Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สดๆ ซิงๆ กับ GRE genaral ดิชั้นขอเมาท์ฉากชีวิตในวันสอบพร้อมเทคนิคค่ะ  

เพิ่งสอบ GRE มาเมื่อบ่ายของวันนี้ เลยอยากจะมาแชร์ความรู้สึก เรื่องราวชีวิตและการเตรียมตัวเจ้าค่ะ
เขียนแบบชิลๆ ไม่เครียดนะคะ ไม่อยากให้รู้สึกเหมือนอ่าน text ใครเคยสอบแล้วก็อ่านเอาขำได้ ใครยังไม่ได้สอบก็หวังว่าคำแนะนำในนี้จะพอเป็นประโยชน์ในการเตรียมตัวสอบได้บ้างนะคะ

หลังจากที่อ่านหนังสือ ท่องศัพท์และทำแบบฝึกหัดข้อสอบใน GRE prep จนดึกดื่นในคืนก่อนสอบ และแล้วก็ถึงวันสอบ GRE ที่รอคอย...หุหุ
ดิชั้นตื่นเช้าขึ้นมาตอนสิบเอ็ดโมง (เช้าพอมั้ยคะ?) อาบน้ำแต่งตัวสวยวิ๊งค์เรียบร้อย อิอิ ต้องสวยนะคะ ไม่งั้นไม่มั่นใจเวลาทำข้อสอบ
จากนั้นก็เดินทางสู่ศูนย์สอบมณียาที่คุ้นเคยจากการสอบ TOEFL รอบที่แล้ว ถึงเพื่อนจะบอกว่าที่อื่นก็ดีแต่ดิชั้นไม่อยากเปลี่ยนศูนย์ค่ะ เพราะขี้เกียจไปไกลๆ ที่นี่ใกล้บ้านสุดแล้ว
มาถึงก็ตรงเข้าร้านกาแฟใกล้ๆ สั่ง espresso double shot มากรึ๊บซักนิดพอให้ตาสว่าง ตามด้วยแซนวิชเพื่อเติมน้ำตาลกลูโคสซึ่งเป็นแหล่งพลังงานอย่างเดียวของสมอง ท้องอิ่มก็พร้อมแล้วค่ะ
นวยนาดออกจากร้านกาแฟ ไปไหว้พระตรีฯ ที่อยู่ใกล้ๆ ตึกมณียา ขอพรให้ทำข้อสอบได้และขอให้ลูกชายได้ไปเรียนที่เมกานะคะ...เพี้ยง
ถึงหน้าศูนย์สอบมองซ้ายมองขวา เอ...ทำไมไม่มีใครเลยแฮะ? มีเพียงดิชั้นเป็นสิ่งมีชิวิตตัวเดียว ณ บริเวณนั้น !! นึกขึ้นได้ว่ามาก่อนเวลาตั้งชั่วโมงนึง ...แป่ว >,<
เอาหล่ะ ไม่ปล่อยเวลาเปล่าประโยชน์ ควักโน๊ต pattern ของ arguement ที่จดไว้เมื่อคืน มาท่องอีกรอบ พลันภาวนาในใจว่า ขอให้จำได้เถิด...

--- ข้ามมาที่ตอนทำข้อสอบเลยนะคะ... แว้บ ----

Section แรกที่เจอ คือ Issue Writing ค่ะ กรี๊ดดดดดด !!!
ไม่ต้องตื่นเต้นค่ะ ใครๆ ก็รู้ว่าต้องเจอ section นี้เป็นอันแรก แล้วจะกรี๊ดทำไม? ส่วนนี้เขาให้เลือกทำหัวข้อนึงจากตัวเลือกสองอัน โชคช่วยค่ะ
ได้หัวข้ออันนึงง่ายดี เกี่ยวกับการทำงานคนเดียวกับการทำงานเป็นกลุ่ม จุ๊จุ๊ บอกมากไม่ได้ค่ะเดี๋ยวต้นสังกัดจะมาจับดิชั้นฐานแพร่งพรายข้อสอบของเขา
ไม่รีรอค่ะต้องเลือกเลย เพราะมันเริ่มจับเวลาแล้ว พิมพ์ตอบไปได้ 5 paragraph แล้วก็ตรวจทานตอน 3 นาทีสุดท้าย ไม่ต้องรีบร้อนมากมาย ให้เวลาตั้ง 45 นาที แหม พอทำเข้าจริง เหมือนแปบเดียวเองนะคะ
สำหรับ issue มันเตรียมอะไรได้ไม่เท่าไหร่ค่ะ เพราะต้องดิ้นตามหัวข้อที่ได้อยู่ ที่ดีที่สุดที่ทำได้ คือ ศึกษาวิธี organization ในแต่ละ papragraph กับ development of idea
เรื่องคำศัพท์และไวยากรณ์ขอผ่านนะคะ ระดับ GRE แล้ว เขาไม่มาต้องสอนกันแล้วค่าาาาา แต่ถึงกระนั้นแล้วเชื่อว่าตัวดิชั้นเองก็ยังมีผิดเหมือนกันค่ะ

Section ต่อมา Arguement  Writing ฮ่าๆ เอาหล่ะค่ะ ที่ท่องๆ เป็นคนบ้าเมื่อคืนนี้จะได้ใช้ตอนนี้หล่ะ ดูซิจะยังจำได้อยู่มั้ย
โอ้ว พระเจ้า! คุ้มค่ากับการท่องมากเลยค่ะ การท่อง pattern ทำให้ดิชั้นสามารถเขียนตอบได้อย่างรื่นไหล แค่เอาเรื่องของเขามาแปะๆ เท่านั้นเอง ถึงจะเขียนได้ไม่ตรงเป๊ะทุกตัวอักษร
ดีมากเลยค่ะ ที่ไม่ต้องมานั่งนึกว่าจะเขียนอะไรต่อให้เสียเวลา เพราะส่วนนี้ให้เวลาแค่ 30 นาทีเองนะคะ ถือว่าน้อยเลยล่ะ
ใครพิมพ์ช้าและไม่เตรียมมาดีๆ มัวแต่นึกแต่งประโยคในตอนสอบจริงอาจจะเขียนไม่ทันได้ค่ะ อันตรายมากๆ
หลังจากที่เรารู้ pattern แล้ว เราก็ต้อง identify ให้ได้ว่าอะไรเป็นปัญหา, แนวทางแก้ปัญหา และหลักฐานที่เขายกมาอ้าง มาจับใส่ blank ตาม pattern ของเรา
สำหรับในส่วนการฝึก identify ต้องไปดูตัวอย่างโจทย์ใรเวบของ ETS เองนะคะ ลอง identify ดูซักสิบตัวอย่าง ก็พอจะรู้ทางแล้วว่าโจทย์จะมาไม้ไหนแล้วค่ะ ที่จริงมันก็เป็นแนวเดิมซ้ำๆ แค่เปลี่ยนเนื้อเรื่องเท่านั้น
ดิชั้นตอบได้ไป 4 paragraph รวม intro และ conclusion ก็ถือว่าเต็มที่แล้วสำหรับตัวดิชั้นและสำหรับ 30 นาทีที่โหดร้าย (มาก)

Section ต่อมา Quantitative หรือ Math อันนี้แหละที่ดิชั้นกลัว ใครว่า math ระดับม.ปลาย เด็กไทยเก่งคณิตกว่าฝรั่งอยู่แล้ว แหม ถึงกระนั้นชีวิตดิชั้นก็ไม่ได้ง่ายนะคะ
ตัวดิชั้นเองก็ไม่ชอบวิชาคณิตเอาซะเลย เรียกได้ว่าเป็นคนไม่เก่งเลขก็ได้แต่ก็ได้สามารถจบคณะวิทยาศาสตร์มาสวยๆ ได้นะคะ
สรุปว่า ในเมื่อไม่สามารถกินบุญเก่าเรื่องคณิตได้เท่าไหร่ ดิชั้นก็ต้องเตรียมตัวโดยการอ่านหนังสือเองกับทำแบบฝึกหัดทั้งในหนังสือและใน GRE prep ก็พอช่วยให้สมองน้อยๆ นี้ได้รื้อฟื้นพลังคณิตขึ้นมาหน่อย
สำหรับ section นี้มีข้อสอบ 28 ข้อ ให้เวลา 45 นาที ก็ถือว่าไม่เลวร้ายมากเท่าไหร่ ตกข้อละหนึ่งนาทีครึ่ง จริงๆ ก็พอทำทันได้อยู่ ถ้าไม่มัวจมปลักกับข้อที่คิดไม่ออกจริงๆ
แต่สำหรับประมาณ 5 ข้อแรกควรพยายามทำให้ได้ ถึงจะใช้เวลาหน่อย อย่าลืมนะคะว่า GRE เป็น Computer adaptive test
ในข้อแรกๆ มันจะบวกลบคะแนนมากกว่าข้อหลังๆ ดังนั้นถ้าตอบถูกจะได้บวกเยอะกว่า แต่ถ้าตอบผิดก็ลบเยอะเช่นกัน กล่าวคือการตอบข้อท้ายหลายข้อให้ถูกถึงจะได้คะแนนเท่าตอบข้อแรกๆ ถูกเพียงข้อเดียว
ฝากอีกเรื่องเอาไว้นะคะ เรื่อง pacing สำคัญจริงๆ เพราะถ้ามัวจนปลักกับข้อนึงที่คิดไม่ออกซักที ก็ต้องยอมเดาไปข้อต่อไป ไม่งั้นทำไม่ทัน
มั่วบ้างเดาบ้างตามระเบียบค่ะ ใครเรียนวิดวะหรือคณะที่ต้องใช้คณิตเรื่อยๆ มาคงได้กินหมู แต่ดิชั้นไม่เลย T-T
กัดฟันทำไป มึนไปฤทธิ์ writing เมื่อตะกี้ไปด้วย ก็ทำๆ ไปจนครบทุกข้อ.... โอ้ยพระเจ้า แทบขาดออกซิเจนตายคาห้องสอบ !

Section ต่อมา Verbal  อันนี้แหละของยากตัวจริง
ส่วนนี้ต้องอาศัยความถึกในการท่องศัพท์มากๆ บวกกับดวงหน่อยๆ บางคนท่องไปแล้วไม่ออกที่ท่องไปก็ซวยค่ะ
คิดดูนะคะว่า verbal จะมีคำศัพท์ปรากฏในโจทย์และตัวเลือกมากขนาดไหน ดังนั้นต้องมีคลังศัพท์ในหัวมากๆ นะคะ
หนังสือก็บอกว่า "คะแนนแปรผันตามปริมาณศัพท์ในหัว" เอาหล่ะค่ะ สมองน้อยๆ ของดิชั้นก็ต้องโดนทรมานต่อจากคณิตอีกแล้ว
เป็นเวลาร่วมเดือนที่ท่องศัพท์ GRE ทุกวันเป็นคนบ้า เพื่อนฝูงได้แต่สมเพช แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
แนวทางในการทำ verbal ของดิชั้นนอกจากการท่องๆๆๆ และท่องๆๆๆ คือ ศึกษาเทคนิคการตัดตัวเลือกและการเดาความหมายค่ะ ดีกว่าการมั่วนิ่มลูกเดียว (ซึ่งดิชั้นเองถนัดมาก ^6^)
เปิดมาข้อแรก อยากจะกรี๊ด เป็น Anthonym คร่าาาา แถมเป็นศัพท์ที่ดิชั้นรู้ทั้งหมด ก็เลยตอบได้อย่างไม่ยากเย็น ดีเลย ข้อแรกตอบถูกแน่ๆ ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี เย้ ได้บวกคะแนนเยอะเลย ดีใจๆๆ
จากนั้นพอมาเป็นข้อสองเป็นต้นไป นรกก็เริ่มมาเยือนค่ะ T-T ตายโหง!! เป็น Analogy ที่ดิชั้นรู้ความหมายโจทย์ทั้งสองคำ (แอบดีใจเล็กๆ ตรงตามที่เก็งไว้เลยคูานี้)
แต่.....ตัวเลือก....ไม่รู้เลยซักคำคร่าาาาาาาา น้ำตาเริ่มปริ่ม แอร๊ยส์ เจ็บใจมากๆ ที่ทำได้แค่ตัดตัวเลือกที่ผิดแน่นอนออกไปก่อน เหลือ 3 ตัวเลือก โอ้ยพระเจ้า จนปัญญาจริง ก็ต้องยอมเดาค่ะ
เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ  และรู้สึกเลยว่าสมองเริ่มล้า เฉื่อยลงเรื่อยๆ อย่าหลังลืมหน้ามากขึ้น กัดฟันต่ออีก พอพลังเริ่มร่อยหรอ READING COMPREHENSION ก็มาเยือนจ้า (ดูสิคะ แค่อ่านชื่อก็เหนื่อยแล้ว)
เป็นส่วนหวังไว้น้อยที่สุด เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอ่าน passage ให้จบทั้งหมดแล้วค่อยมาตอบ เพราะ verbal มี 30 ข้อในเวลา 30 นาที
หนังสือท่านก็แนะเทคนิคให้ว่าควรอ่านแค่ประโยค thesis แล้วมาปะติดปะต่อเป็นเรื่องเอง เอาสิคะ แค่อ่านยังเหนื่อยเลย ยังต้องมาเดาอีกว่าทั้งเรื่องมันว่ายังไง
ณ เวลานั้นต้องการน้ำเกลือมากๆ ค่ะ อยากให้มาจิ้มเข้าที่เส้นเลือดดำเลย ไม่ไหวจริงๆ ยาดมก็ไม่อนุญาตพกติดตัวมาสอบ ได้แต่พะงายๆ ต่อไป
โชคดีที่ได้เรื่องนึงเกี่ยวกับ Biology เย้ๆ ดิชั้นจบสาขานี้มา ต้องไฟต์ตอบให้ได้สิ (พูดกันตัวเอง) เอาเช่ !!! ตอบได้ค่ะ ฟาดไปตั้ง 2 ข้อ หลังจากมั่วนิ่มเยอะ ได้ตอบถูกจริงๆ ซะที คะแนนจะได้กะเตื้องขึ้นซักนิดก็ยังดี

เอาหล่ะค่ะ หลังจากที่ทำข้อสอบไปครบ 4 section แล้ว ก็ต้องมาลุ้นว่า section ที่ 5 จะเป็นอะไร เพราะถ้าเจอ section ไหนสองรอบ แสดงว่าหนึ่งในนั้นคือ pretest ซึ่งไม่คิดคะแนน
ปรากฏว่าได้ Arguement ค่ะ!!! ดีใจมาก เพราะไม่อยากทำทั้ง Math หรือ Verbal อีกแล้ว...มันทรมาน ดิชั้นหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกพลังอีกครั้งแล้วลุยต่อ
รู้สึกเลยว่าการทำรอบที่สองนี้สบายมากกว่ารอบแรก เพราะเหมือนกันได้ฝึกมือมาแล้ว แถม pattern ที่ท่องมาก็ยังได้ใช้อยู่ดี รีบพิมพ์อย่างไวราวพายุ จนหมดเวลา
ทำไปได้ 4 paragraph เช่นกัน แต่เกือบจะเพิ่มเป็น 5 paragraph แต่ก็กลัวค่ะ เลยใช้วิธีเหน็บไอเดียที่นึกขึ้นได้ใน paragraph ที่มีอยู่แทน
ดีกว่าเขียนไปได้แค่ 2 บรรทัดแล้วหมดเวลา แถมยังไม่จบประโยคอีก ไม่ไหวนะคะ น่าเกลียดเกินไป เช่นเดิมค่ะ 3 นาทีสุดท้ายมาตรวจทาน

เย้ๆๆ ในที่สุดก็ได้ทำข้อสอบจนจบเสียที ชีวิตดิชั้นไม่เคยเหนื่อยสมองมากขนาดนี้มาก่อน งานนี้ได้ซึ้งเลยค่ะ

สำหรับ GRE มันจะให้เลือกว่าจะรายงานคะแนนหรือไม่ แล้วมันจะบอกคะแนนทันทีที่ทำข้อสอบเสร็จ แต่ถ้าต้องการยกเลิกคะแนนจะไม่ถูกส่งไปที่ U ที่เรากำหนด และเราจะไม่รู้คะแนนสอบของเรา
ใครจะยกเลิกหล่ะคะ ไม่งั้นถือว่ามาเหนื่อยฟรี แถมเสียตังค์ไปแล้ว ดิชั้น กด Report score ทันทีพร้อมกับกล่าว "สาธุ" ในใจเบาๆ
ตอนจากนี้คือเวลาที่ทุกคนรอคอย.................ดูซิคะ ว่ายัยนี่ที่โม้มาตั้งยาว มันจะได้คะแนนเท่าไหร่กันเชียว

    Verbal 400/800
Quantitaive 780/800

ดิชั้นหยุดหายใจชั่วขณะ ไม่เชื่อว่าตัวเองจะได้ math มากขนาดนี้ ทั้งๆ ตอนทำ Prep ยังได้แค่ 720 เอง ส่วน Verbal ก็ตกใจเช่นกัน ดิชั้นพูดกับตัวเองว่า "ชั้นเดาถูกได้ขนาดนี้เลยหรือ" เพราะเดาเยอะจริงๆ งานนี้โชคช่วยแท้ๆ ค่ะ
และด้วยหนึ่งสมองกับสองมือของดิชั้น การสอบครั้งนี้ดิชั้นได้ทำเต็มที่แล้วจริงๆ ทั้งการเตรียมตัว วินัย และความขยันทั้งหมด ตออดเวลาสองเดือนที่เตรียมสอบ GRE ดิชั้นเชื่อนะคะว่ามีคนไทยอีกหลายคนมากที่ทำคะแนน verbal ถึงสี่ร้อยกว่าถึงห้าร้อยหรือหกร้อย หรือ Math เต็ม 800 เลย (ซึ่งอาจจะเป็นคุณผู้อ่านก็ได้) แต่ดิชั้นพอใจกับมันแล้วค่ะ
สุดท้ายนี้ขอฝากเพื่อนๆ ว่า การสอบครั้งใดก็ตาม ไม่ว่าจะยากขนาดไหน ขอให้อยู่กับปัจจุบันค่ะ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ความกระวนกระวายใจมันเกิดขึ้นเป็นธรรมดา แต่มันไม่ได้ช่วยให้เราทำคะแนนได้มากขึ้นเลย
ดังนั้น การรู้ตัวว่าปัจจุบันเราต้องทำอะไรบ้าง คือสิ่งสำคัญค่ะ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เราต้องยอมรับและมีความสุขกันมัน เพราะอย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าเราทำมันอย่างเต็มที่แล้วจริงๆ

ดิชั้นขอจบการเมาท์ไว้เพียงเท่านี้นะคะ ไม่แน่อาจจะมีภาคสองต่อ ในตอน GRE Biochemistry Molecular and Cell Biology ก็ได้นะคะ สวัสดีค่ะ ^^

จากคุณ : biobiobio
เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 53 02:21:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com