ความคิดเห็นที่ 1 ก็คงยากล่ะค่ะ เพราะปกติ ถ้ามีอะไรผิดปกติกับ เครดิตเรา เราควรจะต้องแจ้งตั้งแต่ทราบเรื่อง ไม่ใช่ปล่อยเรื่อยมา เครดิตนั้น เสียแน่แล้วล่ะค่ะ ตอนนี้อยู่ที่จะประนอมหนี้ยังไง.. เพราะเวลาที่ "คนไข้" เบี้ยวค่ารักษาพยาบาล ในส่วนของตน, หลังจากประกันจ่ายมาแล้ว พอเราส่งชื่อคนไข้เข้าสู่ระบบ ทวงหนี้ ก็ยากจะหลุดพ้นค่ะ จากคุณ : ลำเนา เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 11:47:19

ความคิดเห็นที่ 2 การเปิด Credit Line แบบ  Business ต้องใช้ 1. FedID ของ Business 2. SSN คนค้ำประกัน หรือคนถือ บัตร / ID คนถือบัตร ทางธนาคารจะขอ ID ด้วยนะครับ ลองสอบถามไปที่ธนาคารดูว่า ID ที่เขา ทำสำเนาไว้ คือ ID ของใคร ถ้าเป็น ID ของแฟนคุณก็ท่าจะลำบากครับ จากคุณ : นาย สายน้ำ เย็นสบาย เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 12:52:20

ความคิดเห็นที่ 3 กรณีแฟนคุณรู้เรื่องแต่แรกแต่ไม่ดำเนินการแจ้งความเอาผิดกับน้องก็เท่ากับเขายินยอมและรับรู้การเป็นหนี้แล้วค่ะ ทางธนาคารก็ต้องมาเก็บกับชื่อคนเป็นหนี้ จากคุณ : อาการเซ็งระยะสุดท้าย เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 12:59:00 A:68.151.12.183 X: TicketID:257835

ความคิดเห็นที่ 4 คงไม่ใช่แค่เอา SSN ไปอย่างเดียว แต่กรอกข้อมูลต่างๆ ของแฟนคุณ ไม่อย่างนั้นทางบริษัทฯ จะมาทวงหนี้แฟนคุณได้อย่างไร ถ้ารู้ตั้งแต่ปี 2008 แล้วไม่จัดการทำอะไรให้เด็ดขาด ตอนนี้ก็ต้องรับสภาพหนี้แหละค่ะ และมีผลกระทบต่อ credit score แน่นอนค่ะ หากไม่มีการชำระหนี้... คงต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าไม่ใช่แฟนคุณ แต่เป็นคนอื่น... จากคุณ : BlackmagicW เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 14:05:20

ความคิดเห็นที่ 5 รู้ปัญหาแต่เนิ่นๆ ไม่แก้ไข รอให้มันบานปลายก่อนแล้วค่อยมาแก้ แฟนคุณจะเอาอะไรมาอ้างล่ะครับว่าแฟนคุณไม่ได้รับรู้การดำเนินการนี้และไม่ได้เป็นคนทำเองแต่แรก ว่าแต่บิลเรียกเก็บหนี้ต่างๆ ส่งมาบ้านคุณตลอดถูกมั้ยครับ ไม่งั้นใบทวงหนี้คงไม่ส่งมาที่นี่ แล้วจะปฏิเสธได้ยังไงว่าตลอดสองสามปีมานี้ไม่ได้รู้เลยว่ามีคนแอบอ้างใช้ชื่อไปเปิดบัตรเครดิต จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 19:59:37

ความคิดเห็นที่ 6 ปล. ผมว่าผมเคยอ่านกระทู้แบบนี้มาก่อน คุณเคยมาตั้งกระทู้ที่นี่มาก่อนรึเปล่าครับ จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 20:10:52

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องเครดิตสกอร์ ถ้าไม่ไปเคลียร์มีผลแน่นอน ดิฉันเคยเป็นหนี้ $25 โดยตัวเองไม่รู้ตัว เครดิตสกอร์ลดฮวบฮาบเลย ตามไปจ่ายแทบไม่ทัน จ่ายไปแล้วยังมีผลลบอยู่ในประวัติอีกหลายปีด้วย มีเพื่อนคนลาว เคยโดนน้องเอาโซเชียลไปใช้ ตอนไปตรวจเครดิตจะซื้อบ้านเพิ่งเจอว่าตัวเองเป็นหนี้ผ่อนรถแล้วไม่จ่ายตังค์ เค้าก็รีบไปจัดการแจ้งเลยว่าไม่ใช่เค้าที่เป็นคนผ่อนรถ โดยติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของฝ่ายรถ เค้าก็หลุดนะ เพราะเค้าบิลส่งไปเก็บคนละที่อยู่กับเค้า ดิฉันคิดว่าส่งจดหมายไปเฉย ๆ คงไม่แก้ปัญหานะคะ น่าจะติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรงมากกว่า จากคุณ : ต (โตช้าแก่เร็ว) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 21:06:32

ความคิดเห็นที่ 8 กระทู้นี้เพิ่งเคยมาตั้งค่ะ ส่วนใบแจ้งหนี้ ไม่เคยได้รับแม้แต่หนเดียวเลยค่ะ มาอีกทีก็โดนใบทวงหนี้ส่งมาที่บ้านมาแล้ว..ตัวเองก็ยังสงสัยอยู่ว่า ถ้าเปิดในชื่อแฟน ทำไมแฟนไม่เคยเห็นบัตร ไม่เห็นใบแจ้งยอดแม้แต่หนเดียวเลยค่ะ ขอบคุณความเห็นทุกท่านนะค่ะ เด๋วจะบอกแฟนให้รีบดำเนินการค่ะ จากคุณ : เด็กต่างด้าว เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 21:49:07

ความคิดเห็นที่ 9 ที่อยู่ที่เเจ้งตอนทำบัตรคงเป็นที่อื่น คงต้องหาทางประนีประนอมหนี้ ค่อยๆจ่าย จากคุณ : remy&chanel เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 54 23:29:49

ความคิดเห็นที่ 10 คุณปฏิเสธ (พวกเรา) ไม่ได้หรอกครับว่าแฟนคุณไม่รู้ว่าเป็นชื่อเค้า ไม่งั้นเมื่อปี 2008 คงไม่บอกให้น้องไปปิด เรื่องนี้น้องแฟนคุณก็ผิดที่เอาของแฟนคุณไปใช้ แต่ตัวแฟนก็ผิดที่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้วไม่รู้จักจัดการให้เรียบร้อย ผมเองกับธนาคารเคยมีปัญหาเรื่องมีคนแอบอ้างเอา ID เพื่อนผม ไปเปิดบัตรเครดิตแล้วก็ใช้เงินให้ด้วย วันดีคืนดีก็มีบัญชีนี้โผล่มาพร้อมยอดหนี้ 8000 ติดต่อธนาคาร แจ้งความ อะไรทุกอย่างตามกระบวนการ ก็เหมือนว่าปัญหาจะจบ บัญชีนี้หายไป แต่แล้วอีกหกเดือนผ่านไป มันกลับมาใหม่ พร้อมกับเริ่มมีโทรศัพท์ทวงหนี้ แรกๆ ก็คุยดีๆ แต่ตอนหลังพนักงานก็ข่มขู่ว่าถ้าไม่รีบจ่ายจะรีพอร์ทไปที่เครดิตบิวโร จริงๆ มีเหตุการหลายอย่างอยู่ ที่พนักงานงี่เง่า สุดท้ายผมบอกให้พนักงานหุบปากแล้วก็ฟัง และก็บอกว่า อย่าได้โทรมาทวงหนี้อีก ไม่งั้นจะฟ้องข้อหาข่มขู่ กลับมาถึงบ้านเจอจดหมายทวงหนี้อีก แค่นั้นแหละ เจ๊ก็ของขึ้นเลยในบัดดล นั่งเขียนจดหมายฉบับนึงใน เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่โดนคนเปิดบัตรเครดิต และเราทำตามขั้นตอนทุกอย่าง แล้วสุดท้ายก็บอกว่า ถ้าธนาคารบังอาจให้คนโทรมาข่มขู่ทวงหนี้อีก ถ้าธนาคารบังอาจส่งจดหมายมาข่มขู่จะรีพอร์ทเครดิตบิวโรอีก จะฟ้องดะตั้งแต่พนักงานทวงหนี้เป็นต้นไป ฟ้องธนาคาร ฟ้องบริษัททวงหนี้ ฟ้องคอลเซนเตอร์ ฟ้องทุกคนที่เกี่ยวข้อง ข้อหาให้บริการต่ำกว่ามาตรฐานและทำลายชื่อเสียงทางเครดิตของเรา เขียนเสร็จก็ส่งแฟกส์ไปที่สำนักงานใหญ่, Fruad Department, สำนักงานสาขา, ผู้จัดการสาขา, บริษัททวงหนี้, เบอร์ Fax ที่ Call Centre เคยให้มาเวลาแฟกส์เอกสารไปให้ พร้อมกับส่งอีเมล์ไปที่อีเมล์ของธนาคาร คือส่งไปทุกที่ ส่งแฟกส์ตอนตีหนึ่ง 9 โมงเช้า แค่นั้นแหละ ทุกอย่างได้รับการแก้ไขเสร็จสิ้น และไม่เคยมีการทวงหนี้เกิดขึ้นอีกเลย ตั้งแต่นั้นมาเพื่อนผมเลยกลายเป็นคนดังประจำธนาคารสาขานั้นไปเลย (เค้านึกว่าเพื่อนผมเขียนจดหมายเอง อิอิ) นี่ จะบอกว่า คนที่เค้าเดือดร้อนจริง เค้าต้องปกป้องตัวเองแบบนี้ ไม่ใช่รู้ว่ามีคนเอาไปทำมิดีมิร้ายแล้วก็ยังปล่อยไปไม่จัดการให้เสร็จสิ้นแบบแฟนคุณ จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 00:19:31

ความคิดเห็นที่ 11 แฟนทราบว่าเป็นชื่อเขาค่ะ แล้วได้บอกให้น้องไปปิดเมื่อปี 2008 จริง ทางแฟนก็นึกว่าน้องเขาไปปิดเรียบร้อย จากนั้นก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรเลย ทีนี้ตอนปี 2009 กลางปี มีจดหมายมาทวงหนี้ แฟนก็ส่งจดหมายตอบกลับไปค่ะ จากนั้นก็เงียบหาย โผล่มาอีกทีเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เองค่ะ ยอมรับว่าเป็นความผิดแฟนค่ะ อืดอาด เฉื่อยชา .. ไอ้คนที่เป็นเดือดเป็นร้อนดันเป็นเราไปซะนี้ ทีนี้เลยว่าจะบอกว่า แฟนให้ไปแจ้งความ ส่ง report ไปที่ 3 เครดิตใหญ่ แล้วส่งจดหมายไปให้แบงค์ จากคุณ : เด็กต่างด้าว เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 00:59:41

ความคิดเห็นที่ 12 มีเรื่องขึ้นมาให้ตามล้างตามเช็ดอย่างไรก็ต้องทำค่ะ เพื่อที่ credit ตัวเองจะได้แจ่มใสขึ้นมาอีก อันนี้เป็นอุธาหรณ์ให้คนอื่นๆได้คิดไว้ด้วย ว่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับ credit ตัวเองนั้น อย่าได้เพิกเฉยเพราะเดือดร้อนขึ้นมาแล้วมันไม่ใช่ว่าจะจบง่ายๆทุกรายการ ขอให้โชคดีนะคะ จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 10:13:30

ความคิดเห็นที่ 13 สรุปแล้วคนเดียวกันจริงๆ ด้วยใช่มั้ยครับ ที่เคยมาตั้งกระทู้ไว้เมื่อปีก่อน จากคุณ : ดอส เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 11:22:50

ความคิดเห็นที่ 14 ยอมรับว่าเป็นความผิดแฟนค่ะ อืดอาด เฉื่อยชา จากคุณ : เด็กต่างด้าว   เป็นไปไม่ไ่ด้ที่ ไม่มีโทรศัพท์ทวงหนี้ และจดหมายติดต่อต่อเนื่อง การทำเรือ่งขอบัตรเครดิตจะเบอร์โซเชี่ยล และที่อยู่ต้องตรงกัน... ปกติแล้วทางบริษัทจะหาทางติดต่อชื่อเจ้าของบัตรที่ลงที่อยู่ิ Billing address.. อย่างต่อเนื่อง ขนาดดิฉัน "ลืมจ่ายค่าใช้บัตรเครดิตไปแค่ ๒๕ ดอลฯ ไปสองสามเดือน... ซึ่งเป็นช่วงที่ดิฉันไปอยู่ประเทศอื่น ลืมนึกถึงหนี้บัตรเครดิตนี้ไปแค่ ๒๕ ดอลฯ... แต่จ่ายคืนเต็มจำนวนกับอีกบัตรเครดิตที่ยอดสูงเป็นพันดอลฯ... เพราะยอดมันแค่ ๒๕ ดอลฯ เลยลืม ทางบริษัทบัตรเครดิตโทรมาที่บ้านเพื่อทวงหนี้เมื่อเข้าเดือนที่สาม... เมื่อกลับมาบ้านแล้วดิฉันถึงจำได้และต้องใช้คืนค่าปรับรายเดือนกับค่าใช้จริง รวมแล้วร้อยกว่าดอลฯ ดิฉันต่อรองให้เขายกเลิกค่าปรับไปหนึ่งเดือน.... หลังจากจ่ายเต็มคืนหมดแล้ว... ทางบริษัทบอกว่า ต้องรออีก ๖ เดือนเพื่อให้เครดิตสกอร์กลับมาดีสู่ปกติ (ทั้งๆที่จ่ายเต็มทุกเดือนกับอีกบริษัท แต่ก็ทำให้เสียเครดิตได้ทันทีกับแค่พลาดไปกับอีกบริษัท) ข้ออ้างของแฟนจขกท. อ่านแล้วฟังไม่ขึ้น เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทจะนิ่งมาเป็นปี และถึงติดต่อกลับไปหาเจ้าของบัตรอีก... จำนวนเงินไม่น้อยแบบนี้ ต้องใช้คืนค่ะ โดยการประนอมหนี้... แต่หนีหนี้เหมือนกับน้องของแฟนจขกท. แบบนั้น... นับว่าเป้นคนที่ไ้ว้ใจไม่ได้มากๆ ไม่น่าคบเป็นเพื่อน มีแต่ทำให้ล่มจม ไปเอาเงินของคนอื่นใช้แล้วชิ่งหนี ส่วนแฟนของจขกท.เอง.... รู้แต่... คิดเข้าข้างตัวเองเอาง่ายๆ แบบขอไปทีน่ะค่ะ จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 11:48:19

ความคิดเห็นที่ 15 คาดเดาว่า... ที่แฟนจขกท. ไม่กระตือรือล้นเท่าไรเพราะ... เป็นว่าเป็นพี่น้องกัน... จึงปล่อยให้น้องเอาเบอร์โซเชียลไปใช้... ความที่ไม่คาดคิดว่าจะมีปัญหา "บานปลาย" ถึงขนาดนี้ ... เอาเงินของบริษัทไปใช้มากมายขนาดนั้น จะโบ๊ยว่าไม่รู้เรือ่งไม่ได้ ในเมื่อเป็นพี่น้องกัน จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 54 11:57:37

ความคิดเห็นที่ 16 คุณดอสคะ กระทู้นี้เพิ่งเคยตั้งเป็นครั้งแรกค่ะ จากคุณ : เด็กต่างด้าว เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 54 00:28:57

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ JidNice ต้องบอกว่า ตอนปี 2009 ได้จดหมายที่ทวงหนี้มาแค่ใบเดียวจิงๆ ค่ะ เพราะว่า ตัวเองเป็นคนไปเอาจดหมาย และเช็คดูตลอด ส่วนโทรศัพท์ทวงหนี้ เขาโทรมาหาเราเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ขอเบอร์แฟน ตัวเองก็งง ไม่ได้ถามว่าเป็นใครแล้วให้เบอร์ติดต่อแฟนไป จึงถึงรู้เรื่องค่ะ..แปลกใจเหมือนกันค่ะว่า บริษัทเขาไม่รู้เบอร์ติดต่อแฟนหรือไง ทำไมถึงโทรมาหาเรา..ส่วนเบอร์เรา ก็งงเหมือนกัน ว่าทำไมถึงมีเบอร์เรา จากคุณ : เด็กต่างด้าว เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 54 00:36:54

ความคิดเห็นที่ 18 แหม น้องเลวได้จริงๆเนอะ มีการย้ายประเทศแล้วเปลี่ยนชื่อหนี หุหุ จากคุณ : cashmamamia เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 54 06:37:38

ความคิดเห็นที่ 19 แฟนของ จขกท. ต้องบอกความจริงกับทางบริษัทเครดิตว่า... น้องของแฟนคุณเอาเบอร์โซเชี่ยลไปเปิดบัตรเครดิต โดยที่แฟนจขกท.ไม่รู้ ถึงต่อให้น้องเขาย้ายประเทศและเปลี่ยนชื่อ... แต่พี่น้องกันแล้ว ไม่ใช่ตัดขาดการติดต่อกันจนตายจากกันไปข้าง ขึ้นอยู่กับแฟนของจขกท.เอง ที่ไม่ช่วยบริษัทเครดิตตามหาตัวน้องของเขา... เงินจำนวนมากแบบนี้ ไม่สามารถปัดๆความรับผิดชอบออกจากตัวง่ายๆ... ในเมือ่รู้อยู่แล้วว่าน้องเขาเอาเบอร์โซเชียลไปใช้ ก้น่าจะเดือดร้อนรับผิดชอบมากกว่านี้ จากคุณ : JidNince เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 54 08:55:58

ความคิดเห็นที่ 20 ยังไงก็ต้องประนอมหนี้ จ่ายเป็นเดือนๆ ไป เดือนล่ะเท่าไหร่ก็บอกเค้าไป เค้าไม่ปล่อยให้เงินเค้าเสียไปเปล่าๆ หรอกค่ะ เครดิตสกอร์เละแน่นอน มันเละตั้งแต่สองปีที่แล้วที่ไม่ยอมจ่ายแล้วล่ะค่ะ แฟนคุณปล่อยได้ยังไง ทั้งๆ ที่ผลมันตกที่แฟนคุณชัดๆ ดิฉันว่าเรื่องนี้มีนอกมีในอ่ะ ต้องยอมรับผลของการไม่ใส่ใจนะคะเนี้ยยย ถือว่าไม่รอบคอบเป็นอย่างมาก ปล่อยให้ล่วงเลยมาขนาดนี้ โชคดีนะคะ จากคุณ : น่ารัก เซ๊กซี่ ขี้เล่น แสนซน เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 54 13:26:55