|
ความคิดเห็นที่ 10 |
^ ^ แค่เล่าให้ฟังเป็นความรู้รอบตัวว่าทางหนีที่ไล่ในการใช้ชีวิตต่างแดนมันเป็นยังไงบ้าง เราเคยตกงานลำบากแทบไม่มีจะกินใน London ร่อนจดหมายสมัครงานพร้อมๆกันทีละตั้ง 50 กว่าฉบับก็ไม่มีใครตอบกลับ นั่นก็เพราะว่า "อายุเราน้อยไปหรือมากไป" ครั้นต่อมาเราเรียนรู้เคล็ดลับว่า
"คนอังกฤษไม่มีใครใช้ ID card กัน และในเอกสารสมัครงานเช่น เอกสารแสดงรายการภาษี ก็ไม่มีข้อมูลเรื่องอายุเลย และพวกเขาก็ไม่ขอดู work permit เราด้วย (ถึุงเราจะมีเพราะเราเป็น UK resident) แต่เป็นเพราะเราพูดอังกฤษได้คล่องจนเหมือนพลเมืองเขา"
เราจึุงสมัครงานได้สำเร็จ
"โดยการโกหกอายุ...!!!"
อีกครั้งหนึ่งเราเกือบจะหนาวตายใน London เพราะหาที่อยู่ไม่ได้ หนังสือพิมพ์ประกาศเช่าบ้านวางขายเที่ยงๆ แต่ทำไมเรายืนดักมันตอนเที่ยงตรงทุกวันแต่พอโทรไปคนเช่าไปแล้วทุกทีหว่า...!!??? เราจึงไปสืบข้อมูล แล้วพบว่า
"แท้จริงแล้ว ตั้งแต่ตี 5 ที่หน้าโรงพิมพ์หนังสือพิมพ์มันวางจำหน่าย (แบบวางให้คนหยิบหนังสือพิมพ์เอง แล้ววางเงินเองแบบเชื่อใจกัน ไม่มีคนขายยืนเฝ้า"
เราจึงไม่นอนทั้งคืนแล้วไปยืนดักอยู่หน้าโรงพิมพ์แถว Fleet Street หรือ Shoe Lane อะไรเนี่ยแหละ ซึ่งเป็นย่านสำนักงานหนังสือพิมพ์ในนคร London พอมันวางหนังสือพิมพ์เป็นกอง เราก็
"หยิมมันมาหมดทั้งกอง แล้วเก็บไว้แค่เล่มเดียว แต่ที่เหลือเราโยนมันทิ้งถังขยะหมด เพื่อกำจัดคู่แข่งที่จะอ่านหนังสือพิมพ์เล่มอื่นๆ แล้วโทรหาบ้านเช่าแข่งกับเรา ในที่สุด เราก็ได้บ้านเช่าเป็นคนแรก และรอดพ้นจากอาการหนาวตายได้อย่างหวุดหวิด..."
อีกครั้งหนึ่งที่เราไม่มีบ้านอยู่แล้วเกือบจะหนาวตายใน London ตอนนั้นเราป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ Earl's Court Station มันมี shop window แห่งหนึ่งที่ปิดประกาศโฆษณาจิปาถะรวมทั้ง flat ให้เช่า เราเวียนวนอ่านโฆษณามันมา 2-3 อาทิตย์แล้ว โทรไปทีไรก็คนเช่าไปแล้วหมดอย่างน่่าผิดหวัง แต่เผอิญเช้าวันหนึ่งเราเห็นโฆษณาใหม่เอี่ยม ยังไม่มีคนเช่่าแน่ๆ เราเลยรีบจดเบอร์โทร แล้วปรี่ไปที่โทรศัพท์สาธารณะเพื่อโทรนัดเ้จ้ัาของบ้านดู flat ให้เช่า
อะหา เหตุการณ์มันช่างน่าตื่นเต้นเสียเหลือเกิน เราทั้งหนาวทั้งตาลายที่เห็นผู้คนยั้วเยี้ยที่เครื่องโทรศัพท์สาธารณะเป็นจำนวนหลายสิบเครื่องหน้า Earl's Court Station เรายืนรอคิวใจสั่นระทึกเพราะไม่รู้ว่าไอ้พวกที่ยืนโทรอยู่นี่มีใครโทรติดต่อห้องเช่าแห่งเดึียวกับเราบ้าง...!!????...พอคิวมาถึงตาเราเข้าสิ่งที่ไม่คาดฝันก็คือยัยนักท่องเที่ยวอเมริก้ันมันบ้าโทรน้ำลายฟูมปากหยอดเงินไปตั้งหลายสิบปอนด์แต่มันไม่ยอมวางหูซักกะที ....เราก็บอกกับหล่อนว่า
Excuse me. I've been waiting here for so long already. มันหันมาตอบเรายียวนว่า I can be as long as I like. I have the money. เราเลยบอกมันว่า I'm homeless, and I'm freezing to death. I need to get on the phone to make inquiries about accommodations. I'm really desperate. I will strangle you, if you don't get the hell off this bloody phone right now! แล้วเราก็ทำท่าเงื้อมือจะบีบคอมัน มันเลยรีบเผ่นออกไปจากโทรศัพท์
จากนั้นเราโทรหาเจ้าของบ้านสำเร็จ พอดู flat เราจะรีบจ่ายเงินเอากุญแจมาเลย แต่เจ้าของบ้านมันเล่นตัว บอกว่า I want to see all of my prospective tenants first. You call me back at 5 o'clock. เราก็พยักหน้าตกลง แล้วกลับไปที่ shop window หน้า Earl's Court Station ใหม่ เดินวนเวียนอยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ หนาวก็หนาว หิวก็หิว เลยซื้อนมมาขวดหนึ่งดึ่มเข้าไปรวดเดียวหมดขวด แล้วคิดอะไรแบบขี้โกงเพื่อความอยู่รอด ขึ้นมาได้...555+++...
เราเดินเข้าไปในร้านที่เป็นเจ้าของ shop window อันนั้น แล้วพูดว่า I advertised my flat here, and it's already been let. Your service is absolutely brilliant. Now, a lot of people are still calling me. It drives me crazy. Would you please kindly remove my ad?
อะหา ได้ผล พนักงานเปิด shop window แล้วเอาโฆษณา flat อันนั้นออกไปเลย...555+++...
พอตอน 5 โมงเย็นเรากลับไปหาเจ้า landlord จอมเล่นตัว แล้วถามว่า Did you get a lot of phone calls?
พี่แกทำหน้าประหลาดๆ แล้วยื่นกุญแจ flat ให้เรา แล้วพูดว่า Here, you can have the flat.
ไชโย! รอดตายแล้วโว้ยตู...
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 15:21:42
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 14:36:26
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 14:25:48
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 53 14:21:45
จากคุณ |
:
fortuneteller
|
เขียนเมื่อ |
:
8 ก.ย. 53 14:13:44
|
|
|
|
|