ความคิดเห็นที่ 1 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 53 18:30:28 จากคุณ : Shiraha เขียนเมื่อ : วันฮาโลวีน 53 19:57:00

ความคิดเห็นที่ 2 เขาอาจจะเป็นคู่กันมา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พบกันสามวันแล้วจะแต่งงานกัน อยู่กินกันไปนานๆ ป้ากับสามี ไม่เคยคุยกันทางเฟสบุคหรืออะไรมาก่อน น้องสาวแนะนำเขาให้ เขาเห็นรูป เพียงสองวัน ก็ขอแต่งงานเลย พอมาญี่ปุ่น ไม่รังเกียจเขา ก็แต่งงานอยู่กินกันมาเป็นปีที่สิบหกแล้ว อาจจะเป็นไปได้ที่จะเป็นรักแท้ของเขา เราทำหน้าที่ดูอยู่ห่างๆก่อนดีกว่า เรื่องแบบนี้ เตือนเขาไปก็คงไม่เป็นผลดีกับเรา เขาก็หาว่าริษยาเขาเสียเปล่าๆ เรื่องเสียใจน้อยใจเพื่อนที่เขาเห็นผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันเพียงไม่เท่าไหร่ ดีกว่าเพื่อนที่คบกันมาเป็นสิบปี ขอว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลย เพื่อนกับแฟน ส่วนมากจะโอนเอียงไปข้างแฟนมากกว่า ทำใจเสียเถอะ ชีวิตของเพื่อนคุณ ในเมื่อครอบครัวเขาเห็นดีเห็นชอบ เราก็อยู่เฉยๆจะดีที่สุด อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่ เขาอาจจะอยู่กันแก่เฒ่าไปด้วยกันก็ได้ ผู้ชายญี่ปุ่นดีๆมีเยอะแยะ กดลงไปดูกระทู้ป้าด้านล่างแล้วจะรู้ว่า ชีวิตคู่ของภรรยาญี่ปุ่นนั้นสุขสบายแค่ไหน สามีคนญี่ปุ่น รักและเอาใจภรรยากัน ก็มีมาก ป้าแต่งงานอยู่กินกับสามีมาโดยไม่ได้รักกันมาก่อน แต่ความดีของเขาสามารถทำให้เรารักเขาได้ยืนยาวมาเป็นสิบปี ก็ลองคิดดูแล้วกัน เขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้ จากคุณ : พนอจัน เขียนเมื่อ : วันฮาโลวีน 53 22:19:58

ความคิดเห็นที่ 3 นิสัยของคน ทั้งผู้หญิง ผู้ชายไม่ว่าชาติไหนก็สรุปตายตัวไม่ได้หรอกค่ะ เมื่อก่อนเราก็เคยเจอเคสแบบคุณ จขกท. รุ่นพี่ของเรามีหนุ่มญี่ปุ่นมาจีบ คบกันไม่นาน (แป๊บเดียวมากๆๆๆ) ก็ขอมีอะไรด้วย (คนญี่ปุ่นเวลาคบกัน ถ้าจะมีอะไรกันโดยที่ยังไม่ได้แต่งงาน ถือเป็นเรื่องปกติอ่ะค่ะ) แต่ด้วยสังคมไทยยังไม่ยอมรับกับเรื่องแบบนี้ แล้วเราก็หัวโบราณด้วยแหละ เลยเตือนรุ่นพี่เค้าไปว่าให้ใจเย็นๆ ค่อยๆดูกันไปก่อนจะดีกว่า พูดจนพี่เค้าเบื่อ แล้วก็เลิกมาปรึกษาเราเลย ไม่เล่าอะไรให้เราฟังอีกเลย ตอนนั้นเราก็รู้สึกน้อยใจอ่ะนะ เจอประสบการณ์คล้ายๆ กัน ถึงจะไม่รุนแรงเหมือนคุณ จขกท. แต่ก็เข้าใจความรู้สึกของคุณ จขกท.ค่ะ ยังไงก็อย่าคิดมากเลยค่ะ คิดซะว่าเราทำหน้าที่เพื่อนที่ดีแล้ว ตอนนี้เพื่อนของคุณกำลังหลง พูดอะไรไปก็ไม่ฟังหรอกค่ะ ยิ่งพูดมีแต่จะมากความ ส่วนเรื่องของรุ่นพี่คนนั้นก็จบแบบไม่แฮปปี้เอนดิ้งค่ะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เรื่องของเพื่อนของคุณจะไม่จบแบบแฮปปี้นะคะ เรื่องอย่างนี้มันอยู่ที่ดวงค่ะ จากคุณ : Atom Girl เขียนเมื่อ : วันฮาโลวีน 53 23:03:08 A:58.8.65.249 X: TicketID:056851

ความคิดเห็นที่ 4 ทัศนะเกี่ยวกับคู่ครองในสังคมญี่ปุ่น อาจจะต่างไปจากที่คนในเมืองไทยคิดก็เป็นไปได้ ปัญหาของคุณ แยกเป็น สามเรื่อง ความเป็นห่วงของคุณ ซึ่งอาจจะรู้สึกสนิทกับเพื่อนเหมือนเป็นญาติพี่น้อง แต่ในเมื่อพี่น้องจริงๆของเค้าก็ไม่ได้ห่วงมากมายขนาดที่คุณรู้สึก  ก็แปลว่าเราก็ควรดูอยู่เฉยๆ เค้าอาจจะเป็นคู่สร้างคู่สมกันมาก็ได้ อย่างคุณพนอจันบอก ความเป็นเพื่อน .... วันหนึ่งก็ต้องมีเหินห่างไปบ้าง เป็นธรรมดาเมื่อเค้ามีแฟน มีคู่ มีครอบครัว  ขนาดพ่อแม่ คนยังลืมได้ ประสาอะไรกับเพื่อน คุณต้องเตรียมใจค่ะ เรื่องพี่สาวเค้าโทรมาว่า ... ตรงนี้ หนักข้อไปหน่อยค่ะ  แต่ ... คิดได้ว่า เพื่อนคุณคงกลุ้มใจไม่น้อยเรื่องท่าทีของคุณ  จึงเอาความไปเล่าให้พี่เค้าฟังจนออกอาการขนาดนี้ .... ไม่ต้องเครียดหรอกค่ะ ฝ่ายโน้นคงเครัยดไม่แพ้คุณเหมือนกัน ... เจ๊ากันไป ลืมๆซะดีกว่าค่ะ  .... จะเลิกคบเพื่อนหรืออย่างไร ... รอดูสถานการณ์ ใจเย็นๆไว้ก่อนค่ะ   เพื่อนคุณ ยังมีปัญหาข้างหน้ารออยู่อีกมาก  .... ถ้าเค้าจะแต่งงานกับชายญี่ปุ่น แล้วย้ายถิ่นฐานมา .... สู้ช่วยเหลือเค้า เป็นห่วงเค้าในเรื่องเหล่านั้นจะดีกว่า ... เช่นการเตรียมตัวต่างๆ  .... เเนะนำว่า น่าจะเดินทางมาดูบ้านช่อง ความเป็นอยู่ พบปะผู้ใหญ่ทางนี้ ... หรือจะมาลาดเลา จัดเตรียม งานแต่ง หาที่อยู่ อะไรก็ว่าไป .... ผู้ชายญี่ปุ่นมีหลายแบบ เหมือนผู้ชายทั่วโลก .....จะออกหัวออกก้อย ก็ไม่เกี่ยวกับเรา ...เรื่องของเค้าล้วนๆค่ะ .... จากคุณ : nijja เขียนเมื่อ : วันฮาโลวีน 53 23:23:21

ความคิดเห็นที่ 5 รู้นะว่าเจ้าของกระทู้ต้องการคำตอบแบบไหน ถึงได้มาเที่ยวโพสไปหลายกระดานขนาดนี้... เสียใจด้วยที่ไม่มีใครเอออวยไปกับเธอ ครอบครัวเค้าพูดถูกแล้ว เธอน่ะจุ้นจ้านกับชีวิตชาวบ้านมากเกินไป เพื่อนเธอไม่ใช่เด็กป.สอง จะได้ต้องรอให้เธอมาชี้เป็นชี้ตายห้ามนี่นั่นโน่น และเธอก็คงจะโตพอสมควรแล้ว  ไม่ไปหาสามีเป็นตัวเป็นตน มีลูกมีเต้าเป็นของตัวเองเสียล่ะ ? จะได้ไม่ต้องไปเที่ยวกังวลชีวิตของชาวบ้าน ทั้งๆที่เจ้าตัวเค้าไม่ได้ขอร้อง จากคุณ : Laputania เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 01:34:55

ความคิดเห็นที่ 6 ตามที่คุณเล่ามา ต้อนย้อนกลับไปถามว่าคุณให้คำแนะนำให้คำปรึกษากับเพื่อนแบบไหน เอาความรู้สึกของตัวเอง เอาประสบการณ์ของตัวเองไปพูดกับเพื่อนหรือเปล่า เรื่องความรัก เรื่องชีวิตคู่ไม่มีสมการตายตัว อย่าได้ฟันธงว่าดีหรือไม่ดี ของแบบนี้ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ (เพื่อนอายุ 30 ปี ไม่เคยมีแฟนเลย ทำงานแปลเกี่ยวกับญี่ปุ่นค่ะ อยู่แต่กับบ้าน ไม่เคยทำงานนอกบ้านหรือเจอใครมากๆ เลย) คุณมองว่าเพื่อนไม่ประสีประสาเรื่องความรัก แต่คุณลืมมองว่าเพื่อนคุณโตแล้ว ถ้าเค้าจะตัดสินใจ จะเลือกชีวิตคู่ และคุณก็เตือนไปแล้ว และเพื่อนก็คงให้เหตุผลคุณไปแล้ว คุณก็ควรเคารพการตัดสินใจของเพื่อนคุณด้วย ถ้าคุณเป็นเพื่อนที่หวังดีกับเค้าจริง ๆ ไม่ว่าอนาคตเพื่อนคุณจะแฮปปี้หรือผิดหวัง คุณควรจะบอกเค้าว่าคุณจะเป็นเพื่อนเป็นกำลังใจเป็นที่ปรึกษาให้เค้าเสมอ อย่างน้อยวันนี้ความสัมพันธ์ก็จะไม่ขาดกันขนาดนี้ อย่างน้อยคุณก็จะได้มีโอกาสพบปะแฟนของเพื่อน ได้สังเกตว่าแฟนของเพื่อนเป็นแบบไหน ทำไมถึงได้มาขอเพื่อนแต่งงานเร็วสายฟ้าแลบขนาดนี้ - เร็วเกินไปมั๊ยที่เพื่อนจะตัดสินใจแต่งงานกับผู้ชายที่รู้จักกันประมาณหนึ่งเดือน เห็นหน้ากันประมาณสามวัน   คิดว่า ตัดสินใจเร็วไป  แต่การตัดสินใจเร็วไปก็ไม่ใช่ตัวชี้ชะตาว่าอนาคตไปกันไม่รอดแน่ ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะราบรื่นเหมือนตอนนี้ที่เพิ่งรู้จักกันที่ได้รับรู้แต่ด้านดี ๆ ของกันและกัน ในเมื่อเพื่อนกับแฟนเค้าคลิกกัน ตกลงจะแต่งงานกัน คุณบอกว่าแฟนเพื่อนฐานะก็ค่อนข้างดี การศึกษาก็ดี หน้าตาก็ไม่แย่ อันนี้คือคำบอกเล่าจากผู้ชายหลักฐานไม่มี ดังนั้นคุณควรแนะนำให้เพื่อนรอบคอบ ถามสถานที่ทำงาน นามบัตร (อย่างน้อยก็จะได้มั่นใจระดับหนึ่งว่าผู้ชายทำงานมีหลักแหล่ง) ถ้าเป็นไปได้เพื่อนคุณควรมาเที่ยวญี่ปุ่นมารู้จักครอบครัวของฝ่ายชายด้วยก็ดี และที่คุณบอกว่ารักและแคร์เพื่อนคนนี้มาก แต่ผู้ชายเพียงคนเดียว ทำให้เค้าเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ จะบอกว่าอย่าเอาความเป็นเพื่อนไปเปรียบเทียบกับความเป็นแฟน คนละสถานะกัน เช่น - ระหว่างเพื่อนกับแฟน เธอเห็นแฟนดีกว่าช้านเหรอ - ระหว่างฉันที่เป็นเมีย กับแม่ เธอจะเลือกใคร หรือเธอจะเชื่อใคร - ระหว่างแฟนลูก กับความเป็นแม่ลูก ลูกจะเชื่อใคร จะเลือกใคร พยายามอย่าได้พูดสิ่งเหล่านี้ เพราะมันจะนำมาซึ่งการแตกหัก และลดคุณค่าของคนที่พูด ต่างคนต่างสถานะเอามาเปรียบเทียบกันได้ยาก แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 53 07:29:44 จากคุณ : Omiya เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 05:08:10

ความคิดเห็นที่ 7 มันไม่ใช่เรื่องเชื้อชาติ แล้วสามารถตัดสินชีวิตคนๆนึงได้นะคะ..... แล้วการที่เข้ามาโพสต์ที่ห้องแจแปนนี่  ยังไงก็ต้องได้รับคำตอบ 99% อยู่แล้วว่า ทุกคนได้คู่ชีวิตที่ดี   ถ้าคุณรักเพื่อน...ขอให้ดูแลเพื่อนด้วยความห่วงใยอยู่ห่างๆ..... เพราะทุกคนมีทางเดินชีวิตของตัวเอง  ถูกหรือผิดพลาดยังไงเพื่อนคุณก็เป็นคนแบกรับปัญหาเองอยู่แล้ว....เราเป็นคนวิเศษขนาดไหนถึงจะได้มีอำนาจไปตัดสินและเลือกทางเดินให้ชีวิตนึงที่กำลังจะเริ่มต้น   ถอยออกมากค่ะ...เพื่อนคุณเป็นคนคบเอง  เพราะฉนั้นเขาเองรู้ดีที่สุด  และถ้าเขาคิดจะใช้ชีวิตร่วมกัน  คุณก็ควรช่วยเรื่องการอำนวยความสะดวกต่างๆ และทำให้มันถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติ  เช่น จดทะเบียนแต่งงาน ให้เรียบร้อย .... และเมื่อเพื่อนคุณจำเป็นต้องมาใช้ชีวิตที่นี่ ก็ขอจงแนะนำเพื่อนให้รู้จักอดทน  และปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆให้ได้   มองไปข้างหน้า ว่าการได้มาใช้ชีวิตร่วมกับคนที่ตัวเองรักนั้น มันดีที่สุดแล้ว และหากเพื่อนจะเกิดปัญหาใดๆก็ตามในภายหลัง ก็ขอให้ดูแลความรู้สึกของเพื่อนให้ดี  มากกว่าจะกล่าวคำว่า...ชั้นบอกเธอแล้วใช่ไหม..... ประสบการณ์ที่แต่งงานกับคนญี่ปุ่นและของเพื่อน  บอกได้เลยว่าชายญี่ปุ่นทำงานหนักมาก และใช้เวลาที่เหลือของวันว่างไปกับครอบครัว พาลูกไปเที่ยว  ไม่ขี้เหนียว ไม่ติดบอล ไม่ปาร์ตี้เมาแอ๋  ไปวุ่นวาย..... ทุกคนมีข้อดีข้อเสียแม้แต่ตัวเราเองนะคะ เพื่อนจขกท. คล้ายกับเพื่อนของเรา คือ เป็นคนไม่เคยมีแฟนมาก่อน แล้วอยู่มาคน 30 ปี  ....ด้วยความที่เพื่อนพูดอังกฤษได้ เราเลยแนะนำเวบหาคู่ให้เพื่อนได้คุยเล่นๆ แก้เหงาไป  โดยได้รับคำแนะนำเวบนี้จะพี่สาวอีกที  เพราะเพื่อนพี่สาวก็มีแฟนต่างชาติแล้ว ย้ายมาทำมาหากินเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว   เพื่อนเราคนนี้ ก็ได้คุยหลายคน....แล้วมาเจอคนนี้ ที่คุยแล้วรู้สึกดีๆ  พอมีโอกาส ผู้ชายคนนี้เขาก็บินมาหา แล้วก็ไปเที่ยวภูเก็ตด้วยกันโดยมีเพื่อนสาวอีกคนไปเป็นเพื่อน.....คบกันแล้วถูกใจค่ะ...พื้นฐานครอบครัวไปกันได้ การงานดี ส่วนเรื่องชีวิตคู่เป็นเรื่องที่ต้องปรับตัว..... แล้วเขาก็กลับไป พร้อมกับมาให้อีกทีโดยการมาสู่ขอค่ะ พ่อแม่ก็ชอบเช่นกัน.....ถามเพื่อนแล้ว เขาบอกว่ามันเหมือนว่าใช่ เขาก็ตอบไม่ได้....แต่เขารู้ว่าถ้าห่างกันไป แล้วเขาทนไม่ไหวค่ะ  เขาเลยเลือกจะแต่งงาน มาครั้งที่ 3 มางานแต่งงานเลยค่ะ  พ่อแม่ฝ่ายชายมาไม่ได้เพราะกะทันหันมากเน่องจากงานผู้ชายลางานได้กระชั้นชิด  คนที่ไทยรอเตรียมงานไว้ พร้อมทุกเมื่อ แต่งงานแล้วเพื่อนเรารอทำเรื่องวีซ่า...เพราะได้เอกสารแต่งงานแล้ว   ตอนนี้ท้องอยู่กำลังจะคลอดสิ้นปีนี้ค่ะ เราห่วงเพื่อนค่ะ...แต่ในฐานะเพื่อนเอง เราก็ถามเสมอว่ามีความสุขดีไหม....เป็นไงบ้าง... สามีดูแลดีไหม....พยายามนะ.... ตอบได้เลยว่า....ระยะเวลาคบกันไม่ใช่ปัญหา....สำคัญที่ความพร้อมทั้งกายและใจมากกว่าค่ะ   แก้ไขเมื่อ 01 พ.ย. 53 06:31:10 จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 05:26:20

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าเสียใจ และจะตัดใจจากเพื่อน ก็ลองเปิดอกคุยกับเค้าดูอีกสักครั้งไหมคะ บอกว่าคุณก็แค่เป็นห่วงด้วยความบริสุทธิ์ใจเฉยๆ  และเสียใจที่เพื่อนเข้าใจผิด ว่าความเป็นห่วงของคุณกลายเป็นความอิจฉาไป เราก็ไม่รู้ว่าตอนคุณกับเพื่อนคุยกัน ท่าทาง ลักษณะ น้ำเสียง เป็นยังไง เพราะถ้าเป็นเรา เพื่อนเรามาถึงก็ใส่ๆๆๆ พูดถึงคนที่เรากำลังดูใจ แต่ด้านลบๆๆๆๆ เราก็คงไม่พอใจเหมือนกัน เอาใจเขามาใส่ใจเราค่ะ ผู้ชายญี่ปุ่น ดีๆก็เยอะ แย่ๆก็มี แต่ชีวิตเพื่อน ก็ให้เค้าเลือกเองเถอะค่ะ  อนาคตอะไรจะเกิด ใครก็ทายไม่ได้หรอก  เราว่าเวลาคบหา มันไม่ค่อยเกี่ยวหรอก  ว่าจะสั้นหรือยาว คบกันตั้งหลายปี แต่งปุ๊บไม่ทันไรเลิกกันเลยก็มี.... เอาใจช่วยให้หายเครียดไวๆนะคะ จากคุณ : นู๋โนริ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 06:46:15

ความคิดเห็นที่ 9 บางทีเวลาก็ไม่ใช่สิ่งพิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่าง... คนที่เรารู้จักคนหนึ่ง คบกับแฟนมานานมากๆ รู้จักทุกสิ่งทุกอย่างของผู้ชาย ครอบครัวผู้หญิงก็รู้จักผู้ชาย รักเหมือนลูกเหมือนหลาน เข้านอกออกใน เจอกันทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละหลายวัน จนแต่งงาน ผู้ชายเข้ามาอยู่ในบ้านผู้หญิง...พอท้อง  มันหนีไปกับผู้หญิงคนอื่นเลย จบ บางครั้งเวลาและการรู้จักกันอย่างดี ไม่ใช่สิ่งประกันว่าการแต่งงานจะราบรื่นค่ะ จากคุณ : gengen เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 07:52:41

ความคิดเห็นที่ 10 สั้นๆง่ายๆ เรื่องของเค้า เราไม่เกี่ยว เกิดเพื่อนคุณเข้ามาวุ่นวายกับคุณเรื่องผู้ชายบ้าง คุณรู้สึกอย่างไร ไม่ว่าชายญี่ปุ่น ชายไทย ชายชาติไหน มันก็คน ซึ่งยิ่งคนก็ยิ่งเละ เข้าใจว่าเป็นห่วง จะถูกหรือ ผิด เค้าเป็นคนตัดสินใจเอง คุณก็ถอยๆออกมา ดูห่างๆ ห่วงห่างๆ เตือนห่างๆ แล้วความเป็นเพื่อนมันจะยั่งยืน จากคุณ : รวมการเฉพาะกิจ เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 10:23:04

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องของคุณคล้ายกับเรื่องของเพื่อนเราเลยคะ เพื่อนเราเจอคนที่คบอยู่ตอนนี้ทางinternet(ฝรั่ง) แล้วก็ตัดสินใจคบกัน พอนัดเจอกันครั้งแรกก็ไปเที่ยวตจว.กันสองคนเลยอะไรแบบนี้ ตอนแรกเราก็แอบเป็นห่วงเพื่อน เพื่อนคนอื่นก็เป็นห่วงด้วยเหมือนกัน กลัวแบบว่าโดนหลอกอะไรประมาณนี้^^; ถึงเราจะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่เราก็รับฟังเวลาเพื่อนมาเม้าท์กับเรา เราก็ได้แต่พูดเชิงเตือนแบบอ้อมมากๆ เพราะอยากเราไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกเหมือนอิจฉาหรือขวางเพื่อนอะไรแบบนี้ เพราะทางบ้านเพื่อนเราเค้าก็ยังไม่ห้ามอะไรเหมือนกันเลยด้วย ทั้งหมดทั้งมวลมันก็เป็นเรื่องของเพื่อนและการตัดสินใจของเพื่อนล้วนๆด้วย ถ้าเค้าทำอะไรแล้วเค้ามีความสุขก็ยินดีด้วยกับเค้าเถอะคะ จริงๆแล้วระหว่างเพื่อนเรากับแฟนเพื่อน เราก็คือคนนอกนะคะ เราคอยเป็นห่วงอยู่ห่างๆดีกว่านะคะ จะได้เป็นเพื่อนกันนานๆ จากคุณ : wanroom เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 10:42:09

ความคิดเห็นที่ 12 เจ้าของกระทู้ ไม่ต้องกังวลใจอะไรมากมาย ถึงคุณเพื่อนจะเพิ่งคบ หรือ เขาจะแต่งงานกันในอนาคต........ ทุกอย่างก็ยังไม่มีบทสรุป ที่เรียกว่า "ความสุขอันแท้จริง" ให้คุณเพื่อนได้ศึกษาชีวิตนอกบทเรียน บทที่ 1 บ้างดีกว่าไหม? ให้เธอได้ก้าวขาบ้าง ............. พลาดท่าอย่างไร ถือเป็นประสบการณ์ดีกว่า ปล.ลิ๊งค์ที่โชว์ในความเห็นที่ 1 ความเห็นตั้งเยอะแยะ มันไม่พอเพียงเหรอคะ? จากคุณ : ป้าซิ่ง (Naomichan) เขียนเมื่อ : 1 พ.ย. 53 14:55:06

ความคิดเห็นที่ 13 ก็คงไม่ต้องดูใจให้มันยืดเยื้อ รักตั้งแต่เจอแรกแรกเลย ก็คงไม่ต้องศึกษากันไป ให้เสียเวล่ำเวลา นัดแม่มาเลย ให้แม่เจอกัน นัดพ่อมาเลย ให้พ่อเจอกัน เข้าบ้านคุยกันตรงตรง ว่าเรารักกัน ครับ คนเวลาจะใช่อะไร เวลาจะเชื่ออะไร ไม่ต้องรอให้เหนียงยาน คนเวลาจะมุ่งอะไร เวลาจะมั่นอะไร ให้มันชัดเจนไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว จะมัวมานั่งลังเล ค่อยค่อยดูดูไป รักกันแบบนั้นไม่เอาจริง ก็ในเมื่อเราเจอะแล้ว ยืนยันอยู่แล้ว จะห่วงอะไร นัดแม่มาเลย ให้แม่เจอกัน นัดพ่อมาเลย ให้พ่อเจอกัน เข้าบ้านคุยกัน ตรงตรง ว่าเรารักกัน ครับ คนเวลาจะใช่อะไร เวลาจะเชื่ออะไร ไม่ต้องรอให้เหนียงยาน คนเวลาจะมุ่งอะไร เวลาจะมั่นอะไร ให้มันชัดเจนไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว คนเวลาจะใช่อะไร เวลาจะเชื่ออะไร ไม่ต้องรอให้เหนียงยาน คนเวลาจะมุ่งอะไร เวลาจะมั่นอะไร ให้มันชัดเจนไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว คนเวลาจะใช่อะไร เวลาจะเชื่ออะไร ไม่ต้องรอให้เหนียงยาน คนเวลาจะมุ่งอะไร เวลาจะมั่นอะไร ให้มันชัดเจนไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว คนเวลาจะใช่อะไร เวลาจะเชื่ออะไร ไม่ต้องรอให้เหนียงยาน คนเวลาจะมุ่งอะไร เวลาจะมั่นอะไร ให้มันชัดเจนไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว   เรารักกันครับ - Taxi จากคุณ : CherryBlossom669 เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 07:22:44

ความคิดเห็นที่ 14 ห่วงหรือหวงคะแบบนี้? ขนาดพ่อแม่เค้าเองก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย เพื่อนก็ไม่ควรไปก้าวก่ายค่ะ ถ้าคิดเป็นเพื่อนจริง ต้องมองห่างได้ค่ะ นี่ขนาดถึงกับเลิกคบกันไป เพราะเรื่องของคนอื่น มันไม่แปลกไปหน่อยหรอคะ? จากคุณ : midori_p เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 10:47:16

ความคิดเห็นที่ 15 เพื่อนคุณสามสิบแล้ว เค้าก็มีความคิดและชีวิตเป็นของตัวเองแล้วหล่ะค่ะ จากคุณ : padme' amidala เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 20:08:53