ความคิดเห็นที่ 1 ยกมือเห็นด้วยค่ะ มีลูกจ้างไบโตะ อยู่ดีๆ มาขอลาออก เพราะตอนนี้สามีไม่สบายลาออกจากงานแล้ว ถ้าทำงานพิเศษได้เงินแบบถูกต้องผ่านบริษัท จะไม่ได้เงินจากเซกาสึโฮโบะซึ่งมีจำนวนมากกว่า เป็นระบบที่สนับสนุนให้คนเลือกไม่ทำงาน ทั้งที่ยังสบายดีและทำงานได้ คนออกแบบระบบเซกาสึโฮโบะเนี่ย ใช้สมองส่วนไหนคิดหว่า จากคุณ : ลูกหมีตัวเล็ก เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 21:00:07

ความคิดเห็นที่ 2 ^ ^ ใช้สมองเลียนแบบรัฐบาลเยอรมันเห็นๆค่ะ ระบบนี้มีมานานแล้วในเยอรมัน คนตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินในเยอรมันเกลียดชังมาก อ้างว่าเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างทั่วถึงของคนในประเทศ คนตกงานอยู่เฉยๆก้อต้องมีรายได้ค่ะ คนทำงานจ่ายภาษีแพงมหาโหด เพื่อเอาเงินนั้นไปประกันให้คนตกงาน แถมไม่พอบ้านไหนมีลูกเกิน 5 คนได้เงินเลี้ยงครอบครัวเพิ่มอีกอย่างสบาย(ก้อมาจากภาษีประชาชนอีก) พวกคนตุรกีที่ย้ายไปอยู่เยอรมันถึงพยามจะมีลูกเยอะๆแล้วจะได้นั่งกินนอนกินสบาย แม้กระทั่งคนเรียนจบ ป เอก ขี้เกียจทำงาน(เรียนไปจนถึงเอกเพราะไม่อยากเป็นลูกจ้างบริษัท เลยยื้อเวลาเรียนให้นานออกไป) พอใจจะตกงานให้รัฐบาลเลี้ยงเฉยๆยังมีเลยค่ะ โลกนี้มีเรื่องเข้าใจยาก แต่ต้องจำใจรับมันอีกเยอะเลย.... จากคุณ : enjoymiracle เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 21:40:08

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณที่มาระบาย แบบว่าเห็นข่าวเยอะมาก แต่ฟังไม่รู้เรื่อง 55555 ดูแต่ข่าวน้ำท่วม...พายุเข้าเมื่อวาน จากคุณ : คุณนายปลาดิบ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 06:56:55

ความคิดเห็นที่ 4 อะไรคือความยุติธรรมชาติในสังคม ระบบภาษีไม่เอื้อให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วทำงาน หรือเป็นไทในสังคมที่มีกิจกรรมเศรษฐกิจเป็นหลัก ระบบเงินประกันสังคม เงินบำนาญบำเหน็จ ไม่เอื้อให้ผู้หญิงเป็นผู้เป็นคน ถ้าไม่ได้อยู่ในการปกครองของสามี   นโยบายแอบแฝงที่รัฐบาลไม่เคยบอกประชาชนคือ ต้องให้ผู้หญิงเมืองนี้เกาะผู้ชายกินตลอดชาติ เอิ๊กดีไหม จากคุณ : อยากเป็นมาดามแต่ไม่ได้เป็น (akebi1) เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 07:41:21

ความคิดเห็นที่ 5 คห. สี่ ทำไมเหรอคะ? จากคุณ : คุณนายปลาดิบ เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 19:36:36

ความคิดเห็นที่ 6 เพื่อนญี่ปุ่นบอกมาเหมือนกันค่ะ แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับด้วยว่า ช่วงนี้งานที่ญี่ปุ่นหายากจริงๆ การจัดระบบของรัฐบาลอาจจมองได้ว่าชาวญี่ปุ่นเครียดกันอยู่แล้ว หากไม่มีงานทำขาดรายได้ก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหาระดับใหญ่ขึ้นมาก็ได้นะคะ แต่ที่ญี่ปุ่นนี่ถือว่าภาษียังไม่สูงมากเท่าไรนะคะ มีหลายๆประเทศที่มีเงินจัดสรรให้คนตกงานค่ะ มองภาพโดยรวมน่าจะดีที่รัฐบาลมีรายได้ให้คนเหล่านั้น หากไม่มี อาจจะมีปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นมามากมายก็ได้นะคะ ที่ออสเตรเลียมีการจัดทำเป็นระบบฐานข้อมูลลง computer หมดค่ะ  ใครไม่มีงานทำจะไปลงชื่อคุณสมบัติไว้ รัฐบาลจะจ่ายเงินให้จนกว่าจะได้งานทำ มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับงานและมีเจ้าหน้าที่ช่วยดูแลจัดหางานให้ด้วย เมื่อได้งานรัฐบาลก็จะหยุดจ่ายเงินค่ะ ไม่ทราบรายละเอียดว่าของญี่ปุ่นดูยังไง จากคุณ : jinjung เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:14:49

ความคิดเห็นที่ 7 ได้ระบายออกมาแล้วคงสบายใจนอนหลับสบาย ชีวิตของคนเราไม่แน่นอน สักวันหนึ่งถ้าคุณประสบปัญหา อาจจะต้องพึ่งรัฐให้ช่วยเหลือ เมตตาธรรมค้ำจุนโลก เห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันดีกว่า จะได้ไม่ต้องเครียด จากคุณ : พนอจัน เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:27:20

ความคิดเห็นที่ 8 "ระบบเงินประกันสังคม เงินบำนาญบำเหน็จ ไม่เอื้อให้ผู้หญิงเป็นผู้เป็นคน ถ้าไม่ได้อยู่ในการปกครองของสามี" "ต้องให้ผู้หญิงเมืองนี้เกาะผู้ชายกินตลอดชาติ" จริงหรือคะ ? ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แล้วยังทำงานอยู่ จะได้รับความเสียหายอย่างไรบ้างหรือคะ ไม่เข้าใจค่ะ จากคุณ : -N-u-t--- เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 21:43:23

ความคิดเห็นที่ 9 http:box.jp.msn.com/qa5418599.html จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 08:01:47

ความคิดเห็นที่ 10 ลองอ่านๆดูนะคะ ศัพท์เฉพาะเยอะหน่อย แต่คิดว่าจับคร่าวๆน่าจะพอเข้าใจ จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 08:03:47

ความคิดเห็นที่ 11 เท่าที่รู้ คือ ภรรยาถ้าทำงานครึ่งๆกลางๆ หมายถึง หนึ่งปีได้เงิน 100 ใบ กับ 130 ใบ คิดว่า ทำงาน 100ใบถ้าจำไม่ผิด ไม่เกิน 103 ใบ ดีกว่า เพราะว่าจะไม่ต้องเสียภาษี (เท่าที่รู้) แถวบ้านมีแม่บ้านที่ทำงานไบท์เยอะ ต้องมาคำนวนว่าตัวเองทำงาน ปีนี้ได้กี่ใบ จะได้ไม่ต้องไปเสียภาษี เิพิ่ม แต่ว่า ถ้าภรรยา มีความสามารถในการทำงาน ผมคิดว่า ทำเยอะๆเลยดีกว่า ถ้าอยากทำ ทำมาก ได้มาก ทำน้อยได้น้อย ถ้ามัวแต่คิดว่า ไม่ทำงานดีกว่าเพราะเรื่องภาษี ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป ระบบมันก็เป็นระบบครับ ไม่มีรัฐบาลไหน เอาใจประชาชนได้ทุกคนครับ ปล.ความเห็นส่วนตัว อย่าคิดมากนะครับ จากคุณ : Aon_loe เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:52:40

ความคิดเห็นที่ 12 ไอ่ 生活保護 (เซกัสสึโฮะโหงะ) นี่ เห็นเค้าว่า ตอนยื่นเรื่องขอมันไม่ได้ง่ายๆนะคะ คนเรานี่ก็เเปลกนะคะ พอได้มา ก็  สบาย งี้เเหละค่ะ ไม่ตรวจสอบ ดีๆ อนุมัติให้ๆ   เหมือนกับที่เคยออกข่าว ให้เงินคนพิเศษ สำหรับคนพิการ เเต่จริงๆเเล้ว เดินได้ไปไหนมาไหนได้หมด คนญี่ปุ่น โกงเก่งกว่า คนไทยเยอะเเยะไปค่ะ ไม่งั้นเค้าไม่เปลี่ยน ผู้นำบ่อยหรอกนะคะ ว่าไหมคะ ??? จากคุณ : reika เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 20:29:58

ความคิดเห็นที่ 13 ไอ้เห็นใจก้อเห็นใจนะครับป้าพนอจันสำหรับคนดีๆนะครับ แต่ที่ไม่น่าเห็นใจก้อคือคนไม่ดีน่ะครับ ค้างค่าเช่าแถมยังทิ้งข้าวของไว้ให้เป็นภาระอีก ไอ้ครั้นจะเอาไปทิ้งเลยก้อไม่ได้เดี๋ยวจะโดนฟ้องอีกเป็นเรื่องเป็นราวกันใหญ่ จะต้องให้เจ้าตัวยินยอมก่อนถึงจะทำได้  พอคุยตกลงกันแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ของชียัคโชวเป็นตัวกลาง มันก้อดันไม่ยอมย้ายข้าวของออกไป ส่วนค่าเช่าที่ค้างไว้ก้อผ่อนเป็นเดือนโดยที่ ทั้งสองฝ่ายต้องไปรับเงินด้วยกันที่ชียัคโชว ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาเค้าก้อไม่ให้ตัง อันนี้ทำได้ถูกใจ (ที่ต้องให้ชียัคโชวเป็นตัวกลาง เพราะว่าเป็นการทำงานที่พลาดของพนักงาน โดยที่ไม่ยอมบอกให้เจ้าของแมนชั่นรับทราบว่าคนที่เช่าอยู่นั้นจะย้ายออกไป เรื่องมันมีอยู่ว่า การที่จะย้ายออกไปนั้นต้องมีการแจ้งให้เจ้าของแมนชั่นรับทราบก่อนครับ โดยทางชียัคโชวจะมีเอกสารให้เจ้าของได้กรอก แต่นี่ไม่มีอะไรเลย พอเถียงกันกับพนักงานพี่แกก้อปัดความรับผิดชอบ บอกว่าที่คาโดม่า ไม่จำเป็นต้องมี ส่วนที่โมริกุจิชียัคโชวบอกว่าต้องมี ผมก้อเลยงงสรุปว่าเค้าทำงานกันแบบไหน แต่จริงๆแล้วผมว่ามันต้องมีแหล่ะไม่งั้นเค้าจะทำเอกสารมาทำไม  พอขอคุยกับหัวหน้าหน่อยหัวหน้าเค้าก้อปกป้องลูกน้อง ไอ้เราก้อเลยได้แต่เซ็งว่าทำไมเค้าทำงานกันแบบนี้หนอคาโดมาชียัคโชว เลยกะว่าต้องไปหาเส้นก๋วยจั๊บซะหน่อยแล้ว อย่างงี้ต้องฟัดกันซักยก จากคุณ : tanimotojack เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 21:37:46

ความคิดเห็นที่ 14 ขออนุญาตคุณ tanimotojack   ตอบคุณ -N-u-t---ค่ะ สามีภรรยาที่ยังถือทะเบียนสมรสอยู่ .... สามีอายุเกิน 60ไปแล้ว ได้เงินเกษียณ ก็จะได้เงิน/เดือนเยอะกว่า  สามีภรรยาที่หย่ากันแต่ยังไม่ได้แต่งงานใหม่ค่ะ เพราะฉนั้น บางคนแยกทางกันไป แต่ไม่ยอมหย่ากันเพราะเหตุผลเรื่องเงินค่ะ   ส่วนคนที่ได้รับเงินชดเชยแล้วไม่จ่ายค่าเช่า มันก็น่าเบื่อแทนค่ะ  เพราะเจ้าของเองบางทีก็มีภาระเรื่องค่าใช้จ่ายเหมือนกัน   อยู่ที่สำนึกของคนมากกว่านะคะ  ส่วนให้เงินแก่ใคร ใครทำอะไร ใช้อะไร ถ้ามันเข้าเงื่อนไข เขาก็คงต้องให้น่ะค่ะ   เหมือนทุนกู้ยืมนักเรียนของไทย เด็กบางคนได้มาไปออกมอเตอร์ไซด์ ซื้อมือถือ   ที่ไหนๆก็เหมือนกันนะคะ ด่าที่คนดีกว่าค่ะ ที่ไม่มีสำนึกรับผิดชอบ  เพราะระบบมันทำขึ้นมาเพื่อเจตนาดี ให้คนเดือดร้อนจริงๆค่ะ จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 05:54:35

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านแล้วก็เห็นใจคนที่เดือนร้อน เคยได้ยินเรื่องเงินช่วยเซกาสึโฮโบะจากคนไทยที่อยู่เหมือนกัน เพราะสามีพี่เค้าเป็นอัมพาต เดือนหนึ่งได้เกือบสองแสนเย็น แต่มีขอจำกัดมากมายเช่น ทำงานได้แต่รายได้น่าจะไม่เกิน แปดหมื่นเย็นต่อเดือน ห้ามมีรถ จะมีคนมาตรวจทุกเดือน มันก็ดีสำหรับคนที่เดือนร้อน แต่เค้าก็เลือกรับเน็งกิของสามีที่น้อยกว่าเพราะไม่มีข้อผูกมัด แต่บ้างคนก็แย่มาก เรียกว่าเลวก็ได้ แกล้งหย่ากับสามี บอกสามีกลับประเทศ แต่ก็ยังอยู่ด้วยกันนั้นแหละ มีลูกต้องเลี้ยง ทั้งๆที่ก็ทำงานแต่ผ่านฮักเค็น อุบอิ๊บกับบริษัทก็แจ้งว่าไม่ทำงานไม่เสียภาษีไม่มีรายได้ เช่าอพาตรัฐบาลค่าเช่าก็ไม่ถึงหมึ่นเยน ซื้อรถก็ใส่ชื่อคนอื่น เรียกว่าเอาทุกอย่าง คนแบบนี้ก็ไม่ได้มีคนเดียว เห็นแล้วก็หยุบหนอ พองหนอ ทำใจ จากคุณ : ^SakuraKaede^ เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 06:09:04

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นด้วยกับคุณ Mnki นะคะที่ว่า ด่าที่คนดีกว่า ที่ไม่มีสำนึกรับผิดชอบ แต่การจัดระบบนี้ขึ้นมา มันก้อเอื้อให้คนหาช่องทางเอาเปรียบสังคมได้ง่ายๆ ถ้าใครเดือดร้อนจริงอะไรจริง เงินที่คนทำงานต้องจ่ายไปเพื่อให้คนพวกนั้นมันไม่น่าเสียดายเลยซักนิด แต่บางคน จริงๆไม่ได้เดือดร้อน แต่สร้างหรือบังคับสถานการณ์ให้ตัวเองเดือดร้อน แล้วไปรับความช่วยเหลือ แล้วไม่เอาเงินไปใช้ให้ถูกทาง คนที่ต้องทำงานจ่ายเงินไปให้คนพวกนั้นไปใช้จ่ายสบายมันน่าเจ็บใจอ่ะค่ะ ระบบนี้มันก้อมีในประเทศใหญ่ๆหลายประเทศอย่างที่คุณ jinjung บอกแล้วแต่ว่าประเทศไหนมีสัดส่วนเงินที่จ่ายรับมากน้อย แล้วก้อกฏการตรวจสอบสถานภาพครอบครัวอย่างเข้มงวดหรือหละหลวม ละก้อมีคนมองว่าไม่ยุติธรรมเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบสถานภาพคนตกงานให้ละเอียด แต่ก้อแทบไม่มีการปรับปรุงอะไรเลย เพราะรัฐก้อคงเหนื่อยกับการสืบหาความจริง ในแต่ละประเทศก้อมีคนโกงเก่งๆถ้าระบบมันเอื้ออำนวยอ่ะค่ะ เราเคยคิดว่าคนญี่ปุ่นไม่โกง คนประเทศพัฒนาแล้ว ไม่โกง พอมาเห็นอย่างงี้เค้า บางทีเรายังว่าเค้า(โกง)เก่งกันกว่าคนไทยอีก อย่างที่คุณ Reika บอกเลย ที่เรายกตัวอย่าง ครอบครัวชาวตุรกีในเยอรมันที่มีลูกเกินห้าคนแล้วได้ค่าเลี้ยงดูจากรัฐเยอะมาก รัฐไม่เข้าไปสำรวจเลยไม่เคยรู้ว่า คนพวกนี้ เลี้ยงลูกด้วยพิซซ่าแช่แข็งและอาหารแช่แข็งทุกวัน ไม่ใส่ใจในเรื่องคุณภาพชีวิตหรือการอบรมเลี้ยงดูเด็ก เลี้ยงแบบทิ้งๆขว้างๆ ไม่พาไปเปิดหูเปิดตา ทัศนศึกษาเพราะ ขี้เกียจและเปลือง ให้อยู่แต่กับบ้านพอ ส่วนพ่อแม่ไปเที่ยวได้ คือกลายเป็นว่าใช้ความช่วยเหลือจากรัฐในทางที่ผิด มีลูกเพราะอยากได้เงิน แล้วก้ออีกหลายๆคนที่มีมือเท้า ร่างกายครบสามสิบสอง มีความรู้ แต่เลือกไม่ทำงานเพราะอยากอยู่บ้านสบายๆนั่งเล่นเน็ท ไม่โดนใครด่า ไม่โดนใครบังคับ ได้เงินมาปุ๊บไปเมืองไทย ค่าครองชีพแสนจะถูก เงินช่วยจากรัฐเลยกลายเป็นเงินท่องเที่ยวให้คนตกงานสบายใจเฉิบ แบบนี้จะไม่ให้คนทำงานเหนื่อยๆหามรุ่งหามค่ำรู้สึกอะไรเลยคงไม่ได้น่ะค่ะ ส่วนเรื่องระบบไม่เอื้อให้ผู้หญิงแต่งงานแล้วได้ดีที่คุณ akebi1 พูดมา นี่ก้อมีในประเทศใหญ่ๆหลายประเทศเหมือนกันล่ะค่ะ ไม่ใช่เฉพาะที่ญี่ปุ่นหรอก มีคนถกเถียงเรื่องความไม่ยุติธรรมระหว่างหญิงชายในเรื่องรายได้ ภาษี เงินบำนาญ ฯลฯ มาตลอด แต่ระบบนี้มันก้อไม่สูญหายไปซักที เลยทำให้ผู้หญิงทำงานสมัยนี้ไม่อยากแต่งงานมากขึ้น แต่ก้ออย่างคุณ Aon_loe บอก ถ้าภรรยาทำงานเก่ง ก้อ ทำเยอะๆเลยดีกว่า ทำมาก ได้มาก ทำน้อยได้น้อย ถ้ามัวแต่คิดว่า ไม่ทำงานดีกว่าเพราะเรื่องภาษี นี่เราว่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายอ่ะค่ะ เพราะยิ่งรายได้มาก เงินหักโน่น แปะนี่ ระหว่างภรรยา สามี อย่างในลิงค์ที่ คุณ akebi1 ยกตัวอย่างให้อ่าน มันถือว่าเป็นส่วนเล็กน้อย การที่จะมานั่งลิมิตว่าต้องทำงานไม่เกินเท่านี้เพื่อให้สามีเสียภาษีน้อยลง เสียค่าเบี้ยจ่ายต่างๆน้อยลง จำนวนเงินมันถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับรายได้ถ้าภรรยาทำงาน fulltime หารายได้หลักให้ครอบครัวเท่าสามี เป็นเราก้อไม่มานั่งคิดมากอ่ะค่ะ ทำงานได้ทำไป ที่ทำงานก้อมีอะไรดีๆหลายๆอย่าง มีสังคม มีโลกกว้าง อะไรๆที่ได้มากกว่าเงินมากมาย นี่เราทำตัวอย่างกะเป็น แชร์แมน มาขอสรุป session ยังไงยังงั้น 555 ขอโทษคนถามกะคนตอบทุกท่านด้วยนะคะที่ถือวิสาสะเอ่ยถึง แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 53 07:10:07 จากคุณ : enjoymiracle เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 07:05:02

ความคิดเห็นที่ 17 จากคคห.9 หมายถึงเเม่บ้านทำงานพาร์ทไทม์ ถ้าทำfull time ไม่มีผลอะไร ก็คิดหักลบจ่ายเเบบสามี ซึ่งปัจจุบัน พ่อบ้านหาคนเดียวไม่พอเเล้ว เเม่บ้านก็ต้องช่วยด้วย ช่วงเดือนเมษา จะเห็นข่าวว่า保育園(Hoikuen)มีไม่พอรองรับเด็กบ่อยๆ นั่นเเสดงว่าเเม่อยากทำงานจริงๆ ถ้าเเม่บ้านทำพาร์ทไทม์ ก็จะมีช่วงที่ทำเเล้วได้กำไรคือไม่เกิน1ล้านเยน ได้เต็มๆ ไม่ต้องจ่ายอะไร หรืออาจจะทำเกินมาบ้าง เเต่จ่ายนิดๆหน่อยๆก็ประมาณ1ล้าน2เเสนเยน ไม่ควรเกิน1ล้าน3เเสนเยน ทำไมเกิน1ล้าน3เเสนเยนไม่ได้ จริงๆทำได้ เเต่ไม่มีผลประโยชน์จะทำเกิน เพราะหลังจากโดนหักเเล้วเหลือประมาณ1ล้านเยน ซึ่งก็ทำเเค่1ล้านเยนไม่ดีกว่าเหรอคะ จะไปเหนื่อยเพิ่มทำไม ช่วงที่เขาเเนะนำเเม่บ้านทำพาร์ทไทม์ไม่ให้ทำเกินคือช่วง1,300,000-1,600,000เยน เพราะหักค่าต่างๆเเล้ว เหลือพอๆกับทำคนที่ทำเเค่1ล้านเยนมัง(อ่านเเล้วเข้าใจได้ประมาณนี้) ถ้าจะทำพาร์ไทม์เกิน1ล้านเยน ก็ควรจะทำให้เกิน1ล้าน6เเสนเยนขึ้นไป หักลบเเล้วจะอาจจะมีกำไรนิดหน่อย เเต่เชื่อเถอะมันมีข้อเลี่ยงเหมือนกัน รัฐบาลใหม่มา อาจจะมีเปลี่ยนเเปลง เช่น เรื่องการลดหย่อนบุตร-ภรรยาที่สามีเคยได้รับ อาจจะถูกยกเลิกไป เพราะรัฐบาลใหม่อ้างว่าได้ให้เงินช่วยเหลือบุตรเเล้ว ปีนี้เดือนละ13,000เยน  สิ้นปีนี้ใครที่เเต่งงานมีลูก พ่อบ้านอาจจะเสียภาษีเพิ่มขึ้นมาก็ได้ค่ะ ญี่ปุ่นเมื่อก่อนมีเงิน ขอความช่วยเหลืออะไรก็ได้ เอกสารครบ คุณสมบัติครบก็ได้รับความช่วยเหลือ อนาคตอาจจะยากขึ้น เเต่คุณเจ้าของกระทู้เชื่อเถอะ เงิน2เเสน5หมื่นเยนสำหรับ4ชีวิตเเทบไม่พอกินค่ะ แก้ไขเมื่อ 11 ก.ย. 53 10:11:14 จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 10:00:53

ความคิดเห็นที่ 18 กลับมาอีกที โห มีคนเข้ามาช่วยอธิบายให้เข้าใจอีกเยอะ ขอบคุณค่ะ อะไรคือความยุติธรรมในสังคม รัฐบาลให้เงินช่วยเหลือคนที่มีลูก  แต่คนไม่มีลูกล่ะ รัฐบาลให้เงินช่วยเหลือคนซื้อรถ ecco car  แต่คนที่ไม่ขับรถล่ะ รัฐบาลให้เงินช่วยเหลือคนติดแผงพลังอาทิตย์บนหลังคา แต่คนที่ไม่มีเงินติดล่ะ(แผงหนึ่งไม่ใช่ถูก) เทศบาลท้องถิ่นให้เงินช่วยเหลือคนสร้างเตาเผาขยะในสวนของตัวเอง แล้วคนที่ไม่มีสวนล่ะ เป็นต้น เป็นต้น... สำหรับเรื่องผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เชียร์ผู้หญิงทุกคนที่รักจะมี career ของตัวเอง โดนไม่หวั่นภาษีหรือค่าประกันสังคมใดๆทั้งสิ้น   Bravo ค่ะ m(__)m ผู้หญิงไทยที่มีครอบครัวและอยู่ที่นี่หรือกำลังจะมาอยู่ที่นี่ และตั้งใจจะมาทำงานช่วยเหลือเศรษฐกิจครอบครัว รับทราบระบบภาษีของเมืองด้วยก็น่าจะเป็นประโยชน์   คุณพร้อมไหมที่จะหยุดงานของคุณไว้ ณ ตรงนั้น ทั้งๆที่คุณรู้ว่าคุณทำได้มากกว่านั้น   ขอบคุณที่อ่าน และจขกท ค่ะ จากคุณ : akebi1 เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 11:15:44

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณคุณ Mnki และทุกท่านสำหรับคำอธิบายค่ะ เราคิดเหมือนคุณ Aon_loe และคุณ enjoymiracle ค่ะ คือถ้าผู้หญิงทำงานเต็มเวลาเหมือนผู้ชายได้ ถึงแต่งงานแล้วจะเสียสิทธิ์ในการลดหย่อน (ของสามี) โน่นนี่นิดหน่อย สรุปแล้วก็ยังมีรายได้เข้าครอบครัวมากกว่าไม่ทำงานอยู่ดี เลยคิดว่าจะเหมาว่าระบบไ่ม่เอื้อให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วทำงาน คงจะไม่เป็นจริงเสมอไปค่ะ จากคุณ : -N-u-t--- เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 15:54:31