PANTIP.COM : H9546773 การเรี่ยไรเงินทำบุญวัดท่าซุงทำแบบนี้มันถูกแล้วหรือ????? ( รู้ว่านอกเรื่องและผิดห้อง อ่านก่อนน่ะค่ะ ) [ชีวิตในต่างแดน]

ความคิดเห็นที่ 24

น้องบาร์บี้ อุตส่าห์ก๊อบกระทู้จากเว็บอื่น มาขอคำวิจารณ์ แต่เธอไม่ได้รับความเห็นในเชิงสนับสนุนเลยสักความเห็น พี่ขอตอบกระทู้น้อง เมื่อยามที่ทุกสิ่งสงบลงแล้ว นะคะ โดยขอ แยกเป็น 3 ประเด็น คือ

ประเด็นที่หนึ่ง เกี่ยวกับพระคาถาเงินล้าน และหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ เถระ (ผู้เผยแพร่ พระคาถา)

ประเด็นที่สอง เกี่ยวกับ น้อง Cuty_May ว่า เธอทำบุญจริงหรือเปล่า อันนี้ น้อง บาร์บี้ จะได้คำตอบที่ชัดเจน (หากว่า อยากรู้จริง ๆ )

ประเด็นที่สาม เกี่ยวกับน้อง บาร์บี้ เจ้าของกระทู้

ประเด็นที่หนึ่ง เกี่ยวกับพระคาถาเงินล้าน และ หลวงพ่อพระราชพรหมญาณ
น้องบาร์บี้เปิดกระทู้มา ทำให้น้องสมาชิก บางท่าน คิดว่า คาถานี้ “มอมเมา” หรือ บางคนเกิด สนใจ พี่ขอเล่า นิดหน่อย นะคะ ทั้งนี้ เพื่อให้คนเข้าใจ ไม่ได้หวังโฆษณา เพราะพี่ไม่อยากให้น้องที่คิดว่า “มอมเมา” เข้าใจผิด และปรามาส พระรัตนตรัย ได้ ก็จะไม่ดี พี่รู้ว่า น้อง ๆ สมาชิกทุกคน เป็นคนดี และมีความปรารถนาดีต่อกันทั้งนั้น นะคะ

หลวงพ่อ พระราชพรหมญาณ คนรู้จักท่านในนามปากกา ว่า “หลวงพ่อฤาษีฯ” ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค จ.อยุธยา หลวงปู่ปาน ท่าน เป็นพระอาจารย์ทางกรรมฐานชื่อดังในยุคนั้น เมื่อบวชเรียนวันแรก หลวงปู่ ก็ให้หลวงพ่อเข้าไปปฏิบัติกรรมฐานในป่าช้าทีเดียว

หลวงพ่อฯ เป็นพระอาจารย์ทางกรรมฐานชื่อดังในเวลาต่อมา แม้แต่องค์พระประมุขของชาติ ก็ยังสอบถาม สนทนาธรรมกับพระเดชพระคุณ เป็นประจำ วัดของท่านสร้างจากเงินของลูกศิษย์ ที่มาปฏิบัติธรรม กรรมฐาน ลูกศิษย์ท่านทุกคน คือ ผู้ปฎิบัติพระกรรมฐาน ทั้งสิ้น นะคะ

นอกจากนี้ ท่านยังจัดตั้งศูนย์สงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร และธนาคารข้าว ตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านสร้างโรงเรียนพระสุธรรมญาณ เพื่อให้นักเรียนยากจนในถิ่นทุรกันดาร ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน และมีทุนเรียนฟรี อยู่ฟรี มีทุนส่งนักเรียนเหล่านี้ จนถึงปริญญา ตรี โท และเอก ท่านสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ซื้อเครื่องมือแพทย์ ก็เพื่อให้ชาวบ้านในท้องถิ่น ได้รับบริการทางการแพทย์ที่ดี

องค์หลวงพ่อเอง อยู่อย่างสมถะและพอเพียง ในกุฏิของท่าน ไม่มีเครื่องเรือนอะไรที่มีราคาแพง และท่านทำงานหนักมาก สุขภาพของท่านแย่อย่างมาก แต่ท่านสงเคราะห์คน อย่างไม่เห็นแก่ร่างกายที่เจ็บป่วยแต่อย่างใด และสอนจนนาทีสุดท้าย ของชีวิต

เมื่อท่านละสังขาร พระศพของท่านอยู่ที่โรงพยาบาล ศิริราช เพราะติดเชื้อในกระแสเลือด ลูกศิษย์ ไม่ยอมให้ทางโรงพยาบาล ฉีดฟอเมอลีน เพราะหวังว่า ท่านจะฟื้นขึ้นมา เพราะท่านเคยตายไป 7-8 ครั้ง แล้วฟื้นขึ้นมา เมื่อบรรดาศิษย์ ก็รับพระศพท่านกลับวัด สมเด็จพระพุฒโฆษาจารย์ วัดสามพระยา ทรงเมตตามีพระบัญชา ให้พระเถระผู้ใหญ่องค์สำคัญ หลายองค์ มาช่วยแนะนำการจัดการพระศพให้สมพระเกียรติ มีการสวดพระอภิธรรมทุกวัน เป็นเวลา 100 วัน ซึ่งทางสำนักพระราชวัง เป็นเจ้าภาพ พระราชวงศ์ทรงไว้ทุกข์ให้ เพราะหลวงพ่อ มีความใกล้ชิดเป็นส่วนพระองค์ กับพ่อหลวงของเรา

ที่สำคัญมาก คือ พระศพของท่าน ไม่เน่า เหมือนสังขารของบุคคลทั่วไป ในระยะ 15 วันแรกนั้น ร่างกายของท่านยังนิ่ม ผมยังยาว เล็บยาว ต้องตัดให้ มีเหงื่อซึมตามร่างกาย และพระท่านยังชำระร่างกายให้ เมื่อพ้น 15 วันไปแล้ว ร่างกายเริ่มแข็ง แต่ไม่มีคำว่า เปื่อย หรือ เน่า ไม่มี นี่ ก็แปลว่า ท่านไม่กลับมาแล้ว แต่ร่างกายของท่านบางส่วนกลายเป็นแก้ว คนที่ได้ชานหมากของท่านไปบูชา ชานหมากก็กลายเป็นพระธาตุ แม่ของพี่เอง ได้เส้นผม หรือ เกศาของท่าน ไว้บูชา มาหลายสิบปี ต่อมา เกศาท่าน กลายเป็นพระธาตุแก้วใสทังหมด ไม่เหลือความเป็นเส้นผมเลย

นี่แหละบรรดา พี่น้องชาวพันธ์ทิพย์ ทั้งหลาย พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมญาณ ท่านเป็นพระอรหันต์โดยแท้ คำสั่งสอนของท่าน จึงมีความสำคัญต่อบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย เพราะเมื่อท่านประสบความสำเร็จ เราทุกคนก็เดินตามรอยเท้าครูบาอาจารย์ เพื่อจะได้ประสบความสำเร็จบ้าง
งานพระศพของท่าน มีสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ (ปัจจุบันรักษาการพระสังฆราช) เดินทางมาเทศน์ให้เป็นประจำ ตั้งแต่ต้น และทุก ๆ ปี

ทีนี้ ขอเล่าเกี่ยวกับคาถาเงินล้าน นะคะ
สมัยหลวงปู่ปาน อาจารย์ของหลวงพ่อ ท่านแจกคาถาลูกศิษย์ เรียกว่า “คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า” เพื่อให้บรรดาลูกศิษย์ที่นำไปท่อง ได้มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ ก็ปรากฏว่า ท่านเจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ สมัยนั้น ท่านนำไปสวดบูชา เช้าเย็นขณะนั่งทำสมาธิ (ลูกศิษย์ท่าน ก็ต้องปฏิบัติกรรมฐานเป็นปกติ) ท่านได้ผลมาก เพราะขายแล้ว เงินได้ครบ แต่ยาเหลืออยู่อีกมาก บางทียาหมด แต่เงินได้เกิน เป็นต้น

สมัยหลวงพ่อ ท่านได้คาถาจากองค์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทีละบท โดย พระท่านบอกว่า เวลานี้ ให้ท่องคาถาบทนี้ หลวงพ่อท่านก็ท่อง ก็ปรากฏว่า มีคนมาทำบุญกันมาก และการก่อสร้าง ต่าง ๆ ภายในวัด ก็ประสบความสำเร็จ พระท่านก็มาให้คาถาใหม่ เป็นระยะ ๆ และมาบอกให้ก่อสร้างสิ่งนั้น สิ่งนี้ หลวงพ่อฯ ท่านทำตาม ก็มีความคล่องตัวในการบริหารถาวรวัตถุและสิ่งต่าง ๆ ภายในวัดเป็นอย่างมาก ท่านเห็นว่า คาถาเหล่านี้ มีผลดีมาก และท่านทราบว่า ในกาลต่อไปข้างหน้า เศรษฐกิจจะตึงตัวมาก ข้าวยาก หมากแพง ประชาชน จะมีความทุกข์ร้อน ท่านจึงขออนุญาตต่อพระท่าน ว่า ขอนำพระคาถาทั้งหมดนี้ ไปบอกลูกหลาน เพื่อสงเคราะห์แก่ชนทั้งหลาย ให้มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ พระท่านอนุญาต หลวงพ่อจึงเผยแพร่ พระคาถาทั้งหมดชุดนี้ ซึ่งรวมเรียกว่า “คาถาเงินล้าน” นะคะ

คนที่เขาได้เงินล้าน จากการบูชาพระคาถาบทนี้ ก็มีมาเยอะแล้ว ด้วย นะคะ (คนในครอบครัวพี่ก็มี) นี่ไม่ใช่การมอมเมา
การบูชาพระคาถานี้ คือ การที่ท่าน ต้องตั้งจิตให้เป็นสมาธิ ไม่หวังในโชค ลาภ อะไรทั้งสิ้น คือ ทำจิตให้ว่างจากกเลศน่ะแหละ แล้วจึงบริกรรมคาถา จึงจะมีผลดี คือ เอาจิตยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ นะคะ เมื่อจิตยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย ไม่คิดถึงความโลภความอยากได้ ความร่ำรวย หวย โป อะไร ทั้งสิ้น จิตตั้งอยู่ ในคุณพระ คาถาจึงจะมีผล ท่องมาก ท่องนาน ก็มีผลมาก มีผลเร็ว เพราะจิตเกาะในทางกุศลกรรม หรือ มีพุทธานุสสติ ธรรมานุสสติ สังฆานุสสติ นะคะ

วัดท่าซุง เป็นวัดในพระพุทธศาสนา ที่ใหญ่มาก และสวยสดงดงามเป็นที่สุด มีสถานที่ สำคัญคือ วิหารแก้ว 100 เมาตร ซึ่งเป็นเรือนฝึกพระกรรมฐาน มีพระประธาน ที่เป็นพระพุทธรูปในเรือนแก้ว (แบบพระพุทธชินราช) อยู่ด้านหนึ่ง และเป็นที่ประดิษฐาน พระศพหลวงพ่อด้วย คือ พระศพของท่านอยู่บนบุษบกที่งดงาม ออกแบบและก่อสร้างโดยพระวัดท่าซุง และบรรดาศิษยานุศิษย์ มีปราสาท ทองคำ ที่งดงามมากอีกเหมือนกัน ทั้งหมดนี้ สร้างมาจากการสอนพระกรรมฐาน และผู้ปฎิบัติพระกรรมฐาน ที่มุ่งหวังสร้างทานบารมี ถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมะบูชา และสังฆบูชา และเพื่อให้ชนรุ่นหลัง ได้มีที่เจริญพระกรรมฐาน มีจิตอันสงบสงัด และเป็นปิติที่ได้เห็นคามงดงามของวัดนี้ ซึ่งก็จำลองมาจากเบื้องบน คนอาจโจมตีว่า เป็นวัดวัตถุนิยม ก็แล้วแต่เขา แต่คนที่เจริญกรรมฐาน เขาอยากทำ เขาไม่สนใจคนวิจารณ์ เพราะบุญเป็นของผู้กระทำและของผู้โมทนา นะคะ คนวิจารณ์เป็นเพียงพวกมิจฉาทิษฐิ โบราณว่า มือไม่พาย แต่เอาเท้าราน้ำ นั่นก็เรื่องของเขา อีกเหมือนกัน นะคะ

ก็ขอจบคำอธิบายเกี่ยวกับพระคาถา และหลวงพ่อ เพราะไม่ได้ต้องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ นะคะ เพียงแต่อยากจะเตือนว่า
การร่วมแสดงความเห็นใด ๆ ถ้าเป็นเรื่อง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม นานา สาระ อะไรก็ตาม มันไม่มีโทษมากนักหรอก นะคะ
แต่ถ้า เราล้ำไปวิจารณ์ในเรื่องทางศาสนา ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเราไม่รู้ข้อมูลอะไร เราก็อาจจะประมาทพลาดพลั้ง ไปวิจารณ์เอาพระอรหันต์ หรือ พระอริยเจ้า นี่ถ้าปรามาสในพระคาถานี้ว่า “มอมเมา” เราก็ปรามาสในพระพุทธเจ้า เข้าให้แล้ว ซึ่งเป็นโทษมหันต์ เราจึงควรเว้น การสนทนา ในเรื่องการศาสนา ที่เสี่ยง นะคะ ใครพลาดไปแล้ว ควรรีบไปกราบขอขมาโทษพระรัตนตรัย ถ้าไม่รู้ว่า ทำอย่างไร ก็ลองดูบนเว็บวัดท่าซุงหน้าแรก นะคะ
เดี๋ยวจะหาว่า โฆษณาอีก ของดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องโฆษณา แต่เพื่อให้น้อง ๆ บางท่าน ได้สามารถ ขมาโทษพระรัตนตรัย ก็ต้องบอกนะคะ เว็บวัดท่าซุง คือ http://www.watthasung.com/home.php เว็บนี้ สามารถอ่านหรือฟังธัมมะ คำสอนของหลวงพ่อ ได้ และมีบทคาถาเงินล้าน ด้วย แต่ฉบับที่ น้อง Cuty_May จะจัดพิมพ์นี่ เ ธอได้ขออนุญาต ทางครอบครัว ท่านเจ้าของห้าง ยาตราใบโพธิ์ ที่ประสบความสำเร็จในการบูชา คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า พร้อมรูป มาลงในหนังสือเล่มนี้ด้วย และรวบรวม เทป คำสอนหลวงพ่อ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ของคาถาเงินล้าน นะคะ จึงจะเป็นหนังสือที่ดี มีประโยชน์มาก

จากคุณ : Shanya44 (Shanya44)

เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 00:15:55

ความคิดเห็นที่ 25

ประเด็นที่ สอง เกี่ยวกับน้อง Cutie_May

สงสัย ข้องใจ ว่า เขาทำจริง หรือเขาหลอกลวง? คำตอบอยู่ที่นี่นะคะ “เขาทำจริงค่ะ”

ทำไมถึงจริง ? เพราะว่า ในเดือนตุลาคม เป็นทำบุญครบรอบปีของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อพระราชพรหมญาณ วัดท่าซุงจะจัดงานใหญ่ทุกปี โอกาสนี้ น้อง Cuty_May เธอประสงค์จะร่วมแสดงความกตัญญู กตะเวธิตา แก่พระคุณครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณอันประเสริฐ เธอคิดว่า หนังสือนี้ จะมีประโยชน์กับคนทั่วไป ในยามเศรษฐกิจฝืดเคือง เพราะองค์หลวงพ่อ ฯ ท่านมีความห่วงไยต่อบรรดาลูกหลาน ท่านอยากให้พวกเราผ่านพ้นวิกฤติทางเศรษฐกิจ ด้วยการพึ่งคุณแห่งพระรัตนตรัย น้อง Cuty_May เลยถือโอกาสเอาวันสำคัญของพระเดชพระคุณท่าน มาจัดพิมพ์หนังสือนี้ ไปถวายต่อวัดท่าซุง เพื่อใช้แจกแก่ผู้มาทำบุญในวันสำคัญนี้

คนที่รักและเทิดทูนในครูบาอาจารย์ เขาไม่เรี่ยไร เอาเงินมาเข้ากระเป๋าของตัวเอง หรอกนะคะ เงินค่าพิมพ์หนังสือนี่มันก็เล็กน้อยเหลือเกิน คงไม่เกิน สองหมื่นบาทละมั๊ง

พี่เอง เป็นคนแนะนำเขาว่า ทำบุญอย่าทำคนเดียว ให้โอกาสคนอื่นเขาได้ร่วมบุญด้วย และคนไม่ทำ เขายังได้โมทนา นี่เป็นหลักของการทำบุญ จึงควร “บอกบุญ” คนบนเว็บ ที่ร่วมบุญกันมาหลายอย่าง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ น้อง เขาจึงได้ไปบอกบุญตามพี่แนะนำ

เมื่อมีปัญหา เกิดขึ้น คณะผู้ประสานงานทางเมืองไทย เขาไม่สบายใจ เพราะเขาก็ไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น อย่างที่ว่าค่ะ “มารไม่มี บารมีไม่เกิด” นี่เป็นสัจจธรรมเลยค่ะ
แต่น้อง ๆ คะ กำลังใจของคนแต่ละคนมีมาไม่เท่ากัน บางคนไม่หวั่นไหวกับการนินทา กาเล แต่บางคนเขาหวั่นไหว เขาเสียใจ เขาไม่สบายใจ เว็บมาสเตอร์ ก็ไม่สบายใจ เมื่อมาเกิดปัญหา บนเว็บของเขา ก็อยากจะเรียนให้ทราบว่า การตัดสินใจและการกระทำของน้องบาร์บี้ เกิดผลกระทบทางจิตใจของคนเป็นจำนวนมาก คนที่เธอไม่รู้จัก และไม่รู้จักกับเธอ ก็เป็นการสร้างกรรมกับผู้อื่นโดยที่น้องเองไม่รู้ตัว ด้วยเหตุนี้ น้อง Cutie_May จึงได้ลบกระทู้นั้นทิ้งไปก่อน เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ แต่คนที่เขาร่วมทำกุศล เขาก็อาจจะไม่สบายใจ ที่กระทู้ของเขาหายไป น้องบาร์บี้ ก็ยังตามต่อว่า เขา หาว่า เขาลบกระทู้ เพราะมีความไม่บริสุทธ์ใจ แบบว่า นี่ต้องเป็นมารศาสนาตัวจริง ถึงได้ร้อนตัว อันนี้น้องต้องคิดถึงใจเขา ใจเราบ้าง นะคะ น้อง Cutie_May ก็พยายามทำให้ทุกฝ่ายสบายใจ คือ ฝ่ายของเว็บมาสเตอร์ และผู้ประสานงานจัดทำหนังสือในประเทศไทยด้วย

ข้อสงสัยที่ว่า ทำไม ไม่เอาหนังสือขออนุญาตมาให้ดู อันนี้เป็นเพราะว่า น้อง Cutie_May เธออยู่อเมริกา จึงไม่มีเอกสารอะไรอยู่ในมือ คนถือเอกสาร เขาอยู่เมืองไทย เขาไม่มีเครื่องสแกน นะคะน้อง มันไม่เหมือนคนที่อเมริกานี่ เรามีกันแทบทุกบ้าน น้อง Cutie_May เขาไม่อยากรบกวนทางโน้นมาก เขาขี้เกรงใจ แค่ดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ให้ มันก็มากพออยู่แล้ว

น้อง Cutie_May เธอมีการศึกษาระดับปริญญาโท และเคยรับราชการเป็นครูบาอาจารย์สอนหนังสือมาก่อน ไม่ใช่คนไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่อย่างใด เรื่องนี้ เราต่างรู้กันดี นะคะ น้องบาร์บี้ จากระยะเวลา 2 ปี ที่รู้จักกัน พี่ได้รับรู้จริยาของเธอเป็นอย่างดี เธอเป็นลูกศิษย์ วัดท่าซุง อาจารย์เดียวกัน กับพี่ สำหรับพี่เองนั้น เป็นศิษย์รุ่นเก๋า ได้ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ ฟังเกร็ดความรู้มามาก ส่วนน้อง Cutie_May เป็นศิษย์รุ่นหลัง มาไม่ทันพบหลวงพ่อ เธอจึงมุ่งมั่นมากในการฟังคำสอนและสอบถามเกร็ดความรู้ต่าง ๆ จากพี่ ซึ่งก็ทำให้พี่รู้ได้ว่า เธอมีความพากเพียรปฏิบัติความดีขนาดไหน ไม่ขอขยายความยาว สาวความยืดนะคะ

คนปฏิบัติธรรมในสายของวัดท่าซุง นี่ จะมีจริตหนักไปในทาง การให้ทาน เป็นส่วนใหญ่ นะคะ ขอเล่าที่มา เผื่อว่า จะเป็นประโยชน์กับบางคน

หลวงพ่อท่านเทศน์ เรื่องท่านวิสาขาให้พวกเราฟัง ท่านบอกว่า ท่านวิสาขา มหาอุบาสิกา ยามท่านจะออกเรือนนี่ ท่านบิดา จัดข้าทาสบริวารทรัพย์สิน เงินทอง และ ที่เป็นช้าง ม้า วัว ควาย ด้วย เป็นจำนวนมาก สมมุติว่า เวลาท่านบิดาบอกว่าให้อย่างละ 500 ตัวนี่ เอาเข้าจริง ๆ มันก็เกิน ทุกอย่าง วัว ควาย ที่นับครบแล้ว ก็ยังมีกระโดดเข้าไปร่วมวงเพิ่มเติมอีกมาก จนเกินจำนวน ที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ไม่เป็นไร ท่านพ่อเป็นเศรษฐี ท่านก็ให้ ที่เป็นเช่นนี้ เพราะอะไร? เพราะท่านวิสาขาในชาติอดีต ท่านชอบทำบุญเกิน เช่น ทางวัดบอก ต้องการเงินจำนวนนี้ คนก็ทำบุญกัน ท่านวิสาขาในชาตินั้น ๆ ก็ทำ ทำแล้วก็ชอบโปะเพิ่ม เพิ่มนั่น เพิ่มนี่ให้ จนเกิน อานิสงส์นี้แหละ ทำให้ เมื่อเกิดมาชาตินี้ ท่านได้อะไร ก็จะได้เกินกว่า กำหนดทุกอย่าง

นี่แหละน้อง ๆ คะ บรรดาลูกศิษย์ หรือ ลูกหลาน พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็ขอถือท่านเป็นแบบอย่าง เวลาทำบุญ ก็ทำบุญกันแบบสนุก ชอบทำบุญเกิน เวลา คนถวายปัจจัยกัน เสร็จแล้วก็จะมีคนนับเงิน นับแล้วก็จะประกาศจำนวนเงินที่ได้ เพื่อให้คนโมทนากัน ทีนี้ พอนับไปแล้ว ถ้ามันเป็นเศษ เช่น 1825 คนก็จะขอเติมเงินให้มันเต็ม เป็นจำนวนถ้วน ๆ ก็จะควักเงินกันใหญ่ ทำกันจนหมดกระเป๋า แล้วถึงจะมีความสุข ก็นับกันใหม่ คนกลุ่มนี้ เขามีความสุข และเขาทำบุญด้วยความสนุกสนานแบบนี้ ที่เล่านี่ ก็เพื่อให้มองเห็นภาพ วัฒนธรรมการทำบุญของคนกลุ่มนี้ นะคะ และวัฒนธรรมนี้ ก็สืบทอดมา แม้ในขณะนี้ ท่านเจ้าอาวาสองค์ใหม่ ท่านก็รักษาสิ่งที่ครูบาอาจารย์ทำไว้ทุกอย่าง น้อง Cutie_May เธอก็อยู่ในวงของการรักในการให้ทานแบบนี้แหละ

เมื่อเดือนมกราคม ปีนี้ พี่กลับเมืองไทย ทราบว่า ทางวัดท่าซุง กำลังจะก่อสร้าง พิพิธภัณฑ์ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และจะก่อสร้างพระพุทธรูป พระประธาน 2 องค์ และรูปหล่อหลวงพ่อ พี่โทรกลับมาบอกบุญ น้องCutie_May เธอก็ฝากทำบุญทันที พี่ก็ยินดีออกเงินให้ก่อน เพื่อไม่ให้เธอพลาดรายการบุญสำคัญ ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยพบหน้าค่าตากัน พี่ไว้ใจเธอ และเธอก็ไว้ใจพี่ เมื่อกลับมา เธอส่งเงินทาง ปณ มาให้พี่ทันที เป็นเงิน ยูเอส ดอลลาร์ มูลค่ามากกว่าที่พี่ออกไปให้เสียอีก พี่ถามว่า เอ๊ะให้เกินรึเปล่านะ เธอก็บอก ไม่หรอก เธอจะทำเท่านี้แหละ พี่ก็รู้สึกขาดดุลเล็กน้อย เพราะน้อง Cutie_May มาทำบุญเกินกว่าที่บอกเสียนี่ นอกจากนั้น เธอก็ยังตามไปทำบุญรายการเดียวกัน ร่วมกับเว็บพลังจิต แล้วมาบอกให้พี่โมทนา พี่ก็โมทนา

การที่พวกเรามีใจรักการให้เป็นปกติ นี้ เพราะครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนไว้ เราไม่ได้เป็นคนดี นะคะ เราเป็นผู้ต้องการดี เรายังมีความโลภ ความโกรธ ความหลง เพราะว่า เรายังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ แต่ทั้งนี้ ความโลภ ความโกรธ ความหลงนี่ เราไม่ยอมละเมิดศีล 5 ข้อ ไม่ต้องการย้อนไปตั้งต้นนับ 1 ใหม่ เพราะคนเรา เกิดมา การที่จะเกิดมาภายใต้พระพุทธศาสนา นี่มันยากนะคะน้อง หากขาดอธิษฐานบารมี ก็ไม่ได้พบ เมื่อพบแล้ว การจะได้ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอรหันต์นี่ มันยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ใช่ว่า ชาวพุทธทุกคนจะได้พบพระอรหันต์ ได้ฟังธรรม หรือ ได้ทำบุญกับท่าน ดังนั้น เราถือว่า เราโชคดี เราจึงต้องทำตามครูบาอาจารย์สอน คือ ไม่ต้องการเกิดอีกต่อไป ทำความเพียรให้มั่นคง ทำทานบารมีให้มาก ถ้าเราพลาดนิพพานในชาตินี้ เราก็จะยังทัน พระศรีอาริยะเมตตรัย ท่านตรัสรู้ คนจะพบพระศรีอารย์ฯ ท่านได้ ก็ต้องมีทานบารมีมาก ๆ นะคะ น้องบาร์บี้

จากคุณ : Shanya44

เขียนเมื่อ : 10 ส.ค. 53 03:30:40