Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
+++ เมื่อดิฉันโดน อิมมิเกรชั่น US ขอให้ตรวจ DNA+++ ติดต่อทีมงาน

ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงว่า ข้อมูลในกระทู้นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวของดิฉันเองค่ะ ไม่รู้จะไปปรึกษาใครแม้กระทั่งครอบครัว คือ พ่อแม่ เพราะว่าเราไม่อยากให้ท่านต้องเครียดหรือเป็นกังวลกับเหตุการณ์ที่ดิฉันไปประสบอยู่ ณ ตอนนี้ สับสน และกังวลใจค่ะ ขอเล่าเรื่องเลยนะคะ

ก่อนนี้ย้อนกลับไปเมื่อ ปี 2009 ได้รู้จักกับหนุ่มอเมริกัน โดยการแนะนำของเพื่อนสนิท ซึ่งก็ได้ chat กันได้ประมาณ 6 เดือน ฝ่ายชายได้บินมาหาที่เมืองไทยครั้งแรก  เดือน กรกฏาคม ปี 2009 และมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งก่อนแต่งงานค่ะ
และได้ทำการขอหมั้น โดยได้ไปทำพิธีสู่ขอกับทางพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ตามประเพณีไทยปกติ และเค้าได้บินกลับประเทศไปในเดือนสิงหาคม 2009

สามีบินมาไทยอีกครั้งและแต่งงานกับดิฉันเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2010 ทางเราก็จัดงานแต่งงานมีเพื่อนฝูงและเครือญาติของเรามาร่วมแสดงความยินดี และทางฝ่ายเค้าก็มีครอบครัวเค้ามาร่วมงานด้วย

หลังจากดำเนินการเรื่องพิธีแต่งงานเสร็จ ดิฉันได้จดทะเบียนกับเค้าเลยให้หลังและเอกสารของดิฉันก็ได้นำไปแปล แล้วก็ให้กงศุลรับรองเรียบร้อย แต่เราก็อยากหาวิธีที่จะช่วยให้ได้วีซ่าเร็วที่สุด จึงตกลงกันไปพบเอเจนซี่

12 ตุลาคม 2010 ดิฉันและสามีเดินทางไปพบเอเจนซี่ และพูดคุยเรื่องรายละเอียดการดำเนินการและชำระเงิน และทางเอเจนซี่บอกว่า มีสาขาที่อเมริกาด้วย ดังนั้น ตรงนี้ให้สามีนำเอกสารกลับไปด้วยเลย และทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายของเอเจนซี่ จะติดต่อกลับไปหาเอง แต่ให้สำเนาเอกสารไว้ให้ทางเอเจนซี่ที่นี่ด้วย เรื่องการจ่ายเงินทางสามีดำเนินการทั้งหมด

สามีเดินทางกลับประเทศเมื่อ 15 ตุลาคม 2010  หลังจากสามีกลับไปแล้ว ก็พูดคุยทางโทรศัพท์และทางแชทโปรแกรมเป็นปกติ ส่วนใหญ่เราจะเป็นฝ่ายโทรไปหาเค้าตลอด เพราะว่ายอมรับว่ารักเค้ามากเลยค่ะ เค้าเป็นผู้ชายคนแรกของดิฉัน และเป็นคนเดียวที่ขอดิฉันแต่งงาน และดิฉันไม่เคยมีความสันพันธ์กับชายอื่นมาเลย  

ซึ่งหลังจากที่สามีกลับไปได้ประมาณเดือนกว่าๆ เราได้รับข่าวดีค่ะ เราตั้งครรภ์ ก็โทรบอกสามี สามีก็ดีใจเค้าอยากมีลูก และเราเองก็อยากรู้เรื่องของการยื่นเรื่องว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็ได้คุยกับสามีว่าเราจะมีทางเร่งเรื่องวีซ่าได้บ้างมั้ย เพราะว่าอยากไปคลอดที่นั่น และอีกอย่างจะได้มีสามีคอยให้กำลังตลอดเวลาที่เราตั้งท้อง สามีบอกว่าไม่ต้องกังวลจะดำเนินการเรื่องให้อย่าวิตกไปเลย ยังไงลูกก็ต้องได้ไปคลอดที่นั่น แต่ว่าช่วงนี้งานเค้ายุ่ง และบอกว่าหลังปีใหม่เค้าจะไปดำเนินการส่งเอกสารที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งประมาณต้นเดือน มกราคม สามีได้ให้ Case Number กับเรามาและเราก็เข้าไปตรวจตาม website แต่ระบบได้แจ้งว่า ไม่พบเลขดังกล่าว เราก็แปลกใจจึงโทรไปที่เอเจนซี่ที่ไทย เค้าก็ขอเลขจากเราไปตรวจสอบและแจ้งว่าจะดำเนินการให้ ไม่ต้องตกใจ โดยที่เราป่านนี้ ก็ยังไม่ทราบความคืบหน้าใดๆ ส่วนสามีก็บอกว่า เค้าติดต่อไปยังหน่วยงานดังกล่าวที่รับเรื่องแล้ว เราก็ไม่ได้เอะใจ เพราะสามีบอกว่าอย่าคิดมากกำลังท้องไม่ต้องเครียดเค้าจะจัดการให้เอง แต่ด้วยที่ว่าท้องใหญ่ขึ้นยังไงในใจเราคิดไว้แล้วว่าจะต้องไม่ทันแน่ๆ เพราะว่าสี่เดือนกว่าแล้ว แล้วที่เอเจนซี่บอกไว้ว่าประมาณ  6 เดือน น่าจะได้วีซ่า แต่มันปาไปสี่เดือนแล้วอ่ะ จนก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน สามีได้บอกกับเราว่า ทางอิมมิเกรชั่นที่นั่น บอกว่าให้เราไปตรวจ DNA เราก็อึ้งและตกใจมาก ย้ำว่า DNA หรือว่าตรวจสุขภาพ เข้าใจผิดหรือป่าว สามีบอกว่า DNA เราหน้าชาไปเลย ว่าทำไมต้องตรวจในเมื่อเราแต่งงานกับสามีเรา การที่เราจะตั้งครรภ์มันแปลกตรงไหนค่ะ แล้วลูกเรายังไม่คลอดจะให้เราตรวจยังไง เพื่อเหตุผลใด สามีบอกว่า ทางนั้นเค้าต้องการอยากรู้ว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเค้าใช่หรือไม่ ก่อนที่จะให้วีซ่าเรา

****เรื่องที่กังวลใจมากๆ ตอนนี้ คือ เรื่องการขอตรวจ DNA ดิฉัน กับลูก และสามี มันเป็นความจริงหรือไม่ค่ะ มีใครที่พอจะมีประสบการณ์หรือได้ยินเคสแบบดิฉันบ้างมั้ย ในใจตอนนี้ของดิฉันก็คิดไปต่างๆนาๆ คิดว่า สามีของดิฉันสร้างเรื่องขึ้นมา เพื่อจะปัดความรับผิดชอบของเค้าหรือไม่ในการที่ดิฉันตั้งท้องทันทีหลังแต่งงาน ****

***ซึ่งมีหลายๆ เรื่องที่ดิฉันเพิ่งมาเอะใจ และเริ่มลำดับเหตุการณ์ อย่างเรื่องวีซ่าตอนแรกก่อนที่จะแต่งงานดิฉันไปเคยไปยื่นเรื่องของวีซ่าท่องเที่ยวแต่ว่าถูกปฏิเสธมา และดิฉันเคยปรึกษาสามีว่า ถ้าดิฉันไปขออีกครั้งจะดีมั้ย ก่อนที่เราจะแต่งงาน อยากลองขอไปอีกครั้งเผื่อว่า อย่างน้อยลองไปอยู่ และเรียนรู้กัน ก่อนแต่งงาน เพราะยอมรับว่า เรารู้จักกันเร็วและเรียนรู้กันน้อยเกินไป ในใจของดิฉันไม่คิดว่าเค้าจะบินมาแต่งงานเร็วด้วย ทั้งๆที่รู้จักกันได้ประมาณปีนึง และเจอกันครั้งเดียวเอง ครั้งที่สองบินมาแต่งเลย ดิฉันอยากไปโดยวีซ่าท่องเที่ยวมากกว่า แต่ทางสามีบอกว่า ถ้าดิฉันได้ยื่นเรื่องวีซ่าครั้งแรกแล้วโดนรีเจค จะทำให้โดน blacklist ถึง 10 ปี ดิฉันเชื่อเค้าจนหมดใจและยอมที่จะจดทะเบียนสมรส และรอทำวีซ่าคู่สมรสดีกว่า และเค้าพูดเป่าหูดิฉันตลอดว่า วีซ่าที่เค้าดำเนินการให้นั้น ได้กรีนการ์ดเลย โดยเสียค่าธรรมเนียมการขอ 400$ สำหรับเรื่องกรีนการ์ด คือไปแบบมีกรีนการ์ด ซึ่งฟังดูแล้วมันรู้สึกดีมากว่าสามีเราทำเรื่องให้ขนาดนี้  ดิฉันโง่หรือป่าวค่ะ ที่เชื่อเค้าไปหมด  ****

ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง เพราะสามีบอกว่ายังไงก็ต้องตรวจ DNA โดยได้อ้างถึงหน่วยงามอิมมิเกรชั่นที่นั่น  ดิฉันไม่อยากจะคิดว่าโดนหลอกเลย และทุกครั้งที่ดิฉันถามเค้าว่าเรื่องไปถึงไหน เค้าก็จะบอกว่า ยังติดอยู่ที่หน่วยงานนี้อยู่เลย ต้องรอนาน เพราะว่าเค้าต้องตรวจสอบเรื่องภาษีด้วย ดิฉันไม่เคยไปหรอกค่ะอเมริกา ดิฉันไม่รู้ว่าเป็นยังไง ทำงานกันยังไง ดิฉันก็เลยอยากรู้ว่า จริงๆ มันถึงขนาดที่จะต้องตรวจ DNA เลยหรือค่ะ แค่ขอวีซ่าคู่สมรส

ดิฉันต้องขอขอบคุณล่วงหน้าในความช่วยเหลือหรือข้อแนะนำสำหรับทุกคนที่มีน้ำใจในนี้ทุกคนค่ะ

แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 54 09:48:39

แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 54 09:47:11

จากคุณ : BADZGIRL
เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 54 21:11:46




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com