ความคิดเห็นที่ 1 วางแผน พี่เราเริ่มวางแผนโดยการทำ Calendar แล้วกำหนดเลยว่าโปรแกรมในแต่ละวันมีอะไรบ้าง โชคดีที่พี่เราเรียนรัฐติดกับรัฐที่เราเรียนวันแรกพี่เราก็ให้เพื่อนไปรับที่สนามบิน พาไปเซ็นสัญญาเช่าบ้าน เปิดบัญชีธนาคาร แล้วก็เลยไปอยู่ Apartment ของเพื่อนพี่ชาย วันต่อๆ มาก็เป็นโปรแกรมเที่ยวโดยเพื่อนพี่เราขับรถพาไปแต่เราออกค่าน้ำมันกับค่าที่พัก พอเที่ยวเสร็จก็วางแผนซื้อของเข้า Apartment ติด Internet Printer หัดเดินทางไปโรงเรียน พอก่อนจะกลับเพื่อนพี่ก็มารับไปนอนบ้านเพื่อที่เช้าวันรุ่งขึ้นจะไปส่งพี่ชายที่สนามบิน ต่อมาก็เป็นจัดกระเป๋าเดินทางซึ่งก็เป็นเรื่องที่วุ่นวายมากเหมือนกัน พี่: แกจดดีๆ ว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้าง Contact Lenses เอาไปให้พอ น้ำยาไม่ต้องที่โน่นไม่ได้แพง สาย Lan ปลั๊กต่อเอาไปด้วย ถ้าต้องซื้อที่โน่นมันแพง หมอน ผ้าปูเตียง ผ้าขี้ริ้ว ม่านห้องน้ำ ถุงใส่เสื้อผ้าซักเครื่อง หม้อ จาน ชาม ช้อน ส้อม ช้อนแกงตราหัวม้าลายไม่มีขายเอาไปด้วย เรา: โอ๊ยๆๆๆ พี่จะแบกไปทำไม หนัก พี่: เออ แบกๆ ไปเหอะ น้ำหนัก 2 คน พี่เอาเสื้อไป 5 ตัว ที่เหลือก็แบกๆ ไป ซื้อที่โน่นให้เปลืองทำไมล่ะ ยาก็อย่าลืมดูให้ครบ โดยเฉพาะยาแก้อักเสบ ที่โน่นต้องใช้ใบสั่งแพทย์นะ เบตาดีนไม่มีขายถ้าจะเอาก็เอาไปหรือไม่ก็ไปใช้แบบครีมที่นั่น อ้อ แล้วเอาอะไรใส่กระเป๋าใบไหนก็จดด้วย เฮ๊ย แล้วแกเอาโกเต็กซ์ไปทำไมเยอะแยะ เรา: เพื่อนบอกเอาไปให้พอที่โน่นแพง size ใหญ่ น้องไม่กล้าใส่ OB ง่ะ สรุปว่า 2 คนพี่น้องแบกของ (ของเราเองทั้งนั้น) จนน้ำหนักเกินไป 10 โล โชคดีที่สายการบินหยวนๆ ให้ ดีนะไม่สั่งให้เปิดว่ามีอะไรบ้าง ไม่งั๊นอายเค้าแย่ จากคุณ : เด็กนอกโลก เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 14:54:55 A:115.87.126.142 X: TicketID:317597

ความคิดเห็นที่ 2 ตัดฉึบมาที่อเมริกาเลยดีกว่า พอถึงสนามบิน เพื่อนพี่ชายก็มารอรับตรงเวลา แล้วก็ขับพาเราไป Apartment ที่จองไว้ตั้งแต่อยู่เมืองไทย พอเซ็นสัญญา จ่าย Deposit เรียบร้อย ก็ขึ้นไปดูห้อง ห้องก็เป็น Studio ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรเลย นอกจากมีครัว มีห้องน้ำแล้วก็เป็นพื้นโล่งๆ พี่ชายก็มองๆ สำรวจว่าต้องวางอะไรตรงไหน เสร็จแล้วก็จะหา Bank แต่วันนั้น Bank เปิดครึ่งวันก็เลยอดเปิดบัญชี สุดท้ายก็เลยต้องตรงไปบ้านเพื่อนพี่เลย แต่ก็แวะห้างสรรพสินค้าซื้อ sim card AT&Tมาใส่มือถือ เป็นแบบ go phone คือเติมเงินเอาจะเติมที่ร้านหรือซื้อบัตรเติมเงินตามร้านขายยา Supermarket มาเติมก็ได้แต่ที่อเมริกานี้รับโทรศัพท์ก็เสีย รับ text ก็เสีย แต่เราก็สามารถซื้อ plan เค้าได้ เช่นรับส่ง text 1 เดือน 4-5 เหรียญ จริงๆ ถ้าเริ่มไปโรงเรียนก็สามารถซื้อมือถือแบบติดสัญญา ได้ แต่สัญญามักมีอายุตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไปเราอยู่ปีเดียวก็ขี้เกียจมา terminate สัญญา แล้วโทรกลับไทยเราสมัคร VOIP discount. Com โทรผ่าน Internet เข้าโทรศัพท์เมืองไทยได้ ซึ่งก็สะดวกเพราะที่โรงเรียนกับที่บ้านมี wi-fi พอไปถึงก็จัดกระเป๋าเล็กเตรียมเดินทางไปเที่ยว เรื่องเที่ยวคงขามไปเลยเพราะจุดประสงค์ของการเล่าเรื่องนี้ก็คืออยากให้ข้อมูลการเตรียมตัวเวลาไปถึงใหม่ๆ ว่าต้องทำอะไรบ้างนะคะ หลังจากเที่ยวๆๆๆ จนเสร็จ ก็กลับมาจัดการเรื่องเปิดบัญชีแล้วก็ Apartment ตัวเองต่อ เปิดบัญชี ขั้นแรกก็ไป Bank ก่อน เอา I-20 ไปเปิดบัญชี ซึ่งธนาคารเค้าไม่ได้มีสมุด Book Bank เหมือนเมืองไทยนะคะ แต่เค้าจะให้เราตั้ง Account และ รหัสที่จะเข้าไปดูบัญชี Online ของเราได้ แล้วก็ให้ Temporary Debit Card กับ Temporary Check กับเรามา พอได้ Debit Card เราก็ต้องเอาไป activate ที่ ATM ก่อนเริ่มใช้งาน แต่ที่อเมริกาเวลาจะรูด card เค้าจะให้เลือกนะคะว่าจะกด Debit หรือ Credit ถ้า Debit ต้องกดรหัสบัตร แต่เครดิตก็แค่เซ็นชือเอา บางธนาคารมีการ Charge ค่าธรรมเนียมต่างกันด้วย แต่ธนาคารที่เราเปิดคือ Bank of America ไม่ได้คิดค่าธรรมเนียมในการรูดบัตร จากคุณ : เด็กนอกโลก เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 14:56:02 A:115.87.126.142 X: TicketID:317597

ความคิดเห็นที่ 3 ซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ต่อไปก็ไป Supermarket H Mart เป็น Super เกาหลี ไปซื้อเนื้อสัตว์ ผักสด ข้าว มาม่าเกาหลี เครื่องปรุงไทยซึ่งร้านเกาหลีก็มีขายเราซื้อ น้ำมันหอยตราสามแม่ครัว ซีอิ๊วขาวซอสปรุงรสฝาเขียว น้ำปลา แล้วก็มีซอสผัด ซอสหมักอะไรอร่อยๆ พี่เราก็จะแนะนำ ซื้อผักแช่แข็ง เห็ดหอมแห้ง วุ้นเส้น อ้อ แล้วก็ไปซื้อหม้อหุงข้าวเล็กๆ ด้วย เสร็จแล้วก็ไป Walmart ซื้อพวกของใช้ซึ่งที่จำได้ก็มีผ้านวมผืนใหญ่ ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องซื้อที่ Walmart ก็ได้ เพราะที่แถวๆApartment ที่เราอยู่มี Marshall ขายของถูกๆ ตกรุ่นพวกเสื้อผ้า เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน แล้วเราก็ซื้อพวกไม้กวาด กระดาษทิชชู่ กระดาษค่าเชื้อโรคเราจำไมได้ว่าอะไรจำได้แต่ยี่ห้อ Clorex ซื้อ Plastic Wrap ซื้อกระดาษฟอยล์ น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ยี่ห้อ Mr. Clean ซึ่งพี่เราว่าดีที่สุดแล้ว เราก็เอาไว้ผสมน้ำล้างพื้นครัว ล้างห้องน้ำ ซื้อน้ำยาซักผ้าแบบไว้ใช้เทใส่เครื่องซักผ้า ซื้อกระดาษหอมๆ ที่ไว้ใส่ตอนอบผ้าจำได้ว่าหน้ากล่องเป็นรูปหมีน้อย ซื้อไม้ขัดส้วม ยาล้างส้วม อ้อ แล้วก็ซื้อเหยือกกรองน้ำกับไส้กรอง Brita ซึ่งตอนนี้เมืองไทยก็มีการนำเข้ามาแล้ว อืม ขนาดซื้อเท่าที่จำเป็นยังมากมายหลายอย่างเลย จุดมุ่งหมายต่อมาก็คือ IKEA ต้องบอกก่อนว่า เราโชคดีที่พี่เราเคยอยู่อเมริกามาก่อน แล้วก็ทิ้งข้าวของไว้ให้เพื่อนคนไทยที่อยู่ที่นั่น ซึ่งก็คือคนที่ขับรถพาเรากับพี่ไปไหนมาไหนนี่แหละ เพราะฉะนั้นเราก็เลยได้ของใช้ที่คนไทยหลายๆ รุ่นทิ้งไว้ เช่น ชั้นเก็บเสื้อผ้าข้าวของ โต๊ะทำงาน เก้าอี้สูงไว้กินข้าวกับเคาท์เตอร์ในครัว เครื่อง Heater แบบตัวเล็ก ไม้แขวนเสื้อ ส่วนพวกหม้อจานชามกระทะกระทิง เครื่องครัว นอกจากเราจะขนมาแล้วก็ยังได้มรดกจากน้องคนไทยที่รู้จักแนะนำ Apartment ให้เราอีกส่วนนึง สรุปเราไป IKEA ก็ซื้อแค่ Mattress ไว้ปูนอน ถังขยะพลาสติก ตะกร้าใส่ผ้าซัก แล้วก็เก้าอี้ทำงาน เบาะรองนั่ง หมอนเล็กๆ เท่านั้นเอง เสียดายที่ที่โน่นไม่มีหมอนข้างกลมๆ แบบบ้านเราขาย มีแบบแบนๆ ก็เลยกอดตุ๊กตาแทน เพราะพี่เราก็รู้ว่าเราติดตุ๊กตา พอผ่านร้าน Disney ก็เลยบอกว่า ให้รีบไปเลือกมาตัวนึง เวลาเครียดๆ ก็กอดก็คุยกับตุ๊กตา บางทีก็อ่านหนังสือไปกอดตุ๊กตาไป มีความสุข จากนั้น เพื่อนพี่เราก็มาส่งเราที่ Apartment พี่ชายแสนดีก็จัดการเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบ ต่อโต๊ะ เก้าอี้ แกะถุง Mattress ปูเตียงแล้วก็นอน Sleeping Bag ที่เราซื้อมาจากร้านขายอุปกรณ์เดินป่า จบวันอันแสนหนื่อยล้าไปอีก 1 วัน จากคุณ : เด็กนอกโลก เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 14:57:35 A:115.87.126.142 X: TicketID:317597

ความคิดเห็นที่ 4 วันรุ่งขึ้นก็เดินเล่นแถว Apartment รอคนมาติด Internet ให้ โดยเราโทรนัดตั้งแต่วันแรกๆ ที่มาถึง แถว Apartment เรามี Supermarket ขนาดใหญ่ ซึ่งพอเราปถึงก้สมัครบัตรสมาชิกก่อน ซึ่งเราสามารถสมัครได้ฟรี แค่กรอกชื่อ ที่อยู่ เบอร์ email เสร็จแล้วเค้าก็จะแจก card พลาสติกเรามา ซึ่งก็จะมีแบบ card ใบขนาดบัตรเครดิตปกติ แล้วก็มีแบบเล็กที่สามารถร้อยกับพวงกุญแจได้ เวลาซื้อของเราก็ scan บัตรเพื่อลดราคาได้ เราจำได้ว่าเราก็ซื้อของไปเล็กน้อยพี่เราก็เลยให้หัดจ่ายเงินกับเครื่องคอมพิวเตอร์ พอไปถึงเราก็ต้องกดเลือกภาษา scan บัตรสมาชิก ตามที่เครื่องอัตโนมัติมันบอก แล้วก็ scan ของทีละชิ้น ถ้าของที่ไม่มี Barcode เช่นพืชผัก เราก็ต้องกดเลือกชื่อของให้ถูกต้อง เช่น กล้วย กระเทียม หัวหอม เสร็จแล้วเครื่องมันก็จะสั่งให้เราวางของลงเพื่อชั่งน้ำหนัก ซึ่งมันก็จะคำนวนราคาให้เราอัตโนมัติ พอ scan ครบ เราก็กดจ่ายเงิน เครื่องมันก็จะให้เราเลือกว่าจะจ่ายแบบไหน จ่ายเปินเงินสดหรือจ่ายบัตร ถ้าจ่ายบัตรมันก็จะให้เราเลือกอีกว่าเป็น credit หรือ debit ถ้า credit ก็เซ็นชื่อด้วยปากกา electronic ถ้า debit ก็ต้องกดรหัสบัตร เสร็จเรียบร้อยก็จะได้ใบเสร็จออกมา ซึ่งหากเราซื้อบ่อยๆ บางทีก็จะมีคูปองออกมาจากเครื่อง printer ซึ่งเราสามารถนำมาแลกซื้อของราคาถูกในคราวถัดไปได้ นอกจากนี้เราก็เดิน Mall แถวบ้าน ซึ่งก็มี Nordstrom และ Macy แล้วก็หาข้าวกินใน Food Court เดินเล่นไปมาก็มีโทรศัพท์จาก Comcast ติดต่อมา เราก็รีบกลับบ้านไปรอช่าง พอช่างมาถึงเค้าก็เอา Notebook เรามาเพื่อ set เครื่อง ต่อ Modem ต่อเชื่อม Internet เสร็จ พี่เราพาเราไป Best Buy เพื่อไปซื้อเครื่อง Printer กะ Wi-fi มาต่อให้เรา ถ้าเราทำเองคงยุ่งเหมือนกัน แต่พอหลังๆ เวลามีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเน็ตกับคอมพิวเตอร์ก็ต้องหัดแก้ปัญหาเอาเองเหมือนกัน โชคดีที่ว่ามหาลัยที่เราเรียนเค้าต้องใช้ Laptop ในการจด Note กับสอบซึ่งแม้จะสอบในห้องแต่ก็สอบด้วยการพิมพ์คอม แล้ว upload เข้าระบบของทางมหาวิทยาลัย ดังนั้น โรงเรียนจึงจัดให้มี Help Desk โดยมีเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ให้คำปรึกษาฟรี ซึ่งเราก็ใช้บริการพี่เค้า 2-3 เหมือนกัน จากคุณ : เด็กนอกโลก เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 14:58:54 A:115.87.126.142 X: TicketID:317597

ความคิดเห็นที่ 5 การเดินทางไปเรียน วันต่อมาก็ได้ฤกษ์หัดเดินทางไปโรงเรียนเอง ซึ่งเราก็ต้องเดินจาก Apartment ไป Metro ซึ่ง Apartment เราห่างจาก Metro ประมาณเดินซัก 10 นาที พอถึง Metro เราสองคนพี่น้องก็ไปยืนเก้ๆ กังๆ หน้าเครื่องหยอดเหรียยญจนเจ้าหน้าที่ Metro ซึ่งเป็นพี่ดำใจดีเข้ามาแนะนำ แล้วก็บอกว่าถ้าอยู่นานก็ให้ไปซื้อ Smartcard ที่ร้านขายยา CVS (แรกๆเรากลัวคนดำมากเลยเพราะตัวใหญ่มากๆ แต่หลังๆ ก็ชิน ยังได้เจอคนดำหลายคนที่เป็นคนน่ารัก Professor บางคนของเราก็เป็นคนดำ) พอเราได้ตั๋วจากเครื่องแล้ว เราก็ออกเดินทาง พอลงจากสถานีเราก็คลำทางไปถึงโรงเรียนได้สำเร็จ แต่ก็เข้าไปในตึกไม่ได้เนื่องจากเราไม่มีบัตรนักเรียน พี่ชายเราก็ให้เราจำทางตามจุดสังเกตต่างๆ แล้วก็พาเราลงรถ Metro ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ต่อไป ระหว่างเที่ยวเราเดินไปเจอร้าน CVS เราก็ซื้อบัตร Smartcard ซึ่งก็เหมือนบัตรเติมเงินบ้านเรา แต่เจ๋งกว่าตรงที่ใช้ขึ้นรถเมล์ได้ด้วย แล้วเราก็สามารถ register ใน website ของ Metro ซึ่งในกรณีบัตรหายทาง Metro ก็จะคืนเงินที่อยู่ในบัตรให้เรา เวลาจะเติมเงินก็แค่เอาบัตรไปกดที่เครื่องแล้วก็ใส่เงินเข้าไป หรือรูด card แต่ card ไม่ควรรูดซื้อบัตรซ้ำๆ เพราะมันจะไม่ให้ซื้อในครั้งหลังๆ สันนิษฐานว่าคงกลัวเราไปฉกบัตรใครมาซื้อ จากคุณ : เด็กนอกโลก เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 14:59:52 A:115.87.126.142 X: TicketID:317597

ความคิดเห็นที่ 6 เรากับพี่ชายก็ใช้เวลาที่เหลือเดินดูโน่นนี่ หัดเดินทางไปตามที่ต่างๆ เพื่อให้เรารู้ทิศทางว่าอยู่ตรงไหน พี่ชายสอนเราทำกับข้าวง่ายๆ พอเราซื้อเนื่อสัตว์มาพี่เราก็จะสอนเราให้ห่อเป็นแต่ละ Portion แต่ละครั้งที่ทำจะใช้แค่ไหนแล้วก็ให้เราเอา Plastic wrap ห่อไว้ ซึ่งตอนหลังเราจะทำกับข้าวเฉพาะวันหยุดแล้วก็ให้พอกินไปทั้งอาทิตย์โดยทำใส่กล่องไว้ห่อไปกินที่ดรงเรียน พี่ให้เราเอากระดาษฟอยล์ห่อ Cook top หรือเตาแก๊สไว้เพื่อเวลากลับบ้านจะได้ไม่ต้องทำความสะอาดมาก สอนเราขัดห้องน้ำ ทำความสะอาด พาเราไปซื้อเครื่องดูดฝุ่น พอถึงวันสุดท้ายที่พี่เราจะกลับเราน้ำตาแทบไหล แต่ก็ต้องข่มไว้พราะกลัวว่าตัวเองจะอ่อนแอ แรกๆ เราก็เหงามาก รู้ว่าในใจมันเหงาแต่ก็ต้องไม่ร้องไห้โทรคุยกับคุณแม่ทุกวัน พออยู่ไปๆ ก็เริ่มเจอเพื่อน เริ่มรู้จักร้านอาหาร Grocery ไทย เริ่มคุ้นชินกับการเรียนอันแสนหนักโดยไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอื่น พอหยุด Winter Break และ Spring Break เราก็เที่ยวๆๆๆ ใช้ชีวิตให้คุ้ม แต่เวลาเรียนก็เต็มที่ ทุกครั้งที่เราท้อแท้ เราจะระลึกถึงกำลังใจจากครอบครัวเสมอ และคิดอยู่ตลอดว่า เราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ จนถึงทุกวันนี้ เราหวนคิดถึงชีวิตที่อิสระเสรีที่อเมริกาเสมอ คิดถึงประสบการณ์ที่เราได้พิสูจน์ว่า จากลูกแหง่ที่ไม่เคยออกมาดูโลกกว้าง ได้เปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจและหัดช่วยเหลือตัวเองมากขึ้น ใครที่กลัว ติดสุขสบายอยู่ที่บ้าน แต่มีโอกาสพร้อมอยู่ข้างหน้า ลองซักครั้งเถอค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่าประสบการณ์ที่ได้มันคุ้มค่าจริงๆ จากคุณ : เด็กนอกโลก เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 15:01:36 A:115.87.126.142 X: TicketID:317597

ความคิดเห็นที่ 7 ชอบค่ะ เสียดายกดกิ๊ฟไม่ได้ค่ะ จากคุณ : จุ้นเป็นหมาตลก เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 15:19:07

ความคิดเห็นที่ 8 เยี่ยมเลยคะ ชอบจัง อยากให้หลายคนที่เคยไปอเมริกามาเเชร์ประสบการณ์ เอาไว้ให้น้องๆได้อ่านจะได้เตรียมตัว จากคุณ : pocky419 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 17:15:57

ความคิดเห็นที่ 9 มาเรียนแถว Irvine หรือเปล่าครับ เห็นพูดถึง H Mart. หรือว่ามีหลายสาขา จากคุณ : pittnrk เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 22:49:41

ความคิดเห็นที่ 10 อยู่ต่างบ้านต่างเมืองนี่ ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นนนนน จากคุณ : น่ารัก เซ๊กซี่ ขี้เล่น แสนซน เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 03:46:52

ความคิดเห็นที่ 11 K.จุ้นเป็นหมาตลก --> และ K Pocky 419 ขอบคุณนะคะที่ชอบ ^^ ก็อยากให้คนที่ไปเรียนพอเห็นภาพว่าต้องทำอะไร ต้องซื้ออะไรบ้างน่ะค่ะ K pittnrk --> ไม่ได้เรียนแถว Irvine ค่ะ เรียนแถว DC H Mart มีหลายที่ค่ะ ที่เคยซื้อก็ MD กับ VA นะคะ K น่ารัก เซ็กซี่ ขี้เล่น แสนซน --> ช่ายค่ะ เข้มแข็งขึ้นมากกกกกก จากคุณ : เด็กนอกโลก เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 06:47:23 A:10.6.15.12 X:203.99.253.13 TicketID:317597

ความคิดเห็นที่ 12 ครอบครัวคุณเลี้ยงลูกมาดีเหลือเกิน มีพี่ชายที่น่ารักรู้จักสอนน้องเรื่องการทำความสะอาดเตาและการถนอมอาหารรวมทั้งอะไรอื่นๆอีกหลายอย่าง ดีใจที่คุณได้มาเรียนไกลบ้านแล้วคิดว่าตัวเอง growth ได้มากกับการนี้ ดีค่ะ ขอให้บุญรักษา จากคุณ : PatPDX เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 11:03:15

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท โชคดีจังมีพี่ชายที่น่ารักดูแล จากคุณ : pixp เขียนเมื่อ : 13 มิ.ย. 54 13:05:03

ความคิดเห็นที่ 14 ดราม่า จากคุณ : ชายเกรียน เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 12:55:18

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณคุณ PatPDX และ pixp นะคะ ดิฉันก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีเหมือนกัน จากคุณ : เด็กนอกโลก เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 54 17:52:18 A:10.6.15.12 X:203.99.253.13 TicketID:317597

ความคิดเห็นที่ 16 Vote ka! จากคุณ : CaliGirl เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 54 06:20:33