ความคิดเห็นที่ 1 ตัดสินใจเดินทาง... การเดินทางครั้งนี้ เกิดขึ้นจากพี่สาว (ลูกพี่ลูกน้อง) ชวนผมเดินทางมาเยี่ยมแม่ผมเองที่อเมริกา โดยพี่สาวจะมากับครอบครัว 3 คน พ่อแม่ลูก พี่สาวผมจัดการเรื่องการกรอก ds-160 ให้กับทุกคน และนัดสัมภาษณ์วันเดียวกัน วันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา การขอวีซ่าของผมก็เหมือนกับเพื่อน ๆ ทุกคนในพันทิพที่มีปัญหาต่าง ๆ มากมาย เต็มไปด้วยความกังวลใจ เพราะ สถานะภาพผมตอนนี้ไม่น่าจะได้วีซ่าอย่างยิ่ง เพราะผมว่างงานประจำมาแล้วกว่า 1 ปี มีงานฟรีแลนซ์บ้างประปราย ไม่มีรายได้แน่นอน ก็พยายามจะหาเอกสารมารับรองตัวเอง ตามที่ ได้อ่านหาข้อมูลในพันทิพ สิ่งที่ทางสถานทูตต้องการจากผู้ขอวีซ่าคือความั่นใจ ว่าเราจะไปแล้วกลับ ไปแล้วไม่ไปทำงาน ไม่ไปเป็นภาระให้กับประเทศเขา เอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกัยการเงิน เอกสารต่าง ๆ ที่แสดงถึงความผูกพันธ์ก้บประเทศไทย ผมแทบจะไม่มีเลย T__T เรียกว่าต้องปั้นกันก่อนวันสัมภาษณ์ 1 เดือนเท่านั้น 1 โฉนดที่ดิน อันนี้มีอยู่แล้ว (นิดหน่อย) 2 หนังสือรับรองการเงิน (statement) พอทราบว่าจะขอวีซ่าผมก็โทรหาพ่อทันที ปรึกษาว่าขอยืมเงินสัก 2 แสนมาฝากบัญชีทิ้งไว้ก่อนวันสัมภาษณ์เพียงเดือนกว่า ๆ ผมคิด ๆ ดูแล้วมันไม่เมคเซ้นท์เลย แต่ก็มีคนแนะนำมาก็ลองทำตามดู 3 หนังสือรับรองการเงินของพ่อ ของพ่อผมยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เข้าใจว่า statement เป็นยังไง ตอนคุยกันท่านก็บอกได้ ๆ พอวันที่ไปขอด้วยกัน พ่อพกเงินไป 2 แสน ฝากเดี๋ยวนั้นแล้วก็ขอเดี๋ยวนั้น บอกตรง ๆ เวลานั้น ผมคิดไปไกลแล้วว่าคงไม่ผ่านหรอก แต่ก็ไม่เป็นไร ได้ก็ไป ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร 4 จดหมายเชิญจากทางแม่ พ่อ (step father) เป็นคนเขียนให้ โดยในจดหมายก็ระบุว่าเชิญพี่สาวกับครอบครัว และผมไปเที่ยว แนะนำตัวเองว่าท่านทำงานอะไร ในจดหมายระบุที่อยู่ชัดเจน เอกสารทุกรับรองและจดหมายเชิญไม่ควรมีอายุเกิน 3 เดือน อย่าลืมถ่ายรูปหน้าตรงเห็นใบหูทั้งสองข้างขนาด 2x2 นิ้วด้วย ในกรณีที่ upload ตอนกรอกแบบฟอร์มไม่ได้ วันสัมภาษณ์ให้พกติดตัวไปด้วย จากคุณ : เดินทาง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 08:57:45 A:70.95.95.29 X: TicketID:301769

ความคิดเห็นที่ 2 วันที่ทุกคนต่างกังวล... วันสัมภาษณ์เราได้คิว 7.15 ผ่านด่านแรกคือการสแกนร่างกาย ตรวจดูว่ามีของที่ห้ามนำเข้าไปมาด้วยหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องฝากไว้ตรงจุดนี้ หลัก ๆ ก็พวกโทรศัพท์มือถือ กุญแจรถยนต์ที่เป็นรีโมท กล้องถ่ายรูป คัทเตอร์ กรรไกร เรียกว่าเอาเข้าได้เฉพาะเอกสารนั่นแหละครับ ผ่านตรงนี้ไปก็จะเจอน้องผู้หญิง 2 คน ช่วยเราจัดเอกสาร อะไรที่จะต้องยื่นให้กงศุลก็จะใส่แฟ้ม ที่เหลือให้ถือเอาไว้ ตอนสัมภาษณ์ถ้ากงศุลต้องการค่อยยื่นให้ ต่อมาก็จะเป็นการสแกนลายนิ้วมือทั้งสองข้าง พร้อมกับตรวจสอบเอกสารเบื้องต้นกับข้อมูลในคอมพิวเตอร์และรับบัตรคิว เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปนั่งรอคิวด้านใน ช่วงเวลาที่นั่งรอคิวสัมภาษณ์ช่างเป็นเวลาฟุ้งซ่านสุด ๆ คิดไปต่าง ๆ นา ๆ ในที่สุดก็ถึงคิว เราเลือกสัมภาษณ์ภาษาไทย และไปสัมภาษณ์พร้อมกันทั้ง 4 คน พี่สาวผมเป็นคนสัมภาษณ์ก่อนเพราะเป็นคนกรอกเอกสาร คำถามจะประมาณไปทำอะไร อยู่นานเท่าไหร่ แล้วอยู่ที่นี่ทำงานอะไร แล้วก็ตามด้วยแฟนพี่สาว แล้วก็หลาน แล้วก็ผม สิ่งเดียวที่ทางสถานทูตดูคือจดหมายเชิญ ไม่ได้เรียกเอกสารอย่างอื่นเลย แต่ถามว่าผมทำงานอะไร ผมบอกฟรีแลนซ์และก็ไปช่วยพ่อทำงาน ท่านถามว่าจะไปอยู่นานแค่ไหน เราบอกว่า 15 วัน เสร็จแล้วท่านก็บอกว่า เราให้วีซ่าท่องเที่ยวคุณ เชิญออกไปซื้อซองด้านนอก เรามองหน้ากันงง ๆ ใจผมยังคิดจะถามอีกนะว่าได้กี่เดือนแต่ก็ไม่ได้ถาม เดินออกมาซื้อซองจ่าหน้าถึงตัวเอง แล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน สรุปเราได้วีซ่า 10 ปีกันทั้ง 4 คน ผมคิดว่าสิ่งเดียวที่กงศุลตัดสินใจให้วีซ่าเราทั้ง 4 คนคือจดหมายเชิญ เพราะหลักฐานอื่นๆ ไม่ขอดูเลย คนที่ออกจดหมายเชิญให้กับผมและครอบครัวพี่สาวเคยทำงานให้กับกองทัพมาก่อน ตรงนี้น่าจะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้กงศุลท่านไม่ขอดูเอกสารอื่น ๆ เลย จากคุณ : เดินทาง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:01:37 A:70.95.95.29 X: TicketID:301769

ความคิดเห็นที่ 3 จองตั๋ว... หลังจากเราได้วีซ่าก็ถึงขั้นตอนการจองตั๋ว ในตอนแรกเรากะว่าจะบินพร้อม ๆ กัน พี่สาวจองได้วันที่ปลาย ๆ เดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากต้องดูวันลางานด้วย ค่าตั๋วไป-กลับอยู่ที่ 32000 บาทสำหรับผม ส่วนของพี่สาว และครอบครัวจะไปเมนแลนด์ด้วยราคาก็แพงขึ้นไปอีก พอทราบราคาผมก็บอกว่าผมขอหาตั๋วเองได้ไหมอยากได้ถูก ๆ พี่สาวเลยให้โทรไปคุยกับ Delta เอง ซึ่งผมได้บอกไปว่าขอบินไปเร็วที่สุดและถูกที่สุด จนท.ก็น่ารักมากหาให้ผมได้ในราคา 29000 ผมตัดสินใจจองทันที่ โดยระยะเวลาร่วม 2 เดือน ส่วนพี่สาวก็บินปลายเดือนกพ.เหมือนเดิมระยะเวลาประมาณ 15 วัน จากคุณ : เดินทาง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:02:25 A:70.95.95.29 X: TicketID:301769

ความคิดเห็นที่ 4 ของฝาก.. มาถึงขั้นตอนการเตรียมของฝาก มีออเดอร์มาหลายรายการ วิ่งหาซื้อให้วุ่นเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นนิยาย กระชายดำตากแห้ง มะขามคลุกน้ำตาล รองเท้าฝากหลาน แล้วก็ของจุกจิก รวม ๆ แล้วของฝากเกินครึ่งของ น้ำหนักรวม เสื้อผ้าผมมีนิดเดียว ซึ่งน้ำหนักรวมกระเป๋าที่จะโหลดประมาณ 20 กิโล ผมใส่ไป 23 กิโล ถึงตรงนี้ต้องทำการบ้านอีก เพราะมีของ 2 อย่างที่ต้องดีแคล... จากคุณ : เดินทาง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:04:48 A:70.95.95.29 X: TicketID:301769

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนวันเดินทางวันเดียวเป็นวันที่คุณ Lawanwadee ได้ตั้งกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H10157870/H10157870.html อ่านแล้วใจฝ่่อขึ้นมาทันทีเนื่องจากผมมีเอกสารชุดนึงที่เข้าข่าย เลยเลือกตัดสินใจส่งไปรษณีย์แทนที่จะพกติดตัวไปด้วย ถึงแม้เราจะไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่การสื่อสารของเราแย่เกิดโดนค้นขึ้นมาแล้วเจอเอกสารที่ว่า จะคุยกันไม่รู้เรื่อง โดนส่งกลับจะไม่สนุกเอา จากคุณ : เดินทาง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:05:27 A:70.95.95.29 X: TicketID:301769

ความคิดเห็นที่ 6 วันเดินทาง... คืนวันเดินทางนอนไม่หลับเลย ตื่นเต้นมากไปถึงสนามบินตีสามกว่า แถวเช็คอินยาวทีเดียว ถึงตรงนี้กังวลอีกว่าน้ำหนักกระเป๋าจะเกินไหม สรุปว่าไม่เกิน ถามทางจนท.บอกว่าได้ประมาณ 23 กิโล พอดี ๆ จริง ๆ หลังจาก รับตั๋วโหลดกระเป๋าเสร็จ ก็กรอกใบผ่านขาออก แล้วก็ผ่านจุดตรวจ สแกนของ ค้นตัว ว่าไม่มีสิ่งของต้องห้ามติดตัวมาด้วย ทุกอย่างที่เป็นโลหะต้องถอดออกจากตัวให้หมด nb ต้องเอาออกจากกระเป๋า ทั้งหมดใส่ใน ตระกร้า เสร็จแล้วก็ไปนั่งรอที่เกจ ถึงตรงนี้เพิ่งจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาไม่เก็บค่าภาษีสนามบินแล้ว จากคุณ : เดินทาง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:06:17 A:70.95.95.29 X: TicketID:301769

ความคิดเห็นที่ 7 ช่วงเวลาที่บิน... ผมบินโดย delta ไปทรานซิสที่นาริตะ ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชม. แล้วต้องอยู่ที่นาริตะอีก 6 ชม. ถึงจะได้ขึ้นเครื่องต่อไปฮาวายอีกที ช่วงที่อยู่นาริตะก็เดินดูของดูตี้ฟรี ใจอยากหาสัญญาณไวไฟเล่นเน็ตแก้เบื่อ แต่หาไม่ได้เลย จนเวลาใก้ล ๆ จะขึ้นเครื่องมองไปเห็น delta sky club ตรงแถว ๆ เกจ 22 ทำให้ตาสว่าง หลังจากโง่อยู่นาน ผมรีบขึ้นไปทันที จนท.สแกนตั๋วแล้วก็ไปนั่งเล่นไวไฟพร้อมกับมีของกิน บริการอีกด้วย 18.40 ถึงเวลาเช็คอินอีกรอบ เพื่อมุ่งหน้าไปฮาวาย คราวนี้ผมโชคดีมาก ได้ที่นั่งแถวริมและอีก 2 ที่ติดกันว่าง นอนสบายเลย ฝรั่งด้านหน้าหันมาแซวอีก you are so lucky!! หลังจากเครื่องขึ้นได้ไม่นานผมรีบขยับเข้าชิดริมหน้าต่างทันที การนั่งเครื่องบินทั้งสองช่วงผมไม่ได้นอนเลย นอนไม่หลับ ช่วงที่อยู่นาริตะก็ไม่นอน ง่วงมาก ๆ ช่วงบินจากนาริตะไปฮาวายนี้แอร์จะแจกเอกสาร i-94 กับใบ custom declarations ให้ ผมก็กรอกโดยอ่านคำแนะนำจาก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=lilacgirl&month=07-08-2006&group=2&gblog=2 และ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lilacgirl&month=08-2006&date=07&group=2&gblog=1 ผมมีของที่ต้องดีแคล 2 อย่าง มะขามคลุก (fruit candy) กระชายดำตากแห้ง (dried herb) จากคำแนะนำของเพื่อน ๆ ในพันทิพนี้ จากคุณ : เดินทาง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:07:16 A:70.95.95.29 X: TicketID:301769

ความคิดเห็นที่ 8 ในที่สุดก็ถึงที่หมาย... แต่ก็ยังเหลือด่านสุดท้ายให้ผ่านอีก 1 ด่าน ผมยืนต่อแถวตรวจคนเข้าเมืองดูแล้วมีแต่คนเอเชีย น่าจะเป็นญี่ปุ่นซะส่วนใหญ่ สังเกตุตม.จะถามนิดหน่อย แล้วให้สแกนนิ้วมือ ถ่ายรูปแล้วก็สแตมป์ให้เลย ถึงคิวผม ตม.เป็นผู้หญิงคำถามมีประมาณนี้ มาทำอะไร (มาเยี่ยมแม่) มาอยู่นานแค่ไหน (2 เดือน / ตามที่จองตั๋วมา) ทำงานอะไร (ทำงานกับพ่อ) คุณมีของที่ต้องดีแคลไหม (มี) มีอะะไรบ้าง (fruit candy/dried heab) ตม.ค่อนข้างพูดช้า ผมก็บรรยายไปเท่าที่จะพูดได้ สุดท้ายท่านสแตมป์ให้ 6 เดือน เย้... จากนั้้นลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่าง รับกระเป๋าที่โหลดมา แล้วก็ผ่านศุลกากรยื่นใบดีแคลให้ไปก็โบกมือให้ผมผ่านเลย มันช่างง่ายดายอะไรขนาดนี้สำหรับการเดินทางมาอเมริกาคนเดียวครั้งแรก จากคุณ : เดินทาง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:08:50 A:70.95.95.29 X: TicketID:301769

ความคิดเห็นที่ 9 ทั้งหมดก็เป็นประสบการณ์การเดินทางจากมือใหม่ที่กล้า ๆ กลัว ๆ แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ ไม่ยากเย็นเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : เดินทาง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:11:54 A:70.95.95.29 X: TicketID:301769

ความคิดเห็นที่ 10 เที่ยวให้สนุกนะค่ะ  จขกท  ยินดีด้วยค่ะ  ง่ายมากเลย  แถมได้  10  อีกต่างหาก จากคุณ : Cawaii-Inlove เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:17:39

ความคิดเห็นที่ 11 เที่ยวให้สนุกนะค่ะ  จขกท  ยินดีด้วยค่ะ  ง่ายมากเลย  แถมได้  10  ปีอีกต่างหาก จากคุณ : Cawaii-Inlove เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:17:53

ความคิดเห็นที่ 12 ขอวีซ่าไม่ยากหรอกครับ ถ้าเอกสารและหลักฐานของเราดีพอ เหมือนเหรียณตั้งตรงครับออกหัวออกก้อยก็ได้ทั้งนั้น สำหรับวีซ่าเมกา ขอให้เที่ยวให้สนุกครับ จากคุณ : benjy250 เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 11:07:35

ความคิดเห็นที่ 13 เอ พวกผลไม้แห้งนี่ ต้องสำแดงเหมือนกันทุกประเทศเลยหรือเปล่า กะว่าจะเอาพวกมะม่วงแห้ง สตรอฯแห้งไปฝากคนที่อังกฤษซะหน่อย จขกท โชคดีจัง ผ่านมาได้อย่างฉลุย เราเดินทางไปเรียนคนเดียวครั้งแรก แบกเอาไปมันทุกอย่าง พะรุงพะรังสุดๆ เกือบโดนบังคับให้ตรวจปอดใหม่ที่ฮีทโธรว์อีกแน่ะ จากคุณ : ยิ้มหวานของพิทลอร์ด เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 11:38:13

ความคิดเห็นที่ 14 ขอให้โชคดี มีความสุขนะครับ จากคุณ : rabellu เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 12:32:39

ความคิดเห็นที่ 15 ขอถามค่ะ ว่าตอนขอวีซ่าบอกว่าจะไปอยู่ 15 วัน แต่ตอนผ่านตม.ที่อเมริกาบอกว่าจะไปอยู่ 2 เดือนเหรอค่ะ จากคุณ : ผลไม้ตามฤดูกาล เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 12:41:43

ความคิดเห็นที่ 16 อืมม์  นั่นซิคะ  เราก็สงสัยเหมือน  คห.15  เหมือนกัน   แล้ว ตม. เค้าไม่มีข้อมูลลิงค์กะสถานทูตอเมริกาที่เมืองไทยตอนสัมภาษณ์หรือคะ  แถมสุดท้าย ตม.ที่อเมริกาก็ปั๊มให้อยู่ถึง  6  เดือนอีกต่างหาก      อยากทราบเป็นข้อมูลเช่นกันค่ะ จากคุณ : very_berry เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 15:03:15

ความคิดเห็นที่ 17 ตามนั้นครับ ทั้งจดหมายและสัมภาษณ์ตอบว่า 15 วัน แต่ตอนผ่านตม. ผมบอก 2 เดือน เพราะผมซื้อตั๋วไป-กลับ รวม 2 เดือน ก็อธิบายไปว่ามาเยี่ยมแม่และจะเที่ยวหาน้อง ๆ จนท.ก็พยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วก็สแตมป์ให้ 6 เดือนครับ ส่วนจนท.จะดูได้หรือเปล่าว่าขอมาเท่าไหร่ ผมเดาว่าคงดูได้ครับ เรคคอร์ดแค่นี้ แต่ผมว่าเขาคงดูจาการพูดคุยตรงนั้นด้วยครับ ผมตั้งใจมาก พูดไปสบตาไปแล้วก็ยิ้มไปตลอดครับ จากคุณ : เดินทาง เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 17:28:07 A:70.95.95.29 X: TicketID:301769