ลำบากใจเรื่องส่งเงินให้ทางบ้านที่เมืองไทย
|
 |
ขอระบายเรื่องอัดอั้นตันใจหน่อยนะคะ มันเก็บอยู่ในใจมาหลายปี ครอบครัวดิฉันส่งเงินให้คุณแม่ที่เมืองไทยเดือนละ 200 เหรียญ สำหรับบางคนอาจจะเป็นจำนวนเล็กน้อย แต่สำหรับครอบครัวดิฉันมันเป็นเงินจำนวนมากที่เราจำเป็นต้องใช้ในชีวิต ดิฉันจะแจกแจงว่าทำไม ดิฉันเป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงาน สามีได้เงินเดือนเดือนละ 5,000 เหรียญ เสียค่า child support 1,500เหรียญ ค่าผ่อนบ้านอีก 1,500 เหรียญ เหลือแค่ 2,000 เหรียญ ผ่อนรถอีก 450 ค่าประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ประกันรถ ประกันบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ อีกประมาณ 700 เหลือ 850 ส่งให้แม่อีก 200 เหลือจริง ๆ แค่ 650 เหรียญเป็นค่าอาหารและจิปาถะ ดิฉันมีลูก 2 คน 650 เหรียญสำหรับครอบครัว 4 คนนี่น้อยมากนะคะ ไม่มีเงินเหลือเก็บเลย ใช้เดือนต่อเดือนจริง ๆ
คุณแม่ดิฉันเกษียณแล้ว รายได้ก็คือบำนาญ แต่ยังต้องผ่อนบ้านอยู่ หลังจากจ่ายค่าบ้านและบิลต่าง ๆ แล้ว ท่านก็แทบจะไม่มีเงินเหลือมากนักเหมือนกัน โดยเฉพาะในกรุงเทพที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน ดิฉันจึงส่งเงินช่วยเหลือเดือนละ 200 เหรียญ ดิฉันอยู่อเมริกามา 7 ปี ช่วง 3 ปีแรกก็ยังดีเพราะสามีมีรายได้เสริมและมีลูกแค่คนเดียว พอปีที่ 3 มีลูกอีกคนประกอบกับรายได้เสริมของสามีหายไป ทำให้การเงินเริ่มติดขัด ดิฉันรู้สึกว่าการส่งเงินไปให้คุณแม่เริ่มลำบาก แต่สามีก็ยืนยันว่าจะส่งให้แต่จากที่เคยส่งเงินต้นเดือน ขอส่งช่วงปลายเดือนหลังจะได้รับเช็คใบที่สอง(วันที่ 20 ของทุกเดือน) ดิฉันโทรไปบอกคุณแม่ว่ารายได้เปลี่ยนแปลง จะส่งเงินให้เหมือนเดิมแต่ช้าหน่อยเป็นช่วงปลาย ๆ เดือน ปฎิกิริยาที่ได้รับคือโดนวางหูโทรศัพท์ ท่านโกรธ ดิฉันโทรกลับก็ไม่รับ ดิฉันไม่เข้าใจและแอบรู้สึกน้อยใจ เราอยู่อย่างลำบากแต่ก็ยังคิดถึงท่าน จะส่งให้เหมือนเดิมเพียงแต่ช้าลงเท่านั้น ทำไมต้องโกรธกัน
ขอบอกก่อนว่าคุณแม่เป็นคนดีนะคะ เลี้ยงดิฉันกับน้องมาอย่างดี สอนถูกสอนผิด รักดิฉันและหลาน โทรหาถามไถ่ทุกอาทิตย์ แต่ถ้าปลายเดือนเงินยังไม่เข้าบัญชีท่าน ดิฉันก็เดาได้เลยว่าเดี๋ยวจะต้องมีโทรศัพท์มาถามซึ่งก็เป็นเช่นนั้น ครั้งหนึ่งท่านโทรมาขอยืมเงินจะซ่อมบ้านแล้วจะผ่อนคืนรายเดือนให้ ดิฉันรู้ว่าถ้าปฏิเสธท่านก็จะโกรธ ดิฉันเองก็ไม่กล้าปฏิเสธเองด้วย สามีเลยต้องถอนเงินสดจากบัตรเครดิตมา 850 เหรียญเพื่อส่งให้ เป็นหนี้อีก แน่นอนว่าไม่เคยได้รับเงินคืน ดิฉันเคยเกริ่น ๆ ถามก็ตอบแบบโกรธ ๆ ว่าจะมาเอาอะไรกับพ่อกับแม่ ตอนกลับเมืองไทยท่านก็ขอยืมอีก ดิฉันก็ต้องไปเปิดบัญชีเงินกู้กับควิกแคชอีกสามหมื่น เป็นหนี้เพิ่มอีก รู้สึกสงสารสามีมาก ๆ เพราะเขาเป็นคนที่ต้องทำงานหาเงินมาใช้หนี้ ดิฉันเคยบอกคุณแม่ว่า ขนาดพ่อแม่สามีเขายังไม่เคยส่งเงินเลี้ยงดูให้เลย คุณแม่ก็ตอบว่า ก็บอกเขาสิว่าประเพณีมันไม่เหมือนกัน จะมาอ้างอย่างนี้ไม่ได้นะ กลายเป็นโกรธสามีดิฉันอีกที่เอาความคิดแบบนี้มาใส่ดิฉัน ดิฉันแอบเสียใจกับคำตอบของคุณแม่มาก คือท่านจะไม่ค่อยชอบสามีอยู่แล้วเพราะสามีดิฉันเหมือนเป็นคนคุมเงินในบ้าน เป็นใหญ่ในบ้าน เหมือนดิฉันโดนล้างสมอง จะใช้อะไรก็ต้องขอต้องถามสามี ถึงดิฉันจะไม่ได้ถือเงินในบ้าน แต่สามีไม่เคยปิดบังอะไรเลย บัญชีเงินฝากดิฉันเป็นคนเช็คทุกเดือน เห็นเงินเข้าเงินออกตลอด และที่ต้องถามก็เพราะมันเป็นเงินของครอบครัว เงินน้อย ๆ อยู่จะใช้อะไรก็ต้องคุยกันก่อน
จากคุณ |
:
ขอที่ระบายความในใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ย. 53 21:19:28
A:76.121.46.171 X: TicketID:297021
|
|
|
|