Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอแชร์ประสบการณ์เข้าสัมภาษณ์วีซ่า B2 ค่ะ ติดต่อทีมงาน

เอกสารที่เตรียม
1. หลักฐานเข้าสัมภาษณ์
-ใบนัดสัมภาษณ์, ใบยืนยัน DS - 160 และใบเสร็จจ่ายค่าทำเนียม MRV

2. หลักฐานตนเอง
- บัตร ปชช./ ทะเบียนบ้าน/ Passport (ทั้งตัวจริงและ Copy)
- รูปถ่าย 5cm x 5 cm ตามที่กำหนด
- จดหมายรับรองการทำงาน (ทั้งตัวจริงและ Copy)
- จดหมายลาพักร้อน พร้อมยืนยันวันที่จะกลับมาทำงานแน่นอน (ทั้งตัวจริงและ Copy)
- บัญชีรายการย้อนหลัง 6 เดือน (บัญชีเงินเดือน) รวมทั้งพก bookbank ตัวจริงไปด้วย
- บัญชีรายการย้อนหลัง 6 เดือนและจดหมายแสดงฐานะภาพการเงินของเราที่ธนาคารออกให้ (บัญชีเงินเก็บ) รวมทั้งพก bookbank ตัวจริงไปด้วย (เนื่องจากมีคุณพ่อเป็น Sponsor หลัก แต่ก็อยากแสดงให้กงศุลเห็นว่าเราก็จะใช้เงินเก็บส่วนตัวไปใช้จ่ายที่นู่น ร่วมด้วย ไม่ได้เกาะแต่เงินคุณพ่อ อายุอานามเราก็เยอะแล้ว 555)
- หลักฐานการเรียนจบ ป.โทที่อังกฤษ (เนื่องจากเคยได้วีซ่าท่องเที่ยวไปทัศนศึกษาที่อเมริการะหว่างตอนเรียนมหา ลัยที่อังกฤษ จึงอยากยื่นให้สอดคล้องกัน)
- ใบจองตั๋วเครื่องบิน/ แพลนคร่าวๆ รวมค่าใช้จ่าย trip 1 เดือน

3. หลักฐานคุณพ่อ Sponsor
- บัตร ปชช./ ทะเบียนบ้าน/บัตรข้าราชการ (Copy)
- Letter of Financial Support เป็นจดหมายที่เขียนขึ้นเองถึงกงศุล เพื่อยืนยันว่า นาย....(คุณพ่อ) ตกลงเป็น sponsor ให้กับ นางสาว...(ดิฉัน) โดยมีเงินที่ใช้ support ทั้งหมดจำนวน xxxxxx บาท มีลายเซ็นคุณพ่อกำกับ (ทั้งตัวจริงและ Copy)
- บัญชีย้อนหลัง 6 เดือนและจดหมายแสดงฐานะภาพการเงินของคุณพ่อที่ทางธนาคาีรออกให้ รวมทั้งพก bookbank ตัวจริงไปด้วย
-หนังสือรับรองการทำงานราชการของคุณพ่อ ระบุตำแหน่ง เงินเดือน (มีแต่ภาษาไทย ส่วนภาษาอังกฤษขอไม่ทันน่ะค่ะ) (ทั้งตัวจริงและ Copy)

4. หลักฐานเพื่อนที่เรียนอยู่ New York เป็นคนให้ที่พักและสามารถติดต่อได้ยามฉุกเฉิน
- บัตร ปชช./ ทะเบียนบ้าน/ Passport/ บัตรนักเรียนโรงเรียนใน New York(Copy)
- จดหมายยืนยันการลงทะเบียนเรียนที่โรงเรียนใน New York (Copy)
- จดหมายเชิญ (ปริ๊นจากอีเมล์ที่ส่งมา)
- เอกสารเช่าอพาร์ตเมนต์ ที่อยู่เดียวกับที่เขียนใน DS - 160 (Copy)

Alice มาอัพเดทแล้วจ้า...ได้มา 10 ปีเป็นที่เรียบร้อย :) เลยปาร์ตี้หนักไปหน่อย แหะๆ พร้อมกับเหล่าผองเพื่อนที่รวมตัวกันฉลองดูหนังเรื่องลัดดาแลนด์รอบพรี โอ้ว มันหลอนมาก!!!

เริ่มเลยละกันนะคะ เราได้คิวตอนที่จองสัมภาษณ์ 08.00 ไปถึง 07.30 โดยนั่งพี่วินมา 20 บาทจาก BTS รอต่อคิวด้านนอกเพื่อเข้าไปภายในตึกพักหนึ่ง เกือบ 8.00 ได้เข้าไปแล้วก็ทำการฝากของ ตรวจอาวุธ และก็เดินเข้าไปด้านใน บรรยากาศดี๊ดี ร่มรื่นเพราะมีต้นไม้ใบหญ้า มีสระน้ำด้านข้างด้วย รู้สึกคลายความตื่นเต้นไปได้บ้าง จากนั้นก็เข้าคิวอีกครั้งเพื่อรอทำการเรียงเอกสาร โดยน้องๆ staff จะดูเอกสารทั้งหมดของเราและแยกเอกสารที่สำคัญไว้ในแฟ้ม 1 แฟ้มต่างหาก เพื่อให้เราไว้ยื่นตอนสัมภาษณ์ มีใบ confirmation ใบรับรองเงินเดือน ใบลา เราคิดเองว่าทำไมมันน้อยจัง เลยลองเอ่ยไปว่า มีจดหมายเชิญจากเพื่อนด้วยนะคะ! เค้าเลยพยักหน้าบอกว่าอ่อๆ เหรอคะ แล้วก็ยื่นมือมาขอเอกสารแล้วจึงเอาจดหมายเชิญใส่เพิ่มไปในแฟ้ม ส่วนเอกสารอื่นๆเค้าบอกให้เก็บไว้เผื่อเมื่อตอนสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์ต้องการเรียกดูข้อมูลเพิ่มเติม

ต้องเกริ่นก่อนว่าเราเคย ได้วีซ่าอเมริกามาแล้ว ดังนั้นเมื่อเอกสารได้คัดแยกเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไป จึงมุ่งสู่ช่องที่ 14 - 15 (เป็นพวกที่เคยได้วีซ่ามาแล้ว) เวลาประมาณ 8.30 แล้ว เมื่อต่อแถวรอ ตอนแรกแอบตกใจว่าเฮ้ย! นี่คือการสัมภาษณ์แล้วหรอ ทำไมมันง่ายจัง แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่! มันคือการสกรีนก่อนรอบแรก ยืนต่อแถวอยู่ค่อนข้างนานเล่นเอาปวดหลัง ปวดขากันเรยทีเดียว ช็อตฮาคือคุณป้าชุดผ้าไหมที่ยืนต่อเราอยู่ แกอดไม่ได้ที่จะถามเราเรื่องเอกสารว่ายื่นเป็นกลุ่มหลายคนเลยหรอ เราก็ตอบว่าเปล่า ยื่นคนเดียวค่ะ แหะๆ แกก็หัวเราะและพูดเบาๆว่า เยอะนะหนู...เง้อออ - -"

ระหว่างนั้น ช่องต่างๆเริ่มเปิดทำการ มีคุณๆฝรั่งมานั่งประจำที่และเรียกคิวสัมภาษณ์ มีอยู่ช่อง 7 ที่สัมภาษณ์เสียงดังฟังชัด บวกกับหน้าตาเธอที่นิ่งแบบไร้ความรู้สึก น่ากลัวจัง...

เวลาล่วงเลยไป 09.15 เมื่อถึงทีเรา ก็เดินเข้าไปและยื่นแฟ้มสำคัญนั้นให้กับเจ้าหน้าที่ (คนไทย) เค้าก็จะเช็คๆ กดหน้าจอคอมไปด้วย และถามไปด้วย จากนั้นก็จะให้สแกนนิ้วมือรวม 10 นิ้ว และถามต่อ ถามทั่วๆไปน่ะค่ะ เป็นภาษาไทยว่าไปทำไมรู้จักใครที่นู่นหรือป่าว ไปนานแค่ไหน กรอกข้อมูลเองหรือเปล่า เท่าที่ดูหน้าจอคอมน่าจะเป็น ds - 160 ที่เรากรอกออนไลน์ ใช้เป็นตัวยึดในการถามและเช็คข้อมูล เมื่อเสร็จก็จะให้บัตรคิวเรามา

หลังจากได้บัตรคิวมาแล้ว มองดูหน้าจอเรียกคิวแล้ว ยังอีกนาน สบายๆ ชิวๆ เลยไปเข้าห้องน้ำ ในช่วงที่รอเข้าห้องน้ำ (มีห้อง ช. และ ญ. อย่างละห้อง) ลักษณะเป็นทางเดินแคบและหักศอกมุ่งสู่ห้องบริการ U.S. Citizen ทันใดนั้นมีคุณลุงฝรั่งนั่งรถเข็น เข็นโดยมีผู้หญิงไทยวัยกลางคนเพื่อจะเข้าไปยังห้อง U.S. Citizen แต่จุดตรงหน้าห้องน้ำเป็นทางแคบและหักเลี้ยวพอดี จึงช่วยกันอยู่นานทีเดียว

พอ ออกจากห้องน้ำมาก็เดินไปหาที่นั่งรอซึ่งมีอยู่ไม่มากนัก แต่ก็ยังได้นั่งค่ะ:) นั่งรอไปสักพักหัวเริ่มเอนไปพิงกับกำแพงแบบไม่รู้ตัว หลับค่ะ! (เนื่องจากเตรียมเอกสารเพิ่มจากที่โพสไว้ คือเผื่อเค้าถามเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดในทริปที่จะไป คำนวณซะดึกเลย นอนตีสาม แล้วต้องตื่นมาตีห้า โอ้ว บระเจ้า)

ระหว่างนั้น นอกจากจอเรียกคิวแล้ว ก็จะมีน้อง Staff คอยเข้ามาเรียกคิวซ้ำอีกทีเป็นระยะ (เรียกครั้งละ 10 คิว) และให้ยืนเข้าแถวตามลำดับเลข และแล้ว...สักพักน้อง Staff ก็ประกาศเรียกคิว ตายละหว่า ถึงคิวเราแล้ว! เรารีบเด้งตัวขึ้นและเดินไปยืนต่อคิว ช่วงนี้น่าจะใช้เวลากว่า 20 นาทีนะ แล้วก็ถึงคิวเรา ทีนี้แหละของจริง!

เวลาขณะนั้นน่าจะประมาณ 10.10 เราเดินเข้าไปอย่างมั่นอกมั่นใจ ณ ช่องสัมภาษณ์ เป็นคุณฝรั่งผู้ชายใส่แว่น หน้าตาไม่ดุนะ แต่ก็ไม่ยิ้ม อารมณ์นั้นคือมันรอนาน จนอยากจะรีบๆเล่าข้อมูลและเรื่องต่างๆให้เสร็จเสียที เรายื่นเอกสารให้พร้อมยิ้มให้และกล่าวทักทาย...

Alice: Good Morning! (ขณะเดียวกันคุณฝรั่งก็พูดสวนมาว่า สวัสดีครับ)
แล้วคุณฝรั่งก็กล่าวทักทายใหม่อีกรอบ Morning! เราแอบขำอ่ะเพราะเกิด Dead air ไปพักหนึ่ง

คุณฝรั่ง: Please put your...finger to scanner.
Alice: วางนิ้วชี้บนเครื่องสแกนเนอร์
คุณฝรั่ง: ยกนิ้วกลางขึ้น
Alice: Sorry!!!...ตกใจนิดหน่อย จากนั้นเลยวางนิ้วกลางบนเครื่องสแกนเนอร์อีกครั้งค่ะ

คุณฝรั่ง: Why do you want to go to U.S.?
Alice: Traveling.

คุณฝรั่ง: Hmm...Do you know anyone in U.S.?
Alice: Yes, I know just only 2 friends. One, she works there as...เสียงเริ่มแผ่วลงจนอยุดไปเนื่องจากคุณฝรั่งดูไม่สนใจจะฟังและก้มหน้าดู เอกสาร เรามาคิดอีกที ทำไมเราไม่พูดไปเรื่อยๆ เพราะที่คุณฝรั่งก้มดูอยู่คือ Invitation Letter จากเพื่อน
อ้อ...จุดนี้ เราพยายามเน้นคำว่า "Just Only" มากๆ เนื่องจากบางกระแสก็บอกว่าไม่ควรพูดว่ามีคนรู้จักเลยด้วยซ้ำ แต่เราต้องบอกว่ารู้จักเพียง 2 คนเพื่อเน้นว่าในความคิดเรา ใจคนที่กำลังจะไปเที่ยว รู้จัก 2 คนถือว่าก็น้อยนะ โดยเหตุผลที่เราต้องบอก 2 คน ไม่ใช่คนเดียวก็เพราะในตอนกรอก ds-160 ได้ติดต่อเพื่อนคนที่ 1 และขอเอกสารไว้แล้วเพื่อมาเป็นหลักฐาน พร้อมกรอกที่อยู่ของเพื่อนคนนี้ไป แต่เพื่อนเป็นเพื่อนผู้ชาย เรียนภาษาอยู่ที่ New York คอร์สก็จบแล้ว อยู่ในสถานะที่อยู่ต่อได้อีก 2 เดือน ซึ่งสำหรับเราคิดว่าเสี่ยงนะ เค้าอาจคิดว่าเราจะไปทำอะไรที่ไม่น่าไว้ใจ อยู่ด้วยกัน ยิ่งเป็นหญิงกับชายด้วย ยิ่งน่าสงสัยหรือเปล่านะ ส่วนเพื่อนคนที่ 2 เป็นผู้หญิง ก็เพิ่งส่งเมล์จดหมายเชิญมาให้ก่อนวันสัมภาษณ์ 1 วัน แหม่...ลุ้นระทึก แต่เพื่อนคนที่ 2 นี้ได้ work permit ทำงานใน New York เป็น Interior Designer เราจึงเลือกแนบ Invitation Letter ของเพื่อนหญิงไป หากว่าเค้าเช็คที่อยู่ในจดหมายเชิญไม่ตรงกับที่กรอกใน ds - 160 จึงค่อยเอาจดหมายเชิญของเพื่อนชายคนที่ 1 ออกมา แต่คุณฝรั่งเค้าก็ไม่ได้ติดใจอะไรตรงนี้

คุณฝรั่ง: Where do you want to go?
Alice: I will go for a month. At the first week, I will stay with my friend in New York. The second week, May be leave New York to visit Boston and Washington DC. The third week, I will take a package tour...you know...from taketour.com and the last week, time for shopping and buying souvenir.

คุณฝรั่ง: You'd been to U.S...What did you do at that time?
Alice: In 2008, I took Master Degree in England. It was a field trip. I went to New York with my classmates and teachers to visit museum and art gallery.

ช่วงนี้คุณฝรั่งก้มดูเอกสารจากบริษัทอย่างพินิจพิเคราะห์ ทั้งใบรับรองการทำงานและใบลาพักร้อน และถามขึ้นว่า
คุณฝรั่ง: Do you know that your company give you quite a long break? พร้อมทำหน้าฉงนและไม่เชื่อเท่าไหร่
Alice: Hmm...3 months ago, It was a really hard working, so they've permitted me for a long vacation.

คุณ ฝรั่ง: พยักหน้าหงึกๆ Ok, i will give you a visa...Blah Blah Blah พร้อมยื่นใบฟ้ามาให้ไปจ่ายเงินที่ Post ด้านนอก เอกสารที่เค้าเก็บไว้ คือ เล่ม passport, จดหมายรับรองทำงานและลางานจากบริษัท และจดหมายเชิญ (อืม...ตรงนี้ที่บางกระแสว่ากันว่าจดหมายเชิญไม่สำคัญเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่สำคัญมาก แล้วทำไมถึงเก็บไว้ล่ะ อันนี้เราเริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะ แต่ยังไงส่วนตัวเราเตรียมเอกสารไปมากเท่าที่จะมากได้อยู่แล้ว)

คุณฝรั่งหันไปเก็บเอกสารไว้ด้านหลัง แต่เมื่อหันมา ยังเจอเรายืนอยู่ ก็ผงะไปนิดนึง
Alice: One last question...How long do you give me for a visa?
คุณฝรั่ง: 10 years.
Alice: Oh! Thank you.

แอบอมยิ้มพร้อมเดินออกไปทำเรื่องจ่าหน้าซองจดหมาย เพื่อส่ง passport ถึงตัวเราเองด้านนอก
ฮ่า...เหมือนยกภูเขาออกจากอก! ซื้อกาแฟดอยตุงและไปรับของคืน เดินออกจากสถานฑูตอย่างเบิกบาน
ฝนตกพรำๆเย็นชื่นใจ โอ้ย...เวลานั้นเห็นอะไรดีไปหมดอ่ะคุณๆ ทั้งหมดนี้เสร็จ ณ เวลา 10.30 ค่ะ

- จบ -

สารภาพ เลยว่าห้องไกลบ้านเป็นการ Post คำถาม-คำตอบของเราครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่การจ้างจองคิวสัมภาษณ์ ก็ Post ปรึกษาเพื่อนๆห้องไกลบ้าน และนี่ก็เป็นการเขียนเล่าประสบการณ์ครั้งแรกอีกด้วย ทั้งหมดนี้หวังว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างนะคะ ใครที่กำลังจะไปขอวีซ่า ทำใจดีๆ อย่ากังวลให้มากไป แค่เตรียมเอกสารไปให้พร้อมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เตรียมตอบคำถามให้ดี เป็นกำลังใจให้ทุกคนค่า :D

จากคุณ : Alice
เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 04:38:48 A:124.120.226.64 X: TicketID:312509




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com