ความคิดเห็นที่ 1 ผอนม. ที่ว่าเยอะมากนี่แค่ไปไหนคะ ตอนเราไป เอาไปสองแพ็คใหญ่ (24ห่อเล็ก ห่อละ4ชิ้น) มาคิดได้ทีหลัง ไม่น่าหอบมาเลย เอามาพอใช้สักสองสามเดือนก็พอแล้ว คือความรู้สึกเรานะคะ หอบไปเท่าไหร่ ถึงเวลามันหมดมา เราก็ต้องซื้อที่โน่นใช้อยู่ดีอ่ะ จากคุณ : valeram เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 09:02:22

ความคิดเห็นที่ 2 ของทุกอย่างที่จะเอาไป ไปหาซื้อได้ที่อเมริกา เสื้อผ้า รองเท้า ยาแก้ต่างๆ แต่ยาบางตัวต้องไปหาหมอให้เค้าเขึยนใบสั่งยาให้ แต่ที่เห็นเอาไปก็หาซื้อได้ทั่วไป เรืยกว่า over the counter medicine คือมีวางขายตามชั้นวาง ไม่ต้องให้หมอสั่ง เครื่องใช้ไฟฟ้าถ้ามีเขียนว่า 110-240 V ใช้ได้ ไม่ต้องมีอะไรเสียบเพิ่ม ผมแนะนำให้ลองเข้าไปดูในเว็บไซท์ของร้านเช่น target.com เป็น chain store มีอยู่แทบทุกเมือง มีของขายมากและก็เป็นร้านที่ค่อนข้างนิยมเพราะราคาไม่แพง เข้าเว็บไปจะหาอะไรมีหมด ราคาก็มีบอกไว้แล้ว เครื่องเป่าผมก็มีขาย ส่วนคอมฯแนะนำให้เข้าไปดูในเว็บของร้าน bestbuy.com เป็นร้านของ electronics ทุกอย่าง มีอยู่เกือบทุกเมืองเหมือนกัน แต่ผมมักจะซื้อของพวกนี้ online เพราะประหยัดค่า sales tax (เหมือน VAT) หาดูราคาเปรียบเทียบได้จาก amazon.com แล้วยังมีเว็บอื่นอีกที่ผมซื้อของประจำ buy.com, overstock.com เค้าจะไม่คิดภาษี ซึ่งในชิคาโก ต้องบวกเพิ่มอีก 10.75% แต่เท่าที่จำได้รัฐ Washington ไม่มี sales tax อันนี้ไม่แน่ใจนะครับ ของกินหาได้ทุกอย่างตามร้านขายของเอเซียทั่วๆไป มีทุกอย่าง กะปิ น้ำปลา แม้แต่ปลาร้าก็ยังมีขาย มาม่ามีเต็ม ไม่ใช่เฉพาะของไทย ของจีน ของเกาหลี มีหมด แต่ราคาก็แพงกว่าบ้านเราอยู่แล้ว เพราะงั้นถ้ามีที่เหลือก็ขนไปได้ แต่ระวังเรื่องน้ำหนักกระเป๋าด้วย ว่าสายการบินเค้าอนุญาตให้ไม่เกินกี่กิโล ถ้าเกินจะถูกคิดตังค์ ไม่ก็ต้องเปิดกระเป๋า รื้อของออกกันตรงนั้นเลย มือถือเมืองไทยใช้ในอเมริกาไม่ได้เลย เพราะส่วนมากจะไม่ใช้ซิมการ์ด จะทำสัญญากับบริษัทไหนก็ต้องซื้อเครื่องของเค้า ปรกติทำสัญญาสองปี จ่ายเป็นรายเดือน โทรศัพท์จะไม่แพง บางรุ่นเก่าหน่อย เค้าก็ให้ฟรีเลย ถ้าจะเอารุ่นใหม่หน่อยก็ต้องเสียเงินซื้อเอา แต่เค้าจะมีเป็นเครดิตให้ เลยไม่ต้องจ่ายราคาเต็ม ที่สำคัญห้ามเลิกสัญญาก่อนกำหนด เลิกก่อนถูกปรับ ผมอยู่ชิคาโกครับ จากคุณ : LeePablo773 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 10:01:04

ความคิดเห็นที่ 3 ยาแก้อักเสบ พวกบาปฏิชีวนะพวกแก้คออักเสบ ยาป้ายลิ้นเกิดว่าเป็นร้อนใน ยาทาผดผื่นคัน ยาแอนตาซินชนิดเม็ด เกิดว่ามีท้องอืดเฟ้อแสบร้อนท้อง จากคุณ : FemaleOfArt เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 10:01:51

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ valeram คิดว่าจะเอาไปประมาณ 40 ห่อห่อละ 10 คะเพราะเราค่อยข้างเเพ้ผอนม.นะคะ เเม้เเต่ของไทยก็เเพ้ใช้ได้อยู่เเค่เเบบเดียวเองคะ เเล้วลองไปเปิดหากระทู้เก่าๆดูส่วนใหญ่ บอกว่าที่อเมริกาไม่ดีเเละเเพง เลยว่าจะเอาไปเองคะ เเต่ก็จะดูว่าใส่กระเป๋าได้เท่าไรด้วยคะ เพราะไปครั้งเเรกของสำคัญๆค่อนข้างเยอะเเต่จะเอาไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่ได้คะ ส่วนถ้ามันจำเป็นจริงๆก็ต้องใช้ของที่นั้นไปนะคะ   คุณ LeePablo773 ขอบคุณมากคะสำหรับคำเเนะนำ เวลาซื้อของทางอินเตอร์เน็ตที่อเมริกานี้เขาจ่ายทางบัตรเครดิตอย่างเดียวใช่ไหมคะ หรือมีทางอื่นด้วยเพราะคิดว่าของหลายอย่างจะซื้อทางอินเตอร์เน็ตเหมือนกันคะ เเต่ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร   คุณ FemaleOfArt ขอบคุณมากคะ จะเอาไปด้วยคะ ขอถามเพิ่มอีกหน่อยได้ไหมคะคือ ลืมนึกเรื่องผ้าเช็ดตัวไปเลยนะคะ อยากทราบว่าเอาจากไทยไปเลยดีกว่าไหมคะ เพราะยังไงก็มีอยู่เเล้ว หรือว่าไปซื้อเอาที่อเมริกาดีคะไม่ทราบว่าเเพงหรือเปล่า       แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 54 10:19:05 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 54 10:18:42 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 54 10:18:10 จากคุณ : pocky419 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 10:16:22

ความคิดเห็นที่ 5 มาพักที่เมืองใหญ่ เมืองเล็ก พักกับคนที่รู้จัก หรือพักคนเดียว จากคุณ : A|E เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 10:57:59

ความคิดเห็นที่ 6 ผ้าอนามัยแนะนำให้เอามาค่ะ รูปร่างเรากับฝรั่งไม่เหมือนกันเอามาเถอะค่ะ เราเอามาเยอะมากเหมือนกัน ใช้วิธีเจาะรูห่อด้านนอกแล้วรีดเอาอากาศออกมาให้มากที่สุด เอาสก๊อตเทปยึดแล้วเรียงเป็นตับไว้ด้านล่างสุดของกระเป๋า เอามาได้เยอะอยู่ ซื้อของออนไลน์จะใช้บัตรเครดิตก็ได้ หรือบัตรเดบิตก็ได้ ส่วนใหญ่เวลาไปเปิดบัญชีกับธนาคารเค้าจะให้บัตรเดบิตมาด้วยอยู่แล้ว ส่งตามมาที่บ้านในอีกสองสามวันหลังเปิดบัญชี แต่ถ้าจะใช้ด่วนก็เข้าร้านสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์ซื้อ gift card มาก็ใช้ได้เช่นกัน washington มี sales tax ค่ะ 9.5% นะถ้าจำไม่ผิด อยู่มาเดือนกว่าแล้วยังจำไม่ได้เลย มาม่ากับโจ๊กจะไม่แบกมาก็ได้ ขอแนะนำว่านั่นควรเป็นอย่างสุดท้ายที่จะหยิบเข้ากระเป๋า เพราะถึงมันจะแพงกว่าก็ไม่ได้แพงถึงขั้นซื้อไม่ลง เอาเครื่องเขียนมาให้เยอะๆดีกว่า เพราะที่นี่แพงมากกกกกกกกกกก สมุดจดโน้ต จดเลคเชอร์ แฟ้ม กระดาษ(ที่นี่เค้าใช้ขนาด letterนะ) ถ้าจะใช้เน็ตที่หอแนะนำให้เอาสาย LAN (CAT E5)มาด้วยเพราะหอเก่าๆ อาจจะไม่มี wifi สายที่เมืองไทยขายถูกมากกกกกกก ที่นี่แพงเว่อออออออออออ ไดร์เป่าผมมาซื้อที่นี่ได้เลยค่ะ ตามร้านที่พี่ๆเค้าว่านั่นแหละ เดี๋ยวนี้มันมีแบบที่ปล่อย ion มาทำให้ผมนุ่มลื่นขึ้นด้วยลองเลือกๆดูละกันค่ะ หัวปลั๊กเป็นปลั๊กมีสองขาเป็นขาตรงๆเหมือนของเมืองไทย แต่ไม่มีขากลมหรือตาที่สามใดๆทั้งสิ้น ขาข้างนึงจะกว้างกว่าอีกข้างเล็กน้อยเพราะเป็นสายดินในตัว (ถ้าจำไม่ผิดนะ) ถ้าเครื่องใช้ใดๆที่ระบุว่าใช้ไฟ 100-120v ก็เอามาใช้ได้เลยค่ะ มือถือถ้าหัวชาร์ตเป็นขาแบบที่เราบอกก็ไม่ต้องซื้อหัวแปลงมา หรือจะซื้อหัวแปลงมาเผื่อก็ได้นะเผื่อได้ใช้อันละแค่ไม่ถึงร้อยเองในเมืองไทย โน้ตบุ๊คขอบอกว่าไม่เชียร์ sony อย่างแรง เพราะมันไม่ทนไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป เป็นคนที่ใช้โน๊ตบุ๊คมาหลายปี เพื่อนเราเปลี่ยนไปหลายอันแล้วแต่ของเรายังอยู่ดีอยู่เลย sony มาไวไปไว สวยอย่างเดียวแต่ใช้งานจริงแล้วเดี๋ยวจะเสียใจ เราใช้ Toshiba มาห้าปีกว่าแล้วมันยังดีเหมือนของใหม่อยู่เลย พอใกล้หมดประกันตอนปีที่สามเราก็เอาเข้าศูนย์ขอให้เค้าเปลี่ยนภายในให้หมด fujisuก็ไม่เลวนะดีเหมือนกัน เพื่อนเราใช้เค้าสมบุกสมบันอยู่ก็ยังใช้ได้นานเหมือนกัน มีตั้งสี่หมื่นไม่สนใจ New MacBook บ้างเหรอ :) อ่านลิสอีกทีเอากบเหลาดินสอไป แต่ทำไมไม่เอาดินสอไปด้วยหล่ะ เครื่องคิดเลขธรรมดาหรือscientific cal ค่ะที่จะเอามา นอกเรื่องนะค่ะ มา U of Washington รึเปล่าเอ่ย จากคุณ : thelilminime เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 11:17:37 A:128.208.47.198 X: TicketID:323484

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ A|E พักคนเดียวคะ เเต่พักon campus คะหออยู่ใกล้ที่เรียนเลยคะเเค่ข้ามถนน   คุณ thelilminime   ผ้าอนามัยแนะนำให้เอามาค่ะ รูปร่างเรากับฝรั่งไม่เหมือนกันเอามาเถอะค่ะ เราเอามาเยอะมากเหมือนกัน ใช้วิธีเจาะรูห่อด้านนอกแล้วรีดเอาอากาศออกมาให้มากที่สุด เอาสก๊อตเทปยึดแล้วเรียงเป็นตับไว้ด้านล่างสุดของกระเป๋า เอามาได้เยอะอยู่ - ขอบคุณมากคะ เราจะทำตามคะจะได้เป็นกันกระเเทกไปในตัวด้วย   ซื้อของออนไลน์จะใช้บัตรเครดิตก็ได้ หรือบัตรเดบิตก็ได้ ส่วนใหญ่เวลาไปเปิดบัญชีกับธนาคารเค้าจะให้บัตรเดบิตมาด้วยอยู่แล้ว ส่งตามมาที่บ้านในอีกสองสามวันหลังเปิดบัญชี แต่ถ้าจะใช้ด่วนก็เข้าร้านสะดวกซื้อหรือซุปเปอร์ซื้อ gift card มาก็ใช้ได้เช่นกัน - gift card คืออะไรหรือคะเเล้วไว้ใช้ทำอะไรได้บ้างคะ washington มี sales tax ค่ะ 9.5% นะถ้าจำไม่ผิด อยู่มาเดือนกว่าแล้วยังจำไม่ได้เลย   -เเหะๆไม่เป็นไรคะ มาม่ากับโจ๊กจะไม่แบกมาก็ได้ ขอแนะนำว่านั่นควรเป็นอย่างสุดท้ายที่จะหยิบเข้ากระเป๋า เพราะถึงมันจะแพงกว่าก็ไม่ได้แพงถึงขั้นซื้อไม่ลง - คะ ตั้งใจเอาไว้อย่างนั้นเหมือนกันคะ เเล้วที่นู่นมีพริกป่นขายด้วยไหมคะ   เอาเครื่องเขียนมาให้เยอะๆดีกว่า เพราะที่นี่แพงมากกกกกกกกกกก สมุดจดโน้ต จดเลคเชอร์ แฟ้ม กระดาษ(ที่นี่เค้าใช้ขนาด letterนะ) - โอเคคะ เมื่อวานก็ซื้อมาเเล้วเเต่ไม่เเน่ใจว่าต้องเอาไปประมาณเท่าไรนะคะ เลยซื้อมาเเค่เพื่อหายกับหมึกเเห้งหรือพัง เดียวคงต้องไปหาซื้อเพิ่ม ถ้าจะใช้เน็ตที่หอแนะนำให้เอาสาย LAN (CAT E5)มาด้วยเพราะหอเก่าๆ อาจจะไม่มี wifi สายที่เมืองไทยขายถูกมากกกกกกก ที่นี่แพงเว่อออออออออออ   - รับทราบคะจะเตรียมไปเพื่อไว้คะ   ไดร์เป่าผมมาซื้อที่นี่ได้เลยค่ะ ตามร้านที่พี่ๆเค้าว่านั่นแหละ เดี๋ยวนี้มันมีแบบที่ปล่อย ion มาทำให้ผมนุ่มลื่นขึ้นด้วยลองเลือกๆดูละกันค่ะ   - ขอบคุณมากคะ หัวปลั๊กเป็นปลั๊กมีสองขาเป็นขาตรงๆเหมือนของเมืองไทย แต่ไม่มีขากลมหรือตาที่สามใดๆทั้งสิ้น ขาข้างนึงจะกว้างกว่าอีกข้างเล็กน้อยเพราะเป็นสายดินในตัว (ถ้าจำไม่ผิดนะ) ถ้าเครื่องใช้ใดๆที่ระบุว่าใช้ไฟ 100-120v ก็เอามาใช้ได้เลยค่ะ มือถือถ้าหัวชาร์ตเป็นขาแบบที่เราบอกก็ไม่ต้องซื้อหัวแปลงมา หรือจะซื้อหัวแปลงมาเผื่อก็ได้นะเผื่อได้ใช้อันละแค่ไม่ถึงร้อยเองในเมืองไทย - อ่าถ้างั้นซื้อเพื่อๆไปดีกว่าเพราะไม่เเน่ใจนะคะ เเล้วอย่างตัวเสียบปลั๊กที่ไว้เสียบปลั๊กได้ๆหลายๆอันนี้ ซื้อจากไทยไปใช้ได้หรือเปล่าคะ   โน้ตบุ๊คขอบอกว่าไม่เชียร์ sony อย่างแรง เพราะมันไม่ทนไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป เป็นคนที่ใช้โน๊ตบุ๊คมาหลายปี เพื่อนเราเปลี่ยนไปหลายอันแล้วแต่ของเรายังอยู่ดีอยู่เลย sony มาไวไปไว สวยอย่างเดียวแต่ใช้งานจริงแล้วเดี๋ยวจะเสียใจ เราใช้ Toshiba มาห้าปีกว่าแล้วมันยังดีเหมือนของใหม่อยู่เลย พอใกล้หมดประกันตอนปีที่สามเราก็เอาเข้าศูนย์ขอให้เค้าเปลี่ยนภายในให้หมด fujisuก็ไม่เลวนะดีเหมือนกัน เพื่อนเราใช้เค้าสมบุกสมบันอยู่ก็ยังใช้ได้นานเหมือนกัน มีตั้งสี่หมื่นไม่สนใจ New MacBook บ้างเหรอ :) -สนใจคะ ที่จริงตั้งใจว่าจะซื้อ Mac pro 13' i7 เเต่เห็นอ่านรีวิวเเล้ว ว่ากันว่ามีปัญหาเยอะนะคะ เเต่ถ้าเอาจอ15' นิ้วก็ไม่ไว้หรอกคะเเพงเกินไป เพราะเป็นคนเล่นโน๊ตบุ๊คเสปกสูงเลยหาที่ถูกใจลำบากนะคะเห็นขายที่อเมริกาสเปกสูงๆเเต่เครื่องนี้หนักมากเพราะเห็นเเต่หน้าจอ 16.4' นิ้วเป็นส่วนใหญ่นะคะ เลยยังไม่ได้สักที เเหะๆเเอบเรื่องมากนิดหน่อย อ่านลิสอีกทีเอากบเหลาดินสอไป แต่ทำไมไม่เอาดินสอไปด้วยหล่ะ เครื่องคิดเลขธรรมดาหรือscientific cal ค่ะที่จะเอามา -อ่า ลืมเขียนคะเอาไปด้วยเเน่นอนคะ เพื่อดินสอกดพัง เเล้วก็เครื่องคิดเลขเป็นเเบบscientific cal คะ อันนี้มีอยู่เเล้วเพราะสมัยที่เรียนอยู่โดนบังคับให้ใช้เเบบนี้นะคะ เเต่ก็ตั้งหลายปีเเล้วถ่านยังไม่หมดเสียที กลัวว่าเอาไปเเล้วถ่านจะหมดนะคะ เปลี่ยนไม่เป็นด้วยเเล้วก็ไม่รู้ว่าใช้ถ่านเเบบไหนด้วยนะคะ นอกเรื่องนะค่ะ มา U of Washington รึเปล่าเอ่ย   - เปล่าคะ ไปเรียนที่ SCCC คะเเล้วอีก 2 ปีค่อยโอนเข้ามหาลัยคะ ก็ตั้งใจว่าจะเข้าUW คะ   แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 54 12:11:29 จากคุณ : pocky419 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 12:10:47

ความคิดเห็นที่ 8 กระทู้ดีมีประโยชน์มากเลยค่ะ แต่เราเดินทางก่อน จขกท  เพราะเราเดินทางเดือนสิงหานี้แล้ว แต่ไปอยู่ ไม่ได้ไปเรียน ของยังไม่ได้เก็บ ไม่ได้ทำลิสต์ แต่กำลังพยายามขายของใช้ลูกอยู่ ค่อยไปซื้อเอาที่นู่น ของเราไป CA เอาไว้ยังไงขออนุญาตมาตั้งกระทู้ถามเพื่อนไกลบ้านนะคะ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยต้องเริ่มจากอะไร เฮ้อ จากคุณ : I'm in awe เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 13:27:19

ความคิดเห็นที่ 9 ซื้อที่แปลงมาได้ค่ะ เพราะที่แปลงมีหน้าที่แปลงปลั๊กต่อเท่านั้น แรงไฟเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ไฟฟ้าของเราและไฟฟ้าที่นี่ค่ะ ความจริงถ้าหาอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟได้สองระดับเลยจะดีมาก จะได้ใช้ได้ทั้งที่ไทยและที่นี่ กางเกงขาสั้นจะเอามาน้อยหน่อยก็ได้นะค่ะ เราอยู่ที่นี่แทบจะนับวันที่ได้ใส่ได้เลย ขนาด sช็ดummer แล้วมีแดดออกแต่ก็ยังเย็นอยู่ดี ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน หมอน มาซื้อเอาที่นี่ได้เลยค่ะ คุณภาพดีราคาไม่แพง ก่อนจะซื้อก็เช็คขนาดเตียงให้ดีก่อนนะค่ะ หาซื้อได้ที่ bed, bath and beyond ใน downtown หรือ walmart ก็ได้ Bed, bath and beyond ใกล้ๆ walmart ก็มีนะ คุณภาพ ของ ฺBBB จะดีกว่า walmart แต่ walmart ก็ถูกกว่าอยู่ดี เลือกเอาละกันเนอะว่าจะเอาแบบไหน อีกเรื่องถ้าติดหมอนข้างกรุณาไปซื้อหมอนข้างใหม่ที่เค้าแพ็คแบบสูญอากาศแล้วใส่กระเป๋ามาให้เรียบร้อย เพราะที่นี่เค้ามีแต่หมอนยาวๆ body pillow ยังไงก็ไม่เหมือน bolster T^T gift card มันก็เหมือนบัตรเดบิต visa/master card/AMEX ทั่วไป ต่างแค่ว่าใส่จำนวนเงินไว้เท่าไหนก็ใช้ได้แค่นั้น เช่นใส่ไว้ $100 ก็ใช้ได้ $100 แล้วเวลาซื้อก็จะมีค่าบัตรประมาณ $5.35 เงินจะอยู่ในนั้นได้ถึงวันที่หมดอายุหน้าบัตร ไม่มีค่ารายเดือนใดๆทั้งสิ้น gift card นี่มันเหมือนแบบเราอยากให้ของขวัญใครแต่ไม่รู้จะซื้ออะไรให้ดีซื้อเป็น gift card ให้เค้าเอาไปซื้อของเองดีกว่า เพราะฉะนั้นอย่าได้งงเวลาซื้อแล้วเค้าถามว่าเอาไปให้เป็นของขวัญหรือ ส่วนใหญ่หน้าบัตรก็จะเป็นประมาณว่า happy birthday อะไรประมาณนี้ สู้ๆนะค่ะ ขอให้เข้าได้ตามที่หวังจะได้มาอยู่ที่เดียวกัน :) จากคุณ : thelilminime เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 14:04:36 A:128.208.47.198 X: TicketID:323484

ความคิดเห็นที่ 10 ไปซื้อ notebook ที่นู่น ไม่มีภาษาไทย ถ้าจำได้ พิมพ์แม่นก็ไม่เป็นไรคับ แต่ถ้าจำไม่ได้ พิมพ์ไม่ค่อยแม่น เวลาต้องพิมพ์ไทยค่อนข้างลำบาก แนะนำให้เอา sticker ภาษาไทยไปติด keyboard ด้วยคับ จากคุณ : ยากแท้ เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 15:31:21

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ thelilminime ซื้อที่แปลงมาได้ค่ะ เพราะที่แปลงมีหน้าที่แปลงปลั๊กต่อเท่านั้น แรงไฟเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ไฟฟ้าของเราและไฟฟ้าที่นี่ค่ะ ความจริงถ้าหาอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ไฟได้สองระดับเลยจะดีมาก จะได้ใช้ได้ทั้งที่ไทยและที่นี่ - ขอบคุณมากคะ เดียวจะติดไปสักสองอันเลย เเล้วก็ปลั๊กต่ออีกสัก 2 อัน กางเกงขาสั้นจะเอามาน้อยหน่อยก็ได้นะค่ะ เราอยู่ที่นี่แทบจะนับวันที่ได้ใส่ได้เลย ขนาด sช็ดummer แล้วมีแดดออกแต่ก็ยังเย็นอยู่ดี - เเหะๆ เป็นคนติดขาสั้นนะคะ อาจติดเอาไว้ใส่เล่นๆในห้องนะคะ ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน หมอน มาซื้อเอาที่นี่ได้เลยค่ะ คุณภาพดีราคาไม่แพง ก่อนจะซื้อก็เช็คขนาดเตียงให้ดีก่อนนะค่ะ หาซื้อได้ที่ bed, bath and beyond ใน downtown หรือ walmart ก็ได้ Bed, bath and beyond ใกล้ๆ walmart ก็มีนะ คุณภาพ ของ ฺBBB จะดีกว่า walmart แต่ walmart ก็ถูกกว่าอยู่ดี เลือกเอาละกันเนอะว่าจะเอาแบบไหน -ขอบคุณมากคะ เพิ่งรู้ว่ามีBBB ด้วยเดียวจะลองเช็คดูนะคะ เเวะไปเช็คที่เว็บwalmart มาเเล้วคะลายสวยๆจริงคะชอบมากเลยเเต่ไม่รู้จะดีรึเปล่า อีกเรื่องถ้าติดหมอนข้างกรุณาไปซื้อหมอนข้างใหม่ที่เค้าแพ็คแบบสูญอากาศแล้วใส่กระเป๋ามาให้เรียบร้อย เพราะที่นี่เค้ามีแต่หมอนยาวๆ body pillow ยังไงก็ไม่เหมือน bolster T^T - ไม่ติดคะ เเต่ติดชอบนอนกอดผ้าห่มปั้นๆเป็นก้อนเเล้วก็กอด~ gift card มันก็เหมือนบัตรเดบิต visa/master card/AMEX ทั่วไป ต่างแค่ว่าใส่จำนวนเงินไว้เท่าไหนก็ใช้ได้แค่นั้น เช่นใส่ไว้ $100 ก็ใช้ได้ $100 แล้วเวลาซื้อก็จะมีค่าบัตรประมาณ $5.35 เงินจะอยู่ในนั้นได้ถึงวันที่หมดอายุหน้าบัตร ไม่มีค่ารายเดือนใดๆทั้งสิ้น -หมายถึงซื้อของครั้งนึงต้องเสียเงินอีก $5.35 หรือคะหรือว่า$5.35เป็นค่าทำบัตรอ่าคะ gift card นี่มันเหมือนแบบเราอยากให้ของขวัญใครแต่ไม่รู้จะซื้ออะไรให้ดีซื้อเป็น gift card ให้เค้าเอาไปซื้อของเองดีกว่า เพราะฉะนั้นอย่าได้งงเวลาซื้อแล้วเค้าถามว่าเอาไปให้เป็นของขวัญหรือ ส่วนใหญ่หน้าบัตรก็จะเป็นประมาณว่า happy birthday อะไรประมาณนี้ - โอเคคะ สงสัยมานานเหมือนกัน สู้ๆนะค่ะ ขอให้เข้าได้ตามที่หวังจะได้มาอยู่ที่เดียวกัน :) -สู้ๆงับ อีกตั้ง 2 ปีแนะคะพี่จะอยู่รอหนูเขาไหมคะเนี้ย    คุณ ยากแท้ ขอบคุณมากคะอาจติดเพื่อไปสักเเผ่นคะ   จากคุณ : pocky419 เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 15:50:34

ความคิดเห็นที่ 12 เราก็มีแพลนไปเรียนต่อเหมือนกัน แต่ตอนนี้รอกรีนการ์ดอยู่ ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ 555 กระทู้นี้เป็นประโยชน์มากเลย ขอบคุณน่ะค่ะ จะได้ซ้อมๆเตรียมเอาไว้ จากคุณ : maychaegyeong เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 19:33:55

ความคิดเห็นที่ 13 สายต่อปลั๊กไฟที่มีหลายๆหัวจากไทย เอามาใช้ที่อเมริกาไม่ได้ครับ ระบบไฟไม่เหมือนกัน ของไทยทำไว้สำหรับไฟ 220V ที่อเมริกาทำไว้สำหรับไฟ 110V ครับ จริงๆแล้วถ้าเอามาต่อก็คงไม่มีอะไร แต่ไม่ควรประหมาดเพราะไฟไม่เหมือนกันครับ เราก็จะไม่รู้ว่าถ้าใช้ไปนานๆแล้วจะมีอะไรมั้ย ขอให้โชคดีนะครับ อ้อ...อีกอย่างที่อยากเตือนไว้ให้รู้ ดินฟ้าอากาศที่รัฐนี้มันไม่ค่อยสดใส คือจะมืดๆมัวๆ จะเห็นได้ว่าพอแดดออกที คนออกมาแตกแดดกันใหญ่ ไปใหม่ๆอาจจะเหงาๆหน่อย ดินฟ้าอากาศก็ยิงพาไป อันนี้ตามที่เคยไป Seattle บ่อยๆนะครับ สังเกตุว่าเป็นแบบนั้น และก็อากาศค่อนข้างเย็นตลอด เพียงไม่ถึงกับหนาว คนอยู่รัฐ Washington คิดว่าเป็นมั้ยครับ จากคุณ : LeePablo773 เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 06:10:23

ความคิดเห็นที่ 14 Notebook ถ้ามีเครื่องเก่าๆๆ พอเล่นเน็ทได้ก้อยากแนะนำให้เอาติดตัวไปด้วย เพราะเมือ่ไปถึงใหม่ๆๆ จะได้มีโอกาสติดต่อตนที่เมืองไทย ค้นหาข้อมูลที่อยู่รอบตัว แผนที่ มองหาร้านค้า ตารางรถเมล์ และที่สำคัญเป็นตัวสำรองระหว่างที่รอซื้อเครื่องใหม่หรือเครื่องใดเครื่องหนึ่งเสีย เพราะอยู่คนเดียว มีปัญหาอะไรคุณจะได้สอบถามผู้อื่นได้ทันที ก่อนกลับเมืองไทยก็ขายไปหรือก็บริจาค Computer Programs เอาแผนมาหลายๆๆ อันหนอ่ยโดยเฉพาะ windows และก็โปรแกรมที่คุณต้องใช้ แต่ควรจะทดสอบเสียก่อนว่ามันติดตั้งได้สมบูรณ์ Image Programs อย่างเช่น Acronis แนะนำ มาติดตั้งกับเครื่องของคุณแล้วทำการ update อยุ่ตลอดเวลา เพื่อว่าถ้าคอมมีปัญหาคุณก็จะสามารถแก้ปัญหาด้วยตัวเองโดยการใช้ bakup images ที่มีอยุ่ เพราะค่าซอ่มไม่ถูกอย่างเมืองไทย โดนเฉพาะตัวคนเดียวต้องช่วยเหลือตัวเอง ถ้ามี portable External Hard drive ก็แนะนำอึกเช่นกัน Digital Camera ถ้ามีก็ติดมาด้วยก่อนเลย ไม่กินเนื่อที่มากนัก คุณจะได้มีโอกาสได้ถ่ายรูปใหม่ๆๆ ให้ทางบ้านคุณดู ว่าคุณอยุ่อย่างปลอดภัย เรียบร้อยดี ใหม่ๆๆ คนที่เมืองไทยเขาอย่ากเห็น และถ้ามี Memory สำหรับกลอ้งก็ติดมาด้วยเผื่อไว้ก็ดี สำหรับกล้องใหม่ในอนาคต กระเป๋าใส่กล้องถ้ามีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษก็เอามาด้วยเพราะที่นี่ขายกล้องไม่แถมกระเป๋าหรือ memory Credit Cards ถ้ามีในชื่อคุณก็ติดตัวมาสักใบ ยามกระทันหัน แจ้ง Bank คุณด้วยว่าจะนำไปใช้ต่างประเทศ ที่อยู่เป็นต่างประเทศ Prescription Glass/ contact Lenses ถ้าต้องใส่แว่นสายตาก็ให้วัดครั้งสุดท้ายก่อนมานิดหน่อย แล้วก็ตัดเผื่อมาด้วยอีก 1 ขุด เพราะที่นี่คุณต้องมีใบสั่งจากหมอตาถึงไปตัดได้หรือซื้อ Alarm Clock ถ้ามีแบบใช้ถ่านเล็กๆๆ พกพา ก็ติดมาใช้ก่อน แล้วค่อยมาซื้่อใหม่แบบใช้ไฟฟ้า Sewing Kits  เข็ม ด้าย ชุดเล็กๆๆ Cutter มีดตัดกระดาษก็ควรจะมี Waterproof Rain Coat เสื้อกันฝนที่มีหมวกคุมหัวในตัว อย่างดีสักนิด ฝนตกบ่อย Soap/Bath Tissue เอามาพอใช้สักชิ้นก็พอ สำหรับวันแรกๆๆ Bed Sheet อย่างน้อยวันแรกๆๆ ก็มีอะไรปูนอน Bath Rope ที่เป็นผ้าขนหนูหนาๆๆหน่อย หนาวววววววว Fork/spoon/cup/bowl อยางละชิ้น Cloth Towel  ผ้าขี้ริ้วสักผืน สำหรับห้องใหม่ที่อาจจะยังไม่สะอาด ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวด้วยว่า เมือ่คุณมาถึงใหม่ๆๆ ซึ่งยังคงต้องหมกมุ่นกับเรื่องที่พัก เรื่องการเรียน ลงทะเบียน ไหนจะมาถึงเมืองใหม่ๆๆ ยังไม่รู้ถนน หนทางได้ดี อากาศเย็นๆๆ และก็เสียดายเงินที่เอาซึ่งไม่อยากจะใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็น และด้วยความใหม่กับสถานที่ก็ยังไม่ทราบได้ว่าควรจะซื้อของที่ใด ในราคาเท่าใด สำหรับคนที่แนะนำให้คุณนั้น เขาทราบดีว่ามันควรจะซื้อด้วยราคาเท่าใด ที่เขาควรจ่าย ร้านไหนเป็นร้านที่ควรจะเข้าไปซื้อ สำหรับคุณเมื่อเหนื่อย หิว งง และไม่มีใครแนะนำอยู่ใกล้ๆๆ ไหนจะต้องดินทางด้วยรถเมล์ หรือเดินเป็นระยะทางไกลๆๆ แล้วการตัดสินใจมันผิดกันกลับคนที่อยู่ที่นี่เป็นเวลาพอสมควร  อย่างน้อยอาทิตย์ สองอาทิตย์แรก คุณจะไม่ต้องมากังวลเรื่องซื่อของอะไรมากนัก ไม่ต้องวิ่งออกไปหาซื้่อทุกวัน และก็ซือในราคาเต็มๆๆ แล้วจะรู้สึกเสียดายทีหลัง เมื่อคุณมีโอกาสปรับตัวได้มากกว่านี้ แล้วค่อยเปลี่ยนแปลง มองหาร้าน Thrift Store มองหาเสื้อผ้ามือสองที่ยังอยู่ในสภาพดีๆๆ เสื่อหนาวเป็นสิ่งที่ต้องหาซื่อ และก็กันน้ำจะเป็นอย่างดี  ซื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอ่านดู โดยเฉพาะวันอาทิตย์ ที่จะมีโฆษณา ร้านค้าใกล้กับที่คุณอยู่ เปรียบเทียบราคา ร้านอย่างเช่น 99 cents Dollar Store etc...เป็นต้นจะมีพวกเครื่องเขียนในราคาถูก ของใช้ในบ้าน ลองเข้าไปเดินดู อย่าเพิ่งไปซื้อตามร้านหรือห้างใหญ่ๆๆ เครื่องไฟฟ้าอย่าง Notebook / Digital Camera / Printer (Laser ประหยัดหมึก) ให้รอปรับตัว เรียนรู้อะไรมากกว่านี้สักนิด แล้วสอบถามหาซือจาก online ซึ่งจะถูกกว่าไปเดินซือตาม Electronic Store อย่าง Best Buy (Worst Buy)   Office Depot Staples OfficeMax นานๆๆ ถึงจะได้ของถูก โทรศัพท์กลับเมืองไทยก็ใช้ Calling Card ถึงจะถูก เมื่อใกล้เดินทางมาอเมริกา เข้ามาแนะนำตัวใหม่ แล้วจะหาเบอร์กับ code ให้นะครับ ฟรีๆๆ ไว้เริ่มต้น ถ้าจะเอามือถือมาถ้าเป็น Quad Band ก็อามาได้ หาซื่อ Sim แบบเติมไปก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่ตามแต่สถานการณ์ และ Promotion ตอนนั้น จากคุณ : A|E เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 08:20:24

ความคิดเห็นที่ 15 มีแต่ปลั๊กแบบนี้เท่านั้น จากคุณ : A|E เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 09:28:47

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องโทรศัพท์นี่ ถ้ามี gmail นะคะ ใช้เครื่องโน็ตบุ๊คโทรเลย   โทรในอเมริกาฟรีค่ะ  โทรไปเมืองไทย นาทีละ 2 เซนต์เท่านั้นเองค่ะ ใช้โทรได้ทั่วโลกแหละ ถูกมากๆค่ะ  ถ้าไม่มี gmail  ก็ไปเข้าบัญชีเสีย  ฟรีค่ะ ถ้าโน็ตบุ๊คมีกล้อง จะคุยแบบ Skype ได้เลย กระทู้นี้น่ารักจัง ทั้งคนถามคนตอบ อ่านเเล้ว สบายใจ จากคุณ : ป้านี่เอง (ป้านี่เอง) เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 11:31:00

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ A|E   Notebook ถ้ามีเครื่องเก่าๆๆ พอเล่นเน็ทได้ก้อยากแนะนำให้เอาติดตัวไปด้วย เพราะเมือ่ไปถึงใหม่ๆๆ จะได้มีโอกาสติดต่อตนที่เมืองไทย ค้นหาข้อมูลที่อยู่รอบตัว แผนที่ มองหาร้านค้า ตารางรถเมล์ และที่สำคัญเป็นตัวสำรองระหว่างที่รอซื้อเครื่องใหม่หรือเครื่องใดเครื่องหนึ่งเสีย เพราะอยู่คนเดียว มีปัญหาอะไรคุณจะได้สอบถามผู้อื่นได้ทันที ก่อนกลับเมืองไทยก็ขายไปหรือก็บริจาค - ขอบคุณมากเลยคะ เกรงใจจัง เรื่องNotebookไม่มีเองเป็นส่วนตัวนะคะ เลยตั้งใจว่าจะไปซื้อที่นู่นเลย ถ้ามีอะไรก็จะติดต่อทางบ้านทางโทรศัพท์ไปก่อนนะคะ Computer Programs เอาแผนมาหลายๆๆ อันหนอ่ยโดยเฉพาะ windows และก็โปรแกรมที่คุณต้องใช้ แต่ควรจะทดสอบเสียก่อนว่ามันติดตั้งได้สมบูรณ์ - อ่า ที่นู่นเวลาซื้อเเล้วเขาไม่มีWindow ให้หรือคะ Image Programs อย่างเช่น Acronis แนะนำ มาติดตั้งกับเครื่องของคุณแล้วทำการ update อยุ่ตลอดเวลา เพื่อว่าถ้าคอมมีปัญหาคุณก็จะสามารถแก้ปัญหาด้วยตัวเองโดยการใช้ bakup images ที่มีอยุ่ เพราะค่าซอ่มไม่ถูกอย่างเมืองไทย โดนเฉพาะตัวคนเดียวต้องช่วยเหลือตัวเอง ถ้ามี portable External Hard drive ก็แนะนำอึกเช่นกัน - เดียวจะลองไปหาข้อมูลดูคะ มันเป็นโปรเเกรมเเท้ใช่ไหมคะ ไม่รู้จักนะคะ Digital Camera ถ้ามีก็ติดมาด้วยก่อนเลย ไม่กินเนื่อที่มากนัก คุณจะได้มีโอกาสได้ถ่ายรูปใหม่ๆๆ ให้ทางบ้านคุณดู ว่าคุณอยุ่อย่างปลอดภัย เรียบร้อยดี ใหม่ๆๆ คนที่เมืองไทยเขาอย่ากเห็น และถ้ามี Memory สำหรับกลอ้งก็ติดมาด้วยเผื่อไว้ก็ดี สำหรับกล้องใหม่ในอนาคต กระเป๋าใส่กล้องถ้ามีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษก็เอามาด้วยเพราะที่นี่ขายกล้องไม่แถมกระเป๋าหรือ memory - เเหะๆ ทั้งบ้านมีกล้องอยู่ตัวเดียวเองคะ ตั้งใจว่าไปอยู่ที่นั้นเก็บตังเองเเล้วค่อยซื้อเป็นของตัวเอง ขอถามเพิ่มได้ไหมคะที่อเมริกาเวลาซื้อกล้องเขาเเถมพวก เมมโมรีให้เหมือนที่ไทยไหมคะเเล้วก็พวกสายUSBนะคะ เเต่ก็จะเพื่อการ์ดรีดเดอร์ไปด้วยสำรองคะ Credit Cards ถ้ามีในชื่อคุณก็ติดตัวมาสักใบ ยามกระทันหัน แจ้ง Bank คุณด้วยว่าจะนำไปใช้ต่างประเทศ ที่อยู่เป็นต่างประเทศ - โอเคคะ ตอนนี้เล่งของไทยพานิชย์อยู่คะ Prescription Glass/ contact Lenses ถ้าต้องใส่แว่นสายตาก็ให้วัดครั้งสุดท้ายก่อนมานิดหน่อย แล้วก็ตัดเผื่อมาด้วยอีก 1 ขุด เพราะที่นี่คุณต้องมีใบสั่งจากหมอตาถึงไปตัดได้หรือซื้อ - มีเเว่นเเต่ไม่ค่อยใส่คะ ใส่เเค่เวลาเจ็บตาเอง คิดว่าคงเอาผ้าเช็ดเเว่นสำรองไปอย่างเดียว Alarm Clock ถ้ามีแบบใช้ถ่านเล็กๆๆ พกพา ก็ติดมาใช้ก่อน แล้วค่อยมาซื้่อใหม่แบบใช้ไฟฟ้า -รับทราบงับ เดียวจะเอาไปด้วย 1 เรือนคะ Sewing Kits  เข็ม ด้าย ชุดเล็กๆๆ -อ่า เย็บผ้าไม่เป็น เเต่จะเอาไปเพื่อคะ Cutter มีดตัดกระดาษก็ควรจะมี - เตรียมพร้อมคะ Waterproof Rain Coat เสื้อกันฝนที่มีหมวกคุมหัวในตัว อย่างดีสักนิด ฝนตกบ่อย -ไปซื้อที่อเมริกาจะถูกกว่าไหมคะ พอดีที่บ้านมีอยู่เเค่ตัวเดียวนะคะ ไม่ยากขนไปเยอะด้วยกลัวหนักกระเป๋านะคะ Soap/Bath Tissue เอามาพอใช้สักชิ้นก็พอ สำหรับวันแรกๆๆ - เตรียมพร้อมงับซื้อขวดเล็กๆไปคะ Bed Sheet อย่างน้อยวันแรกๆๆ ก็มีอะไรปูนอน -กะว่าจะเอาผ้าห่มบางๆไปเพื่อผืนนึงคะ เเต่เป็นหอของเเคมปัสคิดว่าหน้าจะมีให้อยู่เเล้่วเเต่จะเพื่อไว้คะ Bath Rope ที่เป็นผ้าขนหนูหนาๆๆหน่อย หนาวววววววว -เอาไปโล้ด 3 ผืนเลยคะถ้าที่พอเอาไปเพิ่มอีกผืน Fork/spoon/cup/bowl อยางละชิ้น - โอ้เคงับ จดๆๆ Cloth Towel  ผ้าขี้ริ้วสักผืน สำหรับห้องใหม่ที่อาจจะยังไม่สะอาด -ได้คะ คุณเเม่ก็เตือนเรื่องนี้เหมือนกัน จดๆๆๆ ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวด้วยว่า เมือ่คุณมาถึงใหม่ๆๆ ซึ่งยังคงต้องหมกมุ่นกับเรื่องที่พัก เรื่องการเรียน ลงทะเบียน ไหนจะมาถึงเมืองใหม่ๆๆ ยังไม่รู้ถนน หนทางได้ดี อากาศเย็นๆๆ และก็เสียดายเงินที่เอาซึ่งไม่อยากจะใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็น และด้วยความใหม่กับสถานที่ก็ยังไม่ทราบได้ว่าควรจะซื้อของที่ใด ในราคาเท่าใด สำหรับคนที่แนะนำให้คุณนั้น เขาทราบดีว่ามันควรจะซื้อด้วยราคาเท่าใด ที่เขาควรจ่าย ร้านไหนเป็นร้านที่ควรจะเข้าไปซื้อ สำหรับคุณเมื่อเหนื่อย หิว งง และไม่มีใครแนะนำอยู่ใกล้ๆๆ ไหนจะต้องดินทางด้วยรถเมล์ หรือเดินเป็นระยะทางไกลๆๆ แล้วการตัดสินใจมันผิดกันกลับคนที่อยู่ที่นี่เป็นเวลาพอสมควร  อย่างน้อยอาทิตย์ สองอาทิตย์แรก คุณจะไม่ต้องมากังวลเรื่องซื่อของอะไรมากนัก ไม่ต้องวิ่งออกไปหาซื้่อทุกวัน และก็ซือในราคาเต็มๆๆ แล้วจะรู้สึกเสียดายทีหลัง เมื่อคุณมีโอกาสปรับตัวได้มากกว่านี้ แล้วค่อยเปลี่ยนแปลง มองหาร้าน Thrift Store มองหาเสื้อผ้ามือสองที่ยังอยู่ในสภาพดีๆๆ เสื่อหนาวเป็นสิ่งที่ต้องหาซื่อ และก็กันน้ำจะเป็นอย่างดี  ซื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอ่านดู โดยเฉพาะวันอาทิตย์ ที่จะมีโฆษณา ร้านค้าใกล้กับที่คุณอยู่ เปรียบเทียบราคา ร้านอย่างเช่น 99 cents Dollar Store etc...เป็นต้นจะมีพวกเครื่องเขียนในราคาถูก ของใช้ในบ้าน ลองเข้าไปเดินดู อย่าเพิ่งไปซื้อตามร้านหรือห้างใหญ่ๆๆ - โอ้มีประโยชน์มากเลยคะ  ขอบคุณมากเลยคะ กลัวว่าจะไปเจอเเต่ของเเพงๆเเล้วไม่กล้าซื้อนะคะ เเบบนี้ประหยัดเงินได้เยอะเลยคะ เครื่องไฟฟ้าอย่าง Notebook / Digital Camera / Printer (Laser ประหยัดหมึก) ให้รอปรับตัว เรียนรู้อะไรมากกว่านี้สักนิด แล้วสอบถามหาซือจาก online ซึ่งจะถูกกว่าไปเดินซือตาม Electronic Store อย่าง Best Buy (Worst Buy)   Office Depot Staples OfficeMax นานๆๆ ถึงจะได้ของถูก -คะ อันนี้เล่งของdell ไว้เเล้วคะกะว่าจะติดต่อซื้อกับทางบริษัทเองเลยคะ เพราะได้สเปกที่ถูกใจในงบที่ต้องการคะ เเถมประกันสุดยอดจะซื้อเเบบ 3 ปีไว้เลย โทรศัพท์กลับเมืองไทยก็ใช้ Calling Card ถึงจะถูก เมื่อใกล้เดินทางมาอเมริกา เข้ามาแนะนำตัวใหม่ แล้วจะหาเบอร์กับ code ให้นะครับ ฟรีๆๆ ไว้เริ่มต้น -ขอบคุณมากคะ เเต่ซื้อที่ไหนหรือคะ ถ้าจะเอามือถือมาถ้าเป็น Quad Band ก็อามาได้ หาซื่อ Sim แบบเติมไปก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่ตามแต่สถานการณ์ และ Promotion ตอนนั้น - ขอบคุณคะ ตั้งใจไว้เช่นนั้นคะ   ขอบคุณคุณA|E  มากเลยคะมีประโยชน์มากที่เดียวครบถ่วนด้วยขอบคุฯมากคะ จากคุณ : pocky419 เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:18:09

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ ป้านี่เอง เรื่องโทรศัพท์นี่ ถ้ามี gmail นะคะ ใช้เครื่องโน็ตบุ๊คโทรเลย   โทรในอเมริกาฟรีค่ะ  โทรไปเมืองไทย นาทีละ 2 เซนต์เท่านั้นเองค่ะ ใช้โทรได้ทั่วโลกแหละ ถูกมากๆค่ะ  ถ้าไม่มี gmail  ก็ไปเข้าบัญชีเสีย  ฟรีค่ะ ถ้าโน็ตบุ๊คมีกล้อง จะคุยแบบ Skype ได้เลย - โอ้ ขอบคุณมากเลยคะหนูมีgmailเเล้วคะ เเต่ยังไม่ทราบวิธีจะไปใช้กับskypeเดียวจะลองไปศึกษาหาดูคะ กระทู้นี้น่ารักจัง ทั้งคนถามคนตอบ อ่านเเล้ว สบายใจ -เช่นกันคะ ถ้ากระทู้นี้มีประโยชน์ต่อทุกคนด้วยหนูก็ดีใจคะ^O^     จากคุณ : pocky419 เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 18:21:01

ความคิดเห็นที่ 19 ที่แปลงมีหน้าที่แปลงปลั๊กต่อ เรียกกันว่า "สามตา"  เดี๋ยวไปซื้อ คนขายไม่รู้เรื่อง ติดไปด้วย วิตามินซี แบล็คมอล 1 กระปุกกินเนื้อที่มากๆๆๆ  ไม่เอาไปดีกว่า เพราะส่วนใหญ่เราก็ไปซื้อของประเภทนี้มาจากอเมริกา  เอาอย่างอื่นที่จำเป็นดีกว่า  เช่น  ผอนม  อันนี้เห็นด้วยอย่างมาก ยาเเก้ปวดหัว กับ ไทลินอน ไม่เหมือนกันหรือ   ยาแก้ท้องเสีย เราชอบของอเมริกามากๆๆ ไปซื้อที่ Walgreens เขียนว่า Anti-Diarrheal ผ้าเช็ดตัว ควรเอาผืนเล็กๆบางๆ ไปก่อนสักผืน ไว้ใช้วันแรก หรือไว้ใช้เวลาเดินทาง เสื้อฝนบางๆติดไปสักครึ่งโหล แบบตัวละ 15 บาท มีทั้งแบบผีเสื้อและแบบธรรมดา SD card สำหรับกล้อง  คิดว่ากล้องส่วนใหญ่ใช้ SD card  นะ  กล้องที่อเมริกาถูกกว่าไทยนะ เห็นด้วยพวกเครื่องเขียนทั้งหลาย เอามาเยอะๆๆ จากคุณ : MAOK เขียนเมื่อ : 22 ก.ค. 54 23:50:40

ความคิดเห็นที่ 20 - อ่า ที่นู่นเวลาซื้อเเล้วเขาไม่มีWindow ให้หรือคะ มีครับ แต่หมายถึงเครื่องที่จะเอามาจากเมืองไทย เดียวจะลองไปหาข้อมูลดูคะ มันเป็นโปรเเกรมเเท้ใช่ไหมคะ ไม่รู้จักนะคะ เมื่อคุณมาอยู่ที่นี่คนเดียว ทุกอย่างก็ต้องช่วยเหลือตัวเอง 2 ปีผ่านไป ข้อมูลถ้าเก็บไว้ในเครื่องเยอะ ก็จะทำให้เครื่องทำงานช้าลง และเมื่อซื้อแล้ว เขาให้ recovery partition มาซึ่งจะช่วย ได้แค่ให้คอมกลับคืนมาเหมือนเมื่อซื้อมาใหม่ๆ แต่ถ้าใช้ไปนานๆๆ คุณลงโปรแกรม เก็บข้อมูลมากพอควร เมื่อเสียก็ไม่สามารถที่จะกู้ข้อมูลกลับคืนมา จึงอยากให้ลง Acronis True Image Home ทำงานเหมือน Ghost แต่กิน พลีงงานหน้อยกว่าและง่ายต่อการใช้ คุณสามารถเก็บ image ไว้เรื่อยๆๆ มีปัญหาตรงจุดไหนก็แก้ได้ตรงนั้น แต่ image ที่ว่านี้มักจะเก็บไว้ภายนอกเครื่องเช่น external portable drive. เพียง ช่วยให้คุณสบายใจขึ้นได้มากถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา - เเหะๆ ทั้งบ้านมีกล้องอยู่ตัวเดียวเองคะ ตั้งใจว่าไปอยู่ที่นั้นเก็บตังเองเเล้วค่อยซื้อเป็นของตัวเอง ขอถามเพิ่มได้ไหมคะที่อเมริกาเวลาซื้อกล้องเขาเเถมพวก เมมโมรีให้เหมือนที่ไทยไหมคะเเล้วก็พวกสายUSBนะคะ เเต่ก็จะเพื่อการ์ดรีดเดอร์ไปด้วยสำรองคะ ไม่มีของแถมอะไรทั้งนั้นส่วนมาก นอกจากเขาจะขายเป็นชุด แต่ถ้ากล้องก็คือได้แต่กล้อง ถ้าโทรศัพท์ unlocked มีกล้องด้วยก็เอามาถูๆๆ ไถๆๆ ไปก่อน -ไปซื้อที่อเมริกาจะถูกกว่าไหมคะ พอดีที่บ้านมีอยู่เเค่ตัวเดียวนะคะ ไม่ยากขนไปเยอะด้วยกลัวหนักกระเป๋านะคะ เมื่อคุณมาหาซื้อเสื้อหนาวบวกกับกันฝน ซึ่ง seattle จะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่่ถ้าเห็นราคาแล้วคุณอาจจะหนาวมากขึ้น ช่วงที่อากาศร้อน ไปเดินตามร้าน Thrift Store เดินดูหลายๆๆ ร้าน หลายๆๆ วันอาจจะเจอของสภาพใหม่ราคาถูก แล้วก้มองหากระเป๋าใส่หนังสือ หรือ notebook ที่กันน้ำได้ด้วยก้จะดี จะเป็น messenger bag หรือ backpack ที่กันน้ำได้ถ้าฝนตก -เอาไปโล้ด 3 ผืนเลยคะถ้าที่พอเอาไปเพิ่มอีกผืน อันนี้หมายถึงที่เป็นเสื้อคลุมทั้งตัวทำด้วยผ้าขนหนู -คะ อันนี้เล่งของdell ไว้เเล้วคะกะว่าจะติดต่อซื้อกับทางบริษัทเองเลยคะ เพราะได้สเปกที่ถูกใจในงบที่ต้องการคะ เเถมประกันสุดยอดจะซื้อเเบบ 3 ปีไว้เลย ถ้าจะซิ้อของ Dell ก็ลองเข้าไปที่ http://www.techbargains.com/ ก่อนเพื่อมองหา code สำหรับลดราคา ทำตามขึ้นตอนที่เขาแนะนำ อยาด่วนตรงไปซือทันที อาจจะแพงกว่าถ้าไม่หาอ่านในเวป หรือ boardsหาซื้อของถูก ไม่ว่าจะซื่ออะไรก็ตาม -ขอบคุณมากคะ เเต่ซื้อที่ไหนหรือคะ Calling Cards ถ้ามาใหม่ๆๆ มองหา ตลาดไทย เวียดนาม จีน หรือพวกต่างช่าติ หรือไม่ก้ร้าน liquer Store เขาจะ มีโปสเตอร์ปิดไว้ ว่าโทรไปประเทศไหนได้บ้าง คิดราคาอย่างไร นาทีละเท่าไร เลือกซื้อที่สามารถใช้เบอร์ท้องถิ่น หรือ 800 number (โทรฟรี) แต่ละการ์ดไม่เหมือนกันมันหักโน่น นี่ ต้องประสบการณ์ หรือมองหาตลาดไทย นานหน่อยแล้วจะหาซื่อทางเน็ท หรือซื้อเป็นเดือนไม่จำกัดก็มี ถ้าต้องการซื้อบริการโทรศัพท์ Mobile ก็ http://www.prepaidreviews.com/ แต่แนะนำให้ไปซือตาม China Town ร้านคนจีน หรือไม่ก็ คนเวียดนาม ถ้าตอ้งรู้ว่าร้านไหนที่จะไปว่าดีหรือไม่ก็ลองเข้าไปอ่าน www.yelp.com เลือกเมืองที่คุณพักอยู่แล้วก็ว่าใครเขาแนะนำอะไรไว้บ้าง แต่อย่าไปซื้่อกับร้านขายโดยตรง แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 54 07:29:49 จากคุณ : A|E เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 00:24:18

ความคิดเห็นที่ 21 แค่สองปีเรายังอยู่แน่นอนค่ะ พึ่งอยู่ปีสองเองค่ะ ดินฟ้าอากาศที่นี่ไม่ค่อยปรกติจริงค่ะ แดดออก ฝนตก ลมเย็น ได้ในหนึ่งวัน ควรจะเช็คพยากรณ์อากาศให้ดีก่อนออกไปไหนทุกครั้ง ส่วน $5.35 นี่คือค่าบัตรค่ะ เสียครั้งเดียวตอนซื้อ ถ้ามีโอกาสไปพวก outlet จะดีมากเพราะของถูกจริงจังเราก็ไปซื้อพวกเสื้อหนาวแล้วก็เสื้อกันลม+ฝนของColumbiaมาได้ในราคาที่รับได้ แนะนำว่าให้มีเสื้อหนาวที่หนาๆนิดนึงที่มีฮู้ดเอาไว้ใส่เวลาที่มันไม่หนาวมากแล้วฝนตกเปาะแปะ แล้วก็ซื้อตัวหนอนเอาไว้ใส่เวลาหนาวมากๆก็จะดีอยู่นะ จากคุณ : thelilminime เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 06:59:47 A:128.208.47.198 X: TicketID:323484

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อมาถึง Seattle แล้วเบื่อหรือเหงา ไม่รู้จะทำอะไรก็ลองเดิน แล้วก็นั่งรถเมล์เข้ามาใน Downtown Seattle ซึ่งเขาจะมีรถเมล์บริการระหว่าง 6 am - 7 pm ที่อยู่ในเขต Free Zone ขึ้นที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องจ่ายเงิน ขึ้นประตูหน้า ลงประตูหลังตามธรรมเนียม แต่ถ้าเผลอออกนอก Free Zone วันธรรมดาก็เสียเงินขาลง เตรียมเศษสตางค์ให้เขาด้วยอย่างน้อยก็ 2.50 เหรียญ เมื่ออยู่ใน Downtown แล้วก็ดูแผนที่ให้ดี เพราะบางถนนมันลาดชันมาก ต้องเดินขึ้นบันใด เหนี่อยกว่าเดินทางลาดชัน นอกจากนี้เขายังมีรถเมล์สาย Waterfront street car route 99 นั่งไม่เสียเงินไปถึง  Chinatown แต่ที่สำคัญคือเวลาขึ้นรถเมล์จาก sccc ให้เดินมาตามถนน Pine St (ตามรูปข้างล่าง) จนถึงถนน 9 th AVE. เส้นทางนี้ไกลประมาณ 0.5 ไมล์ คุณก้ไม่ต้องเสียเงิน 2.50 เหรียญ ถ้าอยู่ในระหว่าง Free Zone ถ้าขึ้นก่อน หนึ่งป้ายรถเมล์ก็เสียเงินนะครับ อันนี้ก็แล้วแต่จะพิจารณา ถ้าหลายๆๆ วันมันก็หลายเหรียญ ประหยัด ประหยัดดดด ลองไปเดินเที่ยวที่ Pike Place Market ตอนเช้าๆๆ ดูเขาโยนปลาในตลาด แล้วก็แวะดูร้าน Starbuck ร้านแรกที่เขาตั้งขึ้นมา ถ้าเป็นวันหยุดก็จะมีร้านขายของมาตั้งซุ้มขาย หรือจะนั่งเรือข้ามฝากไปเที่ยวเกาะ หรือดูแสงไฟของเมือง Seattle ยามค่ำคืน ขึ้นที่ท่าเรื่อ Bainbridge Ferry ถ้าจำไม่ผิด ราคาไม่แพงมากนัก หาอะไรทำแก้เหงาไม่ก่อน หรือไม่ก็ไปเดินแถว Space Needle ก็ได้ ถ้าไปไหนมาไหนคิดว่าจะไปซื้อของก็มองหา ถุงใบใหญ่ๆๆ แข็งแรงหนอ่ย เพราะไม่ทราบว่าที่ Seattle เขามีกฏหมายเเรื่องถุง plastic หรือไม่ คือเขาให้ผู้ซื้อเอาถุงมาขนของเองตามตลาดต่างๆๆ ไม่อย่างนั้นเขาคิดเงิน หรือไม่ก็หา Backpack ที่มีลูกล้อ จะได้ไม่เหนื่อยเพราะต้องเดินเยอะ แผนที่ใน Downtown Seattle http://www.visitseattle.org/Images/Maps/MapDowntown-(2).pdf http://metro.kingcounty.gov/maps/downtown-seattle-service.html แฟนที่นั่งฟรี วันธรรมดา Ride Free Area from 6 am - 7 pm http://metro.kingcounty.gov/tops/bus/area_maps/m_seattle-rfa.html http://metro.kingcounty.gov/tops/wfsc/index.html จากคุณ : A|E เขียนเมื่อ : 23 ก.ค. 54 09:17:52

ความคิดเห็นที่ 23 คุณ thelilminime   แค่สองปีเรายังอยู่แน่นอนค่ะ พึ่งอยู่ปีสองเองค่ะ -โอเคคะ กว่าจะถึงตอนนั้นไม่รู้จะรู้รึเปล่าว่าเคยคุยกัน หุหุ ดินฟ้าอากาศที่นี่ไม่ค่อยปรกติจริงค่ะ แดดออก ฝนตก ลมเย็น ได้ในหนึ่งวัน ควรจะเช็คพยากรณ์อากาศให้ดีก่อนออกไปไหนทุกครั้ง -โอ้ ขอบคุณมากคะ ส่วน $5.35 นี่คือค่าบัตรค่ะ เสียครั้งเดียวตอนซื้อ -อ้อ เเพงเหมือนกันนะคะเนี้ย ถ้ามีโอกาสไปพวก outlet จะดีมากเพราะของถูกจริงจังเราก็ไปซื้อพวกเสื้อหนาวแล้วก็เสื้อกันลม+ฝนของColumbiaมาได้ในราคาที่รับได้ แนะนำว่าให้มีเสื้อหนาวที่หนาๆนิดนึงที่มีฮู้ดเอาไว้ใส่เวลาที่มันไม่หนาวมากแล้วฝนตกเปาะแปะ แล้วก็ซื้อตัวหนอนเอาไว้ใส่เวลาหนาวมากๆก็จะดีอยู่นะ -ขอบคุณมากเลยคะ   คุณ A|E เมื่อมาถึง Seattle แล้วเบื่อหรือเหงา ไม่รู้จะทำอะไรก็ลองเดิน แล้วก็นั่งรถเมล์เข้ามาใน Downtown Seattle ซึ่งเขาจะมีรถเมล์บริการระหว่าง 6 am - 7 pm ที่อยู่ในเขต Free Zone ขึ้นที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องจ่ายเงิน ขึ้นประตูหน้า ลงประตูหลังตามธรรมเนียม แต่ถ้าเผลอออกนอก Free Zone วันธรรมดาก็เสียเงินขาลง เตรียมเศษสตางค์ให้เขาด้วยอย่างน้อยก็ 2.50 เหรียญ เมื่ออยู่ใน Downtown แล้วก็ดูแผนที่ให้ดี เพราะบางถนนมันลาดชันมาก ต้องเดินขึ้นบันใด เหนี่อยกว่าเดินทางลาดชัน นอกจากนี้เขายังมีรถเมล์สาย Waterfront street car route 99 นั่งไม่เสียเงินไปถึง  Chinatown แต่ที่สำคัญคือเวลาขึ้นรถเมล์จาก sccc ให้เดินมาตามถนน Pine St (ตามรูปข้างล่าง) จนถึงถนน 9 th AVE. เส้นทางนี้ไกลประมาณ 0.5 ไมล์ คุณก้ไม่ต้องเสียเงิน 2.50 เหรียญ ถ้าอยู่ในระหว่าง Free Zone ถ้าขึ้นก่อน หนึ่งป้ายรถเมล์ก็เสียเงินนะครับ อันนี้ก็แล้วแต่จะพิจารณา ถ้าหลายๆๆ วันมันก็หลายเหรียญ ประหยัด ประหยัดดดด -ขอบคุณมากเลยคะที่เเนะนำ เเต่ก็ยังงงอยู่นะคะ คิดว่าไปเเล้วอีกสักพักก็น่าจะปรับตัวได้ ลองไปเดินเที่ยวที่ Pike Place Market ตอนเช้าๆๆ ดูเขาโยนปลาในตลาด แล้วก็แวะดูร้าน Starbuck ร้านแรกที่เขาตั้งขึ้นมา ถ้าเป็นวันหยุดก็จะมีร้านขายของมาตั้งซุ้มขาย หรือจะนั่งเรือข้ามฝากไปเที่ยวเกาะ หรือดูแสงไฟของเมือง Seattle ยามค่ำคืน ขึ้นที่ท่าเรื่อ Bainbridge Ferry ถ้าจำไม่ผิด ราคาไม่แพงมากนัก หาอะไรทำแก้เหงาไม่ก่อน หรือไม่ก็ไปเดินแถว Space Needle ก็ได้ - เเอบเที่ยวถนัดคะ อ่ะ..ไม่ใช่ๆเอาไว้เดียวเที่ยวช่วงวันหยุดว่างๆคะไปช่วงเเรกคงยัง เเหะๆ ถ้าไปไหนมาไหนคิดว่าจะไปซื้อของก็มองหา ถุงใบใหญ่ๆๆ แข็งแรงหนอ่ย เพราะไม่ทราบว่าที่ Seattle เขามีกฏหมายเเรื่องถุง plastic หรือไม่ คือเขาให้ผู้ซื้อเอาถุงมาขนของเองตามตลาดต่างๆๆ ไม่อย่างนั้นเขาคิดเงิน หรือไม่ก็หา Backpack ที่มีลูกล้อ จะได้ไม่เหนื่อยเพราะต้องเดินเยอะ -รับทราบงับ ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติ่ม ขอบคุณคะ   จากคุณ : pocky419 เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 06:02:00

ความคิดเห็นที่ 24 -ขอบคุณมากเลยคะที่เเนะนำ เเต่ก็ยังงงอยู่นะคะ คิดว่าไปเเล้วอีกสักพักก็น่าจะปรับตัวได้ เขียนเองก็ยังงงเหมือนกันละครับ อธิบายใหม่ เพราะมาถึงแล้วมันสำคัญพอสมควร กล่าวคือในช่วงเช้าถึงเย็น รถเมล์ใน Downtown Seattle เขตแออัด เขาไม่อย่ากให้มีรถยนต์ส่วนตัวเข้ามาวิ่งให้การจราจรติดขัด เขาก็เลยกำหนดว่ารถเมล์ที่วิ่งอยู่ในเขต ตั้งแต่ถนนนี้ จนถึงถนนนี้ ใครขึ้นแล้วไม่ต้องเสียเงินถ้ารถเมล์ยังวิ่งอยู่ในเขตนั้นๆๆ คือถ้าคุณนั่งรถเมล์ สาย 11 จากหน้า SCCC วิ่งบนถนน pine street เข้ามาใน Downtown จะมาซื่อของ หรืออะไรก้ตาม (ดูรูปข้างบนประกอบ) คุณก็ต้องจ่ายค่ารถเมล์ 2.50 เหรียญ เมื่อรถเมล์วิ่งผ่านถนน BOREN ave. แล้วมันกลายเป็นเขต FREE zone (ที่เขาระบายเส้นไข่ปลาไว้รอบๆ) http://metro.kingcounty.gov/maps/downtown-seattle-service.html แต่ถ้าคุณเดินจาก SCCC มาบนถนน PINE ST.(ตามรูปแผนที่ข้างบน) เดินผ่านถนน BOREN ave. มาขึ้นรถเมล์หัวมุมถนน 9 th.ave. (ตัวอักษร B ในรูป) คุณก็ไม่ต้องจ่ายเงินค่ารถเมล์แล้ว แม้เพียงป้ายรถเมล์เดียวก่อนถนน BOREN ave. คุณก็ต้องเสียเงิน 2.50 เหรียญ ทั้งไปและกลับก็วันละ 5.00 เหรียญ ฉนั้นเดินเอานิดหน่อยจะช่วยคุณได้มาก โชคดีครับ.. จากคุณ : A|E เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 12:09:22

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ A|E ขอบคุณมากเลยคะที่กลับมาอธิบายให้ฟังอีกครั้ง ครั้งนี้เข้าใจกระจางเลยคะ นึกภาพตามเเล้วไม่ยากโอเคคะ เเต่ยังไงก็คือช่วง Free zone เขาจะเปิดเเค่เวลา 6 am - 7 pm  เเค่นี้ใช่ไหมคะ จากคุณ : pocky419 เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 13:26:11

ความคิดเห็นที่ 26 แม่นแล้ว จากคุณ : A|E เขียนเมื่อ : 24 ก.ค. 54 21:44:47