|
พูดในฐานะคนเคยสอบ TOEFLiBT แต่ไม่เคยสอบ IELTS นะครับ
TOEFLiBT เป็นข้อสอบที่มีมาตรฐานสูงและเชื่อถือได้พอสมควร นั่นคือ ถ้าคุณทำคะแนนได้สูงตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด ขอให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณแทบจะไม่มีปัญหาด้านภาษาอังกฤษในการเรียนกับเพื่อนร่วมชั้น
ข้อสอบ TOEFLiBT ไม่ได้วัดความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษอย่างเดียวครับ แต่วัดทักษะอีกหลาย ๆ อย่างที่อาจไม่มีสังเกต เช่น วัดทักษะด้านสมาธิ การระดมความคิด การพิมพ์ การทำงานภายใต้ความกดดัน ฯลฯ
ยกตัวอย่าง Harvard Business School MBA Program ไม่แนะนำให้ผู้สมัครที่มีคะแนน TOEFLiBT ต่ำกว่า 109 จาก 120 หรือ ต่ำกว่า 630 จาก 677 (PBT Scale) สมัคร เพราะว่าเขาหมายความแบบนั้นจริง ๆ ในการเรียนแต่ละคลาส นักศึกษาแต่ละคนจำเป็นต้องมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากที่สุด ผู้สมัครที่มีคะแนนต่ำกว่า 109 อาจจะมีปัญหาในใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าเพื่อน ๆ จนอาจทำให้เรียนตามไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็น ด้าน Speed Reading, Class Discussion, Presentation, Giving a Speech หรืออะไรก็ตาม
ในความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ แนะนำให้สอบ TOEFLiBT เพราะการที่มันยากกว่า IELTS หมายความว่า มันรับรองได้ดีกว่าว่าทักษะภาษาอังกฤษเราแข็งแรงพอที่จะไม่มีปัญหาในการใช้ภาษาอังกฤษในการเรียน
และยิ่งคุณต้องสอบ GMAT ต่อ (ซึ่งยากกว่า Reading และ Writing Sections ใน TOEFLiBT หลายขุมนัก) ถ้าคุณทำคะแนน TOEFLiBT ไม่ได้สูง อย่าหวังอะไรกับ GMAT ครับ (ขออภัยที่พูดตรงครับ)
ขอนอกเรื่องนะครับ จากประสบการณ์ส่วนตัว ผู้สมัครหลาย ๆ คนที่พื้นฐานภาษาอังกฤษแข็งแรงพอสมควร จะเลือกสอบ GMAT ก่อน TOEFLiBT ครับ เพราะว่า GMAT มีอายุถึง 5 ปี ในขณะที่ TOEFLiBT มีอายุเพียง 2 ปี สมมติว่าคุณสอบ TOEFLiBT ก่อน และได้คะแนนเป็นที่พอใจแล้ว จึงเริ่มอ่าน GMAT ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่อาจทำคะแนน GMAT ไม่ได้สูงตามเป้าภายในระยะเวลา 2 ปีครับ (ยังไม่รวมรอบเวลาการเปิดรับสมัครของมหาวิทยาลัย การขอ Letters of Recommendation การเขียน Admissions Essays / Statement of Purposes และการทำเรื่องวีซ่า อีกนะครับ)
แก้ไขเมื่อ 22 เม.ย. 54 19:02:58
จากคุณ |
:
Rifle D.
|
เขียนเมื่อ |
:
22 เม.ย. 54 18:53:13
|
|
|
|
|