเปิดอัลบัมที่ญี่ปุ่นแล้ว ฝากด้วยแล้วกัน ว่างๆคุยกัน ครับ จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 04:25:03

ความคิดเห็นที่ 12 ดิฉันไม่ถนัดทั้งในเรื่องกฎหมาย และกฎหมู่ สวัสดีค่ะคุณ Kamollanla จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 04:27:15

ความคิดเห็นที่ 13 กราบสวัสดีพี่ JidNince ผมดีใจที่ที่แวะเข้ามาอ่านครับ ว่างๆคุยกัน จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 04:34:10

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณที่นำข้อมูลดีดีมาแบ่งปันนะคะ คุณKamollanla และเห็นด้วยกับคุณ JidNince  "ไม่ถนัดทั้งกฎหมาย และกฎหมู่" เหมือนกันค่ะ จากคุณ : [[babeberry]] เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 05:40:08

ความคิดเห็นที่ 15 มาติดตามอ่านครับ น่าสนใจมากเลยครับ :) จากคุณ : Scientist เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 07:18:00

ความคิดเห็นที่ 16 ดีใจที่คุณกมลกลับมาเขียนเรื่องดีดีมีสาระให้อ่านกันอีก ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ     จากคุณ : ตกตะกอน เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 07:43:19

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ขออนุญาตโหวตนะคะ จากคุณ : ดาวสีส้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 08:39:24

ความคิดเห็นที่ 18 เย้ ได้กลับมาอ่านเรื่องดีๆ มีสาระจากคุณ Kamollanla อีกเเล้ว จากคุณ : prun poa เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 09:17:33

ความคิดเห็นที่ 19 ยินดีที่เห็นคุณกมลฯกลับมาโพสต์อีกนะครับ จากที่โพสต์ข้างบน  ผมยังสงสัยว่าการนำกฏหมายลิขสิทธิ์มาใช้กับสิ่งที่โพสต์ในเว็บบอร์ดจะทำจริงๆได้ยังไง   ผมว่าไม่น่าจะเป็นไปได้เลยหากคำนึงถึงนิสัยแบบไทยๆ เท่าที่เห็นจากกระทู้หนึ่งในพันทิบที่มีคนนำรูปที่โพสต์ในห้องกล้องมาใช้ต่อ  ก็ระบุเพียงว่านำมาจากคุณ...ถ้าไม่ระบุแล้วเจ้าของมารู้ภายหลัง ก็ต่อว่ากันไปถือว่าเสียมารยาท แต่ก็ไม่มีใครติดใจจะเอาความกันตามกฏหมาย ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนักหากจะเคร่งครัดเรื่องลิขสิทธิ์กับสิ่งที่โพสต์ในเว็บบอร์ด  อยากให้ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันไป   ผมว่าใช้วิธีการรณรงค์ ขอความร่วมมือจะดีกว่า   ไม่งั้นกระทู้ที่ผู้เขียนตั้งใจดีที่จะเผยแพร่จะสูญพันธ์ไปอย่างรวดเร็ว   ผู้เขียนเองก็อาจไม่ได้ตั้งใจจะให้สิ่งที่โพสต์ถูกอ้างอิงเหมือนเป็นมาตรฐาน สำนวนการเขียนแต่ละคนก็ต่างกัน บางคนชอบใส่รูป บางคนชอบใส่คลิบ สิ่งทีโพสต์ก็อาจไม่สมบูรณ์ครบถ้วน  ผู้อ่านเองก็ต้องระวังตัวด้วย นอกจากนี้  ผมว่าการถกกันก็เป็นสีสันอย่างหนึ่ง   หากข้อมูลของจขกทใดไม่ถูกต้องก็สามารถแย้งได้อยู่แล้ว  ไม่น่าจะต้องเครียดกันเกินไป จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 10:53:39

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีค่ะ พี่กมล ยินดีที่กลับสู่ห้องไกลบ้านค่ะ ดีใจที่ได้อ่านสาระดีๆ รู้สึกว่า เรื่องลิขสิทธิ์นี่ ลึกลับซับซ้อน และละเอียดอ่อนจังค่ะ ขอบคุณข้อมูลดีๆ ค่ะ ;) จากคุณ : เลื้อย เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 12:34:43

ความคิดเห็นที่ 21   คุณกมล ผมไม่ได้ติดตามข่าว แล้วเขามีการมาขอเก็บค่าลิขสิทธิ์ดูฟุตบอลโลกของแม่ค้าขายส้มตำ จริงๆหรือว่าเป็นการยกตัวอย่างเฉยๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 12:37:20 A:71.114.75.107 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 22 การไม่เคร่งครัดเรื่องลิขสิทธิในพันทิป ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ แต่บังเอิญ หากไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิในสิ่งนั้น เช่น กรณีที่เห็นกันบ่อยๆอย่างการไปนำรูปนางแบบตามนิตยสารมาสแกนแล้วโพสต์ลงพันทิป หากสำนักพิมพ์ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิในตัวภาพนางแบบนั้นๆ เอาหูเอาไปนาเอาตาไปไร่ หรือ อนุญาตให้เอามาลงพันทิป มันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าหากไม่ได้อนุญาตให้เอามาลงพันทิป แล้วเกิดปัญหาว่า "ยอดขายนิตยสารประจำเดือนไม่เข้าเป้า เพราะ มีคนโหลดรูปนางแบบจากพันทิปโดยฟรีๆไปแล้ว" เมื่อมีปัญหาเรื่อง "เงิน" เข้ามาเกี่ยวข้อง "ใครล่ะ ? ในพันทิปจะต้องถูกตามตัวเป็นคนแรก ?" "หากเขาเล่นกันจริงๆ ใครล่ะที่จะมีปัญหามากที่สุด ?" อันนี้ ผมคิดว่า หากมีปัญหาขึ้น ใครล่ะจะเดือดร้อนมากที่สุด ? ตรงนี้เว็บมาสเตอร์น่าจะรู้ดีกว่าผมเยอะ ผมไม่จำเป็นต้องพูดมาก ที่สำคัญ แนวโน้มมันจะไม่มีแค่คดีเดียวน่ะสิ หากเขาจะเล่นกันจริงๆ อย่างเก่ง คนโพสเจ้าของกระทู้หรือเจ้าของบล๊อกในพันทิปก็ขึ้นศาลคดีเดียว แต่จะมีอยู่คนหนึ่งต้องขึ้นไม่ต่ำกว่าสิบคดีแน่นอน ก็อย่างที่บอกตอนต้น "จะกันหรือจะแก้" ก็ไปใช้ "หลักของการชั่งน้ำหนักประโยชน์กันเอง" ส่วนตัวผมก็ได้แต่แค่แนะนำว่า "สิ่งที่มันเป็นกฏหมายอย่างเบื้องต้นที่ควรระวัง มันคืออะไร" ผมไม่เดือดร้อน แต่หากเขาเล่นกันจริงๆ ก็ต้องหาทนายความผู้เชี่ยวชาญทางด้านลิขสิทธิเข้ามาช่วยแก้ต่างคดีให้ "แน่นอน เขาคงไม่แนะนำให้คำปรึกษาฟรี เขาก็คิดตังค์แน่นอน มันแพง" สักวันหนึ่งเมื่อเจ้าของลิขสิทธิ เช่น สำนักพิมพ์นิตยสารนางแบบ คิดขึ้นมาได้ว่า "ภาพนี้คือลิขสิทธิ์ของฉัน แล้วมาลงพันทิปฟรีๆ โหลดฟรีๆ ได้อย่างไร?" "ลิขสิทธิ์ คือ เงิน คือประโยชน์ ของฉัน" แล้วเกิดเป็นกรณีพิพาทเกี่ยวกับลิขสิทธิ์แล้วกับพันทิป ผมคิดว่า "เว็บมาสเตอร์รู้ดี ว่า ควรจะทำอย่างไร?"  "เมื่องานเข้า" แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 13:17:36 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 12:51:12 จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 12:48:40

ความคิดเห็นที่ 23 สวัสดีคุณอิวาสุ เรื่องเก็บตังค์ค่าดูฟุตบอลโลกกับแม่ค้าส้มตำ มันเป็นแนวโน้มทางความคิด ในการจัดเก็บลิขสิทธิ์ทางทีวี แต่ผมคิดว่า "มันไม่น่าจะทำได้ "เพราะ ๑ สถานีโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดฟุตบอลโลก มันเป็นฟรีทีวี ๒ เท่าที่เห็นมีแต่เคเบิลทีวีที่เป็น เพย์ทีวี เพราะ มีข้อตกลงเรื่องสัมปทานตกลงไว้ว่าเก็บตังค์ ๓ หากในเชิงเปรียบเทียบ "การจะให้ฟรีทีวีอย่างนี้เก็บตังค์ค่าดูได้ในร้านอาหาร มันก็ต้องมีกฏหมายที่ชัดเจนระบุตรงนี้ " ขอขอบคุณที่กรุณาอ่าน จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 13:04:21

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณคุณ Kamollanla มากๆ ค่ะสำหรับข้อมูลดีๆ เราว่าในพันทิปคงจะทำได้ยากเพราะคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความสำคัญกับ "ลิขสิทธิ์" เท่าที่ควร เห็นได้จากของก๊อปปี้ที่มีขายทั่วไป เราโพสต์ความเห็นทั้งบอร์ดไทยและต่างประเทศค่ะ เคยเอารูปนักกีฬาคนหนึ่งโพสต์ลงบอร์ด สักพัก moderator ส่งข้อความมาเตือนให้ลบรูปออกแล้วโพสต์ลิงค์แทน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเลยต้องระวังมากขึ้นค่ะ จากคุณ : FawltyTowers เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 13:26:34

ความคิดเห็นที่ 25 จำไม่ได้ว่าในห้องกล้องหรือห้องบลูเคยเกิดคดีฟ้องร้องโรงพยาบาลแห่งนึง เกี่ยวกับนำรูปที่เจ้าของไม่อนุญาตไปใช้ในทางการค้าหรือเรียกว่าขโมยไป สุดท้ายโรงพยาบาลยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ จากคุณ : ดาวสีส้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 13:44:35

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ เรื่องกฎหมาย กฎหมู่ ไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนใหญ่คุ้นกับ กฎ(ใน)มุ้ง ค่ะ จากคุณ : jeejeeberry เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 15:17:35

ความคิดเห็นที่ 27 เวลามันช่างประจวบเหมาะจริงๆ จากคุณ : น้ำเต้าหู้กะปาท่องโก๋ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 15:26:24

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ และกำลัง save ไว้อ่านอีกค่ะ เพราะดิฉันเองก็ชอบขีดๆเขียนๆเหมือนกันค่ะ จะได้ทำอะไรต่างๆให้ถูกต้องมากขึ้นค่ะ จากคุณ : athena_b เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 16:59:06

ความคิดเห็นที่ 29   คุณกมล ขอบคุณที่ตอบใน ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามนั้นก็คงต้องให้ศาลตัดสินเป็นกรณีย์ตัวอย่าง ถ้าเจ้าของทีวีแพ้ คงยุ่งพิลึก แปลว่าใครจะเอาฟรีทีวีมาเปิดในที่สาธารณะไม่ได้ หรือไม่ก็ต้องมีทีวีส่วนตัวกันหมด จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 17:01:50 A:71.114.75.107 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ จากคุณ : Be Happy ja เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 17:59:11

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณข้อมูลของคุณ กมล มากๆ ค่ะ ทุกคอมเมนท์ ทำให้เราได้พัฒนาความคิดไปด้วย ชื่นชมๆ ค่ะ จากคุณ : Little Miss Lisa เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 18:12:16

ความคิดเห็นที่ 32 เข้ามาทักทาย คุณกมลค่ะ กระทู้มีสาระ ดีค่ะ ว่าแต่ อยากอ่าน กระทู้เที่ยว เชค ของคุณกมล บ้างค่ะ แนะนำที่เที่ยวในเชค ในแบบคุณกมล จะได้ ตามรอย บ้างค่ะ สบายดีนะคะ จากคุณ : หมู (ตัว) อ้วน เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 19:13:02

ความคิดเห็นที่ 33 ขออนุญาตถาม..คุณกมลลั้นลาก่อนจะกลับไปอ่านข้างบนนะคะ แล้วการเขียนบล็อคที่และตอบกท. เอาโน้นเอานี่มาแปะเนี่ย โดยเฉพาะเจอมาจากยูตูบ เว็บประหยัดหาอะไรก็เจอ และพวกข้อสอบต่าง ๆ ที่เรียนจากห้องเรียนมาเผยแพร่ สิ่งพวกนี้ เราผิดรึเค้าเอาผิดเราได้รึปล่าวค่ะ ส่วนตัวชอบหาอะไร มาแปะสนุก ๆ แต่กลัวว่าซักวันภัยที่ไม่คาดคิดจะมาถึงคัวจัง ขอบคุณนะคะ จากคุณ : Tanja-nl เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 21:16:06

ความคิดเห็นที่ 34   เรียน คุณ อิสวาสุ  เจ้าของ TV ไม่ได้เรียกเก็บครับ เป็นแค่แนวคิด ของเจ้าของลิขสิทธิ์ เจ้าของทีวี แค่รับจ้างเจ้าของลิขสิทธิ์ นำมาออกอากาศ คลื่นออกไปทางอากาศ จะไปเก็บค่าดูอะไรกัน เห็นบอกว่าเก็บ เฉพาะไปทำการค้า แต่จะยังไงมันก็ไม่ถูกต้อง ถ้าเก็บกันจริงๆคงต้องมีการฟ้องกัน ก็ทีวี ผมเปิดอยู่ดีๆดันส่งบอลโลกเข้ามาเครื่องรับผม จะทำให้บอลมันหายไปก็ไม่ได้ ต้องลำบาก ทนนั่งดูมันจนจบ จากคุณ : Digitalist เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 22:01:03

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีค่ะคุณกมล ดีใจที่เห็นคุณกลับมาคุยด้วยกับชาวพันทิป อีก เวลาดิฉันพูดว่า ว่างๆคุยกัน กับใครทีไร จะคิดถึงคุณทุกที :) :) จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 22:09:32

ความคิดเห็นที่ 36 ในเมื่อคุณกมล ออกมาบอกว่า กระทู้นี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือ แอบด่า คุณมาดามพันชั่ง ในคห ที่ 90 ผมขอถอนความเห็นนี้ แต่ขอคง ข้อความไว้ เพื่อเป็นการรับผิดชอบในคำพูด และผมขอโทษคุณกมล ที่ผมเข้าใจผิด สิ่งที่ผมอยากได้ คุณกมลได้ให้ผมแล้ว ใน คห ที่ 90 ครับ     หากจะพูดถึงเรื่องลิขสิทธิ์ ใน PANTIP.COM นั้น เป็นเรื่องละเอียดอ่อน     PANTIP เป็นกระดานข้อมูลที่เกิดจากคำว่า "เพื่อน" และไม่ได้แสวงหา     ผลกำไรจากบทความ ข้อมูล และคำแนะนำที่นำมาลงในนี้     ตามการอ้างถึง ความคิดเห็นที่ 5 ของคุณกมล (คำพิพากษาที่ 10579/2551)     การที่ร้านอาหาร นำเพลงมาเปิด แต่ไม่ได้แสวงหาผลกำไร ศาลไม่ลงโทษ !     การตั้งการตอบกระทู้ก็เช่นกัน ถามว่าเพื่อนสมาชิก ได้แสวงหาผลกำไร     กับการตั้งและการตอบกระทู้นี้หรือไม่ เปล่าเลย ผลประโยชน์ที่ได้     กลับเป็นความอิ่มเอิบใจ ความสบายใจ จุดประสงค์ คือการให้สาระ ข้อมูล     แก่ "เพื่อน" ไม่ใช่ "ลูกค้า" หากจะลงโทษ โดยกฏหมายลิขสิทธิ์     ให้เปรียบเทียบกับกรณีร้านอาหารข้างต้น     ให้มองวิเคราะห์ เจตนา วัตถุประสงค์ และความเหมาะสม     ลองยกกระทู้มาวิเคราะห์ดู ผมขอยกกระทู้ทั้งหมดที่เป็นกระทู้แนะนำ     ของสัปดาห์ที่แล้วนะครับ     H9422981 เกี่ยวกับ ชีวิต โรบินฮู๊ดในอเมริกา     -เป็นการสัมพาษณ์ บุคคล ให้ความรู้ และสาระมากมายแก่ผู้อ่าน     แต่ถ้าจะให้มองในแง่ลิขสิทธิ์ ต้องวิเคราะห์เจาะจงไปว่า บทความนี้     ผู้ให้สัมภาษณ์ Mr.Camaro ให้สัมภาษณ์เจาะจงเพื่อลง PANTIP.COM     หรือไม่ ผู้สัมภาษณ์ อยู่ในฐานะไหน หากเป็นการสัมภาษณ์อิสระ     ลิขสิทธิ์ ตกอยู่กับผู้สัมภาษณ์ แต่หากเป็นการ สัมภาษณ์ โดยที่     ผู้สัมภาษณ์ คือผู้สื่อข่าว ของโทรทัศน์ วิทยุ หรือหนังสือพิมพ์แล้ว     บทสัมภาษณ์ ต้องเป็นลิขสิทธิ์ ของนายจ้าง ตรงนี้ ไม่สามารถ     ระบุได้ เพราะไม่มีการ "อ้างถึง" วัตถุประสงค์ในการสัมภาษณ์ว่า     เพื่อนำมาลง PANTIP.COM หรือเปล่า หากเป็นการสัมภาษณ์เพื่อลง     สื่อที่ผู้สัมภาษณ์ทำงานอยู่ ก็จะมีคำถามทันทีว่า เจ้าของกระทู้ ละเมิด     ลิขสิทธิ์ ของนายจ้าง ตนเองหรือไม่ ถึงแม้ตนเองจะเป็นผู้สัมภาษณ์เองก็ตาม     เพราะการนี้ ทำให้เข้าใจว่า บทความนี้ เจ้าของกระทู้ถือลิขสิทธิ์     H9427231 เกี่ยวกับท่านั่งเมื่อเครื่องบินลงจอดฉุกเฉิน     มีการนำภาพของเอกสารต้นฉบับมาลง และแปลให้เพื่อนสมาชิก     เป็นการบ่งบอกได้อย่างชัดเจนถึงที่มาที่ไปของข้อมูลว่า เจ้าของกระทู้     ไม่ได้คิดขึ้นเอง หากแต่อ้างถึงเอกสารเก่าของสามีที่เป็นนักบิน     มองกันในแง่ลิขสิทธิ์ รูปภาพ ของเอกสาร ถือเป็นลิขสิทธิ์ ของสายการบิน     แต่จะใช้หลักอะไรมาตัดสิน หากเทียบกับกรณีเปิดเพลงในร้านอาหาร     เพราะกระทู้นี้ เข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า เป็นบทความที่แปลมา     H9430742 เกี่ยวกับการเปิดโปงป่วน     มีการยกคำสัมภาษณ์มาในกระทู้ ซึ่งชัดเจนอยู่แล้วว่า เจ้าของกระทู้     คือผู้สัมภาษณ์คุณวรพจน์ผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อนำไปลง     หนังสือพิมพ์ ที่ตนทำงานอยู่ ดังนั้น บทสัมภาษณ์นี้ "น่าจะ" เป็นลิขสิทธิ์     ของหนังสือพิมพ์ที่เจ้าของกระทู้ทำงานอยู่ การทำซ้ำ เผยแพร่     ควรได้รับอนุญาตจากหนังสือพิมพ์ที่เจ้าของกระทู้ทำงานอยู่     และวัตถุประสงค์ในการสัมภาษณ์ คือเพื่อลงหนังสือพิมพ์     หากว่ากันตามกฏหมายลิขสิทธิ์แล้ว เจ้าของกระทู้ มีความผิดหรือไม่     ต้องดูที่เจตนา แต่ไม่มีการอ้างถึงหนังสิอพิมพ์เลย ดังนั้น คนทั่วไป     เข้าใจว่า บทความนี้ เป็นลิขสิทธิ์ ของเจ้าของกระทู้     (-- ขอแก้ไขลบส่วนนี้ออกครับ --)     H9430090 และ H9389244 ก็เหมือนกัน     หากมาวิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ปัญหาลิขสิทธิ์ ใน PANTIP.COM นั้น     ต้องพิจารณาในวัตถุประสงค์ และการแสดงออก ถึงความเป็น เจ้าของ     หากจะแบ่งประเภท จะแบ่งได้เป็น     1. เพื่อนสมาชิก ได้อนุมาน ไปว่า เป็นบทความที่ได้ข้อมูลมาจากแหล่งอื่น     มิใช่ เจ้าของกระทู้ หรือ ผู้ตอบกระทู้ คิดขึ้นเอง     - ในกรณีนี้ ผู้ตั้งกระทู้ หรือผู้ตอบ ควรอ้างถึงแหล่งที่มา     หากเป็นข้อมูลสำคัญ     2. เพื่อนสามชิก ได้อนุมาน ไปว่า เจ้าของกระทู้หรือผู้ตอบกระทู้ ได้     คิดขึ้นเอง หรือเป็นเจ้าของบทความนั้นเอง     - ในกรณีนี้ผู้ตั้งกระทู้ หรือผู้ตอบ ไม่ได้ "มีสิทธิ์"  หากบทความ หรือข้อมูล     ในบทความแล้ว จำเป็นต้อง อ้างถึง เจ้าของสิทธิ์ ด้วย     แต่ถ้าเรามาเคร่ง กับการหาตัวถูกตัวผิด ใครเป็นเจ้าของบทความ     เพื่อนสมาชิก PANTIP.COM คงอึดอัดไม่น้อย และการตอบการให้ข้อมูล     ที่มีสาระ คงจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพื่อน คงไม่ปันข้อมูลให้ เพื่อน     เพราะกลัวเรื่องลิขสิทธิ์     ต้องถามตัวเองก่อนว่า คุณได้อะไรจากเพื่อน และคุณได้อะไร     หากต้องบังคับใช้กฏหมายลิขสิทธิ์อย่างเคร่งครัด ที่นี่     " A Touch of Friendship " = PANTIP.COM    (ลบรูปออก) แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 04:47:23 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 02:07:05 จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 22:45:43

ความคิดเห็นที่ 37 สวัสดีค่ะ  คุณกมล ดีใจที่เห็นคุณกลับมาเขียนเรื่องราวดี ๆ อีกครั้งค่ะ ขอบคุณมาก ๆ สำหรับบทความดี ๆ ที่คุณนำเสนอค่ะ หลายเดือนก่อนดิฉันโดนกล่าวหาว่านำข้อความในกระทู้ห้องไกลบ้านไปโพสต์ที่บล็อก ดิฉันยอมรับว่านำความคิดเห็นของตัวเองที่แสดงความคิดเห็นในกระทู้ไปโพสต์ที่บล็อกจริง เพราะดิฉันถือว่าเป็นความคิดเห็นของดิฉัน ถือว่าตัวเองเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในความคิดเห็นที่แสดงออกมา แต่ดิฉันไม่เคยเอาความคิดเห็นของใครหรือบทความใด ๆ ของคนอื่นไปไว้ที่บล็อกตัวเองเลยสักครั้ง (ยกเว้นภาพและเพลงประกอบบล็อก ซึ่งดิฉันก็ให้เครดิตเจ้าของผลงานตามมารยาท เพราะผลงานบางชิ้นไม่รู้จะติดต่อขออนุญาตกับใคร เพราะเป็นสิ่งที่ส่งต่อ ๆ กันมาค่ะ) เพราะดิฉันค่อนข้างกลัวเรื่องลิขสิทธิ์เป็นอย่างมาก แต่ยอมรับว่ารู้สึกตกใจที่ถูกผู้ชายบัตรผ่านคนนั้นกล่าวหาให้เสียหาย ในวันนั้น ดิฉันก็ได้อธิบายเหตุผลให้คนที่กล่าวหาได้เข้าใจ พร้อมลิงค์ทุกอย่างเป็นหลักฐาน คิดว่าหลาย ๆ คนคงได้อ่าน แต่แอบเสียใจและเสียความรู้สึกที่บางคนชอบกล่าวหาคนอื่นให้เสียหาย แต่ไม่มีคำว่า "ขอโทษ" เลยสักครั้ง โดยเฉพาะคำขอโทษจากผู้ชายบัตรผ่านคนนั้น ทุกวันนี้ดิฉันเคยชินแล้วค่ะ คำว่าขอโทษอาจจะพูดยากสำหรับคนบางคนจริง ๆ ถึงแม้ว่าดิฉันจะไม่เคยได้ยินคำว่าขอโทษ แต่ดิฉันก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้คนอื่น ๆ ได้เห็นทุกอย่าง ณ วันนี้ดิฉันถือว่าตัวเองได้ทำหน้าที่ดีที่สุด ให้ถูกต้อง ไม่ล้ำเส้นใคร และไม่ทำอะไรที่ผิดกฏระเบียบของสังคม ไม่ว่าจะในชีวิตจริงหรือโลกไซเบอร์ก็ตาม และเรื่องลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่ดิฉันพึงระวังเป็นอย่างมากค่ะ ให้กำลังใจคุณกมลเสมอค่ะ แก้ไขเพิ่มเติม แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 00:37:22 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 22:52:17 จากคุณ : roslita เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 22:46:26

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 01:32:24 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 01:31:48 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 23:33:50 แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 23:13:57 จากคุณ : AB1ว.2_AB2ว.1 เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 23:13:14

ความคิดเห็นที่ 39 เข้ามาอ่านแล้วต้องขอบคุณคุณกมลและเพื่อนๆ ที่ให้ความรู้และประสบการณ์โดยตรง จากความคิดของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์งานเขียน ดิฉันคิดว่า การที่เราจะนำผลงานของใครก็ตามมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน การอ้างถึงที่มาที่ไป เป็นการให้เกียรติแก่ผู้เขียนหรือแหล่งที่มา เป็นมารยาทที่ดีของผู้นำเสนองานเขียนหรือผลงานของคนอื่น ซึ่งตนเองไม่ได้เป็นผู้คิดค้น ถึงแม้จะจำไม่ได้ว่างานนั้นมาจากไหน เป็นของใคร มารยาทพึงกระทำคือการออกตัวว่าไม่ได้เป็นผลงานของตัวเอง อนึ่ง การที่อ้างว่า ไม่ได้คิดหวังผลกำไร หรือไม่ได้ทำเพื่อการค้า แค่อยากเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม (เลยไม่จำเป็นต้องอ้างถึงแหล่งที่มา) แต่ลองคิดดูให้ดีๆ แล้วเป็นการสร้างชื่อเสียง สร้างบารมีให้ตนเองในทางอ้อม ชื่อเสียงที่ดีน่ายกย่อง สร้างได้โดยการอ้างถึงแหล่งที่มาเช่นกัน พึงให้เห็นว่าคนคนนั้นมีความซาบซึ้ง ใส่ใจกับข้อมูลคนอื่นที่ตนเองหามา เป็นชื่อเสียงที่พึงเคารพกว่าคนที่ไม่ได้เห็นคุณค่าผลงานคนอื่น ตั้งแต่ที่เข้ามาเล่นบอร์ดพันทิป ดิฉันได้เรียนรู้สิ่งดีๆ และพยายามปรังปรุงตนเองไปในทางที่ดีขึ้น แม้กระทั่งการหยิบยกความเห็นอื่นมาลง ก็จะให้เกียรติโดยการอ้างชื่อผู้ลงความเห็นนั้น แต่ก็เหมือนที่หลายๆ ท่านบอก คนทุกคนมีความคิด มีมันสมองไม่เหมือนกัน ใครจะคิด ปฏิบัติตัวอย่างไร ก็เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน จากคุณ : thaispicy เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 23:56:34

ความคิดเห็นที่ 40 ในเมื่อคุณกมล ออกมาบอกว่า กระทู้นี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือ แอบด่า คุณมาดามพันชั่ง ในคห ที่ 90 ผมขอถอนความเห็นนี้ แต่ขอคง ข้อความไว้ เพื่อเป็นการรับผิดชอบในคำพูด และผมขอโทษคุณกมล ที่ผมเข้าใจผิด สิ่งที่ผมอยากได้ คุณกมลได้ให้ผมแล้ว ใน คห ที่ 90 ครับ     การคัดลอกบทความไปลงเวบอื่น ว่ากันด้วยมารยาท     ไม่ควรอย่างยิ่ง     หากว่าด้วยลิขสิทธิ์ ต้องดูว่า ผู้คัดลอกคือใคร     หากเป็นผู้ตั้ง ผู้ตอบกระทู้ ในเวบดังกล่าว ก็จะเข้าข่าย     ไม่อ้างอิงที่มาของข้อมูล     แต่หากเป็น WM ของเวบดังกล่าวแล้ว น่าเป็นการละเมิด     ควรแจ้งไปที่ฝ่ายกฏหมายของ PANTIP.COM     หรือแจ้งไปที่ WM PANTIP.COM ได้ที่หมายเลข     0-2357-1960 / 0-2357-1961     หรือ http://www.pantip.com/members/helpdesk/cafe.php แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 04:43:24 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 05:57:16 จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 00:05:32

ความคิดเห็นที่ 41 จากคุณ   : thaispicy "อนึ่ง การที่อ้างว่า ไม่ได้คิดหวังผลกำไร หรือไม่ได้ทำเพื่อการค้า แค่อยากเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม (เลยไม่จำเป็นต้องอ้างถึงแหล่งที่มา) แต่ลองคิดดูให้ดีๆ แล้วเป็นการสร้างชื่อเสียง สร้างบารมีให้ตนเองในทางอ้อม" ส่วนมาก... ทำเพื่อเหตุผลนี้กัน จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 00:07:02

ความคิดเห็นที่ 42 ขออนุญาตตอบคำถามของแต่ละท่านนะครับ (ผมงงตัวเองจริงๆ เรียนเรื่องหุ้นส่วนบริษัท แต่มาเล่นเรื่องลิขสิทธิ์ ) เริ่มจากคุณ Tanja-nl  ครับ ไม่ต้องกลัวครับ ในบล๊อกของคุณ สิ่งเขียนของคุณนั้น หากบางประโยค บางตอน คุณนำมาจากของชาวบ้าน ก็ไม่มีปัญหาอะไร หากมีการอ้างอิง ครับ ซึ่งเป็นไปตามกฏหมายครับ สบายใจได้ ส่วนเรื่องข้อสอบนั้น หากการใช้เป็นลักษณะ "ทำซ้ำ ดัดแปลง นำออกแสดง หรือทำให้ปรากฏโดยผู้สอนเพื่อประโยชน์ในการสอนของตน อันมิใช่การกระทำเพื่อหากำไร" ก็ไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ครับ มาตรา 33 การกล่าว คัด ลอก เลียน หรืออ้างอิงงานบางตอนตามสมควรจากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้ปฏิบัติตามมาตรา 32 วรรคหนึ่ง เพราะการอ้างอิง หรือ ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "ให้เครดิต" ถือได้ว่า "มีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ " และ "ไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร" ส่วนวิธีการอ้างอิง ผมได้เขียนไว้ในความเห็นที่ ๔ แล้ว ลองวกกลับไปดู หากสงสัยแล้วค่อยมาคุยกันใหม่ ว่างๆคุยกันครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 00:50:33 จากคุณ : กมลลั้นลาแอบปลื้มน้องแมท (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 00:40:04

ความคิดเห็นที่ 43 กราบสวัสดีคุณ Digitalist ที่คุณกล่าวมานั้น ผมเห็นด้วยครับ หากจะเก็บหรือจะทำให้ชัดเจน ต้องมีกฏหมาย ครับ เพราะคลื่นวิทยุมันคือ "สมบัติส่วนรวมของชาติ" ว่างๆคุยกัน ครับ จากคุณ : กมลลั้นลาแอบปลื้มน้องแมท (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 00:42:50

ความคิดเห็นที่ 44 กราบสวัสดีพี่ PatPDX คิดถึงครับ ขนาด ผมเห็นเจ้าเครื่อง Apple Ipad ยังนึกถึงพี่เลยครับ ด้วยความเคารพ ผมไม่กล้าเรียก Ipad ผมต้องเรียก P Pad ครับ คิดถึงครับ ว่างๆคุยกันครับ จากคุณ : กมลลั้นลาแอบปลื้มน้องแมท (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 00:47:50

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบพระคุณมากๆค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 01:39:01 จากคุณ : AB1ว.2_AB2ว.1 เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 01:00:25

ความคิดเห็นที่ 46 สวัสดีคุณ roslita ก็อย่างที่ตอบ แบบ เดิมๆ หากในบล๊อกคุณ สิ่งที่คิดเอง ก็ไม่มีปัญหา หากบางตอนไม่ใช่ ก็ต้อง อ้างอิง ครับ การอ้างอิง ถือได้ว่า "มีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น มิให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ " และ "ไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์และไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร" สบายใจได้ แต่ก็มีข้อน่าสังเกตุคือ เพลง ครับ เพราะ ปกติแล้วเพลง วัตถุประสงค์ในการใช้มันคือการ อุปโภค คือ ฟัง ครับ  เจ้าของลิขสิทธิเพลงเท่านั้น มีสิทธิ อันเป็นไปตามนี้ครับ มาตรา 15 ภายใต้บังคับมาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 14 เจ้าของลิขสิทธิ์ย่อมมีสิทธิแต่ผู้เดียวดังต่อไปนี้ (1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง (2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน (3) ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ และสิ่งบันทึกเสียง (4) ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น (5) อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิตาม (1) (2) หรือ (3) โดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดหรือไม่ก็ได้ แต่เงื่อนไขดังกล่าวจะกำหนดในลักษณะที่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้ การพิจารณาว่าเงื่อนไขตามวรรคหนึ่ง (5) จะเป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง การเอาเพลงลงบล๊อก มันมีปัญหาได้เพราะ ตามกฎหมาย นั้น มาตรา 28 การกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ หรือสิ่งบันทึกเสียงอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ โดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 15 (5) ทั้งนี้ ไม่ว่าในส่วนที่เป็นเสียงและหรือภาพ ให้ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าได้กระทำดังต่อไปนี้ (1) ทำซ้ำหรือดัดแปลง (2) เผยแพร่ต่อสาธารณชน (3) ให้เช่าต้นฉบับหรือสำเนางานดังกล่าว เจ้าของเพลงเท่านั้นครับ มีลิขสิทธิครับ พึงระวัง ว่างๆคุยกัน จากคุณ : กมลลั้นลาแอบปลื้มน้องแมท (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 01:27:02

ความคิดเห็นที่ 47 การกล่าวหาว่า "กระทู้ใดละเมิดลิขสิทธิ ลอกงานชาวบ้านเขามา ไม่ใช่หน้าที่ของผม" เพราะ " ไม่มีการโต้แย้งสิทธิในลิขสิทธิของผม" กระทู้ที่ผมเขียนนี้ มีวัตถุประสงค์ ชี้ให้เห็นถึง "การอ้างอิง" หรือ "การให้เครดิต" ตามกฎหมายลิขสิทธิ และ ประเด็นความรู้อื่นๆที่น่าสนใจ ไม่ใช่มาจับละเมิดลิขสิทธิ์ อนึ่ง การกล่าวอ้างว่า "กระทู้ใดลอกงานชาวบ้านเขามา" ผู้นั้น ต้องมีภาระพิสูจน์ ว่า "กระทู้นั้นลอกงานชาวบ้านมา" โดย หาพยานหลักฐาน มายืนยัน หักล้าง ตรงนี้ การกล่าวหาลอยๆ โดยไม่พิสูจน์หักล้าง มันเข้าข่ายหมิ่นประมาทได้ ซึ่งพึงต้องระวัง "คำให้สัมภาษณ์" เป็นลิขสิทธิ์ของผู้ถูกสัมภาษณ์ เป็นวรรณกรรม ตาม ม.๔ วรรณกรรม หมายความว่า งานนิพนธ์ที่ทำขึ้นทุกชนิด เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ ปาฐกถา เทศนา คำปราศรัย สุนทรพจน์ และเป็น ลิขสิทธิ์ อันหมายความว่า สิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำการใด ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ทำขึ้น ตัวอย่างเช่น สมมุติ มีคนมาขอสัมภาษณ์ผม "คำสัมภาษณ์ของผมก็เป็นลิขสิทธิ์ ของผม" ผมจะอนุญาตให้หนังสือพิมพ์ เอาไปลงหนังสือพิมพ์ หรือ จะให้ลงพันทิป มันเป็นสิทธิของผม ส่วนหนังสือพิมพ์ หรือ พันทิป ผู้สัมภาษณ์ จะมีสิทธิข้างเคียงอื่นใด ก็อีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้น หากมีคนเขียนกระทู้ แล้วอ้างอิงว่า "มาจากการให้สัมภาษณ์ของผม" มีการอ้างชื่อผม "แค่นี้ก็เป็นการอ้างอิงที่สมควรแก่เหตุ อันคำนึงถึงตัวผม ตามมาตรา ๓๓ แล้ว เพราะ "คำสัมภาษณ์นั้นมันสิทธิของผม" ครับ เช่นกัน การที่ทางพันทิป จะเคร่งครัดเรื่องกฎหมายลิขสิทธิหรือไม่ เป็นประโยชน์ของทาง พันทิป เอง หากมีปัญหา ต้องไม่ลืมว่า ละเมิดลิขสิทธิ์ มันมีโทษทางอาญาด้วย ทางตำรวจ ก็คงไม่มา A Touch of Friendship อะไรหรอกครับ ว่ากันตามคดีเท่านั้น ผมไม่มีส่วนได้เสียครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 04:55:07 จากคุณ : กมลลั้นลาแอบปลื้มน้องแมท (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 02:53:00

ความคิดเห็นที่ 48 สวัสดีค่ะ คุณกมล...ลั้ลลา หายหน้าไปนานนะคะ คุณทำให้หลายๆ คนติดคำว่า "ว่างๆ คุยกัน" แล้วคุณก็จากไป ....... ข้อความด้านกฎหมายนี่มันช่างเป็นภาษาที่เข้าใจยากจริงๆ นะคะ เวลาไปสมัครอะไรที เขาให้อ่านกฎข้อบังคับเงื่อนไขของเขา นี่เวลาอ่านไม่พอเลย ต้องเซ็นชื่อรับทราบเสียแล้ว ถ้าเอามาอ่าน ที่บ้านไม่ได้ต้องทำไงล่ะ ต้องเซ็นแล้ว  (หรือมันต้องเขียน ให้เข้าใจยากกระนั้นหรือ) สำหรับเรื่องการใช้เวบบอร์ด เรื่องลิขสิทธิ์ เราก็พยายามระมัดระวัง เท่าที่จะทำได้ มีมารยาทงามด้วยนะ จะใช้ของใครขอเขาก่อน เคยเจอแบบเห็นรูปสวยๆ ของป้าคนหนึ่ง ไปขออนุญาตเขาดีๆ นะ   เขาไม่ให้ยังไม่พอนะคุ๊น ว่าเราไม่มีปัญญาหาเองก็ไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ ขนาดนั้นเลย..... ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  ไม่เคยมีเรื่องกันมา ตอบมาเหมือนโกรธกันมาแต่ชาติปางไหน เอาน่ะ  ป้าคงจะอยู่ในวัยเลือด จะไปลมจะมา...  (จากนั้นมาอิฉันไปไหนพกกล้องตลอดเลย กลัวพลาดรูปสวยๆ อยากได้ไปถ่ายเอาเองก็ได้ฟะ) ............ แต่ในขณะที่อีกกระทู้หนึ่ง มีคนโดนหยิบของดีในบล็อกตัวเองไปใช้ เจ้าของเข้าไปแจ้งเตือน  พวกนั้นเขาบอกว่าช่วยโฆษณาข้อมูลให้ไม่ดีเหรอ   เป็นหนี้บุญคุณเขาอีกแน่ะ    (รวบรวมของคนนั้นนิด คนนี้หน่อย มาไว้บล็อกเธอเองเลย ไม่แน่ใจว่าได้รับการโหวตติดอันดับหรือเปล่า มันนานแล้วจำไม่ค่อยจะได้ แต่ก็ดังนะกระทู้นั้น ถ้าใครจำกระทู้นั้นได้ ก็คงจะนึกออก  แถมมีพวกแฟนบล็อกของคนที่คัดลอกของคนอื่นมาว่าเจ้าของที่โดนขโมยคิดมากเกินไป และไร้น้ำใจอีกนะ).... เฮ้อ!!     (ไม่ค่อยเกี่ยวกับกระทู้เท่าไหร่ อยากเล่าเรื่องคัดลอกเนี่ยแหล่ะ เกี่ยวนิดหนึ่งเนอะ ) คห. 25  กระทู้นั้นเราก็ได้อ่านค่ะ แต่แบบกระทู้นั้นมันชัดเจนในการขโมยรูปเขาไปใช้ในทางธุรกิจไงคะ ง่ายต่อการตีความ และผิดเห็นๆ  จขกท. นั้นเลยฟ้องชนะ  ถ้าจำไม่ผิด ทนาย น้าใช่ เป็นคนฟ้องให้  ตอนหลังๆ กระทู้นั้นมีคนมาว่า จขกท. อยากดังอีกด้วยนะ (คิดไปได้เนอะ เขาเอามาเล่าเป็นอุทธาหรณ์) ปล. เห็นเวลาจะแก้ข้อกฎหมายแต่ละครั้ง นักกฎหมายผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายก็ต่างเตรียมฆ้อนมากันเต็มที่ ยังตีความไม่ตรงกันเลยอ่ะ แล้วเรามนุษย์ธรรมดา รู้กฎหมายขั้นพื้นฐาน จะไปตีอะไรซับซ้อนได้คะ  เพราะเรื่อง หลายเรื่องมันมีเส้นบางๆ แค่นิดเดียวกันคนละความหมายเลยนะ จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 02:55:09

ความคิดเห็นที่ 49 ตอบคุณ หมู (ตัว) อ้วน เรื่องเกี่ยวกับประเทศเช็กนั้น ผมเองก็ เคยคิดที่จะเขียนลงพันทิป พร้อมรูป แต่ก็กลัวเรื่องพวกชอบ ละเมิดลิขสิทธิ์ แอบมาลอกของผม แล้วก๊อบรูป ผมเลย ตัดปัญหา ไม่เขียนเลย ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาทางพันทิปเองก็ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนในปัญหาของผมได้ ผมเลยไม่อยากเขียน ที่สำคัญเรียนหนักมากครับ ไม่ว่างเลย หากแต่คุณสนใจเรื่องใดคุณก็สามารถคุยกับผมได้ครับ เรื่องนี้ ว่างๆคุยกัน จากคุณ : กมลลั้นลาแอบปลื้มนาตาลีด้วย (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 03:04:52

ความคิดเห็นที่ 50 ตอบคุณ thaispicy การอ้างอิง หรือ การให้เครดิต ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ นี่แหละครับ ผมว่ามันจะเป็นการป้องกันตัวเราเองจากการโดนฟ้อง ครับ ผมว่า มันมีประโยชน์มากกว่า โทษ และไม่คิดว่า ทำให้อึดอัด ที่จะแบ่งปันข้อมูลอะไร เพียงแค่ อ้างอิงเครดิตเล็กน้อย มันก็จบ ง่ายจะตายไป ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ ว่างๆคุยกัน จากคุณ : กมลลั้นลาชอบSNSD (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 03:12:42

ความคิดเห็นที่ 51 สวัสดีคุณก๋า สบายดีนะครับ เออ เนเธอแลนด์ จะเข้าชิงไหมนี่ บอกด้วย ครับ คือ อย่างที่บอกล่ะครับ ว่า ความคิดเรื่องการคำนึงถึงลิขสิทธิ์ เมืองไทยค่อนข้างจะมีแนวคิดที่สวนทางกับผู้อื่น เช่นอย่างที่คุณบอกล่ะครับ "มีการบอกว่า ช่วยโฆษณาอีก" จริงๆ ไม่ใช่เลยครับ เช่นกันกรณีของรูปถ่ายด้วย อันนี้ก็เป็นลิขสิทธิของผู้ถ่าย หากเจ้าตัวไม่ให้ ก็เป็นเรื่องยาก ที่จะขอ (แต่ถ้าขอโดย ตกลงว่าจะให้เงิน ก็อาจกลายเป็นอย่างอื่นไป ครับ) กฏหมายมันเป็นเรื่องปวดหัว ครับ ผมเองก็พยายามเขียนให้ง่ายต่อความเข้าใจ เพราะหากประชาชนทั่วไปเข้าใจ รู้จักสิทธิหน้าที่ตนเอง ก็จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ พวกมิจฉาชีพ ครับ ยิ่งกฎหมายลิขสิทธิเป็นสิ่งที่เราต้องพึงคำนึงถึงและปรับตัวให้เข้ากับสังคมโลกโลกาภิวัตร ครับ อย่างที่ผมกล่าวไว้ตอนต้นล่ะครับ " หากเราไม่ปรับปรุงตรงจุดนี้ก็เป้นการยากที่เราจะสร้างสิ่งใหม่ๆ วิชาการใหม่ๆ ที่มันจะเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาประเทศไทย" ผมว่า "เราจำเป็นต้องคิดถึงมันพอสมควร" ว่างๆคุยกัน ครับ จากคุณ : กมลลั้นลาแอบชอบซูยองจ้า (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 03:33:18

ความคิดเห็นที่ 52 ขอขอบคุณท่านที่สนใจเข้ามาอ่าน ครับ ผมก็ขอแจกกิฟท์ เป็นการตอบแทน แล้วกัน ครับ ว่างๆคุยกัน จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 03:47:44

ความคิดเห็นที่ 53 กลับมาเสริมเพิ่มเติมเล็กน้อยเกี่ยวกับ "ท่อของคุณ" Youtube ครับ ปกติ เท่าที่ทราบ ทางบริษัทเพลงก็ไล่ตามลบ MV อยู่เหมือนกัน หรือ บางทีก็เอาหูเอานาเอาตาไปไร่ หากบริษัทเพลงไม่เสียอะไรมากนัก แต่บางที บริษัทเพลงก็ได้ตกลง ทำเว็บต่างหากขึ้นมาโดยร่วมมือกับทางยูทูป เพื่อเป็นการเผยแพร่งานเพลงอันมีลิขสิทธิ์ของตน ครับ นั่นคือ VEVO ครับ เจ้า Vevo จะเป็นตัวกลางนำเสนอเพลงของ Universal Music Group เป็นหลักครับ อ้างอิงจาก http://www.lupa.cz/clanky/hudebni-videoserver-vevo-odstartoval/ (cit 6.7.2010) ว่างๆคุยกันครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 05:36:11 แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 05:13:59 จากคุณ : กมลลั้นลาแอบชอบซูยองจ้า (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 05:12:47

ความคิดเห็นที่ 54 แล้วคุณกมลมีแนวคิดที่จะแนะนำที่ทำให้กฏหมายมีผลบังคับใช้อย่างเท่าเทียมกันไหมครับ? จากคุณ : น้ำเต้าหู้กะปาท่องโก๋ เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 08:37:36

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่ค่อยว่างค่ะ แต่ก็แอบมาคุย ;P welcome back ^^ จากคุณ : หญิงป้า เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 09:00:49

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆนะคะ จากคุณ : thaiivy เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:18:35

ความคิดเห็นที่ 57 ความคิดเห็นที่ 53   กลับมาเสริมเพิ่มเติมเล็กน้อยเกี่ยวกับ "ท่อของคุณ" Youtube ครับ ปกติ เท่าที่ทราบ ทางบริษัทเพลงก็ไล่ตามลบ MV อยู่เหมือนกัน หรือ บางทีก็เอาหูเอานาเอาตาไปไร่ หากบริษัทเพลงไม่เสียอะไรมากนัก............... จากคุณ   : กมลลั้นลาแอบชอบซูยองจ้า (Kamollanla) ตัวอย่าง... ในเยอรมนี... รัฐบาลเข้มงวดเรื่องลิขสิทธิ์ค่ะ... มาทราบเมื่อตอนดิฉันเปิดสไก๊พคุยกับลูกซึ่งช่วงนี้เขาอยู่เยอรมนี... มีบางครั้งที่ดิฉันส่งลิ้งค์ยูทูปให้เขาเปิดดูพร้อมๆกับดิฉัน.... บางยูทูปเขาเปิดดูไม่ได้้ และฟังเพลงใหม่ล่าสุดในอเมริกาจากยูทูปไม่ได้ ถ้าเพลงประกอบในยูทูปเป็นเพลง หรือเป็นมิวสิึควิดีโิอที่คนนำไปลงยูทูป ที่มีลิขสิทธิ์.... ทางเยอรมนีบล๊อกหมด... ด้วยเหตุผลทางลิขสิทธิ์ ดิฉันสังเกตอีกเรื่องที่คนส่วนหนึ่งในเว้บบอร์ด.... มักนำรูปภาพที่ไปค้นหามาได้จากเว้บกูเกิ้ล หรือที่อื่นๆ และนำมาลงเป็นภาพประกอบในกระทู้ หรือความเห็นของตน... คนพวกนั้น "ไม่ลงเครดิตของที่มาของภาพนั้นๆ" ... ทำให้คนอ่านบางคนที่พาซื่อ เข้าใจกันไปเองว่า เจ้าของความเห็น หรือ เจ้าของกระทู้นั้นๆ เป็นเจ้าของภาพ หรือ เป็นผลงานของผู้ตั้งกระทู้ หรือ คนออกความเห็นนั้นๆได้ทำเองจากมือ...... ต่างก็พากันชื่นชม เยินยอ จากรูปภาพที่นำมาลงประกอบ... เจ้าของกระทู้ หรือ เจ้าของความเห็นก็เฉยไม่นำพา ไม่ทักท้วงอะไร.... คงปลื้มชอบใจที่มีคนชม... แต่นั่นเป็นผลงานของคนอื่น จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 10:46:54

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณมากค่ะคุณกมล ที่ช่วยเพิ่มเติมเรื่องการป้องกันตัวเอง ดิฉันก็มองข้ามจุดนั้นไปเลย มัวแต่คิดถึงคนอื่น 55 จากคุณ : JidNince "ดิฉันสังเกตอีกเรื่องที่คนส่วนหนึ่งในเว้บบอร์ด.... มักนำรูปภาพที่ไปค้นหามาได้จากเว้บกูเกิ้ล หรือที่อื่นๆ และนำมาลงเป็นภาพประกอบในกระทู้ หรือความเห็นของตน... คนพวกนั้น "ไม่ลงเครดิตของที่มาของภาพนั้นๆ" ... ทำให้คนอ่านบางคนที่พาซื่อ เข้าใจกันไปเองว่า เจ้าของความเห็น หรือ เจ้าของกระทู้นั้นๆ เป็นเจ้าของภาพ หรือ เป็นผลงานของผู้ตั้งกระทู้ หรือ คนออกความเห็นนั้นๆได้ทำเองจากมือ...... ต่างก็พากันชื่นชม เยินยอ จากรูปภาพที่นำมาลงประกอบ... เจ้าของกระทู้ หรือ เจ้าของความเห็นก็เฉยไม่นำพา ไม่ทักท้วงอะไร.... คงปลื้มชอบใจที่มีคนชม... แต่นั่นเป็นผลงานของคนอื่น" คุณกล่าวขึ้นมาดิฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เคยนำรูปภาพเบียร์ของเท็กซัสที่ได้มาจากการ google มาลงประกอบความคิดเห็น ได้ก็อปปี้จริงค่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นของตัวเองหรือเป็นของใคร ประมาณว่าอยากให้คนอื่นเห็นว่าเบียร์เป็นแบบนี้เองนะ ต้องขอน้อมรับความผิดพลาด คราวต่อไปจะต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้นค่ะ ^^ จากคุณ : thaispicy เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 12:02:22

ความคิดเห็นที่ 59 ขออนุญาตกราบเรียนว่า "บางประเด็นปัญหาเป็นเรื่องระดับรัฐที่เกินกว่าคนตัวเล็กๆอย่างผมเพียงคนเดียวจะทำได้" ผมขออนุญาตไม่ตอบ ผมเองก็ไม่ขัดศรัทรา "หากว่ามีผู้ใดคิดว่าตัวเองเพียงคนเดียวทำได้" อนึ่งการถามข้อสงสัยในกระทู้นี้ที่ผมคิดว่า "สุภาพ มีมารยาท และมีความเป็นมิตร ไม่มีลักษณะคุกคามผู้ตั้งกระทู้ ขอให้ดูแบบ คุณ Tanja-nl คุณ roslita คุณ thaispicy ซึ่ง คำถามของทั้งสามท่าน เป็นคำถามที่ ผู้ถามยินดีที่จะฟังคำตอบ ผู้ตั้งกระทู้ก็สบายใจที่จะตอบ สบายใจกันทั้งสองฝ่าย และ ไม่เกิดการทะเลาะเบาะแว้งแน่นนอน อนึ่ง สำหรับคุณ thaispicy การอ้างภาพจาก google นั้น ทำได้ โดยอ้างในลักษณะตัวอย่าง ไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ครับ วิธีเช่น ตัวอย่างภาพ : อ้างอิงจาก www.google.com (cit.6.7.2010) หรือไม่ก็ดูวิธีการอ้างอิง เว็บ แบบในความเห็นที่ ๕๓ ครับ ก็ทำนองเดียวกัน ครับ แค่นี้ก็ปลอดภัยแล้วครับ ขอขอบคุณทั้งสามท่านที่ผมเอ่ยนาม และท่านอื่นๆที่สนใจอ่าน ทั้งสามท่านและท่านอื่นๆ ก็ว่างๆคุยกันครับ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 01:06:20 จากคุณ : กมลลั้นลาแอบปลื้มนาตาลีด้วย (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 16:59:26

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณ คุณกมลมากนะคะสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติม พอดีข้อมูลที่ดิฉันเอาไปลงในบล็อก เป็นความคิดเห็นที่ดิฉันตอบในกระทู้ห้องไกลบ้านแบบยาว ๆ นะคะ ดิฉันคิดว่ามีประโยชน์ และเป็นลิขสิทธิ์ที่ดิฉันคิดเขียนเอง จึงอยากเก็บข้อมูลไว้ที่บล็อกค่ะ และดิฉันก็ยังให้เครดิตคนที่เป็นเจ้าของกระทู้ที่คิดเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้ดิฉันได้เข้าไปแสดงความคิดเห็น แต่ไม่เคยก้อปเอาข้อความใด ๆ ของใครในกระทู้หรือที่อื่น ๆ มาลงบล็อกและเวบไซต์ของตัวเองค่ะ สำหรับคนที่กล่าวหาดิฉันนั้น ดิฉันไม่ติดใจอะไรแล้ว ดิฉันให้อภัยและเมตตาเขาทุกอย่าง เพราะจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อกัน ตอนนี้เรื่องภาพและเพลงบางอันที่ดิฉันเคยเอามาโพสต์ในบล็อก ถึงแม้ดิฉันจะให้เครดิตเจ้าของภาพ หรือติดต่อขออนุญาต ดิฉันก็พยายามลบออกจากบล้อกและเวบไซต์ให้เร็วที่สุดค่ะ แม้จะช้า แต่ก็จะลบออกค่ะ พยายามให้เวบของตัวเองมีแต่ส่วนของตัวเอง เพราะดิฉันต้องป้องกันทุกอย่างไว้ให้ดีกว่าที่จะวิ่งแก้ไขปัญหาที่ตามมา หากคุณกมลรุ้เกี่ยวกับวิธีทำลายภาพเป็นเอกลักษณ์ในภาพที่เราถ่ายเอง เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและป้องกันการก้อปปี้ รบกวนขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : roslita เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 23:25:00

ความคิดเห็นที่ 61 ขออนุญาตตอบข้อซักถามของคุณ roslita ครับ กระทู้ชาวบ้าน แต่บางความคิดเห็นเป็นของคุณ คุณเป็นคนเขียน คุณมีลิขสิทธิ์ในจุดนี้ครับ ตัวอย่างเช่นในกระทู้นี้ แม้จะเป็นกระทู้ที่ผมตั้ง แต่ก็มีความเห็นที่เป็น ความคิดเห็นของคุณ เช่น ความคิดเห็นที่ ๓๗ กับ ๗๐ ตรงนี้คุณมีสิทธิ ครับ เช่นกัน หากผมเอากระทู้นี้ไปเขียนรวมเล่มเป็นหนังสือ ผมก็ต้องอ้างอิงว่า ความคิดเห็นนี้ของคุณ ครับ ตัวอย่างเช่น อ้างอิงจาก : roslita.ความคิดเห็นที่ ๓๗.เขียนกระทู้ลงในห้องไกลบ้านอย่างไรจึงจะไม่มีปัญหาเรื่อง "ละเมิดลิขสิทธิ์".kamollanla (ห้องไกลบ้าน,พันทิป) (cit.7.7.2010) จากเว็บ http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H9437119/H9437119.html ดังนั้น สิ่งที่คุณเขียนแม้จะเป็นกระทู้ชาวบ้าน แต่คุณก็มีลิขสิทธิ์ ครับ ผมเองต่างหาก หากจะรวมเล่ม เมื่อถึงความคิดเห็นที่เป็นของคุณ ผมก็ต้องอ้างอิง ตามรูปแบบข้างต้น ครับ ในทางตรงกันข้าม ความคิดเห็นของตัวคุณเอง แม้จะอยู่ในกระทู้ชาวบ้าน แล้วคุณเอาความคิดเห็นของตัวคุณที่คุณเขียนในกระทู้ชาวบ้าน มาเรียบเรียงใหม่ในบล๊อกของคุณ คุณมีสิทธิทำได้ เพราะ เป็นความคิดเห็นของคุณ คุณเป็นคนเขียน กล่าวคือ มันคือ ลิขสิทธิ์ของคุณ ส่วนเรื่อง วิธีทำลายภาพเป็นเอกลักษณ์ในภาพที่เราถ่ายเอง เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและป้องกันการก้อปปี้ อันนี้ต้องกราบขออภัยจริงๆ ผมไม่รู้ครับ อนึ่ง เรื่องเพลง กับ ภาพชาวบ้าน ผมว่า เอาออกดีกว่า ครับ กันไว้ดีกว่าแก้ เพราะการจะทำให้เขาอนุญาตให้ใช้ได้ สมัยนี้คุยกันด้วยเงิน ครับ สำหรับ เรื่องลิขสิทธิ์ ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ หากสงสัยอะไรก็ถามได้ครับ ว่างๆคุยกัน ครับ จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 01:01:46

ความคิดเห็นที่ 62   how to check the citation of each website ka? จากคุณ : kratai เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 01:25:29 A:129.110.241.147 X: TicketID:166635

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณ คุณกมลมากค่ะ พอดีเรื่องลายภาพนั้น มีพี่ที่ดิฉันนับถือได้ส่งลิงค์มาให้ด้วยค่ะ เกี่ยวกับวิธีทำลายภาพค่ะ ต้องขอขอบคุณพี่ที่นับถือท่านนั้นด้วยค่ะ จากคุณ : roslita เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 06:18:38

ความคิดเห็นที่ 64 #60 หมายถึงการทำลายน้ำใช่ไหมครับ การทำลายน้ำ นี่เอาเข้าจริงแล้วแทบไม่มีประโยชน์ เพราะภาพที่เราถ่าย ไม่ว่าจะใส่ลายน้ำหรือไม่ใ่ส่ มันก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเรา และต่อให้ใส่ลายน้ำ ถ้าคนมันต้องการจะขโมยภาพจริงๆ การ retouch ออกเป็นเรื่องง่ายมากๆๆ แต่ถ้าจะมองในแง่ดี ก็คือยังพอมีประโยชน์ ในกรณีที่มีผู้ต้องการนำไปใช้ จะได้ิติดต่อเจ้าของถูก ส่วนการอ้างอิงว่าเราเป็นเจ้าของภาพที่แท้จริง เผื่อใช้ในกรณีฟ้องร้องนั้น หากทางเรามีต้นฉบับเก็บเอาไว้ในเครื่องเรา และกล้องที่ใช้ถ่ายยังอยู่กับท่าน (ไม่ได้ขายต่อ หรือหายสาปสูญไป)  เท่านั้นก็พิสูจน์ได้แล้วครับ เพราะภาพถ่ายพวกนี้จะมีข้อมูล EXIF ติดอยู่ ใน EXIF นี้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับ serial number ของกล้องที่ใช้ถ่าย, วันที่ เวลาที่ถ่าย, ข้อมูลทางเทคนิค(ISO, shutter speed, f/stop, etc.) อยู่ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้พอจะใช้อ้างอิงความเป็นเจ้าของได้ในระดับหนึ่งครับ และสมมุติมีผู้ละเมิดหัวใส ไปแอบแก้ข้อมูลเหล่านี้ ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถตรวจสอบได้อีก(แต่ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ อันนี้ไม่แน่ใจ) จากคุณ : Chanin.U เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 13:44:24

ความคิดเห็นที่ 65 ผมเห็นต่างจากคุณกมลในเรื่องการบังคับใช้ลิขสิทธิ์ในพันทิป แต่เห็นความตั้งใจและเห็นคุณค้นข้อมูลมาตอบทุกคน   ขอแสดงความชื่นชมครับ นอกจากนี้ก็มีหลายท่านมาแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริงๆ  ขอให้ give กับจขกทครับ จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 14:54:24

ความคิดเห็นที่ 66 ข้อมูล EXIF มันใช้ยืนยันอะไรไม่ได้ครับ เพราะสามารถแก้ไขได้ง่ายๆ และกล้องบางรุ่น ก็ไม่เขียน serial no. ลงใน EXIF ด้วย การยืนยันว่าเป็นเจ้าของภาพ ทำได้โดยแสดงไฟล์ภาพต้นฉบับครับ ถ้ามีภาพอื่นๆในชุดเดียวกันที่ถ่ายในคราวเดียวกัน ยิ่งดี เป็นการยืนยันว่าเราถ่ายเอง ถ่ายมาเป็นชุด เทียบเป็นสมัยใช้ฟิล์ม ก็เหมือนเอาฟิล์มทั้งม้วนไปยืนยัน ส่วนเรื่องสิทธิ์ในบทสัมภาษณ์ ผมเห็นต่างจากคุณกมลครับ ถ้าผู้สัมภาษณ์ไปสัมภาษณ์ แล้วเขียนสิ่งที่สัมภาษณ์ออกมา ถึงบางส่วนจะเป็นการโคว๊ตจากคำพูดของผู้ให้สัมภาษณ์ก็ตาม ผมเห็นว่าเป็นวรรณกรรมที่สร้างสรรโดยผู้สัมภาษณ์ครับ เพราผู้สัมภาษณ์ได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดจากคำพูดออกมาเป็นตัวอักษรครับ ส่วนผู้ให้สัมภาษณ์จะมีสิทธิ์หรือไม่ในการอนุญาตให้ใช้คำสัมภาษณ์ อันนั้นเป็นข้อตกลงกันระหว่างผู้สัมภาษณ์กับผู้ให้สัมภาษณ์ ว่าจะให้ผู้ให้สัมภาษณ์คงสิทธิ์ที่จะแก้ไขหรือยับยั้งการตีพิมพ์หรือไม่ ซึี่งถ้าเป็นการสัมภาษณ์ลงคอลัมภ์อะไรแบบนี้ ถ้ามีเวลาพอก็อาจจะส่งให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ดูก่อนก็ได้ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 15:23:24 จากคุณ : alan the lamb เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:15:47

ความคิดเห็นที่ 67 คดีฟ้องร้องของคุณกลมกับคนที่เอาข้อความของคุณในพันทิปไปเขียนลงหนังสือขาย ไปถึงไหนแล้วค่ะ...ศาลประทับรับฟ้องมั๊ยค่ะ จากคุณ : ตัวตายตัวแทน (เอ๋แม้ว) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 18:58:34

ความคิดเห็นที่ 68 โถๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : จูล่งฝ่าทัพ_รับอาเต๊า เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 22:36:44

ความคิดเห็นที่ 69 ในเมื่อคุณกมล ออกมาบอกว่า กระทู้นี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือ แอบด่า คุณมาดามพันชั่ง ในคห ที่ 90 ผมขอถอนความเห็นนี้ แต่ขอคง ข้อความไว้ เพื่อเป็นการรับผิดชอบในคำพูด และผมขอโทษคุณกมล ที่ผมเข้าใจผิด สิ่งที่ผมอยากได้ คุณกมลได้ให้ผมแล้ว ใน คห ที่ 90 ครับ     สมมตินะครับ คุณกมล     มีหนังสือพิมพ์มาสัมภาษณ์ คุณกมล เพื่อ ลงหนังสือพิมพ์     ผมถามว่า สิทธิ์ อยู่ที่ ใคร ? แต่ละคนมี สิทธิ์ แค่ไหน ?     1. คุณกมล ผู้ให้สัมภาษณ์     2. ผู้สื่อข่าว ผู้สัมภาษณ์     3. หนังสือพิมพ์     แต่มาภายหลัง ผู้สื่อข่าว ได้นำบทสัมภาษณ์ออกเผยแพร่     ในสื่ออื่น เช่น Web Board หรือ  Email ส่วนตัว     ตามมารยาทแล้ว สมควร ที่จะขออนุญาต คุณกมลก่อนหรือไม่ ?     หรือแค่แจ้งให้คุณกมลรู้ แต่เอาไปเผยแพร่แล้ว โดยยังไม่ได้รับ     ความเห็นจากคุณกมล ทำได้หรือไม่?     ผู้สื่อข่าว มีสิทธิ์ นำบทสัมภาษณ์ ไปอ้างอิง ที่ไหนก็ได้     แม้จะกล่าวถึงผู้ให้สัมภาษณ์ ได้หรือไม่ ?     อันนี้ขอถามล่อเป้าเลยนะครับ เพราะผมก็เคยพลาดมาแล้ว     อีเมลล์, MSN, หรือแม้กระทั้งการคุยกันทางโทรศัพท์, หลังไมค์     หากนำมาเปิดเผยให้บุคคลที่ 3 รู้   จริงๆแล้ว สามารถทำได้หรือไม่ ?     ขอบคุณนะครับคุณกมล ที่ยกเรื่องลิขสิทธิ์นี้มาพูดกัน น่าสนใจทีเดียว แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 04:40:41 จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 01:28:54

ความคิดเห็นที่ 70 ดีใจที่เห็นคุณกมลกลับมาเขียน ตั้งใจจะถามคำถาม แต่พออ่านจบกลับลืมไปซะอย่างนั้น ว่างๆถ้านึกออก จะมาถามใหม่ค่ะ จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 02:45:41

ความคิดเห็นที่ 71 ขอขอบคุณทุกท่านที่มีความคิดเห็นต่างออกไป ครับ นับเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ในทำนองเดียวกัน หากคำสัมภาษณ์ของผม แล้วผมบอกไม่ให้เอาลง แล้วผมบอกจะเก็บไว้ขายเอง แล้วตกลงตรงจุดนี้ผมมีลิขสิทธิ์หรือไม่ ? หรือ ในทำนองเดียวกัน เช่น คำบรรยายอาจารย์ที่เนติบัณฑิตย์ ใครมีลิขสิทธิ์  และได้รับการคุ้มครองหรือไม่? ซึ่งบางทีมันขึ้นอยู่กับหลายอย่างเช่น อุปกรณ์บันทึกสัมภาษณ์ หรือ แม้กระทั่ง การยินยอมของผู้ให้สัมภาษณ์  เองก็ด้วย ตัวอย่างเช่น ในตอนผมเรียน อาจารย์ก็มักกำชับว่า "เขามีลิขสิทธิ์ในคำบรรยายนี้ แต่ท่านก็อนุญาตให้ผม อัด ไปฟังได้ เพราะสงสาร" แต่ท่านก็ยังย้ำว่า ท่านมีลิขสิทธิ์ตรงนี้อยู่ ห้ามเอาไปขาย ตรงจุดนี้ ในวงวิชาการค่อนข้างจะเถียงกันพอสมควร ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณที่มีความคิดเห็นที่ต่างออกไป มันต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายครับ อนึ่ง บางคำถาม ขออนุญาตกราบเรียนว่า "ผมไม่ทราบถึงเจตนาในคำถามอันนี้ ว่าถามด้วยสาเหตุอันใด?" และ ผมขออนุญาตกราบเรียนย้ำว่า " บางเรื่องเป็นเรื่องส่วนตัว ผมขออนุญาตไม่ตอบครับ" มารยาทในการถามคำถาม ขอให้ดูตัวอย่างอันน่าชมเชยของคุณ roslita ซึ่งคำถามของเธอนั้น "คนตอบก็เต็มใจตอบ คนถามก็สบายใจที่จะรอฟังคำตอบ" ครับ และคำถามของคุณ roslita เป็นคำถามที่ดี ที่ไม่มีเจตนาแอบแฝง วาระซ่อนเร่น และมีมารยาทไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ครับ ขอย้ำว่า เรื่องความเห็นแย้งเป็นเรื่องปกติ อาจจะปรากฎในคำพิพากษาเอง หรือ เช่น ตอนผมสอนหนังสือ นักเรียนถามผมว่า "เจตนาน่ะแค่ไหน" ผมบอกแค่เจตนา ที่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิด แต่นักเรียนตอบน่าจะรวมถึงเจตนาร้าย (Mens Rea) ผมก็บอก ไม่เห็นด้วยเพราะคนละระบบ แต่ก็แอบดีใจ ที่นักเรียนไปอ่านมา ซึ่งมันอยู่ที่เหตุผล ครับ "ผมเองยังเถียงกับอาจารย์เรื่องหุ้นส่วนเอาหุ้นไปจำนำแล้วหุ้นส่วนดันตาย " อยู่เลย ก็ต้องติดตามตอนต่อไป ว่างๆคุยกัน ครับ แต่ ไม่ว่างๆ  "ดราม่า" กัน แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 53 05:04:55 จากคุณ : กมลลั้นลาแอบฟัง4Minute (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 05:01:57

ความคิดเห็นที่ 72 ในเมื่อคุณกมล ออกมาบอกว่า กระทู้นี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือ แอบด่า คุณมาดามพันชั่ง ในคห ที่ 90 ผมขอถอนความเห็นนี้ แต่ขอคง ข้อความไว้ เพื่อเป็นการรับผิดชอบในคำพูด และผมขอโทษคุณกมล ที่ผมเข้าใจผิด สิ่งที่ผมอยากได้ คุณกมลได้ให้ผมแล้ว ใน คห ที่ 90 ครับ     ที่ต้องถามคุณกมล ตาม คห 69 นี้ เพราะผมเห็นว่า กระทู้นี้     มีมูลเหตุมาจากกระทู้แนะนำก่อนหน้านี้ มีอะไร ซ่อนอยู่ลึกๆ     จากการยกตัวอย่าง ใน คห 2 ของคุณกมล ถึงแม้ไม่ชัดเจนอะไร     แต่ก็พออนุมานได้ว่า มีมูลเหตุมาจาก กระทู้ของคุณ มาดามพันชั่ง     เรื่อง ท่านั่ง เมื่อเครื่องบินลงจอดฉุกเฉิน     (http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H9427231/H9427231.html )     และหลังจากกระทู้ดังกล่าว คุณป้ากริชนาคราช ก็ได้เข้าไปตั้งกระทู้     เปิดโปงป่วน      (http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H9430742/H9430742.html)     เพราะในเมื่อคุณกมล ได้กล่าวถึง ใน คห 2 นั้นว่า          แล้วเขียนกระทู้อย่างไรไม่ให้ละเมิดลิขสิทธิ ?          ก็อย่างที่ผมนำความบอกไว้ง่ายๆล่ะ ครับ นั่นคือ          "การให้เครดิต" ครับ เช่น          กระทู้ ที่ตั้งนี้ นำข้อมูลมาจาก โบรชัวร์เอกสารของการบิน          " ชปาทน่าปานนี" เป็นต้น          อ้างแค่นี้ สายการบินชปาทน่าปานี ก็มาฟ้องฐานละเมิดลิขสิทธิ์          สิ่งเขียนอันคือโบรชัวร์ของตนไม่ได้แล้ว     ถ้าจะให้มอง คือคุณกมลกล่าวถึง กระทู้ ท่านั่งฯ ของคุณ มาดามพันชั่ง     ว่า ไม่ได้อ้างถึง แหล่งที่มา     และที่ผมถามเกี่ยวกับ บทสัมภาษณ์ ก็หมายถึงกระทู้ของ     คุณป้ากริชนาคราช เพราะไหนๆ คุณกมล ลากกระทู้ท่านั่งมาแล้ว     ก็ควรจะยกทั้งสองกระทู้มาเปรียบเทียบกันดู     เพราะถ้าคุณกมลไม่ได้หมายถึงกระทู้ของคุณมาดามพันชั่ง ก็ไม่ควร     ยกตัวอย่างเรื่อง โบรชัวร สายการบินชปาทน่าปานี มาเป็นข้อเปรียบเทียบ     เพราะกำลังเป็นประเด็นร้อน ที่คุณป้ากริชนาคราช เข้าไปต่อว่าเรื่อง     การอ้างอิงข้อมูล     จริงๆแล้ว "เจตนา" ในการตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา มีมูลเหตูมาจากกระทู้     ท่านั่งฯ ดังกล่าว หรือไม่นั้น คุณกมลรู้ดีที่สุด เพราะ คห ของ     คุณป้ากริชนาคราช ในกระทู้ต้นเหตุ มีคุณกมล เข้าไปให้ Gift ด้วย     ผมยอมรับนะครับ ว่าผมถามคำถามโดยมีจุดประสงค์เพื่อ ยกตัวอย่าง     กระทู้ของคุณป้ากริชนาคราชบ้าง และคุณกมลหละครับ จะยอมรับ     หรือปฏิเสธว่า กระทู้นี้ ไม่ได้พาดพิงถึงกระทู้ของคุณมาดามพันชั่งเลย     ถ้าคุณกมล มิได้มีเจตนา ที่จะตั้งกระทู้นี้ เพื่อกระทบคุณมาดามฯ แล้ว     ผมขออภัยอย่างสูง แต่คุณควรที่จะ "ชี้แจง" ถึงข้อความข้างบนที่     ผมอ้างถึงว่า ทำไม การยอกตัวอย่างของคุณกมล เหมือนที่จะไปพาดพิง     กระทู้ท่านั่งเครื่องบิน ของคุณมาดามพันชั่งหละครับ     ผมไม่ได้ก่อหวอด หรือป่วน หรือชวนคุณกมลทะเลาะอะไร เลย     เพราะโดยส่วนตัว ผมก็ไม่ได้รู้จัก คุณป้ากริชนาคราช คุณมาดามพันชั่ง     และตัวคุณกมลเอง ผมไม่ต้องการให้มีการด่าทอกัน ทำร้าย จิตใจ     ซึ่งกันและกัน เพราะการที่คุณป้ากริชนาคราช หลังไมค์มาด่าผม     ด้วยถ้อยคำรุนแรงนั้น มันทำร้ายจิตใจผมเป็นอย่างมาก ทั้งๆที่ผมขอโทษ        คุณ ป้าเธอไปแล้วก็ตาม ทั้งยัง อ้างถึงข้อความที่ได้คุยกับ คุณ ว.พ.     ด้วยว่าเห็นด้วยกันกับเธอ ผมไม่อาจเปดเผยหลังไมค์นั้นได้ แต่ผม     รับประกันได้เลยครับ ว่า ถ้าใครๆ ได้รับข้อความเช่นนี้ จะรู้สึกหดหู่     และรู้สึกว่า โดนทำลายน้ำใจ และทำร้ายจิตใจอย่างที่ไม่มีใคร     เคยทำมาก่อน     คุณกมลต้องแก้ต่างตัวเองแล้วหละครับ ว่าจุดประสงค์ของกระทู้นี้     คืออะไร เพราะคุณกมลก็เคยมีเรื่องเคืองกับคุณมาดามพันชั่งมาก่อน     ผมมีอะไรก็ตรงไปตรงมา ขอให้คุณกมล ตรงๆมากับผมด้วยละกันนะครับ     ผมไม่ชอบหลังไมค์ (แผลยังไม่หายดี) แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 04:37:58 จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 06:41:57

ความคิดเห็นที่ 73 กราบเรียนคุณ นาย สายน้ำ เย็นสบาย จากที่คุณกล่าวว่า " คุณกมลต้องแก้ต่างตัวเองแล้วหละครับ ว่าจุดประสงค์ของกระทู้นี้ คืออะไร " ในความคิดเห็นที ๗๒ ขออนุญาตกราบเรียนว่า " คุณจะเอาอำนาจอะไรมาบังคับ ผม ?"   อนึ่ง ผมจะให้กิฟท์ ใคร มันคือ "สิทธิของผม" คุณมีอำนาจอะไรมาแทรกแซง ? เช่นกัน "เรื่องที่ผมเปิดให้วิจารณ์หรือให้ความเห็นแย้ง ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับ"ลิขสิทธิ์" ผมก็บอกไปแล้วว่า "ขอขอบคุณที่มีความเห็นแย้งมา" ซึ่งผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร สิ่งใดที่เป็น"เรื่องส่วนตัว" "เป็นสิทธิส่วนบุคคลของผม" ผมสงวนสิทธิที่จะตอบหรือไม่ตอบก็ได้ ไม่มีใครสามารถมาบังคับได้ สรุป คุณเป็นใคร มีอำนาจอะไรจะมาบังคับให้ผม ทำโน่นทำนี่ ? หากมีการล่วงสิทธิผิดหน้าที่ "มันคือ ละเมิด" ปพพ ๔๒๐ และ ขอ"ได้โปรดกรุณา" ดู " คำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์แสดงความคิดเห็นที่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาท " http://www.pantip.com/watchout/ ผมไม่ว่างๆที่จะดราม่า ด้วย จากคุณ : กมลลั้นลาไม่ว่างๆดราม่า (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 07:45:09

ความคิดเห็นที่ 74 ขออนุญาตตอบคำถามคุณ  kratai ขออภัยที่ตอบช้า ครับ เพราะ หาคำพิพากษาเกี่ยวกับ การอ้างอิงอย่างไรแล้วไม่กระทบต่อเจ้าของลิขสิทธิ ไม่เจอ เนื่องจากเว็บศาลฏีกาเข้าไม่ได้ ครับ คงต้องยกยอดไปก่อน แล้วเราจะเช็กข้ออ้างอิงแต่ละอันได้อย่างไร ? หากเป็นเชิงวิชาการแล้ว ส่วนมาก ก็จะต้องเว็บที่เป็นทางการและน่าเชื่อถือ ครับ เขาจึงจะถือว่า "การอ้างอิงนั้นเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือ" ตัวอย่างเช่น เวลาผมทำรายงาน แล้วขี้เกียจไปเปิดหนังสือรวบรวมคำพิพากษาศาลฏีกาในห้องสมุด ผมก็เปิดเว็บน่าเชื่อถือ อย่างเว็บศาลฏีกา แล้วก็อ้างอิงเอา ซึ่งการอ้างก็จะมีตัวอย่างดังนี้ครับ Rozudek nejvyssiho soudu CR.,29 Cdo 695/2000 ze dne 12 června 2001 (ziskano 21 dubna 2010 z http://www.nsoud.cz/rozhod.php?action=read&id=3999&searchstr=Cdo+695%2F2000 ) แต่มันก็มีบางกรณีอ้างอิงไปแล้ว ต่อมาในภายหลังเว็บมันเน่า ไปแล้ว วิธีแก้คือ "เราควรที่จะสำเนาข้อมูลเป็นกระดาษเข้าแฟ้มเก็บไว้ครับ" กันเหนียว ครับ ว่างๆ คุยกันครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 53 08:21:24 จากคุณ : กมลลั้นลาแอบฟัง4Minute (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 08:14:52

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านไปอ่านมา ดิฉันงงกับคุณสายน้ำฯ มากค่ะ ขออนุญาตคุณกมลเจ้าของกระทู้นอกเรื่องหน่อยนะคะ ไม่หลังไมค์ก็ได้ค่ะ ตามคำขอ ชอบแบบเปิดเผยก็เปิดกันเอาตรงนี้แหละ ในเมื่อคุณบอกชอบอะไรตรงๆใช่ไหม ดิฉันขออนุญาตวิจารณ์ความเห็นของคุณสักหน่อยแบบตรงๆนะ เท่าที่ดิฉันอ่านความเห็นของคุณมา คุณโยงเรื่องไปหาคู่กรณีเก่าของคุณและพยายามที่จะดิสเครดิตเขาตลอด คุณต้องการหาเรื่องเขาไปตลอดแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่จิตใจคุณจะสงบเย็นได้เหมือนชื่อเย็นสบาย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้คุณก็ยังจะมาหาเรื่องให้คุณกมลเขาอารมณ์เสียอีก ทำให้เรื่องบานปลาย ไม่จบไม่สิ้น เรื่องของคุณมาดามพันชั่งกับคุณกมลเป็นเรื่องที่เขาเข้าใจกันและจบกันไปนานแล้ว ที่ผ่านมาไม่เห็นเขาตามราวี ตามหาเรื่องกันอีก แต่คุณน่ะ ยังไม่จบกับคู่ของคุณอีก กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สร้างสรรค์และให้ความรู้แก่คนอ่าน มีคำแนะนำที่ดีจากผู้มีประสบการณ์ แต่ที่มันจะไม่ดีก็เพราะว่ามีคนคิดว่ากระทู้นี้ไปเหน็บแนมคนอื่น (แทนที่จะมองว่าเป็นการช่วยเหลือให้นำไปปรับปรุงตัว) ในเมื่อมีคนกล่าวถึงกระทู้ของคุณมาดามพันชั่งที่เป็นกระทู้แนะนำ ดิฉันอยากจะบอกว่า กระทู้ของมาดามเขามีประโยชน์นะคะ แต่ดิฉันไม่ได้เข้าไปอ่านรายละเอียดในตอนแรก เข้าไปอ่านหลังจากที่ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ จริงๆ มาดามเขาก็คงไม่ได้คิดอะไรมาก เขายังไม่รู้เลยว่าเอกสารนั้นมาจากไหน หรือเจ้าของเป็นใครยังไง เขาถึงไม่ได้ลงบอกไว้ แถมเอาไปแปะไว้หลายๆ ห้อง (ทราบภายหลังจากการค้นว่ามากถึงสี่ห้อง) พอมีคนหวังดีออกมากล่าวเตือนว่าการนำเสนองานที่ไม่ใช่ของตัวเองควรให้เครดิตหรืออ้างถึงที่มา มาดามก็หายไปเลย แถมลบข้อมูลออก ดิฉันกลับมองว่าที่เขาตินั้นเป็นเรื่องที่ดี น่าจะนำมาปรับใช้ คนเรามันมีอะไรให้เรียนรู้อยู่ตลอด อยากให้ทุกคนย้อนกลับไปถามตัวเองนิดหนึ่ง (ดิฉันถามตัวเองแล้วค่ะ) Do you want to become a better person? คนดีชอบแก้ไขนะคะ คนดีไม่ท้อถอยต่อคำติเตียน แต่น้อมรับและนำไปปรับปรุงใช้ จากคุณ : thaispicy เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 08:51:14

ความคิดเห็นที่ 76 ในเมื่อคุณกมล ออกมาบอกว่า กระทู้นี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือ แอบด่า คุณมาดามพันชั่ง ในคห ที่ 90 ผมขอถอนความเห็นนี้ แต่ขอคง ข้อความไว้ เพื่อเป็นการรับผิดชอบในคำพูด และผมขอโทษคุณกมล ที่ผมเข้าใจผิด สิ่งที่ผมอยากได้ คุณกมลได้ให้ผมแล้ว ใน คห ที่ 90 ครับ     ก็ถ้าตอบตรงๆ ก็คือ ผมรู้สึกว่า กระทู้นี้ ตั้งขึ้นมา เพื่อจงใจ Discredit     คุณมาดามพันชั่งครับ ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะมีการยกตัวอย่าง     โบรชัวร์เอกสารของการบิน ถ้ามีการตั้งขึ้นมา เพื่อให้ประโยชน์ และสาระ     ทั่วไปแล้ว ทำไม ต้องยกตัวอย่างนี้ขึ้นมาหละครับ     หากกระทู้นี้ มีใจความเป็นกลางจริง ผมก็คงไม่ลากเอา กระทู้ข้างเคียง     มาเปรียบเปรย กล่าวคือ         "ผมไม่เห็นด้วย ถ้าคุณกมล ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อ Discredit มาดามพันชั่ง ครับ"         เพราะกระทู้มันขึ้นมาติดๆกันกับเรื่องท่านั่งเครื่องบิน ผมเห็นอะไร     ก็ว่าไปตามนั้นครับ คุณกมล ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริง     ก็ไม่เห็นต้องโมโหโทโส เพราะมันมีมูล มีข้อสงสัย คุณไม่ตอบ     ผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าคุณได้นะครับ ถามเพียงเพราะสงสัยครับ     ผมไม่ได้รู้จักคุณมาดามพันชั่ง แต่ผมแค่ไม่เห็นด้วย     ผมอาจจะรู้สึกไปคนเดียว แต่ผมรู้สีกอย่างนั้น จริงๆ     ผมรู้สึกว่าเธอกำลังโดนรังแก จริงๆนะครับ เหมือนไม่มีใคร     อยากยื่นมือเข้ามา เพราะกลัวโดนลูกหลง     ผมไม่รู้นะครับ ว่าสมาชิกห้องไกลบ้าน โดนแบบนี้ไปกี่คนแล้ว     ผมแค่อยากขอความกระจ่างเท่านั้นเองครับ ว่ากระทู้นี้ ไม่ได้     ตั้งขึ้นมาเพื่อทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนหนึ่ง ผมทนดูไม่ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 04:34:29 จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 09:25:38

ความคิดเห็นที่ 77 ดิฉันก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดของคุณสายน้ำค่ะ ดิฉันเชื่อว่าข้อมูลที่คุณกมลเขียนลงเพื่อเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ช่วยให้ผู้อ่านพึงระมัดระวังตัว ป้องกันตัวเองจากการละเมิดลิขสิทธิ์คนอื่นโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ส่วนเหตุการณ์ที่หยิบยกขึ้นมาเป็นสถาณการณ์ตัวอย่างช่วยให้คนอ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น จากคุณ : thaispicy เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 09:58:03

ความคิดเห็นที่ 78 ในเมื่อคุณกมล ออกมาบอกว่า กระทู้นี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือ แอบด่า คุณมาดามพันชั่ง ในคห ที่ 90 ผมขอถอนความเห็นนี้ แต่ขอคง ข้อความไว้ เพื่อเป็นการรับผิดชอบในคำพูด และผมขอโทษคุณกมล ที่ผมเข้าใจผิด สิ่งที่ผมอยากได้ คุณกมลได้ให้ผมแล้ว ใน คห ที่ 90 ครับ     ตรงนี้ก็เป็นความเห็นของคุณครับ แต่ผมก็เชื่อ ตามที่ผมเห็น     เพราะ "เหตุการณ์ที่หยิบยกขึ้นมาเป็นสถาณการณ์ตัวอย่าง"     ไม่ควรพาดพิงถึงเหตุการที่กำลังเป็นเรื่องอยู่ในขณะนี้     เพราะสามารถยกตัวอย่างอื่นได้ การยกตัวอย่างตามที่คุณกมล     กล่าวไว้ใน คห2 นั้น ทำให้ผมเข้าใจว่า คุณกมล กล่าวถึงกระทู้ของ     คุณมาดามพันชั่ง                 แล้วเขียนกระทู้อย่างไรไม่ให้ละเมิดลิขสิทธิ ?                 ก็อย่างที่ผมนำความบอกไว้ง่ายๆล่ะ ครับ นั่นคือ                 "การให้เครดิต" ครับ เช่น                 กระทู้ ที่ตั้งนี้ นำข้อมูลมาจาก โบรชัวร์เอกสารของการบิน                 " ชปาทน่าปานนี" เป็นต้น                 อ้างแค่นี้ สายการบินชปาทน่าปานี ก็มาฟ้องฐานละเมิดลิขสิทธิ์                 สิ่งเขียนอันคือโบรชัวร์ของตนไม่ได้แล้ว     ซึ่งในกระทู้ต้นเหตุ ความเห็นที่ 15 ที่คุณกมลไปให้ Gift     มีข้อความที่มีความสัมพันธ์กับข้อความข้างบน     (http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H9427231/H9427231.html#15)                 ในที่นี้ ขอเครดิตการจัดทำข้อมูลต้นฉบับให้กับแหล่งที่มา                 สายการบิน เกี่ยวกับที่มา ข้อมูลความปลอดภัย ซึ่งอยู่ใน                 ความรับผิด ชอบของผู้บริการ                 การคัด ลอก แปลเอกสารมาเผยแพร่ ควรระบุแหล่งต้นฉบับ                 (ตามมารยาท)                 FYI:: > All Safety Cards: Collection of aircraft safety cards                 http://allsafetycards.com                  PLEASE DO NOT REMOVE THIS CARD FROM THE                  AIRPLANE     ผมจึงอนุมานเอาว่า คุณกมล ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อสนับสนุน     ความคิดเห็นของ คุณป้ากริชนาคราช เพราะในข้อความหลัก คห1     และ คห2 นั้น คุณป้ากริชนาคราช ได้มาให้ Gift เป็นคนแรกอย่างรวดเร็ว     ผมไม่คิดว่าเป็นการ "บังเอิญ" ครับ ผมย้ำนะครับ ผมคิดอย่างนี้จริงๆ     และที่ผมถามคุณกมล ในคหที่ 72 นั้น เพราะผมอยากรู้แค่นั้นเองว่า     นี่คือความ "บังเอิญ" จริงๆหรือ คุณมาดามพันชั่ง ไม่ได้กำลังถูกรุม     ทำร้ายทางจิตใจหรือ อะไรจุดประกายให้คุณกมลเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา     ใช่ครับ กระทู้นี้ ดี มีสาระ ผมยอมรับ กระทู้ของคุณมาดามพันชั่ง     ก็เหมือนกัน แต่ "เจตนา" การตั้งกระทู้ขึ้นมา เพื่อให้สารประโยชน์     กับเพื่อนสมาชิก หรือ เพราะเห็นกระทู้ของคุณมาดามพันชั่ง     แล้วจึงตั้งขึ้นมา     ถ้าเป็นกรณีเห็นกระทู้คุณมาดามพันชั่ง แล้วตั้งขึ้นมา เจตนา คืออะไร     1. ต้องการเตื่อนคุณมาดามพันชั่งว่า กำลัง ละเมิดกฏหมายลิขสิทธิ์     2. ต้องการสนับสนุน ความเห็นของคุณป้ากริชนาคราช     3. ต้องการ Discredit คุณมาดามพันชั่ง     4. ต้องการให้ความรู้เกี่วกับกฏหมายลิขสิทธิ์ แก่สมาชิก โดยไม่มีอะไรแอบแฝง     ผมอยากให้คุณ thaispicy ลองมองลึกๆดู ว่า จริงๆแล้ว     นี่คือ อะไร ผมลองอ่านหลายรอบแล้วครับ พยายามวางใจ     เป็นกลาง อ่านแล้วอ่านอีก ก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่า     ทำไมคุณกมล ต้องอ้างถึง  โบรชัวร์เอกสารของการบิน ด้วย     ถ้าไม่ได้หมายถึง  โบรชัวร์ ของสามีคุณมาดามพันชั่ง     มันไม่น่าบังเอิญได้ขนาดนี้ ครับ     ถ้าผมต้องการ Discredit คุณป้ากริชนาคราช ผมก็คงตั้งกระทู้แยก     ออกไป ไม่มาตอบในกระทู้นี้หรอกครับ หรือไม่ก็ไปตอบในกระทู้     ของคุณป้าเลย การที่ผมดึงกระทู้ของคุณป้าเข้ามานั้น      เพราะเหมือนกับคำถามในใจว่า     " กระทู้ท่านั่งเครื่องบิน ละเมิดลิขสิทธิ์ เอ้า! แล้วกระทู้คุณป้า        ละเมิดหรือเปล่า ถ้าให้ แฟร์ๆ ก็ยกมาพูดมันทั้งสองกระทู้เลย        อันนี้ผิด แล้วอีกอันไม่ผิดหรือไง " แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 04:31:45 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 04:31:02 จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 10:43:49

ความคิดเห็นที่ 79 ดิฉันตอบยาวๆ ไม่ค่อยเก่งค่ะ ตอบให้คุณหายข้องใจละกันที่คุณถามว่า " กระทู้ท่านั่งเครื่องบิน ละเมิดลิขสิทธิ์ เอ้า! แล้วกระทู้คุณป้า  ละเมิดหรือเปล่า ถ้าให้ แฟร์ๆ ก็ยกมาพูดมันทั้งสองกระทู้เลย  อันนี้ผิด แล้วอีกอันไม่ผิดหรือไง " คุณป้าที่ว่าคือคุณกริชฯ ใช่ไหมคะ (เดาว่าใช่นะ) เพราะว่าเนื้อหาในกระทู้นั้นเป็นลิขสิทธิ์ของคุณเขาค่ะ ดิฉันคงบอกอะไรได้มากไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว บอกคุณได้แค่นี้แหละ คุณน่ะพอได้แล้วค่ะ จากคุณ : thaispicy เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 11:01:23

ความคิดเห็นที่ 80 ขอบคุณ คห. 64 และ คห. 66 ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับลายน้ำในภาพค่ะ ทำให้ได้เรียนรู้ไปอีกแบบ ตอนนี้ดิฉันอาศัยแต่เขียนชื่อ นามสกุล กำกับไว้บนภาพที่เอามาโพสต์ในเน็ตเท่านั้นค่ะ ไว้ให้มีโปรแกรมดี ๆ ใช้ก่อน จะหัดทำดูสักครั้งค่ะ ตอนนี้ก็พยายามเก็บไฟล์ภาพดี ๆ ไว้เป็นหลักฐานด้วยค่ะ เวลามีคนก้อปจะได้อ้างอิงได้ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ขออนุญาตคุณกมลตอบเพิ่มเติมคุณสายน้ำฯ ใน คห. 69 นะคะ ดิฉันขอตอบคุณสายน้ำฯ ในฐานะที่เคยได้รับการสัมภาษณ์โดยตรงจากแม็กกาซีนฉบับหนึ่ง และจากเวบไซต์ของสำนักพิมพ์ที่เคยมีผลงาน ทั้งนี้ดิฉันเองก็เคยทำหน้าที่สัมภาษณ์ผู้คนในช่วงที่ทำงานให้กับหน่วยงานรัฐในมลรัฐหลุยส์เซียน่าด้วยค่ะ ดิฉันขอตอบตามประสบการณ์ที่สัมผัสทั้งสองอย่างนี้ ตอนที่ดิฉันได้รับสัมภาษณ์จาก Yes! Magazine ดิฉันกับพี่คนที่ขอสัมภาษณ์ไม่ได้คุยเรื่องลิขสิทธืิ์ใด ๆ  เกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ พี่คนนี้บอกว่าชีวิตดิฉันน่าสนใจ อยากสัมภาษณ์และเอาไปเก็บไว้ที่เวบของพี่เขา ในตอนนั้นดิฉันรู้สึกยินดีและดีใจเป็นอย่างมากที่จู่ ๆ ก็มีคนมาขอสัมภาษณ์พร้อมทั้งให้เกียรติดิฉัน บทสัมภาษณ์นี้จะถูกนำไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพื่อเผยแพร่เป็นประสบการณ์ให้ทุกคนได้อ่าน โดยเฉพาะเรื่องการต่อสู้ชีวิต ซึ่งคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นได้ ดิฉันรับทราบมาตลอดว่า บทสัมภาษณ์นี้ไม่ได้มีเจตนาเพื่อการค้าใด ๆ หรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ดิฉันเห็นว่าพี่เขาทำสิ่งที่ดี และดีต่อสังคมโดยรวม จึงยินดีและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะให้สัมภาษณ์ และทุกครั้งที่มีคนมาขอลิงค์บทสัมภาษณ์ไปลงในเวบอื่น ๆ ดิฉันอนุญาตเสมอ หรือบางคนที่เอาไปลงโดยไม่ได้ขออนุญาต ดิฉันก็ไม่เคยว่าอะไร กลับชื่นชมและยินดีที่รู้ว่าคนอื่นเห็นคุณค่าในบทสัมภาษณ์ของเรา แม้แต่งานเขียนบางชิ้นที่ดิฉันคิดเขียนขึ้นมา หากมีนักอ่านท่านใดชอบและสนใจอยากแบ่งปันลิงค์ให้คนรู้จักได้อ่าน ดิฉันก็ยินดีเสมอ ขอแค่ให้เครดิตตามมารยาทเท่านั้น แม้ว่าบทสัมภาษณ์จะมีเรื่องลิขสิทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นเรื่องที่คุยกันด้วยกฏหมายในบางกรณี แต่เรื่องคุณค่าในใจของคนที่ได้รับสัมภาษณ์นั้น ขอบอกจากใจเลยว่าซื้อไม่ได้ด้วยเงิน อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม แก่คนที่ได้อ่าน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้  เราก็ควรที่จะนำเสนอและเผยแพร่ออกไป ทั้งหมดเหล่านี้คือความรู้สึกของดิฉันที่ไม่เคยคิดค่าลิขสิทธิ์ใด ๆ ที่มีคนนำบทสัมภาษณ์ไปเผยแพร่ เพราะเท่าที่ทราบ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่เอาบทสัมภาษณ์ดิฉันไปเผยแพร่ ต่างก็ล้วนบอกที่มาที่ไปของบทสัมภาษณ์ ซึ่งดิฉันต้องขอขอบคุณที่พี่ ๆ เหล่านั้นเป็นอย่างมากที่นำบทสัมภาษณ์ไปเผยแพร่ให้เกิดประโยชน์ ส่วนเรื่องการสัมภาษณ์คนอื่นนั้น ดิฉันและคนรักเคยทำงานรีเสิร์ทให้กับหน่วยงานของรัฐในมลรัฐหลุยส์เซียน่า ดิฉันกับคนรักสัมภาษณ์ชุมชนกลุ่มคนลาวในเมือง New Iberia หลายคน ได้รวบรวมไฟล์ทุกอย่างส่งให้หน่วยงานรัฐ โดยที่หน่วยงานรัฐนำไปเผยแพร่ที่เวบไซต์แห่งหนึ่ง (ขอเอาลิงค์ออกค่ะ) ซึ่งคนที่นำไปเผยแพร่ยังคงให้เครดิตดิฉันและคนรักเสมอ และทุกครั้งที่อ่านเจอลิงค์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยทำเอาไว้ ดิฉันรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก ดิฉันรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองและคนรักได้ทำนั้นไม่ไร้ค่าและไร้ประโยชน์ ยังมีคนสนใจอ่านอยู่มากมาย ส่วนคนที่ให้สัมภาษณ์นั้นต่างก็ล้วนยินดีและดีใจที่เรื่องราวของพวกเขาถูกนำไปเผยแพร่ เมื่อหลายเดือนก่อนดิฉันเห็นลิงค์ผลงานชิ้นนี้ถูกนำไปโพสต์ไว้ในเวบไซต์แห่งหนึ่งของชุมชนคนลาวในอเมริกา และชุมชนคนลาวในประเทศลาว ดิฉันกลับดีใจและยินดีเป็นอย่างมาก ที่อย่างน้อย ๆ ข้อมูลที่ดิฉันและคนรักได้ทำรีเสริทถูกนำไปเผยแพร่ในสิ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้คนจริง ๆ และคนที่นำงานรีเสิรทชิ้นนี้ไปเผยแพร่ ต่างก็ล้วนให้เครดิตดิฉันและคนรัก โดยที่ผลงานและรูปถ่ายต่าง ๆ ระบุไว้ตลอดว่า ดิฉันและคนรักเป็นคนทำ พร้อมทั้งเจ้่าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยค่ะ จะเห็นได้ว่า จุดประสงค์ของบทสัมภาษณ์และผลงานต่าง ๆ ที่นำเสนอทางอินเตอร์เน็ตหรือสื่อต่าง ๆ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องลิขสิทธิ์เสมอไป คนที่เป็นเจ้าของผลงานมักจะยินดีเสมอ หากผลงานถูกนำไปใช้ในสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อสังคม ถูกนำไปเผยแพร่ให้ผู้คนได้อ่าน โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการค้าใด ๆ ส่วนใหญ่ก็ยินดีตลอด สำหรับคนที่นำผลงานคนอื่นไปเผยแพร่ก็ต้องมีจิตสำนึกที่ดีด้วย เพราะจิตสำนึกที่ดีย่อมทำให้สังคมมีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้น สำหรับการให้เครดิตเจ้าของผลงานนั้นยังคงใช้อยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าที่ไทยหรือต่างประเทศ แม้แต่ตัวดิฉันเองก็ไม่เคยพลาด หากมีโอกาสได้นำผลงานของใครคนใดคนหนึ่งมาแบ่งปัน ก็จะต้องบอกที่มาที่ไปอยู่เสมอ โดยส่วนตัวถ้าหากวันหนึ่งมีคนของานเขียนไปเผยแพร่ ทำในสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม แม้จะไม่ได้ค่าตอบแทนใด ๆ ดิฉันก็ยินดีและเต็มใจ ขอแค่ให้เครดิตและไม่นำผลงานของดิฉันไปดัดแปลงหรือทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับการค้า ทำให้เสียหายชื่อเสียง ขอเพียงให้แบ่งปันคนอื่น ๆ เหมือนที่ดิฉันอยากให้ ดิฉันก็ยินดีและเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ท้ายที่สุด อยากให้กระทู้ที่ดีแบบนี้คงอยู่นาน ๆ เพื่อให้ทุกคนได้ศึกษาเกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ในแบบต่าง ๆ ผ่านประสบการณ์ของแต่ละคนโดยตรง จะว่าไปแล้วกระทู้นี้ถูกตั้งขึ้นมาจากความหวังดีของคุณกมลที่มีเจตนาดีต่อผู้คน ดิฉันสัมผัสได้จากตัวอักษร ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของใครคนหนึ่ง แต่เพื่อเราทุก ๆ คนจะได้ป้องกันตัวเองไปด้วย จุดไหนผิดถูกเราก็ทักติงกันไปด้วยเหตุผล เปิดใจกว้าง ๆ เพื่อคุยกัน และเรียนรู้ไปด้วยกัน คุณสายน้ำฯ ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการที่คุณโยงเรื่องนั้นมาเรื่องนี้ ณ กระทู้แห่งนี้ สิ่งที่คุณกำลังกระทำอยู่นั้น ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมห้องไกลบ้าน มีการสร้างความเกลียดชังแก่กัน ดิฉันถือว่าไม่เหมาะสม อะไรที่หยุดได้ก็ควรจะหยุดเถอะ หยุดที่ตัวเองเสียก่อน อย่าทำในสิ่งที่ไม่น่ารักเลย และอย่าล้ำเส้นคนอื่นเขาเลยนะคะ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของพี่ ๆ เขา เราคนนอกปล่อยให้พี่ ๆ เขาจัดการแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเองดีกว่า อย่าทำให้เวบบอร์ดวุ่นวายมากกว่านี้เลย หากจะเข้ามาคุยในกระทู้แห่งนี้ ขอให้คุยตรงประเด็นในกระทู้ "เรื่องลิขสิทธิ์" เพราะถ้าคุณมัวแต่โยงเรื่องปัญหาต่าง ๆ ในกระทู้อื่น ๆ เข้าด้วยกัน กระทู้ดี ๆ แบบนี้จะมลายหายไป ซึ่งก็คงน่าเสียดายเป็นอย่างมาก ดิฉันขอบคุณ คุณกมลและหลาย ๆ ท่านที่ได้เสนอความคิดเห็นดี ๆ แลกเปลี่ยนกันค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนนำเสนอเรื่องราวดี ๆ แลกเปลี่ยนกันอ่านค่ะ ลป....ดิฉันขอสนับสนุนความเห็นของ Thai Spicy เพราะเธอเขียนเหมือนที่ดิฉันรู้สึกเลย แก้ไขบางจุด แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 53 23:24:18 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 53 11:43:22 จากคุณ : roslita เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 11:15:46

ความคิดเห็นที่ 81 ในเมื่อคุณกมล ออกมาบอกว่า กระทู้นี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือ แอบด่า คุณมาดามพันชั่ง ในคห ที่ 90 ผมขอถอนความเห็นนี้ แต่ขอคง ข้อความไว้ เพื่อเป็นการรับผิดชอบในคำพูด และผมขอโทษคุณกมล ที่ผมเข้าใจผิด สิ่งที่ผมอยากได้ คุณกมลได้ให้ผมแล้ว ใน คห ที่ 90 ครับ     ขอบคุณครับ     เพราะผมสงสัยจริงๆ ตาม คห 69 นั่นแหละครับว่า     สิทธิ์ของบทสัมภาษณ์ตกอยู่กับใคร     1. คนถูกสัมภาษณ์     2. คนสัมภาษณ์ หรือนักข่าว     3. หนังสือพิมพ์ หรือผู้ว่าจ้างนักข่าว     แล้วตอนสัมภาษณ์ แสดงตัวว่าอะไร     1. นักข่าว บอกว่าจะเอาไปลงหนังสือพิมพ์     2. นักข่าว บอกว่าจะเอาไปลง PANTIP.COM     3. นักข่าว ไม่ได้บอกว่าจะเอาไปลงที่ไหน     4. คนทั้วไป     แล้วทำไมสิทธิ์ตกอยู่กับคนสัมภาษณ์ ทั้งที่คุณกมลบอกว่า     ตกอยู่กับผู้ถูกสัมภาษณ์     คุณ thaispicy ครับ ในเมื่อทุกอย่างมันไม่กระจ่างชัด     และผมก็ถามคำถามที่อยู่ในขอบเขต ที่น่าสงสัย     และยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนพอ อย่างคุณบอกว่า     สิทธิ์ ตกอยู่กับคุณป้า ผมก็สงสัยอีกว่า ทำไมไม่ตกอยู่กับสำนักพิมพ์     ในเมื่อผมยังสงสัย ผมก็อยากจะถามต่อ ผมรู้นะครับ     ว่าคุณเข้าข้างคุณป้ากริชนาคราช ผมไม่ได้ตามหาเรื่องคุณป้านะครับ     อะไรดี ผมก็ว่าดี เช่น กระทู้ โรบินฮูทแม๊กซิกัน ตอนแรกๆ     ผมยังอ่านสนุกๆอยู่เลย แต่พอมาเห็นกระทู้นี้เข้า ผมก็สะดุดว่า     สิทธิ์ ของบทสัมภาษณ์ เป็นของใคร เพราะกระทู้นี้ ทำให้ผมสงสัย     ผนวกกับมีการอ้างถึง โบรชัวร์เอกสารของการบิน เพราะถ้าไม่มีกระทู้นี้     ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร กับลิขสิทธิ์บทสัมภาษณ์ แต่กระทู้นี้ มัน     จุดประกายให้ผมสงสัย ถึงมันจะออกมาว่า คุณมาดามพันชั่ง     ละเมิดลิขสิทธิ์โบรชัวร์ ก็ไม่ได้ทำให้ใครๆเกลียดคุณมาดามฯ     ในแง่มุมเดียวกัน หากบทสัมภาษณ์ ไม่ใช่สิทธิ์อันชอบธรรม     ของคุณป้ากริชนาคาช ก็ไม่ได้จะทำให้มีคนเกลียดชังเธอ เพราะเหตุนี้ได้     เพราะฉะนั้น ความจริงไม่ได้ไปทำร้ายใครเลย ในกรณีคุณกมลก็เช่นกัน     หากคุณกมล ตั้งกระทู้นี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจจริง ก็ไม่ต้องกลัวอะไร     กลับจะทำให้ผมคลายสงสัย และชื่นชอบในตัวคุณกมลมากยิ่งขึ้นไปอีก     เพราะฉะนั้น ความจริง ที่ผมหาอยู่ ไม่ได้ไปทำร้ายใคร หากคนนั้น     มีความบริสุทธิ์ใจ ทั้งยังส่งเสริม ให้มีคนชื่นชมมากขึ้น     หากคนนั้น ไม่บริสุทธิ์ใจ จ้องแต่ข่มขู่และรุมทำลายผู้อื่นนั้น     การปล่อยให้คนๆนี้ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ อีกหน่อยก็จะกลายเป็นค่านิยม     ใหม่ทำให้คนมีมารยาทน้อยลง ประเด็นดีๆของกระทู้ก็เป็นอันต้องตกไป     ขอให้พิจารณา น่าจะตักเตือนได้แล้ว ให้มีมารยาทผู้ดีในเวบบอร์ด     มากกว่านี้ ทั้งเรื่องการส่งหลังไมค์ข่มขู่ โดยอ้างถึงความสนิท     ชิดเชื่อกับ Web Master และใช้ถ้อยคำรุนแรง ดูถูกดูแคลนคนอื่น     ยกวิทยฐานะของตนเข้าข่ม วจีกรรมที่สร้าง จะนำพาให้เส้นทาง     ชีวิตไปไหนหลังจากดวงวิญญาณขาดลอยไปแล้ว     จิตใจอันดูถูกดูแคลน จะสงบสุขได้อย่างไร นี่จึงเป็นความผิด     ครุโทษยิ่ง การดูแคลนคนอื่น ด้วยวิจารณญาณ เช่นนี้     ไม่สมควรได้รับการอภัย อย่างยิ่ง ผู้ที่ถูกกระทำ ก็จะหวาดกลัว     และหดหายไปจากสังคมออนไลน์ เพียงเพราะคนไม่กี่คน ในเมื่อ     ความจริง จะทำให้ คนดี เป็นที่รักยิ่งขึ้น และ คนเลว ถูกเกลียดชัง     ความจริงนั้น มีค่า และเป็นประโยชน์มหาศาล อย่างน้อย ก็กับ     สังคมออนไลน์เล็กๆแห่งนี้ คนดี ไม่ต้องกลัวถูกประจาน เพราะไม่มี     "ความเลว" ให้ประจาน หากแต่เป็น "คนเลว" เท่านั้นที่กลัวความจริง     จะถูกเปิดเผยออกมา การคิดว่า เรา อยู่ "สูง" กว่าคนอื่น และคิดว่าคนอื่น     "ต่ำ"กว่าตนเอง และคิดว่าจะพูดอะไร ทำร้ายทำลายจิตใจอันดีงาม     อย่างไรก็ได้ นั้น แท้ที่จริง คนๆนั้น อยู่ ต่ำ ที่สุดในมวลมนุษย์ชาติ     การที่ผมมาแสดงตัวออกความเห็นนี้ เพื่อต่อสู้กับจิตใจที่คิดไม่ซื่อ     ความริษยาอาฆาต หากจุดประสงค์การตั้งกระทู้ของคุณกมล มิได้มีมูลจาก     ความไม่พอใจกัน จากกระทู้เดิมแล้ว คนดีๆ อย่างคุณกมล ก็ไม่ต้องหวั่น     ความดีของคุณกมล ก็จะส่งเสริมให้ คนยิ่งรัก ยิ่งชอบคุณ กรรมดีที่ก่อ     ก็จะส่งผลดีกับตัวคุณเอง ไม่มีใครมาลบล้าง ทำลายให้มัวหมองได้     คนดี ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ในทางตรงข้าม ความคิดร้าย     จะเป็นกรรม ที่มีผลกัดกร่อนจิตใจ ให้ปวดแสบ ปวดร้อน     เหมือนโดนไฟเผาทำลาย ให้วอดวายไปในที่สุด คนทุกคนเลือกเอง     ว่าจะวอดวายไปกับไฟเผาพลาญ หรือจะล่องลอยอย่างมีความสุข     ในวจีกรรมของตนเอง แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 04:28:10 จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 12:17:48

ความคิดเห็นที่ 82 ในเมื่อคุณกมล ออกมาบอกว่า กระทู้นี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือ แอบด่า คุณมาดามพันชั่ง ในคห ที่ 90 ผมขอถอนความเห็นนี้ แต่ขอคง ข้อความไว้ เพื่อเป็นการรับผิดชอบในคำพูด และผมขอโทษคุณกมล ที่ผมเข้าใจผิด สิ่งที่ผมอยากได้ คุณกมลได้ให้ผมแล้ว ใน คห ที่ 90 ครับ     คุณ roslita     ผมก็อยากให้การคุยกัน ในกระทู้นี้ ตรงประเด็นในเรื่องลิขสิทธิ์     แต่ในเมื่อ มีการอ้างถึงปัญหาในกระทู้เก่า ผมมองเห็นว่า     มันไม่เป็นกลาง หากกระทู้นี้ ไม่ได้มีการกล่าวพาดพิงไปกระทู้เก่า     ผมก็คงไม่เสียมารยาท ยกเรื่องจากกระทู้เดิมมาขุดคุ้ยในนี้     คุณจะเห็นว่า กระทู้นี้ก็ดี น่าสนใจ แต่กระทู้นี้ ทำให้คุณมาดามพันชั่ง     ต้องลบกระทู้ของเธออกไปนั้น ก็ต้องมีการทำให้หายเคลือบแคลง     สงสัย "เพราะทั้งสองกระทู้ เป็นกระทู้ที่ดีเหมือนกันครับ"     ผมอาจจะคิดมากไป สงสัยมากไป เถรตรงเกินไป ซึ่งถ้าผมอยู่เงียบๆ     ก็ไม่เดือดร้อนอะไร ถ้าไม่มีการเปรียบเปรย และโยงกระทู้ท่านั่งใน คห 2     แล้ว ผมก็คง ไม่โยงอะไรให้มันวุ่นวาย ขนาดนี้ ผมก็ไม่ชอบที่จะมา     เถียงอะไร หรือทะเลาะกับใคร และผมก็ไม่ชอบให้ใครถูกทำร้าย     อยู่ฝ่ายเดียวเช่นกัน หากผมเห็นใครถูกทุบตี โดยไม่มีทางสู้     ผมก็จะยื่นมือเข้าช่วยก่อนครับ     ผมยอมรับครับ ว่ากระทู้นี้ มีประโยชน์มหาศาล กับหลายๆคน     ผมก็อยากให้กระทู้แบบนี้มีเยอะๆ แต่ในขณะที่เรากำลังตักตวง     ประโยชน์จากกระทู้นี้ โดยไม่ได้ดูเจตนาแอบแฝงที่มีอยู่     ปล่อยให้เจตนาที่ซ่อน ไปทำร้ายทำลายใคร ผมยอมไม่ได้     คุณก็มองเจตนาของคุณกมลแบบหนึ่ง ผมก็มองอีกแบบหนึ่ง     ผมไม่เคยคุย หรือตอบกระทู้คุณกมลเลย ไม่เคยมีเรื่องอะไรกัน     ดังนั้น นี่คือความสงสัย อย่างบริสุทธิ์ใจ ที่ผมมี ซึ่งคนๆเดียว     ที่จะตอบปัญหานี้ได้ คือคุณกมล ผมขอร้องคุณกมล อย่าโกรธ     อย่าเกลียดผม หากคุณมีจิตใจอันดีงาม กรุณาทำให้ผมคลายสงสัยนี้ด้วย แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 04:24:45 จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 12:44:44

ความคิดเห็นที่ 83 "ผมยอมรับครับ ว่ากระทู้นี้ มีประโยชน์มหาศาล กับหลายๆคน ผมก็อยากให้ กระทู้แบบนี้มีเยอะๆ แต่ในขณะที่เรากำลังตักตวง ประโยชน์จากกระทู้นี้ โดยไม่ได้ดูเจตนาแอบแฝงที่มีอยู่ ปล่อยให้เจตนาที่ซ่อน ไปทำร้ายทำลายใคร ผมยอมไม่ได้" นายสายน้ำ ....คุณยังละอ่อน แต่มองอะไรทะลุปรุโปร่ง จากคุณ : ตัวไม่ยอมตาย ไงก็ไม่ยอมแทน ! (เอ๋แม้ว) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 16:02:56

ความคิดเห็นที่ 84 ภาษากฎหมายเนี่ย ให้นักกฎหมายมาตีความ ยังต้องถกกันนานเลยค่ะ ...ภาษากฎหมายไม่ได้อ่านแล้วตีความง่ายๆโดยนักเรียนกฎหมาย เพราะมันอาจจะทำให้ตีความผิดเพี้ยนกันไปใหญ่... หากตีความได้อย่างนั้นจริง จขกท.คงฟ้องศาลไปแล้ว คงไม่ต้องมาฟ้องคนในพันทิปอย่างไม่มีหลักฐานให้เห็นเช่นนี้หรอกค่ะ หมายเหตุ กรณีที่มีคนเอาเรื่องราวประเทศเช็คฯไปเขียนหนังสือ จากคุณ : ยังเป็นตัวตายตัวแทนอยู่ (เอ๋แม้ว) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 17:59:11

ความคิดเห็นที่ 85   ผมแอบเข้ามาดูบ่อยนะนี่ จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 18:31:28 A:71.114.75.107 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 86 ผมใคร่ขอกราบเรียนว่าว่า "สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ และเห็นผมว่าการตอบแล้วเป็นเรื่องที่ดี ผมก็ตอบ เพราะ มันดูดีสบายใจทั้งสองฝ่าย และ ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกัน" มันแทบจะไม่มีเหตุอันควรที่จะมาทะเลาะกันอะไร ในกระทู้นี้ เลย ใจเย็นๆ ค่อยพูดค่อยจาก็ได้ กลับเข้าสู่ประเด็นอื่นๆ ที่หน้าสนใจครับ อันนี้เป็นคำพิพากษาฏีกา ที่กล่าวว่า "เป็นการอ้างอิงที่ มันกระทบสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ จนเกินสมควร ครับ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2546 ขณะที่โจทก์เขียนหนังสือ "คู่มือการประเมินผลการฝึกอบรมสำหรับผู้รับผิดชอบโครงการฝึกอบรม/สัมมนา" และหนังสือ "คู่มือการประเมินและติดตามผลการฝึกอบรมสำหรับผู้รับผิดชอบโครงการฝึกอบรม/สัมมนา" โจทก์ซึ่งเป็นข้าราชการในสังกัดสำนักงานก.พ. มีหน้าที่โดยตรงในการประเมินผลการฝึกอบรม แต่ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องจัดทำเอกสารหรือเขียนตำราทางวิชาการเพื่อใช้ในการฝึกอบรม การที่โจทก์เขียนหนังสือดังกล่าวขึ้นจึงไม่ถือว่าเป็นงานที่โจทก์ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ในกรอบงานของโจทก์ และสำนักงานก.พ. ซึ่งโจทก์สังกัดก็มิได้มีคำสั่งให้โจทก์เขียนหนังสือดังกล่าวหรือมีการจ่ายค่าตอบแทนให้ โจทก์เขียนหนังสือทั้งสองเล่มนอกเวลาราชการ โจทก์ได้กำหนดเค้าโครงการเขียนและสารบัญรวมทั้งได้เขียนอธิบายเนื้อหาสาระและรายละเอียดต่าง ๆ แต่ละประเด็นโดยใช้ถ้อยคำและคำอธิบายของโจทก์ใหม่ทั้งหมดตามความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ของโจทก์โดยตรง จึงเป็นงานนิพนธ์ที่โจทก์ทำขึ้นโดยไม่ได้ลอกเลียนงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่น โจทก์เป็นผู้ทำหรือก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์ประเภทวรรณกรรมในหนังสือดังกล่าวจึงเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ มิใช่สำนักงาน ก.พ. เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 14 แนวความคิด ทฤษฎี และตัวข้อมูลความรู้ไม่ใช่สิ่งที่กฎหมายลิขสิทธิ์คุ้มครองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 6 วรรคสอง บุคคลสามารถที่จะนำแนวความคิด ทฤษฎี และตัวข้อมูลความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้ตราบเท่าที่การใช้ประโยชน์ของบุคคลนั้นไม่เป็นการทำซ้ำ ดัดแปลงหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งงานอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่น หากจำเลยที่ 1 นำแนวความคิด ทฤษฎี และตัวข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการประเมินและติดตามผลการฝึกอบรมของบุคคลอื่นรวมทั้งของโจทก์ไปสร้างสรรค์งานวรรณกรรมของตน จำเลยที่ 1 จะต้องสร้างงานนั้นขึ้นมาโดยมีเนื้อหารายละเอียดและลักษณะการแสดงออกซึ่งความคิดของจำเลยที่ 1 เอง ไม่ใช่เพียงแต่คัดลอกหรือเลียนแบบงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่นในส่วนอันเป็นสาระสำคัญซึ่งถือว่าเป็นการทำซ้ำหรือดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นสิทธิแต่ผู้เดียวของเจ้าของลิขสิทธิ์ตามมาตรา 15(1) ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ย่อมเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา 27(1) หนังสือ "กลยุทธ์ในการฝึกอบรม" ของจำเลยที่ 1 มีข้อความที่เหมือนและคล้ายกับข้อความที่ปรากฏอยู่ในหนังสือ "คู่มือการประเมินผลการฝึกอบรมสำหรับผู้รับผิดชอบโครงการฝึกอบรม/สัมมนา" และ "คู่มือการประเมินและติดตามผลการฝึกอบรมสำหรับผู้รับผิดชอบโครงการฝึกอบรม/สัมมนา" ของโจทก์ในส่วนอันเป็นสาระสำคัญของงานประมาณ 30 หน้า จากจำนวนประมาณ 150 หน้า ข้อความบางตอนมีลักษณะเกือบเหมือนกันคำต่อคำบางตอนมีลักษณะดัดแปลงให้ต่างกันเล็กน้อย และบางตอนก็เพียงแต่ปรับเปลี่ยนหัวข้อเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งยากที่จะเกิดขึ้นได้โดยบังเอิญ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการทำซ้ำและดัดแปลงงานวรรณกรรมอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์เมื่อจำเลยที่ 1 กระทำไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากโจทก์ จึงเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยทั้งสองให้การว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 จัดพิมพ์หนังสือขึ้นโดยมิได้แสวงหากำไรทางการค้า แต่จำเลยที่ 1 กลับอ้างในอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการของมหาวิทยาลัยจำเลยที่ 2 อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ในข้อนี้ จึงเป็นอุทธรณ์นอกเหนือคำให้การและเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ. 2539 มาตรา 38 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง มหาวิทยาลัยจำเลยที่ 2 เผยแพร่ตำราและสิ่งตีพิมพ์ตั้งราคาจำหน่ายหนังสือใกล้เคียงกับต้นทุน ส่วนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอาจารย์สังกัดจำเลยที่ 2 ได้รับค่าตอบแทนจากงานเขียน แสดงว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำเพื่อหากำไรแล้ว แม้จะไม่ได้หากำไรเท่าธุรกิจเอกชนก็ตาม เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำซ้ำและดัดแปลงงานวรรณกรรมอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ การจำหน่ายหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนซึ่งหนังสือ "กลยุทธ์ในการฝึกอบรม" ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำเพื่อหากำไรโดยรู้อยู่แล้วว่างานนั้นได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของโจทก์ จึงเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมของโจทก์ ข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ประกอบด้วยหลักเกณฑ์ 3 ประการ คือ (1) เป็นการกระทำต่าง ๆ ตามที่มาตรา 32 วรรคสอง และมาตรา 33 บัญญัติไว้ (2) การกระทำนั้นต้องไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ และ (3) การกระทำนั้นต้องไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร แม้จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ"กลยุทธ์ในการฝึกอบรม" เพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการสอนและเป็นผลงานทางวิชาการที่จำเลยที่ 1 ใช้ประกอบการพิจารณาขอรับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ อันอาจถือได้ว่าเป็นการวิจัยงานหรือทำซ้ำและดัดแปลงโดยผู้สอนเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้เรียนในชั้นเรียนหรือในสถาบันศึกษา โดยไม่ได้หากำไรซึ่งจะเข้าข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา 32 วรรคสอง (1) และ (7) แต่จำเลยที่ 1 ได้กระทำการถึงขั้นจัดพิมพ์เพื่อจำหน่ายแก่บุคคลทั่วไป โดยจำเลยที่ 1 ได้รับค่าตอบแทนงานเขียนดังกล่าว แม้จะได้รับในอัตราต่ำสุดก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อหากำไรแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เข้าข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว การคัด ลอก เลียน หรืออ้างอิงงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นอันอาจจะเข้าข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 จะต้องเป็นการกระทำแก่งานอันมีลิขสิทธิ์บางตอนตามสมควรและมีการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น แม้จำเลยที่ 1 จะคัด ลอกหรือเลียนงานวรรณกรรมของโจทก์จำนวนประมาณ 30 หน้า จากจำนวนทั้งหมดประมาณ 150 หน้า อันถือได้ว่าเป็นงานบางตอนแต่การนำงานอันมีลิขสิทธิ์ของโจทก์มาบางตอนดังกล่าวล้วนเป็นส่วนของเนื้อหาสาระที่สำคัญและมีปริมาณงานเป็นจำนวนมาก จึงถือได้ว่าเป็นการคัด ลอก หรือเลียนงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเกินสมควร หนังสือ "กลยุทธ์ในการฝึกอบรม" ของจำเลยที่ 1 เป็นหนังสือคำอธิบายเกี่ยวกับการฝึกอบรมขนาด 8 หน้ายก ซึ่งจำเลยที่ 1 สามารถที่จะแสดงการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของโจทก์ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการทำเชิงอรรถหรือกล่าวถึงเจ้าของลิขสิทธิ์เมื่อจำเลยที่ 1 นำข้อความของงานนั้นมาเขียนไว้ในหนังสือของจำเลยที่ 1 ดังที่จำเลยที่ 1ได้กระทำแล้วในส่วนอื่น ๆ ของหนังสือดังกล่าว การที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่อ้างอิงถึงชื่อโจทก์และบุคคลอื่นพร้อมงานเขียนรวม 26 รายการ ไว้ในหัวข้อเอกสารอ้างอิงที่ท้ายเล่มผู้อ่านย่อมไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าข้อความส่วนใดของงานดังกล่าวเป็นงานเขียนของโจทก์ซึ่งจำเลยที่ 1 คัดลอกมา จึงยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่าเป็นการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของโจทก์ อันจะถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เข้าข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 33 หนังสือ "กลยุทธ์ในการฝึกอบรม" มีการจัดพิมพ์จำหน่ายรวม 2 ครั้ง ครั้งที่ 1จำนวน 500 เล่ม และครั้งที่ 2 จำนวน 1,000 เล่ม มีวางจำหน่ายที่ร้านขายหนังสือในราคาเล่มละ 165 บาท โดยจำเลยที่ 1 ได้ทำซ้ำและดัดแปลงข้อความและสาระสำคัญต่าง ๆ จากหนังสือของโจทก์จำนวนประมาณ 30 หน้า จากจำนวนทั้งหมดประมาณ 150 หน้า เมื่อจำเลยที่ 1 จัดทำหนังสือซึ่งมีลักษณะทำนองเดียวกับงานที่โจทก์สร้างสรรค์ขึ้นออกจำหน่าย จึงเป็นการแบ่งตลาดของผู้บริโภคซึ่งจะซื้อหนังสือประเภทดังกล่าวออกไปส่วนหนึ่ง อันเป็นการขัดต่อการแสวงหาประโยชน์จากงานอันมีลิขสิทธิ์ตามปกติของโจทก์และกระทบกระเทือนถึงสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของโจทก์เกินสมควร การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เข้าข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537มาตรา 32 วรรคหนึ่ง   อ้างอิงจาก http://www.deka2007.supremecourt.or.th/deka/web/searchlist.jsp (cit.8.7.2010) เดี๋ยวมาต่อครับ ว่างๆคุยกัน ครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 53 20:02:28 จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 19:31:40

ความคิดเห็นที่ 87 กลับมาต่อ ครับ จากคำพิพากษาฎีกาอันนี้ ได้แสดงถึง ตัวอย่าง ถึง " เป็นการคัด ลอก หรือเลียนงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเกินสมควร " และ การอ้างอิงก็มีปัญหาครับ เพราะ ศาล ตัดสินว่า " การที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่อ้างอิงถึงชื่อโจทก์และบุคคลอื่นพร้อมงานเขียนรวม 26 รายการ ไว้ในหัวข้อเอกสารอ้างอิงที่ท้ายเล่มผู้อ่านย่อมไม่สามารถที่จะทราบได้ว่าข้อความส่วนใดของงานดังกล่าวเป็นงานเขียนของโจทก์ซึ่งจำเลยที่ 1 คัดลอกมา จึงยังไม่เป็นการเพียงพอที่จะถือได้ว่าเป็นการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของโจทก์ " ข้อความนี้แสดงให้เห็นว่า "การอ้างอิง ต้องบ่งชี้ชัดเจนครับ ว่าส่วนใดมาจากที่ใด จึงจะเพียงพอ ให้เห็นถึงการรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์" "วิธีการอ้างอิง" ที่ จะเป็นการป้องกันตัวเอง ไม่ให้ละเมิดลิขสิทธิ์ และ เป็นการเคารพรับรู้ถึงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นั้น  ผมได้นำเสนอไปแล้ว ขอให้ดู ความคิดเห็นที่แล้วๆมา ครับ อนึ่ง ผมไปเจอหนังสือ เล่มนึง ซึ่งดีมาก ครับ เป็นหนังสือเกี่ยวกับ การเขียนงานวิชาการ ซึ่งเท่าที่ผมอ่านดู ในหนังสือเล่มนี้ จะสอนวิธีเขียนงาน และ อ้างอิง  และปลอดภัยจากการละเมิดลิขสิทธิ์ ครับ ดีจริงๆ หนังสือเล่มนี้ คือหนังสือของ ธานี วรภัทร์,หลักการพื้นฐานในการทำวิทยานิพนธ์ทางกฎหมาย.พิมพ์ครั้งที่ ๒ : กรุงเทพฯ,วิญญูชน,๒๕๕๐.๑๘๔ หน้า ขอให้ท่านผู้ที่สนใจ ก็ติดตามหาได้ครับ ว่างๆคุยกัน ครับ จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 19:48:36

ความคิดเห็นที่ 88 วกกลับมาต่อ ก่อนที่ผมจะต้องขอตัวไปอ่านหนังสือครับ ขออนุญาต บอกกล่าวนิดนึงเกี่ยวกับ "คำพิพากษาฎีกา" ที่เป็นตัวอย่างครับ ปกติแล้ว การอ้างคำพิพากษา ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย เพียงแค่บอกเลข กับ ปี ก็จบแล้ว ครับ เพราะถือว่า "ทุกคนสามารถขอตรวจสอบดูได้" ทั้งนี้เป็นไปตามมาตรา 7 สิ่งต่อไปนี้ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ (4) คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ การหานั้น อาจจะหาได้ ทางอินเตอร์เน็ต ที่เว็บ ศาลฏีกา หรือ จะเป็นหนังสือรวบรวมคำพิพากษาฎีกาของ เนติบัณฑิตย์ หรือ จะของงานส่งเสริมตุลาการ  ก็ได้ ซึ่งดีทั้งสองเจ้า เพราะมี การวิเคราะห์คำพิพากษา เป็นอย่างดี ครับ ว่างๆคุยกัน ครับ จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:00:46

ความคิดเห็นที่ 89 กระทู้ของคุณกมล 99 เปอร์เซ็นเป็นเรื่องทีมีประโยชน์และมีคุณค่าต่อพวกเรามากมาย ดิฉันชื่นชมด้วยใจจริง แต่ดิฉันมีคำถามสำหรับคุณและคนที่คุณนับถือว่ากระทู้นี้ตั้งขึ้นมาด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อต้องการเผยแพร่ความรู้เรื่องการละเมิดลิขสิทธิต่อชาวไกลบ้านและผู้ที่สนใจจริงหรือ  มิไช่เพราะกระทู้ของคุณมาดามฯเป็นแรงบัลดาลใจในการนำเสนอ ดิฉันขอให้คุณผู้ซึ่งหายไปนานจากห้องนี้ ตอบด้วยความจริงใจอย่างผู้ชายที่ดิฉันนับถือและชื่นชมคนหนึ่ง  คำตอบของคุณจะเป็นตัวแปรในความรู้สึกที่ดิฉันมีต่อคุณเลยทีเดียว   ดิฉันมองว่ากระทู้นี้มีที่มาที่ไปและเบื้องหลังค่ะ  มิได้มีเจตนามาก่อกวนความสงบแต่ดิฉันมองเห็นอย่างนี้  ดิฉันเองไม่ได้รักชอบกับมาดามฯ แต่รู้สึกว่ากระทู้นี้เป็นเรื่องการเมืองเบื้องหลังน้ำเน่าที่ตั้งขึ้นมา หากไม่ไช่อย่างที่ดิฉันเข้าใจก็แสดงว่าทุกอย่างช่างเหมาะเจาะลงตัวเหลือเกิน  เจตนาที่แท้จริงเป็นอย่างไรคุณกมลทราบดีที่สุดกว่าใครอื่น และดิฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจและไม่โกรธดิฉัน จากคุณ : Gisele เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:00:56

ความคิดเห็นที่ 90 ขออนุญาต ตอบคุณ Gisele แบบเพื่อนที่ผมนับถือแล้วกันว่า ผม ก็ งง อยู่ว่า มันเกิดอะไรขึ้น หากคุณสังเกตุดีๆ ในความเห็นที่สองนั้น ผมไม่ได้เอ่ยชื่อใคร และ ไม่ได้อ้างกระทู้ของใครเลย ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือ แอบด่าเลย ตรงกันข้าม ผมคิดว่า "เป็นการชี้ให้เห็นถึงการป้องกันตัวจากการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยซ้ำ อนึ่งการเอ่ยชื่อ ชาวบ้างมันเสี่ยงต่อการทะเลาะ ผมหลีกเลี่ยงตรงนี้ อยู่ และในตัวอย่างในความคิดเห็น ที่ ๔๗ ตัวอย่างนั้นก็เป็นตัวอย่างที่เกี่ยวกับตัวผมเอง  ซึ่งผมอ้างถึงคำสัมภาษณ์ของตัวผมเอง ผมไม่ได้อ้างถึงใครเลย  ผมไม่ได้ไปฟันธงว่า "กระทู้ใครมีปัญหาเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์เลย" สิ่งที่ผมเขียนมีแต่ "วิธีการอ้างอิงที่ปลอดภัยเท่านั้น" ตรงกันข้าม "มีการอ้างชื่อผมแบบเจาะจงว่า ผมจงใจไปดิสเครดิตคนอื่น" โดยใช้วิธีการอนุมานซึ่งมันเลื่อนลอยมาก เพราะ ตามหลักการแล้ว "การจะพิสูจน์ว่าใครกระทำความผิดนั้น ต้องพิสูจน์จากหลักการหาความจริง และพิสูจน์จนสิ้นสงสัย" ไม่ใช่การอนุมานที่เลื่อนลอยแบบจับแพะชนแกะ แบบนี้ ผมขออนุญาตบอกว่า "ผมไม่เห็นด้วย" กระทู้นี้ผมเองก็หลีกเลี่ยงความขัดแย้ง โดย อะไรที่ก่อให้เกิดการชวนทะเลาะ ผมก็ไม่ตอบ เพราไม่มีประโยชน์ และ ความเห็นแย้งอื่นๆเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ ผมก็บอกไปแล้วว่ายินดีรับฟัง ในความเห็นที่ผ่านๆมา ใครจะมีความขัดแย้งกับใคร ในกระทู้ใด ผมไม่เกี่ยวข้องเลย กระทู้ใครทะเลาะกับกระทู้ของใคร ผมไม่ทราบ ผมบอกตั้งแต่ต้นกระทู้แล้วว่า "กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาทำลายความน่าเชื่อถือของใคร"   คนอื่นทะเลาะกัน ผมไม่เกี่ยว และ ผมคิดว่า "มันไม่มีประโยชน์ที่มาทะเลาะกัน" และ "ไม่ควรลากผมเข้าสู่ความขัดแย้งของผู้อื่น" มันไม่สมควรกระทำ ผมก็ได้แต่คิดว่า "คำถามรวนๆป่วนๆ ผมก็อดทนต่อไป และ หาอะไรที่เป็นประโยชน์มานำเสนอดีกว่า" ครับ ผมหวังว่าคุณคงเข้าใจ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยได้โปรดเมตตาคุ้มครองคุณแลครอบครัวให้มีความสุขครับ ว่างๆคุยกัน จากคุณ : กมลลั้นลาcomebackstage (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 20:27:42

ความคิดเห็นที่ 91 นี่ก็แอบเข้ามาอ่านเหมือนกันค่ะ.. จากที่ได้รู้จักคุณกมลมานาน บอกได้ว่าคุณเขาน่ารัก ชอบจีบสาวสวย และไม่ชอบประมวยกับใคร คิดเสียว่าคุณเขาเข้ามาแชร์ความรู้ดีๆก็แล้วกัน อย่าเอาเธอไป put on the spot เลยค่ะ ขอเถอะ จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 21:31:55

ความคิดเห็นที่ 92 "สาเหตุที่ผมกลับมาเขียน เนื่องจากว่า ผมเข้าใจในความคิดของพี่สมาชิกชาวไกลบ้านท่านหนึ่ง ซึ่งท่านเองก็เมตตาในตัวกระผม ผมจะไม่เอ่ยนามพี่ท่านนี้ แต่การกลับมาครั้งนี้ เพราะผมเองก็สำนึกในความเมตตาของพี่ท่านนี้ ผมจึงกลับมาเขียนกระทู้ลงไกลบ้านอีก" แล้วพี่ท่านนั้นคือใครคะ?? จากคุณ : ยาวนะเนี่ย (เอ๋แม้ว) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 21:54:47

ความคิดเห็นที่ 93 เจ้าของกระทู้เค้าพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งแบบสุภาพที่สุด แต่หลายคนก็ยังพยายามให้เป็นกระทู้มาม่า (เลียนแบบคำพูดห้องแป้ง) ดิฉันอยู่ห้องไกลบ้านมานาน เห็นอะไรก็เยอะ ถ้าคุณกมลจะตอบตรงๆว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" มันไม่ได้ทำให้ห้องไกลบ้านเปลี่ยนไปหรอกค่ะ อย่าไปคาดคั้นเธอเลย ดิฉันคิดว่าผู้อ่านมีวิจารณญาณดีพอไม่ต้องการชี้นำ จะให้เกิดความแตกแยกไปเปล่าๆ จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 23:49:03

ความคิดเห็นที่ 94 อยากแสดงความเห็น แต่กลัวแสดงความเห็นไปแล้ว ความเห็นไม่ถูกใจ คุณ "กริชนาคราช"หรือบางคน อาจเจอ....... น่ากลัวจริงๆเลย จุ๊บุ จุ๊บุ ไปดีกว่าอย่าทำไรผมนะ ผมกลัวแล้ว น่ากลัวสุดๆๆ   แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 02:12:26 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 02:10:44 จากคุณ : แชงคูส เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 01:56:59

ความคิดเห็นที่ 95 ยินดีมากค่ะกับคำตอบของคุณกมล ที่จริงแล้วคุณจะไม่เสียเวลาอ่านหนังสือมาตอบก็ได้กับสิ่งที่ผู้อื่นได้คิดและเข้าใจไปเอง คุณเองมีเจตนาดีและบริสุทธิ์อยู่แล้ว  ส่วนดิฉันเองเป็นคนที่ถ้าสงสัยอะไรก็จะถามหรือพูดแบบตรงๆไม่อ้อมค้อมและไม่ได้คิดว่าจะกล่าวหาหรือตำหนิคุณ เพียงแค่สงสัยอะไรที่ไร้สาระตามประสาดิฉันเอง ดิฉันเองก็คิดว่าคุณกมลที่ดิฉันนับถือไม่มีทางที่จะเอาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ยืดยาว มาโพสให้พวกเราอ่านกันหรอกเพียงเพื่อเรื่องของคนไม่พอใจกันในกระทู้อื่น  อาจจะถามอะไรทีมันโง่ๆและน่ารำคาญ แต่ดิฉันถือว่าดีกว่าที่จะคิดไปเองแบบผิดๆ   ว่างๆก็ขอเชิญเข้ามาลั้นลาอีกค่ะ  ดิฉันเป็นแฟนคลับคนหนึ่งเหมือนกัน จากคุณ : Gisele เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 03:25:07

ความคิดเห็นที่ 96 ในเมื่อคุณกมล ออกมาบอกว่า กระทู้นี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ ไม่ชี้เฉพาะเจาะจง หรือ แอบด่า คุณมาดามพันชั่ง ในคห ที่ 90 ผมขอถอนความเห็น ข้างบน แต่ขอคง ข้อความไว้ เพื่อเป็นการรับผิดชอบในคำพูด และผมขอโทษคุณกมล ที่ผมเข้าใจผิด สิ่งที่ผมอยากได้ คุณกมลได้ให้ผมแล้ว ใน คห ที่ 90 ครับ และผมมีข้อขอร้องคุณกมลอย่างหนึ่ง คุณกมลจะกรุณาผมหรือไม่ก็ได้ ผมอยากให้คุณกมล ลบข้อความที่เป็นเรืองเป็นราว ใน คห 2 ที่เกี่ยวกับ โบรชัวร์ และ เอกสารเก่า ยังไงหากใช้ตัวอย่างอื่น คงไม่ได้ทำให้บทความคุณกมล ลดคุณประโยชน์ลงไปแม้แต่น้อย ผมขอบคุณล่วงหน้า และ หวังว่าคุณกมล คงให้อภัยผมนะครับ จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 04:53:38

ความคิดเห็นที่ 97 ถ้าคุณกมล หรือสมาชิกคนอื่นๆ เห็นว่า ผมสมควรลบข้อความออก ขอให้บอกมาได้ครับ จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 04:54:55

ความคิดเห็นที่ 98   คุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย อะไรกัน จะใจเสาะเหมือนปลาซิวทำไม ผมเห็นว่าที่คุณเขียนไม่น่าจะมีอะไรที่น่าเกลียด อย่างน้อยคนอ่านเขาก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร คุณอาจจะเข้าใจผิดบ้างถูกบ้างไม่เป็นไรครับและผมคิดว่าอาจจะมีคนอื่นที่สงสัยเหมือนคุณก้ได้แต่เขาเห็นว่าเรื่องเล็ก ไม่สำคัญ เขาจึงไม่ออกมาโวยวายหรือทักท้วงหรือถาม ผมเข้าใจว่าที่ จขกท ตั้งกระทู้ขึ้นมาเขาก็ไม่ได้หวังว่าจะเป็นเหมือนที่เขาคิดทุกอย่าง แต่เขาอยากจะขอความเห็นมากกว่า จึงออกมาตั้งคำถาม ผมคิดว่า เรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ ถ้าละเมิดมันก็ไม่เฉพาะที่พันทิปหรอก ที่ไหนๆก็น่าจะละเมิดคือละเมิดทุกแห่ง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่ จริงๆผมก็มีคำถามนิดหน่อยแต่เกรงใจ จขกท กลัวว่าเขาจะน้อยใจหายไปเสียอีก เพราะเห็นว่าเขาก็ให้ความเห็นดีๆน่าฟังไว้เยอะทีเดียว ไหนๆก็ไหน ขอถามนิดหนึ่ง ที่ว่าไว้ในความเห็นที่ 23 ว่า เรื่องเก็บตังค์ค่าดูฟุตบอลโลกกับแม่ค้าส้มตำ "มันเป็นแนวโน้มทางความคิด" ในการจัดเก็บลิขสิทธิ์ทางทีวี ผมไม่ได้ติดตามตลอด แค่อยากทราบว่า มันเป็นแนวโน้มทางความคิดของใคร เขาแสดงไว้ที่ไหน จขกท ก็อย่าใจเสาะหนีไปไหนอีกคนนะครับ ด้วยใจจริง จากคุณ : อิสวาสุ เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 05:47:20 A:71.114.75.107 X: TicketID:105627

ความคิดเห็นที่ 99 ^ สงสัยคุณอิสวาสุจะชอบสีสัน  เอิ๊กๆ เรื่องนอกกระทู้จบลงด้วยดีก็ดีครับ  จะได้มาฟังเรื่องลิขสิทธิต่อ   กำลังน่าสนใจทีเดียว จากคุณ : Ter @ AFC เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 06:01:34

ความคิดเห็นที่ 100 คุณอิสวาสุครับ คือผมไม่ได้กลัวอะไรนะครับ เพียงแต่ ผมได้คำตอบจากคุณกมลแล้ว และไม่อยากให้กลายเป็นประเด็นร้อนไปกว่านี้ จึงอยากยุติ เรื่องเพราะ ผมไม่อยากลากคุณกมลเข้าไปเกี่ยวกับ คุณป้ากริชนาคราช ครับ ในเมื่อคุณกมล บอกว่า ไม่เกี่ยว ไม่ข้อง กับเรื่องนี้ ผมก็ต้องเคารพคุณกมล ผมยังรอคำอธิบายจากคุณป้าอยู่ด้วยนะครับ เรื่องที่ส่ง หลังไมค์ ไปแช่งด่าสมาชิกคนอื่น รวมทั้งผมด้วยนะ ผมรู้ว่าคุณอิสวาสุ และสมาชิกท่านอื่น ก็สนใจเรื่องนี้อยู่ ไม่ใช่น้อย คงต้องรอให้คุณป้ากริชนาคราช มาตั้งกระทู้ชี้แจงเองจะดีกว่านะ แต่ที่ยังสงสัยอยู่จริงๆ ไม่ได้ไปพาดพิงถึงใครนะครับ แต่ไม่กล้าถาม กลัวโดนด่าว่าไม่ยอมจบ คือเรื่องบทสัมภาษณ์นี่แหละ ว่าตกเป็นสิทธิ์ของใคร - คุณกมลบอกว่า ของคนให้สัมภาษณ์ - คุณroslita เปรียบเปรยๆเหมื่อนเป็นของคนสัมภาษณ์ - ผมคิดว่าเป็นของสื่อที่คนสัมภาษณ์ทำงานอยู่ เอาเป็นยกตัวอย่างเป็น รูปภาพดีกว่า จะได้ไม่กระทบใครด้วย สมมติเลยว่า ผมเป็นช่างภาพนิตยสาร ไปถ่ายรูปนางแบบ แล้วเอามาส่ง FWD Mail ให้เพื่อนๆดู ทำได้หรือไม่ ? สิทธิ์รูปภาพเป็นของใคร นางแบบ นิตยสาร หรือ ของผม แล้วสมมติอีกว่า ผมถ่ายมา 20 รูป เอาลงนิตยสาร 10 รูป รูปที่ไม่ได้เอาลงนิตยสาร นี้ เป็นของ ผม หรือเปล่า ? จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 06:34:16

ความคิดเห็นที่ 101   เพิ่งรู้นะว่าห้องนี้มี Mafia ด้วยรึ? อย่าให้ "A TOUCH OF FREINDSHIP" กลายเป็น "A TOUCH OF DICTATORSHIP" ล่ะ !! แก้ไขเมื่อ 09 ก.ค. 53 09:39:11 จากคุณ : Pinball (Dawdler) เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 09:38:35

ความคิดเห็นที่ 102 คุณสายน้ำค่ะ ดิฉันขอตอบในมุมมองของตัวเองนะคะ บทสัมภาษณ์ที่ดิฉันให้สัมภาษณ์นั้น ขอบอกจากใจเลยว่าไม่เคยคุยเรื่องลิขสิทธิ์กันค่ะ ดิฉันไม่รู้ว่าลิขสิทธิ์เป็นของดิฉันหรือว่าเป็นของแม็กกาซีนที่ขอสัมภาษณ์ แต่เวลาที่มีคนนำบทสัมภาษณ์ไปเผยแพร่ ก็ไม่เห็นว่าทางแม็กกาซีนจะตำหนิอะไร ไม่เคยมีใครออกมาโวยวายเลยสักนิด ส่วนตัวดิฉันเองเวลามีคนขอนำไปเผยแพร่ก็ยินดีและเต็มใจเสมอ ดิฉันคิดว่าโดยส่วนใหญ่ที่ดิฉันเห็น การเผยแพร่บทสัมภาษณ์นั้นเป็นสิ่งที่ดี คนที่ถูกสัมภาษณ์ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปบอกคนอื่น เพราะมีคนคอยเผยแพร่ให้คนอื่นได้รู้จักตัวเองไปในตัว เหมือนกับมีคนช่วยโปรโมทไปในตัว ถ้าหากมองในแง่การตลาด สมมุติว่าเป็นดารา เวลาที่ถูกสัมภาษณ์ ทางหนังสือพิมพ์หรือสื่อในเน็ตต่าง ๆ ขอเอาไปเผยแพร่ ส่วนใหญ่ก็อนุญาตให้เอาไปเผยแพร่ทั้งนั้น  เพราะเจ้าของค่ายไม่ต้องเสียเวลาโปรโมท ยิ่งคนอ่านบทสัมภาษณ์ดารามากแค่ไหน คนก็จะรู้จักดาราคนนี้มากขึ้น ส่วนเรื่องกรรมสิทธิ์นั้น ดิฉันรอผู้รู้ด้านกฏหมายโดยตรงมาตอบดีกว่า เพราะดิฉันด้อยเรื่องกฏหมายค่ะ ดิฉันขอตอบเฉพาะในประสบการณ์ที่ตัวเองสัมผัสเท่านั้นค่ะ ในส่วนที่ดิฉันเคยขอสัมภาษณ์พี่น้องคนลาวเกี่ยวกับประเพณีสงกรานต์และวิถีชีวิตในอเมริกา ดิฉันทำงานชิ้นนี้เคียงคู่กับคนรัก ซึ่งเป็นทุน Grant ประจำมลรัฐหลุยส์เซียน่า ทุนก้อนนี้ได้ระบุไว้ว่าให้เราไปทำรีเสิร์ทเกี่ยวกับชีวิตชุมชนคนลาวทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิต ประเพณีต่าง ๆ และสิ่งที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐ ซึ่งดิฉันกับคนรักดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้ทำงานรีเสิร์ทในครั้งนี้ เราสองคนช่วยกันทำงานรีเสิร์ทตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสมบูรณ์ โดยที่ก่อนมีการขอสัมภาษณ์ต่าง ๆ ได้มีใบเซ็นอนุมัติให้คนที่ให้สัมภาษณ์ได้ทำความเข้าใจ หากเขายินดีให้สัมภาษณ์และนำไปเผยแพร่ได้ เราก็ทำการสัมภาษณ์ ซึ่งพี่น้องคนลาวทุกคนยินดีและดีใจเป็นอย่างมากที่ดิฉันและคนรักขอสัมภาษณ์ ทุกคนเซ็นชื่อยินยอมทุกอย่าง ในมุมมองของดิฉันเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของบทสัมภาษณ์ผลงานชิ้นนี้ ดิฉันคิดว่าลิขสิทธิ์เป็นของหน่วยงานรัฐแห่งนี้โดยตรง เพราะว่าคนรักของดิฉันรับทุนไปทำหน้าที่สัมภาษณ์ โดยที่มีดิฉันเป็นช่างภาพและเป็นล่ามในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ หากมองในแง่ลูกจ้างเหมือนสังคมธุรกิจทั่วไป ก็คงจะคล้าย ๆ มีบริษัทแห่งหนึ่งจ้างใครสักคนไปสัมภาษณ์ผู้คน  สิทธิ์ผลงานนั้นน่าจะตกเป็นของของบริษัท เพียงแต่บริษัทยังให้เครดิตคนที่ทำงานชิ้นนี้อย่างต่อเนื่อง  เหมือนกับการให้เกียรติกันและกัน หรืออาจจะมีส่วนร่วมในลิขสิทธิ์ผลงานด้วยกันก็เป็นได้ ซึ่งดิฉันคิดว่าถ้าไม่มีคนที่ไปทำงานชิ้นนี้ บริษัทก็คงไม่มีบทสัมภาษณ์มาเผยแพร่ และถ้าไม่มีคนให้สัมภาษณ์ ผลงานชิ้นนี้ย่อมไม่เกิดขึ้นแน่นอน ดิฉันคิดว่าทางเจ้าของลิขสิทธิ์ในผลงานไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องเผยแพร่ เพราะคิดว่า การเผยแพร่เป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์แก่สังคม แต่ถ้าคนที่นำไปเผยแพร่ ได้นำบทสัมภาษณ์ไปทำในสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น เพื่อการค้า หารายได้เข้าตนเอง หรือทำให้คนที่ทำงานในส่วนตรงนี้เสียหาย ทางเจ้าของลิขสิทธิ์ก็อาจจะออกมาโวยวายได้ แต่ถ้าเป็นบทความต่าง ๆ ที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์ชีวิต เช่น มีการเดินทางไปท่องเที่ยวต่างเมือง ขอสัมภาษณ์ผู้คนในเมืองแห่งนั้น ดิฉันเชื่อว่าคนที่ทำงานชิ้นนี้จะต้องแจ้งให้คนที่ให้สัมภาษณ์ทราบเสียก่อนว่าจะนำไปตีพิมพ์หรือเผยแพร่ หากคนที่ให้สัมภาษณ์ตกลงก็จะทำการสัมภาษณ์ ส่วนลิขสิทธิ์ก็คงจะเป็นของคนที่ขอสัมภาษณ์ เพราะเขาได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง จะว่าไปแล้วเรื่องลิขสิทธิ์ต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนไม่น้อย ดิฉันเองก็ตอบตามประสบการณ์และแง่คิดของตัวเองเท่านั้น ความจริงทางด้านกฏหมายอาจจะต่างจากที่ดิฉันคิดก็ได้ ยังไงก็รอท่านผู้รู้ทางกฏหมายโดยตรงมาชี้แจงอีกครั้งนะคะ ดิฉันจะเข้ามาศึกษาเรื่อย ๆ และให้กำลังใจทุก ๆ คนที่ร่วมแสดงความคิดเห็นดี ๆ แลกเปลี่ยนกันค่ะ จากคุณ : roslita เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 10:18:38

ความคิดเห็นที่ 103 น้องสายน้ำคะ ask the right question to the right person ka บางคนดูเหมือนรู้มาก แต่ไม่ได้รู้จริง จากคุณ : ตัวตายตัวแทน (เอ๋แม้ว) เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 14:56:06

ความคิดเห็นที่ 104 เข้ามาดู ... จากคุณ : แต๋วแหน่ว เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 14:56:21

ความคิดเห็นที่ 105 สวัสดีคุณ roslita ขอกราบขอบพระคุณที่ คุณ  roslita ให้ความสนใจในกระทู้นี้ครับ ก่อนตอบคำถามนั้น ผมคิดว่า "กระทู้นี้ มันไม่มีเหตุอันควรที่จะมาทะเลาะกัน" ซึ่งมันจะเป็นการเบี่ยงเบนประเด็นไป และ แทนที่จะคุยกันอย่างสุภาพชน เรื่อง ลิขสิทธิ์ กลับกลายเป็นว่า "ต้องมาตอบโต้ ด่ากันไปด่ากันมา" ซึ่งเอง ก็พยายามหลีกเลี่ยง ตรงนี้ แต่ก็มิวาย โดยด่ากระทบกระเทียบโดยไม่มีสาเหตุ ซึ่งเองก็ไม่ทราบว่า "จะมาด่ากระทบกระเทียบผมด้วยสาเหตุอันใด ?"   มันไม่มีเหตุอันสมควรเลย อนึ่ง บางคำถามนั้น ผมพิจารณาแล้วเห็นว่า "คำตอบสามารถหาได้จาก ข่าวสารตามอินเตอร์เน็ตโดยทั่วไป ไม่ยากที่จะหา ดังนั้นขออนุญาตกราบเรียนว่าก็ไม่จำเป็นต้องตอบ " สำหรับ "คำให้สัมภาษณ์" นั้น ความเห็นที่ผ่านๆ มา ผมมองในแง่การอ้างอิงจาก "แหล่งกำเนิด (Origin) " ซึ่งหากผมเขียนหนังสือเล่มนึง ผมอ้างอิง โดย อ้างชื่อ ถึงคนให้สัมภาษณ์ในฐานะเจ้าของคำพูด" ก็ถือได้ว่า ผมคำนึงตรงจุดนี้ ว่า "เป็นการเคารพถึงลิขสิทธิ์ของผู้อื่น แล้ว" (ซึ่งลิขสิทธิ์ เป็นของใคร ก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่ในการอ้างอิงนั้น ทำตามกฎแล้ว ) การกำเนิดขึ้นของลิขสิทธิ์นั้น เพียงแสดงออกให้ปรากฎ ก็เพียงพอแล้ว อาจจะเป็นการแสดงออกโดยคำพูด การออกเสียงพูด หรือการแสดงออกต่อสาธารณะ ส่วนที่เป็นการบันทึกคำพูดนั้น (fixation) ไม่เป็นการบ่งชี้สำหรับการกำเนิดลิขสิทธิ์ (Telec,I.,Tuma,P.Prehled prava dusevniho vlastnicvi :Brno, Doplnek,2006, s.27) ปกติแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถูกสัมภาษณ์กับผู้สัมภาษณ์ จะต้องมีการตกลงที่ชัดเจน หรือ แจ้งให้ทราบว่าว่า "จะเอาคำสัมภาษณ์นี้ไปทำอะไร เช่น เพื่อการค้า เพื่อวิจัย เพื่อเขียนหนังสือแล้วขาย" หากผู้สัมภาษณ์ให้ความยินยอม เช่น อาจเป็นความยินยอมที่เป็นลายลักษณ์อักษร อย่างเป็นสัญญา ก็ได้ พึงต้องคำนึงตรงจุดนี้ว่า ผู้ให้สัมภาษณ์ มีลิขสิทธิ์ใน "คำพูดของตน" ในฐานะที่ตัวเอง เป็นผู้สร้างสรรค์ มันออกมา และมีสิทธิที่จะอนุญาตให้ผู้อื่นนำไปใช้ได้ในลักษณะของ " ความยินยอม" แต่ (จุดคลายแม็กซ์) เมื่อผู้ให้สัมภาษณ์ให้ความยินยอมแด่ผู้สัมภาษณ์ เช่น เจ้าของหนังสือผู้สัมภาษณ์ แจ้งแล้วว่าจะนำไปทำอะไร เช่น พิมพ์ขาย ต่อจากนั้น ผู้ถูกสัมภาษณ์ยินยอม เป็นต้นว่า ยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร แล้วตกลงกันว่า จะใช้คำสัมภาษณ์นี้อย่างไร ภายใต้เงื่อนไขอะไร เมื่อ ผู้สัมภาษณ์อย่างเจ้าของหนังสือ เอาไปตีพิมพ์ (จุดคลายแม๊กซ์) เจ้าของหนังสือ เป็นผู้มีลิขสิทธิ์ ครับ แต่เป็นลิขสิทธิ์ในสิ่งตีพิมพ์ สิ่งที่พิมพ์ออกมา ไม่ใช่ "คำพูด" ตรงจุดนี้ มันขึ้นอยู่กับ Fixation ด้วย (ตรงจุดนี้ ผมคิดว่า ผมเขียนไว้แล้วนะ วกกลับไปดูได้) อาจจะสรุป ง่ายๆ คือ คนพูด คนพูดมีสิทธิในคำพูด คนพิมพ์ก็มีสิทธิในสิ่งที่ตัวเองพิมพ์ การใช้งาน "ภายใต้เงื่อนไขความยินยอม และ ความตกลง" อีกประเด็นคือ ความสัมพันธ์ระหว่าง นายจ้างเจ้าของบริษัทกับลูกจ้างผู้สร้างสรรค์งาน ตรงจุดนี้ มีคำตอบคือ ตาม พรบ ลิขสิทธิ์ ๒๕๓๗ มาตรา 9 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นในฐานะพนักงานหรือลูกจ้าง ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น ให้ลิขสิทธิ์ในงานนั้นเป็นของผู้สร้างสรรค์ แต่นายจ้างมีสิทธินำงานนั้นออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ตามที่เป็นวัตถุประสงค์แห่งการจ้างแรงงานนั้น มาตรา 10 งานที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยการรับจ้างบุคคลอื่น ให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น เว้นแต่ผู้สร้างสรรค์และผู้ว่าจ้างจะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่น เรื่องมันก็มีอยู่ว่าอย่างนี้ล่ะครับ ว่างๆคุยกัน ครับ จากคุณ : กมลลั้นลาแอบฟัง4Minute (Kamollanla) เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 18:03:22

ความคิดเห็นที่ 106 ขอแส่แบบนอกประเด็นหน่อยนะคะ ดิฉันไม่เคยรู้จักหรือสนทนาผ่านกระทู้กับคุณกมลตรงๆแม้แต่ครั้งเดียว แล้วก็ไม่ใช่สมาชิกห้องไกลบ้านแต่เป็นประเภทอ่านไปเรื่อยๆ ก็เป็นเรื่องบังเอิญที่ผ่านไปอ่านเจอกระทู้อาลาไกลบ้านของคุณกมลเข้า ก็อ่านและเข้าไปตอบแบบขาจรทั่วๆไป ปรากฏว่าเจอบุกอย่างหนักส่งเมล์มาเป็นหน้าดาษ และยังไม่พอมีเรื่องราวนอกเหนือจากที่เห็นหน้ากระทู้อีกยาวมาก น่าจะหนักกว่าที่คุณกมลโดนจามาอำลาด้วยซ้ำไป ดิฉันก็ไม่รู้ว่าคุณกมลตั้งใจพาดพิงคุณมาดามพันชั่งหรือเปล่า แต่ถ้าใช่ ก็น่าจะขอบคุณคุณกมลที่พยายามจะเตือนมากกว่าคิดว่าเขาจะดิสเครดิต เพราะมันเคยมีกรณีโม้เจอตอ ดิ้นพล่านเหมือนไส้เดือนโดนขี้เถ้ามาก่อนแล้ว คนทำน่าจะจำและระวังในการโพสความเห็นให้มากขึ้น เพราไม่รู้ว่าในอนาคตจะโชคดีเหมือนคราวที่แล้วหรือเปล่า บอกไว้แค่ว่าหลักฐานทั้งหมดยังเก็บอยู่นะ จะโพสอะไรก็ระวังหน่อย ถ้ามีเหตุครั้งที่  3 4 5 อีกคราวนี้อาจไม่โชคดีและคงจะเรียกกระแสกลับได้ยาก เอาแบบพอดีๆ อย่าเยอะ ใครข้องใจว่ามาพล่ามอะไร ไปถามเจ้าตัวเขาเองนะคะ จากคุณ : Alone with out lonely เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 21:21:06