ความคิดเห็นที่ 1   มีอีกเรื่อง(คือจริงไมีอีกหลายเรื่อง) เค้าเคยทานอาหารไทยที่ จขกท.ทำให้แล้วบอก จขกท.ว่า ถ้าวันไหนทำต้มยำกุ้งอีก ให้แบ่งให้เค้าด้วยนะ อร่อยดี จขกท.ก็โอเคดีใจที่เค้าชอบ เลยชวนว่า ว่างไปร้านอาหารไทยก้ได้ จขกทงก็อยากกิน เค้ารีบปฏิเสธบอกว่า เค้าไม่ชอบกินข้าวนอกบ้าน เดือนต่อมา จขกท.ทำต้มยำกุ้งอีกเลย แบางให้เค้าตามที่บอก ใส่กล่องพลาสติก วันต่อมาเค้าเอากล่องมาคืน เอาเยลลี่ใส่ในกล่องเป็นการขอบคุณ จขกท.เลยบอกว่า ไม่ต้องให้เยลลี่ก็ได้(พูดตามมารยาท) เค้ารีบเทเยลลี่ออกทันทีแล้วคืนแต่กล่อง จขกท. อึ้ง... อืม...แปลกคนจริงๆน๊า จากคุณ : จขกท. เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 21:08:34 A:114.177.247.235 X: TicketID:221282

ความคิดเห็นที่ 2 แปลกจริงๆ ด้วยคะ ตัวเองก็เพิ่งมาอยู่ได้ปีนึงแล้วคะ ยังไม่นาน และก็ยังไม่มีน้องคะ คิดว่าพอมีลูกได้รู้จักแม่บ้านญี่ปุ่น ก็อาจจะได้เจอแปลกๆ แบบนี้แน่ๆ เลย ยังไง ก็ต้องรับมือคะ จขกท.ก็สู้ๆ นะคะ อ้อนิดนึง อย่าให้เค้าเอาเปรียบเรามากไปนะคะ เป็นกำลังใจให้คะ จากคุณ : ninachan เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 22:08:30

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านดูก็แปลก ๆ เหมือนกันนะค่ะ คนญี่ปุ่นก็ไม่ต่างจากคนไทยเท่าไหร่นะค่ะ เรื่องนิสัยใจคอคนเนี๊ย แบบว่าคนแบบนี้อยู่ที่ไหนก็มีล่ะ เพื่อนคนญี่ปุ่นเล่าให้ดิฉันฟังว่า เค้าอ่านหนังสือเจอว่าเวลาลูกพาเพื่อนมาเล่นที่บ้าน ไม่จำเป็นต้องทำอาหารหรือของหนัก ๆๆให้ทานก็ได้ อย่างมากก็แค่ขนม น้ำ กันหิว ประมาณนั้น ไม่ให้เลยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเล่นนอกบ้านนี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ เพราะปกติก็ไม่พกอะไรไปนะ เราว่าคุณใจดีและยอมทำตามคำโน้มน้าวของเค้าเกินไปนะค่ะ  อะไรที่ไม่จำเป็นและสิ้นเปลืองไม่ต้องซื้อก็ได้นี่ค่ะ ถึงเค้าจะชักชวนก็เถอะ เพียงเพราะคำว่าเกรงใจที่เค้าอุตส่าห์ชวน หรือ แค่ไม่ต้องการให้เสียน้ำใจเพื่อนที่ก็เท่านั้น แต่มันทำให้คุณลำบากใจและเดือดร้อน เสียเงินโดยเปล่าประโยชน์รึเปล่าล่ะค่ะ เค้าอาจจะได้ประโยชน์จากการสะสมแต้ม แต่คุณเสียเงิน แล้วมาเสียความรู้สึกแบบนี้อีก ถ้าคุณไม่ปฏิเสธเค้าก็จะชักชวนคุณแบบนี้อยู่ร่ำไปล่ะ ดิฉันก็ส่งลูกเข้าโยจิเอ็ง แต่กับบรรดาคุณแม่เพื่อนลูกดิฉันเจอกันก็แค่ทักทาย คุยบ้างเท่านั้นค่ะเฉพาะที่โรงเรียน นอกจากที่โรงเรียนก็จะไม่ติดต่อหรือมาพบปะกันแบบนี้น่ะค่ะ เพราะส่วนตัวดิฉันและลูกมีกิจกรรมที่ทำเยอะมาก เลยไม่มีเวลาและไม่ชอบอะไรแบบนี้เท่าไหร่ ลูกชายยิ่งแล้วใหญ่ เลยแสดงความคิดเห็นในส่วนตรงนั้นไม่ค่อยได้เท่าไหร่ รอความเห็นถัดไปแล้วกันนะค่ะ จากคุณ : หนูริวจัง เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 23:44:53

ความคิดเห็นที่ 4 มาลบคห.ออก เพราะว่าตอบไม่ได้ตรงประเด็นของจขกท. มาบอกอีกทีว่า คนนี้แปลกมากคะ แต่ต้องยอมรับว่าก็มีคนแบบนี้อยู่มากเหมือนกัน เพียงแต่เราจะเจอหรือไม่เท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 22 ก.ค. 53 07:39:25 จากคุณ : คุณนายปลาดิบ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 06:18:22

ความคิดเห็นที่ 5 คิดว่าถ้าเราไม่ชอบ หรือไม่เอาก็ปฎิเสธไปเลยดีกว่า   จะได้ไม่มาเสียความรู้สึกทีหลังเนอะ ส่วนตัวแล้วไม่มีเพื่อนสนิทญี่ปุ่นหรอก  มีแต่คนไทย  แต่เห็นเพื่อนบ้านของเพื่อนคนไทย   เขาก็จะเป็นคนแบบว่า ไม่จำเป็นก็จะไม่ทักทาย  ไม่พูดคุย แต่ถ้าเราเอาอะไรให้เขาเขาก็รับ  แล้วก็จะตอบแทนกลับมา   อย่างตอนเพื่อนให้มันฝรั่งที่ปลูกเอง  ให้เขาไปครั้งหนึ่ง  แล้ววันหลังเขาก็มาถามว่า กินบะหมี่ถ้วยไหม  เพื่อนก็บอกว่ากิน   เขาก็ว่า กินจริงๆๆหรอ  เหมือนไม่แน่ใจกลัวเราเอาไปทิ้งหรือไงก็ไม่รู้  แล้วเขาก็เอามาให้สองถ้วย แล้วก็ย้ำถามอีกว่ากินจริงหรือ  เหมือนไม่เชื่อนะ  แล้วเพื่อนก็เลยถามว่าเอามันฝรั่งไปกินอีกไหม  (ก็คนญี่ปุ่นเขาชอบกินแกงคาเร )  เขาก็ว่า  ดีจัง รีบขอบคุณใหญ่เลย   เราว่า  ถ้าสนิทกันมากก็คงเป็นแบบ  จขกท  เหมือนกันแหละ จากคุณ : taiyokun เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 06:24:25

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาอ่าน(ตาลายเลย) ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนคนชาติไหน  ห่างๆเรื่องเงินๆทองไว้เป็นดี เจอหน้าใคร  พระอินทร์พระพรมก็คุยถึงเรื่องดินฟ้าอากาศเป็นหลักนะคะ เดี๋ยวรอผู้เชี่ยวชาญมาตอบนะคะ จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 07:09:07

ความคิดเห็นที่ 7   ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ จขกท.เริ่มรู้ตัวแล้วค่ะ ตอนนี้ก็จะเว้นระห่างไว้นิดนึง เรื่องซื้อของเค้าก็ชวนเรื่อยๆ ครั้งที่ ๒ ของเครื่องสำอาง จขกท.ก็ปฏิเสธไป เรื่องที่เล่าสู่กันฟัง จขกท.ไม่ได้เก็บมาเครียดมากหรอกค่ะ พอจะรู้ทางเอาตัวรอด แต่อยากมาเล่าสู่กันฟัง ว่าคนญี่ปุ่นแบบนี้ก็มีด้วย คิดว่าที่ไหนก็มีแต่ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวและรวดเร็วปานนี้ แต่เค้าก็ยังเหนือชั้นกว่า จขกท.อีก....พอปฏิเสธอันนึงก็มีอีกอันนึงมาจนได้ คือ นมให้ลูก เค้าพูดว่า อยากรบกวนอย่างหนึ่ง จขกท.มีลูกเล็กๆอีกคนนึงคะยังไม่ถึงขวบ เค้าถามว่าซื้อแพมเพิสที่ไหน จขกท.บอกว่าสั่งจากพาลซิสเต็ม เค้าบอกว่าเค้าอยากซื้อทิชชู่เปียก แต่ว่าต้องสั่งของให้ครบ ๕๐๐๐ เยนเค้าถึงจะมาส่ง ที่อะกะจังโฮมโปะถูกกว่าของพาลซิสเต็ม จขกท.สั่งที่นี่ได้ไหม เค้าจะได้ซื้อของเค้าด้วย อันนี้ปฏิเสธไม่ได้จริงๆเพราะของยังไงเราก็ต้องใช้ แล้วโดนขอร้องแบบซึ่งๆหน้าเลย...เผลอเข้าทางเค้าอีกแล้ว (ว่าจะไม่แล้วเชียว) จขกท.ต้องพยายามต่อไป ถ้าพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งๆก็ดีจะได้รู้จักการใช้ปฏิเสธเค้าแบบดี ไม่ให้เสียน้ำใจ ยกเหตุผลล้านแปดมาอ้าง นี่ จขกท. คิดคำศัพท์ไม่ออกค่ะ แล้วเค้าก็ไม่พูดภาษาอังกฤษเลย อีกนั่นแหละค่ะ เรื่องอื่นๆเค้าก็ดี คอยแนะนำเรื่องลูกๆ กิจกรรมในโรงเรียนเราต้องทำอะไร ยังไง ก็ได้เค้านี่แหละค่ะ คอยช่วยเหลือ จขกท.เอาเรื่องเค้ามาระบายที่นี่ เพราะเหมือนตัวเองก้ได้ปลดปล่อย เหมือนแม่บ้านเม้าท์กัน จขกท.ไม่ได้เล่าเรื่องเค้าให้เพื่อนคนอื่นฟังแม้แต่สามี เพราะไม่อยากให้คนมองเค้าไม่ดี เพราะคงต้องเจอกันอีกนาน บ้านใกล้กันมากๆ ลูกเรียนห้องเดียวกันด้วยน่ะค่ะ ใครมีเรื่องแปลกว่าเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ เผื่อมีอะไรที่เราไม่รู้ จะได้รู้ไว้ว่าแบบนี้ญี่ปุ่นเค้าก็มีด้วย จะได้เตรียมรับมือถูกค่ะ จากคุณ : จขกท. เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 07:13:10 A:114.177.247.235 X: TicketID:221282

ความคิดเห็นที่ 8 ดีแล้วค่ะที่คุณเจ้าของกระทู้ได้ระบายเป็นข้อความลงในกระทู้ ทำให้อารมณ์ผ่อนคลายลงได้บ้างนะคะ เรื่องตรงที่มีแมนชั่นส่วนตัว อะไรตรงนั้นน่ะ เพราะสามีเป็นผู้ออกแต่ฝ่ายเดียวมากกว่าค่ะ แต่เงินค่าใช้จ่ายภายในบ้านดูเหมือนจะประหยัด หรืออีกประเด็นหนึ่งคือ สามีอาจให้ค่าใช้สอย แต่ เพื่อนญี่ปุ่นคุณจะเก็บสะสมไว้ส่วนตัว แบบไม่ให้กระเด็นออกไปไหนเลย ทำไมเขาถึงคืนเงินทอนคุณช้ามาก เพราะอาจจะคิดเฉลี่ยแต่ละเดือนยังไม่เสร็จ ผู้หญิงญี่ปุ่นบ้างคน ก็ต้องโชว์ค่าใช้จ่ายกับสามีก็มีค่ะ แต่ละครอบครัวจะไม่เหมือนกัน เพื่อนญี่ปุ่นคนนี้ ทำให้คุณไม่สบายใจ ก็ควรหลีกเลี่ยงแล้วค่ะ เท่าที่อ่านรู้สึกว่าเห็นแก่ได้ เห็นแก่กิน และเอาเปรียบต่อไปในอนาคต แม้แต่มื้อไปกินต้มยำกุ้งในร้านอาหาร เขาก็ไม่อยากไป เพราะกลัวหารแล้วต้องเสียเงิน   ซึ่งปกติเขากินอยู่บ้าน ได้ฟรีก็ดีใจ เรื่องซื้อของในเว็ปไซด์ต่างๆ เจ้าของกระทู้ไม่ควรไปสนใจกับเพื่อนญี่ปุ่นคนนี้เลย สินค้าแบบนี้หากอยู่ในเมืองเราอาจได้ของราคาถูกกว่าแต่คุณภาพเท่าเทียมค่ะ เรื่องเงินๆทองๆอย่าไปโชว์ให้เขาเห็นว่าเรามี อีกอย่างคุณไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น อ่านอะไรก็ไม่รู้เรื่อง อย่าไปยุ่งกับข้อความยืนยัน แล้วคุณต้องปั๊มฮังโก้เด็ดขาด เรื่องลูกๆอีกหน่อยก็แยกชั้นเรียนไปตามเกณฑ์  คงไม่เรียนห้องเดียวกันตลอดไป อย่าได้แคร์ แม่บ้านญี่ปุ่นมีคนช่วยเหลืออยู่เยอะหากเราไม่เข้าใจ ควรสอบถาม อีกอย่างอยู่กับสามี สามีคุณต้องช่วยเหลือด้วยค่ะ บอกเขาไปว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงญี่ปุ่น ถึงจะรู้ระเบียบแบบแผนไปซะทุกอย่าง คุณต้องการให้สามีแนะนำอยู่เสมอ เจียดเวลาให้บ้าง ไม่ใช่เอาแต่งาน ส่วนตัวคุณเองต้องมีความพยายามในการใช้ชีวิตและเรียนรู้สิ่งต่างๆอีกมาก อยู่มาได้สองปี ลูกก็ยังเล็ก ต้องเรียนรู้อีกหลายปีเลยค่ะ จากคุณ : ป้าซิ่ง (Naomichan) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 08:17:00

ความคิดเห็นที่ 9   เราคิดว่าคุณใจอ่อนเกินไปเพื่อนถึงได้ใจและชวนบ่อยๆ เราเองก็มีเพื่อน คนญี่ปุ่นเยอะนี่ขนาดลูกยังไม่เข้าอนุบาล (จะเข้าปีหน้าค่ะ ) ก็ล่อไป 18 คน แล้วทุกวันจะต้องไปบ้านเพื่อนหรือเพื่อนมาบ้านเรา แต่เราจะไม่ทำอาหาร ไทยเลี้ยงเพราะมันแพง ส่วนมากจะซื้อขนมห่อใหญ่ๆติดบ้านใว้ หรือทำโซ เมง บางทีก็ผัดผักบุ้งกะทะใหญ่ๆทานกันอิ่มนำสำราญ ( ผักบุ้งปลูกเองค่ะ) เวลาไปบ้านเพื่อนก็ทำขนมไปเอง ทำพวกวุ้นกะทิเพื่อนๆชอบมากเราเองก็ ประหยัดด้วย ยังไงก็ไม่ต้องคิดมากนะค่ะ แค่เราไม่ต้องตามใจเพื่อนมาก ก็พอค่ะ จากคุณ : ta เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 11:33:18 A:121.84.107.235 X: TicketID:253010

ความคิดเห็นที่ 10 กว่าจะอ่านจบ ตาลายมากเลยค่ะ เป็นดิฉันนะ ไม่ว่าจะชาติไหนถ้าเจอนิสัยแบบนี้ก็ชิ่งอ่ะค่ะ ใจแข็งหน่อยไม่ต้องห่วงว่าจะทำลายภาพพจน์ประเทศชาติ ดิฉันไม่คบคนที่สร้างความลำบากใจให้เป็นประจำน่ะค่ะ และถ้าบังเอิญเป็นแม่ของเพื่อนสนิทลูกตัวเองนะ ลูกยังแค่อนุบาลใช่ไหม ก็หลอกล่อลูกตัวเองนั่นแหละให้ไปสนิทกับคนอื่นแทน ไม่เจอกันเดือนสองเดือนประเดี๋ยวก็ลืมกันไปเองหละค่ะ จากคุณ : Hatsu เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 14:03:14

ความคิดเห็นที่ 11   ไม่ลองคบแม่บ้านคนอื่นดูบ้าง บางทีเขาอาจจะเล่าเรื่อง เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ให้เราได้รู้บ้าง จากคุณ : อะ เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 53 14:26:53 A:121.92.153.238 X: TicketID:242651

ความคิดเห็นที่ 12   ของเรามีเรื่องจะว่าแปลกก็ไม่เชิงนะคะ เป็นที่นิสัยของเค้ามากกว่า เมื่อวานสดๆร้อนๆ นัดกันไปเล่นที่แม่น้ำไปกันหลายสิบคน เราเป็นคนชวนเพื่อนๆตั้งแต่ก่อนปิดเทอม ก็ใช้วิธีส่งเคไทเมล์นัดกันน่ะค่ะเราเป็นคนกำหนดวันเลยเลือกไว้สองวัน หาก22 ฝนตกก็เลื่อนเป็น23 เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็จะตอบเมล์กลับมาว่าจะไป เมื่อวานเช้า22 อากาศดี ตอนเช้าเราก็ส่งเมล์คอนเฟิร์มทุกคนว่า วันนี้อากาศดีไปเจอกันตามนัดนะจ้ะ ทุกคนตอบกลับมาหมดว่าเจอกันจ้า ... tanoshiminishitemasu... เอยอะไรเอย มีเธอคนเดียวไม่ตอบกลับมา แถมเธอรับปากเพื่อนอีกคนที่สนิทกันกับเธอว่าจะพาลูกไปเล่นที่แม่น้ำให้เพราะเพื่อนคนนั้นติดงาน ถ้าเพื่อนเสร็จงานแล้วจะตามมาทีหลังฝากลูกมาก่อน เพื่อนคนนั้นก็มาฝากฝังกับเราและเพื่อนในกลุ่มอีกทีว่าเค้าติดงานแต่จะตามมาทีหลังไปเล่นแม่น้ำเค้าเป็นห่วงฝากทุกคนช่วยดูลูกเค้าด้วย เราก็รับทราบ พอถึงเวลานัด ทุกคนก็ไปกันตรงเวลาเป๊ะๆ ไปกันครบ ขาดแต่เธอคนเดียว เราเห็นว่าเธอมีเด็กทารกด้วย(คนโตเป็นเพื่อนลูกเรา) อาจจะมาช้านิดหน่อย ซึ่งตอนเช้าก็ไม่ตอบเมล์ว่าจะมาหรือไม่มา(คิดว่าเธออาจจะยุ่ง) จนเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เธอก็ยังไม่มา เราก็เป็นห่วงเพราะไม่มีการติดต่อใดๆทั้งสิ้น เราส่งเมล์ไปถามอีกทีว่า ลูกเพื่อนคนที่ติดงานจะมากับเธอด้วยแน่นอนใช่ไหม เพราะคุณแม่เด็กก็มาฝากฝังเอาไว้ให้ทุกคนช่วยกันดูด้วย เราก็รู้สึกว่าเด็กยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็นก็รู้สึกต้องตามเรื่องว่าอะไรเป็นอะไร และเธอจะมาแน่นอนใช่ไหม ส่งเมล์ไปสักพักเธอก็ยังไม่ตอบกลับ... เราก็ชักรู้สึกว่ามันผิดปกติไปไหม... ตอนนั้นเลยเวลานัดไปเกือบสองชั่วโมงแล้วก็ยังไม่ติดต่อมา เลยส่งเมล์ไปให้คุณแม่เด็กคนที่ติดงาน ว่าเธอยังไม่มาพาเด็กๆมาเลย เราเองมีแต่เคไทเมล์ไม่มีเบอร์โทรของเธอ ติดต่อไมได้ สักสิบห้านาทีหลังจากนั้น เธอโผล่มาพอดี ผิดเวลาไปเกือบสองชั่วโมง แถมรับปากพาลูกคนอื่นมาด้วย แต่ไม่ติดต่อส่งข่าวใดๆ เจอหน้ากัน ก็บอกว่าโทษทีนะได้รับเมล์แล้วล่ะ... (แต่ไม่ตอบแฮะ) เธอบอกว่า อากาศมันร้อน ขี้เกียจมาอยู่ข้างนอกนานๆ (สาวญี่ปุ่นกลัวแดด กลัวดำ) เลยตั้งใจว่าจะมาช้าหน่อย .. อะไม่ว่ากัน แต่น่าจะส่งข่าวกันหน่อย ทำเอาคนเป็นห่วงแต่เธอดูชิลๆ เหมือนไม่มีอะไร นี่ล่ะค่ะ เราว่าแปลกคน ไม่เคยเจอคนญี่ปุ่นแบบนี้ ปกติทุกคนจะตอบเมล์ว่ามาได้หรือไม่ได้ ถ้าตั้งใจจะมาช้าหรือ เกิดแอคซิเดนท์ผิดเวลาแม้เพียงเล็กน้อย ก็ต้องรีบติดต่อมาหากผิดเวลานัด แต่เธอคนนี้ไม่ติดต่อไม่เดือดร้อนอะไร เล่าให้สามีฟัง เค้าว่าเราเคยเจอแต่คนนิสัยเรียบร้อย แต่คนญี่ปุ่นไม่ได้เรียบร้อยไปซะทุกคนไม่รักษาเวลา ไม่มีมารยาทก็มีเหมือนกัน มีน้อยแต่ก็มี... ส่วนเรื่องชวนกันซื้อของทางเนต แถวบ้านเราก็มีเหมือนกันนะคะ แต่เพื่อนแถวนี้ไม่มีนิสัยแบบเพื่อนจขกท.ค่ะ ส่วนใหญ่ที่มาชวนคือสั่งซื้อของทางแคตตาลอคแล้วอาจจะกำหนดว่าซื้อครบเท่าไหร่ ส่งฟรี แต่บางทีเพื่อนอยากได้ของแค่ชิ้นเดียว ก็จะเอาแคตตาลอคมาแบ่งกันดูในกลุ่ม ใครอยากได้อะไรก็รวบรวมกันสั่งด้วยกันทีเดียว ก็จะไม่ต้องจ่ายค่าขนส่งและของที่สั่งซื้อกันส่วนใหญ่ราคาที่ระบุในแคตตาลอคก็ถูกกว่าในห้างอยู่แล้ว พอของมาส่งคนที่เป็นคนสั่งของก็จะเอามาให้เพื่อนๆ และเพื่อนๆจ่ายเงินสดกันตอนรับของ ก็ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายค่ะ คนที่เป็นคนสั่งของก็อาจจะได้แต้มสะสมบัตรเครดิตไป ส่วนคนอื่นๆก็ได้ประโยชน์ตรงไม่ต้องทำเรืิ่องสั่งของเอง แค่ดูแคตตาลอคแล้วบอกเพื่อนเด๋วเพื่อนก็เอาของมาให้จ่ายตังค์รับของก็จบ สะดวกดีได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายพอใจกันทั้งสองฝ่ายไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบอะไร ถ้าเราดูแคตตาลอคแล้วไม่มีอะไรที่อยากซื้อก็ไม่ต้องสั่งไม่มีมาโน้มน้าวกดดันอะไรค่ะ จากคุณ : ^.^ เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 08:46:04 A:110.67.164.87 X: TicketID:093748

ความคิดเห็นที่ 13 คาดว่า เป็นนิสัยส่วนตัวเหมือนหลายๆคนพูดครับ ถ้าอึดอัด ก็อยู่ห่างๆ หาเพื่อนคนอื่นดีกว่าครับ แต่ต้องเข้ากลุ่มกับแม่ๆทั้งหลายนะครับ เดี๋ยวไม่รู้ความเคลื่อนไหวของลูก และเพื่อนๆในคลาส จากคุณ : Aon_loe เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 53 11:31:57

ความคิดเห็นที่ 14 อึ้งที่สุด ตรงเทเยลลี่คืนเนี่ยค่ะ ถอยห่างเลยดีกว่านะคะ  คนที่เอาตักตวงแต่ผลประโยชน์อย่างเดียว ไม่คู่ควรที่จะเรียกว่า "เพื่อน" เลยสักนิด  (เพราะเขาก็คงไม่คิด ว่าเราเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ) จากคุณ : วดี เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 53 01:26:16

ความคิดเห็นที่ 15 โอ้โห อ่านแล้วงงเลยทีเดียว เจออย่างงี้เราว่าถอยออกมาห่างๆดีกว่าไหมคะ ปกติเราเจอแต่คนดีๆอ่ะค่ะ อย่างป้าญี่ปุ่นห้องข้างล่างก็ใจดีมาก ออกไปไหนมาไหนก็ซื้อของมาฝาก แถมยังถามอีกว่าเราชอบกินอะไร กินอาหารญี่ปุ่นได้ไหม ป้าที่อยู่แถวมหาลัยก็พาเราไปกินข้าวมาเมื่อวานนี้ เรายังแปลกใจเลยว่า เอ คนญี่ปุ่นนี่เค้าเลี้ยงดูกันมายังไงนะ ไหงถึงออกมาดีขนาดนี้ จากคุณ : ลาฟฟี่ เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 53 22:27:44