ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มเรื่องเลยนะค๊ะ   ขอใช้นามสมมุติ ว่า น้อง ก   น้อง ก รู้จักดิฉันมานานตั้งแต่ที่เมืองไทย  รู้จักกันจากเพื่อนของเพื่อนอีกที  เพื่อนบอกดิฉันว่า น้อง ก เป็นเด็กดี  บ้านยากจน ต้องหาเงินส่งทางบ้านด้วย  น้องมาจากทางอีสาน แต่เอนท์ติด มหาวิทยาลัยในกรุงเทพ  เลยผันชีวิตเข้ามาอยู่ในเมือง จนส่งตัวเองเรียนจบ ทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง  และน้องก็มีเพื่อนชายที่คบกันมานานตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้น  ดิฉันก้ไม่ได้สนิทอไรกับน้อง ก  รู้แต่ว่าน้องเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที  จนดิฉันแต่งงานมาอยู่ที่อเมริกา วันหนึ่งก็มีเสียง กริ๊งกร๊าง  มา  เป็น  น้อง ก  นั้นเอง   ดิฉันได้รับรู้ว่า  น้อง ก ได้มาอยู่อมเริกาแล้ว  ด้วยโครงการ ออแพร์   น้องโทรมาหา เพราะเหงา และไม่รู้จักคนไทยที่ไหนเลย  จำได้ว่าเพื่อนดิฉันโทรมาก็เลยมาหา ดิฉันก็คุยให้กำลังใจน้องไป  ก็ถามว่าทำไม มาโครงการออแพร์  เพราะเห็นว่าหน้าที่การงานที่เมืองไทยกำลังไปได้ดี และแม่ก็ไม่ค่อยสบาย  ห่างแฟนที่ว่าจะแต่งงานแต่งการกันในเร็ววันอยู่   น้องบอกว่าอยากมาหาประสบการณ์ และก็เบื่อชชีวิต   ในช่วงที่น้องเป็นออแพร์  น้อง ก  ก็โทรมาระบาย ว่า  ที่มาอเมริกานี่อยากมาหาประสบาการ์ใหม่ น้องพูดแบบนี้บ่อยๆ  และทางบ้านกฺ็ต้องการให้น้องหาเงิน มาให้เพิ่มขึ้น  เพราะลำพังเงินเดือนที่ไทยไม่พอใช้ ส่วนความสัมพันธ์กับแฟนที่ไทยก็ยังเหนียวแน่นดี แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 02:48:14 แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 02:46:03 แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 02:45:13 จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:44:48

ความคิดเห็นที่ 2 ผ่านไปประมาณปีกว่าๆ   น้อง ก โทรมาหาดิฉันอีกที ว่าตอนนี้จบโครงการแล้ว  ไม่อยากต่อปีสอง แต่อยากอยู่อเมริกาต่อ ทำยังไงดี  ดิฉันก็แนะนำว่าควรทำอะไรให้ถูกต้องนะลูก  อย่าโดด ดิฉันย้ำคำนี้กับน้องตลอด   จากนั้นไม่นานน้องก็โทรมาหาดิฉัน อีก บอกหนูได้งานแล้ว ที่ร้่านอาหารไทยแห่งหนึ่ง  กำลังทำเวิร์คเพอมิท ด้วย ทนายบอกว่าทำเรื่องแค่ปีสองปี  แต่ตอนนี้ถือวีซ่า นร ดิฉันได้ฟังดังนั้นก็แอบตะหงิดๆ ในใจอยู่ว่าอะไรมันจง่ายปานนี้  แต่ก็ติดว่าคงไม่มีอะไร จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:47:17

ความคิดเห็นที่ 3 จากนั้นไปหลายปี   ดิฉันพบผู้หญิงคนหนึ่งที่วัดไทย คุยไปคุยมาทราบมาว่า  แกก็ทำงานรร้านอาหารไทย และมาทราบว่า น้อง ก  ย้ายมาทำงานกับแก  ดิฉันก็ถามข่าวคราวว่าน้องเป็นไงบ้าง  แกก็บอกว่าน้องก็ทำงานดี  และก้ไม่พูดอะไรอีก ดิฉันก็ขอเบอร์น้อง ก กับผู้หญิงคนนี้แต่แกบอกพอดีเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์ใหม่  เลยบอกไม่ได้   ดิฉันดูแววแล้ว คิดในใจ แกคงไม่อยากให้เองมากกว่า  แต่ดิฉันทราบร้านที่น้อง ก ทำงาน   ที่ร้านนี้ห่างจากเมืองดิฉันไปสามสี่ ชม คิดว่าวันไหนว่าง จะขับรถไปเยี่ยม จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:49:52

ความคิดเห็นที่ 4 จนวันหนึ่งประจวบเหมาะเข้าอีกแล้ว ดิฉันก็ได้รับอีเมลล์จากเพื่อนชายของน้อง ก ในเมลล์บอกใจความสำคัญไว้ว่า   “ พี่ครับช่วยติดต่อ ก ให้ผมที”  บอกด้วยว่าเขารักน้อง ก มาก ยังเฝ้ารอวันที่น้องจะกลับไปแต่งงานกัน  ไม่แน่เขาอาจจะบินมาเมกาตามหาน้อง ก กลับด้วยตัวเขาเอง จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:50:45

ความคิดเห็นที่ 5 ได้รับเมลล์ก็กระอักกะอ่วนใจ ตูจะต้องไปตามล่าหา น้อง ก จริงๆ ใช่ไหมนี่ วันหนึ่งดิฉันก็เกิดมีธุระไปต่างเมืองขึ้นมาจริงๆ และบังเอิญให้ผ่านไปแถวร้านน้อง ก ซะด้วย  เลยขับเข้าไปร้านนั้นเลย พอเข้าไปก็ยังไม่เห็นคนที่รู้จักเลย  เลยถามเด็กเสริฟคนอิ่นๆ ว่า น้อง ก ทำงานที่นี่หรือป่าว  สักพักก็มีคนเรียกน้อง ก  มาหาดิฉัน ครั้งแรกที่เจอน้อง  ดิฉันก็ทักทายตามประสาคนที่รู้กจักกันมา  และแอบบ่นว่าหายไปเลย  น้องก็บอกว่ายุ่งๆ และไท่อยากรบกวน ตอนที่ดิฉันไปกินอาหารนั้น ร้านใกล้จะปิด เลยรอน้องเลิกงาน เพราะน้องชวนไปดิ่มต่อ .....ตอนแรกไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองเท่าไหร่ จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:51:22

ความคิดเห็นที่ 6 แต่คิดว่าใช่   พอออกจากร้าน  เรากฺ็ไปต่อที่ร้านแห่งหนึ่ง  ในเมืองที่น้องอยู่ค่อนข้างจะเงียบ แต่มีมหาวิทยาลัยชื่อดังสองแห่ง มาเจอกันคราวนี้  นอกจาก ความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่เปลี่ยนไป  บุคลิกภาพของน้อง ก ก็ดูเปลี่ยนไปด้วย น้องดูมั่นใจขึ้น แววตาดูจริงจัง  แตกต่างจากเมื่อวันวาน ที่ดิฉันรู้จักมาก  แต่ที่ทำให้ประหลาดใจคือ  น้องกลายเป็นคนดื่มหนักมาก และสูบหนักพอๆ กัน  กระดกแก้วทียังกะกินน้ำ  ทั้งที่เมื่อก่อนน้องดิ่มไม่เป็น ดิฉัยแอบอึ้งเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่เก็บสีหน้าไว้ตามมารยาท    นั่งไปสักพัก  น้องก็ระบายมาว่า   ตอนนี้น้องทำงานที่ร้านหนักมาก แต่ก์อยู่ได้ เงินดี ได้ทืปดี  ส่งเงินให้ที่บ้านตลอด แต่ทางบ้านไม่เคยพอใช้  ตอนนี้พี่สาวก็เลิกกับสามี มาอยู่กับแม่น้องที่ไม่สบาย  ตอนนี้น้องเลยต้องเลี้ยงสามชีวิตพร้อมกัน มีแม่  พี่สาวและหลานอีหนึ่ง  ส่วนแฟนน้องที่ว่าจะกลับไปแต่งงานน้องบอกดิฉันเองว่า  น้องโทรไปขอเลิกแล้ว เมื่อไม่นานมานี้  (  ถึงว่า มันเมลล์มาตูให้ตามหาแก)  สาเหตุที่ขอเลิกเพราะ  น้องบอกว่าหมดรักชายคนนี้เสียแล้ว และเขาก็เข้ากับทางบ้านน้องไม่ได้   พูดตรงๆ คือ ทางบ้านน้อง อยากให้น้องอยู่นี่ จนกว่าจะหาสามีฝรั่งให้ได้   แม่น้องไม่อยากให้แต่งงานกับผู้ชายคนนี้แล้ว  เพราะเขาไม่ได้ร่ำรวย เงินเดือนพอๆ กับน้องที่เมืองไทย  และแฟนก็พยายามจะรบเร้าให้น้องกลับเมืองไทย  เพราะเขากำลังจะซื้อบ้านเป็นเรือนหอ  รอแต่งกับน้อง ในขณะที่พี่สาวและแม่อยากให้อยู่ต่อ  เมคมันนี่ก่อน เลยกลายเป็นว่า แฟนกับทางบ้านน้องไม่ลงรอยกัน แม่และพี่สาวบอกให้น้องเลือกระหว่างผู้ชายกับครอบครัว  ซึ่งในที่สุดน้องก็ต้องเลือกครอบครัวมากว่า ผู้ายที่รักกันมาเกือบสิบปี ฟังจากน้องเล่า เลยรู้สึกว่า พี่สาวค่อนข้างหน้าเงิน มันนี่เฟสมากๆ  ขอเงินไปซื้อเครื่องใช้อำนวยความสะดวกที่ไม่จะเป็นมากมาย   แต่ตัวเองไม่ทำงาน   ซึ่งน้อง ก ก็เต็มใจที่จะให้เป็นแบบนี้  เพราะครอบครัวน้อง  ไม่มีพ่อ  แม่น้อง ก เป็นเมียน้อย  ฟังจากน้องเล่า ภูมิหลังชีวิตในวันเด็กของน้องเกี่ยวกับครอบครัวค่อนข้างโหดร้ายเกินกว่าเด็กบางคนจะรับไว้ได้   ซึ่งดิฉันจะขอข้ามไป  กลัวออกทะเล จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:52:34

ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อดิฉันถามถึงว่าใจจริงๆ น้องยังรักแฟนอยู่ไหม   น้องไม่ตอบใช่วิธีกระดกเหล้าแทน  ดิฉันเลยบอกว่า เนี้ยแฟนที่เมืองไทย  เมลล์มาให้พี่ติดต่อเธอ และเขาก็ยังรอเธออยู่   เมื่อน้องได้ฟังอย่างนั้น  ก็หัวเราะในลำคอ  บอกดิฉันว่า มันเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะพี่  หนูมีแฟนใหม่แล้ว เด้วพี่ก็ได้เจอ   เพราะหนูโทรนัดเขามาเจอที่ร้านมาเจอพี่ด้วย   พอนั่งไม่นานดิฉันก็เห็นผู้ชายชาวอเมรืกันวัยกลางคน  แต่งกายภูมิฐานเดินเข้ามา  ดูท่าทางเป็นคนมีความรู้  จากการพูดคุยในช่วงที่น้อง ก เดินออกไปรับโทรศัพท์อีกสาย  ดิฉันทราบว่า ผู้ชายคนนี้้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ในเมืองนี้  เขาบอกเขารักกับน้อง ก มาก  และเขาเคยไปทำงานที่เมืองไทย  และอยากจะไปเที่ยวเมืองไทย  อยากไปเจอครอบครัวน้อง ก   แต่น้อง ก บ่ายเบี่ยง บอกไม่พร้อม   งานยุ่ง   อีกไอเดียนึงคือไม่ไปเมืองไทย  ก็อยากจะพาน้อง ก  ไปเที่ยวกรีซ   เพราเขามีแพลนไปทำอะไรสักอย่างที่นั้น  อยากชวนน้อง ก ไป แต่น้องยังไม่ให้คำตอบเลย  ช่วยให้ดิฉันพูดให้ที   ดิฉันก็ได้แต่ยิ้มๆ ไม่ได้รับปากอะไร   ดูท่าทางเขาก็เป็นคนสุภาพ  แต่ดิฉันตอบไม่ได้ว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ เพราะเจอกัยแค่ครั้งแรก ประกอบกับยังงงๆ เรื่องของ น้อง ก  ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก  สิ่งเดียวที่รู้สึกได้คือ  ทั้งสองฝ่ายดูมีลับลมคมใน  เหมือนมีความลับระหว่างกันอะไรสักอย่าง แต่ดิฉันกเก็บไว้ในใจค่ะ    จากกันคืนนั้นด้วยดี  กลับบ้านตีสี่กว่าๆ จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:54:45

ความคิดเห็นที่ 8 และเพียงแค่วันเดียวหลังจากคืนนั้น  น้อง ก ก็โทรมาหาดิฉันค่ะ น้ำเสียงดุตื่นเต้นเหมือนมีงานเข้า   น้องมาสารภาพว่า ตอนนี้น้องโดดวีซ่าค่ะ เป็นฮูด มาได้สองปีกว่าๆ แล้ว  และแฟนคนปัจจุบัน้องไม่รู้เลย  นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมน้องออกประเทศเมกาไม่ได้   น้องไม่ได้บอกแฟน ในขณะที่แฟนน้องก็ชอบถามเรื่องทำไมน้องมีรถ ขับรถเองได้  แต่ไม่มีใบขับขี่   น้องกังวลว่าเขาคงอาจจะเริ่มสงสัย  และที่น้องโทรมาคืออยากถามว่าดิฉันได้คุยอะไรกับแฟนน้องบ้าง  ได้บอกว่าน้องโดดป่าว เวร.......ดิฉันก้บอกน้องไปว่า พี่ก็เพิ่งรู้ว่าหนูโดดวันนี้นั้นเอง   ตอนนี้น้อง ก  บอกดิฉันว่า  น้องโดดตามคนที่ร้าน  เพราะเรื่องเวิคเพอมิทไร มีปัญหา  (  อันนี้ดิฉันกฺไม่ทราบในรายละเอียด)  เพื่อนที่ร้านเลยชวนโดด  เพราะตอนนั้นน้องก็ไม่ได้มีเงินเยอะที่พอจะส่งเสียตัวเองเถือวีซ่า นร และแอบทำงาน ประกอบกับน้องยังจงรักภักดีกับแฟนเก่าที่เมืองไทย  เลยไม่คิดจะแต่งงานกับใครเพื่อวีซ่า จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:56:16

ความคิดเห็นที่ 9 พอเรื่อยมาอย่างทุกวันนี้  น้องก็เริ่มกลัวว่าถ้าบอกความจริงกับแฟนไปว่าอะไร  แฟนจะขอเลิก  ซึ่งน้องคงรับไม่ได้ น้องไม่รู้ว่าควรจะบอกความจริงกับแฟนหรือปิดไว้ดี  เพราะ เพื่อนที่ร้านน้อง ที่โดดด้วยกันบอกน้องว่า  น้องไม่สมควรจะบอกแฟนน้องเรื่องวีซ๋า บอกไปทำไมให้โง่ เนียนๆ ไป    ลักไก่ไม่บอก  เด้วทนายก็ทำเรื่องแต่งงงานไปปกติ  เพราคนโดดที่นี่มากี่คนๆ  พอแต่งงานกับอเมริกันก์สบาย ได้ใบเขียว   มาเปิดธุรกิจกันโครมๆ เรื่องอะไรเราควรจะไปบอกความจริงให้เดือดร้อน อีกอย่างน้องหางินเก่ง เผลอๆรายได้อาจจะมากกว่าแฟนที่เป็นครูอีก แฟนควรจะยอมรับในข้อนี้      นี่คือความคิดของคนในร้านน้อง จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 02:57:36

ความคิดเห็นที่ 10 ในส่วนของดิฉัน ถึงแม้ ดิฉันก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องกฎหมายอะไรมากมาย  แต่ดิฉันมีความคิดแตกต่างและกลับมองว่า  แฟนน้องคนนี้ไม่ใช่ไก่กาอาะเร่ย์ ก็เป้นคนมีคความรู้อยู่นา  ถ้าสักวันนึงเข้ามาพบเความจริงนี่ด้วยตัวเอง  เขาอาจจะเสียความรู้สึกมากๆ เขาอาจจะไม่ได้ขอเลิกเพราะรู้ว่าน้องโดดมาก่อน  แต่อาจจะเสียความรู้สึกเรื่องโกหก เพราฝรั่งบางคนเขาถือเรื่องนี้นะ  อืม ดิฉันไม่รู้ว่ามันปิดกันได้ถึงขั้นแต่งงานเลยหรือค่ะ แบบคนที่ร้านนั้นมั่นอกมั่นใจ จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 03:00:03

ความคิดเห็นที่ 11 และอีกเรื่องที่ทำเอาดิฉันมึนๆ คือ เขาก์มาเปิดใจกับน้องตั้งแต่แรกว่า  เขาเองก็ยังไม่ได้หย่ากับเมีย  แค่แยกกันอยู่เฉยๆ  แต่เมียมีผัวใหม่แล้ว  เขามีลูกกับเมียหนึ่งคน สำหรับ น้อง ก เขาจริงจังมาก  ขอให้เขามั่นใจว่ากว่านี้เขาจะทำเรื่องหย่ากับเมีย  จะมาขอแต่งกับน้อง ก  (  โอ็ย เง็ง) จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 03:00:44

ความคิดเห็นที่ 12 เอาล่ะจากที่ฟังน้องมา  ดิฉันก็เลยเสนอน้องไปว่า ควรจะบอกความจริงเขาไปว่าวีซ่าน้องอยู่ในสถานะอะไร  เพื่อจะได้เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผู้ชายคนนี้จัดการกับชีวิตครอบครัวของเขาก่อน จะมาหาน้อง  เพราะคิดว่าถ้ายังโกหกอยู่ เขาอาจจะหลอกน้องคบไปวันๆ ใครจะไปรู้ว่ามันจะเลิกกับเมียเมื่อไหร่   และทำไมมันยังไม่เลิก  ถ้าเขารู็ว่าน้องอยู่แบบผิด กม  และเผื่อเขาอยากจะจริงจัง จะได้แต่งงานเไปอย่างถูกกหมาย เพราะทุกวันนี้เขาเข้าใจว่าน้องมีเวิคเพอมิท และจะได้ใบเขียวอีกต่างห่าง  (  เวร) ก่อนวางสายดิฉันบอกขอพี่ปรึกษาผู้รู้ก่อนนะ( ก็คือคนในพันทิป)   จากใจนะค่ะ ไม่รู็จะไปว่ากล่าวน้องอย่างไร  เพราะไม่ใช่ลูกหลานแท้ๆ แค่แอบเป็นห่วงว่า  น้องไม่ควรจะคบกับคนที่ยังไม่หย่ากับภรรยาเป็นเรื่องเป็นราว  ปัญหาตัวเองก็พอแรงอยู่แล้ว คนที่โสดๆ ซิงๆ มาชอบน้องก็ไม่เอา บอกไม่เอา  อบคนนี่  เฮ่อ ชาวไกลบ้านค๊ะ  ขอความเห็นด้วย  ที่ดิฉันแนะนำน้องไปดีหรือไม่  จะเป็นภัยกับตัวน้องไหม  ถ้าเกิดบอกความจริงไป  น้องกลัวถ้าเลิกกัน แฟนจะไปบอกพี่อิมมิเกรชั่น แล้วที่คนที่ร้านบอกว่าเนียนๆ ไปเลย  จริงไหม   ดิฉันไม่ได้แต่งกับอเมริกันเลยไม่มีความรู้เรื่องนี้  ถ้าใช่จะได้ให้น้องว่าตามนั้น แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 03:04:19 จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 03:02:22

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาอ่านค่ะ จากคุณ : No comment (คนห่างบ้าน) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 03:35:41

ความคิดเห็นที่ 15 อืมม... รอคุณ ลาวัลวดี ค่ะ  (อยากรู้ แห่ะๆ ) จากคุณ : เศษไม้ใบหญ้า เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 03:50:41

ความคิดเห็นที่ 16 ฟังดูก็เป็นเรื่องเสี่ยงค่ะ เพราะเรื่องโดนวีซ่านี่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนค่ะ ถ้าเจอคนรักจริงเข้าใจเขาก็ยินดีทำเรื่องให้ แต่ถ้าเกิดโชคร้ายกลายเป็นเขาเอาเรื่องนี้มาเอาเปรียบก็จบกัน แถมฝ่ายผู้ชายยังไม่หย่าเมียไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตาม จะหย่าหรือไม่ยังไม่รู้ แถมถ้ายอมหย่าจริง ๆ ก็ใช้เวลา เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งไว้ใจดีกว่าค่ะ เอาไว้ทุกอย่างเคลียร์เรียบร้อยเห็นทางสว่างปลายอุโมงค์ แล้วค่อยว่าอีกทีดีกว่าค่ะ จากคุณ : ##ขออภัยป้ายหน้าไม่จอด## เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 03:58:04

ความคิดเห็นที่ 17 คุณอาจจะช่วยน้องอธิบายให้เห็นผลได้ผลเสีย แต่ว่าน้องเขาควรจะตัดสินใจด้วยตัวเอง เกิดคุณไปแนะนำให้น้องเขาทำสิ่งที่คุณคิดว่าเป็นทางออกที่ดี แล้วเกิดผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่น้องคาดหวังว่าต้องเป็นอย่างนั้น น้องเขาอาจจะผิดหวังและโทษว่าเป็นความผิดของคุณนะคะ จากคุณ : Rinta เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 04:02:28

ความคิดเห็นที่ 18 เข้ามาอ่าน ด้วยคน จากคุณ : ploydee เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 04:05:31

ความคิดเห็นที่ 19 ความลับไม่มีโลก สักวัน เขาก็จะต้องทราบความจริงจนได้ น่าจะบอกความจริงไป ฝรั่งเขาไม่ชอบคนโกหกหลอกลวง จากคุณ : sa_bkk เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 04:06:19

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณหลายความเห็นค่ะ  ซึ่งดิฉันได้บอกน้องไปตั้งแต่แรกว่า ให้น้องตัดสินใจเอง เพราะชีวิตเป็นของตัวเอง แต่ในเมื่อน้องมาปรึกษา ดิฉันก็เลยคิดในมุมอิ่นๆ เพียงแต่ก่อนดิฉันเองก็ไม่แน่ใจความคิดตัวเองไงค่ะ ถึงมาถามชาวไกลบ้าน แล้วได้ความไง ก็จะปล่อยให้เขาคิดเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดิฉันเข้าใจค่ะ ว่าไม่ควรบอกในขณะที่เขายังไม่หย่า  เพราะดิฉันเป็นคนบอกน้องให้เงียบเอง แม้ว่าเขาจะถามเรื่องส่วนตัว ใบขับขี่ไรสักกี่ครั้งก็ตาม เพราะรู้หน้าไม่รู้ใจ เอาเป็นเงียบไว้ก่อน แต่ดิฉันอาจคิดเลยไม่ถึง ถ้าถึงขั้นจะแต่งงาน หมายถึง ถ้าเกิดตาคนนี้หย่ากับเมียจริงๆ จะมาแต่งกับ น้องเขาจริงๆ  น้องควรจะบอกเรื่องนี้ดีหรือไม่ ขอถามเลยเผื่อไว้เลย ประเด็นคือ น้องสามารถเก็บความลับนี้ไว้กับตัวจนตาย แม้ว่าจะแต่งงานกับเขาไปแล้วได้หรือไม่  เพราะแกกังวลเรื่องนี้ นอนไม่หลับ ถ้าได้ ดิฉันจะได้บอกน้องไป จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 04:20:06

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ว่าชาติไหนๆ... ไม่ชอบการโกหก แต่มนุษย์เราๆโกหกกันทั้งนั้น มันแล้วแต่โกหกเพื่ออะไร คา่ดเดาว่าน้องเขาได้เสียกับผู้ชายไปแล้ว เรื่องหลับนอนด้วยกันมันคงไม่สำคัญเท่ากับ การต้องการอยู่ในอเมริกาอย่างถูกกฏหมาย น้องเขาจึงต้องเสี่ยงดวงเอา... ถ้าผู้ชายรักจริงจัง ถึงต่อให้บอกความจริง ไปว่าเขาโดดวีซ่า มันไม่ได้ร้ายแรงสาหัสอะไรเลย ถ้าผู้ชายรักจริงและต้องการให้เขาอยู่ในอเมริกา ผู้ชายเขาจะหาทางช่วย แต่.... อนาคตเป็นของไม่แน่ (ในกรณีนี้ผู้ชายยังคาราคาซัง ไม่ได้หย่ากับเมีย) น้องเขาหลอกใช้ผู้ชายเพื่อหวังว่าอนาคต อาจจะได้แต่งงานอยู่ในอเมริกาอย่างถูกฏหมาย ส่วนผู้ชายหวังใช้น้อง ต่างหวังใช้กันและกัน หว่านพืชก็ต้องหวังผล... กรณีนี้ คนที่จะขาดทุน ไม่ใช่ผู้ชาย แต่ อาจเป็นตัวน้องคนไทยคนนี้ค่ะ ไม่มีคำแนะนำ เพียงแค่อ่านและความรู้สึกมันออกมาแบบนี้ค่ะ จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 04:27:29

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าฝ่ายชายจริงใจคิดจะแต่งงานด้วยจริงก้อรอให้เค้าหย่าทำเรื่องให้เรียบร้อยก่อน พอเห็นใบหย่าแล้วก้อควรบอกความจริงเค้าไป ลองปรึกษาทนายดูว่าหากแต่งงานหลังจากวีซ่าขาดแล้ว จะยังทำใบเขียวได้หรือป่าว จากคุณ : MM เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 04:28:52 A:173.74.216.137 X: TicketID:000259

ความคิดเห็นที่ 23 ฝ่ายชายน่ะเขารู้แล้วละค่ะ ไม่ต้องไปบอกหรอก เพราะจากข้อเท็จจริงที่ จขกท เล่ามา เขาก็คงเดาได้ไม่ยาก  ที่เขาคบหาอยู่ก็เพราะสนอง need เขาได้ ไม่เรื่องมาก  แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะเอาจริง  ถ้าจะเอาจริงเขาคงหย่าเมียเรียบร้อยไปแล้ว ปัญหาคือ น้องเขาเลือกคนผิด เพราะผู้ชายวัยกลางคนนี่ เดาว่าแต่งงานมานานกว่า 10 ปี  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ส่วนมากจะไม่ยอมหย่าเมียเพราะถ้าหย่าก็อาจเหลือแต่ตัวเอาได้ง่ายๆ ไหนจะสินสมรสหารสอง ไหนจะ child support  ไหนจะ alimony   ถ้าหวังว่าจะเอาจริงหวังแต่ง หวังให้เขาขอใบเขียวให้ ฯลฯ คงเป็นไปได้ยากหน่อย   บอกเขาว่าถ้าไม่เห็นใบหย่าตัวจริงก็ไม่ต้องมาคุยกันเรื่องนี้  ระหว่างนี้ก็มองหาคนโสดดีกว่ามังคะ   แต่ถ้าเจ้าตัวเขาดึงดันที่จะตามหาหัวใจ ก็ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ  คนบางคนเวลากรรมบังตา ใครมาพูดมาเตือนยังไงก็ไม่ได้ยินค่ะ จากคุณ : Lawanwadee เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 05:03:21

ความคิดเห็นที่ 24 เรื่องผู้ชาย ชายวัยกลางคน ที่แยกกันอยู่กับเมีย ยังไม่ได้หย่า อยากบอกน้องว่า ผู้ชายน่ะถ้าเขารักผู้หญิงจริง ให้หนีวีซ่ามาสามสิบปี เขาก็รักค่ะ และคงหาทางช่วย แต่การใช้ชีวิตคู่กับชายที่เคยแต่งงานมานานๆ หรือยู่กับผู้หญิงอื่นมานานๆ จะเปรียบไปมันเหมือนสบู่ใช้เเล้ว เมียเก่า แฟนเก่า เวลาที่เขาอยู่ด้วยกัน ผู้หญิงเขาใช้สบู่จนเหมาะมือเขาเเล้ว กว่าจะมาถึงมือเรา กว่าจะมาฝึกให้เข้ากับนิสัยเรา ให้เป็นสบู่ที่เหมาะมือเรา นานค่ะ สำหรับดิฉันเรื่องหนีวีซ่า ถ้าผู้ชายเขารักจริง อยากจริงจังด้วย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ให้แน่ใจว่า เขาจะเอาจริง บางคนแค่อยากได้ ฟลิงค์ ในวิกฤติกลางคน เรื่องใหญ่คือ เขาไม่ได้มีความสามารถมาแต่งงานกับสาวคนนี้ได้ แต่งงานกับพ่อม่าย ลูกติด ไหนจะชายน์ซัพพอร์ท ไหนจะค่าเลี้ยงดูเมียเก่า ผู้ชายมีการศึกษา ฉลาด มีฐานะ และอารมณ์ขัน เป็นโสด มีอีกเยอะเเยะ อย่าเพิ่งรีบร้อน จากคุณ : mrs.night owl เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 06:02:35

ความคิดเห็นที่ 25 การโกหก มีแต่นำไปสู่การโกหกต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบ จนกว่าจะยอมรับความจริง ไม่มีการดีเลย.... อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ขอไม่ออกความเห็นค่ะ จากคุณ : Kryta (Kryta Ja) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 06:12:20

ความคิดเห็นที่ 26 จขกท ถ้าสนิทกับน้องคนนี้มากพอแนะนำให้หาคนใหม่เลยค่ะ แค่ได้ยินว่าผู้ชายยังไม่หย่ากับเมีย เหอๆ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเขาไม่คิดจะหย่าหรอก รอได้ทั้งชาติก็เสียเวลาเป็นชาติ เสียชาติเกิดไปเลย รายไหนรายนั้น แรกเลยเขาก็ตัดสินใจผิดแล้วที่โดดวีซ่า นี่ยังสร้างปัญหาให้ตัวเองเพิ่มคบคนมีพันธะ ดูท่าตอนนี้เขาก็คงกลุ้มไม่น้อย ดื่มหนัก สูบบุหรี่จัด แก้ปัญหาผิดเรื่อยไปก็ติดลึกในหล่มความยุ่งยาก เอาที่พอเป็นไปได้ตอนนี้ก็คือ ถ้าจะพอมีทางก็คือเริ่มต้นหาคนใหม่ไปเลย แต่ก็เกรงจะเป็นอย่างคุณลาวัณวดีว่าไว้ กรรมบังตา แต่ดิฉันเดาว่ามันจะเป็นผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าและแก้ไขยากเสียมากกว่า คงแนะนำเขาได้ ทำตามหรือไม่ก็เรื่องของเขา ชีวิตเขาเองล่ะค่ะ จากคุณ : อาการเซ็งระยะสุดท้าย เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 06:23:49 A:68.151.12.183 X: TicketID:257835

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณหลายความคิดเห็น   และจากที่พูดถึงเรื่อง ชายด๋ซัพพอท  ก็คิดขึ้นมาได้อย่างที่หลายๆ ท่านแนะนำ ดิฉัลืมบอกไปว่า  ชายคนนี้ได้บอกกับ น้อง ก ว่า ที่เขาห่างกับเมีย เพราะภรรยาเขามาสารภาพว่า เป็นเลสเบี้ยนหลังจากที่แต่งงานได้แค่ไม่กีปี ด้วยความที่เห็นแก่ลูกก็เลยแยกกันอยู่เฉยๆ มาหลายปีตั้งแต่นั้นมา และเมียเขาก็มีเมียใหม่แล้ว ( แอบงง) แต่ที่ยังไม่หย่า ที่เขาแอบกระซิบ บอกน้อง ก ( อันนี้ไม่รู้จะจริงแท้แค่ไหน) เขาบอกไม่อยากทำให้ภรรยาลำบาก เพราะภรรยารายได้ดีกว่ามาก ในขณะที่เขา ตอนนี้ยังเรียนดอกเตอร์อยู่ และเป็นแค่ทีเอ ผู้ช่วยสอน เพราะถ้าหย่าภรรยาเขาต้องรับภาระเลี้ยงดูเขา หลังหย่า ข้อกฎหมายอันนี้ไม่ทราบนะค่ะ ดิฉันไม่มีประสบการณ์ และจากที่ดิฉันฟังน้ำเสียง น้องก็ดูมั่นใจว่าเขาจะหย่ากันมาแต่งน้องแน่ๆ ในวันที่เรียนจบ และพวกที่ร้านก็เชียร์สุดแรงเกิด ให้เอาคนนี้ ทำทำแบบที่ผ่านๆ มา นี้ เฮ่อ  ( สิ่งแวดล้อมแบบนี้) เอาล่ะค่ะ  เห็นทีดิฉันเห็นข้อสรุปให้กับตนเองแล้ว  จะบอกน้องไปให้คิดเอาเอง เขาเลือกของเขาเอง   ถ้าดิฉันจะบอกให้เขาเลิกลาไรไปตอนนี้ ก็คงไม่ฟัง คนมันกำลังแรง   มีอีกเรื่อง  ในส่วนของน้องผู้ชายแฟนเก่าเขา ดิฉันจะตอบเมลล์เขาไปอย่างไรดี บอกตามตรงแอบส่งสารน้องผู้ชาย  ไม่อยากจะโกหกน้อง  ดูแกมีความหวัง และคิดว่า น้อง ก จะกลับมา แต่การกระทำของ น้อง ก ในตอนนี้นี่ ลำบากใจคนอย่างดิฉัน จะเอื้อนเอ่ย เรื่องชาวบ้านเต็มๆ เลยงานนี้ พูดอย่างไรดี แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 06:55:29 แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 06:51:57 จากคุณ : แมวสีชมพู (alonemania) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 06:49:57

ความคิดเห็นที่ 28 ผู้ชายโกหกเเล้ว เรื่องค่าเลี้ยงดู เพราะหากสมัครใจหย่า ต่างคนต่างไม่เรียกร้องอะไรจากกัน ฝ่ายหญิงจะมาจ่ายค่าเลี้ยงดูฝ่ายชายได้ไง มีแต่ผู้ชายน่ะ จะซวยเพราะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูลูกน่ะซิ แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 07:02:01 จากคุณ : mrs.night owl เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 07:00:48

ความคิดเห็นที่ 29 อันนี้เข้าข่ายเนื่อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองหนัง เอากระดูกแขวนคอ ดิฉันขออยู่เฉยๆดีกว่าค่ะ จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 08:17:19

ความคิดเห็นที่ 30 ปัญหาครอบครัว....ชาวบ้านอีสานบางคน...ชอบเลี้ยงลูกสาว ให้มาเมืองนอก แล้วก็ต้องหาเงินส่งให้ที่บ้าน โดยที่คนที่บ้านไม่ทำงานอะไรเลย รอเอาแต่เงินอย่างเดียว ไม่ได้คิดถึงหัวอกลูกของตัวเองเลย... สงสารผู้ชายคนนั้นมาก...ความโลภมันบังตาคนเราได้จริงๆ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 08:41:23

ความคิดเห็นที่ 31 นิ่งไว้ในทุกเรื่องน่าจะดี หลีกเลี่ยง อย่าเข้าไปยุ่ง เพราะว่าเคยพานพบปัญหาแบบนี้มาหลายหน สุดท้ายคนกลางนี่แหละโดนโยนขี้ใส่เต็มๆ ไม่รู้ว่าสุดท้ายเรื่องจะดำเนินไปอย่างไร แต่ที่แน่ๆส่วนมากคนกลางโดนก่อนคนแรก ของยังงี้อยู่ที่เวรกรรมของแต่ละคนจะนำพา จากคุณ : Imperio เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 08:54:55

ความคิดเห็นที่ 32 ตอบแฟนเก่าไปว่า ติดต่อ ก ไม่ได้ ส่วน ก ก็ไม่ต้องไปเครียดกับเรื่องของเค้าหรอกค่ะ จากคุณ : superkoy เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 09:33:24

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นด้วยค่ะว่าคนมันกำลังแรง ปล่อยไปตามบุญกรรมเขา เหมือนเขาไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือหรือคำแนะนำ เพียงแต่ต้องการคนรับฟังเท่านั้น เขามาไกลและถลำสู่ปัญหาหนักเรื่อยๆ ดูท่าจะคิดเองไม่ค่อยเป็นหรือไงที่ต้องไปฟังแรงยุจากคนที่ร้าน พังเพราะเชื่อไปโดดวีซ่าก็ทีนึงแล้ว นี่ยังหลับหูหลับตาคบคนมีพันธะ สร้างแต่ปัญหาและบาปกรรมเพิ่มนะเนี่ย เฮ้อ เนาะ โตจนป่านนี้แล้วอะไรถูกผิดก็ต้องคิดเอง และรับผิดชอบเอง จขกท อาจแค่รับฟังเวลาเขามาระบายเท่านั้น แต่ระวังตัวอย่าพัวพันมากนะคะ ไม่อยากให้เดือดร้อน เขาต้องหาทางออกเองได้แน่ๆ ค่ะ ส่วนแฟนที่เมืองไทยก็บอกไปเหมือน คห บนๆ ว่าติดต่อไม่ได้ แบบนี้น่าจะดีที่สุดนะคะ จากคุณ : อาการเซ็งระยะสุดท้าย เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 11:45:09 A:68.151.12.183 X: TicketID:257835

ความคิดเห็นที่ 34 บอกฝ่ายชายที่เมืองไทยไปว่า น้องเค้ามีแฟนใหม่แล้ว ในเมื่อน้องเค้าบอกเลิกผู้ชายที่เมืองไทยไปแล้ว ก็ควรจะบอกความจริงไป ผู้ชายจะได้ไม่ต้องรออีก ส่วนเรื่องของน้อง อวยพรให้น้องโชคดี แต่ถ้าเป็นเราๆก็คงจะไม่แนะนำอะไร เพราะทางไหนๆที่น้องเลือกมันก็เสี่ยงทั้งนั้น คงแล้วแต่บุญวาสนา จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 15:59:16

ความคิดเห็นที่ 35 คงต้องบอกแฟนที่เมืองไทยตามตรง ส่วนตัวน้องกับผู้ชายที่ไม่หย่าเมีย คิดว่าให้เค้าเสี่ยงดวง ให้ข้อมูลน้องเกี่ยวกับกฎหมายการหย่าของที่นี่ตามคำแนะนำของคุณลาวัณดี ที่เหลือให้เค้าไปคุยกันเอง ส่วนเรื่องหนีวีซ่า เป็นเรื่องสุดท้ายที่จะมาแก้ไข เพระาถ้าชายอยากอยู่กับสาวจริงๆ หมดเงินจ้างทน่ายหรือเสียเวลาแค่ไหนเค้าก็จะพยายามทำให้เราจนได้แหล่ะ จากคุณ : Haniballector เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 22:14:21

ความคิดเห็นที่ 36 บอกน้องเค้าว่าพี่จะตอบแฟนที่เมืองไทยไปว่าเรามีแฟนแล้วนะ แล้วก็ตอบคุณผู้ชายไป ส่วนเรื่องโดดวีซ่านี่พูดยากค่ะ คนรักกันไม่ควรมีเรื่องปิดบังกันก็จริง แต่ว่าไม่รู้ผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้แค่ไหน การที่เรามีจุดอ่อนทางกฏหมายแล้วบอกให้คนอื่นทราบนี่ก็ไม่น่าจะดีกับตัวเองในอนาคตเท่าไหร่นะคะ วันไหนเกิดทะเลาะกันขึ้นมาอีกฝ่ายเอามาเป็นจุดอ่อนได้ง่ายๆเลย แต่คุณผู้ชายอยากจะหย่าจริงๆรึเปล่าเท่านั้นเอง เหตุผลค่อนข้างแปลก ถ้าไม่อยากให้ภรรยาลำบากเลี้ยงดู ก็ไม่ต้องเรียกร้องสิ ต่างคนต่างไปก็จบแล้ว เอาลูกมาอ้างยังจะน่าเชื่อกว่าอีก จากคุณ : 1234 เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 20:03:59 A:125.24.115.45 X: TicketID:120804

ความคิดเห็นที่ 37 บอกฝ่ายชายที่เมืองไทยไปว่า น้องเค้ามีแฟนใหม่แล้ว ในเมื่อน้องเค้าบอกเลิกผู้ชายที่เมืองไทยแล้ว ก็บอกความจริงไป ผู้ชายจะได้ไม่ต้องรอ ส่วน ก หาคนใหม่เหอะ ถ้าผช คนนั้นยังไม่หย่า เพราะหย่ามันใช้เวลานานและต้องจ่ายด้วย จากคุณ : lovelypriest เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 11:10:36