ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนตัวผมก็วางแผนอยากเรียนเหมือนกัน เหตุผลหลักๆคืออยากให้ความรู้ อยากช่วยเหลือสังคม ทำประโยชน์ให้สังคมบ้างไม่มากก็น้อย ในเมื่อค้นพอตัวเองว่าชอบงานสอนมีเป้าหมายแล้ว ก็เดินไปให้ถึงเป้าหมายเลย ส่วนเรื่องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยมหาวิทยาลัยหลายที่ก็เปิดสอนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นะคับ ลองหาข้อมูลดูว่าสนใจเรียนที่ไหน ส่วนเรื่องมุมมอง ผมว่าน่าจะเปลี่ยนนะ เพราะเรารู้ เราเห็น เราเข้าใจอะไรมากขึ้น ผมคงแนะนำได้ประมาณนี้เพราะผมเองก็ได้แต่วางแผนแต่ยังไม่ถึงตรงนั้นเลย หวังว่าจขกท.จะทำได้ตามที่ตั้งใจนะคับ เอาใจช่วยครับ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 53 23:59:44 จากคุณ : landlover เขียนเมื่อ : 2 พ.ย. 53 23:51:52

ความคิดเห็นที่ 2 ก็คงต้องชั่งใจหล่ะครับ ว่าชอบแบบไหนมากกว่า เพราะจากที่อ่านๆมา ก็รู้สึกว่า จขกท จะชอบทั้งสองอย่างเลย  ลองนึกให้ดีครับ ส่วนตัวผม เชียร์ให้ ทำในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่รักครับ อะไรที่มันต้องฝืนความรู้สึกตัวเองทำไปนานๆ สุดท้ายใจเรามันก็ พาออกไปทำสิ่งที่ชอบอยู่ดี ปล.เป็นกำลังใจให้ครับ  ตอนนี้ผมก็ตามความฝัน สิ่งที่ผมชอบอยู่ครับ หลังจากหลงทางมานาน จากคุณ : lovemachinez เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 01:19:33

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่ออายุ 40 จขกท. อยากทำอะไรครับ ถ้าตัดสินใจได้ เมื่อนั้น จขกท. จะพบทางสว่างครับ ตอนนี้ผมก็อยู่ในสถานะเดียวกับ จขกท. ครับ มันหนักและยากที่จะตัดสินใจ แต่ก็ตัดสินใจไปแล้ว ตอนนี้ก็ได้แต่มุ่งมั่นและเดินต่อครับ สำหรับผมเดินกลับหลังมีแต่เหวครับ ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : ผู้หวังร้าย เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 12:33:20

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นด้านบนนะค่ะ @landlover เราลองดู ๆ หลักสูตรวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ระดับปริญญาเอก ทุกที่เรียน full time หมดเลยค่ะ ไม่มีแบบ part time ซักที่เลย ก็ได้ลองปรึกษารุ่นพี่ที่ตอนนี้เรียนเอกอยู่ น่าจะไกล้จบแล้ว พี่เค้าก็บอกว่า ปริญญาเอก require full time จริง ๆ @lovemachinez ใช่ค่ะ เราชอบทั้ง 2 ทาง ท่องเที่ยวก็ชอบ ดังนั้นทำงานที่นี่เรา happy มาก เพียงแต่รายได้มันอาจจะไม่มากมายนัก หากเทียบกับเอกชน ก็ต้องแลกเอานะค่ะ งานสอน เราก็ชอบมาก รู้สึกสนุกกับมันนะค่ะ @ผู้หวังร้าย ถามว่าตอนอายุ 40 เราอยากทำอะไร เรายังอยากเดินทางไปทั่วโลกอยู่ค่ะ ในขณะเดียวกันก็อยากทำงานสอนไปด้วย ณ ขณะเดียวกัน ซึ่งเท่าที่ดูแล้ว คงไม่ได้สอนในมหาวิทยาลัยแน่นอนเลยค่ะ น่าจะเป็นยังอยู่ในองค์กรเดิม เพียงแต่งานสอนนั้น กว้างไกลเพิ่มมากขึ้น ได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมามากกว่านี้นะค่ะ มันค่อนข้างยากในการตัดสินใจ เวลาที่เราค้นพบว่า เรามีทางเลือกในชีวิตเพิ่มเข้ามา อยากบอกว่า เราเองเป็นแบบนี้หลายครั้งเหมือนกันค่ะ จนถึงปัจจุบัน ปล. ขอให้ทุกคนไปถึงฝันเหมือนกันนะค่ะ ^^ จากคุณ : onearth เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 19:17:14

ความคิดเห็นที่ 5 งั้นผมว่าคุณต้องตัดสินใจแล้วละ่ครับว่า สุดท้ายแล้วในอนาคตต้องการที่จะทำอะไร รักอะไร แล้วทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ทำแล้วมีความสุข แต่ต้องดูด้วยนะคับว่า มีความเป็นไปได้มากน้อยขนาดไหน เพราะต้องแลกกับการออกจากงานมาเรียนเต็มเวลา อย่าลืมว่าถ้าเรียนเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าเทอม ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าสังคม(อันนี้เยอะด้วย) ล้วนแล้วแต่เป็นเงินทั้งนั้น แต่ถ้ามีเงินเหลือเก็บอยู่ก็ไม่น่ามีปัญหา ส่วนเรื่องการตัดสินใจลองเอาวิธีผมไปใช้ดูก็ได้นะครับ คิดแบบย้อนหลังไปสู่จุดเริ่มต้น เช่น ก่อนหน้านี้ผมคิดแบบจากจุดเริ่มต้นไปถึงจุดหมาย ผมเรียนจบแล้วผมจะทำงาน พอทำงานแล้วก็เก็บเงิน พอมีเงินเก็บเอาไปทำธุรกิจ ผมเชื่อว่า คนมีหลายคนก็คิดแบบนี้ แต่โชคชะตาผมไม่ได้ง่ายอย่างนั้น หลังจากที่ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับบริษัทเก่า ผมตกงานมาหลายเดือน เครียดมากกับการใช้ชีวิตเรื่อยๆ จนวันนึงจู่ๆก็มีความคิดขึ้นมาในสมองว่า การที่เราตกงานนั่นไม่ได้แปลว่าเราแย่ ไร้ความสามารถ หรือไม่มีคุณค่า(คิดแง่บวกหรือคิดเข้าข้างตัวเอง) ถึงเราเดินทางนี้ไม่ได้ เราก็เดินอีกทางได้ ในเมื่อโอกาสไม่เดินเข้ามาหา เราก็ต้องสร้างโอกาสให้ตัวเอง ผมคุยกับตัวเอง "ในอนาคตอยากทำอะไรกันแน่"  ในอนาคตอยากมีธุรกิจส่วนตัว แล้วก็เป็นอาจารย์ให้ความรู้ ทำประโยชน์ให้สังคม" "แล้วทำอย่างไรถึงจะได้เป็นอาจารย์"  เรียนเยอะๆ หาความรู้ให้มากๆ ผมจึงตัดสินใจที่จะเรียน หาความรู้เพิ่มเติม เพื่อเป็นเครื่องมือที่จะพาผมไปให้ถึงจุดหมาย เรื่องของผมอาจจะไม่เหมือนใคร หรือไม่มีใครเหมือน ผมโชคดีตรงที่มีที่บ้านช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายแต่นั่นไม่สำคัญ เพราะสมัยนี้มีทุกอยู่เยอะ ลองหาข้อมูลเพิ่มก่อนก็ได้ครับ ผมเองอาจจะไม่ใช่คนเก่ง แต่ผมมั่นใจว่า ถ้าคนเรามีเจตนาที่ดี ความตั้งใจที่แน่วแน่แล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรเราก็ทำได้ ใครสนใจจะลองนำไปใช้ดูก็ได้นะครับ ถ้าเป็นประโยชน์ผมก็ยินดี ยังไงผมก็ขอให้จขกท ตัดสินใจเลือกเดินในทางที่ใช่ได้เร็วๆนะครับ จากคุณ : landlover เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 22:35:26

ความคิดเห็นที่ 6 ลองเช็ค ของรามคำแหงไหมคะ ความจริงอาจารย์ ที่ต้องจบเอกส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นอาจารย์ที่สอนในมหาลัย แต่ถ้าคิดว่าจะเป็นอาจารย์ในองค์กรเดิมเหมือนเดิม  ถ่้าอย่างนั้นลองเช็คดูก่อนไหมคะว่าตำแหน่งที่รับผิดชอบสูงกว่าเราต้องจบเอกไหม จากคุณ : aislinn เขียนเมื่อ : 3 พ.ย. 53 22:40:04

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้า จขกท สามารถลาออกมาเรียนและกลับเข้าไปทำงานได้หลังเรียนจบก็เลือกในสิ่งที่อยากทำเถอะค่ะ แต่เรียนเอกในไทย เท่าที่คลุกคลีกับหลายๆท่านที่เรียนและจบแล้ว รู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลย คนใกล้ตัว จบเอกจาก มจธ. วิศวฯ คอมฯ requirment ตอนจบค่อนข้างสูง ต้องให้ได้ journal ซึ่งรอนานมาก ต้องเขียนส่ง แก้ไข หลายรอบมาก แค่ช่วงเวลาของการรอตีพิมพ์ แก้ไปแก้มาใช้ไปประมาณ 3 ปี ตรงนี้เท่าที่ทราบหลาย U ในไทยจะต้องได้ jounal ถึงจะจบได้ แต่ต่างประเทศแค่ conference ก็ได้แล้ว (ไม่ทราบว่าจะเป็นทุกที่หรือไม่ แต่จากเท่าที่คุยกับคนจบเอกที่รู้จัก จะประมาณนี้ค่ะ) เมื่อจบแล้วหากทำงานเป็นอาจารย์ในมหาลัย ถ้าอยู่สายวิจัย หรือเน้นงานวิจัยก็มีโอกาสได้ไปต่างประเทศบ่อยๆ ไปเข้าร่วมตาม conference แต่ถ้าอาจารย์ท่านใดเน้นสอนอยู่ที่มหาลัย ไม่ค่อยได้ทำวิจัยก็จะไม่ค่อยได้ไปเท่าไหร่ค่ะ (จากเท่าที่เห็นนะคะ) จากคุณ : MooMoo8181 เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 01:26:41

ความคิดเห็นที่ 8 @aislinn ที่นี่เอง ไม่จำเป็นต้องจบเอกค่ะ ส่วนใหญ่ในองค์กรจบโทกัน ไม่่ว่าจะทำงานสายไหนก็ตาม น้อยมากที่จะจบเอก เท่าที่เจอ จบเอกคือสอนในมหาวิทยาลัยนะค่ะ สำหรับรามคำแหง เราจะลองตรวจสอบอีกครั้งนะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ @landlover ขอบคุณที่กลับมาตอบอีกครั้ง ครั้งนี้เราคงต้องคิดใคร่ครวญจริง ๆ ใจหนึ่งถามว่า อยากทำธุรกิจไหม ก็อยากทำค่ะ แต่สำหรับเราเอง คงต้องมีทุนเรียน เพราะเราไม่อยากรบกวนที่บ้านนะค่ะ ครอบครัวเราเค้าเกษียรณหมดแล้ว เราอยากให้เค้าอยู่สบาย ๆ นะค่ะ หากเราเลือกที่จะเรียน เราคงต้องหาทุน support การเีรียนนะค่ะ มันคงยากขึ้นไปอีก @MooMoo8181 เราคงต้องลองคุยกับหน่วยงานดูค่ะ ว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ จะเป็นไปได้รึเปล่า มันคงเป็น special case พอสมควร หรือลาออกไปเรียนเลยก็เสียดาย หากเป็นข้าราชการ คงทำแบบนั้นได้ค่ะ ส่วนการเรียนจริงๆ ปริญญาเอกในเมืองไทย เป็นแบบนั้นจริง ๆ ค่ะ มันเป็นการทำวิจัย จริง ๆ ตอนเรียนปริญญาโท เราเองก็เรียนแบบนั้นค่ะ กว่าจะจบมาได้ก็แทบแย่ TT แต่ก็รู้สึกดีที่ได้จบมา ตอนนี้ เราเองก็มอง ๆ หางาน อาจารย์พิเศษเพิ่มเติม เพื่อหารายได้เพิ่ม หากสามารถไปเรียนได้ จะได้มีทุนช่วย support นะค่ะ ปล. ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะค่ะ ให้ gift หมดเลยค่ะ ^^ จากคุณ : onearth เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 13:24:11

ความคิดเห็นที่ 9 ยินดีครับ ผมก็เเค่หวังว่าสิ่งที่ผมแนะไปน่าจะมีประโยชน์กับจขกทและคนที่เข้ามาอ่านได้ไม่มากก็น้อยครับ เรื่องธุรกิจผมอยากให้ลองคิดดีดีก่อน ที่พูดนี่ผมไม่ได้คิดว่าคุณไม่เก่ง แต่ผมกลัวเรื่องเศรษฐกิจและกำลังซื้อของกลุ่ม ลูกค้า และปัจจัยอื่นๆมากกว่า ส่วนเป็นอาจารย์พิเศษเห็นด้วยเลยครับ ลองหาข้อมูลแล้วติดต่อดู มีอะไรคิดว่าผมช่วยได้หลังไมค์มาเลยครับ ผมยินดีช่วยเหลือเต็มที่(ถ้าช่วยได้นะครับ) ในฐานะที่มีความฝันคล้ายๆกัน สู้ๆครับ จากคุณ : landlover เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 13:44:58

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบคุณ landover อีกที เราเอง ก่อนที่จะทำอะไร คงคิดตัดสินใจถ้วนถี่ มองหาโอกาสให้รอบด้าน มองให้เห็นตรงมุมที่คนอื่นมองไม่เห็น บางอย่างที่ไม่เคยลอง หากไม่เสียหายที่จะลอง มันก็น่าลอง จริงไหมค่ะ เราเป็นคนแบบนั้นค่ะ ไม่ได้เป็นคนที่เก่งมากมายอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่มักจะมองหาโอกาสและชอบลองทำสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เสมอเท่านั้นเอง อย่างเช่น เมื่อก่อนก็เรียนและทำงานสายคอมพิวเตอร์มาตลอด เพิ่งจะมาสนใจศาสตร์ด้านการบินตอนเข้าทำงานที่นี่นั่นเอง รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกและน่าสนุกดี สำหรับธุรกิจ เรายังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นหรอกค่ะ เราคงใช้ความรู้ด้านการสอนในการเป็น อจ พิเศษ แบบนั้นมากกว่า เราชอบและมีความสุขมากกว่าค่ะ มันเหมือนไม่ได้ทำงานนะค่ะ ถ้ายังไง ขอบคุณนะค่ะ สำหรับคำแนะนำและความเอื้อเฟื้อต่าง ๆ ขอให้เราลองหาหนทางด้วยตัวเองก่อนนะค่ะ หากติดขัดอะไร เราคงได้ขอความช่วยเหลือจากคุณแน่นอนค่ะ ^^ ปล. ทำฝันให้เป็นจริงเหมือนกันนะค่ะ จากคุณ : onearth เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 20:00:56

ความคิดเห็นที่ 11 For full time requirement, I think if your course doesn't need any attendance, no problem to study. You might try to talk with your advisor about your thesis schedule, such as progression of thesis. That is you might not leave you job. Good luck krab. จากคุณ : ผู้หวังร้าย เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 06:29:50

ความคิดเห็นที่ 12 กลับมาขอบคุณ คุณหวังร้ายค่ะ จากคุณ : onearth เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 12:46:31

ความคิดเห็นที่ 13 Lonely, confuse, stress, and bored, these are the true feeling during your Ph.D journey. Somedays you may feel very productive but sometimes you may feel lazy for a month. It is always down more than up. Please kindly ask yourself carefully for 3-5 years commitment on what you have no idea about it. In 4-5 years time you will be a speacialist in your area bacause your research contribution has to be unique and expand the body of knowledge in your field. Finally you will have a footprint in your academic world and become Dr. for life. God bless you Ph.D candidate, Good Luck, จากคุณ : joejarb (joejarb) เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 53 22:10:06

ความคิดเห็นที่ 14 ^ ^ ^ จริง ๆ เรายังไม่ได้สมัครเรียนหรอกค่ะ กำลังคิดว่าจะเรียนดีรึเปล่า ถ้าเีรียนจริงๆ จะยอมแลกรึเปล่า มีหนทางไหนที่จะทำให้ได้ทั้งสองทางบ้าง ยังไงก็ขอบคุณนะค่ะ คุณ joejarb ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนความรู้สึกค่ะ ^^ จากคุณ : onearth เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 53 17:50:59