|
เรื่องของเรื่องก็คือว่า
หากแม้นผู้ใดในจักรวาล หรืออยู่แกแลคซี่ใดก็ตาม หากต้องการเรียนต่อแพทย์ที่อเมริกา คนผู้นั้นจะต้องสมัครผ่านหน่วยงานกลาง นั่นคือ AMCAS ซึ่งมีชื่อเต็มว่า American Medical College Application Service® (อิฉันแปลเองว่า หน่วยบริการการรับสมัครเข้าเรียนวิทยาลัย/โรงเรียนแพทย์อเมริกา) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่หวังผลกำไรหรือผลประโยชน์ใดๆ (อ่ะ จริงเหรอ คริ คริ) จากการสมัครเข้าเรียนแพทย์ของอเมริกา
หน่วยงาน AMCAS นี้จะทำหน้าที่คัดกรองเอกสารของผู้สมัคร ก่อนส่งไปยังโรงเรียนแพทย์ต่างๆ ในอเมริกา ตามแต่บุคคลผู้นั้นประสงค์จะสมัครเข้าเรียนโรงเรียนแพทย์แห่งใดค๊า
AMCAS จัดว่าเป็นหน่วยงานแรกที่คัดกรองเอกสาร เรียกว่าเป็น initial screening หรือ first screening ค่ะ คนที่จะสมัครเข้าเรียนโรงเรียนแพทย์/วิทยาลัยแพทย์ (แย้มขอเรียกว่าโรงเรียนแพทย์นะคะ เพราะติดเรียกคำนี้มากกว่า) จะต้องสมัครผ่านที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก
บุคคลที่สามารถสมัครเข้าเรียนแพทย์ที่อเมริกาได้ คือผู้ใดก็ได้ในจักรวาลนี้
ที่ ที่ ที่ มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. เรียนจบ ป.ตรี (หรือเทียบเท่า) ในสายวิชาวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะหลักสูตร Bachelor of Science (B.S.) สาขา Biology, Chemistry หรือ Physics ว๊ายยย แรงงส์ จบฟิสิกส์ก็สามารถต่อแพทย์ได้ด้วย แน่นอนค่ะ ว่าได้ มาดูต่อกันว่าทำไมฟิสิกส์ก็ต่อได้ เพราะที่อเมริกาหลักสูตร B.S. ของคณะวิทยาศาสตร์เขาจะปูพื้นฐานคล้ายๆ กันไว้ คือต้องเรียนวิชา Biology, Chemistry, Calculus/Maths ที่เป็นวิชาพื้นฐานคล้ายกันในตอนชั้นปีที่ 1 ซึ่งคนที่เรียนหลักสูตรไม่ว่าจะเป็น Biology, Chemistry หรือ Physics หรือ Mathematics ก็จะเรียนปี 1 (หรือยาวมาจนถึงปี 2) ที่คล้ายๆ กัน พอปีสูงๆ ก็ค่อยเรียนวิชา major ของตัวเอง ดังนั้น หลักสูตรของเขาจึงเอื้ออำนวยไว้ให้สำหรับการเรียนต่อแพทย์ด้วยค่ะ แต่หากแม้นผู้ใดไม่อยากเรียนต่อแพทย์ก็ไปเรียนต่อ Masters/PhD ในสายวิทยาศาสตร์ต่อไปก็ย่อมได้ เริ่ดซะอย่าง
****************************************************** แต่บ้านเราน่ะเหรอคะ (ขอนอกเรื่องนิดส์นึง) จัดหลักสูตรตามใจเด็ก เด็กป.ตรี วิทย์ชีวะ กลัววิชาฟิสิกส์ และคณิตศาสตร์ คนทำหลักสูตรก็เลยตัดออก ไม่ให้เด็กเรียนซะงั้น หรือให้เรียนแบบน้อยมากๆ บางมหาวิทยาลัยให้เรียน Physics กับ Maths แค่วิชาละ 3 credits ในทำนองเดียวกันเด็กป.ตรี วิทย์ฟิสิกส์ ไม่ชอบชีวะ อาจารย์คนทำหลักสูตรก็ตัดออกซะ เหลือให้เรียนแค่ 3-4 credits แบบว่า สรุปแล้ว ทำเพื่อเด็ก แต่ไม่รู้ว่าเด็กจำเป็นต้องใช้ในอนาคตหรือเปล่า??? เพราะความจริงแล้วสมัยนี้การเรียนวิทยาศาสตร์เป็นการเรียนแบบบูรณาการนะเจ้าคะ บางทีต้องจำเป็นต้องมีพื้นฐานในศาสตร์สาขาอื่นเพื่อเป็นแนวทางเปิดโลกทัศน์ความคิด แต่ก็อย่างว่านะคะ เดี๋ยวนี้ทำอะไรให้ง่ายเข้าว่า ขนาดทำเพื่อเด็กนักศึกษาไทยซะขนาดนี้ แต่เด็กก็ยังมิวาย "อ่อน" และก็ "บ่น" ว่าเรียนยากส์ อีก แบบว่า หนักก็ไม่เอา เบาก็ไม่สู้ ว๊ายยย แรงส์ (ไม่ได้กัดใครนะคะ เมาท์เพลินค๊า) ******************************************************
ต่อๆๆ ค่ะ
คือคนที่จะเข้าต่อแพทย์ที่อเมริกา อาจไม่ได้จบ ป. ตรี วิทย์ชีวภาพ หรือ วิทย์กายภาพ มาก็ได้เช่นกัน เช่น วิทย์สุขภาพ ค่ะ หรืออาจเป็นสาขาทางศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ก็ได้นะ ถ้า ถ้า ถ้า ถ้า
เคยเรียนหลักสูตรวิชา ที่ทางอเมริกาเขาเรียกว่า Pre-medical requirement ดังต่อไปนี้
1. General Biology ซึ่งต้องเรียนทั้ง lecture และ lab นะเจ้าคะ ซึ่งต้องเรียนมาอย่างน้อย 2 เทอม หรืออย่างน้อย 8 หน่วยกิต [บางมหาวิทยาลัยอาจใช้ชื่อวิชาว่า Zoology ก็อนุโลมให้นับลงในหมวดนี้ได้ค่ะ เพราะ Zoology เป็นสัตววิทยาซึ่งเกี่ยวข้องหรือเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนแพทย์]
2. General Chemistry อันนี้ก็เช่นกันกับ Biology ซึ่งต้องเรียนทั้ง lecture และ lab นะเจ้าคะ ซึ่งต้องเรียนมาอย่างน้อย 2 เทอม หรืออย่างน้อย 8 หน่วยกิต
3. Organic Chemistry ซึ่งหมวดนี้ก็ต้องเรียนมาอย่างน้อย 2 เทอม หรืออย่างน้อย 8 หน่วยกิตค่ะ ซึ่งบางมหาวิทยาลัยอาจให้เรียนวิชา Biochemistry ในหมวดนี้ เช่น เรียน
Organic Chemistry (lecture + lab) 4 หน่วยกิต Biochemistry (lecture + lab) 4 หน่วยกิต รวมแล้วก็ 8 หน่วยกิต ค่ะ แบบนี้ก็เป็นไปตามเงื่อนไข ใช้ได้ โอ ค่ะ
Organic Chemistry I (lecture + lab) 4 หน่วยกิต Organic Chemistry II (lecture + lab) 4 หน่วยกิต แบบนี้ก็ใช้ได้ค่ะ
แต่บางแห่งเรียน เยอะกว่านี้ เช่น Organic Chemistry I (lecture + lab) 4 หน่วยกิต Organic Chemistry II (lecture + lab) 4 หน่วยกิต Biochemistry (lecture + lab) 4 หน่วยกิต
แบบนี้ก็ยิ่งโอเค ตามเกณฑ์เลยค่ะ
4. Physics เหมือนข้างต้น คือต้องเรียนทั้ง lecture และ lab เรียนมาอย่างน้อย 2 เทอม หรืออย่างน้อย 8 หน่วยกิต
ดังนั้น บุคคลใดที่เรียนครบตาม Pre-medical requirement ในตอน ป.ตรี ถึงคุณจะจบวุฒิอะไรมา ก็สามารถสมัครเรียนต่อ M.D. program หรือแพทย์ของอเมริกาได้ค๊า ทีนี้ หลักสูตรของคณะวิทยาศาสตร์ของอเมริกาน่ะ ทั้งสาขา Biology (รวมถึงบางแห่งอาจใช้ชื่อสาขาว่า Zoology, Genetics), Chemistry, Physics, Biochemistry (รวมถึง Mathematics ในบางมหาวิทยาลัย) เขาจึงมักวางรากฐานหลักสูตรให้ครอบคลุมวิชา ทั้ง 4 กลุ่ม ข้างต้น และให้เรียนครบ 8 หน่วยกิตแต่ละด้านยังไงล่ะค๊า ซึ่งบ้านเราอย่างที่บอกปัจจุบันไม่ทำแบบนี้แล้ว แบบว่าปรับหลักสูตร ป.ตรี ในคณะวิทยาศาสตร์ หรือ แม้แต่สายวิทย์สุขภาพ (เทคนิคการแพทย์, สาธารณสุข, พยาบาล ฯลฯ) กลายเป็นว่าไม่เรียนวิชาพื้นฐานทั้ง 4 กลุ่ม หรือเรียนก็เรียนไม่ครบ 8 หน่วยกิตในแต่ละกลุ่มวิชา จึงทำให้อาจเป็นอุปสรรคในการไปสมัครเรียนต่อแพทย์ที่อเมริกานะคะ
นี่แหล่ะน๊า ทำอะไรตามใจเด็กเกินไป แบบไม่เห็นคุณค่าของอนาคต และเด็กเองก็ชอบอะไรง่ายๆ เกินไป ก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆ ที่ให้เรียนมีความสำคัญยังไง แต่ก็ช่างเถอะค่ะ แย้มไม่เกี่ยวอะไรด้วย พูดไปก็เดี๋ยวจะโดนจิกกัดอีกว่า ยุ่งอะไรด้วย เพราะเราทั้งสาว ทั้งสวย น่ารัก อึ๋ม ขาวนี่คะ ไม่เกี่ยวอะไรด้วยอยู่แล้ว คริ คริ
*************************************************
ต่อค่ะ
ทีนี้ ถ้าใครจะสมัครเรียนแพทย์ของอเมริกา หรือ แม้แต่เด็กอเมริกันเอง หรือคนที่จบหลักสูตร B.S. (อาจเป็น B.A. / A.B.) ในอเมริกาหากประสงค์จะเรียนแพทย์ในอเมริกา ก็ต้องสมัครผ่าน AMCAS ค่ะ
ทีนี้ AMCAS เขาจะเป็นคน approve เองว่า คุณได้ผ่าน pre-medical requirement วิชาทั้ง 4 กลุ่ม มาหรือไม่ ซึ่งนับรวมแล้วต้องได้ไม่น้อยกว่า 32 หน่วยกิตนะคะ
คิดง่ายๆ ก็ 4 กลุ่ม ได้แก่ I: Biology อย่างน้อย 8 หน่วยกิต II: General Chemistry อย่างน้อย 8 หน่วยกิต III: Organic Chemistry อย่างน้อย 8 หน่วยกิต IV: General Physics อย่างน้อย 8 หน่วยกิต
รวมแล้วก็อย่างน้อย 32 หน่วยกิต ค่ะ
ถ้าไม่ครบตามนี้ก็ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ของเขา
แต่ ยังค่ะ ยัง บางที AMCAS อาจะแนะนำให้เราไปเรียน course วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานเหล่านี้ที่อเมริกาก่อน 1 ปี ค่ะ เพื่อให้เรามี qualification ตรงตามที่โรงเรียนแพทย์ต้องการ
***********************************************
ทีนี้ ถ้าสมมติว่าคุณสมบัติของเราผ่านเกณฑ์ ข้อแรก คือ จบ ป.ตรี ในสายวิชาดังกล่าว หรือเคยเรียน pre-medical courseworks มาตามที่บอกข้างต้นแล้ว เราจะต้องมีผลคะแนนสอบ MCAT ด้วยค่ะ
2. จะต้องมีผลสอบ MCAT ค่ะ
************************************************* ทีนี้ โรงเรียนแพทย์ต่างๆ ในอเมริกาเขาจะพิจารณาใบสมัครเราที่ผ่านการ initial screening มาแล้วจาก AMCAS เท่านั้นค่ะ ซึ่งขั้นตอนต่อไปเป็นโรงเรียนแพทย์เป็นคนพิจารณาค่ะ เรียกขั้นตอนนี้ว่า "secondary screening" ซึ่งเราเองก็ต้องกรอกแบบฟอร์มใบสมัครของโรงเรียนแพทย์ที่เราต้องการสมัครด้วยนะคะ
แบบฟอร์มที่เรากรอกจากโรงเรียนแพทย์เขาเรียก "secondary application form" ค่ะ
ถ้าคุณสมบัติเราผ่านเกณฑ์ดังกล่าว โรงเรียนแพทย์ที่เราสมัครไปเรียนด้วย เขาจะเรียกเราไปสัมภาษณ์ ค่ะ
สรุป ขั้นตอน
1. จบ B.S./B.A./A.B. (Harvard จะให้วุฒิ A.B.) ในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ เช่น Biology, Chemistry, Biochemistry, Physics หรือ สายวิชาอื่นๆ ที่ได้ผ่านการเรียน pre-medical courseworks 4 กลุ่มวิชา รวมแล้วอย่างน้อย 32 หน่วยกิต
2. สอบ MCAT
3. เอาผล MCAT + กรอกใบสมัครผ่าน AMCAS แล้วนำมายื่นเพื่อให้ AMCAS พิจารณา
ทีนี้ ถ้าเราจบจากมหาวิทยาลัยในไทย หรือแกแลคซี่อื่น ที่ทางอเมริกาไม่เคยรู้จักมาก่อน ทาง AMCAS เขาจะพิจารณา coursworks ที่เราเรียนมา ให้เองค่ะ เพื่อเทียบว่า มันตรงตามเงื่อนไขที่โรงเรียนแพทย์อเมริกากำหนดไว้ไหม
ซึ่งที่ จขกท. ถามก็คือ 90 credit hours แหล่ะค่ะ ซึ่งทาง AMCAS เขาจะมีระเบียบวิธี (methodology) ของเขาพิจารณาเองว่า transcript ตอน ป.ตรี ของเรา ที่จบมาจากแกแลคซี่ทางช้างเผือก หรือ แกแลคซี่อันโดรโมด้า นั้น ได้เรียนวิชาตาม pre-midical courses ที่อเมริกายอมรับได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ เขาก็จะบอกเราเองค่ะ
ดังนั้น AMCAS methodology เขาจะพิจารณาให้เราเองว่า เราเทียบเท่า 90 credit hours ไหม ซึ่งถ้าเราเคยเรียนมาอย่างน้อย 4 กลุ่มวิชา และไม่น้อยกว่า 32 หน่วยกิต ดังที่ แย้มกล่าวถึงข้างต้น ก็ไม่ต้องกังวลค่ะ แต่ถ้าไม่ถึงเขาจะแจ้งบอกเราเองค่ะ เผลอๆ เราจะต้องไปนั่งเรียนวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานเหล่านี้ใหม่ที่อเมริกาค่ะ ถ้าไปเรียนก็อาจเสียเวลานิดส์นึง อาจเหนื่อยเพิ่มขึ้นน่ะ
4. ผ่านเงื่อนไข ก็ไปกรอกใบสมัคร secondary application form ของมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนแพทย์ที่เราตั้งใจจะไปเรียนค่ะ
5. ผ่านการพิจารณา/คัดเลือก
6. โรงเรียนแพทย์จะสัมภาษณ์เรา
7. ถ้าผ่าน ก็จะได้เข้าเป็นนักศึกษาจ้า
************************************************
ส่วนที่ จขกท. นำมาให้ดู
Pritzker has a standard entrance requirement for a total of 32 semester credit hours (using AMCAS methodology) of undergraduate science comprised of an 8-credit, academic year each of General Chemistry, Organic Chemistry, General Physics, and Introductory Biology, all with accompanying laboratory.
นี่หมายความว่า Pritzker School of Medicine ของ The University of Chicago เขามีมาตรฐานที่จะรับนักศึกษามาเป็นนักศึกษาแพทย์ คือ ต้องเรียน pre-medical course เทียบเท่า 32 semester credit hours (เทียบหน่วยกิตโดย AMCAS methodology) ดังที่แย้มกล่าวในข้างต้นค่ะ ซึ่งก็คือ ต้องเรียนวิชาดังต่อไปนี้ มาอย่างน้อย 8 หน่วยกิต (รวม lab ด้วยนะเจ้าคะ)
an 8-credit, academic year each of General Chemistry, Organic Chemistry, General Physics, and Introductory Biology, all with accompanying laboratory.
โอ๊ย เหนื่อยค่ะ
พิมพ์ซะยาวเลย
เห็นว่าแย้มทั้งสาว ทั้งสวย น่ารัก ไม่ใช่เหนื่อยไม่เป็นนะคะ โอ๊ยยย หลัง งอ หมดแล้วค๊า
เห็นแย้มตอบอะไรแบบนี้ บ่นไปด้วย คงนึกว่าแย้มแก่สินะคะ ขอโทษคะ แย้มขอยืนยันครั้งว่าแย้มทั้งสาวทั้งสวยน่ารักค่ะ อิอิ (จะโดนอ๊วกใส่ไหมเนี่ย อิอิ) แต่แนะนำด้วยความจริงใจค่ะ ถึงจะขี้เล่นไปนิดส์ แต่ก็แนะนำด้วยความจริงใจค่ะ ผิดพลาดประการใดกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ นะคะ
ปล. กุลสตรีไทยอย่างเราต้องดูแลผิวหน้า ผิวกายด้วยนะคะ จะเรียนหมอ เรียนวิทย์ เรียนวิศวะ เรียนอักษร เรียน MBA หรืออะไรก็แล้วแต่ หนาวแล้ว อย่าลืมดูแลผิวนะคะ เดี๋ยวแก่ง่ายค่ะ ยิ่งอยู่ต่างประเทศด้วยแล้ว ไม่ได้เลยนะคะ อากาศทำร้ายผิวสตรีไทยอย่างเราๆ ง่ายมากเลยค่ะ แย้มใช้ลอลีออล บ้าง ลัมโคมบ้าง (โกหกจริงอิฉันใช้เภสัชสกินไลเทนนิ่งย่ะ ขวดละ 25 บาท ก็สวยได้ย่ะ อิอิ)
จะไปท่องแกแลคซี่อื่นต่อแล้วค๊า ว่างๆ ค่อยเจอกันใหม่นะเจ้าคะ กรี๊ดดดดดดดดดดดๆๆๆ
จากคุณ |
:
คุณหญิงแย้ม ณ นางทาส (คุณหญิงแย้ม ณ นางทาส)
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ธ.ค. 53 16:52:22
|
|
|
|
|