ความคิดเห็นที่ 1   จขกท.เล่าหมดแล้วค่ะ ดิฉันเลยไม่มีอะไรจะเล่า    โดยเฉพาะเล่นซ่อนหากะสามีเวลาซื้อของ  เมื๊อนกันเลยค่ะ จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 04:10:51

ความคิดเห็นที่ 2   ตรงข้ามกะคนที่บ้านค่ะ เวลาเค้าซื้อของ ดิฉันต้องเป็นฝ่ายสงบปากสงบคำซะเอง เพราะท่านเล่นต่อราคาลงครึ่งหนึ่งเลยค่ะ ต่อแบบไม่ให้ก็ไม่เอาประมาณเนี้ย จากคุณ : kittichanok เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 04:47:23 A:76.93.92.183 X: TicketID:185565

ความคิดเห็นที่ 3 เหมือนกัน เวลาไปซื้อของ บอกสั่งสามีว่า ให้เดินห่างๆ ไว้ อยากได้อะไรจำไว้นะ แล้วเดี๋ยวไปซื้อให้ทีหลัง ส่วนเราก็เดินกับแม่ไป สามีเดินทิ้งช่วงนิดนึง จากคุณ : Scooterella เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 04:56:21

ความคิดเห็นที่ 4   ทิ้งสามีไว้เฝ้าบ้านค่ะ ฮ่าๆๆๆ กินพิซซ่า อยากกินอะไีรก็จะคเมน (เอ๊ สะกดยังไงนะ?) มาให้กิน ดูกีฬา เล่นเกมส์ ตากแอร์ ไปกะพี่ชาย ไร้กังวล พี่ท่านขี้ร้อนอยู่แล้วด้วย อีเรากะพี่สาว ก็ไปแรดดดซ์... ถ้าจะไปด้วยกัน นู่นค่ะ คุณปั๋วเดินช่วยแบกของกะึคุณพ่ออยู่ข้างหลังนะคะ เดี๋ยวคุณเมียคุณพี่คุณแม่จะเอาถุึงมาให้ถือเป็นระยะ ๆ ค่าาาา ถ้าไปกันสองคน คุณปั๋วขา เดินไปดูวิวตรงนู่นป่ะ... เดี๋ยวคุณเมียซื้อหมูปิ้งมาให้หม่ำ เคยเจอประสบการณ์ ข้าวเหนียวหมูปิ้งไม้ละ 10 บาท จาก ไม้ละ 5 บาท เพียงแค่เหตุึผลเพราะมีเจ้ามนุษย์ตาสีไม่ดำอยู่ข้่าง ๆ T.T จากคุณ : Kryta (kryta) เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 05:27:07

ความคิดเห็นที่ 5 5555 เข้ามาขำ แสดงว่าเรื่องจะซื้อของเป็นเหมือนกันหมด จากคุณ : ม่านสีม่วง เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 07:06:57

ความคิดเห็นที่ 6 ของซื้อของขายแบบชาวบ้าน คิดอย่างชาวบ้านเราก็ว่าฝรั่งรวยกว่าคนไทยอยู่แล้ว เพราะงั้น เจอฝรั่ง เราต้องโขกราคาขึ้นทันที 555 จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 07:23:49

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาขำด้วยคน ^ ^ เรื่องแบบนี้ต้องทำใจจริงๆ กับฝรั่งค่ะ แอบเนียนเหมือนคนเอเชียไม่ได้   เราก็เล่นซ่อนหากับแฟนบ่อยๆ ถ้าไปซื้อของข้างทางเนี้ย ไม่งั้นล้มจมหมด จากคุณ : dcapar เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 07:34:49

ความคิดเห็นที่ 8 ได้ยินเรื่องอย่างนี้มาเยอะเหมือนกัน ยังคิดอยู่บ่อยๆ ว่าเราเองนี่โชคดีจริงๆ ไม่เคยเจอใครพูดไม่ดี หรือเอาเปรียบจนน่าเกลียดเลย มีคนมองบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้อะไรมากมาย ที่หงุดหงิดเล็กน้อย ก็จะมีเป็นพวกค่าเข้าสถานที่ต่างๆ บางทีแพงกว่ากันเป็นสิบเท่า ถ้าเป็นอุทยานแห่งชาิติหรืออะไรอย่างนั้นก็โอเคเข้าใจว่าเป็นเงินภาษีของคนไทยที่ดูแลรักษา แต่บางที่เป็นเอกชนคิดแพงกว่ากันเยอะมากๆ ก็จะหงุดหงิดนิดหน่อย จากคุณ : Pacosan เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 08:52:17

ความคิดเห็นที่ 9 หนุ่มที่บ้านจะโดนเราใช้ให้โบกแท๊กซี่ประจำ เพราะแท๊กซี่ชอบ แต่ค่าโดยสารเราเป็นคนจ่าย ทิปเต็มที่ก็ 5 บาท  5555 มีวันนึงจะเอารถไปล้างภายนอกเฉยๆ ลองจอดถามราคาดู พอลดกระจกลงมองเห็นหนุ่มหัวทองเท่านั้นแหละ คนรับรถก็จะให้เราทำแพ็คเกจใหญ่สุด เคลือบนู้นเคลือบนี่ ประมาณ 3000 กว่าบาท เราก็บอกจะล้างคราบนอกรถเฉยๆ แกก็ยังกลับไปพูดขายของเหมือนเดิม เลยขับรถออกมาดีกว่า มาเจอที่ล้างรถแถวบ้านแค่ 100 เดียว ให้ทิปเพิ่มไปอีก 20 บาท สบายใจกว่ากันเยอะ จากคุณ : ฤาจะเป็นเพียงฝนผ่านมาให้ชื่นใจ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 09:48:52

ความคิดเห็นที่ 10   ยังไม่ค่อยเจอประเภทแม่ค้าขึ้นราคากระทันหันเพราะเห็นฝาหรั่ง แต่ปัญหาหนักปวดใจแทนประเทศไทยเกิดกับคุณตำหนวด เห็นฝรั่งขับรถเรียกเก็บเงิน ไม่ขออะไรนะขอเงินตรงๆเลย อายแทนเพราะนี่มันประเทศเรา คนขับรถแทกซี่ให้ทิปประจำ ถ้าระยะใกล้ก็ร้อยนึงขึ้นไป ส่วนแม่ค้าถ้าเขาซื่่อตรงดีกับเราก็อุดหนุนเยอะๆ หรือเป็นขาประจำให้ คิดเสมอว่าคนพวกนี้ทำมาหากิน เราต่างได้ประโยชน์แลกกัน ทิปที่ให้ก็เป็นสินน้ำใจ ช่วยเหลือกันเงินหมุนในประเทศ ส่วนค่านิยมที่คนไทยส่วนใหญ่เห็นฝาหรังเป็นตัวเงินตัวทองก็ยังเจออยู่เสมอ ไม่ใส่ใจได้ก็ปล่อยๆผ่าน แต่เจอไม่ดีตรงๆก็จัดการ ให้รู้ว่าฉันเป็นเมียฝรั่งก็มีปากนะเออ จากคุณ : อาการเซ็งระยะสุดท้าย เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 10:20:50 A:68.151.12.183 X: TicketID:257835

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อวันก่อนสามีหิ้วกาบมะพร้าวมา 4 กาบจะเอามาห่อกล้วยไม้ บอกว่าพ่อค้าขายให้อันละ 50 บาท ถ้าคนไทยซื้อก็คงแค่อันละ 5-10 บาท คุยกันถูกคอดีไม่ดีแถมฟรีอีกต่างหาก จากคุณ : jeejeeberry เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 13:07:21

ความคิดเห็นที่ 12   อ๊ะ นึกได้อีกเรื่อง  ตอนนั้นยังไม่รู้ธรรมเนียม(พ่อค้าแม้ค้าเห็นฝรั่งเป็นตัวเงินตัวทอง)  ก็ใช้ให้สามีเข้าไปซื้อยาในร้านขายยาให้ ได้ยาตามที่ต้องการค่ะ แต่ราคาเบิ้ลไป 3 เท่า ชนิดเดิม ยี่ห้อเดิมและเคยซื้ออยู่เป็นประจำ แต่พอฝรั่งซื้อเท่านั้นแหละ จาก 50.-กลายเป็น 150.- ดิฉันไม่ยอมค่ะ  ด้วยความไม่รู้  เดินถือถุงยากับเข้าไปถามทันทีเลย ว่าทำไม คำตอบที่ได้ "อ่ะ ก็เมื่อกี้ฝรั่งมาซื้อนี่" อึ้งค่ะอึ้ง แต่คงอ่านสายตาตัดพ้อต่อว่าและเหยียดหยามพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบของดิฉันได้ เลยรู้สึกละอายขึ้นบ้าง ยื่นตังส์คืนให้ 50 บาท แล้วบอกว่าคราวหลังคุณมาซื้อเองสิ  แน๊... เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มีสามีฝรั่งใช้อะไรทุกอย่างได้ ยกเว้นซื้อของ  ไม่งั้นต้องจ่ายแพงกว่าปกติโดยไม่สมควรแก่เหตุ  เงินสามีมันก็เงินเราด้วยนี่นา จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 13:26:18

ความคิดเห็นที่ 13   ตกลงเมืองไทยไม่มีอะไรดีเลยหรือครับ แล้วผมจะทำอย่างไรดีเพราะผมอยู่เมืองไทยตั้งแต่เกิด และ คิดว่าคงจะต้องตายในเมืองไทยอย่างแน่นอน .....ผมคิดว่า เรามาพูดแต่สิ่งที่ดีในบ้านเรา เมืองเรา จะดีกว่าไหมครับ จะได้ชุ่มชื่นหัวใจบ้าง ผมเชื่อว่าไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหน ชาดิพันธุ์ไหน ก็ล้วนแต่มีทั้งสิ่งที่ดี และ สิ่งที่ไม่ดีทั้งนั้นแหละครับ มีประเทศไหนบ้างครับที่ไม่เคยฉวยโอกาสต่อคนอื่น.... จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 13:38:48 A:125.24.220.106 X: TicketID:207097

ความคิดเห็นที่ 14   #13   อย่าเบี่ยงประเด็นเลยค่ะ  เราพูดกันเรื่อง คนไทยที่เห็นแก่ได้ เอารัดเอาเปรียบ   ไม่ได้พูดว่าเมืองไทยไม่ดีเสียหน่อย  คุณไม่ได้มีสามีฝรั่งจนๆ คงจะเข้าใจยากอยู่สักหน่อยนะคะ แก้ไขพิมพ์ผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 53 15:02:06 จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 14:59:41

ความคิดเห็นที่ 15 เราเคยเจอบ่อยๆ เรื่องแท๊กซี่คะ  เจอที่ไม่อยากจะเปิดมิเตอร์ประจำ คันไหนที่เปิดมิเตอร์ให้เราถึงไป  เรื่องกินข้าวตามร้านพอเราไปกับแฟนแฟนจะชอบทิป แต่เราก็สอนแฟนว่าปกติธรรมเนียมไทยไม่ทิป แต่ถ้าอยากจะทิปให้ไปยี่สิบบาทพอ เคยไปเขาสามมุขไปดูลิง คนขายกล้วยพยายามยัดเยียดให้ซื้อกล้วยแจกลิง พอเราส่ายหัวไม่ซื้อ ก็บ่นเรา บอกเราว่า "แหมคนไทยช่วยกันหน่อยสิ" เราบอกไปว่า "หนูถามแฟนแล้วเขาบอกไม่ซื้อ เงินก็อยู่ที่เขา จะซื้อได้ไงคะ?" ใจจริงเราก็อยากช่วยเหลือคนไทยด้วยการอุดหนุนคนไทย ซื้อสินค้าไทยอยู่แล้ว แต่เราแต่งงานกับฝรั่ง สามีภรรยาคือคนคนเดียวกัน ถ้าเราไม่ปกป้องดูแลเงินของสามีปล่อยให้คนอื่นมาปล้นกันต่อหน้าต่อตา จะได้ชื่อว่าภรรยาที่ดีได้ยังไง   เวลาซื้อของที่ไทยถ้าเราเห็นว่าบอกผ่านแพงเกินไปเราจะเดินออกจากร้านทันทีเหมือนเจ้าของกระทู้คะ อยากซื้ออะไรเราก็ไปซื้อเอง ไม่ให้แฟนไปด้วย เวลาจะกินข้าว ซื้อของส่วนมากตอนนี้จะซื้อตามห้างที่มีป้ายราคาชัดเจน จะได้ไม่ต้องมากลัวใครเอาเปรียบ เรารักเมืองไทยและอยากกลับไปอยู่เมืองไทยมาก เมืองไทยดีกว่าหลายๆ ประเทศค่ะ ที่ไม่ดีคือ คนบางคนเท่านั้นค่ะ คุณคห. ที่ 13  นี่เป็นแค่บางมุมมองที่เจ้าของกระทู้อยากสื่อให้เห็นก็เท่านั้น เราเองอยากเอาเงินไปใช้ที่ไทยมากๆ ช่วยเศรษฐกิจไทยนะคะ เราหาหมอฟันที่นี่หมอจะผ่าฟันคุด อุดฟัน ถอนฟันเรา รวมๆ แล้วเกือบแสนบาท เรายังบอกแฟนว่าเราไม่ทำ เอาไปทำเมืองไทยคงจ่ายแค่สองหมื่นเท่านั้น ถูกกว่า และเราจะยินดีมากที่เราเอาเงินก้อนนี้ไปใช้ที่ไทย ไม่ใช่มาให้หมอที่นี่คิดราคาอย่างไม่สมเหตุผล พ่อค้าแม่ค้าที่คิดราคาอะไรไม่สมเหตุสมผล ลูกค้าก็ไม่อยากจะจ่ายเงินทั้งนั้นแหละคะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเมืองไทยไม่ดี เมืองฝรั่งดีกว่านะคะ ในความคิดของเรา จากคุณ : littlebitlittlemore เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 16:33:01

ความคิดเห็นที่ 16 คนไทยบางจำพวกนี่แหละเป็นปัญหา ฝรั่งก็ว่าพวก ignorant... จากคุณ : Stila is Style เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 17:38:19

ความคิดเห็นที่ 17 โดนเหมือนกันค่ะ   แต่ที่เบื่อสุดๆ ก็เรื่อง รอทิป นี่แหละ จากคุณ : Valily เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 20:00:39

ความคิดเห็นที่ 18 เจอจนชินแล้วค่ะ คำว่า** ช่วยหน่อยน่า เราคนไทยด้วยกัน...เพราะไม่ว่าจะเดินผ่านไปไหน พ่อค้าแม่ขายร้องเรียกแบบนั้นเสมอ เราและสามีก็ไม่ได้มีเงินมากมาย ส่วนมากเราไม่ซื้อนะและเดินผ่านไป จะว่ายังไงไม่สนค่ะ บ้านจน อิอิ งะ ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น เพราะมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นเลย(หมายถึงสินค้านะค่ะ) ถ้าสิ่งใดจำเป็นดี มีคุณภาพพวกเราก็จะอุดหนุน แม้ราคาจะสูงกว่าก็ตาม ทุกวันนี้เราก็เป็นฝ่ายซื้อของเอง สามีอยากได้อะไรเราก็จะไปซื้อให้ เราจ่ายเงินเอง อิอิ ต้อง งก เพราะไม่งั้น ไม่มีเงินกินกัน หุๆ เศรษฐกิจแบบนี้ ประหยัดที่ซู๊ดค่ะ จากคุณ : ทุ่งข้าวเขียวขจี (MajestyLove) เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 20:13:24

ความคิดเห็นที่ 19 ให้แท็กซี่จอดรอ เขาก็ปล่อยมิเตอร์ไปเรื่อยๆ ก็ถูกแล้วนี่ครับ มันไม่ถูกต้องตรงไหนเหรอครับ และมันก็ไม่เกี่ยวว่าคุณจะให้ค่าเสียเวลาหรือเปล่า เพราะประเด็นที่คุณด่าเขาคือเขาไม่ได้กดหยุดมิเตอร์ตอนที่คุณบอกให้เขาจอดรอ ไม่งั้นติดไฟแดงทีก็ต้องกดหยุดด้วยสิครับ เพราะก็ไม่ได้ไปไหนเหมือนกัน จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 53 23:16:20

ความคิดเห็นที่ 20 ถึงคุณความคิดเห็นที่ 13 ดิฉันต้องขอขอบคุณนะคะที่เสียสละเวลามาอ่าน มาตอบ และแสดงความคิดเห็นในกระทู้ ดิฉันแค่ก็อยากเอาเรื่องที่ตัวเองเจอมาเล่าก็เท่านั้นค่ะ เมืองไทยน่ะดีแน่ๆค่ะ ดีกว่าเมืองไหนๆในโลกก็ว่าได้ค่ะ ดิฉันเคยไปเมืองหลวงของยุโรปมาหลายเมืองแล้วค่ะ แต่ที่คิดว่าดีและสวยที่สุดก็ต้องเมืองไทยค่ะ ถึงไม่ใช่กรุงเทพฯก็สวยเหมือนกันหมดค่ะ แต่การกลับไปเยี่ยมบ้านที่ไทยของดิฉันในแต่ละปีมันเจอเรื่องเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าแม่ค้าที่เห็นแก่ตัวมากขึ้นๆทุกปีค่ะ คือถ้าดิฉันเดินไปเที่ยวหรือไปซื้อของคนเดียวนี่ไม่มีใครเขาสนใจมาเอาเปรียบดิฉันหรอกค่ะเพราะดิฉันก็แค่คนไทยธรรมดาๆคนนึง แต่พอเวลาพาสามีไปด้วยทีไรต้องเจอแจ็กพ็อตทุกทีค่ะ แล้วบางทีดิฉันก็เป็นคนจ่ายเงินนี่ค่ะ สามีไม่ได้รวย ไม่ได้ออกให้ทุกบาททุกสตางค์ค่ะ คือพ่อค้าแม่ขายจ้องจะเอาเปรียบสามีแต่กรรมมันมาตกที่ดิฉันเพราะเป็นคนจ่าย ถึงเงินที่ดิฉันได้รับเวลาเอาไปแลกเป็นเงินไทยมันได้มากก็จริง แต่ทุกบาททุกสตางค์ดิฉันก็ทำงานเอาหยาดเหงื่อของดิฉันแลกมานะคะ แลกเงินได้มากใช่ว่าจะใช้ให้มันหมดไปโดยไม่สมเหตุสมผลนี่คะ   ยังมีอีกหลายเรื่องเลยค่ะที่ลืมเล่าไป ปีที่แล้ว มีสามี แม่สามี พี่สะใภ้สามี และดิฉัน ยืนโบกรถแท็กซี่หน้ามาบุญครองเพื่อจะไปขึ้นรถไฟที่หัวลำโพงค่ะ เรียกแท็กซี่ได้ประมาณ 4-5 คันค่ะ คือเรียกให้จอดคราวละคันนะคะ ทุกคันไม่มีคันไหนเลยที่จะกดมิเตอร์ค่ะ เรียกเป็นราคาเหมาที่ 250 ทุกคัน ย้ำว่าทุกคันนะคะ เพียงเพราะเห็นว่าเป็นฝรั่งมาสามและไทยมาหนึ่งค่ะดิฉันก็ถามว่าพี่ๆมีมิเตอร์แล้วทำไมไม่กดละค่ะ พี่แกตอบมาว่ามิเตอร์มันเสียน่ะน้อง ดิฉันหงุดหงิดมากๆ สุดท้ายก็จุงมือสามีและครอบครัวสามีไปขึ้นรถเมล์สาย 113 ค่ะ เป็นรถเมล์ธรรมดาติดพัดลมค่ะ ราคาแค่คนละ 8 บาท แถมมีที่ให้ทุกคนได้นั่งด้วยค่ะ สบายใจมากๆ อีกเรื่องล่าสุดปีนี้ที่ตลาดนัดสวนจตุจักรอีกรอบค่ะ ไปทานข้าวข้างทางกับสามี รายการอาหารเขียนเป็นภาษาไทยตัวเล็กๆแปะเอาไว้ที่ข้างรั้วค่ะ เราสองคนสั่งข้าวผัดไก่คนละจาน แป็ปซี่คนละขวด ดิฉันก็เล็งราคาจากข้างรั้วเอาไว้แล้วค่ะ แต่ก็แอบคิดในใจว่าแพงไปหน่อยนึงค่ะเพราะเป็นร้านข้างทางค่ะแต่ขายราคาดุจในห้าง แต่ดิฉันก็ทำใจค่ะเพราะคิดว่านี่มันแหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมือง ระหว่างทานข้าวดิฉันก็พูดภาษาของที่นี่กับคุณสามีตลอด (ไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะคะ) ถึงเวลาจ่ายเงิน ดิฉันก็เรียกเด็กเสริฟมาเก็บเงินค่ะ แต่ก็ลองถามราคาว่าเท่าไหร่ ปรากฎว่าเด็กเสริฟตอบมาว่า 110 บาทค่ะ ดิฉันถามกลับไปว่ามันจะ 110 บาทได้ยังไง ก็ราคาเขียนติดอยู่นี่ไง มันต้อง 100 บาทพอดีสิ เพราะราคาข้าวผัดไก่จานละ 35 บาท ส่วนแป็ปซี่ขวดละ 15 บาท เด็กเสริฟเดินอึ้งๆกลับไปที่แม่ค้าที่ยืนทำอาหารอยู่ สักพักก็เดินกลับมาบอกว่า 100 บาทพอดี ถ้าใครเจออย่างดิฉันคงจะเข้าใจค่ะว่ามันหงุดหงิดแค่ไหน คิดว่าแม่ค้าคงคิดว่าดิฉันไม่ใช่คนไทยแน่ๆเพราะหน้าดิฉันไม่ค่อยเหมือนคนไทยเท่าไหร่ค่ะ หรือว่านี่เป็นกลโกงที่แม่ค้าใช้เวลาเก็บเงินค่าอาหารชาวต่างชาติค่ะ เขียนรายการอาหารแต่ภาษาไทยเวลาจะเก็บเงินลูกค้าจะเอาราคาอาหารไหนมาเก็บก็ได้เอาที่ราคาแพงที่สุดไว้ก่อน ที่ตั้งกระทู้มาไม่ได้มีเจตนาใดๆแอบแฝงนะคะ ไม่ได้เข้ามาตำหนิเมืองไทยหรือคนไทยเพราะดิฉันก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ยังถือพาสปอร์ตไทยอย่างเหนียวแน่นค่ะ ไม่ได้เข้ามาเรียกร้องให้ใครรับผิดชอบในการกระทำที่เอารัดเอาเปรียบของพ่อค้าแม่ค้าบางคน สรุปคือเรื่องมันมากจนอยากระบายและหาคนที่เคยเจอเหมือนๆกันค่ะ จะได้ปลงๆว่าไม่ใช่ดิฉันคนเดียวหรอกน่าที่เจอเรื่องอมตะแบบนี้ แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 03:22:01 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 02:05:24 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 01:35:47 จากคุณ : sunisaogkim เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 01:21:54

ความคิดเห็นที่ 21 -เรื่องให้แท๊กซี่จอดรอ...คิดเหมือนคุณดอสนะ เขาเสียเวลารอคุณ จะให้เขาหยุดมิเตอร์ได้ไง ถ้าว่าเออจอดรถเติมแก๊สก็ว่าไปอย่าง -เรื่องซื้อของที่จตุจักร...เราก็เคยเจอนะ เป็นเทคนิคการขาย บอกผ่านแพงๆ แล้วพอทำท่าไม่สนใจ ก็ลดให้เอง เดินออกมาแล้วยังเรียกต่อก็มี บางทีของก็อยากได้อยู่ แต่ต้องวัดใจกับแม่ค้า ฮ่าๆ เรื่องที่แม่ค้าหรือผู้ให้บริการ คาดหวังในตัวชาวต่างชาติมากกว่า มันมีอยู่แล้วก็ต้องยอมรับ แต่ก็ไม่อยากให้มองว่าเค้าเป็นอย่างนั้นไปซะทุกเรื่อง อย่างเรื่องขายดอกไม้หน้าพระพรหมที่ขึ้นกระทู้แนะนำนั่น น่าด่าจริงๆ จากคุณ : สักวัน..ฉันจะบิน เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 01:29:00

ความคิดเห็นที่ 22 คุณดอสค่ะ ดิฉันหมายถึงว่าเคยเรียกรถแท็กซี่ข้างถนนที่ไม่รู้จักกันจากหน้าบ้านไปสนามบินค่ะ แล้วก็ให้เขาจอดรอที่ลานจอดรถของสนามบินเลยค่ะ แล้วดิฉันก็จ่ายค่าที่จอดรถ และขอให้คนขับแท็กซี่รอด้วย ทุกครั้งและทุกคันไม่มีคันไหนที่จะไม่กดมิเตอร์หยุดค่ะ ทางคนขับก็ยินดีค่ะเพราะเขาไม่ต้องตีรถเปล่ากลับไปยังฝั่งที่มาค่ะ และดิฉันก็จะให้ค่าเสียเวลารอประมาณ 100-200 บาททุกครั้ง ซึ่งจะรอประมาณ 30 นาทีค่ะ ส่วนล่าสุดที่เจอมาคือเป็นคนขับแท็กซี่ที่รู้จักกันกับคุณพ่อค่ะ ทีแรกลุงแกจะเอาราคาเหมาค่ะ เรียกที่ 1,000 บาทเพราะเห็นสามี ดิฉันรู้ดีว่าไป-กลับสนามบินจากบ้านมันไม่ถึงแน่ๆเพราะไปมาหลายครั้งแล้วค่ะเลยไม่ตกลงราคาเหมา ถ้าดิฉันเข้าใจผิดก็ไม่เป็นไรค่ะเพราะก็ไม่เคยเจอมาก่อน คือถ้าขอให้จอดรถแท็กซี่หยุดข้างทางแล้วดิฉันลงไปธุระ เช่น ซื้อยา ประมาณ 5-10 นาทีอันนี้ก็ปล่อยให้มิเตอร์มันไหลไปเรื่อยๆเถอะค่ะ ไม่ได้จอดรถในที่จอดรถแบบดับเครื่องรอค่ะ คราวหน้าเวลาดิฉันเรียกแท็กซี่ไปสนามบินจะได้เรียกแค่ขาไปขาเดียวแล้วขากลับก็ไปหาเอาใหม่ที่สนามบินค่ะ ดิฉันก็ไม่ได้ด่าไม่ได้ว่าคุณลุงคนนั้นด้วยค่ะเพราะกลัวว่าจะกลับไม่ถึงบ้านค่ะ ถ้าดิฉันเข้าใจอะไรผิดเรื่องแท็กซี่กับมิเตอร์ก็ต้องขออภัยมาสมาคมแท็กซี่ไทยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะเพราะว่าแท็กซี่แต่ละคันก็มีมาตรฐานไม่เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 03:27:19 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 02:02:00 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 01:30:44 จากคุณ : sunisaogkim เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 01:29:09

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องแท็กซี่นี่หากให้เค้ารอ แบบว่าเรียกมาแล้วยังไม่ขึ้นเค้ามีสิทธิเก็บค่าโดยสารช่วงที่ให้เค้ารอนะคะ อันนี้คนไทยแท้ๆอย่างเราก็ต้องยอมจ่ายค่ะ เรียกมิเตอร์ศูนย์หากไม่ขึ้นตรงเวลาก็ต้องจ่ายค่ะ ส่วนทิปหลังการใช้บริการแท็กซี่นั้นชอบใจก็ให้ ไม่ชอบก็ไม่ให้ค่ะ ส่วนข้ออื่นๆคล้ายกันค่ะ ละเหี่ยใจจริงๆ โขกกันเข้าไปเพียเพราะคิดว่าเค้าเป็นต่างชาติต้องรวย มีเงินมาใช้มาช้อปมาละเลง เงินเยอะที่นู่นแต่ค่าครองชีพเค้าก็สูง ทำไมต้องขูดรีดกันนักก็ไม่รู้ แฟนซื้อเสื้อที่ข้าวสารแม่ค้าบอกราคาสุดโหด ไม่ยอมลดเราเลยบอกว่าเมื่อกี๊แฟนพี่ (แม่ค้า) บอกราคาเท่านี้นะคะ แม่ค้าชักสีหน้า บอกว่าไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องซื้อ เราก็อ้าว ประมาณว่าเราเดินไปถามคนเดียวพ่อค้าบอกราคานึง อีกครึ่งชม.เดินมากับแฟนเจอแม่ค้าบวกไปอีกเท่า แถมโดนด่าอีกต่างหาก ซวยจริงๆ จอคำถามสุดฮิต หาแฟนได้ที่ไหน ให้เงินใช้เดือนเท่าไร จากคนแปลกหน้า เช่น แม่ค้า คนที่นั่งข้างๆเวลาเดินทางหรือรออะไรสักอย่าง และหาให้สักคนสิ เอาแบบแฟนน้องนะ บางคนฝากอีเมลไว้ด้วยเผื่อเพื่อนแฟนว่าง เอาเข้าไป ทำอะไรก็หวังทิปจากฝรั่ง เราเลยบอกไปว่า ยูไม่ต้องให้ทิปไปทุกคนหรอก บริการแย่ หรืองั้นๆก็ไม่ต้องให้ คนไทยจะให้ทิปก็ต่อเมื่อถูกคอ ถูกใจ ให้เพราน้ำใจ เท่านั้น อย่าให้มั่วๆ ติดนิสัย จากคุณ : loveTRAVEL1977 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 01:38:46

ความคิดเห็นที่ 24 มาร่วมแชร์ด้วยค่ะ แสนจะเพลียละเหี่ยใจ แท็กซี่ เลยค่ะ แทบทุกครั้งมีปัญหาตลอด ปิดมิตเตอร์บ้าง พาอ้อมบ้าง ไอ้เราก็เด็ก ตจว.ไม่รู้เส้นทางเท่าไหร่ มีบางครั้งพาวนซะรอบเมืองนึกว่าจะพาไปเชือด ต้องรีบ เว้าอีสาน หรือ อู้คำเมือง เผือจะช่วยได้บ้างกรณี คนบ้านเดียวกัน ฮ่าๆๆๆๆ พอบางครั้งเรา โวย ก็ว่า เราแหม เจ๊ มีปั๋วฝรั่ง จะเหนียวอะไรนักหนา โอ๊ยยย กลัวค่ะ กลัวจริงๆๆ พอเราทักเอ๊ะ ปิดมิเตอร์นะ หรือ ไม่ใช่ทางนี้ นะ พี่ท่านไล่เราลงซะงั๊น ก็โทรนะคะ 1184 ร้องเรียน แต่ก็นะ ไม่ไหวจะเคลีย เพลียค่ะ !! หลังๆไม่ค่อยกล้า วีน ไม่กล้าแลก หรือแบบถ้าไปใกล้ ก็หน้างอใส่ไม่ช่วยยกกระเป๋า ไปไกลก็ พาไถล ปิดมิเตอร์ โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย เพลียค่ะ.... ซื้อของ เหมือน คห ข้างบนบอกค่ะ จะซื้อของแต่ละครั้งต้อง ให้ฝรั่งไปอีกทาง เราไปอีกทาง ถามราคาก่อน เห็นฝรั่งแล้ว ราคาอัพขึ้น ราวกับเห็น บิลเก็ต ยังไงยังงั๊น ฮี่ๆๆๆๆ เราเคยโดนด่า ที่สีลมด้วยนะ เขาเอาเสื้อมาขาย เราบอกเราใส่ไม่ได้ ฝรั่งก็ไม่ได้ ป๊าดดด เราสองคนไซส์ XXL ค่ะ พี่ท่านยัดเยียด ไซส์เล็กให้ เราบอกไม่เอา ไม่เอา เดินมาได้นิดเดียว เสี้ยวอึดใจ ชีด่า งก ชิ- หาย มีปั๋วฝรั่งแท้ๆ แมร่งงง งก บลาๆๆๆๆๆ โกรธค่ะ โกรธ ทำไงได้ละคะ แลกดีไม๊ ซักตั้งดีไม๊ เดินหนีค่ะ ไม่แลกจะหันไปด่าตอบก็กลัวบาทา แม่ค้าสีลม หุหุ ได้แต่ก้มหน้าก้มตา ช้ำใจค่ะ เสียงซุบซิบนินทา ฮ่าๆๆ อันนี้ เล่าฮาๆๆค่ะประสาคนอารมณ์ดี เคยเดินไปกะสามี และ เพื่อนเก้งกวาง แอ๊บแมน นึกออกนะคะ อารมณ์แบบเดินชิลๆๆ ที่ประตูน้ำ ฮ่าๆๆๆ เลือกๆๆของอยู่ แบบเราก็กระแดะ สปิ๊ค english กะสามีและเพื่อน แบบไม่ต้องเปลี่ยนภาษาไรงี้ ได้ยินเต็มๆๆหูเลยค่ะ ชีเม๊าว่า...ดูยัยคนเกาหลีนั่นดิควงทั้งปั๋วไทยปั๋วฝรั่ง ...กรี๊ดดดดดด ชีนึกว่า เราเป็นเกาหลี มีปั๋ว 2 คน ฮ่าๆๆๆๆๆหันขวับเลยค่ะ นับ 1 2 3 ไม่เอา ไม่แลก เดินหนี.....เราเป็นนางเอก ฮ่าๆๆๆ เดินมาอีกหน่อย แม่ค้าก็เชียร์ ร้องขายของว่ากันไป เราก็เดินต่อ อีกแล้วค่ะ...เสียงแว่วมาแต่ไกล " ดูดิอ้วนขนาดนี้ยังมีปั๋วฝรั่ง ผอมๆๆอย่างเราอายเลย" กรี๊ดดดดดดดดดด (ในใจ) อีกแล้วคะ จะอะไรกะช้านนนน นักหนา เพลียค่ะ เพลีย...อารมณ์แบบอยากปล่อยของมากๆๆเลยค่ะ แต่...นางเอก...เดินหนีค่ะ แม่บอกว่าอย่าไปแลก มันไม่คุ้ม หุหุ เดินต่อค่ะ เรามาเพื่อช๊อปปิ้ง อย่าได้แคร์ โดนโกงแบบ ราคาฝรั่งราคาไทย เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนสามีอยากได้ไข่ไก่ ชนไปลองฟักเลี้ยงเองที่เบลเยี่ยม อิอิ สามีก็เลยลองถามเพื่อนๆที่ ตจว.ดู จากนั้น ต่อสายให้เราเจรจา ฮ่าๆๆ เชื่อไม๊คะว่า เขาขายไข่ไก่ให้เรา ฟองละ 1,000 บาท ฮ่าๆๆๆ ไข่ทองคำจ้า เราบอก ลุงคะ คิดก่อนตั้งราคารึป่าวคะ หนูให้ ฟองละ 10 บาทโอเค๊ ??? อิอิ ไม่ไหวจะเคลียค่ะ (สุดท้าย ยอมค่ะ เนื่องจากอยากขายยยยยย ฮ่าๆๆ) หลักๆๆจะ ปวดหัวกะ เรื่องแท๊กซี่และเรื่องซื้อของค่ะเรื่องอื่นๆๆถือว่า ทดสอบบทบาทเมียฝรั่ง ฮ่าๆๆ ไปพักใน โรงแรม อย่าได้กลัวค่ะ จิกตาหน้าเชิดไว้ อย่าให้ พนง.มา มองเราด้วยสายตา ประมาณว่า อิจฉาบวกดูถูกเหยียดหยามไรงี้ อิอิ จ้องหน้าไว้ค่ะ ถ้าเธอเริ่ม ชั้นไม่กลัว ทำนองนั้น ...อิอิ แต่เราไม่ค่อยมีปัญหากะ เคาท์เตอร์ โรงแรมนะคะ อ้อ มีครั้งเดียว แม่มาหามาค้างด้วยที่ โรงแรม แล้ว พนง.โบกรถ ไม่ให้จอดรถในโรงแรม คิดว่า แม่จะขึ้นไปพบแขกที่พักที่นั่น จ๊ากกก กว่าจะเคลียเสร็จ มีพบ ผจก.ค่ะ ไม่ไหวจะเคลีย แต่จะบอกว่า...ไม่มีที่ไหนจะอบอุ่นใจและสุขใจเท่า บ้านเราแล้วค่ะ ....รักเมืองไทยที่ซู๊ดดดดดดดดดดด.. จากคุณ : I am JIB 2007 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 01:45:15

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องรถแท็กซี่หยุดเต็มแก็สก็เจอมาเหมือนกันค่ะ ปีที่แล้วเรียกจากหน้าบ้านไปสนามบินกับสามีตอนตีห้าค่ะ พี่แกหยุดเต็มแก็สแล้วก็กดมิเตอร์เริ่มใหม่บอกว่ามันวิ่งต่อไปไม่ได้ต้องกดใหม่เลย ดิฉันไม่ทราบจริงๆค่ะว่ามันต้องกดใหม่มั้ยหรือว่าไม่ต้องมิเตอร์ก็สามารถวิ่งต่อไปใหม่ได้ แล้วพี่แท็กซี่ก็พาขับอ้อมค่ะ ดิฉันโกรธแบบคำโบราณว่าเลือดขึ้นหน้าก็ไม่ปาน ราคาค่ามิเตอร์จ่ายได้ค่ะแต่กลัวว่าจะไปไม่ทันเครื่องขึ้นก็เท่านั้น คือเราสองคนเผื่อเวลามาหนึ่งชั่วโมงค่ะ ถ้าเขาพาเราอ้อมไปอ้อมมาเราก็ไปถึงช้ากว่าที่เรากำหนดค่ะ แล้วถ้าตกเครื่องขึ้นมาเขาก็คงจะไม่รับผิดชอบหรอกใช่ไหมค่ะ ตอนลงจ่ายเงินเขาก็คิดค่ามิเตอร์บวกเพิ่มไปตอนที่หยุดเต็มแก็สด้วยค่ะ ดิฉันหักลบไป 35 บาทค่ะ จะว่าเค็มก็ยอมค่ะเพราะมันไม่สมเหตุสมผลแถมยังพาขับอ้อมไปอ้อมมาอีก ปีที่แล้วพี่สะใภ้แฟนซึ่งเป็นฝรั่งนะคะ เรียกรถแท็กซี่มาคนเดียวจากอนุสาวรีชัยมาย่านฝั่งธนค่ะ เรานัดกันเวลาประมาณ 8 โมงเช้าค่ะเพื่อที่จะนั่งรถตู้ที่เช่าเอาไว้ไปตลาดน้ำราชดำเนินด้วยกัน เธอมาถึงบ้านดิฉัน 8 โมงเกือบครึ่งค่ะ ดิฉันก็ถามว่าออกมาจากโรงแรมกี่โมง เธอตอบว่าตอนหกโมงกว่าๆค่ะ ดิฉันว่าถ้าใช้ทางด่วนมายังไงก็ไม่เกิน 7.30 น แน่ๆ แล้วค่ามิเตอร์มันก็ขึ้นไปที่เกือบ 400 บาท ดิฉันเลยถามพี่คนขับว่าพาไปอ้อมที่ไหนมาบ้างล่ะเนีย พี่แกก็เงียบไม่ตอบอะไรเลยค่ะ ดิฉันคงเป็นคนมีกรรมค่ะ อยู่นี่ก็เจอฝรั่งเอาเปรียบเพราะเห็นเราหัวดำๆ ถ้านิ่งๆเงียบๆรู้ไม่ทันเป็นต้องเสียเปรียบเมื่อนั้น พอกลับไปไทยก็ยังเจอคนไทยไม่ดีบางคนเอาเปรียบอีก แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 01:58:29 จากคุณ : sunisaogkim เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 01:49:59

ความคิดเห็นที่ 26 อืม อย่างนี้นี่เอง ยังไม่เคยเจอกับตัวเอง ในเคสของเราเจอแต่คนดีๆ ไม่เอารัดเอาเปรียบ แต่คงเพราะหน้าตาสามีดูจนจน ไม่ใช่ฝรั่งขาว แต่เป็นละติน หน้าแบบเหมือนคนไทย(แถวนอกเมือง) ช่างฉอเลาะนิดหน่อย พวกพ่อค้าแม่ค้าคงสงสาร จะเอ็นดูมากกว่าจะเอาเปรียบ จากคุณ : Fresita เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 01:54:30

ความคิดเห็นที่ 27 ดิฉันกับสามีเคยเจอครั้งหนึ่งค่ะ ไปกินข้าวที่ร้านอาหารประจำของดิฉัน ปกติถ้าสั่งอาหารเท่ากับวันที่ไปกับสามี (กับข้าว2 อย่าง ข้าวเปล่า 2 จาน)จะราคาประมาณ 110 บาท แต่พอวันนั้นไปกับสามี เจอไป 240 บาทเลย แถมเราไม่ได้ทานน้ำด้วย (เพราะเอาน้ำไปเอง) ดิฉันก็จ่ายไปตามปกติ ไม่ว่าอะไร แต่หลังจากวันนั้นไม่ไปอีกเลย นอกจากนั้นไม่เคยเจอคนเอาเปรียบเลย (หรือเราไม่รู้ก็ไม่ทราบ) แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะราคาสินค้าต่างๆแถวบ้าน ดิฉันก็พอจะทราบดี (บ้านดิฉันอยู่ที่ยโสธรค่ะ) หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะแม่ค้าหลงเสน่ห์สามีก้ได้ เพราะสามีชอบยกมือไหว้ สวัสดี ตลอดเลย...อิอิ เดี๋ยวขอเล่าเรื่องดีๆหน่อย นะคะ คือดิฉันกับสามีจะเป็นคนชอบปลูกต้นไม้น่ะค่ะ เราก็พากันไปซื้อต้นไม้กัน (สามีก็เป็นคนช่างเลือก คือประมาณว่า เค้าจะต้องเป็นคนเลือกเองถึงจะถูกใจ ) ก้ไปเจอร้านขายต้นไม้ที่ในตัว จังหวัดยโสธร เจ้าของร้านน่ารักมาก แนะนำดี ราคาก็เท่ากับที่ขายให้คนไทย เพราะน้องสาวเคยมาซื้อที่นี่แล้ว (ตอนไปซื้อน้องสาวไม่ได้ไปด้วย) ที่ประทับใจมากก้คือ สามีจะซื้อต้นฝรั่ง ต้นละ 100 บาท คนขายมากระซิบบอกดิฉันว่า เอาพวก สามต้นร้อยดีกว่ามั๊ย เพราะมันเป็นพันธุ์ที่ขึ้นได้ดี ดิฉันก้บอกสามีไป แต่สามีไม่ฟัง ดึงดันจะซื้อต้นละ 100  ดิฉันก็เลยซื้อสามต้นร้อยมาด้วย แล้วก้จริงๆ ต้นละร้อยของสามี ไม่รอดค่ะ ส่วนสามต้นร้อยยังอยู่ดี  เราก้เลยประทับใจมาก เพราะฉะนั้นต้นไม้ทุกต้นที่สวนของเราก็จะมาจากร้านนี้ทั้งหมดเลย จากคุณ : เรไรไอด้า เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 02:16:27

ความคิดเห็นที่ 28   โดนเหมือนกันค่ะ โดนซุบซิบนินทา โดนโกง :(( จากคุณ : Lilybell เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 02:24:15

ความคิดเห็นที่ 29   ล่าสุดขึ้นแท๊กซี่ค่ะกับสามี วันนั้นอารมณ์ดีค่ะเค้าถามอะไรเราก็ตอบก็เรื่องทั่วๆไปน่ะค่ะ ยิ้มแย้มแจ่มใส อีตาแท๊กซี่แกก็บ่นเรื่องรายได้น้อยภาระเยอะอะไรงี้ แท๊กซี่ : น้องโชคดีเนอะหากินง่าย เรา      : หา พี่ว่าอะไรนะ ถามเพื่อความแน่ใจ จะได้ตอกกลับให้หนักๆ แท๊กซี่ : พูดประโยคเดิม เรา      : ควันออกหู สวนกลับทันควัน พี่คิดว่าหนูทำงาน.....เหรอ (ขอโทษนะคะไม่ได้ดูถูกอาชีพนี้เลย) พี่เอาอะไรมาวัดเนื่ย คนที่เดินกับชาวต่างชาติพี่คิดว่าเค้าต้องทำงานอย่างนั้นเท่านั้นเหรอ "#¤%%%&&///((())0# จริงๆตอกแกไปเยอะมากแต่ลืม แหะแหะ แกก็ขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ (ไอ้บ้าเอ้ย) เราถึงบางอ้อ แหมมองกระจกหลังตลอด แถมยิ้มเยาะ แต่เราไม่ทันสังเกตุ มองโลกแง่ดีเกิน( มานึกย้อนหลัง) ฮืมมมมมมม  เพลียค่ะ คนไทยจ้องจะดุถูกกันเอง ปล เพิ่มเติม แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 02:45:24 จากคุณ : เบื่อเมืองนอก (peeratarainer) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 02:42:13

ความคิดเห็นที่ 30 เรื่องแท็กซี่ไม่ดูตาม้าตาเรือก็เจอเหมือนกันค่ะ คำแรกที่ขึ้นรถมา พี่แกก็ว่าอ้าวน้องนี่จะหิ้วฝรั่งไปไหนล่ะ ที่จริงหิ้วไม่ไหวหรอกค่ะคุณสามีตัวใหญ่ 555 ดิฉันโมโหเล็กน้อยค่ะแล้วตอบไปว่าจะหิ้วไปนอนด้วยที่บ้านค่ะ บ้านพ่อบ้านแม่อยู่ในซอยนี้เองจะได้ไหวพ่อไหว้แม่ด้วยค่ะเพราะนานๆจะกลับไทยที พี่แกก็เงียบไปเลยค่ะ แล้วก็พาขับอ้อมค่ะ ที่จริงดิฉันก็ทราบดีค่ะเพราะเป็นย่านแถวบ้าน แต่จะรอดูว่าแล้วจะพาไปโผล่ตรงไหน พอรู้คำตอบก็บอกให้จอดตรงนั้นเลยค่ะ ดิฉันบอกพี่แกว่าพอดีหิวค่ะจะแวะทานข้าวกลางวันกันแถวนี้ พี่แท็กซี่แกว่าอ้าวน้องถ้ารู้ว่าจะลงแถวนี้นะพี่ก็จะพามาทางตัดตรงจะได้ถึงตรงนี้เลย ดิฉันเลยว่าทราบดีค่ะเพราะเป็นคนแถวนี้ คุณสามีเป็นคนจ่ายเงินค่ารถค่ะ 59 บาท ไม่มีขาดไม่มีเกิน อันนี้ถูกใจภรรยามากๆ จากคุณ : sunisaogkim เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 03:18:26

ความคิดเห็นที่ 31 ปัญหาเรื่องโกงเงินกับเท็กชีไม่ค่อยมี แต่ส่วนใหญ่ชอบถามว่าเจอที่ไหน หนูก็บอกสมุดหน้าเหลืงค่ะ ไม่เห็นถามต่อสักราย แต่บางทีนินทาชาวบ้านให้ฟัง เรี่องเมียฝรั่งมีสามีแก่   ส่วนของแพง ปกติเดินกาดหลวงค่ะ แล้วดิฉันจะใช้มุก แม่ซื้อราคาเท่านี้ทำไมมันแพงจัง จะราคาถูกทันที จากคุณ : มนชิจัง เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 03:43:38

ความคิดเห็นที่ 32 อ่าน คคหที่ 1 จบ ก็กะไว้แล้วว่าต้องมีคนมาพูดอย่าง คคหที่ 13 จขกท ก็บอกแล้วว่าเขารักเมืองไทย แต่เเวลาขามาทเมืองไทย เจอแต่อย่างนี้ อันไหนไม่ดีก็ว่าไปตามนั้น จะให้หลับหูหลับตาบอกว่าดีแล้วอย่างนี้ก็ต้องยอมรับชะตากรรมกันไปหรือไง เพิ่งไปเมืองไทยมา 5 อาทิตย์ค่ะ กลับมาเมื่อคืนวันพุธนี่เอง คุณสามีหน้าตาเหมือนคนไทยค่ะ เวลาจะซื้อของก็จะยิ้มให้คนขายเฉยๆ แล้วก็เดินมาบอกเราว่าอยากได้อะไร แล้วให้ดิฉันถามราคา ดิฉันก็จะกระซิบบอก ถ้าเขาว่าแพงไปดิฉันก็ต่อราคาให้เสร็จสรรพ ดิฉันเข้าใจว่าประเทศอื่นก็เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นการต่อราคาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ขนาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้างสรรพสินค้าทั้งยุโรป ทั้งอเมริกา ดิฉันก็ยังหน้า...ต่อมาแล้วเลย แถมพี่แกก็บ้าจี้ลดให้อีกแน่ะ 555 ส่วนแท็กซี่ไม่มีปัญหาเลยค่ะ รู้ว่าถ้าเรียกที่หน้าโรงแรมจะโดนราคาพิเศษ ดิฉันก็เดินลัดไปเข้าคิวแท็กซี่ที่หลังมาบุญครอง ใช้มิเตอร์กันทุกครั้ง แถมน่ารักช่วยเก็บของขึ้น ลงรถให้ด้วย ทั้งๆที่ดูไม่ออกว่าสามีดิฉันเป็นต่างชาติ จะทำหวังทิปคงไม่ใช่เพราะรุ้อยู่แล้วว่าคนไทยไม่ทิปเยอะ  แต่สามีไปพันทิพย์ 1 วัน ขาไปเดินไป แต่ขากลับดันฝนตก เลยต้องเรียกแท็กซี่ แล้วโดนแท็กซี่ไล่ลง บอกว่าฝนตกหนัก น้ำท่วมเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว ก็ให้สามีดิฉันลงกลางทางแต่ไม่ได้คิดเงินค่ะ ก็โดนตุ๊กๆมาสอยไป พอได้ยินว่าสามีพูดภาษาอังกฤษ แทนที่จะพาไปโรงแรม ดันดึงรูปผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยให้ดู แล้วบอกไปนวดๆ สามีบอกโนๆๆๆ ก็ไม่ยอม จะพาไปนวดอย่างเดียว พอไฟแดงสามีดิฉันเลยกระโดดลง แล้วเดินกลับโรงแรมเองเลย กลับมาก็หัวเสียเล่าให้ดิฉันฟัง ดิฉัีนนั่งหัวเราะอย่างเดียว ส่วนเรื่องถามโน่น ถามนี่ ดิฉันมันช่างพูด ช่างคุย ถามมาก็ตอบไป แต่เรื่องส่วนตัวมากไปก็จะตอบขำๆ อย่างเช่นสามีได้เงินเดือนเท่าไหร่ ก็จะบอกว่าโอ๊ย น้อยมากเลยต้องกินมันต้มทุกวันเลยอ้วนเพราะแป้งนี่ไง หรือสามีทำงานอะไรก็บอก รับจ้าง ใครจ้างให้ไปทำอะไรก็ไป บางวันมีงานก็ได้เิงินมาใช้ ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน คุยกับคนที่ถามซอกแซกเขาคงไม่ได้เอาสาระอะไรอยู่แล้ว แค่สอดรุ้สอดเห็นไปตามเรื่อง อย่าใส่ใจค่ะ แต่ถ้าถามว่าดิฉันหนักเท่าไหร่หรือไปทำอะไรมา อ้วนขึ้นกว่าเก่า อันนี้ ปรี๊ดเลย 555 อีกเรื่องคือการไปซื้อเสื้อผ้าค่ะ เมืองนอกไซส์ เอส นี่ดิฉันใส่ได้พอดี แต่เอสเมืองไทยนี่เล็กมาาาาก มันเหมือนให้เด็กวัยรุ่นใส่อย่างเดียว พอไปแตะๆจับๆเสื้อผ้า คนขายก็จะเข้ามาละ "พี่คะ ชอบคุณไหน ลองได้นะคะ" ดิฉันก็เริ่มหยิบไซส์เอส ขึ้นมาทาบตัว แล้วส่องกระจก หันไปถามน้องคนขายว่าห้องลองเสื้ออยู่ไหน คนขายบอกว่า "พี่คะ เอาไซส์แอลไปลองดีกว่าไหมคะ" ว่าแล้วสายตาของหล่อนก็มองไปที่พุงพิซซ่าขอบชีสของดิฉัน "น้องพี่ว่าเอ็มก็พอ เอาเอ็มกับเอสไปลองก่อนแล้วกัน" น้องเขาบอกว่า"พี่คะเอาแอลไปลองเถอะค่ะ" ดิฉัีนเริ่มปรี๊ด อร๊ายหล่อนดู(ฉัน)ถูกมากไปไหมยะ  แต่ก็ยิ้มหวานแบบกัดฟันบอกไปว่า "งั้นเอาเอ็มกับแอลไปลองก็ได้" คุณน้องบริการดีมาก ยืนเฝ้าหน้าห้องแล้วถามว่า "เอ็มคับไปไหมคะพี่" แต่จริงๆแล้วดิฉันเอาไซส์แอลมาลองก่อนเพราะเสียเซลฟ์มาก หรือว่าตูจะแอลจริงๆฟะ พอลองแล้วหลวมนิดๆ โอ๊ยยย สะใจย่ะหล่อน ฉันน่ะไม่ถึงแอล อิๆๆๆ บอกน้องไปว่า "เอ็มหลวมนิดๆนะ แต่เดี๋ยวพี่ลองแอลดูหน่อยก็ดีเผื่อว่าจะอ้วนขึ้น" (นี่ยังอ้วนได้กว่านี้อีกเหรอ) แต่พอเอาเอ็มมาลอง เ่อ่อคับตรงรอบแขนแฮะ สงสัียน้องคนขายไม่เชื่อบอกว่า "ให้หนูช่วยดูไหมคะพี่" เวรละสิ เลยบอกไปว่า ไม่ต้องหรอกจ้าพี่ถอดออกพอดี เปิดม่านออกแล้วบอกน้องไปว่า "พี่เอาไซส์เอ็มตัวนี้ล่ะ" น้องคนขายทำหน้าแบบไม่อยากเชื่อว่าดิฉันยัดเสื้อตัวนี้ได้ สรุปตัวนั้น 1600 บาทแลกกับความที่ไม่อยากรับความจริง 555 พอเดินผ่านมาอีกยี่ห้อ เห็นเสื้อยืดสวยดีพับเป็นกองอยู่ ถามน้องคนขายว่ามีสีอื่นไหม เธอบอกว่ามี เดี๋ยวไปหยิบมาให้ดู เธอไปหยิบจากอีกกองและที่เธอหยิบมาให้นั้น แน่นอนต้องไซส์...แอล  เซ็งและเซ็ง ไม่ซื้อเสื้ออีกแล้วที่เมืองไทย ยกเว้นที่เขาบอกว่า ฟรีไซส์ จากคุณ : ZOMG เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 03:50:05

ความคิดเห็นที่ 33 เจอมาหมดเลยค่ะ เหมือนที่หัวหระทู้บอกไว้ เรื่องหนักๆเลยคงเป้นเวลาที่ขึ้นแท้กซี่ เบื่อมากกกกกกกกกกกกกก จำได้ว่ากลับเมืองไทยคราวที่แล้ว เป้นวันแรกเลยที่โดน ค่าแท้กซี่ 680 ให้ไป 700 บาท คนขับไม่ยอมทอน บอกว่าขอทิป แบบว่าหน้าตาเฉยมาก ขอเถอค่ะ คุณลุง 20 บาทอะ ให้ได้ ไม่จนหรอก แต่มายึดกันอย่างนี้ ทำใหเข็ดขยาดกับการขึ้นแท้กซี่ไปเลย ไม่ได้เจอแค่ครั้งเดียวด้วยนะ หลายครั้งค่ะ เวลาซื้อของหรือกินข้าวตามข้างทางเนี่ยก้เจอ ชอบคิดเกิน เพราะเห็นว่าฝรั่งมากินด้วย ไอ้เรานะคิดเสร้จไว้ในใจแล้วหล่ะ ว่าเท่าไหร่  พอเวลามาเก็บตังค์ ก็คิดเกิน ทั้งๆที่ป้ายราคาก็ติดอยู่ พอทักขึ้นมาก็บอกว่ามันเป็นราคาเก่า แมร่ง.... โกงกันเห็นๆ ปล. ดีใจค่ะ ใกล้จะได้กลับบ้านเกิด แต่ก็อนาถใจเวลาที่เจอเรื่องแบบนี้ จากคุณ : ส้มเช้ง (currywurst) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 04:12:49

ความคิดเห็นที่ 34 พึ่งกลับมาจากเมืองไทยมาหมาดๆ ปีนี้ไม่ได้ใช้บริการแท๊กซี่เลยเพราะเคยโดนแบบแสบๆคันๆมันส์ๆมาหลายหนทำเอาเข็ดขยาดการขึ้นแท๊กซี่ไปเลย เลี่ยงได้ก็จะเลี่ยงไม่ขึ้นแท๊กซี่ แต่ก็ดีไปอีกอย่างคือเวลาเจออะไรแย่ๆ แม้แต่จะเป็นแบบที่เจ้าของกระทู้เล่ามานี่นะดิฉันเคยเจอมาหมดแล้ว แต่ละปีมันก็มีอะไรไม่ซ้ำกัน แต่มันทำให้เราคนโดนๆนี่รู้ดีว่าคราวหน้าฉันจะรับมืออย่างไรดีกับคนที่คอยเอารัดเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแบบนี้ อย่างปีนี้กลับไปไม่ขึ้นแท๊กซี่เลย ทำให้สบายใจลืมไปเลยว่าเคยมีคนขับแท๊กซี่ไม่ดีจ้องจะเอาเปรียบ เลยเลี่ยงได้ไปเรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องซื้อของแพงกว่าคนอื่นนั้นยังไม่เคยเจอกับตัวจังๆ อาจจะเพราะเลือกที่จะซื้อของในที่ๆมีราคาระบุแน่ชัด ไม่มีการมาต่อรองอะไรจึงยากที่มาเอาเปรียบกันได้ อาจจะมีสิ่งน่ารำคาญเล็กๆน้อยๆจุกจิกกวนใจก็เรื่องพนักงานชอบเดินตามเพื่อคอยดูแลสอบถามและให้การบริการเป็นพิเศษที่ทำให้การช๊อปปิ้งหมดสนุกและไม่เป็นส่วนตัวนี่แหละ ซึ่งไม่ชอบเลย เพราะคนขายก็จะคอยแต่แนะนำสินค้าโน่นนี่ จนคนซื้อแทบจะไม่ได้ดูของที่ตัวเองต้องการจะซื้อ คนไทยเน้นเรื่องการบริการมากเกินไปจนทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่สบายตัวแบบนี้ตามห้างร้านต่างๆควรจะต้องแก้ไขหรือปรับปรุงการบริการกันบ้าง ต้องหันมาพิจารณาความต้องการของลูกค้าด้วย ไม่ใช่พิจารณาอยู่อย่างเดียวคือบริการดีๆแต่วิธีบริการมันขัดแย้งกันพิกล หลายปีที่ผ่านมาเคยพาสามีไปทานอาหารที่ตึกสเตท ทาวเวอร์ เจอพนักงานบริการฝรั่งดีมากๆจนฝรั่งเคือง ... คือแค่เื้ขาจะเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำจากมุมโต๊ะมารินใส่แก้วตัวเองแท้ๆ แต่เจอพนักงานรีบวิ่งปราดเข้ามาทำมือห้ามไม่ให้ฝรั่งหยิบขวดน้ำ เพราะพนักงานจะรินให้เอง ... โห ทำเอาฝรั่งที่บ้านของขึ้น หันมาสวดดิฉันแทนพนักงานว่าเขาไม่ใช่คนพิการนะ รินน้ำแค่นี้เขาทำเองได้ ... เออ แล้วมาบอกฉันทำไมก็ไม่รู้ .. นี่ถ้าบอกพนักงานไปซะเขาคงจะได้รู้ตัวว่าบริการดีเยี่ยมจนฝรั่งไม่ชอบมันเป็นจั๋งซี๊เองน้องเอ้ย ... ที่แน่ๆมีเรื่องเด็ดๆของทริปนี้คือ ... Outlet ชื่อดังแถวๆหัวหินตั้งราคาสินค้าขายหลอกฝรั่ง ทำเอาฝรั่งที่บ้านอึ้งกับมาตรฐานการค้าของคนไทย ชื่อบอกว่า Outlet (หรือคนไทยแปลแบบสเน็กฟิชๆว่า ''ขายให้ออกไปซะเร็วๆ'') แต่ราคาที่ตั้งขายกลับทำให้ของต้องกองอยู่นานขึ้น เพราะราคามันทำให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติต้องเดินส่ายหน้าหนี ปากบอกคุณภาพ export แต่ราคายังกับขายอยู่ในพารากอนก็ไม่เชิง ทำเอาทั้งฝรั่งและไทยที่บ้านส่ายหน้า ... เพราะว่า Outlet บ้านดิฉันในอังกฤษยังขายถูกกว่า Outlet ไทยที่เป็นประเทศผู้ผลิตเองด้วยซ้ำ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้หัวเสียได้อย่างไร ตั้งราคาอะไรกันสูงจนน่าเกลียด ยกตัวอย่าง ... ปลอกหมอนอิงผ้าไหมตั้งราคาตั้งที่ 3 หมื่นบาท ลดแล้วเหลือ 9 พัน ... อุแม่เจ้า ! หมอนเทวดาหนุนหรือเปล่ามิทราบ สงสัยจะยัดไส้ห่านทองคำ ไม่ใช่ยัดไส้ขนห่านนะคะ ฮ่าๆ ดิฉันเป็นคนชอบช๊อปปิ้งมากๆเดินสายช๊อปมาทุก Outlet ยังไม่เจอที่ไหนขายของแพงเท่า Outlet ของไทยเลย ...! เดินดูราคาสินค้าหลายๆชนิดทำเอาเสียความรู้สึกไปเลย ดังนั้นการไปเที่ยวเมืองไทยของคนไทยในต่างประเทศแต่ละครั้ง ดิฉันอยากจะแนะนำว่า '' รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง '' และ '' อย่าไปในที่อโคจร '' โดยเฉพาะการต้องพบปะกับบรรดาคนแปลกหน้า เช่น คนขับแท๊กซี่ / แม่ค้าตลาดทั่วไป รวมทั้งคนขายของตามแหล่งผลิตต่างๆที่อ้างว่าของถูกและดี แต่จริงๆถูกของไม่ดีหลอกอีกต่างหาก ... ไม่ไหวจะเคลียตามน้องจิ๊บ ฮ่าๆ แต่เอาเถอะนะ ถึงอย่างไรเมืองไทยยังเป็นสวรรค์สำหรับทุกคนอยู่ดี ดิฉันชอบเมืองไทยในหลายๆเรื่อง คิดถึงเมืองไทยมากไม่เคยรังเกียจที่จะให้ทิปแก่คนบริการ หากการบริการนั้นเหมาะสมและสมควรจะได้รับทิป ดังนั้นทุกครั้งเวลากลับไป หากรู้ว่าอะไรจะทำให้ขุ่นใจดิฉันจะเลี่ยงซะ หรือหากได้ยินอะไรแปลกๆก็ทำหูทวนลมเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา หรือทำบ้าใบ้ไปเลย ใครจะมองหรือใครจะว่าอะไรไม่สนใจจริงๆ ... ชีวิตนี้ไม่ได้ขอใครกิน แต่หากบางครั้งจะมีใครมาขอกินบ้างก็ถือว่าทำทานให้ .. ไม่ว่ากัน ขอให้ทุกท่านที่กำลังจะกลับเมืองไทยเที่ยวให้สนุก กินให้เต็มที่ ขรี้ให้เต็มส้วม อุ๊ปส์ ... อันนี้ดิฉันเป็นคนเดียวแน่ๆ ฮ่าๆ ... และไม่ต้องกลัวใครจะมาเอาเปรียบค่ะ อะไรที่เราให้ได้ เช่น สินค้าราคาพอซื้อได้ก็ให้เขาไป เพราะหากคิดจะนำเงินต่างประเทศเข้าไปใช้ในประเทศไทยเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจแล้วละก็ ... อะไรที่เราให้ได้ก็ให้เขาไปค่ะ ขอแค่อย่าให้ใครไม่ว่าไทยหรือเทศมาเอาเปรียบเรา และเราก็ต้องไม่เอาเปรียบใครด้วยเหมือนกันนะคะ แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 05:36:50 จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 05:33:05

ความคิดเห็นที่ 35   ดีใจเดือนหน้าได้กลับบ้านไปกินของชอบฝีมือแม่แล้ว โอ้!!!! สวรรค์แท้ๆ:) จากคุณ : เบื่อเมืองนอก (peeratarainer) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 05:36:58

ความคิดเห็นที่ 36 เคยเจอเหมือนกัน ถ้าเล็กๆน้อยๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเอาเปรียบเกิน 100 บาทขึ้นไปเราว่าแย่นะ บางคนอาจคิดว่าแค่ร้อยเดียว แต่เราทำงานหาเงินเอง ขอมองว่าไม่น้อยก็แล้วกัน ชอบใช่ข้ออ้าง"คนไทยด้วยกัน" แล้วคุณมาเอาเปรียบ"คนไทยด้วยกัน"ทำไม เมียฝรั่งไม่ใช่ทุกคนที่ขอเงินสามีใช้ คนที่ทำงานหาเงินใช้เองก็มี แย่สุดก็แท็กซี่พาขับอ้อม เสียเงินไม่เท่าไหร่ เสียเวลา เสียอารมณ์ อันนี้ตีเป็นค่าเงินไม่ได้ หลังๆเราก็เลยไม่ขึ้นเลย พยายามใช้รถเมล์หรือรถไฟฟ้าเอา ถ้าเป็นที่บ้านเราที่ชะอำ ใกล้เมืองท่องเที่ยวอย่างหัวหิน ไปตลาดหรือตลาดนัด ก็ไม่เคยซื้อของในราคาที่แพงกว่าปกติจนเวอร์นะ บอกราคามา ถ้าดูแล้วไม่สมน้ำสมเนื้อก็ไม่ซื้อเท่านั้นเอง ส่วนมาจะซื้อของหรือกินข้าวตามห้างมากกว่า เพราะราคาชัดเจน และแฟนกินอาหารไทยไม่ได้ ถ้าเป็นร้านอาหารก็เลือกร้านที่ติดป้ายชัดเจน และไม่สั่งอะไรนอกเหนือเมนู จากคุณ : TimePassBy เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 06:50:02

ความคิดเห็นที่ 37 อาจจะนอกเรื่องแต่ของเราแย่มาก คิดถึงว่าทำไมคนไทยด้วยกันชอบมองผู้หญิงไทยที่มากับฝรั่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พาสามีไปตรวจร่างกายที่สมิติเวชศรีนครินทร์ พยาบาลที่มารับใบกรอกประวัติถามเราว่า "ไม่ทราบว่าเค้ามีภรรยามาด้วยมั้ยคะ?" เราอึ้งไปหนึ่งวิ แล้วตอบไปว่าก็ดิชั้นนี่ไงคะ >__< จากคุณ : cutyLilo เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 08:09:33

ความคิดเห็นที่ 38 เคยเจอแบบแม่ค้าชวนคุย เมื่อตอนอิฉันยังสาว ๆ ยังไม่ได้แต่งงานกัน.. แม่ค้า "น้อง ดีนะมีแฟนฝรั่ง" อิฉัน (ยิ้ม) แม่ค้า "เค้าให้เงินใช้เท่าไหร่ล่ะ" อิฉัน  "เอ๊ะ..ไม่ได้ให้นี่คะ" (ทำไมฝรั่งต้องให้เงินตรู(วะ) -*-) แม่ค้า "เค้ามีเมียอยู่หรือยัง" อิฉัน (ชักแหม่ง ๆ มันเห็นตรูเป็นเมียเช่านี่หว่า) อิฉันจึงยิ้มเหี้ยม ๆ ใส่ และเลิกพูดกะนังแม่ค้าไปเลย.. อีกเรื่อง บนแท็กซี่ พี่แท็ก  "น้อง ดีนะมีแฟนฝรั่ง" >> หลาย ๆ คนชอบขึ้นต้นอย่างนี้ อิฉัน (ยิ้ม) พี่แท็ก  "ฝรั่งเงินเดือนเยอะไหม" อิฉัน -*- แต่เรื่องดี ๆ ก็มีนะคะ  ฝรั่งทำอะไรคนมักจะเอ็นดู โดยเฉพาะฝรั่งพยามพูดไทย อย่างวันก่อนไปซื้อกับข้าวที่พาราไดซ์พาร์ค อิฉันมัวแต่เดินแยกไปลั๊ลลาซื้อของอื่น ๆ คุณสามีเดินเดี่ยวไปซื้อกับข้าว แม่ค้าแถมกับข้าวมาให้ด้วยล่ะ บอกว่าแถมแหนมทอดไปให้แฟนกินนะ ^_^ ขอบคุณมากค่ะ ถึงอิฉันจะไม่กินแหนมก็เหอะ แต่ดีใจมากเลย.. จากคุณ : คนดีผีคุ้ม เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 08:18:03

ความคิดเห็นที่ 39 เคยเจอเหตุการณ์อย่างนี้เหมือนกัน แต่กับตัวเองนะค่ะ ไปเที่่ยวสวนจตุจักรกับน้องสาว ก็เลือกของอยู่ เสร็จแล้วป้าคนขายก็บอกกับลุงว่า นี่คนญี่ปุ่นเดี๋ยวบวกราคาไปด้วย เราเลยรีบตอบกลับว่าคนไทยค่ะป้า ไม่ต้องเพิ่มราคาก็ได้ เขาก็เลยหัวเราะแบบหน้าเสียๆหน่อย จากคุณ : SF Girl เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 10:21:47

ความคิดเห็นที่ 40 เรื่องแรก: ถ้าขึ้นแท๊กซี่ที่อเมริกา ถึงที่หมายแล้ว ให้รออีก 30 นาที แท๊กซี่จะหยุดมิเตอร์ให้ แล้วรับทิปแทนซัก $10 ไม๊อ่ะครับ แก้ปัญหาดีที่สุด ไม่ต้องให้เค้ารอครับ ให้กลับไปเลย เสร็จแล้วค่อยเรียกคันใหม่ เรื่องสอง: ปกติครับ คุณและเราๆทุกท่านก็รู้ๆอยู่ว่า ซื้อของที่เมืองไทย มันก็อย่างงี้ เจอฝรั่งเป็นต้องบวกเพิ่มตลอด รู้อย่างนี้แล้ว คุณก็เข้าไปซื้อเองครับ อย่าปล่อยให้สามีไปเอง เพราะจะโดนโก่งราคา สินค้าหลายอย่างลดจนเราพอใจหรือไม่ ไม่พอใจ เราก็ออกไปซื้อร้านอื่น บางที่ เค้าจะมีราคาคนไทย กับราคาต่างชาติ ต่างชาติซื้อเสื้อตัวนึง $7 บอกว่าถูกแสนถูก แต่เค้าขายคนไทย 100 บาท ถึงบอกว่าพอใจ บางที ผมมองกลับกัน เสื้อที่เคยขาย 200 กว่าบาท แต่ขายผมแค่ 100 บาท พอใจ ก็ซื้อครับ เรื่องที่สาม: พวกนี้น่ารำคาญครับ แต่แค่อยากจะบอกว่า พอใจให้เท่าไหร่ ก็เท่านั้นครับ อย่าไปสนใจ เรื่องที่สี่: อันนี้ ก็ยังบอกไม่ได้ว่า ในใจเค้าคิดอะไร คนขับแท๊กซี่ก็ต้องการหารายได้พิเศษจากการขับรถทางไกล และฝรั่งส่วนมาก ก็อยากไปพัทยา เพราะพัทยา มีชื่อเสียงดังทั่วโลก เค้าอาจจะไม่ได้คิดอย่างที่คุณคิดเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น ตรงนี้ ผมมองว่าคุณอาจจะคิดมากเกินไป เรื่องสุดท้าย: มันมีอยู่ทั่วไปครับ โดนกันบ่อยๆ ห้องรัชดาก็เพิ่งโดนไป แต่เป็นแท๊กซี่ พวกนี้ทำกร่างครับ เห็นแก่ตัวโดยสันดราน ถูกใจก็ซื้อ ไม่ถูกใจ ก็ซื้อร้านอื่นครับ ส่วนใหญ่ก็มีสินค้าใกล้เคียงกัน จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 11:08:48

ความคิดเห็นที่ 41   มีปั๋วฝรั่งต้องอดทน  โดนคนไทยเอารัดเอาเปรียบ  หรือพูดจาดูหมิ่นยังไงก็ห้ามมาบ่น  หรือคะ  คุณๆ บางความเห็น  ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องจริง  ที่เราเมียฝรั่งโดนมาเหมือนๆ กันแทบทั้งนั้น  น้อยคนนะคะ ที่มาบอกว่าไม่เคยโดน คาดว่าทำบูญมาดีอ่ะนะคะ มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้วหรือ  ที่บรรดาทุกอาชีพที่เห็นฝรั่งเข้าไปซื้อหรือใช้บริการ  จะต้องโก่งราคาซะลิบลิ่ว เกินเหตุเกินควร  บางอย่างแพงกว่าที่บ้านเมืองเค้าเสียอีก  ฝรั่งเขาไม่ได้โง่ทุกคนนะคะ  ถึงเขาจะมีเงินจริง  แต่เขาก็จ่ายอย่างสมเหตุสมผลค่ะ   ดิฉันเมียฝรั่งแต่ก็ยังเป็นคนไทย   รู้สึกอายทุกครั้งเวลาที่สามีและเพื่อนๆ เขา เดินเที่ยวกันและถามซื้อสินค้าบางชิ้น พอได้ยินราคาแล้วเขามองหน้ากันกลั้นยิ้มขำ  ในความคิดว่าพวกเขาโง่  แต่จริงแล้วพวกพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ตะหาก  ที่โชว์โง่และแสดงความละโมภโลภเห็นแก่เงินออกไป ความซื่อสัตย์ต่ออาชีพของคนไทยเหล่านี้  ไม่มีให้เค้าเห็นแล้ว นอกจากเงิน เงิน เงิน ดิฉันรักเมืองไทย รักคำว่าไทยที่ติดตัวดิฉัน  ดังนั้นขอบอกว่า ดิฉันเกลียดคนไทยที่ทำลายภาพพจน์เมืองไทย และคำว่าคนไทยที่ติดตัวดิฉันอยู่ด้วย ขอโทษนะคะ ใช้คำว่าเกลียดอาจจะแรงไป  ขอแก้เป็นไม่รัก และไม่ขอปกป้องคนไทยที่ทำลายชื่อเสียงบ้านเมืองและคนไทยด้วยกันค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 14:35:40 จากคุณ : คนไทยค่ะ (เศษไม้ใบหญ้า) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 14:03:37

ความคิดเห็นที่ 42 สวัสดีค่ะ เมื่อคืนเข้ามาตอบแล้วก็เผลอหลับไปเฝ้าพระอินทร์ แบบ งงๆๆหลับคาแลปทอปซะงั๊น กระทู้แบบนี้ชอบค่ะ อ่านมันๆคันๆๆดี อยากแบ่งปันแนวทางแก้ไข(วิชาการไปเนาะ) หรือเรียกว่า ปรับตัวเพื่อทำยังไงก็ได้ให้ ทริป กลับเมืองไทย เป็นทริปที่ดีที่สุด วิเศษที่สุด และประทับใจที่สุด อิอิ ^^ วิธีการหลีกเลี่ยงแท๊กซี่ของดิฉันคือ หาที่พักที่ใกล้หรือติด รถไฟฟ้าที่สุดค่ะ เอาแบบเดินได้ ไม่เหนื่อยไม่ปวดขามากถือเป็นการสลายไขมันไปในตัว และถ้าเลี่ยงไม่ได้จริงๆๆ เผื่อเวลาไว้เลยค่ะ เรียก taxi จากศุนย์เลยค่ะสบายใจและปลอดภัยที่สุดไม่มีเรื่องมาให้กังวลใจและเสียอารมณ์ แต่เราต้องเผื่อเวลาไว้นิดหน่อยนะคะ จะได้ไม่พลาดเวลาสำคัญๆๆ หรือถ้าจะไปเที่ยว พวก ที่เที่ยวยอดฮิต เช่น หัวหิน พัทยา ตลาดน้ำต่างๆ ดอนหวาย อัมพวา ดำเนินฯ โคราช กาญจนบุรี ตลาดโรงเกลือ ฯลฯ ขอแนะจำรถตู้เลยค่ะ ทริปล่าสุดประหยัดเงินได้เยอะมากกกกกกกกกก เพราะ ใช้บริการรถตู้คิว ตรงใต้ทางด่วนอนุเสาวรีย์ค่ะ หรือเดินมานิด ตรงแถวๆๆ ตึกเซนจูรี่ค่ะ รับรอง เริด!! ไม่ผิดหวังค่ะ  ฝรั่งนั่งง่าย คนไทยนั่งเพลินค่ะ...ไปถึงแล้ว ไม่ต้องกลัวค่ะ มีรถให้บริการต่างๆพาเราไปส่งถึง โรงแรมแน่นอนค่ะ.... เรื่องซื้อของ หลังๆๆมา เนื่องจาก เพลียไม่ไหวจะเคลียมากๆๆ ก็ทำอย่าง คห.ข้างบนบอกค่ะ ถูกใจร้านไหนก็ซื้อ ไม่พอใจเดินออก จะด่า จะว่า ลับหลัง ก็เชิดหน้าจิกตา สะบัดบ๊อบใส่ ไม่แลก ไม่แคร์  ไม่สนใจ (แต่แอบแช่งในใจขอให้ขายไม่ดีทั้งวัน ฮ่าๆๆๆ ) พวกของฝากไทยนี่ๆ ดิฉันก็จะซื้อแต่ของที่ติดราคาไว้ค่ะ เพื่อความสะบายใจของดิฉันและคนจ่ายตังค์  แถวจตุจักรก็โอนะคะ แถวๆประตูน้ำ ก็มีเยอะค่ะ ^^  เวลาไปเที่ยว อาหารกลางวันเราหลีกเลี่ยงค่ะ ฮ่าๆๆ ไม่ได้งกนะคะแต่เพื่อตัดปัญหา การหิวระหว่างเที่ยวชม ฮ่าๆๆๆๆ อัด เบรคฟัส จากโรงแรมให้เต็มเหนี่ยวเลยค่ะ ดิฉันโชคดี สามีไม่ทานกลางวัน เลยรอดตัวไปไม่ต้องหาอะไรให้ทานจุกจิกระหว่างเที่ยว เพราะเคยเจอ เหมือนกัน ตอนเช้า ทานน้อยค่ะ เลยหิว ช่วงสายๆๆ ไปเจอ หมูปิ้ง 7 ไม้ 200 บาทหน้าวัด....เข้าไปแทบจะเอาไปคืน สามีบอกว่า ซื้อมาแล้ว กัดไปแล้วด้วย กรี๊ดดดดดดดด ยัง...ยังไม่พอ ไปหัวหิน หิวน้ำ ไปซื้อน้ำมะพร้าว เห็นกับตา ป้ายราคา ลูกละ 25 บาทพอ ฝรั่งเดินไป หมุนป้ายควั๊บ ยังกับ มายากล เป็นลูกละ 70 บาท แต่ไกลเกินจะห้าม สามีดิฉันเจาะปั๊บ ดูดพรวดไปแระ ก็ได้แต่...เอ่อ....นะ...  ดิฉันจะได้กลับไทยถาวร แล้วววววววว ดีใจจังเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 15:02:49 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 14:58:39 จากคุณ : I am JIB 2007 เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 14:31:26

ความคิดเห็นที่ 43 เคยเจอเต็ม ๆ หนหนึ่งบนแท๊กซี่จากดอนเมืองกลับบ้าน อารมณ์คล้าย ๆ คุณคนดีผีคุ้ม ความคิดเห็น 38 แท๊กซี่ ... สบายแล้วซิเนี่ย ได้ผัวฝรั่ง ดิฉัน... อืมมมมม แท๊กซี่ ... อยู่ประเทศไหนล่ะเนี่ย ดิฉัน... อุบอิบ อุบอิบ แท๊กซี่ .... เอาลูกติดไปเลี้ยงที่เมืองนอกด้วยหรือเปล่า ดิฉัน ... อืมมมมม แท๊กซี่ .... ผัวฝรั่งให้ใช้เดือนเท่าไร ดิฉัน .... สามแสนบาทต่อเดือน ยังไม่รวมที่ส่งให้พ่อแม่ใช้ต่างหากอีกแสนหนึ่งบาท ซื้อบ้านพร้อมสระว่ายน้ำหลังละสิบล้านที่เมืองไทย ซื้อรถกะบะให้พี่ชายน้องชายคนละคัน คอนโดที่หัวหินกับพัทยาด้วย เชื่อแล้วยังว่ามีผัวรวย แท๊กซี่ .... อืมมมมม อุบอิบ หมุบหมิบ .... มันจะถามซอกแซกอะไรกันนักหนา อยากจะรู้เรื่องคนอื่นไปทำไมกัน ไม่เข้าใจ จากคุณ : A-Chee เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 14:39:41

ความคิดเห็นที่ 44 นึกขึ้นได้อีกเรื่อง ... เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิด แต่ก็แสบไม่แพ้เรื่อง Outlet เป็นเรื่องของสระว่ายน้ำในหมู่บ้านตัวเองแท้ๆ สามีฝรั่งดิฉันนี่ว่างไม่ได้เป็นต้องหาที่ออกกำลังกาย เช่น ขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน หรือไม่ก็ไปลงสระว่ายน้ำ หมู่บ้านนี้ดิฉันอยู่มาก่อนแต่งงานเสียอีก ฝรั่งก็ไปว่ายน้ำประจำทุกครั้งที่กลับเมืองไทย ... แต่มาปีนี้ดิฉันปล่อยฝรั่งไปว่ายน้ำคนเดียวเพราะดิฉันขี้เกียจ วันแรกที่ไปว่ายน้ำเขาก็เก็บราคาปกติ 50 บาท แต่พอไปวันต่อมาฝรั่งกลับมาบอกว่าทำไมวันนี้เก็บเขาแพงขึ้น 20 บาท คือ 70บาทแทน? ที่ถามเพราะไม่เข้าใจ แต่พอมาบอกอย่างนี้ฝรั่งรู้ทันทีเดี๋ยวดิฉันต้องมีของขึ้น แล้วก็ขึ้นจริงๆ รีบขับรถออกไปที่คลับเฮ้าส์ของหมู่บ้านเพื่อไปสอบถามความจริง ก็เห็นป้ายราคาพิมพ์ติดหน้าเค้าท์เตอร์ว่า เด็ก 30 ผู้ใหญ่ 50 อ้าว ... แล้ว 70 มาจากไหน ? ดิฉันก็เลยถามพนักงานที่นั่งเคาท์เตอร์อธิบายให้เขาฟังว่ามีฝรั่งมาว่ายน้ำเมื่อสักครู่ใหญ่ๆทำไมไปคิดเงินเขา 70 บาทจ๊ะ ... เด็กตอบมาว่า อ๋อ คุณฝรั่งเขามาว่ายช่วงไม่มีคนคือสระว่างตั้งแต่ 10โมงเช้า-บ่าย3โมงนี่อีกราคาหนึ่งคือ 70 บาท ... เขาก็อธิบายมาแบบนี้ แต่ดิฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าแล้วทำไมไม่เขียนติดป้ายระบุราคาไว้ จะได้ไม่มีการเข้าใจผิดกัน ในเมื่อราคาป้ายบอกแค่ตัวเลข 30 กับ 50 ซึ่งฝรั่งอ่านออกแค่นั้น แล้วอยู่ๆไปเก็บ 70 ฝรั่งก็ งง สิ่จ๊ะ พนักงานคุมสระบอกว่า ... '' พอดีที่ในกระดาษไม่พอจะพิมพ์ราคา 70 ลงไปด้วย !! '' ฟังแล้วปรี๊ดเพราะนั่นมันไม่ใช่มืออาชีพเลย เท่านั้นแหละดิฉันก็สวดภาณยักษ์ใหญ่ยาวถึงขั้นต้องเรียกผู้มีอำนาจมากกว่ามาคุยกันเลย ไม่ได้ขี้เหนียว 20 บาทค่ะ แต่เรื่องแบบนี้มันยอมกันไม่ได้เพราะมันเหมือนโกงกันอยู่ในที  หากสระว่ายน้ำระบุราคาหน้าเค้าท์เตอร์ ว่า เด็ก30 ผู้ใหญ่50 แต่ต้องจ่ายเพิ่มเป็น 70 เพื่อลงว่ายตอนสระว่างเวลา 10โมงเช้า-บ่าย4โมง 70 บาท ... ดิฉันและสามียินดีจ่ายไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะมันไม่ได้แพงอะไรเลย แต่สาระของเรื่องอยู่ที่การไม่กำหนดราคาให้ชัดเจน ต่อให้มาอธิบายด้วยปากเปล่าบลาๆๆๆ แต่ว่าฝรั่งฟังไม่เข้าใจ เอ้า ... คนไทยอย่างดิฉันก็ไม่เข้าใจ หากสระว่ายน้ำมีราคา 2 มาตรฐานตอนช่วงพีคกับช่วงว่าง แล้วทำไมไม่ระบุลงไปในป้ายกำหนดราคา ? จะมาอ้างว่าที่ไม่พอพิมพ์ราคาลงไป มันฟังแล้วไม่เข้าท่า ... ดิฉันจึงขอให้ทางสระว่ายน้ำทำป้ายราคาขึ้นมาใหม่ เพื่อความเป็นธรรมต่อคนด้วยกันโดยไม่ต้องมาคำนึงว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติที่บางประเทศมี 2 มาตรฐาน ไม่ใช่มาอ้างอะไรเลื่อนลอยไม่มีหลักฐาน หลายวันต่อมาสามีดิฉันกลับไปว่ายน้ำอีก ก็พบตัวเลข 70 บาท บนป้ายราคา แม้เขาจะอ่านภาษาไทยไม่ออก แต่เขาก็เข้าใจว่านั่นคือราคาที่เขาต้องจ่ายเพราะว่ามันเป็นมาตรฐาน 2 ของสระที่มาว่ายน้ำในช่วงสระว่างและเขาก็แฮปปี้ เพราะเขารู้ว่านี่คือราคาของสระว่ายน้ำช่วงนี้ ไม่ใช่อยู่ๆมาส่งภาษามือภาษาใบ้แล้วโชว์ 7 นิ้ว กับ กำปั้นที่หมายความว่า 70 บาทใส่หน้าฝรั่ง ... แบบนั้นไม่ว่าฝรั่งหรือคนไทยก็ไม่เข้าใจวิธีคิดเงินแบบกำปั้นทุบหน้าแบบนี้นะจ๊ะ ... และทำให้ได้รู้ว่าคนไทยส่วนมากไม่ชอบว่ายน้ำตอนสระว่างหรืออาจจะออกไปทำงานกันหมดจึงไม่มีใครรู้หรือเคยต้องเสียเงิน 70 บาทในช่วงสระว่าง เพราะไม่มีใครท้วงติงเรื่องราคาหน้าเค้าท์เตอร์เลย แต่สามีดิฉันบอกว่าต่อให้สระว่ายน้ำคิดครั้งละ 100 บาท เขาก็ยินดีจะจ่ายเพราะอยากให้สระว่ายน้ำในหมู่บ้านได้กำไรเพื่อจะได้เปิดบริการไปนานๆ เพราะเขาเห็นว่าคนไทยไม่ค่อยออกกำลังกายกันเขาก็เสียดาย กลัวว่าสระว่ายน้ำจะขาดทุนแล้วจะปิดกิจการไปเหมือนที่เขาเคยเห็นมา ขอแค่ว่าจะค้าขายอะไรช่วยระบุราคาสินค้าและบริการให้ชัดเจน ... จะได้ไม่มีปัญหาทางด้านการสื่อสาร มีคนไทยและฝรั่งมากมายที่ไม่ได้เขี้ยวหรือเหนียวจนจ่ายอะไรไม่ได้ ขอแค่ราคาเป็นธรรมก็พอ ... เพราะสีผิวและเชื้อชาติที่แตกต่างกันไม่ได้หมายความว่าจะต้องตกเป็นเหยื่อทางการค้าเสมอไป อันนี้รวมทั้งคนไทยที่ไปอยู่ต่างประเทศด้วย และก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะใจดีและโง่ให้คนเอาเปรียบไปทุกครั้ง บางครั้งฝรั่งหรือคนไทยทีีไปเที่ยวเมืองไทยอาจจะแกล้งโง่และยอมให้เขาเอาเปรียบเองก็มีเยอะ ทุกอย่างอยู่ที่ความพอใจของซัพพลายแอนด์ดีมานด์ จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 15:08:27

ความคิดเห็นที่ 45 ขอโทษนะคะ ถึงกระทั่งว่าถ้าดิฉันไม่ได้เป็นภรรยาฝรั่งแต่ดิฉันก็ไม่เคยให้ใครมาเอาเปรียบค่ะ ถ้าไปเที่ยวประเทศอื่นแล้วโดนเอาเปรียบบ้างก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นนะคะเพราะถือว่า " พูดจาคนละภาษากัน" แต่นี่โดนในประเทศของตัวเองก็เลยอดเสียไม่ได้ที่ต้องมานั่งระบายในที่นี้ค่ะ หวังเพียงแค่จะเจอคนหัวอกเดียวกัน (แต่ต่างขนาดกัน 555) และหวังเพียงเล็กๆว่าใครที่ยังไม่เคยเจอจะได้ระแวดระวังไว้บ้าง เผื่อเจอเหตุการณ์หงุดหงิดอารมณ์เสียหัวหมุนเส้นเลือดฉีดปู๊ดป๊าดแบบที่ดิฉันเจอมาจะได้หาทางหลบทางเลี่ยงได้ค่ะ ดิฉันไปไทยมาเกือบสองเดือนค่ะ อยู่กับบ้านหนึ่งเดือนส่วนเดือนที่สองพอสามีบินมาเราก็เที่ยวกันค่ะ ได้ไปปายกับเชียงใหม่รวมๆ อาทิตย์นึง ได้ไปกาญฯ 5 วัน ที่เหลือก็ช็อปในกรุเงเทพฯและเยี่ยมญาติๆกันค่ะ ถ้าไม่รักไม่คิดถึงเมืองไทยก็คงไม่อยากไปอยู่อยากไปเที่ยวนานขนาดนั้นหรอกค่ะ แถมแพ้ยุงโดนยุงกัดแขนขามาซะยังกะตุ๊กแกดีๆนี่เอง (ใช้สเปร์กันยุงขนาด DDT 90% แล้วก็ยังไม่รอดค่ะ คนจะตายก่อนยุงค่ะ) ดิฉันก็ยังอยากที่จะไปเมืองไทยอยู่ดี เพราะดิฉันเชื่อว่าที่นั่นน่าเที่ยวกว่าที่ใดในโลกแน่นอนค่ะ การต่อราคาข้าวของมันก็ป็นสีสันและสเน่ห์ของบ้านเราด้วยค่ะ แต่ถ้าการตั้งราคาขายของพ่อค้าแม่ขายจ้องจะเอาเปรียบชาวต่างชาติมากจนเกินงาม ดิฉันก็ไม่เห็นด้วยค่ะ ที่ว่าให้เลี่ยงไปซื้อของตามห้างแทน ดิฉันก็ทำบ้างค่ะ แต่ปรากฎว่าป้ายติดลดราคา 50 % แต่เวลาจ่ายเงินลดไปแค่ 30% อะไรประมาณเนี้ยค่ะ ดิฉันก็คืนของคะเพราะไม่ตรงไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ ของบางอย่างก็ไม่ได้จำเป็นต้องซื้อหรอกค่ะ และดิฉันก็ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะซื้อของในห้างทุกชิ้นหรอกค่ะ ชอบเดินตลาดมากกว่าค่ะโดยเฉพาะตลาดนัดค่ะเพราะดิฉันชอบดูวิถีชีวิตผู้คนในท้องถิ่นนั้นๆค่ะ ส่วนเรื่องเรียกแท็กซี่ไปสนามบิน วิธีแก้อย่างที่หลายๆคนแนะนำว่าให้ไปหาคันใหม่เอาข้างหน้าคันเก่าจะได้ไม่ต้องรอ อันนี้ก็ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะที่ช่วยแก้ไขปัญหาให้ เรื่องดีๆที่ไทยก็เจอมาแยะเช่นกันค่ะ แต่พอเจอเรื่องไม่ดีมาหงุดหงิดกวนใจเพียงเพราะคนที่เดินไปเที่ยวกับเราเป็นชาวต่างชาติ อันนี้มันเลยเกิดอาการเซ็งค่ะ เวลาจะทำอะไร ไปเที่ยวไหน หรือซื้ออะไร แล้วมีเขาไปด้วยมันเลยกลายเป็นว่าเราต้องทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่า 555 บางทีเราสองคนก็อยากเดินจูงมือเดินเที่ยวด้วยกันเหมือนคู่รักทั่วไปค่ะ ไม่ได้อยากแยกกันเดินและเราก็มาเที่ยวด้วยกันค่ะ ถ้าใครไม่เคยเจอกับตัวก็ไม่รู้สึกหรอกค่ะ ที่คนบางคนคิดว่ามีสามีฝรั่งนั้นโชคดีส่วนดิฉันเห็นกลับกันค่ะ นอกจากต้องมานั่งเรียนภาษาที่สามแล้วเวลากลับไปบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองก็ยังเจอคนบางคนเอาเปรียบอีก ดิฉันเป็นคนไม่ยอมใครด้วยค่ะ ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิดค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 15:31:43 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 53 15:29:38 จากคุณ : sunisaogkim เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 15:17:28

ความคิดเห็นที่ 46   เรื่องแท๊กซี่เราเจอแต่ดีๆนะ มาแบ่งปัน เราเคยไปหาญาติให้เพือนที่เมืองไทยบ้านญาติอยู่แบบไกลเวอร์ แบบเข้าซอยไปค่ะ แล้วแผนที่ที่ให้มาช่างไม่ตรงอย่างแรง ตอนเข้าไปหาก็นั้งแท็กซี่ไป หาไม่เจอจริงๆเราเลยลงเดิน หาเองทีนี้พอขากลับโอ้พระเจ้า.. ซอยทางเข้ามันช่างไกลขนาดนี้เลยหรอฟ๊ะเนี่ย พอดีมีคุณลุงแท๊กซี่ผ่านมาเห็นสาวน้อยสองคนกะ กะทิงตาฟ้า แกเลยจอดรับพาไปส่งหน้าปากซอย คุณลุงช่างประเสริฐนัก ไม่เก็บเงินแกบอกลุงจะส่งรถ เราซึ้ง... น้ำตาคลอ(อันนี้เวอร์)เลยให้เงินลุงไป35 บาททั้งๆที่ถ้านั้งจริงๆคงเกินอะ แบบแกมีน้ำใจเราก็ถือว่าเป็นค่าน้ำใจ แล้วแท็กซี่เจอเรากี่ทีๆ ก็กดมิเตอร์ตลอด ไม่พาอ้อม อาจจะมีบ้างแต่น้อยอะ ไม่น่าเกลียด เราก็หยวนๆ เพราะไงก็ถูกกว่านั้งรถไฟฟ้า ละว๊า สวนรถเมล์นี่ไม่นั้งค่ะ ไม่ได้จะเวอร์นะค่ะ เพราะไม่รู้ทาง ไม่รู้สาย อีกอย่างเราไปกันหลายคนเลยคิดว่านั้งแท็กซี่เอาจะดีกว่า เคยเจอแท็กซี่แย่ๆ ตรงสายใต้อะ เราแค่จะไปตรงรัชดา ซึ่งแบบเช้ามากๆ ประมาณตีห้า รถยังไม่ติดมันบอกจะเอา 200 แล้วยังมีหน้ามาบอกที่เรียกนี่ไม่ได้เห็นว่ามีฝรั่งนะ....ชัดเลย เราเลยชิ ถ้าขึ้นก็แพ้ซิวะ เพราะตั้งใจไว้ก่อนมาจะไม่ยอมให้คนชาติเดียวกันมาหลอก ฮึๆๆ เชอะวันนั้นเลยยอมขึ้นรถเมล์ ใจก็สงสารแฟนนะ แต่ยอมมิได้จริงๆ เพราะถ้านั้งจริงๆ ไม่น่าเกิน50 อย่ามาคิดว่าฉันโง่นะ ฮึ สรุปนั้งรถเมย์ค่ะ ฟรีอีกตังหากเพราะว่ามันเป็นรอบแรกเค้าไม่คิดเงิน ส่วนเรื่องของที่จตุจักรก็ไม่เท่าไหรค่ะ ราคาเหมือนกันไม่ได้เรียกเวอร์ อะไร เพราะเราก็ต่อสุดตรีนเหยียดเหมือนกันได้ก็เอาไม่ได้ก็ไม่เอา ชิวๆ แต่ถ้าเป็นแถวบ้านนะค่ะดีเลยใครๆก็ชอบแฟนเรา พากันลด แลกแจกแถมกันใหญ่โต เรื่องกระซิบนี่ไม่ยังไม่เคยได้ยิน มีแต่มาถามตรงๆเลย บอกแฟนหล่อจังหาได้ไงเนียะ (ชิมาหลอกด่าหาว่าเรามิสวยหรอย๊ะ) เลยสวนไปว่าก็ฉันสวยขนาดนี้ไม่แปลกหรอกที่มีแฟนหล่อ แถมบางคนมาถามอีก แฟนมีเพื่อนเหลือบ้างปะหาแฟนให้หน่อย อยากจะสวน อุู๊ยยยย ลำพังตัวดิฉันเองกว่าจะหาได้เลือดตาแทบกระเด็น จะไปให้หาให้อีกนี่ไม่เลือดหมดตัวเลยหรอค๊ะ จากคุณ : สวยจิงไม่อิงกลุ่ม เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 16:06:32 A:72.86.1.13 X: TicketID:176726

ความคิดเห็นที่ 47 โดนบ่อยมากค่ะ  แล้วจะมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง จากคุณ : songharry เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 17:47:06

ความคิดเห็นที่ 48   จริงๆ ทุกวันนี้ดิฉันก็เกือบจะชินๆ ไปเสียแล้วเหมือนกันกับหลายๆ เรื่องที่เจอมา  ไม่ค่อยเก็บมาเป็นอารมณ์ขุ่นมัวและคิดมากอีกแล้ว  แต่นานๆ จะมีผู้กล้าตั้งกระทู้บ่นขึ้นมา  ก็ขอแจมซะหน่อย พอขำๆ นะคะ อ่านแล้วอย่าซีเรียส เรื่องแท็กซี่  รู้สึกจะโดนกันทุกคน  ดิฉันเลยขอเล่าบ้าง ครั้งหนึ่งไปเที่ยวเกาะชื่อดังทางภาคใต้กับแฟนฝรั่ง  วันนึงเราจะไปเที่ยวสถานที่แห่งหนึ่งบนเกาะนั้น  พากันเดินมองหารถอยู่ข้างถนน มีแท็กซี่โฉบมาถาม พอบอกว่าจะไป...... แท็กซี่บอกว่า 600.- แฟนไม่ต่อราคาเลยค่ะ จูงดิฉันเดินไปเรื่อยๆ แท็กซี่ยังตามตื๊อให้ขึ้นรถ ถามว่าจะให้เท่าไหร่  ดิฉันแปลให้สามีฟัง สามีตอบว่า 200.- เพราะเขาคำนวณระยะทางจากตรงนี้ไปยังสถานที่นั้นแล้ว ว่าไม่ได้ไกลมาก   ดิฉันก็ตอบแท็กซี่ไปตามที่สามีบอก แท็กซี่ก็บอกว่า งั้นขอ 300 ไปไหม สามีดิฉันก็ โอเค   พอขึ้นรถเสร็จ คุณแท็กซี่เริ่มบ่นค่ะ ว่าราคาที่บอกตอนแรกเป็นราคาปรกตินะ  300 นี่อ่ะไม่คุ้มหรอก นี่เป็นเมืองท่องเที่ยว คุณต้องอธิบายให้ "แขก" เข้าใจด้วย เดี๋ยวเค้าจะเข้าใจผิดว่าเราขูดรีดนักท่องเที่ยว เสียชื่อเสียงหมด (น๊านนน...อุแม่เจ้า มีสำนึก กลัวเสียชื่อเสียงด้วย ) แต่ดิฉันเริ่มกรุ่นๆ อิตรงที่ใช้คำว่า "อธิบายให้ แขก "  นี่คุณแท๊กซี่คิดว่าดิฉันมากับแขกงั้นหรือ  หมายความว่าดิฉันเป็น.... หรือไง  ก็ข่มใจตอบกลับไปดีๆ ว่า  เอ่ออ... เราก็ไม่ทราบมาก่อนค่ะ เราเพิ่งมาเที่ยวที่นี่กับแฟนเป็นครั้งแรก (อ้อมๆ ให้รู้ว่าดิฉันไม่ใช่หญิงบริการที่หารับประทานอยู่แถวนี้) แต่คุณแท็กซี่ กลับพาลคิดไปว่า ดิฉันไปดูถูกอาชีพแท็กซี่  ดิฉันก็ตกใจ อ้าว คิดไปได้ยังไงเนี่ย  (แทนที่ดิฉันจะต่อว่า ว่าเขาดูถูกดิฉันว่าเป็น... กลับโดนต่อว่า ว่าดิฉันไปดูถูกเขา ซะงั้น) ถามว่าทำไมคิดไปได้อย่างนั้น  เขาตอบว่า  ดิฉันใช้สรรพนาม "เรา" กับเขา คุณไม่ใช่เพื่อนผม คุณอายุเท่าไหร่ ผมอายุเท่าไหร่  (ขอโทษดิฉันตอนนั้นก็จะ 40 แล้วค่ะ และคุณแท็กซี่นั่นก็ไม่ใช่ชายแก่อายุเกิน 50  ดิฉันไม่เคยแทนตัวเองว่า หนู กับคุณที่ดูวัยใกล้เคียงกันหรอกค่ะ มันกระดาก) อึ้งค่ะอึ้ง กลายเป็นคนผิดไปซะงั้น  พยายามจะอธิบาย แต่ดูเหมือนว่าคุณแท๊กซี่นั่นพาลเสียแล้ว ท้าทายขอดูบัตรประชาชนกับดิฉัน ซึ่งมันเรื่องอะไรล่ะ ก็เคืองตอบสิคะ แต่ก็พยายามจบเรื่อง ด้วยการเป็นฝ่ายขอโทษ ที่ทำให้คิดไปเช่นนั้น แล้วก็พยายามสงบปากสงบคำไม่ตอบโต้ แต่ก็หน้าบูด ชนิดบอกบุญไม่รับล่ะ สามีก็สะกิดยิกๆ เกิดรัยขึ้น เพราะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ดูอาการแล้วคือ ดิฉันมีปัญหากับแท็กซี่ พอดิฉันสงบไม่ทะเลาะด้วย นายแท็กซี่นั่นก็ขับรถหวาดเสียวชนิดแทบจะพาเราไปตาย และพอถึงที่หมาย สามีจ่าย 300.-เด๊ะๆ แบบไม่มีทิป  มันทำท่าฮึดฮัด แต่ดิฉันไม่สนรีบดึงแขนสามีเดินหนี พอขากลับเราคิดว่าจะไม่ง้อแท็กซี่ คิดว่ารถประจำทางก็มีเสียเวลานั่งรอหน่อยก็ไม่เป็นไร  เดินออกมานั่งที่ร้านค้าข้างทางซื้อน้ำดื่มกัน และถามเรื่องรถโดยสารกับคนในร้านค้านั้น   และพอดีว่ามีคนไทยใจดี (คนดีดิฉันก็ชื่นชมค่ะ) เขาบอกว่าเดี๋ยวเขาจะไปในเมืองตรงที่ดิฉันกับสามีจะไปพอดี ไปกะเขาก็ได้เขาคิดราคาเดียวกับค่าแท็กซี่ที่เราจ่ายไปตอนขามา  แต่สามีดิฉันจ่ายให้ 500.-เลยค่ะ ตอบแทนน้ำใจและรู้สึกชื่นชมน้ำใจคนไทยคนนี้มากๆ พอกลับถึงที่พักก็ยังโทร.ไปขอบคุณซ้ำอีก   แต่นั้นมาก็ไม่เคยมีปัญหากับแท็กซี่อีก นอกจากเล็กๆ น้อยๆ เช่นจะไม่ยอมกดมิเตอร์ พอบอกให้กด ก็บอกว่าต้องเหมา(ทำไมต้องเหมาล่ะ เพราะมีฝรั่งมาด้วยงั้นเหรอ) แทนที่จะบอกก่อนที่เราจะขึ้นมานั่ง  ซึ่งดิฉันกับสามีไม่ตกลงที่จะจ่ายเหมา  เราก็ลงรถค่ะ  เรื่องขอทิปก็ยังเจออยู่เรื่อยๆ ถ้าไม่มีสามีฝรั่งให้เห็นก็จะไม่โดนขอ  มิเตอร์ขึ้นเท่าไหร่จ่ายตามนั้นได้ไม่มีอิดออดนะคุณแท็กซี่ หนนึงสามีดิฉันจ่ายเป๊ะตามมิเตอร์  คุณแท็กซี่มองหน้าดิฉันและพูดว่า อย่าสอนให้มัน(หมายถึงสามีดิฉัน)รู้มากนักนะ   อึ้งอีกแล้วค่ะดิฉัน แต่ก็ป่วยการที่จะไปเสียเวลาโต้ตอบ  สรุปว่า มันเป็นธรรมเนียมไปแล้วหรือไงคะที่ฝรั่งต้องจ่ายทิปทุกครั้ง ซึ่งพอไม่ได้แล้วมีการโวยด้วยนี่อ่ะ จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 18:44:03

ความคิดเห็นที่ 49 เคยเจอแท็กซี่ถามเหมือนกันเรื่องกดมิเตอร์รึไม่กด ตอนไปสุวรรณภูมิขาออกนอกประเทศ วันนั้นฝนตกปรอย ๆ เราต้องไปลงชั้น 4 ผู้โดยสารขาออก พอเริ่มเข้าเขตเท่านั้นแหละ พี่แท็กซี่ก็บอกเราว่าเดี๋ยวไปลงชั้น 2 เอามั๊ยเพราะชั้น 2 มีหลังคาฝนตกแบบนี้จะได้ไม่เปียก เราก็ึบอกว่าชั้น 4 ก็มีเหมือนกันคงไม่เป็นไรหรอก แป็บเดียวเองคงไม่เปียกมากเท่าไหร่... แต่... พี่แท็กซี่ก็ยังใจดีเสนอชั้น 2 อยู่นั่นแหละ เราเลยเฉย ๆ เพราะถ้าตอบตกลงไปเดี๋ยว ต้องได้ลากกระเป๋าต่ออีก ตอนนั้นไม่คิดอะไร คิดแต่ว่าเค๊าหวังดี พอลงจากรถไปแล้ว มาฉุกคิดต่อ อ๋อ..ชั้นสองมันผู้โดยสารขาออกนี่นา กะส่งเราปุ๊บ รับคนใหม่ปั๊บ ลัดคิวคนอื่นอีก ก็เข้าใจคนทำมาหากินนะ แต่ กระเป๋าเราก็หลายใบเหมือนกัน เสียตังค์ทั้งทีเราก็ ไม่อยากลำบากเหมือนกันแหละน่า... จากคุณ : yingkorat เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 21:20:01

ความคิดเห็นที่ 50 ไม่เคยโดนพี่แท็กซี่เอาเปรียบค่ะ เคยแต่คุณพี่ตุ๊กๆ พอดีคุณสามีอยากไป MBK ค่ะ เราก็ขับรถไปจอดที่พารากอน แล้วข้ามถนนมาฝั่งสยาม เราหันไปถามคุณสามีว่า เธออยากลองนั่งตุ๊กๆ ป่ะ? คุณสามีก็โอเคค่ะ อยากลอง เรา: พี่ๆ ไปมาบุญครองเท่าไหร่คะ? คุณพี่ตุ๊กๆ: ร้อยนึงน้อง เรา: เอ๋อ..เล็กน้อย แล้วบอกว่า ไม่เป็นไรเพ่ เดินไปดีกว่า สามี: ว่าอ้าวไม่ขึ้นแล้วเหรอ? บวกทำหน้างงๆ เรา: เธอไปอยู่ห่างๆชั้น เดี๋ยวไปหาคันหน้า พี่เค้าจะเอาร้อยนึงก็ให้ไปหาเอากะคนอื่นละกัน เดินไปอีกไม่กี่เมตร ก็มีคิวพี่ตุ๊กๆอีก เรา: พี่ๆ ไปมาบุญครองเท่าไหร่คะ? คุณพี่ตุ๊กๆ: สามสิบ เรา: โอเคพี่ แล้วเราก็หันไปกวักมือเรียกคุณสามีมาขึ้นรถ พอถึงมาบุญครองฝั่งโตคิว เราก็ให้พี่เค้าสี่สิบ ไม่ต้องทอน นอกนั้นค่อนข้างโชคดีค่ะ ไม่โดนเอาเปรียบ จากคุณ : Aery เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 21:41:23

ความคิดเห็นที่ 51   ที่บ้านดิฉันที่ขอนแก่นไม่เคยเจอค่ะ และสามีก็บอกว่าที่ขอนแก่นไม่ค่อยมีใครมองเค้าด้วย ส่วนในกรุงเทพฯ สามีรู้สึกว่าถูกมองบ่อย แต่เป็นการมองทั้งแบบมาดีและมาร้ายผสมๆไป แต่ที่แย่ที่สุดคือเมืองท่องเที่ยวชายทะเลชื่อดัง โก่งราคาของแบบหน้าด้านๆเลย ดิฉันเดินคนเดียวไปถามซื้อมังคุดข้างทางปักป้ายว่ากิโลละสามสิบบาท ตัวเองเห็นว่าราคาไม่แพงมากและเป็นมังคุดนอกฤดูด้วยเลยเดินไปชวนสามีที่ดูวิวอยู่ไม่ไกลมาที่ร้าน อยากให้เค้ามาลองซื้อของตามข้างทางด้วยกันดู พอพาสามีมาด้วย แม่ค้าทำหน้าเป็นนางมารร้ายแล้วบอกมังคุดโลละ 50 นะ ขึ้นราคากันหน้าด้านๆดิฉันทำอะไรไม่ถูกเลย เกิดมาไม่เคยเจอคนหน้าด้านแบบนี้มาก่อน ตอนแรกกะว่าจะซื้อซักสามกิโลไปกินให้พุงกาง แต่พอราคาขึ้นแบบนี้เลยซื้อแค่ครึ่งโล ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องซื้อของกับสามีฝรั่งจะเป็นเรื่องที่เจอกันมาทุกคนได้ขนาดนี้ จากคุณ : เมียฝรั่ง เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 22:34:59 A:220.221.7.138 X: TicketID:254591

ความคิดเห็นที่ 52 สามีกับเรา ขับรถไปเที่ยวกัน สามีเห็นพ่อค้า ปั่นจักรยาน มาขายไม้กวาด สามีหันมาบอกกับเราว่า อยากซื้อไม้กวาดไปฝากที่บ้าน ดีไหม เราก็ว่า เอาดิ แต่ความจริงแล้ว สามีอยากลองของ คือว่า กำลัง สอนนับเลข ในการถามราคา สามีเดินไปหาพ่อค้า แล้วถามเป็น ภาษาไทยว่า นี้เท่าไหร่ครับ พ่อค้า ชู สองนิ้ว แล้วบอกราคา เรารอในรถอีกฝั่งถนน สามี ตะโกนว่า ยี่สิบ บาทเอง เอากี่อัน เราว่า อะไรนะ ไม้กวาดราคา ยี่สิบบาทไม่มีหรอก อย่างน้อยก็ สี่สิบ ห้าสิบ บาท สามีไม่เชื่อ หันไปถามพ่อค้าว่า ยี่สิบ บาท ใช่ไหม พ่อค้า ว่าไม่ใช่ แต่ยัง ชู สองนิ้ว แล้วพูดว่า สองร้อย บาท สามี ตะโกนกลับมาถามว่า สองร้อย นี้ เลขอะไร ยังเรียนไม่ถึง เราตอบกลับไปว่า สองร้อย ก็ ทูว์ ฮัน เดรท ไง สามี ส่งไม้กวาดคืน พ่อค้า แล้วบอกว่า ไม่เอาครับ ขอบคุณ พ่อค้า ยังตามมาบอกว่า อะ ลดให้ แปดสิบ บาท สามีกลับมาที่รถ บ่น อุบอิบ ทำไม ถึงขายแพงจัง เราก็ว่า เพราะว่า ตัวเองเป็น ฝรั่งงัย พอขับรถไปอีกหน่อย ก็มีร้านขายของ แถมมีไม้กวาดขายด้วย ติดราคาเรียบร้อย ห้าสิบ บาท สามี ซื้อไป สี่อัน เอากลับบ้าน แม่กับ ยายมาเห็น ก็บอกว่า จะซื้อมาทำไม มากมาย ไม่ใช่ แม่มด จะได้ขี่ไม้กวาดกันทุกคน เลยเล่าเรื่อง พ่อค้า ปั่นจักรยาน ให้ฟัง เลยหัวเราะ กันไป แต่ก็นะ สามีชอบไปซื้อของ แต่จะถามราคาเราไปด้วย อย่าง กาแฟเย็น ใส่ถุง สิบบาท ใส่แก้ว ยี่สิบ สามี จะเอาแบบ ใส่ถุง เพราะว่า สิบบาท แล้วก็ดูเป็นแบบ บ้านๆ ดี สามีชอบ 555+ จากคุณ : The mirror has two faces เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 53 23:36:39

ความคิดเห็นที่ 53 รักเมืองไทยค่ะ แต่ไม่รักคนไทยที่ทำตัวไม่น่ารัก คอยจ้องแต่จะเอาเปรียบคนอื่นและเห็นเงินเป็นใหญ่ จากคุณ : FawltyTowers เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 00:54:36

ความคิดเห็นที่ 54 เคยโดนแท๊กซี่จากสุวรรณภูมิไล่ลงตรงที่เปลี่ยวแถวใกล้สนามบินมาแล้ว เพราะเค้าให้เหมา แต่เราจะให้กดมิเตอร์   ผลสรุป  คนขับด่าว่า  เงินก็ไม่ใช่เงินตัวเอง แล้วยังไปขี้เหนียวเงินฝรั่งอีก    ไม่ช่วยคนไทยด้วยกันบ้าง  ถ้าไม่อยากเหมา ก็ลง   เรากับสามีเลือกที่จะลง  และโชคดีได้ขึ้นรถคันใหม่ทันที   คันใหม่ดีมากๆ  ช่วยขนของ  ไม่พูดมาก  บอกแต่ให้ระวังตัวด้วย คนดีก็มีคนไม่ดีก็มี  ไปใหนมาใหน ให้ดูแลตัวเองให้ดีที่สุด     พอถึงบ้านก็ช่วยยกของแบบมีน้ำใจ  ดูรู้นะ  เราให้เงินเกินไปยี่สิบบาท  ทอนเงินเราอีกตะหาก  เรารับเงินทอนมา แล้วส่งค่าน้ำใจให้เขาอีกสองร้อยบาท  เค้าตกใจเลย  เราบอกว่า คนทำดีเราต้องตอบแทน  ให้เพราะเห็นว่าเค้าช่วยเหลือ และบริการอย่างจริงใจ    เค้าบอก ขอบคุณมากๆ  เค้าไม่คิดว่าเราจะให้สินน้ำใจกับเขา   ส่วนใหญ่แท๊กซี่ ที่สนามบินไม่ประทับใจ โกงมิเตอร์  ไม่กดมิเตอร์   แต่แท๊กซี่ที่เราเรียกทั่วไป มักจะดี  ไม่เรื่องมากด้วย  พูดอย่างเดียวว่า  แฟนคุณเข้าสมาคมเกรงใจภรรยาแน่ๆ   ส่วนการไปซื้อของ  ส่วนใหญ่  สามีเราต่อราคากระฉูด  บางครั้งเราต้องสะกิดบอกว่า  ต่อมากไป  สงสารแม่ค้าพ่อค้าบ้าง  แม่ค้าหัวเราะเลยอ่ะ  บอกว่า  สามีน้องสุดยอด   ส่วนเรื่องไปทานอาหารแล้วทิป  ก็ตามธรรมเนียม  เพราะเราก็เคยเป็นเด็กเสริฟ เข้าใจหัวอกเดียวกัน  ก็ให้สิบเปอร์เซนต์ของราคาอาหาร   ให้ตลอด   ไปตามโรงแรม  ไม่ค่อยมีปัญหากับพนักงาน   ไม่เคยมีคนมองว่าเป็นอย่างนั้นนะ  หรือว่า เค้ามอง แต่เราไม่รู้   แต่เคยมีครั้งหนึ่ง  ที่ร้านเสริมสวยของพี่สาวเรา   ลูกค้าเค้าบอกว่า  คนนี้เหรอน้องสาวเจ้อ่ะ  พี่สาวเราบอกว่า  อืมใช่  เพิ่งมาเมื่อวาน ลูกค้าบอกว่า   เจ้อย่าบอกน่ะ ว่าคนนี้ที่มีสามีฝรั่ง   พี่สาว เราตอบ    ใช่ค่ะ  คนนี้แหละ  ทำไมเหรอน้อง ลูกค้า             หุ่น กับหน้าตา ไม่บ่งบอกเลยว่าเป็นเมียฝรั่ง   เรา                  หมายความว่างัยค่ะพี่ ลูกค้า             คือ  น้องเหมือนนักกีฬา  ห้าวๆ  เท่ห์ๆ  ไม่คิดว่าฝรั่งจะชอบแนวนี้  เพราะพี่เห็นเมียฝรั่งจะต้อง ผอมๆ ดำ ๆ  เซ็กซี่  แต่งตัวโชว์ สายเดี่ยวเอวลอยตลอด   อาบแดดตัวดำ   เรา                    เออ พี่ค่ะ  ที่พูดมานั้นเมียเช่าหรือเปล่าค่ะ    และเชื่อว่า มีเมียฝรั่งในเมืองไทยอีกเยอะที่ไม่เป็นอย่างที่พี่เข้าใจ ลูกค้า               พี่ขอโทษ  ว่าแต่ หาแฟนฝรั่งให้พี่คนซี เราเงียบแล้ว รีบบอกพี่สาวว่า  กลับบ้านแล้ว  ค่อยแวะมาที่ร้านวันหลังนะ จากคุณ : คุณนายก้อ เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 03:53:03

ความคิดเห็นที่ 55 เคยโดนเหมือนกัน แฟนขึ้นตุ๊ก ๆ ที่หาดป่าตอง จากหน้าโนโวเทล ไปแมคโดนัลด์ จ่ายไปสี่ร้อย อยากอวดเก่งว่าไปเองได้ แถมไม่บอกเราด้วยนะ ว่าจ่ายไปเท่าไหร่ พออีกวันเรานั่งมอไซต์วิน จ่ายไปสามสิบบาท ระยะทางเท่ากัน พี่แกถึงกะเหวอไปเลย สมน้ำหน้า อยากอวดเก่งดีนัก จากคุณ : BloodyHell เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 07:44:56

ความคิดเห็นที่ 56 เข้าใจ จขกท อย่างแรงค่ะ เรื่องรถแท็กซี่เนี่ย  จากสนามบินตัดปัญหาให้น้องมารับตลอดเพราะไม่อยากรำคาญใจค่ะ ส่วนเรื่องเดินซื้อของเนี่ย แฟนกะเราไม่ชอบเดินที่คนเยอะๆ เลยไม่ค่อยเจอเคสแบบนี้ โดยส่วนมากพอเห็นเป็นฝรั่งก็หวังทิป เราก็จะแลกแบงค์ 20 ไว้เยอะๆค่ะ เผื่อว่าต้องทิป แต่ก่อนเคยทิปแบบ 10 เปอร์เซ็นต์ ตอนหลังดูจากการให้บริการ โดยปกติก็ไม่ค่อยได้อยู่กรุงเทพนานแค่ผ่านแล้วก็ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านต่อค่ะ รู้สึกสบายใจกว่ากันเยอะ จากคุณ : pruchaba เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 22:02:30

ความคิดเห็นที่ 57 เข้าใจ จขกท อย่างแรงค่ะ เรื่องรถแท็กซี่เนี่ย  จากสนามบินตัดปัญหาให้น้องมารับตลอดเพราะไม่อยากรำคาญใจค่ะ ส่วนเรื่องเดินซื้อของเนี่ย แฟนกะเราไม่ชอบเดินที่คนเยอะๆ เลยไม่ค่อยเจอเคสแบบนี้ โดยส่วนมากพอเห็นเป็นฝรั่งก็หวังทิป เราก็จะแลกแบงค์ 20 ไว้เยอะๆค่ะ เผื่อว่าต้องทิป แต่ก่อนเคยทิปแบบ 10 เปอร์เซ็นต์ ตอนหลังดูจากการให้บริการ โดยปกติก็ไม่ค่อยได้อยู่กรุงเทพนานแค่ผ่านแล้วก็ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านต่อค่ะ รู้สึกสบายใจกว่ากันเยอะ จากคุณ : pruchaba เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 22:02:45

ความคิดเห็นที่ 58 เข้าใจ จขกท อย่างแรงค่ะ เรื่องรถแท็กซี่เนี่ย  จากสนามบินตัดปัญหาให้น้องมารับตลอดเพราะไม่อยากรำคาญใจค่ะ ส่วนเรื่องเดินซื้อของเนี่ย แฟนกะเราไม่ชอบเดินที่คนเยอะๆ เลยไม่ค่อยเจอเคสแบบนี้ โดยส่วนมากพอเห็นเป็นฝรั่งก็หวังทิป เราก็จะแลกแบงค์ 20 ไว้เยอะๆค่ะ เผื่อว่าต้องทิป แต่ก่อนเคยทิปแบบ 10 เปอร์เซ็นต์ ตอนหลังดูจากการให้บริการ โดยปกติก็ไม่ค่อยได้อยู่กรุงเทพนานแค่ผ่านแล้วก็ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านต่อค่ะ รู้สึกสบายใจกว่ากันเยอะ จากคุณ : pruchaba เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 22:03:01

ความคิดเห็นที่ 59 ให้แทกซี่จอดรอ แล้วเขากดมิเตอร์เนี่ย ก็ไม่น่าจะผิดนะครับ เป็นสิทธิ์ ของเขา แม้ว่า บางทีคุณ จะ ให้ค่าเสียเวลา ไม่ว่าจะมากกว่าหรือน้อยกว่า ที่เขาได้รับจากการกดมิเตอร์ก็ ตาม ผมกลับคิดว่ามันแฟร์ ดีนะ วันนี้ ผมก็ไปทำธุระ แทกซี่ก็กดมิเตอร์รอเหมือนกัน มันก็ขึ้นช้ากว่าเวลารถวิ่งอยู่แล้ว จากคุณ : xfuton เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 53 22:46:44

ความคิดเห็นที่ 60 ในฐานะที่เคยขายของ เราจะได้ลูกค้า ฝรั่ง ญี่ปุ่น เยอะมากๆๆๆๆๆๆๆค่ะ เพราะ หากติดป้ายราคาไว้ เขาซื้อทันทีเลยค่ะ ไม่ต่อแม้แต่คำเดียว บางคนมาเดินดูคนเดียว เห็นถูกใจ ไปลากภรรยาที่เดิน ตามหลังมาอย่างช้า ๆ ทันที ให้มาตามอ่านป้ายที่เขียนไว้ เคยถามเหมือนกัน เขาบอกว่า เขากล้าซื้อ เพราะ คุณกล้าติดป้ายราคา คนไทย คนฝรั่ง ต้องซื้อ ราคานี้หมด  แอบลากภรรยา มาอ่านป้ายด้วย กลัวโดนหลอก O.K . ว่า แล้ว ฝรั่งท่านนั้น ต่อด้วยภาษาอีสานว่า  " ดีหลายเด้อคับ " เราหัวเราะจนน้ำตาไหล สงสัย โดนหลอกมาเยอะจริง ๆ วันนี้เห็นแล้วอยากบอกว่า ฝรั่งที่คนไทยยกย่องว่า  รวย นั่นน่ะ ไม่ได้เป็นทุกคนหรอกนะ เราเห็น จับกัง เป็นฝรั่ง ยกของ ใช้แรงงาน ปะปน กับพม่า เก็บของอยู่ ขับรถส่งของอีกคน เห็นขยันกว่า พม่าอีก แต่ก็ยังดี ที่เลือกอาชีพสุจริต จากคุณ : ajh เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 00:33:04

ความคิดเห็นที่ 61 พอดีผมทำศูนย์วิทยุ taxi call อยู่  อยากแนะนำวิธีแก้ปัญหาน่ะครับ - หากจะให้คนขับรอ ให้ตกลงกับคนขับก่อนว่าจะให้กดมิเตอร์รอ หรือให้หยุดมิเตอร์ และจะให้รอนานแค่ไหน ถ้าไม่ให้กดมิเตอร์รอ จะบวกเพิ่มให้เท่าไหร่  อย่าบอกคนขับให้รอ แล้วเดินจากไปโดยไม่บอกอะไรคนขับเลย ที่ปัญหาเกิดขึ้นเพราะไม่คุยกันก่อน - คนขับส่วนมาก มักจะปากหนัก ไม่กล้าถาม - ที่ จขกท. โดนที่บ้านผมก็โดนมาหมด เพราะที่บ้านมีทั้งเขยและสะใภ้ฝรั่ง เวลาเค้ามาเที่ยวเมืองไทย ที่บ้านมักจะส่งผมไปตามประกบ และเป็นไกด์ไปด้วยในตัว เพราะกลัวญาติฝรั่งตาน้ำข้าวโดนเอาเปรียบ - ประเทศไทย เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุด แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 01:15:53 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 01:10:59 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 01:02:01 จากคุณ : ง่ายยิ่งกว่านับ 123 เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 00:58:28

ความคิดเห็นที่ 62 เวลาไปไทยที ภรรยาฝรั่งแบบเราๆ ก็ต้องเจอประสบการณ์ซ้ำๆ ซากๆ ไม่ต่างกันเท่าไหร่นะคะ   โชคดีที่ไปรอบที่แล้ว อิฉันไปเที่ยวลำพัง เลยสบายอกสบายใจไม่มีอะไรให้หงุดหงิด เสียอย่างเดียว เหงาไปนิด แต่เคยเจอตอนที่แฟนไปด้วยนานมาแล้ว ตอนไปรับเขาจากสนามบิน จะเรียกแท๊กซี่ ก็เรียก 700 บาท (มันหลายปีมาแล้ว แต่ก็เรียก 700 ราคาเหมา ไม่กดมิเตอร์)  เราก็พาแฟนเดินมาขึ้นแท๊กซี่ข้างนอก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะจ่ายไป 200 กว่าบาท แต่พอเริ่มขึ้นรถ บอกคนขับว่าจะไปยังที่พักแถวพระขโนง เขาก็บอกว่าไม่ไปพัทยาเหรอน้อง 1200 เอง อะไรประมาณนี้  เราก็แอบฉุนนะ บอกให้ไปอีกที่ ยังจะมาถามให้ไปพัทยาอีก ท่าทางเราก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงมาหาลำไพ่พิเศษซักหน่อย  ก็เลยตอบเสียงเข้มๆ ไปว่า ไปพระโขนงค่ะ บ้านอยู่นั่น จะไปพัทยาทำไมคะ   ยังจะให้ขึ้นทางด่วนอีก เราก็บอกว่า ไปข้างล่างนะคะ ช่วงนี้รถไม่ติด ไม่ต้องขึ้นทางด่วนค่ะ  แล้วหลังจากนั้นเราก็นั่งคุยกับแฟนตลอด เขาเลยไม่ได้เซ้าซี้อย่างอื่น อย่างน้อยคนเราก็น่าจะดูท่าทางบ้าง ว่าคนธรรมดา กับคนทำงานแบบนั้น มันต้องมีอะไรต่างกันบ้างแหล่ะน่า เรื่องช้อปปิ้ง ได้ไปเดินช้อปแค่ที่สวนลุมไนท์บาร์ซ่า ก็ไม่มีอะไรนะ ราคารับได้ ไม่โก่งจนเวอร์  แต่จะไปเจออีกทีก็ตอนไปเที่ยวเขาค้อ เหมารถสองแถวเที่ยวเจ้าเดิม สองวัน แต่พอวันสุดท้าย เที่ยวก็ไม่ได้หลายที่ เพราะเราเที่ยววันแรกไปเกือบหมดแล้ว วันที่สองแค่ตามเก็บที่เหลือเท่านั้นเอง ราคาที่ตกลงกันวันละ 800 บาท ( 5 ปีมาแล้วนะคะ ไม่รู้ตอนนี้ราคาเท่าไหร่)  พอวันสุดท้ายให้ แบ็งค์พันไป คนขับเป็นผู้หญิงไม่พูดพล่ามทำเพลง ยึดเงินเราไว้แล้วบอกว่า อีก 200 ขอเลยนะคะ แบบมัดมือชกกันเลย คือถ้าเป็นทิป ก็ต้องรอให้เราให้จากใจเราซิ ไม่ใช่มามัดมือชกแบบนี้ เวลาเห็นฝรั่งก็คิดว่ามันเงินเล็กน้อย แต่เรากระเป๋าเดียวกัน รายได้ รายจ่ายก็เหมือนคนๆ เดียวกัน เท่าที่จำได้ ก็ประมาณนี้แหล่ะค่ะ ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก แต่คิดว่า ถ้ากลับไทยอีก เราต้องเตรียมรับมือกับสิ่งที่เราจะเจอแบบนี้อีก โดยการทำใจและไม่หงุดหงิดให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยวของเรา แต่ถ้าเหลือเกินก็คงจัดการตามสถานการณ์ไป เป็นเมียฝรั่งต้องทำใจเนอะ !!!! จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 04:47:18

ความคิดเห็นที่ 63 ซ้ำค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 04:48:57 จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 04:47:51

ความคิดเห็นที่ 64 ช่วงนี้พันทิปแปลกๆ กดแล้วเหมือนไม่ไป แต่กดอีกก็เลยซ้ำซะหลายรอบเลย แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 53 04:49:52 จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 04:48:06

ความคิดเห็นที่ 65   มาบ่นทำม๊ายยยย.... มันเป็นเรืองธรรมดาเสียแล้ว  เขาว่างั้น เก็บเอาเรื่องคนอื่นๆ ไปเล่าให้สามีฟังบ้าง  ว่ามันไม่ได้เจอแค่เรานะ   สามีหัวเราะขำๆ  บอกว่า  you have to accept   อ้าว.  กลายเป็นงั้นไปอีกคน เขาว่าเรื่องโก่งราคาสินค้า หรือบริการอะไรต่างๆ เราไม่พอใจซื้อ เราก็ไม่ซื้อซะก็หมดเรื่อง  เก็บมาเป็นอารมณ์ทำไม  เง้ออ.... แล้วอิตอนเสียค่าโง่จ่ายค่าเรือไปคนละ 500.- กะอิแค่ไปไม่กี่กิโลนั่นล่ะจ๊ะ บ่นเองนะว่าไม่คุ้ม เสียความรู้สึกกันมั๊ยล่ะ  นี่ล่าสุดที่ไปเมืองไทยมาเมื่อเดือนที่แล้วนะคะ แล้วก็ยังโดนทักด้วยคำหยาบๆ ที่หาดป่าตอง จนคุณสามีอยากจะมีเรื่อง ถ้าดิฉันไม่รีบพาเดินหนีซะ  อาจถึงขั้นได้ส่งศพกลับเยอรมันก็ได้นะวันนั้น แต่วันนี้มาทำเป็นพูดว่า  ดิฉันต้องยอมรับ เพราะหาดป่าตองก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่าเกือบไม่ต่างจากพัทยาตอนนี้  เราไปเดินกับฝรั่ง  ใครๆ เขาก็ต้องมองเป็นแบบนั้นหมดแหละ  จะแต่งตัวยังไงก็เหอะ ถ้าไม่สบายใจต่อไปก็ไม่ต้องไปเที่ยวที่นั่นอีก  เอ๋า  เราผิดเองสิเนาะ  พวกปากม้านั่นไม่ผิดซะงั้น มันก็เหมือนกับที่เยอรมันนี่แหละ เวลาที่เราเดินไปไหนมาไหนด้วยกัน  ก็มักจะมีคนจับตามองเป็นพิเศษ (แต่ไม่มากเท่าที่เมืองไทย) สามีบอกว่า พวกเขาก็คงคิดกัน  ว่าไอ้นี่คงซื้อผู้หญิงไทยมา หรือไอ้นี่มันวิตถารชอบมีเซ็กส์กับผู้หญิงตัวเล็กๆ  เขายังต้องยอมรับเลย  เง้อ.... ซะงั้น จริงๆ มันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมายนะ แค่ทำให้หงุดหงิดรำคาญใจบ้างเป็นบางครั้ง  พอนานๆ ไปก็กลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว จากคุณ : เศษไม้ฯ (เศษไม้ใบหญ้า) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 14:03:39

ความคิดเห็นที่ 66   ตกลงเมืองไทยไม่มีอะไรดีเลยหรือครับ แล้วผมจะทำอย่างไรดีเพราะผมอยู่เมืองไทยตั้งแต่เกิด และ คิดว่าคงจะต้องตายในเมืองไทยอย่างแน่นอน .....ผมคิดว่า เรามาพูดแต่สิ่งที่ดีในบ้านเรา เมืองเรา จะดีกว่าไหมครับ จะได้ชุ่มชื่นหัวใจบ้าง ผมเชื่อว่าไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหน ชาดิพันธุ์ไหน ก็ล้วนแต่มีทั้งสิ่งที่ดี และ สิ่งที่ไม่ดีทั้งนั้นแหละครับ มีประเทศไหนบ้างครับที่ไม่เคยฉวยโอกาสต่อคนอื่น #13 อย่าเบี่ยงประเด็นเลยค่ะ เราพูดกันเรื่อง คนไทยที่เห็นแก่ได้ เอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้พูดว่าเมืองไทยไม่ดีเสียหน่อย คุณไม่ได้มีสามีฝรั่งจนๆ คงจะเข้าใจยากอยู่สักหน่อยนะคะ ถึงคุณ คห. 14 ผมไปเบี่ยงประเด็นตรงไหนละครับ ก็ จขกท. เขาพูดถึงความเห็นแก่ได้ของคน ผมก็เลยตอบว่ามันก็มีไปหมดเหมือนกันทุกๆชาตินั่นแหละครับ แล้วที่ผมบอกว่าจะทำยังไงดีเพราะผมอยู่เมืองไทย ก็มันเรื่องจริงนี่ครับ ผมอยู่เมืองไทย ไม่เชื่อลองเช็คไอพีดูก็ได้ ส่วนเรื่องสามีฝรั่งคงเป็นไปไม่ได้ครับ และ คงจะไม่มีวันเข้าใจละครับ เพราะผมมีภรรยาและลูกๆอีก 2 คนครับ อีกอย่างนะครับ ตัวผมเอง และ ครอบครัวของผมไม่ใช่คนร่ำรวยอะไรครับ เพียงแต่อาศัยความขยันในการทำมาหากินครับ โชคดีครับ จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 14:55:44 A:125.24.192.93 X: TicketID:207097

ความคิดเห็นที่ 67 สามีเราไม่ใช่ฝรั่งยังโดนเลย... เรารอนวดอยู่ที่สยาม กับสามี และพ่อกับแม่สามี (คนจีนสิงคโปร์) ระหว่างที่รอ เห็นเวลามีเยอะ ก็เลยเข้าร้านทำผมกัน เรากะแม่สามีก็แค่สระไดร์ธรรมดา ราคาติดหน้าร้านก็ 80 บาท คนในร้านคงคิดว่าเราไม่ใช่คนไทย เพราะเราพูดภาษาอังกฤษกะจีน รีบคุยกันเองถีบราคากันใหญ่ คงนึกว่าเราไม่รู้เรื่อง เราก็ทำเนียน รอฟังก่อนดูสิว่าจะพูดยังไงบ้าง สรุปคิดเงินมา 250 เราก็รีบสวนเป็นภาษาไทยเลย...ราคาหน้าร้าน 80 บาทไม่ใช่เหรอ หน้างี้เสียเลย มีการบอกอ้อมแอ้มว่าเป็นราคาเริ่มต้น จะเริ่มต้นยังไงไม่ทราบ เราผมสั้น แม่สามีเราก็ผมสั้น ต้องสกินเฮดรึไงถึงจะเป็น 80 บาท สรุปสุดท้าย ร้านบอกว่าคิดสองร้อยละกัน.. ลดให้คนไทยด้วยกัน....แหม...มันน่ารักไหมล่ะคะ จากคุณ : anana เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 15:51:53

ความคิดเห็นที่ 68 คุณคนไทยไปตั้งกระทู้ใหม่เรื่องความดีงามของประเทศไทยดีไหมคะ จากคุณ : คนดีผีคุ้ม เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 18:37:07

ความคิดเห็นที่ 69 66 เข้าใจอะไรได้ยากจริง ๆ เมืองไทยนะดี ดีมากด้วย ที่เที่ยวสวย อาหารอร่อย อากาศดีมีความสุข แต่ที่ไม่ดีคือคนไทยที่หากินกับฝรั่งและหญิงที่มีสามีเป็นฝรั่ง พวกเราต้องจ่ายเกินกว่าที่จำเป็น เกินกว่าคนไทยด้วยกัน เพียงเพราะเราแต่งงานกับฝรั่ง เช่นตัวอย่างข้างบน เค้าทำผมให้คนไทย 80 เค้าอาจได้กำไร 50 แต่ถ้าคุณเป็นคนต่างชาติหรือมากับสามีต่างชาติ ก็จะเป็น 250 เค้าก็จะได้กำไร 220 เพียงเพราะลูกค้าเป็นคนต่างชาติ ถามว่าที่อื่นมีไหม ก็มี แต่ไม่ทุเรศแบบนี้ เพราะคุณอยุ่เมืองไทย คุณจึงชินกับการถูกเอารัดเอาเปรียบแบบนี้ วิธีแก้ก็ไม่ยาก แค่หัดเรียกร้องแบบที่เรา ๆ กำลังพยายามทำ ๆ กันอยุ่ถ้ามีคนเรียกร้องมาก ๆ และทำแบบเดียวกัน มันก็จะเป็นพลังอย่างหนึ่งขึ้นมา ไม่อยากเข้าการเมือง แต่อยากให้เห็นภาพอย่างชัดเจน เช่น  ราชดำเนินคุยกันขำ ๆ ว่า ไปปิดบัญชีธนาคารเพื่อตัดแขนขาคนสนับสนุนคนกลุ่มหนึ่ง แรก ๆ ก็แค่คุยกันในเวบ แต่พอทำกันทุกคน หลาย ๆ กลุ่มเข้ามาทำมาก ๆ เข้า  ธนาคารก็เริ่มกลัวและมีการออกมาชี้แจงมากขึ้น ดังนั้น ถ้าอยากได้อะไรก็จงเรียนร้อง เข้าใจหรือยัง เหมือนกระทุ้แนะนำข้างบนนั่นไง คนในนี้โหวตกัน จนท่าน ตม ตัวจริง ต้องยอมออกมา นี่เป็นพลังของคนในเวบพันทิป เข้าใจยัง จากคุณ : this is jenni เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 19:12:24

ความคิดเห็นที่ 70   คุณ คนไทย ตาม คห.66 คะ ที่ดิฉันว่าคุณเบี่ยงประเด็น เพราะคุณเริ่มด้วยคำว่า "ตกลงเมืองไทยไม่มีอะไรดีเลยหรือครับ...."  แล้วถ้าจะมาบอกว่า  ทุกๆ ชาติก็มีดีมีเลวเหมือนกันหมดอันนี้ไม่เถียง   แต่มันก็คนละประเด็นกันอีกนะคะ   ในกระทู้นี้ เราพูดกันว่า เราถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าแม่ค้า หรือแท็กซี่  ที่เห็นเรามีสามีหรือแฟนฝรั่งนะคะ  ประเทศอื่นเขามีกันมั๊ยคะ   ที่แน่ๆ ประเทศที่ดิฉันอยู่สามีดิฉันหรือดิฉันไม่เคยถูกเอารัดเอาเปรียบเรื่องนี้ค่ะ  เขาเห็นดิฉันเป็นต่างชาติเขาก็ขายตามราคาปกติค่ะ  ขึ้นแท็กซี่เขาก็ไม่มีมาพูดจาโยกโย้ขอทิปกับดิฉันหรือสามีดิฉันค่ะ แล้วที่ว่าคุณไม่ได้มีสามีฝรั่งคงเข้าใจยาก  ก็เพราะคุณไม่ได้บอกไว้แต่แรกนี่คะ  ว่ามีคุณเป็นชายแท้มีภรรยาและมีลูกแล้ว  เพราะเดี๋ยวนี้ชายไทยที่ใช้คำ ครับๆ ผมๆ  มีสามีเป็นฝรั่งเยอะแยะค่ะ ยินดีด้วยนะคะที่ครอบครัวคุณมีความสุขถึงแม้ไม่ร่ำรวยแต่ก็ขยันทำมาหากิน ก็ขอให้โชคดีเช่นกันค่ะ จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 19:19:26

ความคิดเห็นที่ 71 เมืองไทยมีอะไรดีๆ เยอะแยะไป  แต่กระทู้นี้ไม่ได้พูดถึงว่าบ้านเราดีหรือไม่ดี สมาชิกหลายๆ คนในห้องไกลบ้านมีประสบการณ์แย่ๆ จากการฉวยโอกาส เอารัดเอาเปรียบ และเห็นแก่ได้จากคนไทยด้วยกันก็เลยอยากจะมาแชร์กันหรือบ่นให้กันฟังก็เท่านั้น  ไม่เห็นจะมีใครโจมตีว่าบ้านเราไม่ดีอย่างโน้น ไม่ดีอย่างนี้เลยซักกะหน่อย เราพูดถึงกลุ่มบุคคล (แท็กซี่ ร้านค้า หรือผู้ให้บริการอื่นๆ) มากกว่า ไม่ได้เหมารวม  ถ้ามีคนตั้งกระทู้อวยประเทศไทยก็จะเข้าไปโพสต์ค่ะ จากคุณ : FawltyTowers เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 20:09:55

ความคิดเห็นที่ 72 เล่าเรื่องแท็กซี่ละกันเพราะว่าอันนี้โดนบ่อย  เมื่อปีที่แล้วนั่งเครื่องจากภูเก็ตมาที่สุวรรณภูมิ แต่ต้องหาที่พักเพื่อที่จะทำธุระในกรุงเทพและรอสามีที่กำลังจะมาเมืองไทย พอมาถึงที่สุวรรณภูมิก็ออกมาเรียกแท็กซี่ข้างนอก(ชั้นบน ถ้าจำไม่ผิด)เพื่อที่จะไปหาที่พัก ตอนขึ้นรถก็บอกคนขับว่าเราจะไปพักแถวอุดมสุข คนขับก็พยายามพูดโน้มน้าวว่าที่นั่นมันไม่ดีหรอก มันเปลี่ยว พูดเหมือนห่วงใยว่า คนท้องกับเด็กไปพักที่เปลี่ยวๆมันไม่ปลอดภัย(ตอนนั้นท้องและไปกับลูกและหลาน) ไอ้เราก็บ้านนอกไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับกรุงเทพ ก็เลยให้เขาหาที่พักให้ เค้าก็เลยไปส่งแถวสะพานควาย ค่าแท็กซี่ปาไปเกือบสี่ร้อย ค่าโรงแรมคืนละ 900 กว่าบาท (แพงถ้าได้เห็นสภาพห้องในโรงแรม) พักที่นี่ 3 คืน และค้นหาโรงแรมในเนทก่อนที่สามีจะมาถึง พอวันที่สามีมาก็ไปรอสามีที่สุวรรณภูมิ และคราวนี้กะว่าไม่เรียกแท็กซี่ข้างนอกอีกแล้ว ก็ไปเข้าคิวเรียกแท็กซี่ในสนามบิน พอขึ้นรถแล้วก็บอกให้ไปส่งที่โรงแรม แท็กซี่ก็โอเค แต่พอขับรถไปได้สักพักพี่คนขับก็โทรหาเพื่อนถามเพื่อนที่ขับแท็กซี่ด้วยกันว่าไปส่งลูกค้าทีใหน ได้ยินประมาณว่าเพื่อนได้ไปส่งลูกค้าที่พัทยา พี่แท็กซี่พูดว่า โชคดีเนอะเราได้ไปแค่กิ่งแก้วเอง และก็วางสายไป จากนั้นก็หันมาคุยกับเราว่าไปโรงแรมอื่นใหม ไม่แพงและไม่ไกลด้วย พยายามพูดจะให้เราพักที่นั่น ไอ้เราก็รำคาญก็เลยตัดบทว่าพาไปดูก่อนละกัน ถ้าดูโอเคก็จะพัก ถ้าไม่โอเคก็ไม่พักนะ (รู้นะว่าเขาจะได้ค่าน้ำถ้าเราพัก)พอไปถึงก็ดูห้องถามราคาและถามสามี สามีว่าโอเค เราก็เลยตกลงพักที่นี่ 2 คืน สามีก็จ่ายตังค่าโรงแรม พี่แท็กซี่ก็เอากระเป๋าออกจากรถ และเราก็ถามว่าค่ารถเท่าไหร่ เค้าก็บอกว่าค่าแท็กซี่ร้อยนึง ค่าบริการห้าสิบบาท เราก็จ่ายแบงค์พัน เค้าก็เอาเงินไปแลกแบงค์ย่อยที่เคาเตอร์ แต่พอตอนทอนให้เรา พี่แท็กซี่พูดว่า ให้ทิปพี่สามร้อย นะ นะ นะ และก็ทอนเงินให้เรา 550 บาท และก็เดินไปเลย  เรารับเงินมาแบบอึ้งๆ โห้เล่นงี้เลยเหรอ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 53 03:26:19 จากคุณ : songharry เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 03:28:03

ความคิดเห็นที่ 73 ไปเดินดูของที่ ซ. พัฒน์พงศ์ สามีไปถามราคากางเกงนอน แม่ค้าบอกตัวละ 750 บาท ดิฉันเคยเห็นขายที่ประตูน้ำ ตัวละ 150 บาท ดิฉันบอกแพงไป เลยเดินหนี ก้าวไปไม่ยังไม่พ้นซุ่ม โดนแม่ค้า ด่า ขึ้น E ..........ทั้งๆ ที่ดิฉันไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกว่าแพงแล้วเดินออกมา เสื้อยืดตัวละ 199 พอเห็นสามีไปถามกลายเป็นตัวละ 600 เลยปลงๆ ไม่อยากไปซื้ออะไรกะสามีอีกแล้ว ไปไหนก็โดนแต่โขกราคา อีกทีไปเรียกแท็กซี่ที่สวนลุมไนทบาร์ซ๋า เรียกๆ กี่คันๆ ก็ไม่มีคันไหนรับ เพราะว่าดิฉันไปกะสามี แท็กซี่จะรอแต่กลุ่มฝรั่ง หรือไม่ก็แขกที่ไม่มีคนไทยมาด้วย ตกลงดิฉันกะสามีต้องเดินออกไปเรียกแท็กซี่ข้างนอก คนไทยดีๆ ก็มีนะค่ะ ตอนไปกระบี่ สามีไม่สบายเพราะอาหารเป็นพิษ ต้องเช่าเรือออกแต่เช้า พอบอกสามีไม่สบายคนขับเรือรีบกุรีกุจอช่วยขนของ แทบไม่ได้เรียกราคาเพิ่มอะไรมากมาย สามีเลยทิปให้อีกเท่าตัว จากราคาที่ตกลงไว้ คนทำดีไม่หวังผล ก็ได้สิ่งตอบแทนดีๆ กลับเช่นกัน จากคุณ : chuamalee เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 06:09:28

ความคิดเห็นที่ 74 อ่านแล้วก็กลัวนิด ๆ เลยนะคะเนี่ย กะลังจะกลับเมืองไทยกะแฟน ครั้งแรกอ่ะค่ะ ยังไม่มีประสบการณ์ แถมตัวเองก็เป็นคนไม่ค่อยจะต่อราคาเท่าไหร่ด้วยอ่ะ แย่เลยยยยยย ไปคราวนี้ก็กะจะไปช้อปปิ้งซะด้วยซิ จากคุณ : เกิดมามีกรรม...ตัวดำแต่สวย (pd_nan) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 07:31:54

ความคิดเห็นที่ 75 ของเราค่ะ แฟนมาเมืองไทยรอบที่แล้ว ยังไม่โดนโขกราคา แต่แฟนเราอ่ะดิ ดันเอาไปให้เค้าซะเอง  เรื่องมีอยู่ว่า พอมาถึงเมืองไทยวันแรกแฟนเราให้เราเชิญเพื่อนๆไปเลี้ยงเนื่องในวันเกิดเราย้อนหลัง เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสดูหรูๆหน่อยค่ะ ทีนี้ตอนจ่ายเงิน เค้ากลัวว่าเราหรือเพื่อนเราจะแอบไปจ่ายเนื่องจากเกรงใจเขา  เค้าเลยแอบออกไปจ่ายตอนไหนไม่รู้ แล้วเดี๋ยวนี้ใบสลิปบัตรเครดิตที่ให้เซ็น เหมือนที่ US แล้วคือสามารถเขียนทิปลงไปได้  พอเรารู้ว่าเค้าแอบไปจ่ายเงิน  เราเลยฉุกคิดขึ้นมาว่าเรายังไม่ได้อธิบายเค้าเรื่องทิปเลยอ่ะ พอถามเค้าว่าทิปไปเท่าไหร่  แม่จ้าว...พี่ท่าน ทิปไป 5000 กว่าบาท  (นับศุนย์ไม่ผิดค่ะ) เพราะนึกว่าต้องทิป 15-20% ของค่าอาหาร เหมือนที่ อเมริกาอ่ะ กรี๊ดๆๆๆๆ  เสียดายตังค์มากๆ เลยบอกเค้าว่าต่อไปนี้ ดิชั้นจะจัดการเรื่องทิปเองนะ เลยสอนเค้าว่า ที่เมืองไทยเนี่ย วันหลังร้านดีๆ ทิปสัก 500-1000 บาทก้อพอ หรือถ้าปรกติ 100 ก้อหรูแล้ว เค้าก้อ งงๆ  555 มีแต่คนเค้าจะมาโขก  นี่เสนอตัวไปให้เค้าโขกเอง จากคุณ : cool_girlgang เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 08:59:18

ความคิดเห็นที่ 76   คุณ คหที่ 70 ถ้างั้นผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ ว่าสามีคุณเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะสมัยนี้เรียกผู้หญิงด้วยกันว่าเป็นสามีก็เยอะแยะไปเช่นกันครับ ประเด็นของผมก็คือ ผมว่าทุกอย่างมันมีทั้งดีและไม่ดีกันทั้งนั้นไม่ว่าจะชาติไหน คุณบอกว่าคุณไม่เคยถูกเอารัดเอาเปรียบทั้งจากพ่อค้า จากแท๊กซี่ นั่นเฉพาะคุณนะครับแล้วคุณใช้ตรรกะอย่างนี้เหมารวมไม่ได้ครับ ตัวผมเองตอนไปยุโรป ผมก็ว่าฝรั่งมันเอาเปรียบผม ขายของผมแพง น้ำดื่มขวดเป็นร้อย แต่เบียร์กระป๋ิองละ 1 ยูโร เพียงแต่ว่าที่ผมเริ่มต้นว่า ตกลงประเทศไทยไม่มีอะไรเลยหรือ แล้วตามด้วยประโยคอื่นๆ คุณอ่านแล้วคุณว่าผมมีอารมณ์ต่อว่าความเห็นก่อนหน้านั้นเหรอครับ ลองกลับไปอ่านดูใหม่ได้ครับ ผมอยู่เมืองไทยตัวผมเองก็เจอ ทุกคนก็ต้องเจอ เพียงแต่ว่าสถานการณ์ของแต่ละบุคคลอาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนกันก็ได้ โชคดีครับ จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 10:27:11 A:125.24.210.254 X: TicketID:207097

ความคิดเห็นที่ 77 ^ ^ ในยุโรปเบียร์ถูกกว่าน้ำดื่มเป็นเรื่องปกติค่ะ ทวีปอื่นไม่ทราบเพราะไม่เคยไป จากคุณ : FawltyTowers เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 11:42:54

ความคิดเห็นที่ 78   ขอเข้ามาแยมแสดงความเห็นด้วยคน สำหรับเราประเทศไทยมีอะไรมากมายที่ประเทศอื่นที่ผมเคยอยู่มาค่อนชีวิตไม่มี สิ่งที่มี คือ 1.ความอบอุ่นแบบไทยๆ (จีนๆ) ที่ตัวเราเองได้สัมผัสตั้งแต่แรกเกิด 2.การสื่อสารที่มีอยู่เพียงภาษาเดียว คือภาษาไทย (แม้ว่าจะมีภาษาจีนมั่งก็ไม่ได้ถือเป็นภาษาแปลกปลอมแต่อย่างไร) อันนี้ถ้าท่านๆที่อยู่ในต่างแดนแล้วต้องมีการขึ้นศาลก็จะรู้ซึ้งได้ว่า อันภาษาที่ไม่ใช่ภาษาบิดามารดาเรานั้นสำคัญไฉน? 3.ค่าครองชีพโดยทั่วๆไป ต่ำกว่าต่างแดนมาก เทียบง่ายๆคือ ใช้ 1,000 เหรียญในเมกา แค่จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ก็แทบไม่เหลือแล้ว แต่อยู่เมืองไทย 1 พันเหรียญเท่ากับ 32,000 บาทไทย เช่าอพาร์ทเม้นท์ค่อนข้างหรูอยู่ได้พร้อมผ่อนรถป้ายแดงได้อีก 1 คัน 4.มีบัตรทองรักษาฟรีทุกโรค เดี๋ยวนี้ 30 บาทเขาก็ไม่เก็บแล้วด้วย 5.การติดต่องานใดๆก็ง่ายดายกว่าในต่างแดน เพราะผู้ที่ติดต่อด้วยเขาไม่เห็นว่าเราเป็นกระเหรี่ยง (ต่างด้าว) (คำว่ากระเหรี่ยงนี้คนไทยเรียกพวกที่ไม่ใช่เมกันชนในเมกาตั้งแต่รุ่นบุกเบิกในยุก 60) นี่เป็นข้อดีๆเท่าที่นึกได้ตอนนี้ ส่วนข้อไม่ดียังไม่ได้เจอะเจอ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มี จากคุณ : Rapier (Rapier) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 12:10:54

ความคิดเห็นที่ 79 คห.76 ดิฉันอยู่เยอรมัน เรื่องเบียร์ นี่ถูกจริงๆ ค่ะ เพราะแต่ละเมืองแข่งขันกันผลิตเบีรย์เอง ไมไ่ด้สั่งสินค้า ปลูกเอง ต้นทุนไม่เยอะ ก็เลยถูก แต่น้ำก็แพงจริงๆ เพราะเป็นน้ำแร่อย่างดี... จขกท.คงอยากแชร์บางสิ่งที่เห็นซึ่งมันไม่ดีที่เมืองไทย ให้ฟัง ดิฉันบางครั้งก็เจอะเจอบ้าง ยกตัวอย่าง กลับไทย แล้วขึ้นไปชั้น 4 รอแท๊กซี่ แท๊กซี่ก็มารอรับ นั่งรถในรถเฉยๆ ไม่ยกกระเป๋าช่วยเลย ทั้งที่ๆ กระเป๋าเดินทางมีแต่ใบใหญ่ๆ 3 คนพ่อแม่ลูก กระเป๋าเยอะมาก พอนั่งเสร็จ แท๊กซี่ออกรถเลย ไม่กดมิเตอร์ เราบอก ทำไมไม่กดมิเตอร์ เขาบอกมิเตอร์เสีย ถ้างั้นจอดเราต้องการไปรถมิเตอร์ เขาบอกเขาได้ออกมาแล้วจอดไม่ได้ .. ทีนี้เขาก็ขอค่าเหมาเท่านั้นเท่านี้ ซึี่งมันเกินจากความเป็นจริง มากเกินไปถ้าเทียบกับมิเตอร์ที่เราเคยไปตรงจุดนั้น เขาบอกคนอิสราเอล ผัวเมีย เขายังจ่ายเท่านี้เลย ค่ะ แต่ดิฉันคนไทยนะคะ  เราก็บอกเราไปมิเตอร์ราคาเท่านี้ งั้นคุณจอดให้เราตรงนี้เราจะรอรถใหม่ตรงนี้ เราจะจ่ายค่่าเสียเวลาให้คุณตามเห็นว่าเหมาะสม ถ้าคุณไม่จอดเราจะโทรแจ้ง 191 โอเคใหม แท๊กซี่โมโหมากๆ บ่นๆ ยังกะนักเลง สามีเลยโมโห จะจอดหรือไม่จอด ฉันจะโทรเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้ เขาก็บอกจะวนไปจอดที่แอร์พอร์ต คงคิดจะรับคนอื่นต่อ ทีนี้คงคิดว่ากลับไปก็ไม่ได้คน ก็เลยตกลงราคาเอาพอสมเหตุสมผล เราก็โอเคไมอยากเรื่องมาก ระหว่างเดินทาง ขอโทษเราบอกว่าขอโทษนะพี่ คือ ผมกลุ้มใจ ลูกผมเข้า รพ.ผมไม่มีเงิน (ดราม่ามากๆๆ)  เราก็โห้ อารมณ์ตอนนั้นสงสารไม่มีเลยค่ะ มีแต่เงียบ เขาก็ถามต่อพูดดี ลูกสาวหรือลูกชาย แล้วใครจะมีอารมณ์ที่จะอยากคุยด้วย ตอนแรกอย่างกะนักเลง ..พอถึงจุดหมายรีบยกกระเป๋าใหญ่ พอเสร็จเราก็เฉย เขาเข้ามาถาม ทิปหล่ะพี่ เราบอกไม่มี คุณเลือกที่จะปฏิบัิติกับเราอย่างนี้เราก็ตอบกลับอย่างนี้กะคุณเช่นกัน แล้วเดินหนี คุณแท๊กซี่ก็ปิดประตูดังปั้งสนั่นหวั่นไหว.. แต่แท๊กซี่บางคันซึ่งดีมากๆ รีบยกกระเป๋าช่วย กดมิเตอร์หลังจากเรานั่งเรียบร้อยแล้ว ถามแอร์เย็นใหม อย่างนั้นอย่างนี้ พอถึงจุดหมายรีบออกมายกกระเป๋าก่อนเรา แฟนดิฉันเห็นอย่างนี้ให้ทิปเกือบเท่ากับราคาค่าโดยสารค่ะ เขาบอกเขาประัทับใจการบริการของเขา บางครั้งเขาก็ทำเกินเหตุ มันมีทั้งสิ่งดีสิ่งร้ายที่เราเจอ ปะปนกันไปค่ะ ถ้าสถานที่ตรงนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ราคานักท่องเที่ยวมันก็สมเหตุสมผล เพราะเชาเช่าที่แพง ...ถ้าเราคิดได้กลางๆ เข้าใจเขาเข้าใจเรา ทุกอย่างมันจะดีเองค่ะ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 53 12:26:39 จากคุณ : เปปโป เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 12:22:03

ความคิดเห็นที่ 80 ทำให้นึกถึงคุณสามีเหมือนกันค่ะ แกชอบไปทักทายบรรดาตุ๊กๆ หรือวินรถที่อยู่ตามโรงแรม และพวกร้านค้าที่พนง.เป็นคนแขก แล้วพอคุณสามีไปทักหรือตอบรับคนพวกนั้นที พี่แกรีบยื่นโปรชัวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมาให้ อย่างรอบปีนี้ที่กลับไปเที่ยวไทยมา จังหวะคุณสามีผ่าตัดพอดี พนง.ขายเสื้อผ้าที่เป็นคนเเขกเข้าทักทายตีสนิทเหมือนเพื่อน (อันนี้ไม่ว่ากัน) แต่เวลาทักทายทีไร แกชอบเข้ามาตีตรงแขนและไหล่ของคุณสามี ไอ้เราก็เตือนไปไม่รู้กี่ครั้ง (ร้านขายเสื้อผ้าจะอยู่ในซอย เวลาออกไปข้างนอกจะต้องผ่านร้านนี้) ทั้งคุณสามีและพนง.คนนั้นก็ไม่เคยจำ O_o" เรื่องที่สองอันนี้วินตุ๊กๆเข้ามาทักคุณสามีอีกละ แล้วตามเดิมคุณสามีเป้นคนมารยาทดีค่ะ ทักทายคืนบ้าง คราวนี้เจอลุงชวนให้นั่งรถและโชว์รูปสถานที่ท่องเที่ยวอีกละ แต่คราวนี้ลุงต๊ก ตุ๊ก ของ 150 บาท ขับรถไปส่งโรงแรม (O_o") ซึ่งจากที่คุยกับลุงตุ๊ก ตุ๊กไปถึงโรงแรมไม่ไกลเลยค่ะ เดินแป๊บเดียวก็ถึง ส่วนเรื่อง Taxi ดีๆก็มีนะคะขอชมเฉย ไปเจอพี่คนนี้ที่สนามบินกลับมาจากการเที่ยวบาหลี คุยไปคุยมาเลยถูกคอ พี่แกไม่ได้เรียกร้องอะไรมากมาย แทมยังคอยช่วยเหลือเรา ช่วงตอนที่อยู่ไทยก็อาศัยพี่เขาพาไปเที่ยวนั้นเที่ยวนี่ จากคุณ : malibule (malibule) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 13:05:46

ความคิดเห็นที่ 81   แหม....คุณ คนไทย     เราสื่อสารกันด้วยภาษาไทยนะคะ  แต่ทำไมถึงเข้าใจยากขนาดนี้ ดิฉันไม่ได้ออกมาบอก  ว่าดิฉันเป็นหญิงแท้นะ แต่งงานมีลูกตั้ง 2 คน ถ้าสามีเป็นหญิง จะมีลูกได้ยังไง   เหมือนคุณเสียหน่อย  เพราะฉะนั้นคุณจะแน่ใจหรือไม่แน่ใจ ว่าสามีดิฉันเป็นหญิงหรือเป็นชายก็ไม่จำเป็นต้องมาบอกดิฉันหรอกค่ะ    เราพูดกันเรื่อง การที่เรามี  สามีฝรั่งต่างชาติ แล้วถูกคนไทยด้วยกัน โก่งราคาสินค้าและบริการจากเราค่ะ ถ้าเราไม่รู้ว่าราคาขายที่แท้จริงในบ้านเมืองนั้นมันเป็นอย่างไร  แล้วออกมาบ่นว่า ถูกเอารัดเอาเปรียบ(เหมือนคุณ)   นั่นก็อีกอย่างหนึ่ง  แต่นี่บ้านเมืองเรา  เรารู้อยู่ว่าราคาปรกติที่ควรจะเป็นมันเท่าไหร่   แต่โดนโขกไป 10 เท่าที่เห็นเราไปกับสามีฝรั่ง(จะหญิงหรือชายก็เหอะ)  อันนี้มันสมควรมั๊ยคะ ในฐานะที่เราก็คนไทย  แต่ได้สามีฝรั่ง   นี่อ่ะค่ะ หรือคุณไม่เห็นเราเป็นคนไทยเช่นเดียวกันกับคุณแล้ว  ถึงต้องปกป้องพวกพ่อค้าแม่ค้าเอาเปรียบขี้โกงพวกนั้น เพราะเห็นว่าเป็นคนไทยเหมือนกันจะผิดถูกยังไงไม่ต้องสนใจหรือคะ   ปล. คุณ คห.75  ระวังจะเจอพวกด่า  ว่าอย่าสอนมัน(ฝรั่ง)ให้รู้มากนักนะ  เหมือนดิฉันนะคะ จากคุณ : เศษไม้ฯ (เศษไม้ใบหญ้า) เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 13:17:12

ความคิดเห็นที่ 82 คุณ คห.ที่ 74 (pd_nan) .............................. ไม่ต้องกลัวค่ะ กลับมาเที่ยวให้สบายใจเถอะค่ะ อันไหนเลี่ยงได้เลี่ยง อันไหนเลี่ยงไม่ได้ ก็ค่อยๆเรียนรู้ไป ยังไงก็บ้านเกิดเมืองนอนเราค่ะ ^^ เรื่อง Taxi ถ้าอยากเลี่ยง ก็พยายามพัก โรงแรมที่ติดรถไฟฟ้าทั้งใต้ดิน บนดินมีเยอะแยะราคาไม่แพง ถ้าอยากทราบ หลังไมค์มาถามได้ค่ะ ^^ ถ้าจะไปเที่ยวที่ไหนก็ ใช้บริการรถตู้ อย่างที่ดิฉันได้ เขียนไว้ตรง คห. ด้านบนค่ะ ส่วนซื้อของ ก็พยายามซื้อที่ติดราคาไว้แล้วหรือ ต่อรอง กับแม่ค้าไป อย่าได้เก็บมาเป็นอารมณ์ค่ะเพราะจะทำให้หงุดหงิดเปล่าๆ ของที่เป็นไทยๆๆ ก็อาจจะ เดินชิลๆ แถว จตุจักร หรือ แถวๆ ประตูน้ำ ทางไป รร.อินทราฯ ก็ดีค่ะ ราคาน่ารัก พอรับไหว ^^ ไม่มีไรน่ากลัวหรอกค่ะ อย่างน้อยๆๆ เมืองไทยก็เป็นบ้านของเราเนาะ คนที่รักเรา รอเราอยู่....เที่ยวให้สนุกนะคะ ^^ .............. แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 53 14:05:12 จากคุณ : I am JIB 2007 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 14:00:54

ความคิดเห็นที่ 83   เคยเจอเราพาลูกสาวมาทานข้าวที่ร้านอาหารของโรงแรม   น้องคนรับออเดอร์พี่คะแม่น้องไม่มาหรือคะ   แป่วววววว จากคุณ : snyggen เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 15:04:39

ความคิดเห็นที่ 84 คุณ : เศษไม้ฯ (เศษไม้ใบหญ้า) โชคดีค่ะที่ยังไม่เคยโดนด่าแบบนั้น ถ้าโดนคงของขึ้นเหมือนกัน  เลยตัดปัญหา เอารถไปรับไปส่งแฟนเองเลย ไม่ต้องง้อ Taxi ที่สนามบิน พอไปภูเก็ตก้อให้ที่โรงแรมหารถพร้อมคนขับไปเลย หมดปํญหากับพวกรถรับจ้างหน้าเลือด โชคดีที่พอไปร้านขายของที่ระลึกตรงแหลมพรหมเทพ สินค้าทุกชิ้นมีป้ายราคาหมด แล้วคนขายก้อดีมากเลยค่ะ ไม่โก่งราคาเลยด้วย อิ อิ จากคุณ : cool_girlgang เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 16:59:09

ความคิดเห็นที่ 85 เห็นหลายๆคนเจอพฤติกรรมแย่ๆของแท๊กซี่ไทยแล้ว ก็ทำให้อดไม่ได้ต้องขอเล่าเรื่องที่เคยเจอกับตัวเองที่มีทั้งดีและไม่ดี ... ถือเป็นประสบการณ์เล่าสู่กันฟังนะคะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ รวมทั้งหาทางหนีทีไล่ให้แก่เมียฝรั่งในคราวต่อไปค่ะ มีหลายๆครั้งที่ดิฉันกลับเมืองไทยไปแล้ว เวลาต้องไปทำธุระในเมืองแบบชนิดที่เป็นแหล่งหาที่จอดรถยากๆนี่ก็ไม่อยากจะขับรถเข้าไปเอง ก็จะเรียกใช้บริการแท๊กซี่ แถวๆหมู่บ้านที่ดิฉันอยู่นี่จะมีวินแท๊กซี่หน้าหมู่บ้านโทรบอกยามหน้าหมู่บ้านว่าขอแท๊กซี่ 1 คัน ยามก็โบกมือเรียกให้เลยและเราก็บอกไปว่าบ้านเลขที่เทาไหร่ ซึ่งเท่าที่เคยใช้บริการมาคนขับรถแท๊กซี่พวกนี้จะน่ารัก อัธยาศัยดี และไม่พูดมาก เขาจะมารับเราถึงหน้าบ้านเลย มีอยู่คันหนึ่งที่เรียกใช้บริการด้วยความบังเอิญซ้ำกัน 2-3 ครั้ง คนนี้ไม่เคยพูดมากเลย ใบ้รึเปล่าไม่ทราบ ฮ่าๆ เพราะแค่บอกว่าจะไปไหนเขาก็แค่พยักหน้ารับคำ แล้วก็ขับพาเราไป ... คนนี้ดีมากๆเห็นว่ามีฝรั่งขึ้นรถมาก็รีบเร่งแอร์ให้เย็นขึ้น เปลี่ยนวิทยุจากที่เขาฟังอยู่ให้เป็นซีดีเพลงฝรั่งเบาๆฟังแล้วอารมณ์ดี ... พอถึงที่หมายค่ารถประมาณหลักร้อยขึ้นทุกครั้ง โดยกดมิเตอร์ ดิฉันเป็นคนถือเงินเองตลอด ดังนั้นดิฉันควักจ่ายทีไร คนขับคนนั้นทอนเงินตามปกติทุกทีไม่มียึกยัก หากเหลือน้อยดิฉันจะบอก .. น้องไม่ต้องทอน แล้วแถมทิปเพิ่มด้วย ... แล้วจะบอกด้วยว่า ขอบคุณมากนะคะ บริการแบบนี้พี่ชอบ หวังว่าคราวหน้าเราคงได้เจอกันอีก ... แล้วก็ได้เจอจริงๆ 2-3 ครั้งหลังจากนั้นในปีนั้น และทุกครั้งเขาก็ทำเหมือนเดิม นี่เป็นคนขับแท๊กซี่คนเดียวเลยที่รู้จักการบริการอย่างแท้จริง ... รวมทั้งรู้มารยาทของการบริการเพื่อให้ได้ทิปด้วย แบบนี้สิ่น่าให้เพราะเขาไม่เคยขอ และไม่ต้องพูดอะไรกันมาก รู้หน้าที่ตัวเอง แต่เวลามาถึงคนแย่ๆนี่ก็มีไม่น้อย มีอยู่คนหนึ่งจำได้แม่นเพราะทำเอาเราโกรธจนไม่มีความสงสารให้ คันนี้อาศัยโบกเอาข้างถนน ... นี่ไปพร้อมลูกด้วยนะ 4 คนจะไปกินข้าวแถว ซ.ศาลาแดง ก้าวขาขึ้นรถปุ๊ปบอกสถานที่ๆจะไปปั๊ป รถยังไม่ทันขยับออกตัว คนขับก็เอาละ ... พล่ามถึงความยากลำบากในชีวิต วันนี้ตั้งแต่ออกรถมาเจอพี่เป็นคนแรกเลยนะเนี่ยมาช่วยชีวิตไว้ ... พูดพล่ามต่อไปถึงเศรษฐกิจและเมียที่บ้านก่นด่าทุกวันหาว่าได้เงินน้อย ไม่พอกิน บลาๆๆ ... บร๊ะเจ้า อะไรกันเนี่ย ฉันแค่มาใช้บริการนะจ๊ะ ไม่ใช่พระมาโปรด สรุป ทนนั่งไปไม่ถึง 50 เมตร แถมรถติดอีก บอกแท๊กซี่เดี๋ยวนั้นเลย คุณๆจอดข้างทางเลยนะจอดเดี๋ยวนี้ ไม่ไปแล้ว ไม่ไหว ... มิเตอร์ขึ้น 35 บาท ให้ไปเลย 50 บาท ... บอกตบท้ายไปด้วยว่านี่ถ้าไม่พูดมาก แล้วส่งถึงที่หมายสบายผิดกัน อาจจะได้มากกว่านี้นะ ... เอา 50 บาทนี่ไปคิดดูแล้วกัน ทั้งลูกทั้งสามีเหวอหวาอะไรกันแม่ พึ่งขึ้นมาจะลงซะและ ... อาชีพขับแท๊กซี่มันก็คืออาชีพหนึ่งนะ ฉันเป็นคนใช้บริการฉันก็ต้องทำงานหาเงินมาจ่ายคุณเหมือนกันนั่นแหละ ... เห็นฝรั่งกับผู้หญิงไทยพร้อมลูกขึ้นรถแท๊กซี่มาด้วยกันแท้ๆ ก็หวังจะฟันให้หัวแบะแถมยังกระแนะกระแหนเรื่องค่าครองชีพอีก ... แบบนี้หรือเรียกว่าบริการ ? จะทำมาหากินมันก็ต้องมีความสุจริตและมีจรรยาบรรณของอาชีพในการทำมาหากินกันบ้าง ประเภทชอบใช้ความยากลำบากของตัวเองมาเปรียบเทียบกับค่าของความเป็นคนต่างชาติ แล้วคิดว่าฝรั่งรวยกว่าต้องให้มากกว่า มาเจอเมียไทยเหนียวๆเขี้ยวๆแบบฉันบ้างแล้วจะรู้จักเมียฝรั่งดีขึ้น คนเราทำมาหากินเหมือนๆกัน ขูดรีดมนุษย์ด้วยกันอยู่ได้ นึกถึงเรื่องนี้ทีไรทำให้ไม่คิดจะใช้บริการแท๊กซี่และจะหลีกเลี่ยงที่จะใช้บริการแท๊กซี่ไทยไปเลย ... แม้จะเจอคนดีๆอยู่บ้างแต่ก็น้อยเต็มทน เจอคนดีๆมีหรือจะไม่อยากให้ แต่ยามเจอคนร้ายๆนี่ก็เหลือจะทนจริงๆ ขอบอก ... ถึงบอกว่าถ้าเลี่ยงขึ้นรถแท๊กซี่ไม่ได้ก็ต้องทำตัวบ้าใบ้หูตึงขึงขังยิ่งกว่ายักษ์วัดแจ้งไปซะเลย แต่พวกที่จะมายึดเงินทอนแล้วขอกันดื้อๆนี่ ถือว่าเอาเปรียบกันอย่างแรง ใครเจอแบบนี้อีกก็อย่าไปยอมค่ะ แหม ... อ่านประสบการณ์ของแต่ละคนแล้วอยากกลับไปทำธุรกิจรถแท๊กซี่มีมารยาทที่เมืองไทยจริงๆเล๊ยย ... นี่หากใครอยู่เมืองไทยแล้วทำได้ จงรีบๆทำค่ะ รับรองธุรกิจนี้จะมีเมียฝรั่งไปใช้บริการกันให้พรึ่ด ... ฟันธง จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 17:15:10

ความคิดเห็นที่ 86 ต้องทำใจค่ะ ไปประเทศไหนๆส่วนมากก็จะเจอค่ะ เรื่องโดนโก่งราคาเพราะเห้นเราเป็นนักท่องเที่ยวน่ะค่ะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 17:27:36

ความคิดเห็นที่ 87   คุณ cool_girlgang   ดิฉันเจอมาแล้วจริงๆ ค่ะ มัวแต่อึ้งที่ได้ยิน ของขึ้นไม่ทัน  คุณแท็กซี่คันนั้นเขาก็กระชากรถออกไปซะแล้ว คุณ กุศโลบายจากความจริง  เขียนได้เหมือนถอดจากใจดิฉันเลยค่ะ เจอที่บ่นแบบคุณเล่าเหมือนกันเลย  แต่ดิฉันไม่ค่อยกล้าหักหาญใจคนเท่าไหร่ อดทนและเงียบอย่างเดียวค่ะ จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 17:44:40

ความคิดเห็นที่ 88 เราก็คนนึงคะ ที่อยู่ชมรม สามีฝรั่ง กลับไทยอย่างไม่ได้ปีละครั้ง แต่งงานและรวมทั้งคบกันมาสี่ปีกว่าๆคะ สามีพูดไทยได้บ้าง ทานอาหารไทยบ้าง เวลาไปซื้อของก็จะโดนเหมือนกันคะ เราคุยกับแม่ค้าเป็นภาษาไทย สามีฟังออกหมดคะ เราถามราคา แต่ยังไม่ได้ต่อ แต่สามีพูดออกมาก่อนเลยคะ ต่อหน้าแม่ค้าว่า " ไม่เอา แพง " แล้วจูงมือเราเดินหนี แม่ค้า อึ้งคะ และอาหารบางอย่างเช่น ผัดไก่ใส่เม็ดมะม่วง พอพนักงานมาเสริฟ แล้วเราเริ่งลงมือทาน สามีบอกว่า แม่ค้าขี้เหนียวเม็ดมะม่วง มีสี่ห้าเม็ดเอง เราอึ้งคะ ไม่เคยสอนให้พูด จากคุณ : virung เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 20:04:46

ความคิดเห็นที่ 89   เรื่ิองแท๊กซี่ ถ้าเป็นการรับส่ง ผดส.ทั่วไป กับการบวกนิดบวกหน่อย หรือ การไม่ชอบมาพากลของคนขับ...เราเฉยๆนะ ถ้าดูแล้วไม่น่าเกลียดเกินไป เทียบเป็นยูโร ดอลล่า ก็พอรับได้ แต่ที่เกลียดสุดๆ ก็คือการหลอกลวง แบบตั้งใจหลอกเลย ประเภทกะฟันหัวแบะ ทั้งประเภทร้านอาหารและรีสอร์ท ดูแล้ว...ฮั้วกันแน่นอน โดยหากินร่วมกันกับแท็กซี่ เพราะแท็กซี่ เป็นฝ่ายหา ผดส.แล้วนำไปส่ง ร้านอาหาร,รีสอร์ท พอเก็บเงินที มันคูณสอง คูณสาม...ผิดปกติ ที่รู้ เพราะเพิ่งคิดได้ เพราะตัวแปร ผมทองหัวล้านนี่ล่ะ ฮ่าๆๆ เลยโดนซะ เฮ่อ จากคุณ : mama J. เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 03:32:54 A:77.161.170.47 X: TicketID:170663

ความคิดเห็นที่ 90   คุณ คหที่ 81 (เศษไม้ใบหญ้า) ผมว่าตัวคุณเองไม่น่าที่จะเข้าใจภาษาไทยได้ง่ายนะครับ คิดว่าตัวคุณเองน่าจะเป็นคนที่เข้าใจในภาษาไทยยากกว่าผมนะครับ ข้อสำคัญผมไปปกป้องคนที่เอารัดเอาเปรียบ หรือ เห็นแก่ได้ตรงไหนละครับ หรือว่ามีนิ้วไว้แค่พิมพ์ตัวหนังสือออกมาละครับ ผมเองในคห.ของผมก่อนหน้านี้ ผมก็แจ้งแล้วนี่ครับว่าตัวผมเองก็เคยโดน หรือ คุณยังไม่เข้าใจว่า ทุกคนมันมีทั้งดีและไม่ดี ประการสำคัญ ถ้าคุณอ่านความคิดเห็นของผมตั้งแต่แรก ผมเริ่มต้นอย่างไร เริ่มต้นด้วยการโกรธคนแสดงความคิดเห็นหรือครับ หรือ ในความคิดเห็นต่อมาที่มีต่อความคิดเห็นของคุณ ผมไปแสดงการปกป้องคนที่เอาเปรียบคนอื่นตรงไหนครับ ถ้ายังไม่เข้าใจอ่านวรรคแรกของ ความเห็นนี้หลายๆเที่ยวนะครับ โชคดีครับ จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 11:23:52 A:125.25.1.140 X: TicketID:207097

ความคิดเห็นที่ 91   #90    โอเคค่ะ เราคุยกันดีๆ แล้วก็ยังไม่รู้เรื่องเข้าใจยาก ก็ไม่จำเป็นอะไรจะต้องมาพยายาม  ดิฉันเลิกทำความเข้าใจกับคุณก็แล้วกัน เพราะไม่มีประโยชน์อะไร โชคดีเช่นกันค่ะ จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 14:10:46

ความคิดเห็นที่ 92   มาแชร์ประสบการณ์เหมือนกันค่ะ ตอนนั้นนะคะ ไปเที่ยวนิวยอร์คครั้งแรกค่ะ หูฟังเสีย ไม่รู้ว่าเค้าไปซื้อหูฟังแถวไหนกัน ก็เลยเข้าร้านอิเล็กทรอนิกส์ร้านนึง ถามเอาหูฟังแบบอินเอียร์ มันก็แนะนำมาเลยหูฟังอันนี้เมพ โง้นงี้ บลาๆๆๆ โดนไป $50 ปรากฏว่าอยู่ไปซักพัก ก็เพิ่งจะรู้ว่า ไอ้ที่มันบอกว่าดีมากอะไรนี้ ของธรรมดาพื้น ๆ เลย ราคาไม่เกิน $10 แมร่ง... ไอ้พวกฝรั่งหน้าขนไอ้หน้าขี้โกง! (จริง ๆ ก็รู้ตัวแหละ ว่าโง่เอง แต่อยากมาแจมด่า) จากคุณ : Black-White&Gray เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 14:47:45

ความคิดเห็นที่ 93   #91 ใช่ครับเลิกคุยก็ดีในเมื่อเข้าใจยาก ก็ไม่จำเป็นต้องพยายามชี้แจงอะไรให้มากความ เพราะมันก็ไม่ทำให้เกิดประโยชน์อะไรกับผมเช่นกันครับ โชคดีครับ จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 15:33:22 A:125.25.1.140 X: TicketID:207097

ความคิดเห็นที่ 94 ไม่ใช่เมียฝรั่งคะ แต่พอดีฝรั่งเป็นเพื่อนสนิทกับป้า  มีครั้งนึงไปเที่ยวที่หาดสุรินทร์(จังหวัดภูเก็ต)  แล้วมีคนใส่พวกน้ำเปล่าน้ำอัดลมในกระติกมาเดินขาย ก็เลยซื้อ (ขี้เกียจเดินขึ้นไปซื้อข้างบน เพราะคิดว่าไม่ต่างมาก) ลุงฝรั่งเค้าหยิบน้ำเปล่ายี่ห้อ namthip มาขวดนึง ซึ่งเซเว่นบ้านเราขวดละ 7 บาท ตามหาดคิดว่าอย่างดีไม่เกิน 15 บาท ลุงถามว่า How much คนขายหน้าด้านมากบอกว่า '' วัน ฮัน เดร็ด บาท เซอร์ '' เราเลยรีบคว้าขวดน้ำคืนใส่กระติกเลย   20 บาท ตูว่าแพงละ เมิงขายลุงตู 100 บาทเลยเรอะ บัดซบมาก เลยเดินไปซื้อข้างบนให้ลุง แม่ค้าขาย 10 บาทเอง   เกลียดพวกเอาเปรียบต่างชาติมาก น่าเกลียดเกินไป ทำให้เราคนไทยดูแย่ แม้ลุงเองแกไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้น แต่เราคิดมาก หงุดหงิดไปทั้งวัน จากคุณ : ลิตเติ้ลคิมเดวิลล์ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 16:16:35

ความคิดเห็นที่ 95 ไม่ใช่เมียฝรั่งคะ แต่พอดีฝรั่งเป็นเพื่อนสนิทกับป้า  มีครั้งนึงไปเที่ยวที่หาดสุรินทร์(จังหวัดภูเก็ต)  แล้วมีคนใส่พวกน้ำเปล่าน้ำอัดลมในกระติกมาเดินขาย ก็เลยซื้อ (ขี้เกียจเดินขึ้นไปซื้อข้างบน เพราะคิดว่าไม่ต่างมาก) ลุงฝรั่งเค้าหยิบน้ำเปล่ายี่ห้อ namthip มาขวดนึง ซึ่งเซเว่นบ้านเราขวดละ 7 บาท ตามหาดคิดว่าอย่างดีไม่เกิน 15 บาท ลุงถามว่า How much คนขายหน้าด้านมากบอกว่า '' วัน ฮัน เดร็ด บาท เซอร์ '' เราเลยรีบคว้าขวดน้ำคืนใส่กระติกเลย   20 บาท ตูว่าแพงละ เมิงขายลุงตู 100 บาทเลยเรอะ บัดซบมาก เลยเดินไปซื้อข้างบนให้ลุง แม่ค้าขาย 10 บาทเอง   เกลียดพวกเอาเปรียบต่างชาติมาก น่าเกลียดเกินไป ทำให้เราคนไทยดูแย่ แม้ลุงเองแกไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้น แต่เราคิดมาก หงุดหงิดไปทั้งวัน จากคุณ : ลิตเติ้ลคิมเดวิลล์ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 16:16:47

ความคิดเห็นที่ 96   ตอนนี้ดิฉันตามอ่านเรื่องของเพื่อนๆ สมาชิกแล้ว ขำค่ะ หาเรื่องขำๆ มาเล่าดีกว่า อันนี้ไม่ได้ต่อว่านะคะ  มันรู้สึกขำในความที่คนไทยบางคนยังเห็นฝรั่งเป็นของแปลกอยู่ ดิฉันกับสามีพาเพื่อนๆ เขาไปเที่ยววัดอรุญ  ด้วยความที่ดิฉันกับสามีเคยเข้าไปเที่ยวแล้ว  ก็เลยไม่อยากเสียค่าผ่านประตูเข้าไปดูอีก  ปล่อยเพื่อนๆ เขา เขาไปกันเอง  ดิฉันกับสามีนั่งรออยู่ตรงบริเวณศาลาด้านนอก นั่งนานเมื่อยๆ ดิฉันเลยลุกไปเดินดูอะไรเล่น ปล่อยสามีนั่งคนเดียวสักพัก เดินกลับมาก็เห็นมีผู้หญิงรุ่นป้าคนหนึ่ง(วัยเดียวกะดิฉันแหละ) มานั่งข้างๆ สามีดิฉันและแอ็คท่าให้พวกถ่ายรูป  สามีดิฉันก็คิดว่าเธอจะใช้ทำเลตรงนั้นถ่ายรูป  ก็รีบจะขยับหนีลุกออก  แต่เธอจับแขนสามีดิฉันไว้ บอกไม่ต้องๆๆๆๆ  ฉันจะถ่ายกับคุณนี่แหละ    เหวอเลยค่ะดิฉัน มองหน้ากับสามีอมยิ้ม พอคุณเธอลุกไปแล้ว(นอกจากไม่ขอ แล้วยังไม่ขอบคุณด้วยนะ) สามีดิฉันก็หัวเราะ ขำ  พูดเล่นว่า หาจ๊อบพิเศษดีกว่า มานั่งให้ถ่ายรูปแล้วเก็บตังส์ จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 16:36:36

ความคิดเห็นที่ 97 ไม่ใด้เป็นที่ประเทศไทยประเทศเดียวหรอกค่ะ เคยเจอเหตการณ์ทำนองเดี่ยวกับ จขกท. เช่นกัน เวลาไปชอบปิ้งซื้อของ, ค่าเเท็กซี่, ค่าอาหาร,ไปเที่ยว หรืออื่นๆ ประเทศที่เจอมากับตัวคือ อินเดีย, ปากีสถาณ,ฟิลิปปินส์,ปากีสถาณ,อีหยิป ดิฉันอยู่อเมกา เมื่อเร็วๆนี้ไปช้อปปิ้งวันเปืดเทอมให้ลูกในห้างสรรพสินค้าย่านตัวเมือง ลัษณะร้านเป็นพื้นที่เเบ่งเช่า เดินเข้าไปดูของที่ร้านนึง เจ้าของร้านเเละพนักงานขายเป็นเอเชี่ยน ดิฉันหยิบกระเป๋าขึ้นมาดูป้ายราคาระบุว่า 25  ดอลล์ ลูกสาวบอกว่าเเพง เลยพากันเดินออก เจ้าของร้านตะโกนตามหลังมาว่า ลดราคาให้ 15ดอลล์เอาใหม? จากคุณ : Quel เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 17:52:48

ความคิดเห็นที่ 98   เอ่อออ.....  ดิฉันชักจะรู้สึกว่า มีหลายท่านเลยที่ยังไม่เข้าใจ กับหัวข้อกระทู้  ที่ จขกท.ต้องการจะสื่อนะคะ   ดิฉันขออนุญาตนะคะ นำหัวข้อมาลงตรงนี้อีกครั้ง...... เมื่อฝรั่งถูกถอดสมการได้เท่ากับเงินเรื่องจึงมาเดือนร้อนที่ภรรยาฝรั่ง   ดิฉันขออนุญาตเน้นนะคะ  มาเดือดร้อนที่ภรรยาฝรั่ง ค่ะ แต่ดูเหมือนหลายท่าน เล็งไปที่เรื่องของการท่องเที่ยว เรื่องของชาวต่างชาติที่ท่องเที่ยวไปประเทศต่างๆ ล้วนก็เป็นเหมือนๆ กัน(ขี้โกงเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวต่างชาติ)  ซะงั้น จริงแล้วฝรั่งไม่ได้เดือนร้อนอะไรมากมายหรอก  แต่อิเมียขี้งกอย่างดิฉันนี่ล่ะค่ะ  ที่ออกมาบ่นซะเอง ด้วยความรู้สึกเสียดายเงินในกระเป๋าของสามี ซึ่งอิฉันเองก็ล้วงจากกระเป๋านั้นแหละ  ถ้ามันหมดไปแล้วดิฉันจะไปล้วงจากที่ไหนใช้ล่ะคะ  เอิ๊กๆๆๆๆ สามีดิฉันนี่ไม่ว่าเลยค่ะ อย่างไปเที่ยวตามชายหาด พวกขายมะพร้าวลูกละ 50 บาท ข้าวโพดปิ้งฝักละ 50 แตงโมซีกละ5-80 (เมื่อ 3-4 ปีก่อนโน้นนะ) ดิฉันนี่ตาโต แต่คุณสามีบอกมันก็สมควรแล้ว ถึงคุณจะรู้ว่าต้นทุนมันมาต่ำก็จริง แต่เขาแบกมาขายกลางแดดร้อนๆ ชายหาดอย่างนี้ ต้องเห็นใจเขาสิ  อ้าว...อิฉันโดนตำหนิซะเอง  อายเลยค่ะ จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 18:28:18

ความคิดเห็นที่ 99 ดิฉันว่าไม่จริงเสมอไปที่พ่อค้า แม่ค้าไทย หรือ คนขับแทกซี่จะพยายามเอาเงินจากคุณเพราะเห็นว่า ลูกค้าเป็นฝรั่ง หรือ มากับฝรั่ง  เพราะสถานที่ที่คุณไปส่วนใหญ่เป็นสถานที่ท่องเทียว  ดังนั้นราคาสินค้าจะแพงกว่าปกติอยู่แล้วคะแม้แต่คนไทยด้วยกัน  เช่น ภูเก็ด พัทยา  แท็กซี่สนามบินหรือแม้แต่ตามขนส่ง  ส่วนมากก็จะแพงกว่าปกติคะแม้แต่คนไทยด้วยกัน  และส่วนใหญ่พวกนี้จะขอให้คุณเหมาเพราะแทกซี่พวกนี้ต้องจ่ายค่าที่แพงคะ  คิดว่ากรณีแบบนี้ไม่ได้มีในประเทศไทยเท่านั้นคะ  อยากจะถามว่าเวลาคุณไปเที่ยวประเทศในแถบยุโรปหรืออเมริกาคุณเคยพยายามใช้แทกซี่ไหม  ถ้าคุณเคยใช้คุณก็จะรู้ว่าราคามันแพงมหาโหดแค่ไหน     ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากพบเหตุกราณ์ที่พูดมา ใช้รถสาธารณคะ  และ ซื้อของที่มีป้ายราคาคะ  และขอร้องอย่าบอกว่า ประเทศที่คุณอยู่ไม่มีเหตุการโกงแบบนี้  เพราะมันมีเหมือนกันหมดไม่ว่าประเทศนั้นจะเจริญแค่ไหน แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 53 20:23:59 จากคุณ : mot_to jung เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 20:22:22

ความคิดเห็นที่ 100 เราแก้ปัญหา ส่งกุญแจรถให้คุณแฟนขับแล้วคอยบอกทางแทน แท็กซี่นี่ไม่ขึ้นนานแล้ว รำคาญ พูดมาก ขึ้นราคา ปากสุนัข แม่ค้าพ่อค้าหน้าเลือด นี่ เราก็เล่นซ่อนหาเหมือนกันค่ะ ตัดปัญหาซื้อของในห้างซะ ราคาเดียว ไม่ต้องต่อกันให้รำคาญใจ กินในห้างซะ ราคาจะได้ตามเมนู พักโรงแรมดีๆ โรงแรมพวกคนนอกเข้าได้ก็ไม่พัก ตัดปัญหารำคาญคนไทยจำพวกนี้ หงุดหงิดมาก แต่ก็นะ พยายามห่างๆสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ก็ดีขึ้นเยอะ จากคุณ : แพท (คนไทยก็ทำได้) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 21:53:49

ความคิดเห็นที่ 101 ผมว่าเราควรจะยอมรับความจริงกันก่อนว่า เมืองไทยนั้นดี และน่าอยู่มากๆ  แต่การกระทำของคนบางคนทำให้ภาพรวมของประเทศเสียหาย หากปล่อยไว้นานๆ จะทำให้แก้ไขได้ลำบาก สรุปคือต้องแก้ที่คน อย่าปล่อยเลยตามเลย แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 53 23:31:44 จากคุณ : ง่ายยิ่งกว่านับ 123 เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 23:29:44

ความคิดเห็นที่ 102 ดิฉันแทบจะไม่พาสามีนั่งแท๊กซี่เลย รถเมล์ตลอด บางทีก็นั่งเรือ สามีก็ไม่บ่นอะไร ตอนแรกๆ เค้าเคยบอกว่า ทำไมไม่นั่งแท๊กซี่ ก็เลยเล่าให้ฟังว่า แท๊กซี่เมืองไทยนะ ถ้าคุณเป็นต่างชาติ เค้าจะคิดราคาแพง สามีก็งงว่า  เค้าก็มีมิเตอร์ไม่ใช่เหรอ อิฉันเลยตอบว่า อือ ปกติก็มีไง แต่พอผู้โดยสารเป็นต่างชาติปุ๊บ มิเตอร์เสียปั๊บทันที แต่โชคดีหน่อย ตรงที่สามีเป็นคนเอเชีย ถ้าไม่พูดก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นต่างชาติ บางทีแม่ค้าไม่รู้ว่าไม่ใช่คนไทย ก็บอกราคาปกติก็มี ฮ่าๆๆ ก็ดีไปนะ ดิฉันค่อนข้างเคี่ยวนะ เรื่องเงินๆทองๆ พ่อค้าแม่ค้าที่ค้ากำไรเกินควรนี่ ไม่ได้เงินอิฉันดอกค่ะ -------------------------------------------------------------------- เคยเจอมา ปสก ส่วนตัวนะคะ เมื่อก่อน สอนหนังสือที่พัทยาใต้ ร้อยวันพันปี จะมาเดินแถวพัทยากลาง ที่ฝรั่งเยอะๆ เจอกระเป๋าสาน สวยดี เลยเข้าไปดู เห็นติดราคาไว้ 2500 บาท เราก้เลยถามว่า นี่ราคาสุทธิเหรอพี่ ทำไมแพงจัง คนขายตอบกลับว่า อันนั้นราคาฝรั่งน้อง ถ้าคนไทย พี่ขายให้ 1700 โห กะฟันฝรั่ง 800 บาท เชียวเรอะ -*- เจริญล่ะประเทศไทย -*- จากคุณ : กระต่ายลงพุง เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 00:08:45

ความคิดเห็นที่ 103 เลิกคิดเล็กคิดน้อยไปนานแล้ว มัวแต่คิดก็เที่ยวไม่สนุก ...คิดแค่ว่าใครโกงเรา โขกเรา...(ถ้ามันไม่ได้น่าเกลียดจนรับไม่ได้อ่ะนะ)ก็ช่างเขา สักวันกรรมมันก็ไปตกแก่คนผู้นั้น... ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้โง่จนยอมให้ใครโกงไปซะหมด แต่ไม่อยากมาจุกจิกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกต่อไป มีตังค์ก็เที่ยวไม่มีตังค์ก็ไม่เที่ยว ไปที่ไหนก็โดนเรื่องแบบนี้แต่ต่างรูปแบบกันไปไม่ว่าจะเป็น เมืองไทย อังกฤษ  ดูไบ ออสเตรเลีย ออสเตรีย สิงคโปร ฝรั่งเศส อิตาลี่ เยอรมัน  แม้แต่สวิสเซอร์แลนด์ หรือที่อิ่นๆที่เคยไปมา เจอมาเย๊อะและ หลายแบบหลายสไตล์ ... เจอคนดีก็เที่ยวสนุก เจอคนไม่ดีก็...ตามนั้น... ตอนนี้ก็ทำใจไว้แล้ว เพราะยังไงก็กลับไปเที่ยวไทยอยู่ดี บ้านเรา เมืองเรา... แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 53 03:39:24 จากคุณ : hamble pie เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 03:37:42

ความคิดเห็นที่ 104 เบื่อเรื่องที่ไปพัก โรงแรมแล้วพนักงานถามหาบัตรประชาชนนี่แหละค่ะที่สุด พักสี่คืน ถามหาบัตรเราคืนที่สอง พอให้อภัย คืนที่สาม เอ้าถามอีก พอโวยก็ชักสีหน้าไม่พอใจใส่เราซะงั้น ก็แหม๋ อยู่สี่วันพี่แกกะถามให้หมดทุกวันเลยหรือไงกันเนี้ย ไม่ยอมจะจำหน้ากันเลยหรือไง พอย้ายไปอีกโรงแรมแถมสุขุมวิท เอ้าเจออีก ตอนเข้าพักก็ถ่ายเอกสารบัตรประชาชนไว้แล้วนะ พอเราออกไปข้างนอก กลับเข้ามา พนักงามถามหาบัตรอีก คราวนี้สามีวีนแตกเลย บอกไม่ดูแหวนที่นิ้วเมียชั้นเหรอ ไหนไปดูในใบเช็กอินสิ ห้องนี้นะ มีไหมสำเนาบัตร พนักงานบอก ไม่เห็น ไม่มี หาไม่เจอ โมโหมากเลย เราเลยบอกเรียกผู้จัดการมาสิ พนักงานที่จำหน้าเราได้เลยรีบเข้ามาบอกว่า พี่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเช็คอินห้องนะ ถ่ายสำเนาบัตรไว้แล้ว เข้าใจนะ ว่าเป็นหน้าที่ แต่เราก็เสียความรู้สึกนะ แล้วเคยเจอที่หัวหิน ตรงแถวๆโรงแรมฮิลตัน ลุงแก่ๆปั่นสามล้อมาถาม ไปไหมหนู เราเห็นลุงแกแก่แล้ว สงสาร ไม่อยากขึ้นไปหนักๆให้แก่ปั่น เลยบอกไม่ไปค่ะ โห เท่านั้นแหละ ลุงแกตะโกนลั่นเลย E ka ri ขาย he. ขายชาติ ดังลั่นมาก อับอายสุดๆ ด้วยความสงสารกลัวแกเหนื่อยแท้ๆ เดินหนีมาแล้วยังตะโกนด่า ลั่นซอยเลย อยากไปแจ้งความมากเลย ดูหมิ่นกันแบบนี้ เซ็งมาก คนแบบนี้แหละที่ทำให้คนไทยไม่อยากไปเที่ยว จากคุณ : U got it เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 10:24:09

ความคิดเห็นที่ 105 คุณบัตรผ่านคนไทย ช่วยเงียบๆ ไปเลยนะครับ ดีมาก ขอบคุณครับ จากคุณ : Blaannagnwaeilig เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 13:05:17

ความคิดเห็นที่ 106   จุ๊ๆๆๆๆๆ คุณ Blaannagnwaeilig เจ้าขา.... เขาเงียบไปแล้ว อย่าไปเรียกเขามาอีกสิคะ  เราเคลียร์กันแล้วค่ะ แบบว่าไม่ต้องเข้าใจกันก็ได้  แห่ะๆๆ ขอบคุณ คุณBlaannagnwaeilig นะคะ ที่แวะมาอ่านเรื่องของพวกเรา คิดซะว่าเป็นเรื่องขำๆ นะคะ จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 14:00:26

ความคิดเห็นที่ 107   เมืองไทยน่าอยู่ เมืองไทยดีที่สุด เป็นความจริงหรือเป็นสิ่งที่คนไทยถูกพูดกรอกหูหรือพยายามหลอกตัวเองอยู่ การคมนาคมขนส่งที่แย่มาก อัตราอาชญากรรมสูงมาก(ดููทีวีไทยแล้วตกใจ ข่าวโจรปล้น มีทุกวัน) ขึ้นรถเมล์ไม่รู้ว่าจะโดนลูกหลงเด็กช่างเมื่อไหร่ คนไทย(บางคน)ไม่รู้จักรักษาเวลา ทำงานเช้าชามเย็นชาม เงินใต้โต๊ะ กินกันตั้งแต่ อบต จนถึง สส น่าอยู่ตาย จากคุณ : เมืองไทยจะน่าอยู่ขึ้น ถ้า เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 14:13:50 A:126.126.121.73 X: TicketID:281226

ความคิดเห็นที่ 108 แชร์ประสบการณ์บ้างนะคะ   เพราะมีสามีเป็นฝรั่งเหมือนกัน  แต่สำหรับดิฉันกับตรงกันข้ามเรื่องการโดนชาร์จราคา   ยกตัวอย่าง เช่น พาสามีไปซ่อมรองเท้าแตะข้างถนนราคา 20 บาท  ทั้งที่สามีถอดใจจะทิ้งแล้วคู่นั้น  ซึ้อมาแพง $40 ใช้ได้ไม่ถึงปี  แต่เราบอกว่างั้นลองเอากลับเมืองไทยซ่อมดูก็ซ่อมได้   ซ้ำพี่ร้านซ่อมยังใจดีจะไม่คิดตังค์เพราะบอกซ่อมเล็กน้อย  เราบอกไม่ได้ยังไงต้องคิดเขาก็คิดแค่ 20 บาท  แฟนเราเห็นเขานั่งเย็บติดกาวให้  พอรู้ราคาเขาบอกไม่ได้ต้องให้ทิปไปอีก 100 บาท ซ่อมคอมพิวเตอร์ ช่างที่เมกาบอกว่าต้องเปลี่ยนพัดลมโน้ตบุ๊คอย่างเดียว  ถ้าหาพัดลมมือสองได้ก็ประมาณ $200 - 250 รวมค่าแรงอีก $95  แต่ถ้าหาของไม่ได้ต้องเปลี่ยนมือหนึ่งรวมแล้วประมาณ $650  เลยอดทนไม่ใช้รอจนกลับเมืองไทย  เอาไปให้ช่างที่พันทิพย์ซ่อม  ช่างดูอาการแกะพัดลม ขันน้อต 2-3 แก็ก  บอกไม่ต้องเปลี่ยนคิดราคา 350 บาท  ใช้มาจนเข้าปีที่ 2 หลังจากซ่อมก็ไม่เคยมีปัญหา กินเสต็กร้านข้างทาง  แฟนอยากได้ขนมปังกระเทียมเพิ่มอีก 1 ชิ้น  ถามราคาแม่ค้าบอกว่าไม่ขายเป็นแผ่นขายเป็นจาน 35 บาท  แต่เราอิ่มแล้วและถ้าสั่งเป็นจานเขาก็คงกินไม่หมดเหมือนกัน  แม่ค้าเลยบอกไม่ต้องสั่งหรอกชิ้นเดียวแถมให้   เพราะดีใจที่ฝรั่งชอบเสต๊กรสชาดไทย เราไม่ได้บอกว่าไม่เคยเจอปัญหาเรื่องการโดนชาร์จ  ก็มีบ้างแต่ก็พยายามมองข้ามไป   แต่เราเลือกที่จะมองสิ่งที่ประทับใจที่เราได้จากเมืองไทยาและหาไม่ได้ในต่างประเทศมากกว่าค่ะ แก้ไขเมื่อ 02 ก.ย. 53 23:29:39 จากคุณ : พระจันทร์ลาลาบาย เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 23:07:21

ความคิดเห็นที่ 109 ดิฉันมาตั้งกระทู้เอาขำๆฮาๆนะคะนี่ ทำไมมานั่งทะเลาะกันเองล่ะค่ะ เจตนากระทู้นี้คือแค่จะมาเล่าประสบการณ์แย่ๆที่เจอมารวมๆกันตลอด 4 ปีที่กลับไทยแต่ละครั้งค่ะ ดิฉันไม่ได้บอกว่าเมืองไทยไม่ดี เมืองไทยดีค่ะแต่คนไทยบางคนไม่ดีค่ะ เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ จนคนไทย(ภรรยาฝรั่ง) เหนื่อยใจค่ะ ดิฉันชอบท่องเที่ยวค่ะ ถ้ามีโอกาสและทรัพย์ก็จะออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆเสมอค่ะ ทั้งเที่ยวเองและพ่วงสามีไปด้วย ไปประเทศอื่นๆในแถบยุโรป(เพราะราคาค่าตั๋วบินจากที่นี่ถูกค่ะ) และอเมริกา ยังไม่เคยเจอคนที่เอารัดเอาเปรียบ "แบบรู้สึกได้" เท่าที่ประเทศของตัวเองค่ะ คนอื่นอาจจะโชคดีที่ไม่เจออะไรแย่ๆอย่างดิฉัน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่เจอหนักกว่าดิฉัน ถ้าเราไปเที่ยวที่ประเทศใดประเทศหนึ่งแล้วโดนเอารัดเอาเปรียบบ้าง มันก็อาจจะไม่รู้สึกรู้สาเท่ากับโดนคนในประเทศทำกันเองหรอกค่ะ ถ้าเราเจอเรื่องแย่ๆแล้วเรานิ่งเงียบ ไม่โวยวาย ไม่แก้ไข อีกหน่อยเรื่องแย่ๆที่เราเห็นว่ามันก็มีเหมือนๆกันทั่วโลก เรื่องแย่ๆแบบนี้ใครๆเขาก็เจอกัน สักวันมันจะเป็นความเคยชินของมนุษย์เราค่ะ หรือวันนี้มันอาจจะเป็นไปแล้วก็ได้ เมืองไทยมีรายได้มากมายมาจากการท่องเที่ยวนะคะ ถ้าการท่องเที่ยวที่มีแต่จ้องจะเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะคนไทยหรือชาวต่างชาติ การกระทำไม่ดีของคนบางกลุ่ม บางประเภท เพียงแค่หวังผลกำไรใส่ตัว แล้วอีกหน่อยจะมีใครอยากจะไปเที่ยวบ้านเราล่ะคะ อีกหน่อยทั้งคนไทยและฝรั่งก็คงจะเหนื่อยใจพอๆกัน โดยเฉพาะฝรั่งที่รู้มาก ฮิฮิ สมมุตินะคะ สมมุติว่าดิฉันไม่ใช่คนไทย แล้วดิฉันเป็นชาวต่างชาติ เป็นนักท่องเที่ยวที่เกิดไปหลงรักเมืองไทยเข้าอย่างจังและไปเที่ยวเมืองไทยทุกๆปี ปีละครั้งบ้างสองครั้งบ้าง แล้วดิฉันก็เจอเรื่องราวเอารัดเอาเปรียบแบบนี้ ดิฉันมาตั้งกระทู้ที่เนี่ยเพื่อบอกเล่าประสบการณ์ที่ตัวเองเจอมา เพื่อมาเตือนคนที่ยังไม่เคยเจอให้ระวังตัว เพื่อเป็นอุทรหรณ์ จะอะไรก็ช่าง สุดท้ายแล้วนักท่องเที่ยวคนเดียวอย่างดิฉันจะตัดสินใจกลับไปเมืองไทยอีกหรือไม่ก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ และถ้ามีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆที่เจอเหมือนๆกันเกิดเปลี่ยนใจไม่ไปเที่ยวไทยแล้ว อนาคตเศรษฐกิจบ้านเราจะเป็นอย่างไรค่ะ บางทีเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เรามองข้ามมันอาจจะมีผลในอนาคตก็ได้นะคะ ไม่น่าเชื่อนะคะว่าอำนาจของเงินมันจะหอมหวานจนลืมจรรยาบรรในอาชีพตน จนลืมเพื่อนร่วมชาติตนเอง ดิฉันมันคนทำงานค่ะ ก็แค่ไม่อยากจ่ายมากโดยไม่จำเป็นก็เท่านั้น คิดถึงเวลาหิมะตกหนักๆแล้วต้องทำงานนอกบ้านค่ะ ใครไม่เคยสัมผัสบรรยากาศแบบนั้นคงไม่เข้าใจหรอกค่ะว่ากว่าดิฉันจะหาเงินมาได้นี่ลำบากกว่าบรรดาพี่ๆแท็กซี่หรือพ่อค้าแม่ค้าเป็นไหนๆค่ะ ดิฉันเข้ามาติเพื่อก่อค่ะ ไม่ได้มีเจตนามาด่าทอประเทศแม่ของตัวเอง ยังไงก็รักและคิดถึงเมืองไทยค่ะ ไม่เคยลืมว่าตนเองมาจากไหน และไม่เคยเก็บเอาเรื่องที่โดนเอารัดเอาเปรียบจากประเทศตนมาคิดให้ขุ่นข้องหมองใจด้วยค่ะ มันก็คงเป็นเพียงแค่อารมณ์หงุดหงิดชั่ววูบ ณ ตรงจุดนั้นนาทีนั้นมากกว่าค่ะ ถ้าไม่มีสามีฝรั่งก็คงไม่โดนคนบางคนเอารัดเอาเปรียบอย่างหน้าเกลียดค่ะ โชคร้ายที่หาเรื่องมีสามีต่างสีเอง ขำๆนะคะ นานาจิตตัง ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆในห้องไกลบ้านที่ช่วยเข้ามาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวขำๆที่นี่นะคะ บางเรื่องอ่านแล้วดิฉันก็ขำไม่ออกหรอกค่ะ กลับคิดแทนว่าถ้าเป็นดิฉันนะคงจะวิ่งตามรถแท็กซี่คันนั้นเพื่อเอาทริปที่โดนมัดมือเอาไปแน่ๆ คนดีๆที่บริการด้วยใจเกินร้อยก็เคยเจอมาบ้างนะคะ แต่นับวันมันช่างลดน้อยลงไปเหลือเกินค่ะ และบางทีปลาเน่าตัวเดียวมันก็ทำให้ที่ปลาที่เหลือเหม็นไปหมดค่ะ แก้ไขคำสะกดตกหล่น แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 53 04:52:38 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 53 04:48:48 จากคุณ : sunisaogkim เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 04:41:42

ความคิดเห็นที่ 110   คุณ Blaannagnwaeilig คุณเป็นใครละครับ ที่จะมาห้ามคนอื่นให้แสดงความคิดเห็น บอร์ดนี้เป็นของคุณเหรอครับ หรือว่า ใครที่แสดงความคิดเห็นไม่ตรงกับที่ใจคุณคิดคุณจะต้องห้ามหรือไม่อยากให้เขาเข้ามาแสดงความคิดเห็นที่คุณคิดว่าไมุ่ถูกใจคุณ กระทู้แต่ละกระทู้ที่ จขกท.เข้ามาตั้ง ล้วนแล้วแต่ต้องการทราบถึงความคิดเห็นของแต่ละบุคคลว่าคิดอย่างไรต่อสิ่งเหล่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนจะแสดงความคิืดเห็นที่ไม่ตรงกัน การที่คุณเขียนมาบอกให้คนอื่นเงียบอาจจะเนื่องด้วยสาเหตุอะไรผมไม่ทราบ หรือ คุณอาจจะคุ้นเคยกับคุณ เศษไม่ใบหญ้า เป็นการส่วนตัวผมก็ไม่ทราบไ้ด้ แต่ถ้าข้อความคุณส่งถึงผมอย่างนี้ ผมว่าคุณนะควรจะเงียบมากกว่า เพราะผมว่าคุณ "ใจแคบ" เกินไป ที่จะไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น **พันธุ์ทิพย์ เป็นบอร์ดสาธารณะ ที่ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นของตนได้หากไม่กระทำผิด กฏ กติกา มารยาท หรือ ส่อไปในทางผิดกฏหมาย หรือ ล่อแหลมต่อตัวบทกฏหมาย*** จากคุณ : คนไทย เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 08:31:26 A:113.53.43.137 X: TicketID:207097

ความคิดเห็นที่ 111 อ่านแล้วรักคุณพระจันทร์ลาลาบายจังที่เป็นคนคิดบวก  และพยายามมองหาสิ่งดี ๆ ตลอด  อยากคบหาเป็นเพื่อนจริงมากที่สุด   สำหรับคุณเจ้าของกระทู้ขา  ทราบคะว่าเงินคุณได้จากความยากลำบากและคุณมาเที่ยวเมืองไทยก็เพราะอยากจะหาของถูก ๆ ที่หาไม่ได้ในประเทศของสามีคุณ  เวลาพ่อค้าแม่ค้าเขาคิดแพงหน่อยก็ตั้งแง่ว่าเพราะฉันมากับสามีฝรั่งใช่ไหมจึงคิดฉันแพง  ซึ่งจริง ๆ ก็ไม่ใช่ทั้งหมด คุณมีสิทธิต่อราคาคะ (ถ้าคุณเคยไปประเทศจีน เวียดนาม คงรู้ว่าต้องต่อกันระเบิดระเบ้อมาก) แพงก็ไม่ต้องซื้อคะ  ฝรั่งบางคนก็ชอบการต่อรองสินค้าคะ  เพราะเขาคิดว่าท้าทายสนุกดี  ซึ่งบ้านเขาไม่มีคะ  ดังนั้นถ้าไม่อยากต่อราคาก็ซื้อที่ห้างคะ  และแหล่งท่องเที่ยวที่มีฝรั่งเยอะๆ ก็อย่าไปคะ ไปที่ธรรมชาติวัฒนธรรมรับรองว่าคุณจะเห็นเมืองไทยในแง่ดี ๆ ขึ้น  พาสามีไปไหว้พระ  เที่ยววัฒนธรรมรับรองเขาจะมีแง่คิดที่ดีกับเมืองไทยคะ สุดท้ายไม่ต้องห่วงเมืองไทยคะว่าจะไม่มีใครมาเที่ยว เพราะเรายังได้รับการโวตว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดในโลก  อันนี้แปลว่าอะไรคะ ปล สามีดิฉันก็เป็นฝรั่ง  ดิฉันจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ  และรู้ว่าเหล่าแม่บ้านฝรั่งไร้สาระมีมากแค่ไหน  ไม่ทุกคนคะแต่มีมากจริง ๆ หรือเจ้าของกระทู้จะไม่ยอมรับคะ จากคุณ : mot_to jung เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 09:47:04

ความคิดเห็นที่ 112 ไปเที่ยวกรีซมาครับ... เหมือนเมืองไทยมาก... ป้าคนหนึ่งขายผ้า... ราคาเริ่มต้น ..60 ยูโร ผมไม่เอาแพงโคตร ป้าลดให้เหลือ ๔๐ ยูโร ผมก็ไม่เอา ป้าแกลดให้เหลือ 35 ยูโร คิดว่าผมจะเอาไหม... ไม่เอา เค้าก็ถามว่าจะให้เค้าเท่าไร...ใจจริงก็ไม่อยากได้น่ะ ..จะเดินหนีแล้ว ป้าแก ก้อมาดัก.. เราก็บอกว่า ถ้าได้ 10 ยูโร จะซื้อ... ที่ฟันลดเยอะเพราะจะตัดรำคาญป้าแก..ไม่ได้ก้อจะเดินหนีล่ะ ป้าแกก็ขอเป็น 20 ยูโร ผมก็บอกว่าไม่เอา จะเอาสิบ...พร้อมกับจะเดินหนี แล้วป้าแกมาขออีก.. ผมก็บอกว่างั้น สิบห้า ป้าแกก้อไม่ยอม... จะยี่สิบลูกเดียว แถมจะใส่ถุงให้... ผมก็สิบห้าจะเอาไหม ไม่ได้ก็ไม่เอาละ .....สุดท้้ายก็ซื้อมาราคา สิบห้า... อิอิ.. แสดงว่า ราคาที่ป้าแกจะขายจริงๆ มันน่าจะถูกกว่านี้ ... เห็นเรา หัวดำ ตาดำ ...เข้าหน่อย... การตั้งราคาเผื่อต่อเนี้ย มันมีทุกประเทศ (ไม่รวมที่ระบุราคาไว้) คนไทยกับคนไทยก็มีเยอะ...ตามชายแดนเป็นตน ... แม้ แต่ คนไทย แต่ไทยภาคกลาง เวลาซื้อของทางเหนือ ก็โดนครับ... ผมเนี้ย ต้อง อู้ซาวแทร็ค กำเมือง ถึงจะต่อของได้ราคา งามๆ... รักเมืองไทย ครับบบบบบบบบบบบบบ จากคุณ : HU_โตโต้ เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 11:03:02

ความคิดเห็นที่ 113 รักคุณโต้ โต้ ด้วยอยากให้คุณนายฝรั่งหลาย ๆ คน  เลิกอคติกับประเทศแม่ของตัวเองว่าเป็นประเทศด้อยพัฒนามีพ่อค้า แม่ค้าขี้โกง จ้องจะเอาเงินจากกระเป๋าคุณ  อย่าลืมว่าทุกแหล่งท่องเที่ยวจะมีพ่อค้าแม่ค้าแบบนี้ทุกที   เริ่มท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ บ้าง  อย่ามองฝรั่งเป็นพระเจ้าทำอะไรถูกหมดคะ สามีดิฉันเป้นฝรั่งคะ แต่อยู่เมืองไทยมีเพื่อนเป็นฝรั่งที่อยู่เมืองไทยเยอะมากไม่เห็นจะมีพ่อค้าแม่ค้าไทยคนไหนจะเอาเปรียบได้เลย  พวกนี้ต่อราคาของเก่งกว่าดิฉันอีกคะ  และพวกเขาก็รักเมืองไทยมากคะ  อย่างนี้น่าจะเรียกว่า ตัวฝรั่งใจไทยคะ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 53 11:29:03 แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 53 11:23:34 จากคุณ : mot_to jung เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 11:22:34